Chapter :: Special Sky :: พระอาทิตย์สีเทอร์ควอยซ์ (II)‘มันคงเป็นความรัก’ ผมบอกตัวเองไปแบบนั้น
แหงล่ะ แล้วคุณจะให้ผมไปบอกเรื่องนี้กับใครนอกจากตัวเองได้อีกเล่า? ก็ในเมื่อตอนนี้คนที่ผมแอบหลงรักอยู่มันดันมีสถานะเป็น ‘เพื่อนสนิท’ ของผมซะเอง
ครับ.. ผมกำลังพูดถึงไอ้ซินเซียร์ตัวแสบคนนั้นล่ะ
ฟังเหมือนจะโรแมนติก.. แต่การเผลอใจไปรักคนที่ไม่สมควรรักมันก็คือ ‘หายนะ’ ดีๆ นี่เอง
..เชื่อผมสิ
ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา มีเหตุการณ์มากมายหลายอย่างที่ทำให้ผมกับซินได้กลายเป็นเพื่อนสนิทกันในที่สุด เรากลายเป็นคู่ซี้ปาท่องโก๋ ที่ไหนมีซินที่นั่นต้องมีผม และที่ไหนมีผมที่นั่นก็ย่อมจะมีซิน มันกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันของพวกเราไปแล้ว
แต่สิ่งที่ผิดปกติไปก็คือ..ความรู้สึกของผมเอง
เหตุผลทั้งหมดของความ ‘อยาก’ ..อยากรู้จัก อยากอยู่ใกล้ อยากเห็นรอยยิ้ม อยากได้ยินเสียงหัวเราะ และพร้อมที่จะแลกทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งเหล่านั้นมา.. ความรู้สึกแปลกๆ ทั้งหมดที่ผมทำเป็นมองข้ามและพยายามจะไม่ใส่ใจมาตลอด..
ตอนนี้ผมรู้ชัดหมดแล้วว่า...มันคือความรัก
นับวันมันจะยิ่งมากล้น...เสียจนผมเองยังแอบกลัว
กลัวว่าจะเก็บเอาไว้ไม่อยู่.. กลัวว่าจะปิดเอาไว้ไม่มิด.. กลัวว่าสิทธิ์ที่ได้เข้าใกล้ของผมจะหายไป ที่ยืนของผมจะหายไป.. รวมทั้งความไว้วางใจที่เคยได้รับมาด้วย
แม้จะเล็กน้อย.. แต่ผมก็ยังไม่พร้อมที่จะสูญเสีย
ผมรู้ว่าซินไม่มีวันที่จะคิดแบบเดียวกัน ไม่มีทางที่เราจะใจตรงกันได้ หมอนั่นขีดเส้นกั้นแบ่งระดับความสัมพันธ์ไว้อย่างชัดเจน และคนที่ได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้มากที่สุดก็ไม่ใช่เพื่อนสนิทอย่างผม
แต่ยิ่งได้เห็น ยิ่งได้ใกล้ ..ก็ยิ่งอยากครอบครอง
ผมต้องใช้เวลาอยู่พักใหญ่ในการทำความเข้าใจกับตัวเอง ตอกย้ำสถานะของตัวเอง และสิ่งที่ตัวเองควรจะกระทำ ..ผมเป็นเพื่อน เป็นได้แค่เพื่อน และควรจะทำตัวเป็นเพียงเพื่อนเท่านั้น ..นั่นเป็นสิ่งที่ผมต้องจำให้ขึ้นใจ
แต่หลายครั้งก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหึงผู้หญิงที่ซินควง หวงทุกคนที่เข้าใกล้..
ลึกๆ แล้วผมไม่ต้องการให้ใครหน้าไหนทั้งนั้นได้เห็นรอยยิ้มอันแสนเจิดจ้าของซิน ผมอยากจะกอดเก็บพระอาทิตย์สีฟ้าดวงนั้นไว้กับตัวเพียงคนเดียว
แม้แต่กับซัน.. ผมก็ยังเคยรู้สึกอิจฉาที่มันได้อยู่ใกล้ซินมากกว่าผม จนพาลคิดไปว่า...ถ้าไม่มีมันสักคน ผมก็คงจะเป็นคนที่สำคัญที่สุด.. ได้รับความไว้วางใจที่สุด.. และอยู่ใกล้ได้มากที่สุด
ผมเป็นไปได้ถึงขนาดนั้น..?
ผมคงเลยขั้น ‘บ้า’ เข้าใกล้ขั้น ‘คลั่ง’ เข้าไปทุกที
ไม่เคยนึกเคยฝันมาก่อนว่าตัวเองจะมีด้านมืด...ที่มืดได้ถึงเพียงนี้?
ผมเริ่มกลัวสิ่งที่ตัวเองคิด.. จนมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมพยายามหลบหน้าซิน แอบเจ็บปวดนิดหน่อยเหมือนกันที่หมอนั่นไม่ได้มีท่าทีเดือดร้อนอะไรกับการห่างหายไปของผม เพราะถึงจะไม่มีผมอยู่ ซินมันก็ยังมีผู้หญิงอีกมากมายที่พร้อมจะอยู่เป็นเพื่อน หรือถ้ามันเบื่อ มันก็แค่กลับไปหาน้องชายที่แสนสำคัญของมัน ..ก็แค่นั้น
ถึงอยากจะตัดพ้อ แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะไปตัดพ้อเอากับใคร..
นอกจากหัวใจของตัวเอง...
แต่ความรู้สึกอยากผูกขาดรุนแรงที่ไม่เคยมีมาก่อนทำให้ผมไม่แน่ใจว่าจะเผลอตัวทำอะไรที่ไม่น่าให้อภัยลงไปไม่นาทีใดก็นาทีหนึ่งหรือเปล่า ผมจึงเลือกที่จะถอยห่าง และก้มลงมองจุดยืนของตัวเอง ถ้าผมก้าวข้ามเส้นที่ซินขีดไว้ พื้นที่ตรงนี้ของผมคงจะหายไป แน่นอนว่าซินคงไม่มีทางยอมให้ผมได้เข้าไปใช้พื้นที่ร่วมกับมัน
สุดท้ายตัวตนของผมก็จะเลือนลางหายไป..
หายไปจากชีวิตของซิน ..นั่นเป็นสิ่งที่ผมทำใจไม่ได้
ผมจึงเลือกที่จะมองหา ‘ใครบางคน’ เพื่อมาเติมเต็มอะไร ‘บางอย่าง’ ในอกกลวงโบ๋ของตัวเอง แต่ไม่ว่าจะเติมจะถมเท่าไหร่มันก็ไม่เคยเต็ม ที่แย่กว่านั้นคือรูรั่วมันกลับค่อยๆ ขยายวงกว้างจนยากจะเยียวยา
กว้างใหญ่.. และกลายเป็นแผลเน่า
กี่คนต่อกี่คนที่ผ่านมาก็แค่เพียงผ่านไป คนส่วนใหญ่อาจมองว่าผมเจ้าชู้ เพลย์บอย ฟันแล้วทิ้ง ไม่จริงใจ ผมกลายเป็นตัวร้าย เป็นผู้ชายที่ผู้หญิงดีๆ ไม่ควรเข้าใกล้ ..ความจริงมันก็อาจจะเป็นแบบนั้น
แต่ใครจะรู้..
ผู้หญิงเกือบทั้งหมดที่ผมเคยคบหาด้วย ต่างเป็นฝ่ายที่บอกเลิกผมก่อนทั้งนั้น
จริงๆ แล้วคนถูกทิ้งมันผมต่างหาก..
“สิ่งที่เธอกำลังตามหา ..สิ่งนั้นคงไม่มีในตัวฉันหรอก”
“กายอาจไม่รู้ แต่เวลาที่คนเรากอดกัน ร่างกายมันสามารถบอกได้ ว่ากายน่ะคิดถึงคนอื่นอยู่”ที่ใครเคยบอกว่าผู้หญิงน่ะเซ้นต์ดี ..มันคงจะเป็นความจริง
ผมคงต้องยอมรับ.. และกลับไปยืนอยู่ในพื้นที่ที่ซินขีดเอาไว้ให้
..อยู่ในนั้นตลอดไป และไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
สุดท้าย.. สิ่งที่ผมทำได้ก็ไม่มีอะไรนอกไปจากท่าทางบ้าๆ บอๆ เหมือนอย่างที่เคยทำมาตลอด ทั้งที่บางสิ่งบางอย่างมันเปลี่ยนไปจนไม่อาจเหมือนเดิม
หัวใจที่หายไป ..คงไม่มีวันได้คืน
ท่ามกลางเสียงหัวเราะของคนที่ผมหลงรัก ผมกำลังลิ้มรสน้ำตาของตัวเองภายใต้หน้ากากตัวตลก
มันเจ็บปวด..
แต่ผมก็ยังคงยิ้มต่อไป
ทั้งหมดก็เพื่อ..
พระอาทิตย์ที่มีสีฟ้า..ดวงนั้น
..I started a joke, which started the whole world crying,
but I didn't see that the joke was on me, oh no.
I started to cry, which started the whole world laughing,
oh, if I'd only seen that the joke was on me.
I looked at the skies, running my hands over my eyes,
and I fell out of bed, hurting my head from things that I'd said.
Til I finally died, which started the whole world living.
oh, if I'd only seen that the joke was on me...
(** I started a joke – Bee Gees)
TBC. มันสั้นมากกกก

หายหัวไปตั้งนาน แต่กลับมาแค่เนี้ย น่าตีใช่ไหม? จะตีเค้าก็ได้นะ แต่อย่าแรงนะ เค้าไม่ค่อยฉบาย~

ก็แค่อยากจะให้เห็นอีกด้านหนึ่งของท้องฟ้าที่แสนสดใสเท่านั้นเอง

----------------------------
ตอบเม้นท์จั๊กหน่อย
เอารูปซินเซียร์กับซันนี่จุ๊บๆกันฉบับเด็กน้อยมาฝากค่ะ 555

(ดูจากไอแพดภาพไม่ขึ้นแฮะ ขึ้นเปล่าหว่า?)
น่ารักดีนะคะ กระจกป่ะ?
แต่หน้าตาแบบนี้คงเหมาะเป็นต้องตาต้องใจมากกว่า อย่างอิแฝดมันต้องหน้าฝรั่งๆหน่อย ฮ่ะๆๆ
แล้วก็จุ๊บสไตล์ ซินดี้ซันนี่ มันต้องแบบนี้นะฮ้าฟฟฟฟ~..

ใสๆ นะ กร๊ากกกกกกกกกกกก

รักคนอ่านนะ ม้วฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ