ต่อจากข้างบน
v
v
มันพูดแบบเปิดอกแบบนี้ ทำให้ผมรู้สึกดีอยู่เหมือนกัน ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไหร่นะ ที่ผู้ชายที่ไม่เคยคิดจะหันมาชอบเพศเดียวกัน อยู่ๆ ก็มีความรู้สึกแบบนั้นขึ้นมา และยอมรับมันได้โดยไม่ขัดแย้งในใจ เพราะกว่าผมจะยอมรับและเปิดโอกาสให้มันก็ต้องคิดแล้วคิดอีก
“แต่กูจะพยายามทำให้พ่อแม่ไม่ต่อต้านมึง โอเค?”
“อืม”
ผมแค่ครางเสียงรับรู้ในคำพูดของมัน แต่ก็มากพอสำหรับพี่ชมพูแล้ว มันถึงได้จูบเบาๆ ลงบนหน้าผากของผม แล้วจูงมือให้เดินออกจากห้อง แต่จูงถึงหน้าห้องแค่นั้นมันก็ปล่อยออก แล้วเปลี่ยนเป็นเดินนำผมกลับไปที่ห้องนั่งเล่นเหมือนเดิม
ผมกับพี่ชมพูนั่งลงบนม้านั่งไม้ ซึ่งตั้งฉากอยู่กับม้านั่งของแม่พี่ชมพู คล้ายๆ กับห้องนั่งเล่นของบ้านผมนั่นแหละ
“กินอะไรกันมาหรือยัง ถ้ายัง แม่จะให้เด็กๆ ตั้งโต๊ะให้”
พอเราสองคนนั่งกันเรียบร้อย แม่ของพี่ชมพูก็ถามทันที แล้วก็เป็นพี่ชมพูเหมือนเดิมที่ตอบคำถาม
“เรียบร้อยแล้วครับ”
เมื่อเช้าเรากินอาหารของโรงแรมที่เราไปพักก่อนจะออกมาที่นี่กัน จึงยังไม่หิว เพราะเพิ่งผ่านมาชั่วโมงกว่าเอง ส่วนเรื่องในโรงแรมเมื่อคืนก็ไม่มีอะไรหรอกครับ พอเข้าโรงแรมก็กินข้าว อาบน้ำ แล้วนอน ไอ้พี่ชมพูก็นอนกอดผมจนเป็นเรื่องปกติ ไม่มีอะไรแปลกใหม่ ซึ่งก็ดีแล้ว ผมขี้เกียจจะมาสู้รบกับแม่ง
“อืม แล้วนี่น้องเขาชื่ออะไร แม่จะได้เรียกถูก”
“ชื่อไฮยีนครับ”
พี่ชมพูตอบให้เสร็จสรรพ แม่มันได้คำตอบก็หันมายิ้มให้ผม ผมก็ยิ้มตอบกลับ ยังวางตัวไม่ถูกสักเท่าไหร่ คงเพราะว่าเป็นแม่ของไอ้พี่ชมพูด้วยนั่นแหละ ผมถึงรู้สึกประหม่าอยู่หน่อยๆ ยังเกรงๆ ว่าถ้ารู้ว่าผมกับพี่ชมพูเป็นแฟนกัน แม่มันจะเป็นยังไง ไหนจะพ่อมันอีก เพราะผมมีแค่ป๊า ยังเจอด่านใหญ่เลย แต่นี่ของมันมีตั้งสองคน ผมเลยอดหวั่นไม่ได้
“งั้นแม่เรียกน้องยีนแล้วกันนะ”
“ครับ”
ไอ้พี่ชมพูอมยิ้มกับคำเรียกนั้น เพราะมันเหมือนกับแม่ของมันกำลังเอ็นดูผม แต่ผมไม่รู้ว่าจะแค่ตอนนี้หรือเปล่า
“น้องยีนคงสนิทกับภูสินะ ภูถึงพามาบ้านได้ ปกติจะมีเพื่อนๆ มาเที่ยวเล่นก็ตอนปิดเทอมใหญ แต่คราวนี้มาแปลก”
ผมรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาเลยกับคำพูดประโยคนั้น ไม่รู้ว่าเขาจะจับความผิดปกตินี้ได้หรือเปล่า
“ก็สนิทกันครับ ผมเป็นพี่ที่ดูแลยีนตอนอยู่มหา’ลัย เพราะยีนอยู่ปีหนึ่งครับ”
โล่งใจอยู่หน่อยๆ ที่ไอ้พี่ชมพูไม่เรียกผมว่าน้องต่อหน้าแม่ของมันเหมือนตอนที่มันเรียกผมตอนอยู่กับป๊า เพราะไม่อย่างนั้นคงสงสัยหนักกว่าเก่าแน่
“อย่างนั้นเหรอ แล้วทำไมพามาเที่ยวคนเดียวล่ะ คนอื่นไม่มาหรือ”
“ครับ คนอื่นๆ เขาไม่ว่าง”
“อืม แล้วจะอยู่กี่วันกันจ๊ะ”
คราวนี้แม่ของพี่ชมพูหันมายิ้มให้ผม พลอยให้รู้สึกโล่งออกขึ้นเป็นกอง แต่ก็ยังวางใจไม่ได้ ผมจึงพยายามทำตัวนิ่งเฉยให้มากที่สุด
“น่าจะอาทิตย์นึงครับ เพราะใกล้เปิดเทอมแล้ว”
“จ้ะ ตาภู ไม่คิดจะให้น้องตอบแม่บ้างเลยหรือไงนะเรา”
เห็นไอ้พี่ชมพูโดนดุ ผมก็แอบขำในใจอยู่ แต่ไอ้คนที่ถูกผมหัวเราะกลับไม่สะทกสะท้าน ก็คงตามประสาหน้าด้านของมันนั่นแหละครับ
“ก็น้องเขาประหม่านี่ครับ เขากลัวว่าแม่จะดุ”
“กลัวทำไมกัน” แม่พี่ชมพูบอกอย่างนั้นแล้วหันหน้ามาสบตากับผมตรงๆ จนผมอยากจะหลุบตาหนี “แม่ไม่ดุหรอกนะ น้องยีนสบายใจได้ ถ้าจะดุ แม่ก็จะดุพี่ภูแทนนะจ๊ะ”
รอยยิ้มใจดีส่งมาให้ ทำให้ผมเบาใจกว่าเดิม หันไปยิ้มให้กับรุ่นพี่ตัวโต ทว่าไม่ใช่เพราะความดีใจ แต่ตลกหมีตัวใหญ่กำลังทำหน้าปุเลี่ยนๆ ที่รู้ว่าตัวเองจถูกดุแทนผม สมน้ำหน้า แบร่ๆๆๆ
ผมหันไปแลบลิ้นให้พี่ชมพูนิดๆ มันเลยมองผมตาขวาง แต่ระหว่างที่เรากำลังก่อสงครามกันเงียบๆ เสียงหนึ่งก็แทรกขึ้นมา
“อ้าว ภู กลับมาแล้วเหรอ ไหนมาบอกว่าคราวนี้ไม่กลับ”
ชายวัยห้าสิบเดินมานั่งลงข้างๆ แม่ของพี่ชมพู และก็คิดไม่ยากว่าเขาเป็นใคร ผมยกมือไหว้ พร้อมๆ กับไอ้พี่ชมพู
“หวัดดีครับ พ่อ”
“เออๆ ดีๆ แล้วนี่ใครกัน”
พ่อของพี่ชมพูหันมาเห็นผมพอดี คนที่นั่งข้างๆ พ่อมันจึงตอบให้ ผมนึกชอบคุณแม่ของพี่ชมพูที่อธิบายให้คนถามฟัง พ่อของพี่ชมพูเลยพยักหน้าอย่างเข้าใจสองสามที
“ภูมันอยู่ที่นั่นเป็นอย่างไรบ้างล่ะ”
ผมโดนถามตรงๆ อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะพ่อของมันจ้องหน้าผมไม่กะพริบตา ผมเลยยิ้มเจื่อนๆ กลับไป ก่อนจะตอบไปตามตรง
“เพราะว่าเป็นประธานชั้นปี ก็เลยดูบ้าอำนาจ เผด็จการ แต่รุ่นพี่ รุ่นน้อง หรือพวกเพื่อนๆ กันก็ไม่มีใครเกลียดพี่..ภูนะครับ”
รู้สึกแปลกๆ นิดหน่อยที่ต้องเรียกชื่อไอ้พี่ชมพูว่า ภู เหมือนอย่างชื่อจริงมัน เพราะเอาจริงๆ ผมก็ไม่เคยเรียกมันแบบนี้เลย นอกจากเวลาจะเหน็บหรืออะไร แล้วก็ต่อหน้าป๊าเท่านั้นน แต่ดูเหมือนคำตอบของผมจะเป็นที่พอใจของพ่อกับแม่พี่ชมพู เพราะพ่อของไอ้หมีหัวเราะเสียงดัง ส่วนแม่ก็ยิ้มๆ
“เออๆ เรานี่ร้ายไม่เบา กล้าว่ามันด้วย ดีๆ”
“โธ่พ่อ ผมไม่ได้นิสัยเสียขนาดนั้นสักหน่อย”
ถึงไอ้พี่ชมพูจะแก้ตัว แต่พ่อของมันก็ยังหัวเราะอยู่ ไอ้หมียัษ์เลยทำหน้าบูดใส่ เห็นแล้วผมก็ขำ เพราะมันทำตัวเหมือนเป็นเด็กเลย แต่นอกจากพ่อของมันที่เพิ่งเข้าบ้านมาแล้ว ยังมีอีกคนที่เพิ่งมา เสียงหวานๆ ดังมาจากทางด้านนอก
“หัวเราะอะไรกันคะ เสียงดังลั่นเลย มาช่วยทีหิ้วของก่อน”
ได้ยินเสียงนั้น พี่ชมพูก็รีบลุกเดินออกไปนอกบ้าน ก่อนจะกลับเข้ามาพร้อมกับถุงของใช้เต็มสองมือ ตามด้วยเสียงบ่นของผู้หญิงรุ่นๆ เดียวกับผมที่เดินตามหลังมันมา
“พี่ภูไม่ยอมบอกทีเลยนะว่าจะกลับมา ทีจะได้รอแล้วให้ไปซื้อของด้วยกัน เห็นมั้ยว่าน้องต้องแบกของกลับมาเองคนเดียว”
“ก็พี่ไม่แน่ใจว่าจะกลับมาถึงวันไหน”
มันตอบกลับก่อนจะวางของลงบนโต๊ะซึ่งอยู่ตรงหน้าพวกเราทุกคน และนั่งลงข้างผมเหมือนเดิม ส่วนคนที่มาใหม่ก็ไปนั่งม้านั่งอีกฝั่งหนึ่งซึ่งตรงข้ามกับผมและไอ้พี่ชมพู และเพราะเราต่างนั่งตรงข้ามกัน ทำให้ผมต้องมองเธออย่างช่วยไม่ได้ แต่เห็นหน้าเธอแล้ว ผมกลับรู้สึกคุ้นๆ และเธอเองก็คงรู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน เพราะผมเห็นเธอจ้องเขม็งมาที่ผม
“เดี๋ยวแนะนำก่อนนะ” พี่ชมพูขัดขึ้น “นั่นน้องสาวฉัน ชื่อที ชมนที ทีนี่รุ่นน้องของพี่ชื่อไฮยีน”
ชื่อที่พี่ชมพูบอกมามันสะกิดอะไรบางอย่างในความทรงจำของผมขึ้นมาได้ ผมเบิกตาขึ้น และเธอเองก็อยู่ในอาการเดียวกันกับผม ปากของเธอหลุดเสียงออกมาแผ่วเบา
“ไฮ....ยีน?”
====================
ทรมานกับการอัพตอนนี้มาก เพราะว่าง่วงจนทนไม่ไหวแล้ว แต่ก็อยากให้เสร็จ 
มาแต่งตอนนี้เพราะแอบอู้ คิดงานไม่ออก
เรื่องนี้ใกล้จบแล้วนะคะ เหลืออีกประมาณ 4-5 ตอน
ขอบคุณที่คิดตามกันค่ะ
Undel2Sky