……………………………………
…………………………..
“พี่หมอก พี่ตั้งใจเล่นนะ”
“เออ”
“ถ้าใครมาทำพี่ล้ม พี่อย่าไปต่อยเขากลางสนามหล่ะ เจอใบเหลืองไปใบหนึ่งแล้ว เดี๋ยวจะลำบาก”
“เออ”
“กรรมการก็เหมือนกัน พี่ห้ามเตะเขานะ”
“กูรู้แล้ว”
มันใส่รองเท้าสตั๊ดเสร็จก็ลุกขึ้นยืน อีกไม่กี่นาทีก็จะเริ่มแล้ว พี่เอ็มตะโกนเรียกพี่หมอกให้เข้าไปรวมทีม “พี่ไปเหอะ เดี๋ยวผมขึ้นไปดูข้างบน”
“ทำไมต้องขึ้นไปดูบนนั้น”
“เอ้า ก็พวกพี่ๆเพื่อนๆก็อยู่บนนั้นหมด นั่งข้างล่างผมไม่รู้จะคุยกับใคร”
“นั่งข้างสนามไป มึงจะถ่ายรูปไม่ใช่หรือไง”
“พี่ปิงเอากล้องมา กล้องแบบนั้นเจ๋งกว่า ผมให้พี่ปิงถ่ายให้ก็ได้”
“…..”
“แต่ถ้าพี่อยากให้ผมนั่งข้างสนาม ผมนั่งก็ได้”
“เออ ก็แค่นี้”
พูดตั้งแต่แรกก็จบไอ้พี่หมอก มึงจะไปอ้างนู่นอ้างนี้ทำไม ผมตบไล่หลังพี่เขาไป “ไปเหอะพี่ เอาถ้วยมาให้ได้นะ” มันพยักหน้า แล้วเดินไปรวมกับทีม
นั่งลงข้างๆ กุมกล้องไว้แน่น ใครจะมีกะจิตกะใจไปถ่ายรูปหล่ะครับ วันนี้คนเต็มสนาม เสียงดังไปหมด เพราะรอบชิงแล้ว มอผมเจอกับมอที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคู่แข่งกันมาตลอด เกือบทุกปี ก็เหลือแค่สองมหาลัยนี้เตะชิงถ้วยกัน แต่มอผมพลาดมาสองสามปีแล้ว ปีนี้ทุกคนเลยคาดหวังเป็นพิเศษ
สักพักพี่ปิงลงมานั่งข้างๆผม ความจริงตากล้องไปถ่ายข้างสนามก็ได้ พี่ปิงบ่นร้อน แดดตอนเย็นๆก็ยังทำให้ผิวไหม้ได้เหมือนกัน พวกโจ๋โทรมาบอกจะลงมานั่งด้วย แต่พี่ปิงบอกว่าอย่าลงมาหมด เดี๋ยวทำลายสมาธินักกีฬา
เสียงนกหวีดดังขึ้น
สนามที่เงียบกริบไปช่วงหนึ่งกลับมามีเสียงอีกครั้ง เมื่อปลายรองเท้าสตั๊ดสัมผัสเข้ากับลูกบอล อีกฝ่ายได้ลูกก่อน ลูกบอลถูกเตะไปไกล ลอยไปถึงกองหน้า พวกกองหลังมอผมพยายามจะตัดลูกแต่ก็พลาด
พี่หมอก
พี่หมอกวิ่งลงมาเองเลยจากกองหน้า วิ่งมาตัดบอล ระหว่างที่ทุกคนยังงงว่าโผล่มาจากไหน พี่แกก็ไล่ลูกกลับขึ้นไปแล้ว
ได้ยินเสียงอีกทีมตะโกนใหญ่ ปิดพี่หมอกกันให้วุ่น แต่โทษที ไอ้พี่หมอกมันเซียนครับ วันนี้มันไม่ขี้โมโหเหมือนวันแรกที่ผมเห็น ก็ใช้ฝีเท้าที่มันมีอยู่พาลูกหลบออกมาได้ ส่งให้เพื่อนที่ว่างอยู่ ถึงเพื่อนพี่หมอกจะพลาดในการยิงลูกแรกของเกมไป แต่ก็ทำให้กำลังใจของอีกฝ่ายเขวได้เหมือนกัน
เพราะพี่หมอกเร็ว เมื่อกี้มันแสดงให้เห็นแล้วว่ามันเหนือชั้นแค่ไหน
เกมดำเนินต่อ คนดูแทบจะนั่งไม่ติดเพราะทั้งสองทีมก็ต่างมีข้อดีที่กินกันไม่ลง อีกทีมเกมรุกแม้จะไม่ดีนัก แต่ก็ยันกับกองหน้าของทีมพวกผมไว้ได้กันอย่างสูสี เอ่อ แต่ทีมพี่หมอกนี่ กองหลังไม่ค่อยแม่นกันเท่าไหร่ครับ ทุกคนเป็นกองหน้าได้หมด ไม่มีใครถนัดกองหลังสักคน เรียกว่าถ้าปล่อยลูกผ่านเส้นครึ่งสนามมาได้ ก็ต้องลงมาช่วยกันเลยครับ
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ พี่หมอกวืดไปลูกนึง ลูกชนเสาเด้งออกนอกสนามไป ได้ยินเสียงโห่ดังมาก ไม่ได้โห่ใส่พี่หมอกหรอก แต่แค่หงุดหงิดกันครับ ก็เล่นลุ้นกันซะตัวเกร็งขนาดนี้ แต่ถึงเวลากับชนเสาซะงั้น
อีกทีมก็เริ่มลน เตะยิงนกเล่น พวกผมขำกลิ้งกันใหญ่ แต่เริ่มไม่ขำเวลาลูกบอลลอยออกมานอกสนามครับ ผมกับพี่ปิงนี่ถึงกับหวาดเสียว เพราะมีลูกนึงวิ่งมาทางพวกผม ชนกระติกน้ำแข็งข้างๆล่วง เห็นพี่หมอกหันไปมองคนเตะขวับเลย
หมดครึ่งแรก
ไข่ต้มสองลูกโชว์หราบนจอแสดงคะแนน ผมยื่นผ้าขนหนูให้พวกพี่ๆ ไม่ได้ยื่นให้พี่หมอกคนเดียวครับ เดี๋ยวคนอื่นจะหาว่าลำเอียง แต่น้ำผมมีซื้อมาเผื่อเอง พี่หมอกมันไม่ชอบกินน้ำจากกระติก มันบอกสกปรก จริงครับ บางทีเปิดฝากระติกมาจะกินด้วย มีหญ้าลอยอยู่ในน้ำ ไอ้พวกพี่ๆคนอื่นมันกินไปได้ไงวะ หรือว่า..พวกพี่กินหญ้าเป็นอาหารหลักกันอยู่แล้วครับ? วะฮ่าฮ่าฮ่า
“แม่ง กวนตีนกู”
“พี่ใจเย็น”
“ไอ้สัตว์”
มันไม่ได้ด่าผมหรอก มองไปที่อีกทีม ผมแอบสยองแทน
“…..”
นั่งลงข้างๆ ท่าทางจะหัวเสียน่าดู เห็นพี่ในทีมคนนึงนอนไปกับลู่วิ่งเลย วิ่งกันทั้งเกม คงจะเหนื่อยสุดๆ
เอามือไปทุบๆไหล่ให้มัน มันก็เอนหัวไปมาแก้เมื่อย เสื้อบอลนี่ชุ่มไปหมด ยังกับเอาไปซักมา “ตี๋ นวดให้กูบ้างดิ” ไอ้พี่ป้อม ไม่ต้องมาเนียนเลย “นวดหน้าด้วยฝ่าเท้า โอเคหรือเปล่าหล่ะพี่ จะได้จัดให้ชุดใหญ่”
“นวดให้แต่ไอ้หมอก ทำไมกูไม่เห็นมีใครมานวดให้เลย”
“โอ๋ๆๆ เชิญนอนร้องไห้ไปเถอะครับ พวกพี่นี่เป็นคนแก่หรอไง ต้องให้ผมไปนวดให้เนี่ย”
ลุกไปหาพี่ป้อมแต่ก็โดนดึงตัวไว้ พี่หมอกก็มอบคำสรรเสริญไปให้พี่ป้อมหล่ะครับ “เสือก”
“เสือกเชี่ยไรไอ้หมอก กูเสือกไรมึงยัง”
“มึงยุ่งกับไอ้ตี๋ทำไม”
“เอ้า กูแค่จะให้มันมานวดให้เฉยๆ”
“กูไม่ให้”
“แล้วเกี่ยวไรกับมึงวะไอ้หมอก”
ทุกคนในทีมเงียบ ผมรีบพูดตัด “พี่ครับใจเย็นๆ เอาเป็นว่าผมไม่นวดให้ใครเลยแล้วกัน สบายดี ผมจะได้ไม่เมื่อยด้วย พวกพี่เมื่อยก็นวดกันเองแล้วกัน ไม่ก็ให้ไอ้พี่เอ็มนวด ใช่ไหมพี่?”
“เกี่ยวไรกับกูวะไอ้ตี๋ กูเป็นโค้ชเว้ยโค้ช”
“เออ เป็นโค้ชก็นวดได้นิหว่า”
ไอ้พี่เอ็มเลยรีบจริงจัง พูดเรื่องแผนการเล่นครึ่งหลังขึ้นมาทันที พี่หมอกก็นั่งฟังอยู่ที่เดิม ไม่ยอมลุกไปหา ลำบากพี่เอ็มต้องพูดดังขึ้นหน่อยแทน
ตอนนี้ท้องฟ้ามืด ต้องเปิดสปอร์ตไลท์หลายตัวแทน แสงสะท้อนเหงื่อออกมาจากพวกนักกีฬา อย่างกับไปอาบน้ำกันมา
พี่หมอกหน้าแดงทั้งหน้า เพราะเหงื่อออกมาก กินน้ำไปสองสามคำก็หยุดกิน
เสียงนกหวีดดังขึ้นอีกครั้ง พี่หมอกลุกขึ้นจากเก้าอี้ “ชนะให้ได้นะพี่” มันพยักหน้าให้ผม แล้ววิ่งลงสนามไป
หลังจากที่พัก และมีการเปลี่ยนแผนการเล่น ครึ่งหลังเลยเป็นอะไรที่คาดเดาไม่ได้ ดูไม่ออกว่าทีมไหนได้เปรียบกว่า เพราะตอนนี้ทั้งสองทีมก็มีเปอร์เซนต์เท่าๆกัน
พยายามเข้านะพี่หมอก
ครึ่งหลังผมว่าพี่หมอกเล่นดีขึ้น พาลูกฝ่าขึ้นมาหลายครั้ง แต่พี่หมอกไม่ได้ยิงเองสักลูก ฝั่งนั้นให้สองคนปิดพี่หมอกไว้ ดิ้นไม่หลุด ติดหนึบยิ่งกว่าหมากฝรั่งติดรองเท้า
“ฮึ่ยย นี่มันบ้าอะไรวะ เวลาก็จะหมดแล้ว”
“พี่เอ็ม ใจเย็น เวลาหมดก็มีทดเวลาบาดเจ็บอีก”
อีกคนที่กระวนกระวายจนทำอะไรไม่ถูก ตอนซ้อม พี่เขาก็ดูจริงจังบ้าง เล่นบ้าง แต่เอาเข้าจริงๆกลับเป็นคนที่แบกรับความกดดันของทั้งทีมไว้อยู่คนเดียว ตอนนี้กุมขมับแน่น
พี่ป้อมส่งลูกให้พี่หมอก ….พี่หมอกวิ่งออกมารับ แต่กลับโดนไอ้กองหลังอีกทีมเสียบเต็มๆสองขา
“เฮ้ย!!”
พี่หมอกล้มลงกับพื้น กรรมการเป่านกหวีด เดินเข้าไปหาพี่เขา
ผมนั่งไม่อยู่
อยากจะวิ่งลงไป แต่ขาก็แข็งไปเสียหมด
เห็นพี่หมอกกัดฟันแน่น ไอ้คนที่ทำพี่หมอกล้มลุกขึ้นมามอง พูดขอโทษหรืออะไรสักอย่างที่มันไม่มีประโยชน์เลยในเวลานี้ แล้ววิ่งออกไป
“พี่…พี่เอ็ม วิ่งเข้าไปดูพี่หมอกให้หน่อยดิ..”
“ไม่ได้หรอก ถ้ามันเจ็บมากก็ต้องให้หมอข้างสนามพาออกมานี่แหละ”
“พ..พ.พี่”
“ใจเย็นไอ้ตี๋ หมอกมันไม่เป็นอะไรหรอก”
“แต่พี่หมอก-“
“มึงเชื่อกู ไอ้หมอกไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นหรอก”
พี่หมอกนั่งอยู่ที่พื้นสักพักนึง แล้วก็ลุกขึ้นมา หมอสนามเลยวิ่งกลับไป กรรมการจึงให้เริ่มเล่นต่อ ดูท่าจะเจ็บ แต่ก็อดทนไว้
เลอะหญ้าทั้งเสื้อทั้งผม เพราะลงไปนอนที่พื้นทั้งตัว..
เอาชนะให้ได้นะพี่หมอก..
ไม่รู้ทำไม แต่เหมือนเห็นไฟกองใหญ่ลุกขึ้นมาจากตัวพี่หมอกเลยครับ..
……………………………………….
……………………………..
นาทีสุดท้าย
พี่หมอกทำประตูไปหนึ่งลูก ซัดเข้าไปตุงตะข่าย เหมือนโมโหอะไรบางอย่างมานาน ไอ้พี่เอ็มดีใจ กระโดดตัวลอย กอดคอผมร้องโวยวายใหญ่
เวลาจะหมดลงแล้ว มีทั้งแสตนด์ช่วยนับถอยหลัง
“ว้ากกกกกกก พี่ เราชนะ เราชนะแล้วโว้ย!!”
“เชี่ย กูทำได้ ทีมกู ทีมกูชนะแล้ว”
บ้าไปเลยครับ แม่งถือธงมหาลัยวิ่งเลย มึงอย่าไปวิ่งตัดอีกทีมหล่ะ เดี๋ยวเขาจะกระทืบเอา ได้ยินเสียงร้องตะโกนดังไปหมดทุกทาง ทีมที่แพ้ก็เดินคอตกออกมา รีบวิ่งเข้าไปหาพี่หมอกที่เดินออกมาจากสนาม
“เป็นไรป่าวพี่”
“ไม่รู้ ตอนนี้ไม่เจ็บ”
มันล้มเพราะโดนเสียบที่ข้อเท้า มีรุ่นพี่สองสามคนรีบเดินเข้าไปหามมันออกมา มันก็ทำหน้าหงุดหงิด “อย่าทำเหมือนกูพิการ” น่าจะซัดโดนปากพี่ไปด้วยนะ จะได้เงียบๆหน่อย
ผ้าเช็ดตัวที่ผมพาดไว้บนไหล่ถูกพี่หมอกดึงไปใช้ ตอนนี้นั่งลงที่เก้าอี้ข้างสนาม มีเพื่อนวิ่งลงมาหามันหลายคน กำลังจะถอดรองเท้าสตั๊ดมันออกก็มีหลายคนดึงตัวมันขึ้นไปบูมมหาลัย มันเจ็บอยู่นะโว้ย! ฉลองเอาไว้ทีหลังได้ไหมวะ!!
แต่พี่หมอกก็ไม่ได้โวยวายใส่คนพวกนั้น กลับกัน ดึงผมที่ยืนหน้าบึ้งอยู่ข้างๆไปกอดคอ ร่วมบูมด้วยกัน
เสียงบูมดังก้องไปหมด เพราะพวกเราทุกคนในมหาลัยที่ยืนอยู่ตรงนี้ ไม่ว่าจะกอดคอยืนอยู่ที่ลู่วิ่งหรือจะยังอยู่แสตนด์ ก็ล้วนแต่บูมมหาลัยไปพร้อมกันๆ
พี่ป้อมขึ้นไปรับถ้วย พี่หมอกถูกหมอข้างสนามรุมทึ้ง ตรงหน้าแข้งเป็นรอยช้ำ คงถูกรองเท้าสตั๊ดถีบเต็มแรง
หมอก็ทายาให้มันไป พูดกับมันต่ออีกนิดหน่อย แต่ผมไม่ได้ฟังเพราะถูกลากไปถ่ายรูปกับพี่เอ็ม พี่เอ็มนี่จูบถ้วยเลยครับ ที่ลู่วิ่งคนเต็มไปหมด ลงมาถ่ายรูปบ้าง กรี๊ดกร๊าดบ้าง พี่หมอกก็โดนรุมถ่ายรูปเหมือนกัน
สุดท้ายพี่หมอกก็ต้องไปรับเหรียญอยู่ดี อธิบดีหรืออะไรสักอย่างเป็นคนมอบให้ ก็ถ่ายรูปแบบหน้าบึ้งๆกันไปรูปหนึ่งครับ เสร็จแล้วมันก็เดินลงมา ผมอยู่กับพี่ฟิน มองเห็นมันกำลังจะเดินมาทางนี้เหมือนกัน แต่ก็โดนเพื่อนๆดักคอไว้ก่อน
มองหน้ากัน ผู้คนเดินอยู่มากมายระหว่างระยะทางของผมกับมัน
เมื่อก่อนผมกับมันเคยอยู่ห่างกันมากกว่านี้เสียอีก ทางที่ไม่เคยคิดว่ามันจะมาบรรจบกันได้ ถึงแม้จะเป็นตอนนี้ ผมก็ยังไม่คิดว่าระยะทางของเรามาบรรจบกัน มันแค่เป็นเส้นคู่ขนาน วิ่งต่อไปเรื่อยๆ ไม่ได้แยกออกจากกัน ไม่ได้รวมกันเป็นหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้หนีหายจากกันไปไหน
ผมอยู่ข้างๆมัน มันอยู่ข้างๆผม ไม่มีใครเดินนำใคร
ค่อยๆเปลี่ยนไปทีละนิดตามเวลาที่หมุนผ่าน ไม่มีใครที่ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ขึ้นกลับว่ามันเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นหรือแย่ลงเท่านั้น
“กูกะว่าจะพาไปเลี้ยงหมูกระทะว่ะ” ไอ้พี่เอ็มพูดขึ้นมา ผมเลยละสายตาออกจากพี่หมอก เห็นอยู่กับเกือบครบทีมแม้แต่พี่โก้ พี่แฟง พี่ปิง พี่บอล พูดง่ายๆ อยู่ครบกลุ่มก็อยู่ด้วย
พี่โก้ไปเปลี่ยนกางเกงมาแล้ว “กูคงอดอุ้มลูกแล้วแหง” ไม่เป็นไรนะพี่ เพราะยังไงก็ไม่มีวันนั้นอยู่ดี
“ผมไปด้วยคนดิ อยากกินฟรี”
“เออ ไปดิ กูเลี้ยงเลย ลากไอ้หมอกไปด้วย”
“งี้อดไปแหงเลย ฮะฮ่าๆ”
หันไปอีกที มันไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว แต่พอมองตรงไปข้างหน้า ก็เห็นว่ามันกำลังเดินมาหาผม ไม่ลืมที่จะหยิบกระเป๋าผมติดมือมาด้วย “กลับบ้านกัน” มันพูดแค่นั้น แล้วเดินนำไป
“พี่ ผมคงไม่ไปด้วยหว่ะ ไว้โอกาสหน้าแล้วกัน”
“จะรีบไปจัดรางวัลให้มันอ่ะดิ”
“อะไรของพี่ว่ะไอ้พี่ฟิน พูดจาไม่รู้เรื่องหว่ะ”
“ใช่ซิ๊ กูจะเอาอะไรไปสู้มัน เป็นแค่พี่รหัสเก่าๆของมึงเท่านั้น” หน้าตาเป็นไงวะพี่รหัสเก่าๆ
“เออๆ ผมไปหล่ะ” โบกมือลาหลายๆคนสุดแขน แล้วรีบวิ่งตามพี่หมอกไป
ในสนามหญ้าที่คนเดินเต็มไปหมด แสงสว่างจากหลายๆมุมทำให้เกิดเงาทอดยาวทับกันไปหมด
หนึ่งในเงาที่เคลื่อนที่ไปมาน่าเวียนหัว มีเงาผมกับพี่หมอกอยู่ข้างๆกันไป
ไม่ต้องมีอะไรเพิ่มเติม ..แค่นี้ก็พอแล้ว….
………………………………..
…………………………
“พี่ พี่ทำได้ พี่ชนะแล้ว เย้!”
“กูว่ามันนานเกินไปที่จะพูดคำนี้แล้วนะ”
“ยังไม่พ้นเขตมหาลัย ยังทัน”
มันพยักหน้า ผมแย่งกระเป๋ามาถือเอง เห็นมันเดินกระเผลกหน่อยๆ “เจ็บมากหรือเปล่า?”
“ไม่รู้สึก”
“มันชาไง เดี๋ยวก็เจ็บ”
“กูไม่เหมือนมึง”
“ยังไง พี่ก็เป็นคนเหมือนกัน เจ็บก็บอกมาเหอะ เดี๋ยวทายาให้”
“เจ็บ”
หลุดหัวเราะเลยครับ
ตอนนี้คนเริ่มจะกลับบ้านกันแล้ว พวกผมเดินผ่านหน้าตึกวิศวะ จะไปที่ลานจอดรถ คนน้อย แสงสว่างสีส้มเปิดตามทาง ลืมไปเลย พิธีปิด เพราะนี่พึ่งจะทุ่มกว่า แต่ช่างมันเถอะ ยังไงก็เดินออกมาแล้ว ดูเหมือนพวกผมก็ลืมมันไปแล้วด้วย
“ตี๋”
“หืม?”
มันไม่พูดไรต่อ ผมหยุดยืนอยู่ข้างๆมัน
พี่หมอกเอื้อมมือมาหาผม ไม่รู้พี่หมอกจะทำอะไร เพราะผมมัวแต่มองหน้าพี่เขา รู้สึกอีกทีก็เห็นเหรียญทองที่พี่หมอกออกไปรับมาอยู่กับตัวเอง
“กูให้”
“นี่มันเหรียญของพี่”
“มันไม่ใช่ของกู มันเป็นของมึง”
“…ผมไม่ได้ลงไปเตะซะหน่อย”
“แต่ถ้าไม่มีมึง ก็คงไม่มีเหรียญนี้”
พี่หมอกพูดออกมา…ทีละคำเหมือนเผลอหลุดพูดสิ่งที่คิดอยู่ออกมาเรื่อยๆ
“ถ้าไม่มีมึง ก็คงไม่มีวันนี้เหมือนกัน”วันนี้ผมมีความสุข
มากเสียจนผมไม่รู้ว่า หัวใจของผมที่เล็กเท่ามือนี้ จะกว้างพอที่จะใส่ความสุขนี้ลงไปหรือเปล่า
ยิ้มเสียจนปวดแก้ม ไม่ต้องให้พี่หมอกยิ้มตอบ ผมก็รู้ดี ว่าพี่ก็มีความสุขเหมือนกัน ไม่น้อยไปกว่าผมเลย
มือผมกำไว้ที่เหรียญตรงหน้าอก รู้สึกความเย็นของมัน แต่กลับอุ่นไปทั้งตัว
“พี่หมอก”
“หืม?”
มือมันลูบหัวผมอยู่ ใกล้กันแค่นี้ ไม่สนใจโลกภายนอก
พี่หมอกสำคัญกับผม เหมือนกับที่ผมสำคัญกับพี่หมอก
แค่นี้ก็เป็นเหตุผลที่หนักแน่นพอ พอที่จะทำให้ผมไม่สนใจความคิดของคนอื่น ไม่สนสายตาที่มองมา ไม่ว่าเขาจะคิดอะไรก็ตาม มันก็เป็นสิทธิของเขา ผมห้ามความคิดใครไม่ได้อยู่แล้ว
“พี่ว่าทองแท้หรือเปล่า?”
ได้ยินเสียงหัวเราะเบา…
รอยยิ้มภายใต้แสงไฟสลัว
เป็นรอยยิ้มที่ผมอยากจะถ่ายรูปเก็บไว้ เก็บในความทรงจำตลอดไป…
……………………………….
……………………….
“ลืมคืนกล้องพี่เต๋า!!”
……………………..
……………………………….
[Coin 34 : complete]
[23.12.54]
อีกหนึ่งตัวละครสำคัญ คัมมิ่งซูนนน (หลังสอบเสร็จนู่นเลย)
ถือคติ ก่อนสอบสองวันไม่อ่านหนังสือ

เดี๋ยวสมองจะไม่ปลอดโปร่ง (

)

บางทีก็อยากจะคุยกับคนอ่านมากกว่านี้ แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรแหะ
เอาเป็นว่า Merry Christmas แล้วกันนะฮ้าฟฟฟฟ
(ไม่ได้ผิดวันนะ เพื่อพรุ่งนี้ไง

)
เห็นมีคนอยากเห็นพี่หมอก คนเขียนพยายามหาอย่างหนักหน่วงมาก แต่มันหาไม่ได้ซักที!! วันนี้แอบเจอมาภาพนึง ใกล้เคียง แต่ไม่กล้าเอารูปเขามาโพสชัดๆ ว่ารูปนี้ไปแล้วกันพอให้เห็นลางๆ (ลางแล้ว?) ไม่รู้จะตรงกับอิมเมจที่ใครหลายๆคนคิดหรือเปล่า


เดี๋ยวไว้เจอรูปหล่อๆมัวๆกว่านี้จะมาแปะใหม่
