ตอน ๑๗ (part B) sex therapy
เอาละครับ หลายคนอาจจะสงสัยว่า ชีวิตที่มีผู้ชายยิ้มสวยสยองโลกันต์ร่วมกันทั้งวันทั้งคืนนั้นเป็นอย่างไร ใช่ครับ.....เขานุ่มนวล อ่อนหวาน สุขุม สุภาพ เป็นที่พึ่งในยามยาก ....อะไรก็ตามที่กล่าวมา ไม่จริงสักอย่างเลยครับ ไอ้เมศอยากจะร้องไห้น้ำลายไหลย้อยถึงตาตุ่ม เป็นความหลงผิดอย่างยิ่ง ที่ผมดันไปออกปากโฆษณาชักชวนไอ้คุณรันย์มาสิงห้องผมในระยะที่มีการสอบกลางภาค ไม่ทราบว่าปีนี้เกิดจิตป่วยอะไรกันขึ้นมาวิศวะทุกชั้นปีถึงสอบสี่วัน ทั้งที่เรียนเยอะกว่าใครเพื่อน ในขณะที่คณะข้างเคียงแทบจะสอบวันเว้นวัน ชิลๆวิ่งเล่นหลั่นล้า แต่พวกผมเป็นซอมบี้มาสอบเช้าทุกวัน นี่ยังไม่รวมพวกน้องๆโปรแกรมโทสั่งพิเศษที่สอบเช้าบ่ายห้าวันติดนะครับ ไม่ทราบว่าน้องเหล่านี้ยังหายใจกันอยู่ไหมหลังสอบนะครับ เหอๆๆ
“ฟังเพลงเอี้ยไรเนี่ย หนวกหู” ว่าแต่คุณเอี้ยเนี่ย เขามีเสียงร้องยังไงผมยังไม่ทราบเลย
“ฟังฮิปฮอปครับพี่”ผมตอบพลางม้วนตัวเป็นแยมโรลอยู่ในผ้าห่ม
“ทำไมช่วงนี้ฮิปจังวะ” ไอ้รันย์ถามพลางใช้นังพจมานคนสวยหาเพลงอื่นๆฟัง เม้าส์ของผมเองครับ ถ้าทุกคนยังพอจำกันได้ นังพจมานฯนี้มาสามารถกระพริบเปลี่ยนสีไปได้ถึงเจ็ดสีด้วยจังหวะเร็วช้าแล้วแต่อารมณ์ชี(เม้าส์)
“นี่ มันต้องเพลงนี้” เสียงเพลงอัลเทอเนทีฟร๊อคดังสนั่นออกมาจากลำโพงน้องปู(คอมคุงของผม) อย่างไม่มีความสงสารเมตตาใดๆทั้งสิ้น พร้อมกับเสียงไอ้รันย์แหกปากตะเบ็งเสียงป่วยๆของมันออกมาประหนึ่งเป็นนักร้องเสียเอง
“พอแล้ว! เอี้ยรันย์ เดี๋ยวข้างๆห้องโทรมาด่ากรู”
“เขากลับบ้านกันหมดแล้ว เหลือเมิงเนี่ยแหล่ะไม่กลับบ้านสักที”
“คุณชายแหล่ะครับที่ควรจะกลับ สอบเสร็จแล้วครับ แม่จำหน้าไม่ได้แล้วมั้งเนี่ย”
“กลับไปก็ไม่เจอใครอยู่ดี มีแต่ปลาคาร์ฟ เขาไปเที่ยวกันหมด”
“อ้าวอย่างนี้ปีใหม่ก็อยู่คนเดียวสิ” ผมกระดึ๊บตัวแบบแยมโรลมาขอบเตียง มองไอ้รันย์ที่นั่งกับพื้นที่โต๊ะเขียนหนังสือ
“ป๊าว ไม่ได้อยู่คนเดียว” ไอ้รันย์ทำเสียงสูง ก่อนจะทันมาเท้าคางกับเตียง ทำให้หน้าเราอยู่ในระดับเดียวกัน
“มีแฟนก็อยู่กับแฟนสิวะ” คนไหนหว่า?...ผมอยากรู้แต่ไม่อยากถามครับ แล้วทำไมต้องทำยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย
“หรอ ตามสบายๆ” ผมว่าพลางกลิ้งตัวแบบแยมโรลไปนอนหันหลังให้อีกฝั่งของเตียง เพราะรู้สึกไม่ปลอดภัยยังไงชอบกล....ที่ว่าไม่ปลอดภัยเนี่ย เพราะไอ้ลูกกระตายิบๆที่จ้องมองผมอยู่นี่สิครับ เวลาสบกันแล้ว มันรู้สึกหัวใจไม่ปลอดภัยยังไงไม่รู้
“ตามสบายนี่ชวนหรือเปล่า?” เสียงนุ่มๆถามก่อนที่เตียงด้านที่ว่างจะยวบลงตามน้ำหนักตัวใครอีกคน
“ฮือม์ ว่าไง?” เสียงนุ่มๆนั้น พูดใกล้ๆหู จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ผมต้องทำคอย่นทำตัวหดม้วนกลมอยู่ในผ้าห่มยิ่งกว่าเดิม ผมได้ยินเสียงไอ้รันย์หัวเราะหึหึ ก่อนจะสะดุ้งเหยงสุดตัวจากสัมผัสเย็นๆ ที่เท้า
“ไม่ตอบหนึ่ง” มือเย็นๆนั้นไล้ไปตามฝ่าเท้า สัมผัสนั้นแผ่วเบาชวนจั๊กกะจี้ นิ้วมือนั้นไล้จากหลังเท้า ผ่านไปยังสันเท้า จนถึงส้นเท้า ก่อนจะแวะไล้นิ้วโป้งลงบนตาตุ่มอยู่หลายอึดใจ
“ไม่ตอบสอง” เสียงที่เคยนุ่มๆติดจะแปร่งพร่ากว่าเก่าเล็กน้อย ก่อนสัมผัสเย็นๆนั้นจะไล้ขึ้นมาถึงน่อง เป้าหมายต่อไปคือที่ตรงไหนหนอ?
“ดื้อจริงๆ” ผมซุกหน้าลงในกองผ้าห่มยิ่งกว่าเดิมพลางเม้มปากแน่น สัมผัสจากมือเย็นๆนั้นหายไปแล้ว เปลี่ยนเป็นสัมผัสอุ่นชื้น ลากไล้แถวๆหัวเข่า
“โอ้ย!” ผมร้องออกมาเพราะฟันคมๆนั้นขบเบาๆลงบนหัวเข่าผม ทั้งที่ไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรมากมาย แต่ใจมันเบาหวิวอย่างประหลาด
“เมศครับ เมศ” เสียงเรียกนั้นแหบพร่าทรงเสน่ห์กว่าครั้งไหนๆที่ผมเคยได้ยินมา ผมลอบมองดวงหน้าใครอีกคน ดวงตาคู่สวยนั้นแวววาวด้วยประกายบางอย่าง หัวใจข้างในอกนี้กำลังเต้นหนักๆอย่าไม่อาจห้าม สัมผัสที่เคยเย็นกลับกลายเป็นร้อนผ่าวขึ้นตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ ผมนึกโทษตัวเองที่ไม่น่าใส่กางเกงขาสั้นบานย้วยตัวนี้เลย มือแข็งแรงนั้นฟอนเฟ้นไปตามผิวเนื้อที่ต้นขาข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างหนึ่งกำลังถูกริมฝีปากหยักสวยขบเม้มค่อยเลื่อนขึ้นมาเรื่อยๆ...เรื่อยๆ
“อ๊ะ!” ผมรีบเอามือปิดปากอย่างตกใจกับเสียงของตัวเอง แววตาคมสวยที่เอิบอาบไปด้วยประกายปรารถนาคู่หนึ่งมองมาอย่างสมใจ
“อยากให้นับสามหรือเปล่า?”
คนพูดหัวเราะด้วยเสียงทุ้มลึกทรงเสน่ห์ ชวนให้หัวใจวิบไหวหนักกว่าเก่า อากาศรอบกายเหมือนถูกบีบให้เล็กลงเรื่อยๆจนต้องเร่งอัดอากาศเข้าปอด หัวสมองหมุนติ้วจนจับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่ว่าสัมผัสนั้นจะแตะลงบนผิวกาย แม้เพียงแผ่วเผินกลับสร้างความร้อนราวกับถูกเผา หัวใจเต้นแรงจนแทบจะกระดอนออกมาเสียนอกอก หรือชีวิต21ปีของไอ้เมศ จะต้องเสียเอกราชในวันนี้กันนี่?... คิดเข้าไอ้เมศ ทำอย่างไรดี คิดเข้าๆ!!
“ตอบสาม!!!” ผมตะเบ็งเสียงออกมาไม่รู้ว่าตัวผมหลุดออกจากแยมโรลผ้าห่มเมื่อไหร่อย่างไร แต่ผมยันอกไอ้รันย์ไว้ห่างตัว
“ห๊ะ ว่าไรนะ” ไอ้รันย์ทำมึน
“เกมส์โชว์หรือเปล่า?”คนพูดยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะจูบต้นขาด้านในอีกครั้ง คราวนี้เสียงของความเปียกชื้นชัดเจนกว่าครั้งไหนๆ
“หยุดๆ สต๊อปปุๆๆๆ!!” ผมร้องพลางนั่งหดขากอดเข่าตัวเอง ไอ้รันย์นิ่งข้าง ก่อนจะเลื่อนกายเข้ามาใกล้
“ทำไมล่ะ? ไม่ดีหรือ?”
“เปล่า.....”ผมพูดพลางซุกหน้าลงกับเข่าตัวเอง รู้สึกถึงลมหายใจอุ่นร้อนรดใบหู จมูกได้กลิ่นกายของใครบางคน เป็นกลิ่นที่ให้ความรู้สึกดีอย่างประหลาด
“...แต่ดูเหมือน...หัวใจจะรับไม่ไหว” ไอ้รันย์ถอนใจเฮือกใหญ่ก่อนจะจับหัวผมโยกเบาๆสองสามทีก่อนจะลุกจากเตียงไปเข้าห้องน้ำ
ผมเห็นไอ้รันย์ลุกจากไปแล้ว เลยเงยหน้าเอามือทาบแก้ม รู้สึกแก้มร้อนเหมือนเป็นไข้ ไข้นี้อาจจะเป็นไข้ใจหรือเปล่าอันนี้ไม่ทราบแน่ชัดครับ ทว่าความคิดของผมฟุ้งกระจายหนักกว่าเก่า เมื่อได้ยินเสียงครางเบาๆ มาจากในห้องน้ำ คราวนี้ไม่ใช่แค่หน้าผมที่ร้อนเหมือนเป็นไข้ แต่ผมว่าผมกำลังเป็นไข้แน่ๆแล้ว ผมเอามืออุดหู เสียงครางต่ำนั้นยังคงดังขึ้นในความเงียบ สมองผมคิดอะไรไม่ออกอีกต่อไปแล้วนอกจากหนีออกไปจากห้องนี้ครับ ผมรีบพุ่งตัวออกจากห้องตัวเองไปรัวกำปั้นเคาะลงที่ประตูห้องข้างๆ
“อะไร เคาะหาพระแสงอะไร คนจะหลับจะนอน”โม ญ แง้มประตูทั้งที่ยังติดโซ่จากภายในห้อง หน้าตาและสภาพยับๆเหมือนถูกลากมาจากที่นอน เวลาบ่ายคล้อยเย็นเป็นเวลาอันตรายสำหรับเพื่อนๆโม ญ นะครับ เป็นเวลานอนจำศีลของสาวสภานางนี้ ดังนั้น หากใครคิดจะรบกวน ควรคิดไตร่ตรองให้ดีก่อน
“ช่วยด้วย!” ผมร้องออกมาเสียงดัง โม ญขมวดคิ้วหนักกว่าเก่า
“ช่วยด้วยกรูนับสาม!!” โม ญ กรอกตาไปมาอย่างหงุดหงิด
“เมิงบ้าป่ะเนี่ย” โม ญอวยให้ทีหนึ่งก่อนจะปิดประตูห้องดังโครมใหญ่ตามด้วยเสียงลอคประตู
ใครก็ได้....ช่วยไอ้เมศด้วยยย~
*******************************
สวัสดีปีใหม่ทุกท่านนะคะ
ปีหนึ่งๆนี่ผ่านไปเร็วมากเลยนะคะ
เป็นอีกปีที่เมศไม่ได้ไปเที่ยวไหน เกิดอาการห่อเหี่ยวหัวใจเพราะทีวีเสีย เพื่อนไปเที่ยวกันเกือบหมด ที่บ้านเข้านอนกันหมดเเล้ว เเถมคะเเนนกลางภาคออกให้ห่อเหี่ยวหนักหนาอีกต่างหาก
เลยส่งท้ายปี+ต้อนรับปีใหม่ ด้วยการเขียนเเบบเเอบติด NC (เอ๊ะหรือไม่เเอบ) ซึ่งไม่เคยเขียนมาก่อนเลยค่ะ
ปีใหม่ อารมณ์ใหม่ใหม่ใหม่
ขอให้สวย/หล่อ ขอให้รวย ขอให้เก่ง ขอให้เเฮปปี้ดี้ด้ากันตลอดทั้งปีกันถ้วนหน้านะคะ ฮี๊วววว~
[/color][/size]
ปล.เพิ่งเขียนเสร็จสดๆร้อนๆเลยนะคะนี่5+ เข้าคอนเซป กินร้อนช้อนกลางล้างมือ(ไม่ใช่ละ...)