บทที่๕
ปิดเทอม สวรรค์ในวัยเรียนของใครหลายๆคน แต่สำหรับพวกผมแล้ว มันคือนรกแบบเชือดนิ่มๆ ในขณะที่เพื่อนๆของผมที่เรียนคณะอื่นไปเที่ยวกันสนุกสนาน พวกผมโหมโปรเจคกันอยู่ที่บ้านแทนจนแทบจะเป็นมนุษย์ค้างคาว แต่จริงๆแล้วเป็นเพราะผมนี่แหละครับที่ทำตัวเองให้เป็นมนุษย์ค้างคาว คือ นอนตอนกลางวัน แล้วตื่นตอนกลางคืน จนคุณหญิงแม่ที่เคารพบอกว่า หมาเฝ้าบ้านที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเห็นจะไม่พ้นผมเอง เยี่ยมไหมล่ะคุณหญิงแม่ ขณะนี้เป็นเวลาตีสองกว่าแล้ว ผมยังคงตั้งป้อมทำงานอยู่ที่โต๊ะไม้กลมกลางบ้านที่เคยใช้สำหรับกินข้าวหน้าโทรทัศน์ โคมไฟสีเหลืองที่ดูเสียสมดุลน้อยๆเนื่องจากตัวไฟเอนมาด้านหน้าจนผมเองหัวโขกไปก็หลายรอบต้องให้แสงสว่างกันการวัดโมเดลชิ้นเล็กขนาดเสี้ยวมิลลิเมตร
“จะเล็กไปถึงไหนเนี่ย” ผมบ่นพลางใช้ไม้บรรทัดวัดขนาดโมเดลเจ้ากรรมที่อุตส่าห์หอบสังขารไปซื้อกันมา ความซวยตกเป็นของผมตอนที่แจกงานกันทำ อุตส่าห์เป็นคนทำฉลาก เขียนเองพับเอกกับมือ ดันมือดีจับได้ส่วนที่ต้องทำชิ้นเล็กมากๆ จนเวลาเขียนแบบลงในโปรแกรมคาเตี่ยต้องซูมแล้วซูมอีก(ชื่อเต็มคือ ตายคาตรีนเตี่ย เนื่องจากเตี่ยตื่นมาตอนตี3ทีไรเห็นผมนั่งเขียนแบบ จนถูกเตี่ยเหยียบเนื่องจากไม่ยอมหลับยอมนอนนี่ล่ะครับ)
‘ดื่อดื้อดึ้ง~’เสียงโปรแกรมสื่อสารเรียกร้องหลายๆครั้งติดต่อกันทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นจากแบบที่กำลังวัด
รันย์....ชีวิตกับความหล่อนี่มัน เหนื่อยจริงๆ say: เมศ ยังมีชีวิตอยู่มะ
ตี๋เยาวราช say: พาร์ทB12วัดความยาวได้เท่าไหร่วะ?
ตี๋เยาวราช ถึงจะตี๋ แต่กรูมั่นใจว่าหล่อกว่า say: ชื่อเมริงไอ้รันย์ = =๐ไม่ค่อยเลยนะ
รันย์....ชีวิตกับความหล่อนี่มัน เหนื่อยจริงๆ ไอ้ตี๋แอบอ้าง อย่าไปเชื่อมันครับทุกคนsay: แน่นอนว่ะ กรูยอมรับสภาพจริงของตัวเองเสมอ
ควายน้อยกรอยใจ นกเอี้ยงรำไรมาพบกัน say:คุยไรกันวะ วัดแบบอยู่ (กรูยังไม่ตาย)
รันย์....ชีวิตกับความหล่อนี่มัน เหนื่อยจริงๆ ไอ้ตี๋แอบอ้าง อย่าไปเชื่อมันครับทุกคนsay: ไอ้เมศ ส่งพาร์ทที่เมริงทำต่อกับของกรูมาดิ๊
ควายน้อยกรอยใจ นกเอี้ยงรำไรมาพบกัน say:ชิ้นไหนวะ?
ตี๋เยาวราช ถึงจะตี๋ แต่กรูมั่นใจว่าหล่อกว่า say: ต้องทำโฟโต้สตูดิโออีกว้อย จะรอดไม๊วะ?
รันย์....ชีวิตกับความหล่อนี่มัน เหนื่อยจริงๆ ไอ้ตี๋แอบอ้าง อย่าไปเชื่อมันครับทุกคนsay: อ่านลืมประชุมค่ายนะเว้ย วันพุธนี้
ควายน้อยกรอยใจ นกเอี้ยงรำไรมาพบกัน say:เหอๆ ไม่อยากประชุมเว้ย เห็นหน้าคู่พี่เลี้ยงแล้ว เสื่อม...
ตี๋เยาวราช ถึงจะตี๋ แต่กรูมั่นใจว่าหล่อกว่า say: ใครวะ?
ควายน้อยกรอยใจ นกเอี้ยงรำไรมาพบกัน say:บอกแล้วมีขำ
ควายน้อยกรอยใจ นกเอี้ยงรำไรมาพบกัน say:โม ญ
รันย์....ชีวิตกับความหล่อนี่มัน เหนื่อยจริงๆ ไอ้ตี๋แอบอ้าง อย่าไปเชื่อมันครับทุกคนsay: หึหึหึหึ
ตี๋เยาวราช ถึงจะตี๋ แต่กรูมั่นใจว่าหล่อกว่า say: กร๊ากกกกกกกกกก
ตี๋เยาวราช ถึงจะตี๋ แต่กรูมั่นใจว่าหล่อกว่า say: พวกเมริงทำบุญมาด้วยอะไร เจอกันเองตลอด
ควายน้อยกรอยใจ นกเอี้ยงรำไรมาพบกัน say:กรูก็ไม่รู้เว้ย กรูว่ากรูกรวดน้ำคว่ำขันกะมันไปแล้วนะเว้ย แต่จับฉลากได้มันเนี่ย กรูจะบ้า ชักไม่อยากจะไปและ ค่ายเนี่ย
และแล้วค่ายก็มาถึง ตามนัดหมายของเหล่าสต๊าฟค่าย ให้ไปรวมพลกันที่สถาบันก่อนเวลา8โมงเช้า แต่ผมสามารถกว่านั้น อาจารย์นัด8 ผมตื่น7โมง45ครับเมื่อคืนมัวแต่ทำโปรเจคเลยนอนดึกเลยนอนเพลินไปหน่อย ไม่รู้ว่าด้วยอะไรดลใจไอ้รันย์ให้มันไปก่อนโดยไม่โทรปลุกผม ไม่ขึ้นมาเคาะห้องเรียก ทำให้ผมต้องหัวกระเซิงด้วยการแบกเป้ใบใหญ่วิ่งกระหือกระหอบมา พอผมมาถึงชาวบ้านเขาก็ลงทะเบียนกันไปหมดแล้ว ผมจึงได้แต่เซนต์ชื่อลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมด้วยมือสั่นเพราะแรงหอบก่อนจะใส่เกียร์หมาวิ่งขึ้นไปเก็บกระเป๋าที่ชั้นสองแบบไม่คิดชีวิต
“ไอ้เอี้ย!ไมไม่โทรปลุกกรูวะ”คำทักทายอันเป็นมงคลชีวิตพลั่งพรูจากปากผมใส่ไอ้รันย์ทันทีที่เห็นหน้ามัน ต่อหน้าธารกำนัล สต๊าฟค่าย และน้องค่ายที่เริ่มทยอยกันมา
“ก็เมื่อคืนเมริงบอกว่าจะตื่นเองไม่ใช่หรอ” มันทำตาปรือใส่ผมครับ แต่สังเกตหน้ามันแล้ว ดูใสปิ๊งปั๊งเปร่งปลั่งเหมือนใช้การ์นิเย่วไม่มีผิด
“หน้าใสเชียวมึง เข้าคอสเจ้าสาวมาหรือไง?”ผมถามมันแบบพาซื่อครับ เพราะผมเซอร์โทรมเป็นศพ แต่มันกลับดูออร่าจับมาก
“ป่าว ก็เมื่อคืนฝันดี”
“ฝันถึงไอ้เมศมันน่ะสิแก”มาแล้วครับเงาทะมึนของรังสีเหนือม่วง มันเริ่มครอบงำเป็นบริเวณกว้าง จะใครละครับ มันก็โม ญ นั่นแหล่ะ
“โน่นสีฟ้าน้องเมริง ยืนจีบกันอยู่ได้”นั่น...โดนมันจิกกัดอีกตะหาก เราแบ่งการดูแลน้องค่ายออกเป็นสีครับ สิบกลุ่มสิบสีให้พอชวนหัวงวยงง
“เมริงสีไรวะ?”
“สีติดกะเมริงอ่ะ”แหม มันเข้าใจตอบครับ
“ขอบใจพ่อเมริงมาก จะรู้ไม๊ว่าสีเอี้ยอะไร”ผมส่ายหน้าระอาใจแล้วตีตัวออกห่างไปสบตากับน้องหัวเกรียนคนหนึ่งจากป้ายประจำตัวน้องระบุว่าเป็นเด็กผมแต่ต้องถามให้แน่ใจก่อนครับ
“สีอะไรครับน้อง?”ผม ‘เงย’หน้าถามน้อง หน้าขาวๆกับหัวเกรียนๆที่จงอยผมด้านหน้าเริ่มยาวดูและระคายตาถ้ามันเป็นน้องผม อย่าเผลอนะเมริง..กรูจะตัดให้เหี้ยน หึหึหึ
“ฟ้าครับ”
“เขียนชื่อแล้วเอาป้ายผูกหูกระเป๋าน้องไว้นะครับ พี่ขอตรวจกระเป๋าด้วยนะ”มันรับคำสั้นๆ ผมนั่งยองๆข้างมัน เปิดกระเป๋าคุ้ยๆดูของข้างในตามหน้าที่ เผื่อว่าน้องๆจะพกของอะไรที่ไม่เหมาะไม่ควรเข้ามาในค่าย สักพักผมรู้สึกได้ว่าไอ้น้องคนนี้มันจ้องหน้าผมจัง ผิดวิสัยเด็กที่มักจะไม่ค่อยอยากสบตาใครถ้าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
“มีอะไรหรือเปล่าครับน้อง?”
“พี่ ชื่ออะไรครับ”
“อ่อ พี่ชื่อเมศครับ แล้วน้องอ่ะ”
“กรีนครับ”แหมชื่อมันอินเตอร์ครับฟังแล้วตอเหลแสลงหู ผมมันคนชื่อไทยแท้แต่กำเนิด
“อ้อ....น้องเขียว”
กิจกรรมค่ายเริ่มขึ้นเล้วหลังจากอธิการบดีได้กล่าวเปิดค่ายอย่างเป็นทางการ และอาจารย์ออกมาชี้แจงรายละเอียดค่ายโดยรวม หลังจากนั้นก็ ได้เวลาสนุกแล้วสิ เสียงกลองรัวจังหวะโป๊ะๆ แบบไม่เกรงใจบ้านหลังเล็กหลังน้อยที่อยู่หลังสถาบันจะด่า เริ่มแรกด้วยการละลายพฤติกรรมน้องพี่ ให้รู้จักกลมเกลียวกันด้วยการวิ่งไปทั่วสถาบันเพื่อหาบัตรประจำตัวของเพื่อนด้วยภาษาใบ้ หลังจากนั้นก็กลับมารวมกันที่ลานกิจกรรมอีกครั้ง เพื่อล้อมวงเล่นกิจกรรมร้องเล่นเต้นรำกันให้ครื้นเครง มีบ้างที่น้องบางคนจะได้รับความเมตตาแบบล๊อคเลขหวยผีจากพี่ๆ หนึ่งในนั้นเป็นน้องที่ผมภูมิใจนำเสนอครับ ไอ้เขียว.....
“ไอ้เขียวโดนอีกแล้วว่ะ”ผมพูดอย่างขำๆกับคู่พี่เลี้ยงของผมขณะเห็นน้องกลุ่มกำลังทำท่าตามพี่ๆฝ่ายสรรฯ เป็นท่าที่ผมลงความเห็นแบบฟันธงว่าอุจาดตาดีแท้ แต่ไอ้เขียวมันก็ทำแบบหน้าชื่นตาบาน
“เออ แมร่งเปรี้ยวตรีน ต้องให้มันโดนอีก หึหึหึหึ”โม ญ หัวเราะขึ้นจมูกสะใจครับ
“โปรเจคแกจะเสร็จยังวะ?”ผมหันไปมองหน้าโม ญ แบบเซ็งในอารมณ์
“ยัง ถามทำไมตอนนี้วะ เสียอารมณ์หมด”
“ก็ถามไว้เผื่อแกจะขึ้นไปทำต่อให้เสร็จ จะถึงเดทไลน์แล้วนะเมริง”
“เมื่อคืนเรนเดอร์แล้ว แค่เอามาให้ในกลุ่มดูว่าโอเคไหมก็เสร็จแล้ว แล้วของแกอ่ะ”
“เกือบแล้ว”ผมหันกลับไปที่กิจกรรมอีกครั้ง ไอ้เขียวกำลังแด๊นซ์อย่างเมามันส์ตามที่พี่ฝ่ายสรรฯสั่งอย่างรู้งาน หน้าตามันก็ดีนะครับ แต่ท่าเต้นบัดซบ เลยทำให้ดูบัดซบแบบเหมารวม ท่าชูศรีดูมันจะชอบมาก
“ไอ้เขียวนี่คนที่ชื่อเป็นญี่ปุ่นป่ะ”น้องในกลุ่มผมมีชื่อญี่ปุ่นถึงสองคนด้วยกัน
“เออ ยูทากะ อภิวัฒน์ เซรัน น้องผู้หญิงอีกคนชื่อฮานะ”
“คนที่เรียบร้อยๆ ใช่มะ”โม ญ หนักหน้าเรียบๆ ก่อนมันทำหน้าตื่นๆแล้วลุกขึ้นยืนเหมือนโดนเหยียบหาง
“กุไปส้วมก่อนนะ”มันว่าแล้วรีบเดินจากไปทันที
“น้องสีอะไรครับ?”เสียงพิธีกรหน้าตาเหมือนหมาปั๊กถามไอ้เขียว
“สีฟ้าครับ”
“งั้นเชิญพี่มันออกมาหน่อยครับ พี่เลี้ยงสีฟ้าอยู่ไหนครับ”เอาแล้วไงกรู.... ผมนั่งหน้าเหรอหราอย่างงงๆ ท่ามกลางเสียงขับไล่ไสส่งให้ผมออกไป ผมหันไปมองหน้าไอ้รันย์ทีนึง
“ไปดิ๊ เขาเรียกเมริงแหนะ”
“เชิญพี่เมศกลางวงเลยคร๊าบบบบ”ผมเดินเข้ากลางวงขนาดใหญ่กินพื้นที่ลานระหว่างตึกทั้งหมดอย่างงงๆ
“พี่เมศรู้ไหมครับว่า น้องพี่มันเกรียน”พิธีก่อนหน้าหมาปั๊กส่งไมค์มาให้
“เอ่อ...ครับ”เสียงน้องๆขำกับความเอ๋อสมองไหลของผม
“พี่เมศบอกเขาไปสิครับว่าน้องพี่มันหล่อ”ไอ้เขียวมันกระซิบข้างหูแต่ดังพอจะได้ยินกันไปครึ่งสนาม พลางสะกิดยิกๆ
“ในเมื่อน้องมันเกรียน พี่มันต้องโดนด้วย เอ้า มิววววววววสิค!!!!”ฉิบหายแล้วกรู
เสียงกลองรัวจังหวะไปพร้อมกับทำนองเพลงพลิ้ว เพลงที่เกือบจะเป็นเพลงประจำคณะIT มันให้เต้น ผมก็ต้องเต้นครับ โดดหน้าโดดหลังไปกับไอ้น้องเขียว พลางคิดในใจ เออ...คนที่พลิ้วสุดคงไม่ใช่กรู ฮาๆฮือๆ ไอ้โม ญ จำไว้นะเอ็ง เสียงเพื่อนปรบมืออย่างถูกใจหลังจากเพลงจบทำให้ผมโล่งใจว่าจะหมดเคราะห์หมดโศกกับการเต้นไปได้เสียที แต่ก็เหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง พวกมันไม่ยอมให้ผมกับไอ้น้องเขียวกลับเข้าที่นั่งครับ ด้วยข้อหาว่าพี่มันเต้นไม่โดนใจคณะกรรมการ
“เฮ้ย ไม่เอาแล้วเมริง”ผมประท้วง
“พี่เต้นสู้น้องไม่ได้ อย่างนี้ไม่ผ่าน”เสียงเฮจากขอบสนามอันเป็นที่พำนักของเหล่าสต๊าฟดังกว่าจากในวงหลายเท่า เล่นพวกกันนี่หว่าพวกเมิง
“เซี่ยงจี้จะไหลออกทางปากแล้วเว้ย มาเต้นเองมา” ผมยังดิ้นรน
“ไม่ได้ๆ ไม่ผ่านก็คือไม่ผ่าน”เสียงหัวเราะสะใจดังมาจากไอ้รันย์เลยครับ ขำน้ำหูน้ำตาไหลเชียวนะเมริง
“งั้นขอตัวช่วย”ผมยกมือขึ้นยื่นขอเสนอประหนึ่งเล่นเกมส์โชว์
“จัดไป”
“เมิงมานี่”ผมย่างสามขุมไปหากลุ่มสต๊าฟค่ายAEที่นั่งเกาะกลุ่มกัน เท่านั้นแหล่ะครับ เหมือนแมงสาบรังแตกไม่มีผิด วงแตกลุกฮือกันขึ้นมาทันที แต่เป้าหมายมีเพียงหนึ่งเดียว ไอ้รันย์กรูโดนเมิงต้องโดน!!
‘หมับ’
“วู้ว~จับมือถือแขนว้อย เอาแล้วไงเมริง”เสียงเห่าเสียงหอนจากต้นเสียงที่ไม่ต้องบอกว่ากลุ่มไหน (จะกลุ่มไหนถ้าไม่ใช่สภาฯ)ทำให้เกิดเสียงเป่าปากโห่ฮาตามมา ผมลากไอ้หมีควายรันย์มาได้สำเร็จ
“น้องๆครับ ตอนนี้ขึ้นป้ายเรทต่ำกว่า๑๓ควรมีผู้ปกครองแนะนำแล้วนะครับ”พิธีกรภาคสนามแซวอย่างอารมณ์ดี
“เอาเพลงอะไรดี”พิธีกรถามขอความเห็นจากน้องค่ายอย่างกระตือรือร้น
“เมียงู!!!” สองเสียงประสานกัน สามัคคีกันขึ้นมาเชียวเอี้ยรันย์ ไอ้เขียว
บาทเดียวดูเพลิน
อะไรไม่เกินเมียงู
ลูบได้คล้ำได้
ลูบได้คล้ำได้
แต่อย่าเอาไม้แหย่รู ๆๆ
โอ้วม่ายยยยยยย!!!ไอ้ตอนท่อนแรกบาทเดียวดูเพลิน มันก็ยังเพลินดีหรอกครับ แต่ไอ้ท่อนลูบได้คลำได้ โอ้วม่ายยยยยย~เสียงกรี๊ดเป่าปากโห่ร้องสารพัดประดังขึ้นมาทันที ผมว่างานนี้ไม่ใช่เรท๑๓แล้วเรท๑๘ไปเลยดีกว่า ลูบได้คลำได้นี่ปรกติจะแค่ทำท่าลูบๆแบบไม่ถึงเนื้อถึงตัว แต่นี่สี่มือเลยคร้าบบบบ~คลูบๆคลำๆตัวผมโดนแบบสดๆ ไม่มีสลิงค์ ไม่ใช้แสตนด์อิน สยิวกิ๋วขนลุกเกรียว
“เอ่อ...น้องๆที่อายุยังไม่ถึง18กรุณารับคำแนะนำจากผู้ปกครอง หรือจากพี่เลี้ยงเลยนะครับ”พิธีกรแซวอีกเล้วครับพี่น้อง
“พี่เมศเชะชี่”มันมาล่ะครับ ปากยื่นปากยาว
“เสียสาวแล้วเมริง ฮี้วววว”
“ใครใช้ให้พวกเมิงลูบจริงวะ”ไอ้รันย์หัวเราะหึหึ ส่วนไอ้เขียวออกอาการเปรี้ยวตรีนขึ้นมาทันที
“ก็ตอนแรกจะทำแบบปรกตินั่นแหล่ะครับ แต่เห็นพี่รันย์เอาจริงผมก็ทำตามพอดีเป็นพวกไม่ชอบให้ใครได้หน้ามากกว่า”
“โอ้โห ไอ้เขียว เมิงเป็นเอี้ยเกรียนตัวน้อยจริงๆ”ผมกล่าวตอบรับน้ำใจน้องด้วยภาษาดอกไม้(คาดว่าอุตพิษ)แล้วยิ้มเหี้ยม ก่อนจะตบกะโหลกพอออมแรงให้มันกลับไปนั่งที่
“เมริงอีกตัวนะ”ผมหันไปชี้หน้าไอ้รันย์มัน รู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองผมตลอดแม้ว่ากิจกรรมเต้นเสียวจะจบลงแล้ว ไอ้รันย์ยักไหล่อย่างน่าหมั่นไส้ก่อนจะแยกย้ายไปทำหน้าที่กันเพื่อรวมน้องกลุ่มตนเองให้ตั้งแถวเตรียมทานอาหารกลางวัน
“ขอบคุณพี่สต๊าฟนะครับ พี่เลี้ยงพาน้องไปรับประทานอาหารได้เลยนะครับ เราจะนัดรวมกันอีกทีตอนบ่าย”
“เกิดไหมเมริง?”เสียงถามปนหัวเราะโรคจิตดังขึ้นข้างหู ขณะที่ชาวค่ายกำลังล้อมวงกันทานข้าว โดยมีพี่เลี้ยงนั่งร่วมวงอยู่ด้วยผมและโม ญ นั่งติดกัน
“มาแล้วหรอครับ ไอ้คุณโม ญ ไม่ทราบไปส้วมเนี่ย ขี้หมดส้วมหรือยัง”โม ญหัวเราะสะใจก่อนเริ่มตักอาหารใส่ปาก
“เออ น้องไม่สบายคนนึง เลยพาไปหาพยาบาล กว่าจะกลับมาเมิงก็ไปอยู่กลางวงแล้ว บาทเดียวดูเพลินเลยล่ะเมริง” มันพูดพลางชี้นิ้วชี้ซ้ายขวาขึ้นมาเหมือนท่าเต้นที่ผมเพิ่งเต้นไป
“เพราะเมิงชิ่งนั่นแหล่ะ”
“อ๊ะ ถ้าไม่ชิ่งจะได้ดูของดีหรอกวะ ลูบได้คลำได้ๆ หึหึหึ”ผมเม้มปากด้วยอาการคันไม้คันมืออยากบีบคอเพื่อนหญิงคนนี้ให้ตาย ขณะที่มันกำลังหันไปคุยกันน้องกลุ่มอย่างสนุกสนาน
“พี่เมศคะ เมียงูพี่สุดยอดเลยนะคะ”น้องสาวคนที่เรียบร้อยที่สุดในกลุ่มเราพยายามหาเรื่องคุย เอาเรื่องนี้จะดีหรอครับน้อง ฮาๆฮือๆ
“อ่า ขอบคุณครับ”ผมตอบรับน้องคนนั้นท่ามกลางเสียงหัวเราะสะใจแบบเปิดเผยสุดๆของคู่พี่เลี้ยงของผม
“กรูบอกแล้ว เมริงจะเกิด เมริงก็ต้องเกิด”
กิจกรรมภาคบ่ายเป็นกิจกรรมเข้าฐาน คือพี่เลี้ยงต้องพาน้องๆเข้าฐานต่างๆรอบสถาบันฯเพื่อเล่นเกมส์ต่างๆที่ฝ่ายกิจกรรมคิดกันสมองแทบไหลจนถึงตอนเย็นแล้วค่อยปล่อยน้องอิสระ โม ญชิ่งไปทำงานโปรเจคที่เหลืออีกนิดหน่อยให้เรียบร้อย ผมจึงพาน้องไปเข้าฐานพร้อมกับพี่เลี้ยงสำรองต่างคณะ โดยแต่ละฐานจะให้สองสีไปด้วยกัน โชคร้ายที่สีผมไปพร้อมกับสีไอ้รันย์ ใครนะมันช่างคิดให้ผมไปกับมันจัง เมื่อกิจกกรรมเข้าฐานดำเนินมาถึงฐานก่อนโค้งสุดท้ายของช่วงเวลากิจกรรมยามบ่าย ในที่สุดก็มาถึงกิจกรรมขาไก่หรรษาอซึ่งถ้าดูจากกลุ่มที่เพิ่งเปลี่ยนฐานออกไปคงจะประทับใจกับฐานนี้มาก
“น้องตั้งแถวตอนลึกแบ่งชายหญิงอย่างละแถวนะครับ หยิบขาไก่ที่พี่ๆแจก”สต๊าฟเจ้าของฐานตะโกนบอก น้องค่ายก็ทำตามอย่างว่าง่าย....ดีมากไอ้น้อง
“กติกาง่ายๆครับน้อง ตอนนี้น้องมีอุปกรณ์แล้ว คือขาไก่คนละหนึ่งอัน และหนังยาง.....”ผมไม่ค่อยได้สนใจฟังนัก สายตาเหลือบขึ้นมองบนตึกBชั้นสี เห็นคนหน้าตาคุ้นๆกำลังโทรศัพท์พลางชะโงกตัวลงมามองข้างล่าง ก่อนจะหายไปอย่างลึกลับ เสียงฮือฮาจากน้องๆทำให้ผมกลับมาสนใจสิ่งรอบตัวอีกครั้ง
“ให้น้องส่งหนังยางต่อกันไปโดยคล้องยางไว้กับขาไก่แล้วส่งไปท้ายแถวนะครับ”กติกาโหดนะ...มิน่าให้แยกชายหญิง
“พี่เลี้ยงชายโชว์สปิริตต้องร่วมเล่นเกมส์ด้วยนะครับ เพราะน้องผู้หญิงมีเยอะกว่า เดี๋ยวฝ่ายชายจะได้เปรียบ”ฉิบหาย(อีกแล้ว) ผมหันไปสบตาไอ้รันย์เข้าพอดี มันยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยให้ผมอีกแล้วครับ เห็นแล้วคันมืออยากตบกะโหลกมันขึ้นมาทันที
“พี่เมศๆ”ไอ้เขียวกวักมือเรียกไหวๆให้ผมไปต่อแถวหลังมัน พลางรับอุปกรณ์ในการเข้าฐานมาถือไว้อย่างละเหี่ยใจเต็มที โดยมีไอ้รันย์เป็นคนปิดท้ายแถว
“เริ่มส่งได้หลังสัญญาณนกหวีดนะครับ แถวไหนแพ้เดี๋ยวมีโชว์ เมียงูอีกสักเวอร์ชั่นดีไหม”สต๊าฟประจำฐานหันมาแซวผมอีกแน่ะ
ปรี๊ดดดดดดดดด~
เสียงนกหวีดดังขึ้นแล้วต้นแถวกำลังส่งหนังยางให้คนต่อมาอย่างน่าหวาดเสียว มันจะไม่หวาดเสียวได้อย่างไรล่ะครับ ขาไก่อันนิดเดียวความยาวไม่น่าเกินนิ้วครึ่ง เห็นแล้วหวาดเสียวว่าแทนที่จะได้ส่งหนังยางจะกลายเป็นโชว์ด๊วบแทน ผมสังเกตว่าสต๊าฟถ่ายภาพมักมาชุมนุมกันที่ฐานนี้มากผิดปรกติ ที่แท้ก็เพราะเหตุนี้นี่เอง แถมมีการเล่นมุมกล้องให้ดูหวาดเสียวขึ้นไปอีก โดยเฉพาะถ้าน้องคนนั้นมีภาษีดีที่หน้าตา ไอ้พวกนี้จะรุมถ่ายเยอะมาก มันโรคจิตครับทุกคน
“เฮ้ยรันย์ เมริงดูดิ ไอ้พวกนี้ โรคจิตว่ะ ถ่ายกันใหญ่”ผมหันไปพูดกับไอ้รันย์ เห็นปากมันคาบขาไก่รออยู่แล้ว จากการสังเกตทำให้ผมเห็นว่าขาไก่ขยับไปมาในปากมัน
“ไอ้เอี้ย!!!เมริงอย่าแทะเล่นดิวะ ยิ่งสั้นๆอยู่ เมริงนิ”เรื่องจริงครับ ไอ้รันย์มันแทะขาไก่ จากที่มันสั้นอยุ่แล้ว มันก็ยิ่งสั้นน่ะสิครับ
“อร่อยดีออกเมริง”ลอยหน้าลอยตาตอบกันเลยทีเดียว
“กินหลังจบเกมส์ก็ได้เว้ย เดี๋ยวกรูแถมให้ทั้งห่อเลย”พวกเมริงนิไม่สำนึกกันเลยนะว่าขาไก่มันสั้นๆก็ไม่ควจะไปทำให้มันสั้นกว่าเก่า ตรรกะอยู่ที่ไหนพวกเมริง
“พี่เมศจะถึงแล้ว”ไอ้เขียวหันมาเรียก แล้วหันกลับไปรับหนังยางมากจาก เพื่อนคนหน้า
นาทีระทึกมาถึงแล้ว ผมละแทบจะโดดออกมานอกแถวให้ได้ หน้าขาวๆของไอ้เขียวเลื่อนเข้ามาใกล้ๆ สายตาหลุบมองริมฝีปากผมอยากตั้งอกตั้งใจ น้องมันหน้าตาดีเหมือนกันนะเนี่ย ดูใกล้ๆแบบนี้หน้าใสกิ๊งเลย อ้าว....คิดไปไหนวะเนี่ยกรู ไอ้เขียวส่งหนังยางให้ผมไม่ได้สักที มันออกอาการต้องเปลี่ยนมุมในการส่งให้ เสียงกล้องถ่ายรูปดิจิตอลดังอยู่ใกล้ๆทำให้ผมนึกด่าคนถ่ายอย่ในใจอีกหลายตลบ
“เสร็จหรือยัง ส่งช้าจริงว่ะ”เสียงไอ้รันย์ดังอยู่หนือหัวอย่างหงุดหงิด พอดีกับหนังยางเจ้ากรรมคล้องกับขาไก่ในปากผมได้พอดี
ผมทำคอแข็งกลัวจะทำหนังยางร่วงจากปลายขาไก่ที่หมิ่นเหม่เต็มที แล้วค่อยๆกลับหลังหันไปหาไอ้รันย์ มันย่อตัวลงเล็กน้อย เนื่องจากความสูงที่ต่างกันค่อยข้างชัด แหงนหน้านิดๆเพื่อรับหนังยางได้ง่ายขึ้น ผมเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ ยิ่งใกล้ยิ่งใจเต้นแรง แรงจนผมนึกกลัวว่าไอ้รันย์จะได้ยินว่าหัวใจผมมันแทบจะกระดอนออกมาทางปากอยู่แล้ว ดวงตายาวที่มีขนตาสีเข้มหนาเป็นแพ มองผมด้วยนัยน์ตาพราว มุมปากหยักสวยเข้ารูปนั้นยกยิ้มน้อยๆพลางคาบขาไก่ไว้ มือแข็งแรงแตะไหล่ผมไว้ พลางบังคับทิศทางให้ผมเคลื่อนไปตามมัน แต่ดูเหมือนจะยังไม่ใช่มุมที่เหมาะแก่การส่งหนังยาง มืออีกข้างของมันจึงแตะลงแถวเอวเพื่อให้ผมเบี่ยงตัวไปในองศาที่ถูกต้อง เสียงกล้องและแสงแฟรชเสียงชัตเตอร์จากกล้องทั้งกล้องดิจิตอลและมือถือถ่ายกันโชะแช๊ะไปหมด
“คู่นี้นี่ส่งนานว่ะ จะได้เสียกันอยู่แล้วเนี่ยเมริง เร็วเร๊วววว”เสียงโม ญ ที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนทำให้ผมสมาธิแตกซ่าน
“อย่าไปแซวมัน เดี๋ยวขาไก่ร่วงโดนไอ้รันย์จูบจริงนะเมริง”
“ปากแตะปากเลย ฮี้ววว~”จากเสียงแล้วคาดว่าสภาที่ทำหน้าที่พี่เลี้ยงได้พละจากกลุ่มสีของตนเพื่อมาเชียร์ผมอย่างครบองค์ประชุมแน่นอน จะมากันทำไมมากมายครับเจ๊ มือไอ้รันย์ออกแรงบังคับองศาของผมอีกครั้ง คราวนี้หนังยางยอมไปอยู่บนขาไก่ของไอ้รันย์อย่างว่าง่ายเลยครับ
‘เฮ้~~’เสียงน้องๆเฮประกาศชัยชนะ ช่างน่ายินดียิ่งนักที่แถวพวกผมชนะ ไม่อย่างนั้นอาจมีโชว์เสียกันอีกรอบโดยไม่เต็มใจได้ น้องผู้หญิงทั้งแถวโดนลงโทษพอหอมปากหอมคอด้วยการเต้นไก่ย่าง ให้พอขำขันเฮฮาก่อนจะปล่อยแถวให้ไปฐานต่อไป
“เฮ้ย ไหนขาไก่กรูอ่ะ”ไอ้รันย์มันดึงตัวผมไว้รั้งท้ายขบวนน้องๆ
“อะไรวะ”ผมพูดพลางใช้มือจับขาไก่ที่เมื่อกี้ใช้คาบนั่นแหละครับ พอดีไม่ค่อยชอบกินขาไก่เท่าไหร่เลยไม่ค่อยอยากกิน
“ไหนบอกว่าถ้าไม่แทะเล่น เดี๋ยวจะเอาให้อีกไง”อ่อ ของกินนี่เอง
“เออ ไว้พักก่อนเดี๋ยวซื้อให้”
“ไม่ต้องอ่ะ” มือคว้ามือผมแล้วงาบขาไก่ในมือผมไปเคี้ยวกรุบๆ ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมกันเลย ก่อนจะเดินลอยชายตามกลุ่มมันไป ทิ้งผมให้ยืนมึนงง
“เห็นน๊าๆ ฮี้วว~” เอ่อ ซวยสิครับ สาวๆชาวสภาฯยังอยู่
“เดี๋ยวนี้พัฒนาแล้วนะเนี่ย สงสัยคู่นี้ไม่แคล้วละเว้ย”
“ไม่แคล้วอะไรครับ พวกเจ๊กลับไปดูน้องกลุ่มตัวเองได้แล้วม๊างงง”สภาฯมองหน้ากันแบบเพิ่งได้สติ ก่อนจะขอตัวแยกย้ายกันกลับไปทำหน้าที่ เหลืออยู่คนเดียวที่ก่อนหน้านี้แอบดอดไปทำโปรเจค บัดนี้หัวเราะโรคจิตขึ้นมาอีกแล้ว
“เมื่อกี้ยังอยู่ห้องคาร์เทียอยู่เลยไม่ใช่หรอ?”
“ลงมาแล้ว มีคนโทรตาม”โอ้โห สภาฯมีการโทรตามให้ลงมาดูฐานนี้โดยเฉพาะ อำนาจมืดจริงๆ ผู้หญิงกลุ่มนี้ มีใครสนใจจะเข้าพวกสภาฯไหมครับ ผมจะได้ดอลลี่ตัวเองให้ห่างเข้าไว้
ท้องฟ้ามืดครึ้มเป็นสัญญาบอกให้ทราบถึงเวลากลางคืน แสงดาวกระพริบวิบไหวในคืนนี้ไม่อาจสู้แสงจากกองไฟเทียมที่สร้างจากสปอตไลท์ได้ เพราะดูเหมือนจะไม่มีใครให้ความสนในดาวบนฟ้าเลยสักคน ผมเดินนำน้องๆไปยังลานกิจกรรมภาคกลางคืน ที่มีอาจารย์และเหล่าผู้ควบคุมเสียงที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีนั่งประจำที่อยู่แล้ว เสียงเพลงฮิปฮอปแผดเสียงผ่านลำโพงช่วยปลุกกระตุ้นให้ชาวค่ายยิ่งคึกคัก ผมพาน้องๆนั่งลงตีตั๋วแถวหน้า เพื่อรอชมการแสดงชุดแรกของกิจกรรมภาคกลางคืน นำแสดงโดยเหล่าพี่เลี้ยงที่เพิ่งซักซ้อมกันแบบได้เพลงคิดท่ากันเดี๋ยวนั้น ไม่มีอะไรมากหรอกครับออกมาเต้นให้พอครึกครื้นสนุกสนาน ต่อมาเป็นกิจกรรมการแสดงของน้องๆชาวค่าย ที่คิดกันสดๆอีกนั่นแหล่ะ สลับสับเปลี่ยนไปกับกิจกรรมจากฝ่ายสรรฯทั้งร้องเล่นเต้นรำเอาให้ครบเครื่อง โดยเฉพาะเกมส์เชื้อโรคแด๊นซ์กระจาย กติกาง่ายแต่แอบทำยากคือตัวเชื้อโรคจะเต้นหาหาเป้าหมายแล้วแตะ เต้นไปแตะใครคนนั้นต้องเต้นท่าเดียวกันกลับมาเพื่อแตะยังกองไฟเทียมที่จัดไว้กลางวงล้อม ก่อนจะเปลี่ยนท่าแล้วไล่แตะคนอื่นต่อ พวกผมเล่นเส้นสายนิดหน่อย เพื่อให้อาจารย์อันเป็นที่เคารพรักได้ออกมาแค่ขยับเท่ากับออกกำลังกายบ้าง เพราะอาจารย์เริ่มหุ่นดีมากแล้ว เอ่อ...หมายถึงหุ่นเป็นรูปตัวดีน่ะครับ คงนึกภาพออกใช่ไหม แต่ลูกศิษย์เป็นยังไง อาจารย์ท่านก็ปรับตัวตามได้ครับ ด้วยการเต้นกลับมาแตะซุ้มกองไฟเทียมอย่างว่าง่าย ก่อนส่งสายตามุ่งร้ายมายังเหล่าสต๊าฟAEที่นั่งกันเป็นกระจุก แล้วเปลี่ยนท่าเต้นมุ่งตรงมาทางเหล่าลูกศิษย์ด้วยความเร็วเกินจะคำนวนได้ ที่สำคัญคือ อาจารย์สบตาผมด้วยครับ คงไม่ต้องเดานะครับว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะคงไม่มีคำไหนใช้ได้ดีไปกว่าคำว่าแตกรัง เหล่าสต๊าฟชาวAEวงแตก!!!วิ่งกันไปคนละทิ้งละทางแม้แต่สภาฯยังต้องเอาชีวิตรอด สุดท้ายอาจารย์ก็คว้าเหยื่อไปได้หนึ่งคน เป็นที่สนุสนานเฮฮา กว่าจะจบรอบกองไฟรอบดึก ก็เกือบเที่ยงคืน
ผมกำลังไล่น้องๆมาอาบน้ำครับ ห้องอาบน้ำชายที่ทางสถาบันจัดให้น้องๆ รวมทั้งเหล่าสตาฟชายทั้งหลายนั้นเป็นห้องอาบน้ำกลางแจ้งสไตล์หรูคลับคล้ายลาร์กูน่าภูเก็ต เพราะนอกจากอาบน้ำชำระกายท่ามกลางสายลมและแสงดาวแล้ว มียังต้นไม้ใบหญ้าใช้ชมประกอบการอาบอีกด้วย แถมร่มจากธนาคารสีส้มๆให้อีกสามคัน เผื่อว่าอาบๆอยู่แล้วฝนตก โดยกันพื้นที่เป็นคอกสูงระดับอก เอ่อ จริงๆน่าจะบอกว่าไม่พ้นอกจะถูกต้องกว่า เพราะมันไม่พ้นอกจริงๆครับ แล้วด้วยระบบน้ำวนอุ่นวิดจากกาละมังทำให้ได้บรรยากาศไปอีกแบบ ที่สำคัญคือมันตั้งอยู่ในจุดสนใจเลยทีเดียว คืออยู่ข้างๆโรงอาหาร ที่หากใครแวะทานข้าวต้มมื้อดึก อาจได้ชมภาพการอาบน้ำโครมๆของเหล่าชาวค่าย ดีหน่อยที่จัดเวลาอาบน้ำให้มาอยู่ตอนดึกๆ ไม่อย่างนั้นพี่ๆร้านซีรอกซ์คงเป็นตากุ้งยิงกันหมด เนื่องจาก คอกอาบน้ำนั้นตั้งอยู่ใกล้ร้านซีรอกซ์มากชนิดที่เรียกว่าถ้าเข้าไปในร้านซีรอกซ์คงได้ชมภาพหนุ่มน้อยเล่นน้ำแบบริงไซซ์แน่นอน แต่ที่ร้ายกว่านั้น คืออยู่ใกล้ห้องอาบน้ำหญิงมาก หลายคนอาจจะคิดว่าดี ซึ่งมันก็อาจจะดีจริงล่ะครับ ถ้าไม่ใช่สภาฯเป็นพี่เลี้ยงที่ควบคุมคิวการเขาอาบน้ำของน้องค่ายฝ่ายหญิง
“อู้วววว ขาวมากค่ะน้อง เซ็กซี่”น่าแปลกนะครับที่แทนที่ผู้ชายจะแซวผู้หญิง กลายเป็นผู้หญิงแซวผู้ชายเสียนี่
“เจ๊ๆซับเลือดค่ะซับเลือด” น้องๆ ผู้ชายหลายคนหน้าแดงรีบจ้วงอาบแล้วจากไปทันที
“น้องค๊า พี่ถูหลังให้ไหมคะ?”เสียงหวานปนหื่นจากเหล่าสภาฯทำเอาน้องๆรีบเบียดตัวกันซุกมุมด้านหนึ่งของคอกอาบ ที่ห่างไกลจากรัศมีของเหล่าสภาฯมากที่สุด
“แกก็ไปแซวน้องมัน”ผมท้วงอย่างขำๆ เมื่อเห็นน้องๆมีทีท่าหวาดระแวง
“น้องหันทางนี้นิด วู้ววววนั่นแหล่ะๆ”มันยังไม่เลิกครับ ไอ้เอี้ยรันย์ก็ขำไปด้วย
“น้องอย่าทำสบู่ตกนะคะ ว๊ายยยยยยย”
“น้องกรีนๆ จะรีบอาบไปไหนค๊าน้อง”ไอ้เขียวมันมาอาบตั้งแต่เมื่อไหร่ เห่อๆ ตัวขาวๆของมันนุ่งบอกเซอร์อาบน้ำโครมๆ หน้าขาวๆแดงเรื่ออยู่ในเงาต้นไม้บังอุจาด ทีอย่างนี้ล่ะอายนะเอ็ง
“ต้องการคนช่วยอาบไหมน้องกรีน”
“คร๊าบบบบ”มันตอบรับเสียงใสทำให้สภาฯเกรียวกราว
“เอาเป็นพี่เมศได้ไหมอ่ะ? โอ้ย!!!! พี่รันย์ฉีดน้ำใส่หน้าผม!!”ไอ้เขียวกระอักกระไอจากการที่น้ำเข้าทั้งปากทั้งจมูก ต้นเหตุจากไอ้รันย์ครับ มันเป็นคนคุมสายยางคอยเติมน้ำใส่กาละมังให้น้องอาบ
“อ้าวหรอ โทษว่ะไม่เห็น” ผมขำกับหน้าไอ้รันย์ที่นอยด์เต็มที
“หัวเราะชอบใจเชียวนะแก”โม ญ ที่แอบอู้จากการจัดคิวอาบน้ำให้ฝั่งห้องอาบน้ำหญิงยืนเท้าเอวหัวเราะหึหึใส่ผม
“สภาฯชอบมากกว่าละมั้ง”ผมหันไปมองหน้าหนึ่งในสมาชิกสภาฯ มันยิ้มมีเลศนัยน์ทันที
“เออ”