- ขอบคุณสำหรับทุกำลังใจค่ะ จะพยายามแก้ไข และปรับปรุงให้ดีขึ้น
เพื่อผู้อ่านของเรา....โหะๆๆๆๆ
ตอน6
ผมนั่งมองกระจกที่ใช้แทนผนังห้อง มองออกไปไกลยังตึกสูงๆ ที่ตั้งเรียงรายอยู่ในย่านบริษัทผม
พนักงานเดินขวักไข่ว ตามชั้นต่างๆ เพื่อที่จะทำงานให้บรรลุความต้องการ
ซึ่งผมเห็นบางคนสีหน้าสดใส บางคนเคร่งเครียด แตกต่างกันไป
ตึกต่างๆ พยายามตกแต่งแข่งขันกัน เหมือนเป็นแฟชั่นใช้เดินแบบ
เป็นภาพที่ทำผมรู้สึกอยากทำงานมากยิ่งขึ้น.....
ยิ่งคนที่อยู่ให้ห้องผมด้วยแล้ว เขายิ่งพยายามมาเป็น 2 เท่า
เพื่อทดแทนในส่วนที่ต้องลาป่วย....
ผมกับอลิซเราสามารถปรับตัวเข้าหากันในเวลางานได้มากขึ้น
และเขาให้ความเคารพผมให้ฐานะเจ้านายมากขึ้นด้วยเช่นกัน
อาจเป็นเพราะเขาได้ติดตามผมในการประชุมหรือดูงานต่างๆ มากขึ้น
เขาสอนให้ผมรู้จักรับผิดชอบงานในหน้าที่ ...และสอนให้เข้าใจถึงภาระหน้าที่ของผู้บริหาร
ซึ่งโดยส่วนตัวผมชอบที่จะ แชร์ประสบการณ์มากกว่า ซึ่งเราก็ได้แชร์กันในฐานะเจ้านายลูกน้อง
ผมได้สัญญากับอลิซซึ่งร้อนแรงและมีเสน่ห์อีกแบบว่า ผมจะไม่ล้วนเกินเขาให้เวลาทำงาน
ผมจะให้เกียรติเขาให้ฐานะคนทำงานคนหนึ่งด้วยเช่นกัน....ซึ่งเป็นศักดิ์ศรีสำหรับคนทำงาน
ตอนนี้ผมนั่งทำงานอยู่ในห้อง....ซึ่งอลิซก็กำลังขะมักเขม้นตรวจเอกสารอยู่เช่นกัน....
ผมพยายามละสายตาในการจ้องมองเขา ในเวลาทำงาน....แต่พอรู้ตัวอีกทีสายตาผมต้องจับจ้องอยู่ที่เขา
เมื่อไหร่กันนะที่ผมเริ่มจ้องมองอลิซ ที่กำลังทำงานอยู่
ผมว่า....เขาคงไม่รู้ตัว.....ว่าเสน่ห์ที่เขากำลังเก็บซ่อน.....ได้หลุดลอดออกมาให้ผมได้หลงไหล
“คุณเน็ตครับ...เอกสารเบิกจ่ายประจำเดือน..ผมตรวจสอบแล้ว...ผมอยากให้คุณตรวจและเซ็นเอกสารด้วยครับ..”
ผมใจลอยมองเขา จนไม่รู้ตัวว่า.....เขาเดินมาใกล้และยื่นเอกสารบนโต๊ะ
“โอ๊ะ..โทษทีผมใจลอยไปหน่อย....”
ผมรับเอกสารแฟ้มหนาๆ มาดูรายละเอียดอีกครั้ง เพื่อผลประโยชน์ของบริษัท......
++++++++++++++
“อลิซผมอยากทำโครงการหนึ่ง ผมสามารถปรึกษาคุณได้ไหม” ผมพูดขึ้นหลังจากดูรายงานเสร็จ
“ครับ...ถ้าคุณต้องการ”
“อลิซ ทำอยากทำโครงการเกี่ยวกับการช่วยเหลือคนพิการทางสายตานะ ....” ดูเหมือนอลิซจะทำหน้าแปลกใจ
“ก็พี่คริสที่ไม่สบายอยู่นะ พอผมเห็นแล้ว ผมคิดว่าในเมื่อเราเป็นบริษัทผลิตอุปกรณ์เทคโนโลยี ...เราน่าจะทำส่งนี้เพื่อช่วยเหลือ
ผู้ป่วยประเภทนี้บ้าง แล้วจากที่ผมดูโครงการที่ผ่านๆ มายังไม่มีงานประเภทนี้เลย...”
“คุณแน่ใจนะครับว่าต้องการทำ.....แต่ถ้าคุณคิดจะทำแล้วหยุด ผมว่าคุณลองพิจารณาดูอีกทีไหมครับ...”
“อือ....ผมอยากทำจริงๆ ....ผมคิดดูมาสักพักแหละ ผมรู้ว่ามันคงยากเพราะงบประมาณในการพัฒนา และศึกษาคงมาก
พอควร...แต่มันสามารถทำประโยชน์ให้กับสังคมได้นะ...”
“ถ้าคุณคิดอย่างนั้นจริงๆ ผมจะช่วยคุณอีกแรงครับ......”
“อืม...ขอบใจนะอลิซ...ผมอยากให้คุณช่วยจริงๆ..”
“ครับ....ผมจะรวบรวมเอกสารที่จำเป็นในการทำโครงการนี้ครับ..”
+++++++++++++++
ป้าแอนโทรมาหาผมให้กลับไปเยี่ยมพี่คริสบ้าง ซึ่งผมตั้งใจจะไปเยี่ยมและคุยเรื่องโครงการนี้พอดี
ผมบอกอลิซว่าจะเคลีย์งานให้เสร็จก่อนที่จะลาพัก ซึ่งเขาก็ไม่ว่าอะไร
และยังฝากความห่วงใยมายังพี่ชายผมด้วย
ผมนั่งเคลีย์งานต่างๆ ให้เสร็จก่อนที่จะลา ซึ่งอลิซก็อยู่ช่วยจนค่ำทุกวัน
ดังนั้น ผมจึงมักจะชวนเขาไปทานข้าวเย็นเพื่อเป็นการขอบคุณ แม้วันแรกจะปฏิเสธบ้าง
แต่สุดท้ายเขาก็ยอมรับน้ำใจจากผม...ซึ่งผมถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี
ผมไม่เคยเจอลิซอีกคนที่เร่าร้อน มีเสน่ห์และเปิดเผย เพราะผมไม่อยากทำลายความเชื่อใจ
ที่อลิซในบุคลิกตอนทำงานมีให้ แต่ใจจริงผมก็อยากเจอทั้งสองพร้อมๆ กันมากกว่า
“อลิซวันนี้คุณเลือกร้านแล้วกัน....”
“อ้อ....นั้นร้านไทยเหมือนเดิมดีไหมครับ..” รอยยิ้มที่เหมือนจะแกล้งหยอกผม
“หือ.......” “ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ผมล้อเล่นนะครับ...” ผมเหมือนจะเริ่มเล่นบุคลิกที่ขี้เล่นฉายออกมาหน่อยๆ
“นั้นกินร้านเมื่อวานก็ได้ครับ อาหารอร่อยดี...”
“อืม...”
หลังจากเราทานอาหารเสร็จ ผมก็จะขันอาสาขับรถไปส่งที่บ้านของเขาให้.....
เสียงโทรศัพท์ ของผมเอง......เบอร์ใครอ่ะ ไม่คุ้นเลย
“สวัสดีครับ......แม็ก.......เป็นไงมาไงโทรมาได้......อ้อตอนนี้อยู่ที่นี่แหละ....อือ แล้วเจอกัน...” ผมวางสายพร้อมกับขับมุ่งไป
ยังเป้าหมายโดยที่เจ้าตัวยังนั่งอยู่
รถมาจอดหน้าบ้านไม้ที่ชั้นเดียว ที่อยู่ออกไปนอกเมืองนิดหน่อย....ในระแวกนี้บ้านของอลิซเป็นแบบที่เห็นได้ทั่วไป
แต่แตกต่างกันตรงสีของบ้านแต่ละหลังที่จะทากันตามสไตร์ของใครของมัน ซึ่งบ้านของเขาเป็นสีขาว ประตูรั่วสีน้ำตาล
มีกระดิ่งเล็กๆ แขวนหน้าบ้านแทนกริ่งไฟฟ้า ที่ทุกบ้านใช้ หน้าบ้านมีต้นไม้เล็กๆ ปลูกไว้สำหรับตกแต่งเพื่อความสบายตาของผู้
พักอาศัย
หลังๆ ผมมาส่งเขาเกือบทุกวัน แต่ก็ไม่ได้รับคำเชิญให้เข้าบ้านเขาเลย.....
“อลิซ............” ผมเรียกเขาพร้อมทั้งดึงแขนเขาไว้หน่อยๆ
พร้อมทั้งโน้มตัวจุ๊บที่แก้มเขาเบาๆ “ราตรีสวัสดิ์ครับ..”
เขาหันมามอง แล้วสายตาพลันผลุบต่ำ
“ครับ..ราตรีสวัสดิ์..” ก่อนที่จะลุกออกไปเพื่อเข้าไปยังตัวบ้าน
!!!!!!!!!!
คุณเน็ตส่งผมถึงหน้าบ้าน..และขับรถออกไป.....
แม้ตอนนี้อาการจะเริ่มเย็นบ้างแล้ว แต่คงไม่ทำให้หน้าของผมแดงระเรื่อได้
แต่มันกลับแดง เพราะใครบางคน
ช่วงหลังมานี้....เขาสุภาพกับผมมากขึ้น และผมก็เริ่มที่จะเข้ากับเขาได้มากเช่นกัน
ผมยอมรับว่าผมชอบความสามารถให้การทำงานของเขา ซึ่งไม่แพ้พี่ชายเขาเลยก็ว่าได้
ผมเดินเข้าตัวบ้านพร้อมกับคิดเรื่องโครงการของคุณเน็ตที่ต้องการทำ
ซึ่งผมดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำโครงการให้กับสังคม
ผมไม่เคยนึกเลยว่าคนนิสัยขี้เล่นอย่างเขา จะคิดถึงคนอื่นได้.....แต่พอผมเริ่มช่วยเขา
ทำให้ผมเห็นทัศนคติในการดำเนินชีวิตของเขามากขึ้น......และผมก็เริ่มเข้าใจแล้วว่า
ทำไมคุณคริสถึงยังปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยที่ไม่มีคุณเน็ตมาทำงาน.....
ผมรู้ว่าคนเราไม่เหมือนกัน ทั้งนิสัย และท่าทาง
แต่ถ้าเราพยายามองเขาให้เห็นถึงจิตใจ แม้จะต้องใช้เวลานาน แต่ก็คุ้มที่จะมอง
++++++++++++++++
“อลิซ นายจะทำยังไง.........” ผมพูดกับตัวเอง
ช่วงนี้ความคิดผม......มันวุ่นวายอยู่กับคุณเน็ต .....อาจเป็นเพราะนิสัยที่ไม่ดีของผมก็ได้ ที่ชอบมากวนใจ
ผมอยากเป็นคนปกติ ผมไม่ต้องการเสน่ห์บ้าบอที่ทำให้ใครต่อใครมารุมล้อม
ผมอยากมีความรัก และอยากรักเขา รักที่เป็นตัวผม ไม่ใช้เสน่ห์ที่พ่วยพุ่งออกมาก
ผมรู้ตัวดีครับว่า ฟีเรโมน* ในร่างกายผมมันเยอะ จะเรียกว่าเป็นโรคก็ได้ (ขออธิบายนิดนึง: พี โร โมน คือ สารธรรมชาติ ที่
ร่างกายมนุษย์ ผลิตขึ้นมา จากการศึกษา การใช้ชีวิตของสัตว์โลก สารฟีโรโมน ได้มีบทบาทเป็นอย่างมากต่อพฤติกรรมการใช้
ชีวิตร่วมกันเป็นสังคม และมีบทบาทที่สำคัญต่อ การใช้ชีวิตคู่)
เพราะใครที่อยู่รอบๆ ตัวผมมักจะคิดเรื่องแบบนั้นซะมากกว่า ซึ่งผมพยายามปิดกั้นไม่ให้มันออกมา
ผมเคยไปหาหมอมาด้วย เพราะไอฟีเรโมนบ้าๆ เนี้ย แต่หมอบอกว่ามันเกิดจากสารเคมีในร่างกายผมมีมากผิดปกติ
ซึ่งผมก็งงๆ และแปลกใจว่ามันมีโรคฟีเรโมน ด้วยหรอ แต่หมอก็บอกว่ามันเป็นเสน่ห์ที่เราสามารถควบคุมได้
เพียงแต่เราต้องรู้จักควบคุมมัน
สมัยผมเด็กๆ ก็มีนะครับ.....แต่เหมือนกับว่ายิ่งโตก็ยิ่งมีมากขึ้น
ช่วงที่เรียนมหาลัยผมก็แทบแย่ เพราะไอโรคบ้านี้แหละครับ ทั้งเพื่อนหญิง เพื่อนชาย ............
แต่ไม่ถึงกับทำอะไรบ้าๆๆ จนผมเริ่มทำงานนั้นและครับ.ที่เห็นว่าจะแรงขึ้นเรื่อยๆ.......
+++++++++++++++++++++
“อลิซพรุ่งนี้ผมจะลา กลับไปเยี่ยมพี่คริสหน่อยนะ...”
“ครับ ตอนนี้คุณเคลีย์งานต่างๆ เรียบร้อยแล้วครับ...ผมฝากความคิดถึงให้คุณคริสด้วยนะครับ..”
“อือ....แล้วผมจะบอกให้...”
ตืด.......ตืด
“ว่าไงมาร์.........”
“มีแขกมาขอพบครับ....แขกไม่ได้นัดไว้ บอกว่าเป็นเพื่อนคุณนะ...”
“เชิญเข้ามาแล้วกัน.......” “ครับ.....”
มาร์กเดินเข้ามาพร้อมกับฉีกทางให้กับคนที่บอกว่าเป็นเพื่อน
“เฮ้..แม็ก...มาได้ไง......” ผมแปลกใจที่เห็นเขา เพราะเขาไม่ได้อาศัยอยู่เมืองนี้
“อือ...มาทำธุระนะ เลยแวะมาเยี่ยม...” ผมเชิญเขานั่ง
“โห้...เน็ต เดี๋ยวนี่คุณกลับตัวกลับใจมาทำงานแล้วหรอ....”
“5555 แหม ผมก็คิดได้เหมือนกันนะแม็ก”
“ก็ผมเห็นเมื่อก่อน........มานั่งโอดควญกับผมเรื่องความรับผิดชอบอยู่เลย....”
แม็กเคยเป็นเพื่อสมัยเที่ยวของผมครับ เขาเป็นเกย์ขนานแท้ แม้บุคลิกภายนอกจะดูไม่ใช่ก็ตาม
ผมเคยเพิ่มประสบการณ์ตัวเองกับเขา ครั้งหนึ่ง............... ซึ่งผมว่าเราทั้งคู่พอใจที่จะเป็นเพื่อนกันมากกว่า
ดังนี้ความสัมพันธ์ของเราเลยสนิทสนมกันครับ..........
“ห้องนายนี่กว้างนะเนี้ย.......มีเลขาส่วนตัวด้วย...” ผมเห็นเขาหลิ่วตาให้กับอลิซ ซึ่งทำท่าเหมือนไม่ได้ยิน
“อือ.....ก็นิดหน่อยนะ...แต่นั้นเลขาประธานว่ะ....”
“อ้าวแล้วนายไปเอามาได้ไง..” ดูเหมือนเขาจะงงนิดหน่อย
“อ้อ เรื่องมันยาวนะ...ไว้ค่อยเล่า....เย็นนี้นายว่างเปล่า...”
“โห้...นายจะชวนเราเที่ยวอะดิ.....หรือว่ากำลังครึมๆๆ อยู่...555” ผมมองหน้าแม๊ก ก่อนที่จะแอบมองอลิซ
ซึ่งเห็นจ้องหน้าผมก่อนจะก้มหน้าลงทำงานตามเดิน
“เปล่า ๆ ตกลงนายว่างไหม....ฉันจะไม่อยู่ซักพักอ่ะ ว่าจะพาเที่ยวนั้นแหละ.....”
“อือ....เราก็ไม่ได้อยู่นานหรอ อีก วัน 2 วันก็ต้องกลับเหมือนกัน เดี๋ยวที่รักจะบ่นนะ....”
“อือ...ดีแล้ว.....” “แต่ถ้านายว้าเหว่ เราช่วยได้นะเห่ย........” เจ้าแม็กนี่เป็นคนเสียงดังจริงๆ ครับ พูดได้ไม่เกรงใจคนในห้อง
เลย มันจะรู้ไหมว่าผมจะลำบากแค่ไหน
“เปลี่ยนเรื่องๆ .........” ผมจะพยายามพาไอคุณแม็กเปลี่ยนเรื่อง และถามสารทุกข์สุขดิบนะครับ แต่สายตาผมก็พยายาม
สังเกตอลิซ ไปด้วยเช่นกัน
ซึ่งผมเริ่มรู้สึกเป็นรางสังหรณ์ (ร้องเพลงซะเลย) ก็ไอคุณแม็กมันประสาทไวนะครับ และชอบแกล้งเป็นที่สุด
สุดท้ายก่อนกลับ ผมก็โดนกอดจูบโดยไอคุณแม็กไปรอบหนึ่ง ก่อนที่จะsay bey.
ผมอึ้ง อลิซอึ้ง.....ส่วนต้นเหตุได้แต่อมยิ้มแบบมีเลศนัย.....เห้ย..กูไม่หน้าคบมันเป็นเพื่อนเลย....
คืนนั้นผมกับมันก็ซดเหล้ากันไปตามระเบียบก่อนแยกย้ายกันกลับบ้าน....
และผมก็หายไปจากบริษัท เกือบอาทิตย์ เพื่อมาเยี่ยม พี่คริส ป้าแอน....กับพยาบาลทีชื่อมิคกี้ หรือก็คือมิคนั้นแหละครับ (ผม
มารู้ที่หลังว่าเป็นผู้ชายครับ หลังจากแซวพี่คริสทางโทรศัพท์ไปตั้งนาน)