:oni2:ดีใจได้ดอกไม้จากเพื่อนๆพี่ๆน้องๆในเล้าเต็มเลย อิอิ

ตอนนี้ดอกไม้เลยบานในใจคนแต่ง ขอบคุณนะคะ
+++++++++++++++++++++++++++++
ตอนพิเศษ (ต่อ1)
“โอม วันนี้ตัวเองไปดูบ้านริมเขาหน่อยนะจะทาสีแล้ว เห็นช่างจิตรว่าให้ตัวเองเลือกสีน่ะ สีรองพื้นเค้าทาไปแล้วเหลือแต่สีจริง”
พี่อิงยังคงไปดูบ้านแทนผมเรื่อยๆครับเพราะรู้ว่าตอนนี้ผมยุ่งหลายอย่าง ไม่ได้เข้าไปดูหลายวันแล้วด้วย แต่ถึงไม่ได้เข้าไปแต่ค่าจ้างคุมงานไม่มีหรอกครับจะลดให้ เก็บเงินเต็มๆๆๆ ไม่มีลดหรอกครับคนละกระเป๋ากันนี่นา

แต่จนแล้วจนรอดผมก็คลาดกันกับเจ้าของบ้านทุกทีไม่รู้เป็นอะไร พอเค้ามาเขาใหญ่ผมก็เข้าไปหาพี่ต่ายที่กรุงเทพฯ แล้วพอผมอยู่เค้าก็ไม่ว่างมาดูบ้านซะงั้น แล้วผมก็ตัดสินใจเองตลอดทุกเรื่องเหมือนเคย จนบ้านจะเสร็จแล้วครับ
“พี่อิงเรื่องสีเนี่ยผมว่าให้เค้าเลือกเองไม่ดีกว่าเหรอ เดี๋ยวไม่ถูกใจก็แย่นะพี่ สีมันต้องเห็นทุกวันมันไม่ใช่งานโครงสร้างนะพี่”
ผมพูดไปก็อดเครียดไม่ได้ เจ้าของบ้านนี่จะว่าง่ายก็ง่ายนะครับ เพราะตามใจคนสร้างทุกอย่าง แต่ผมก็ยังกลัวเค้าไม่พอใจสิ่งที่ผมเลือกอยู่ดี ผมว่ารสนิยมผมก็ไม่ใช่ว่าดีนักหนาแค่ปานกลางเท่านั้นเอง
“เอาน่าอยากเอาสีอะไรก็เอาไปเหอะ เออ....เค้าลืมบอกอีกเรื่องนะเห็นว่าห้องนอนใหญ่ของเจ้าของบ้านเค้าอยากได้วัสดุเก็บเสียงนะ ทั้งฝ้าทั้งผนังโอมจัดการด้วยนะ ไม่รู้มันจะไปร้องคาราโอเกะในห้องนอนรึยังไงเค้าก็ยังงงๆอยู่เนี่ย”
เอาเข้าไป....ท่าทางเจ้าของบ้านจะเพี้ยนนะเนี่ย แต่ผมฟังแล้วจะเพี้ยนตามน่ะซิต้องไปสั่งแก้อีก งึ่มๆๆๆชักหงุดหงิด พี่อิงยังพูดเรื่องบ้านต่ออีก
“นี่นะโอม....จบเรื่องทาสีจะได้จัดการเรื่องเฟอร์นิเจอร์ กับจัดสวนด้วย เค้าว่าเดือนหน้าตัวบ้านก็เรียบร้อยแล้วนะเร่งหน่อยก็ดี เรียกพ่อซิลูก ปาป๊า ปาป๊า”
พี่อิงยังคงเล่นกับลูกไปด้วยคุยเรื่องงานกับผมไปด้วยครับ ไม่รู้แบ่งโสตประสาทยังไง แต่หลานผมมันก็น่ารักจริงๆครับ หน้าเป็น....หัวเราะเอิ๊กอ๊ากตลอดเห็นแล้วก็สบายใจจริงๆ เห็นแล้วอยากมีลูกเป็นของตัวเองจริงๆแต่ติดที่ผมตัดมดลูกทิ้งไปแล้ว จะเรียกว่าตัดต่อพันธุกรรมตั้งแต่ปฏิสนธิก็คงได้ ตั้งแต่ยังอยู่ในท้องแม่หุหุหุ แหมก็ไม่นึกว่าจะได้พ่อพันธุ์แบบพี่ต่ายนี่นา ไม่งั้นล่ะก็จะขอเก็บมดลูกเอาไว้สืบพันธุ์สักหน่อย อิอิ ผมก็เพ้อเจ้อไปกันใหญ่ ต้องดึงสมาธิกลับมาเรื่องงานต่อ
“งั้นเลือกสีเองก็ได้ว่ะ ถ้าไม่ชอบแล้วมาทาใหม่ บอกก่อนนะคิดค่าแรงเพิ่มด้วยแหล่ะ แล้วทำไมเฟอร์นิเจอร์กับทำสวนเราต้องทำด้วยล่ะ ไม่ใช่งานเราสักหน่อย พี่อิงๆๆ”
ผมก็ได้แต่บ่นพึมพำล่ะครับตะโกนไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะพี่ผมเค้าเดินไปแล้วครับไปเล่นกับลูก ไม่ได้สนใจฟังผมเลยผมล่ะอิจฉาครอบครัวสุขสันต์จริงๆ ผมได้แต่มองตามภาพพี่อิงกับน้องมะขามแล้วก็ต้องยิ้มตาม แต่ตอนนี้ตัวผมก็มีความสุขนะครับ แต่เป็นความสุขในแบบของผมมากกว่าที่ไม่ต้องเหมือนใคร
ผมดูนาฬิกาบ่ายสามแล้วครับ ผมเลยตัดสินใจเข้าไปดูบ้านซักหน่อยจะได้ตัดสินใจอีกทีเรื่องสี ระหว่างทางที่เข้าไปที่ไซท์งานเสียงโทรศัพท์เป็นเพลงประกอบหนังเกาหลีดังขึ้นมา ผมก็รู้เลยครับใครโทรมา เพราะผมตั้งเสียงนี้สำหรับพวกน้ำเน่าน่ะครับหึหึหึ
“ว่าไงบุ้งเพื่อนเลิฟ มีไรว่ะกรูกำลังจะเข้าเขาใหญ่”
“เหรอ...กรูไปด้วยดิ เมิงมารับกรูหน่อยกำลังหนีแม่ว่ะ ไปนัดผู้หญิงมาให้กรูดูตัวอีกล่ะเบื่อชิบหาย”
เสียงไอ้บุ้งมันดีใจมากเลยครับ

เหมือนผมเป็นคนส่งห่วงยางให้มันตอนมันกำลังจะจมน้ำ แต่มันไม่รู้อะไรห่วงยางที่มันคิดว่าผมจะส่งไปให้มันรั่ว ฮ่าๆๆๆๆๆ มันรับได้ก็จมอยู่ดี ผมจะไปช่วยอะไรมันได้ก็แม่มันน่ะโทรมาดักคอผมไว้แล้ว ว่ามีนัดอะไรกับบุ้งไม๊แล้วผมก็ดันตอบไปแล้วว่าไม่มี ขืนไปรับมันตอนนี้ก็เสียคนซิครับ
“ไม่เอา....กรูมาตั้งไกลแล้ว อีกอย่างแม่มรึงโทรมาดักทางเมิงไว้แล้วโว้ย เค้ารู้ว่ากรูไม่มีนัดกับมรึง”
ผมอดขำมันไม่ได้ครับ เพราะผมเคยเจอชะตากรรมนี้มาแล้ว ให้มันโดนบ้างก็ดีชีวิตจะได้เท่าเทียมกันฮ่าๆๆๆ อีกอย่างผมก็อยากให้มันเจอใครที่ดีๆสักทีเหมือนกันครับ ผมอยากให้มันมีความสุข ให้มันได้มีความรักที่สวยงามเหมือนความรักของผมกับพี่ต่าย
เสียงของบุ้งยังโอดครวญมาครับ “แล้วทำไมมรึงไม่บอกกรูก่อนไอ้เพื่อนทรยศ ถ้ากรูรู้ก่อนกรูจะได้หลบเข้ากรุงเทพฯ ไม่อยู่บ้านซะเลย ไอ้โอมเมิงนะเมิง”

“หึหึ แล้วเมิงจะกลัวอะไรก็ไปเจอๆเค้าเหอะน่า ไม่ชอบแบบนั้นก็คบเป็นเพื่อนไป”ตอนนี้ผมก็พูดได้ครับแต่ตอนนั้นก็จะเป็นจะตายเหมือนกัน ผมไม่เข้าใจพวกผู้ใหญ่เลยครับไม่รู้คิดยังไงกัน ต้องมาหาคู่ให้พวกหนุ่มๆอย่างผม
“เออๆๆก็กรูหนีไปไหนไม่รอดแล้วนี่หว่า ไอ้เพื่อนเลวทีเรื่องเมิงกรูยังช่วยเลยนะ ตอนนี้กรูไม่มีค่าแล้วล่ะซิ ใช่สิกรูมันไม่หล่อ ไม่เร้าใจ ไม่ขาวเหมือนพี่ต่าย.....”

มันทำท่าจะพล่ามอีกยาวครับผมเลยต้องตัดบทมันเดี๋ยวมันจะพร่ำรำพันจนน้ำลายท่วมบ้านมัน
“เมิงพอเลย...แมร่งเล่นลิเกวิกไหนว่ะน้ำเน่าชิกหาย ฟังแล้วกรูประสาทจะกิน....ซ่าาาาาซ่าาาาา.....เอ๊ยบุ้งไม่ค่อยได้ยินแล้วแค่นี้นะเมิงกรูกลับแล้วจะแวะไปหาที่บ้านนะโชคดีนะเมิง....ซ่าาาาา...”หุหุุหุ มุกนี้ใช้ประจำครับถ้าเข้าไปในเขาใหญ่ยิ่งเนียนครับ
พอมาถึงที่ทำงานผมก็เดินดูงานรอบๆ ช่างเหลือไม่มากแล้วครับเพราะงานส่วนใหญ่ใกล้เสร็จแล้วก็เหลือเก็บงานตกแต่งนิดหน่อย ผมดูไปก็ภูมิใจไปแอบคิดว่าเออกรูก็เก่งเหมือนกันขนาดจบบัญชีก็ยังคุมเค้าจนสร้างบ้านออกมาเป็นรูปเป็นร่างได้เหมือนกัน
ผมเข้าไปดูห้องน้ำก็เป็นแบบที่ผมชอบเลยครับเป็นแบบหลังคาโปร่งแสงตรงที่อาบน้ำ อันที่จริงผมอยากได้แบบไม่มีหลังคาเลยด้วยซ้ำ เผื่อเวลาอาบน้ำหรือเข้าส้วมอยากดูดาวเดือนก็เห็นได้ แต่คิดไปคิดมาเกิดขโมยขึ้นบ้านเค้าจะมาโทษผมน่ะซิ
ผนังห้องน้ำ็ข้างนึงผมก็ติดเป็นกระจกเลยครับ กะว่าไม่โชว์ด้านบนก็โชว์ข้างๆนี่แหล่ะ กะว่าเดี๋ยวเอามู่ลี่ไฟฟ้ามาติดถ้าเิกิดวันไหนอายก็เอามู่ลี่ลง แต่ถ้าอยากโชว์ก็เปิดมู่ลี่ออกไปเลยครับเอ็กซ์สะใจผม อยากไม่ออกความเห็นกันดีนักผมก็บร้าไปเลยครับ สนองความต้องการตัวเองเต็มที่ยังไงผมก็ไม่ได้มาอยู่อยู่แล้วนี่มันส์จริงๆ
ตอนที่ทำเสร็จพี่ผมมาเห็นมานยังบอกว่าท่าทางผมจะบร้า อิอิ พี่อิงพูดถูกครับแต่สงสัยจะรู้ช้าไปหน่อยเพราะผมทำไปหมดแล้วตอนที่เค้ามาดู แก้ไม่ทันแล้วครับก็เลยต้องเลยตามเลย ผมดูด้านในเสร็จก็ออกมายืนมองด้านนอกตรงต้นไม้ที่ผมชอบมานั่งเล่นบ่อยๆน่ะครับ ไม่รู้ใครเอาเปลมาแขวนไว้ผมก็เลยนั่งเล่นสบายไป
กำลังนั่งคิดว่าจะเลือกทาสีอะไรดี ลมเย็นๆก็พัดมามันสบายจริงๆครับ ผมเลยล้มตัวนอนลงไปในเปลมีกลิ่นฉุนๆโชยมานิดหน่อย หึหึหึ แต่อารมณ์กำลังเคลิ้มๆครับเลยไม่ได้สนใจอะไร รู้สึกว่ามาที่นี่ทีไรพอมาอยู่ตรงนี้แล้วใจมันสงบอย่างประหลาด กำลังจะได้ที่เลยครับโทรศัพท์ในกางเกงผมสั่นอีกล่ะก่อนเสียงเพลงกันและกันจะดังขึ้นมา หุหุหุ ไม่ต้องดูก็รู้แล้วครับว่าพี่ต่ายเองครับที่โทรมา ผมรับโทรศัพท์ด้วยรอยยิ้ม
“โอมครับ...ทำอะไรอยู่.....คิดถึงพี่ต่ายไม๊”ฟังเสียงนุ่มๆอ้อนๆของพี่ต่ายแล้วผมก็นึกถึงหน้าพี่ต่ายเลยครับเหมือนเห็นพี่เค้ายิ้มๆคุยกับผมอยู่ ฟังเสียงแล้วก็คิดถึงจังเลย
“กำลังคิดถึงพี่ต่ายอยู่ไง.....คิดถึงพี่ต่ายยยย” :

:ผมก็อ้อนเหมือนกันครับ แต่เดี๋ยวนี้ผมไม่ต้องโทรหาพี่ต่าย พี่ต่ายก็โทรมาหาผมทุกวันเลย อิอิ
“พี่ก็คิดถึงโอมนะอยากไปหาวันนี้จังเลยพี่เหนื่อยจังเลย อยากไปนอนหนุนตักโอม”
อิอิ ผมแทบจะหยิกเปลจนขาดน่ะครับ มานเขินวุ้ย อายต้นไม้ อายสายลม อายเปลเน่าๆ

“โอมคร๊าบบทำไมเงียบไป......พี่ต่อตั้งนานแน่ะโอมเหมือนไม่มีสัญญาณน่ะโอมอยู่ไหนครับ”
“ผมอยู่ที่บ้านลูกค้าน่ะพี่ที่ผมมาคุมอยู่น่ะครับพี่”ผมยังหน้าแดงอยู่เลย เขินนน
“.....................” พี่ต่ายเงียบไป เอ๊ะหรือสายจะหลุด
“พี่ต่าย...พี่ต่ายครับยังอยู่ึเปล่า”ผมล่ะขัดใจกำลังคุยหวานๆกันอยู่ทำไมเงียบไปล่ะ
“อยู่ครับโอมพี่ฟังอยู่ แล้วเป็นไงบ้างบ้านเกือบเสร็จรึยัง” วันนี้ทำไมเกิดมาสนใจงานของผมถามแปลกๆแฮะ
“ยังไม่เสร็จเลยพี่แต่เดือนหน้าคงเรียบร้อย ผมอยากให้พี่ต่ายมาเห็นจังเลย พี่รู้ปะผมคุมเองเกือบหมดเลยนะก็ไอ้เจ้าของบ้านน่ะโยนเงินมาแล้วไม่เคยมาดูเลย ผมว่านะสงสัยเศษเงินเค้ามั๊งหมั่นไส้อ่ะ อยากเห็นหน้ามาน พี่เชื่อไม๊ปลูกมาตั้งหลายเดือนยังไม่เคยเจอตัวเป็นๆกันเลย”

“ค๊อกๆๆๆ....”เสียงพี่ต่ายไอหรือสำลักอะไรบางอย่าง ไม่สบายรึเปล่าไม่รู้
“พี่ต่ายไม่สบายรึเปล่า....เป็นไรพี่ทานยารึยังครับ ผมเป็นห่วงนะพี่ ดูแลตัวเองหน่อยซิ” ไม่ได้เจอพี่ต่ายก็จริงแต่ผมรู้ว่าพี่ต่ายทำงานดึกๆทุกวันเลย ไม่ค่อยได้ดูแลตัวเองไม่รู้จะทุ่มเทอะไรกันหนักหนา
“เปล่าๆพี่ไม่ได้เป็นอะไร....พี่ยังไม่ได้บอกโอมเหรอ....ซวยล่ะซิ” :m29:ผมขมวดคิ้วพี่ต่ายจะบอกเรื่องอะไรล่ะ
“บอกเรื่องอะไรพี่ต่าย ไม่เห็นรู้เรื่อง”งงจริงๆครับ
“.........”พี่ต่ายเงียบไปอีกล่ะ มีอะไรปิดบังผมรึปล่าวเนี่ยชักสงสัย แล้วพี่ต่ายก็เงียบบบไปเลย ไม่รู้ไปส้วมรึเปล่า
“พี่ต่าย.....” ผมชักทนไม่ไหวเลยต้องตะโกนซะเลย
“พี่ต่ายยย.....พี่ต่ายโว้ยยย”

ชักหงุดหงิดแล้วนะมีอะไรไม่บอก มาพูดให้อยากรู้แล้วก็จากไป
“ครับโอม....พี่ยังอยู่ ตะโกนทำไมขี้หูแทบออกมาเต้นระบำ หึหึหึ”ยังมีหน้ามาขำอีกนะแฟนเรา
“ก็พี่ทำไมเงียบ พี่จะบอกอะไรเนี่ยเรื่องดีหรือไม่ดี”
เสียงแข็งไปแบบไม่รู้ตัวเริ่มสวมบทโหดแบบไม่ได้ตั้งใจอีกแล้วครับ ผมชอบเป็นอย่างเงี้ยพอเจอคนเอาใจล่ะก็ลืมตัวทุกที
“พี่กลัวจนขนหัวลุกไปหมดแล้วโอม ทำไมดุอย่างนี้แม่ให้กินหวานมากไปปะ หึหึหึ”งอนแล้วครับ บอกก็ไม่บอกยังมายั่วโมโหกวนประสาทอีก
“จะบอกไม่บอกไม่บอกวางแล้ว เสียอารมณ์” :m16:งึ่มๆ อิอิ ที่จริงผมก็ดุจริงๆน่ะครับ แต่ทำไงได้ มันทำไปแล้วก็ต้องรักษาสถานภาพดุอย่างหมาๆไปก่อน เดี๋ยวเสียฟอร์ม
“พี่จะบอกว่า พี่ลืม......ลืมบอกว่าเสาร์นี้...พี่ไปหาโอมไม่ได้น่ะ....”ฟังแล้วหน้าหงิกดิ ไม่ได้เจอกันมาอาทิตย์นึงแล้วนะ แล้วทำไมต้องตะกุกตะกักทำอย่างกับเป็นเรื่องใหญ่
“โอมมาหาพี่นะ.....คิดถึงจังเลยอยากกอดโอมจะแย่อยู่แล้วเนี่ย”
อิอิ แต่คราวนี้ฟังแล้วต้องแอบยิ้ม หายโกรธเป็นปลิดทิ้ง จะเชื่อดีไม๊ครับ สำนึกดีบอกผมว่าพี่ต่ายพูดจริงเพราะพี่ต่ายรักผมมาก แต่สำนึกร้ายบอกว่ามันไม่เนียนเลย
“โอมครับ...โกรธพี่เหรอ....โอมมาหาพี่นะ...คิดถึง”ใครจะไปทนลูกอ้อนพี่ต่ายไหวล่ะครับ ผมเองก็อยากกอดพี่ต่ายเหมือนกัน หายงอนก็ได้ว่ะ หายเร็วอีกล่ะงอนได้ไม่เกิน สิบห้านาที ฮ่าๆๆๆ
“ไปก็ได้ตอนเย็นๆนะพี่ต่าย ต้องอยู่ดูเค้าทาสีบ้านน่ะพี่ ก็ไอ้บ้านหลังนี้แหล่ะ จะทาสีอะไรก็ต้องให้ผมมาเลือก ไม่เลือกอะไรเลย”
“หึหึ โอมก็คิดซะว่าเป็นบ้านโอมซิ เจ้าของเค้าคงพอใจแบบนั้น เค้าต้องวางใจโอมแหล่ะถึงปล่อยให้โอมทำ” พี่ต่ายปลอบผมต่อไป
“นะโอม โอมคิดว่ายังไงเหมาะก็ทำไปเลย”
คำพูดของพี่ต่ายทำให้ผมค่อยสบายใจขึ้น เราคุยกันต่ออีกพักนึงแล้วก็นัดแนะว่าจะไปเจอกันที่กรุงเทพฯครับ พอวางสายพี่ต่ายไปผมนอนมองบ้านอีกซักพักนึง แล้วผมก็เลือกได้ครับ......ผมว่าผมจะทาสีขาว เหมือนบ้านของพี่ต่าย บ้านสีขาวคงจะตัดกับแนวเขาสีเขียวด้านหลังเป็นอย่างดี ดูแล้วก็จะสดชื่น สดใส ที่สำคัญผมชอบบ้านหลังนี้จังเป็นบ้านในฝันของผมเลย
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณที่ยังติดตามกันค่ะ

เหลืออีกนิดส์นึงนะ พรุ่งนี้จบ
