
ค่อยๆอ่านไปนะคะ รักกันแล้วรอกันได้เสมอใช่มะค่ะท่านผู้ชม
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตอนที่ 65
ผมนั่งนิ่งๆอยู่ท่ามกลางความเงียบของสวนสาธารณะตอนสายๆ ผู้คนบางตาอาจจะเป็นเพราะว่าแดดเริ่มแรงเข้าไปทุกที ผมออกจากบ้านมาก็ยังไม่อยากไปหาเพื่อนเพราะมันยังไม่ถึงเวลานัด เลยมานั่งเล่นอยู่ที่นี่
บรรยากาศที่เงียบสงบ ลมพัดโชยมาเบาๆดูได้จากใบไม้ที่สั่นไหว บ้างก็ปลิวร่วงหล่นไปตามแรงลม แต่ถึงมันจะเงียบยังไงก็ไม่ช่วยให้ใจผมสงบขึ้นได้เลย ผมก็เหมือนใบไม้พวกนั้นโดนลมพัดเพียงเบาๆก็อดสั่นไหวไม่ได้ คิดถึงเรื่องเมื่อเช้าที่พี่ต่ายคุยโทรศัพท์กะใครไม่รู้ ท่าทางจะเป็นผู้หญิงแล้วก็โมโห เมื่อคืนทำกับเราซะขนาดนั้นพอเช้ามาก็ยังมาจ๊ะจ๋ากับใครอีก คิดแล้วมันเจ็บใจจริงๆ

แต่พอบุ้งมันโทรมาอธิบายเรื่องกระแต ผมก็เลยเข้าใจขึ้น ผมรู้มานานแล้วว่าน้องสาวพี่ต่ายไปเรียนต่อที่เมืองนอก แต่มันก็นานจนผมลืม แล้วผมก็ไม่รู้ด้วยว่าเค้ากลับมาแล้ว แต่ตอนนี้ที่สำคัญผมเริ่มสงสัยอะไรบางอย่าง สงสัยเริ่มฉลาดหลังจากโง่มานาน ปริญญาหลายใบไม่ได้ช่วยให้ใครฉลาดกับเรื่องแบบนี้เลย
“บุ้ง กรูถามมรึงหน่อยทำไมมรึงรู้เรื่องพี่ต่ายดีนัก พี่เค้าก็เพิ่งกลับมา เมิงไปสนิทสนมกับเค้าตั้งแต่เมื่อไหร่”
“.........................”

บุ้งมันไม่ตอบครับเงียบไปเลย ผมเริ่มขมวดคิ้ว ผมว่ามันไม่ธรรมดาซะแล้วซิ บุ้งมันก็โกหกใครไม่เป็นเหมือนกัน แค่มันเงียบไปแบบนี้ผมก็รู้แล้วว่ามันต้องมีอะไรปกปิดผมแน่ๆ
ผมเลยต้องคาดคั้นมันให้ได้ เพิ่มน้ำเสียงโหดลงยันต์เข้าไปด้วยให้ขลัง
“บุ้งถ้ามรึงไม่เล่ามาให้หมดกรูเอามรึงตายแน่ แล้วก็เลิกคบมรึงด้วย มรึงจะบอกกรูรึไม่บอก”

ผมรู้สึกว่าชีวิตผมมันคลุมเครือมานานแล้ว ทุกคนดูเหมือนรู้เรื่องกันทุกอย่างเพราะไม่เคย
ถามผมเลยเรื่องพี่ต่ายว่าไปไหน ทำไมหายไป ทุกสิ่งที่ทุกคนทำคือปลอบผมเท่านั้น ผมก็เคยสงสัยเหมือนกันว่าทำไมทุกคนรู้เรื่องผมรักกับพี่ต่ายได้ไง แล้วก็ที่สำคัญไม่ร่วมกันประณามพี่ต่ายที่ทิ้งผมไปด้วย มันผิดปรกติ เกิดจะเพิ่งมาคิดได้เอาตอนนี้นะกรู

เราคุยกันไปได้แป๊ปเดียวก็มีเสียงสายเข้าของพี่ต่ายเรียกเข้ามาเป็นระยะๆจนผมรำคาญ
แต่ผมไม่สนใจ ยังคุยกับบุ้งต่อ บุ้งอธิบายไปก็กลัวผมโกรธไป แต่ผมเริ่มปวดหัวแล้วล่ะครับ นี่มันเล่าเรื่องน้ำเน่าอะไรให้ผมฟังเนี่ย ยังกับละครช่อง 3 พ่อแม่กีดกันเพื่อพิสูจน์รักแท้
กรรมของกรูจริงๆ เรื่องนี้ใครเขียนบทว่ะ
(คนแต่งแอบแซวตัวเอง อิอิ)“เรื่องมันก็เป็นแบบนี้ล่ะโอม กรูว่ามรึงจะไปโกรธพี่ต่ายหรือที่บ้านมรึงก็ไม่ถูกนะ ทุกคนเค้า
ก็รักมรึง แล้วยิ่งกรูเนี่ยเมิงห้ามมม.....เลยนะห้ามโกรธกรู

กรูเพิ่งมารู้เอาทีหลังเหมือนกัน ตั้งหลายเดือนหลังจากพี่ต่ายไปแล้ว พี่เค้าโทรมาถามเรื่องเมิงกรูถึงรู้เรื่อง แต่มรึงอยากรู้รายละเอียดต้องคุยกะพี่ต่ายเองนะ กรูรู้มาแค่เนี้ย”
ผมวางสายจากบุ้งไปแล้วก็ยังมึนๆ ความรู้สึกมันสับสนอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ออก
ต้องค่อยๆประมวลเหตุการณ์ที่ผ่านมา ตกลงมีผมคนเดียวเองที่เล่นไปตามเกมของทุกคนโดยไม่รู้ทิศทาง มันเจ็บปวดใจที่สุด มันน้อยใจมากๆ มันทรมานใจจริงๆครับ
ถ้าผมจะไปของติดต่อสมาคมภาพยนตร์ไทย ขอรางวัลตัวประกอบยอดเยี่ยมมาให้ครอบครัวผมกะไอ้เพื่อนบุ้ง เค้าจะให้ผมไม๊ แสดงกันเนียนจริงๆให้ตายเหอะ มานั่งขายของกันให้เหนื่อยทำไมไม่รู้ ไม่ไปสมัครเล่นละครกันซะให้หมดเรื่อง

แต่แปลกที่ถึงผมจะเสียใจมันก็ไม่มีน้ำตา มันคงร้องหมดไปแล้วมั๊งครับ เมื่อคืนก็ร้องไปแล้ว ตอนนี้ได้แต่หัวเราะหึหึให้กับความโง่ของตัวเอง แ่ต่ถ้าจะคิดในแง่ดีผมก็ได้ผ่านช่วงเวลาที่ครอบครัวต้องการลองใจผมกับพี่ต่ายไปแล้วนี่ มันควรจะเป็นเรื่องน่ายินดีไม่ใช่เหรอ
ที่พี่ต่ายกลับมาหาผมแล้ว
แต่ใจผมมันก็มีคำถามตามติดมาอีกมากมาย ทำไมตอนนั้นแม่กับป๋าไม่บอกผมตรงๆ
ไม่ถามผมบ้าง แล้วถ้าการลองใจครั้งนี้พี่ต่ายไม่กลับมาอีกผมจะเสียใจขนาดไหน แล้วพี่ต่ายจากผมไปทำไมไม่บอกเหตุผลกับผมสักคำ ถ้าผมเปลี่ยนใจไปรักคนอื่นก็เพราะพี่ต่ายเองนั่นแหล่ะที่จะต้องเสียใจ พี่ต่ายไม่กลัวหรือยังไง หรือนึกว่าผมเป็นของตาย
ผมหลับตาพยายามทำใจให้สบาย แล้วค่อยๆใช้เหตุผลมาตอบคำถามเหล่านั้น ป๋ากับแม่ผมไม่โกรธที่เป็นห่วงผม ถึงแม้วิธีการของท่านจะทำให้ผมต้องเสียใจ ท่านมีสิทธิที่อยากจะให้ผมได้ชอบกับผู้หญิงได้แต่งงานมีครอบครัวตามที่ควรจะเป็น แต่ท่านก็ยังให้โอกาสผมกับพี่ต่ายได้รักกันนี่ ไม่ได้บังคับให้เลิกกันไปเลย
ส่วนพี่ต่ายผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมไม่บอกให้ผมรู้บ้าง ปล่อยให้ผมเศร้าเสียใจอยู่คนเดียวนึกว่าถูกทิ้งไปแล้วจิตตกไปเป็นปีๆ สูญเสียความเชื่อมั่นในรักไปเลย เกือบจะไปบวชแล้วก็กลัวจะไปทำให้ศาสนาพุทธตกต่ำ
แต่ผมก็ยังดีใจที่เมื่อเวลาผ่านไปพี่ต่ายก็ยังกลับมา และผ่านเหตุการณ์เมื่อคืนมาแล้วผมรู้ว่าผมยังรักพี่ต่ายและพี่ต่ายก็รักผมเหมือนกัน มันพิสูจน์กันด้วยร่างกายไปแล้วครับ หึๆๆๆ ยังคลิกกันดีอยู่ครับไม่มีแฮงค์จนต้องบูทเครื่องใหม่เลย
เสียงโทรศัพท์พี่ต่ายเข้ามาพอดีทำให้ผมไม่มีเวลาคิดอะไรมากนัก คุยกันใช้เวลาไม่นานผมก็วางสาย แอบสะใจเล็กๆพอได้ยินเสียงอ้อนๆของพี่ต่าย ต้องพยายามเก็กเสียงเย็นๆแทบแย่ แอบเอาน้ำเสียงตอนที่คนโทรมาตื๊อให้ซื้อของหรือขายเมมเบอร์มาใช้ ไล่เตลิดเปิดเปิงไปหลายรายแล้วครับ

“พี่ต่ายอยากรอก็รอไม่อยากรอก็ตามใจ แค่นี้นะครับ ติงเรียกผมแล้ว สวัสดีครับพี่ต่าย”
พอวางสายจากพี่ต่ายไป ผมก็รู้สึกว่าผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลย ผมไม่เคยพูดจาตัดรอนแบบนี้กับใคร ผมไม่เคยโกหกใคร ผมไม่ได้รอด้วยซ้ำว่าพี่ต่ายจะพูดตอบกลับว่าอะไร อะไรทำให้ผมเป็นแบบนี้กันแน่ เค้าจะว่าผู้ปกครองไม่ชี้แนะรึเปล่าเนี่ย
ตอนแรกผมก็ว่าผมทำใจได้แล้วนะ แต่พอพี่ต่ายมาง้อแล้วของมันขึ้นน่ะ หรือว่าลึกๆแล้วความจริงที่ผมเพิ่งรู้ทำให้ผมโกรธ แต่ผมกำลังโกรธใครล่ะ โกรธพี่ต่าย โกรธป๋า โกรธแม่ โกรธพี่อิงแล้วก็อาจมีพี่อั้มอีกคน ถ้างั้นหรือว่าผมโกรธบุ้งไอ้เพื่อนที่กลายเป็นคนสมรู้ร่วมคิดในเกมนี้ไปด้วย แต่ไม่รู้ล่ะตอนนี้ผมขอลงไปที่พี่ต่ายคนเดียวก่อน ต้องแกล้งซะให้เข็ด

เสียงเพลงของโทรศัพท์ดังขึ้นมาอีกทำให้ผมต้องหยุดความคิดวนเวียนในใจชั่วคราว
ดูสายที่โทรเข้ามาเป็นติง “ครับติง....”
“โอมมาถึงรึยังติงไม่เห็นเลย”
“เรากำลังจะไปเดี๋ยวนี้แหล่ะติง รอแป๊ปนึงนะ”
เมื่อเจอเพื่อนๆผมก็ลืมเรื่องนี้ไปสนิทเลยครับ ก็นานๆเจอกันที มีติง เนย หมี ธูป แล้วก็คนอื่นๆอีก ตอนนี้เหลือที่บริษัทเก่าไม่กี่คนแล้ว ลาออกมาเป็นสมุหบัญชีบริษัทอื่นกันหมด เหลือแค่ไม่กี่คนเองที่ยังทนทำหรือทำทนกันอยู่ ซึ่งก็คงจะเติบโตกันเป็นใหญ่เป็นโตในอนาคตกันที่นั่น
ถ้าอดทนได้น่ะครับ เพราะยิ่งสูงก็ยิ่งหนาวงานก็เยอะ ต้องรับผิดชอบมากขึ้นไปด้วย และการเมืองในที่ทำงานมันหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ แต่ผมว่ามันก็มีทุกที่น่ะครับต้องทำใจ หมีที่ตอนนี้ยังคงทำงานอยู่ที่เดิมมันก็คงเริ่มเบื่อๆเหมือนกันน่ะครับ เลยชวนผมคุย
“ทำงานแบบโอมก็ดีนะเป็นอิสระดี ไม่ต้องเป็นลูกน้องใคร”
“แต่นายไปอยู่แบบนั้นแล้วจะหาแฟนได้เหรอ จะไปเจอใครล่ะอยู่นั่น”
ผมกำลังยิ้มๆอยู่ค้างเลยครับ แล้วก็ค่อยๆหุบปากลง อยากบอกว่าไม่ต้องมายุ่งกับกรูก็เกรงใจ ติงก็มองหน้าผมยิ้มๆแล้วช่วยผมตอบแทน
“อย่าไปยุ่งกับโอมเลย หมีอยู่นี่ก็ยังไม่มีแฟนเหมือนกันล่ะว้า มีไม๊ล่ะ”
ฮ่าๆๆๆจริงของติง ไอ้เรื่องแฟนนี่มันบทจะมาก็มามั๊งครับ ไม่เลือกสถานที่และเวลาหรอก จะให้โทรสั่ง1150 ก็คงไม่ได้ ถ้าเลือกได้แบบพิซซ่าก็ดีจะได้เลือกหน้าเลือกหุ่นได้ แบบว่าของเพรียวบางหน้าหล่อๆสวยๆ หรือหนานุ่มขาวอวบ

ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไม่ต้องมาตบตีแย่งกันแบบในละครทีวีบ้านเราแย่งพระเอกกัน แต่ถ้ามันมาแล้วผลุบๆโผล่แบบของผมก็ไม่ไหวเหมือนกันทำเอาแย่ต้องส่งศูนย์ซ่อมไปเลย
หลังจากนั้นต่างคนก็ต่างแย่งกันคุยครับก็เพลินๆดีเหมือนกัน ทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นเยอะเลย ก็คุยกันไปเรื่อยจนเกือบสี่โมงเย็นน่ะครับ คนอื่นๆถึงได้เวลาแยกย้ายกันกลับ แต่ผมกับติงนั่งคุยกันต่อก็เรื่องพี่ต่ายนี่หล่ะครับ
“แล้วโอมจะทำยังไงล่ะ พี่ต่ายเค้าก็ง้อโอมแล้วนี่ ก็คืนดีกับเค้าไปเหอะ”
ติงส่งยิ้มเศร้าๆให้ผม เอื้อมเอามือมากุมมือผมไว้ ผมมองเหม่อออกไปด้านนอกไม่กล้าสบตาติง แต่ผมสัมผัสความอบอุ่นจากมือติงที่ส่งผ่านมาถึงผมได้ ผมรู้ว่ามันส่งความห่วงใย และความรักมาให้ผมด้วย แต่ผมซิไม่มีสิ่งนั้นตอบกลับไปให้ติงเลย ผมรักติงได้แค่เพื่อนเท่านั้นเอง
ติงบีบมือผมเบาๆ ผมหันมามองติงยังคงมองผมอยู่แบบนั้น ด้วยสายตาที่ผมต้องหลบอยู่เสมอๆ
“โอมไม่เคยเปลี่ยนใจจากพี่ต่ายเลย แล้วจะงอนไปทำไม ติงไม่เห็นว่าใครจะมีความสุขจากการทะเลาะกันได้เลยซักคน”
ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับความเห็นของติง แต่ว่า....
“แต่ถ้ายอมคืนดีง่ายๆวันหลังพี่ต่ายอยากจะทำอะไรก็จะทำอีกซิติง การที่เราเป็นคู่ชีวิตกัน”
พูดไปผมก็เขินที่ใช้คำๆนี้ “ทำอะไรก็ต้องคิดกันเป็นคู่ไม่ใช่เหรอ ถ้าคิดเองทำอะไรเองคนเดียวเค้าเรียกคู่ขาแล้วไม่ใช่คู่ชีวิต”

ยิ่งพูดยิ่งมีอารมณ์ครับ เลือดมันขึ้นหน้า แต่ติงกลับหัวเราะกิ๊กเลย
“หัวเราะอะไรติงเราไม่ขำด้วยหรอกน่ะ” ติงยังหัวเราะเบาๆ
“ก็ขำโอมซิใช้คำพูดตลกน่ะ คู่ชีวิตอย่างงี้คู่ขายังงี้ สำนวนตลก เชยจริงๆ อิอิ”ผมค่อยๆดึงมือออกจากมือติงไม่ให้ติงรู้สึกตัว
“ไม่ต้องเลยติง อย่ามาแซวกันเอง” ผมถอนหายใจแบบเบื่อๆ :เฮ้อ:ไม่อยากเป็นคนขี้งอนเลย
“ ที่จริงเราไม่โกรธพี่ต่ายแล้วน่ะแค่น้อยใจบ้างเท่านั้นเอง เราว่าพี่ต่ายก็คงคิดเหตุผลที่ดีแล้วล่ะถึงตัดสินใจแบบนี้”
บางทีรู้มากไป คิดมากไป หรือแค้นมากไปมันก็ไม่ทำให้เรามีความสุขไปได้หรอกครับ คนรักกันอย่าไปตั้งเงื่อนไขกันมากเลยครับ ซับซ้อนมากไปเครียดไปเปล่าๆ ทิษฐิอะไรก็ต้องละวางบ้างถ้าเรารู้ว่าเค้ารักเราแล้ว แต่วันนี้ขอแกล้งพอขำๆแล้วกัน เอามันส์เข้าว่าดีกว่า
“งั้นก็งอนพองามแล้วกันน่ะโอม เดี๋ยวพี่ต่ายเ้ค้าเกิดที่จะเบื่อง้อแล้วเตลิดเข้าป่าไปละก็ติงช่วยไม่ไหวนะ อิอิ”
ตอนที่แยกกันจากติงผมก็ยังคิดอะไรไม่ออกจริงๆครับ ใจน่ะอยากให้พี่ต่ายมานั่งร้องไห้กระซิก กระซิิกต่อหน้าผมซะด้วยซ้ำ เอาแบบผมเป็นคนคอยเช็ดน้ำตาให้คงสนุกดีพิลึก เพื่อความสะใจ กำลังคิดว่าจะเอาไงดีจะกลับไปหาพี่ต่ายที่บ้าน หรือว่าจะกลับบ้านต่างจังหวัดไปเลยก็ยังไม่แน่ใจ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีก ใครโทรมาหว่าตอนนี้......
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
:เฮ้อ:รอดไปอีกวันนะตรู