ตอนจบ
ปลายเดือนกรกฏาคม สถานการณ์น้ำเหนือไหลบ่ายังคงน่าเป็นห่วง หากแต่คนภาคกลางห่างหายจากเหตุการณ์น้ำท่วมมานาน เมื่อครั้งล่าสุดในสมัยพุทธศักราช ๒๔๘๓ นนทภัทรรู้ข้อมูลเรื่องนี้ดี ... หากแต่ทั้งทางการก็ไม่ได้ใส่ใจภัยธรรมชาติเกี่ยวกับน้ำท่วมครั้งนี้เท่าไหร่นัก เพราะคนในที่ราบลุ่มส่วนใหญ่นั้นผจญกับน้ำท่วมอยู่เสมอ เพียงแต่เหตุการณ์ไม่รุนแรงและกินเวลาไม่นานนัก
พายุหลายลูกถล่มประเทศไทยนานหลายเดือนทำให้เกิดมวลน้ำจำนวนมหาศาลจากภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน หากแต่ทางการยังคงไร้การประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับมวลน้ำก้อนนี้ นนทภัทรยิ่งเป็นห่วงถึงปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะหากสิ่งที่เขากังวลเกิดขึ้นจริง พื้นที่ทำการเกษตรไม่รู้กี่ไร่ต่อกี่ไร่ในปทุมธานีคงต้องจมอยู่ใต้กระแสน้ำนานนับเดือนแน่
.
.
.
“เป็นอะไรไปคุณ ทำหน้าเหมือนท้องผูกมาหลายวันเชียว” พ่อค้าพวงมาลัยถามขึ้น หลังจากที่มองลูกค้าขาประจำวางถุงข้าวต้มมัดลงบนโต๊ะพร้อมกับนั่งลงหน้ามุ่ยๆ
“เครียดๆนิดหน่อยน่ะจอม”
“เรื่องงานน่ะหรอ”
“ไม่เชิงซะทีเดียว ผมเป็นห่วงชีวิตของคนที่นี่มากกว่า”
“เอ๋ ... ยังไงกันเนี่ยคุณนน”
“ก็ ... ถ้าผมบอกคุณว่าปทุมธานีน้ำจะท่วม คุณจะเชื่อผมมั้ย”
“เชื่อสิ ที่นี่ก็ท่วมทุกปีอยู่แล้ว”
“ไม่สิ มันจะไม่ใช่แค่ท่วมเหมือนทุกๆปีที่ผ่านมา แต่มันจะสูงเมตรสองเมตรและท่วมเป็นเดือนเลยนะจอม” นนทภัทรยังไม่คลายความวิตก
“ขนาดนั้นเลยหรอคุณ มันเกินไปหน่อยหรือเปล่า ตั้งแต่ผมเกิดมาจนอายุเท่านี้ผมยังไม่เคยเห็นเลยนะ”
“ถูกของคุณ แต่ข้อมูลมวลน้ำปีนี้มันฟ้องว่ามันน่าจะเกิดขึ้นแน่ๆ แต่ตอนนี้ไม่ว่าใครก็พากันมองข้ามไปเพราะมัวแต่บอกว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นนี่สิ”
“มันก็พูดยากนะครับ แล้วถ้าคุณมั่นใจว่ามันจะท่วมขนาดนั้นจริง คุณจะให้พวกชาวบ้านเค้าทำยังไงต่อละ”
“ก็ขนของหนีน้ำ และเตรียมอพยพหากสถานการณ์น้ำไม่น่าไว้ใจ”
“คุณพูดยังกับว่าปทุมธานีจะจมลงสู่มหาสมุทรแน่ะนน”
“แต่มันอาจจะเกิดขึ้นจริงๆนะ ... ผมเป็นห่วงชาวบ้านทุกคนที่นี่ โดยเฉพาะ...คุณนะ”
จอมคลี่ยิ้มออกช้าๆ ชายหนุ่มไม่ได้ปักใจเชื่อข้อมูลของนนทภัทรเท่าไหร่นัก หากแต่...ความเป็นห่วงของคนตรงหน้านั้น เขารู้สึกได้ว่าความรู้สึกนั้นเป็นของจริง
“ขอบคุณนะ ถึงคนบ้านแพนจะคุ้นเคยกับน้ำท่วมเป็นอย่างดี แต่เห็นทีปีนี้คงต้องระวังมากกว่านี้สักหน่อยแล้วล่ะ ก็เจ้าหน้าที่ของรัฐเค้าเตือนขนาดนี้นี่นา”
“แหม เตือนก็ต้องเชื่อกันหน่อยสิ”
“ก็เชื่อแล้วไง ต้องให้ทำยังไงอีกล่ะ”
“รักผมซะทีสิ” เกษตรอำเภอหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์
“น้อยๆหน่อยเหอะ ง่ายไปมั้ง”
“ง่ายที่ไหน ผมตามจีบจอมตั้งหลายเดือนแล้วนะ”
“รออีกสักปีไม่ได้รึไง” พ่อค้าพวงมาลัยยักคิ้วตอบ
“อ้อ ปีหน้าแต่งแน่สินะ”
“ตลก!”
.
.
.
พระอาทิตย์ยามเย็นคล้อยต่ำหากแต่แสงแดดยามเย็นยังทอแสงเป็นประกายกับผิวน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยา น้ำท่วมกรุงเทพดูไม่ใช่เรื่องที่เกินจินตนาการเท่าไหร่นัก เมื่อมวลน้ำจากภาคเหนือเริ่มไหลเข้าสู่นครสวรรค์ อุทัยธานี และพิจิตรสูงถึงหนึ่งเมตรทั่วตัวเมือง
ผู้คนที่ทางการประกาศเป็นทางผ่านของน้ำเริ่มตื่นตัวและเตรียมมตัวรับกับปริมาณน้ำที่จะต้องประสบ
ดอกรักของเกษตรอำเภอหนุ่มกับพ่อค้าพวงมาลัยค่อยๆผลิบานริมท่าน้ำเมืองปทุมธานี สวนกระแสกับมวลน้ำที่ไหลบ่ามาเรื่อยๆ น้ำท่วมกรุงเทพและปริมณฑลไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เมื่อน้ำค่อยๆท่วมไล่มาจากพิษณุโลก พิจิตร และนครสวรรค์ ...
“นนท์ คุณบอกว่า น้ำจะท่วมหนัก.... จริงๆหรอ”
“ก็จริงสิจอม ผมเตือนคุณแล้ว ไม่ได้มีแต่จอมหรอกนะที่วิตกกัน พวกเกษตรกรเค้าก็เครียดไม่น้อยไปกว่าคุณ และหากน้ำมาเมื่อไหร่ เทือกสวนไร่นาของพวกเค้าคงต้องจมน้ำแน่ๆ”
“แล้ว .... นนท์ว่า”
“น้ำมาแน่ๆ จอม” แววตาของเกษตรอำเภอหนุ่มแน่วหน้าและเป็นห่วงคนตรงหน้า “ผมอยากให้จอมมาอยู่กับผม .... ผมเป็นห่วงจอมนะ”
“ขอบคุณนะ” จอมมองตาคู่นั้นกลับด้วยท่าทีที่อ่อนโยน และเป็นมิตร “แต่ผมมีแม่ที่ต้องดูแล และบ้านของผม ผมก็ต้องดูแล ผมเป็นเสาหลักของบ้านนะ ผมจะหนีเอาตัวรอดคนเดียวไม่ได้หรอก”
“พาแม่ของจอมมาด้วยกันสิ ... ผมยินดี เพราะ... ผมรักแม่ของจอมเหมือนที่ผมรักจอมนั่นแหละ”
“นนท์...”
“ผมพูดจริงๆ ผมรักจอม .... ผมรู้ว่าน้ำท่วมครั้งนี้หนักหนาสาหัสไม่ธรรมดา ... และชีวิตคนเรามันก็ไม่แน่นอน แต่ผมคิดว่า ผมดูแลคนที่ผมรักได้” วาจาของนนทภัทรมั่นคง และแน่วแน่ คำพูดของเขาหนักแน่นยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อกุมมือของคนที่เขาอยากใหมั่นใจเอาไว้แน่น “ผม.... ไม่อยากให้คุณเป็นอะไรนะ”
“นนท์ .... ผม”
“ผมต้องบอกว่ารักคุณอีกกี่ครั้ง คุณถึงจะยอมย้ายมาอยู่กับผม” มือเรียวของจอมถูกกุมให้แน่นขึ้นอีก จนอีกฝ่ายต้องหลบตา
ท่าน้ำเมืองปทุมขวักไขว่ไปด้วยผู้คนที่เดินไปมา คงมีจำนวนไม่น้อยที่เตรียมตัวรับสานการณ์น้ำที่กำลังจะมา จนลืมสนใจไปว่า ผู้ชายสองคนกำลังสานความสัมพันธ์กันด้วยการจับมือกันไว้ใต้โต๊ะแผงพวงมาลัย หากผู้คนพวกนั้นสังเกตมาสักนิด คงจะมองเห็นพวงแก้มที่แดงก่ำด้วยความเขินอายของพ่อค้าพวงมาลัยแห่งท่าน้ำเมืองปทุมในตอนนี้
“ขอบคุณอีกครั้งนะนนท์ .... แต่ผมคิดว่า ผมคงไปอยู่กับนนท์ไม่ได้ บ้านหลังนั้น แม่ผมรักมันมาก ตากับยายของผมอยู่ที่นั่นมาตลอด ถึง...ผมจะเป็นแบบนี้ แต่ถึงยังไง ผมก็ต้องดูแลท่าน”
“จอม ...”
“แล้วนนท์ก็ไม่ต้องพูดว่ารักผมอีกแล้วล่ะ .... เพราะผม ก็รู้สึกไม่ต่างจากนนท์หรอก”
นนทภัทรยิ้มแก้มปริ เมื่อได้ยินความในที่ถูกเฉลยจากปากของคนตรงหน้า
“นี่หมายความว่า....!!!”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้วล่ะ นนท์เชื่อใจผมมั้ย คนบ้านแพนไม่เป็นอะไรเพราะน้ำท่วมหรอก ผมเกิดจนโตมาจนป่านนี้ จอมรู้มั้ย บ้านผมน้ำท่วมไม่รู้กี่ครั้ง แต่ผมก็ยังรอดมาได้ .... “ พ่อค้าพวงมาลัยพูดทั้งที่ยังก้มหน้า “นนท์รอได้มั้ยล่ะ ไม่ว่ายังไง ผมต้องกลับมาที่นี่ได้อีกครั้งสิน่า”
“จอม ... มาอยู่กับผมเถอะ ให้ผมได้ดูแลจอมนะ ...ผมกลัว”
“ผมรู้แล้วว่านนท์เป็นห่วง แต่ผมก็มีคนให้ดูแลเหมือนกัน .... ถ้ารักกันแล้ว ก็รอหน่อยไม่ได้หรอ”
ดวงตาของนนทภัทรจ้องลึกลงไปในแววตาของชายผู้เป็นที่รัก คำตอบของคนตรงหน้าชัดเจนในแววตาคู่นั้น หากไม่มีแรงบีบมือกลับจากพ่อค้าพวงมาลัย เกษตรอำเภอหนุ่มคงปวดใจไม่น้อยกับการรอคอยท่ามกลางภัยธรรมชาติครั้งนี้ และคำว่ารักที่อีกฝ่ายมอบให้แล้ว กลับให้ความหวังที่ยิ่งใหญ่ ว่าเมื่อมวลน้ำผ่านไป ดอกรักสีชมพูจะผลิบานกลางดวงใจของทั้งสองคน
“ถ้าอย่างนั้น ... ผมจะรอ จอมต้องไม่เป็นอะไรนะ”
“สัญญาได้เลยครับคุณเกษตรอำเภอ”
.
.
.
สถานการณ์น้ำท่วมเป็นไปตามที่นนทภัทรคิด น้ำเหนือไหลบ่ามาจำนวนมากจ่อเข้านครสวรรค์และอุทัยธานี ชายหนุ่มดูข่าวทีวีด้วยความรู้สึกใจหาย อีกไม่นานที่นาอีกหลายหมื่นหลายแสนไร่คงจะจมหายไปกับสายน้ำอย่างแน่นอน และที่อดห่วงไม่ได้เป็นที่สุด นั่นก็คือคนอวดดีที่บอกว่าจะปกป้องแม่ที่บ้านแพนนั่นแหละ ตัวแค่นั้นจะไปทำอะไรได้ น้ำไม่รู้กี่ลูกบาศก์เมตรนะ
ข่าวน้ำท่วมทำให้เกษตรอำเภอหนุ่มกระวนกระวายใจอยู่ทั้งวัน หากบ้านของพ่อค้าพวงมาลัยคนนั้นมีโทรศัพท์ชายหนุ่มคงจะโทรไปหาเสียตั้งแต่เมื่อคืนด้วยซ้ำ แต่นี่เบอร์บ้านก็ไม่มี ยิ่งทำให้ความวิตกกังวลใจยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ตกเย็น นนทภัทรรีบบึ่งไปที่ท่าน้ำเมืองปทุมธานีโดยไม่ได้มีข้าวต้มมัดอย่างเคยด้วยความรู้สึกร้อนรนอัดอั้นในใจ และเมื่อไปถึง ภาพท่าน้ำที่ปราศจากแผงพวงมาลัยก็ทำให้ชายหนุ่มแทบจะเข่าอ่อนทรุดตัวลงตรงนั้น
“ไม่....ไม่จริงใช่มั้ยจอม คุณหายไปไหนเนี่ย”
.
.
.
ในที่สุด น้ำก็มาถึงปทุมธานี ข่าวดังที่สุดคงหนีไม่พ้นหมู่บ้านไวท์เฮาส์ที่ท่วมไปหลายหลังคาเรือน ตัวเมืองปทุมธานีเองก็โดนไม่น้อย ระดับน้ำสูงถึงเอวทีเดียวจนที่ว่าการอำเภอไม่สามารถที่จะเปิดให้บริการได้ตามปกติ ตัวนนทภัทรเองก็ออกไปช่วยผู้ประสบภัยตามที่ต่างๆอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แม้ลึกๆแล้วจะร้อนใจอยู่ทุกวัน กับชะตาของคนที่อยู่บ้านแพน
ข่าวประชาชนต้องอาศัยอยู่บนหลังคาเรือนยิ่งทำให้ชายหนุ่มยิ้งสะท้อนใจ และมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ถูกน้ำพัดพาไปจนหายสาบสูญซึ่งชะตากรรมก็คงไม่พ้นสิ้นลมหายใจ นนทภัทรทำได้แค่เฝ้าภาวนาไม่ให้หนึ่งในผู้โชคร้ายเหล่านั้นไม่มีคนชื่อจอมรวมอยู่ด้วย
ที่ว่าการอำเภอกลายเป็นที่พักพิงชั่วคราวของเกษตรอำเภอหนุ่มและผู้ประสบภัยอีกหลายๆคน ชายหนุ่มนั่งทอดหายใจอยู่บนชั้นสองด้วยความเหน็ดเหนื่อยและเป็นห่วงคนไกลผู้เป็นดั่งดวงใจ ถึงคนๆนั้นจะยังไม่ตอบรับในไมตรี แต่ทว่าเวลาที่ไม่ได้เจอหน้าหวานๆของชายผู้นั้นยิ่งทำให้ชายหนุ่มร้อนรุ่มดั่งกามนิตหนุ่มกลุ้มใจคนึงหาถึงวาสิฏฐี
“พ่อค้าหน้านวลเคยนั่งเรือด่วน....สายบ้านแพน
ใยหลบหน้าตาหนีแฟน .... เห็นเรือด่วนแล่นคิดถึงแต่เธอ
เคยฝากจดหมายนายท้ายเรือ....ให้เสมอ
พี่หลงคอย....คอยน้องเก้อ
เฝ้าหลงคอยเธอ....ที่เมืองปทุม”
นนทภัทรร้องเพลงที่เคยชอบด้วยเนื้อเพลงที่เปลี่ยนไปตามความรู้สึกข้างใน ก่อนจะรำพึงกับตัวเองเบาๆ
“คุณยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม จอม...”
.
.
.
๖ พฤศจิกายน ๒๕๓๘
นนทภัทรนั่งมองพระจันทร์เต็มดวงอยู่บนชั้นสองของอาคาร หากเบื้องล่างไม่มีน้ำสูงถึงโคนขาแล้วล่ะก็ วันนี้ตัวเขาเองรวมถึงคนอื่นอีกหลายคนน่าจะได้ไปยืนกันที่ริมตลิ่งพร้อมด้วยเสียงประทัดและแสงเทียนสว่างไสวเต็มผืนน้ำเจ้าพระยา หากแต่เมื่อมองไปทางไหนก็เจอแต่น้ำเช่นนี้ กลับทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่กับภัยพิบัติที่ประสบพบเจอ
ชายหนุ่มฉีกกระดาษจากสมุดทำงาน ก่อนจะพับเป็นเรือใบอย่างง่ายๆ เขาหลับตาอธิษฐานต่อหน้าเรือกระดาษที่ใช้แทนกระทงด้วยความหัวใจที่หวิวๆ เหมือนจะขาด
“ขอให้ผมได้เจอจอมในเร็ววันเถอะนะครับ พระแม่คงคา”
.
.
.
๓๑ ธันวาคม ๒๕๓๘
เสียงพลุดังเปรี้ยงปร้างพร้อมกับเสียงเพลงอวยพรปีใหม่ดังกระหึ่มไปทั่วท่าน้ำเมืองปทุม น้ำลดจนแห้งหมดแล้วหลังจากท่วมขังเป็นเวลาสองเดือน ลากยาวมาจนถึงเทศกาลสิ้นปี ถึงแม้ประชาชนจะไม่ได้มีเงินทองมากมายนักเนื่องจากต้องหยุดงานและต้องนำไปบูรณะซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหาย หากแต่ความทุกข์และความเครียดตลอดเวลาที่น้ำมาก็ทำให้หลายคนยิ้มชื่นบานเมื่อเทศกาลแห่งความสุขอย่างวันสิ้นปีมาถึง นนทภัทรยิ้มเหงาๆอยู่ที่ที่ว่าการอำเภอ หลังจากที่เมื่อวันศุกร์ชายหนุ่มได้ทำงานเป็นวันสุดท้ายของปี และมีประชาชนมาขอรับพันธ์ข้าวไปเป็นจำนวนมากหลังจากที่น้ำท่วมไร่นาเสียหายไป
ชายหนุ่มมองไปยังท่าน้ำเมืองปทุมอีกครั้งด้วยหัวใจที่ว่างเปล่าและปวดร้าว เกือบสามเดือนที่พ่อค้าพวงมาลัยแห่งท่าน้ำเมืองปทุมหายไปจากแผง หากเขาถามชื่อจริงให้รู้ก่อนนี้คงจะตามหาไม่ยากว่านายจอมเป็นตายร้ายดีอย่างไร แต่ในเมื่อ นนทภัทรไม่รู้ เขาจึงทำได้แค่รอ ...รอ ...และรอการกลับมาทำการอีกครั้งของแผงมาลัยกับพ่อค้าหน้าหวานแห่งท่าน้ำแห่งนี้
ลานหน้าที่ว่าการอำเภอแน่นขนัดไปด้วยผู้คนเนื่องจากมีมหรสพและห้างร้านมากมายให้เลือกซื้อเลือกชมกัน ชายหนุ่มมองหลายคนในงานที่เกี่ยวแขนกันมาเป็นคู่ๆ หากวันนี้มีจอมอยู่ ชายหนุ่มมั่นใจว่าเขาจะไม่ขลาดอายที่จะทำแบบคนที่รักกันบ้าง ...ให้สมกับที่รอคอย คอยมานานเหลือเกิน โดยที่ไม่รู้ว่าชายคนนั้นอยู่หรือตาย
ห้าทุ่มสี่สิบห้านาที...
นนทภัทรเดินกลับมาที่ท่าน้ำอีกครั้ง ลึกแล้วชายหนุ่มหวังว่าจะได้เจอพ่อค้าหนุ่มชาวบ้านแพงในงานนี้ น้ำในเมืองอยุธยารวมถึงบ้านแพนน่าจะลดลงนานแล้ว เพราะปทุมธานีเองก็แห้งไปจนหมดแล้ว แต่ทว่าไม่ว่ายังไงก็ยังไร้วี่แววของนายจอมคนนั้น
หน่วยงานราชการมีการรวบรวมรายชื่อของผู้สูญหายและเสียชีวิตจากอุทกภัยครั้งนี้ แต่ทว่าเกษตรอำเภอหนุ่มกลับขลาดกลัวที่จะดูรายชื่อเหล่านั้น ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่รู้ว่า จอมชื่ออะไร และเขาก็กลัวที่จะได้เห็นรายชื่อของผู้ประสบชายจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา .... นนทภัทรกลัวที่จะตีความแบบแช่งคนที่เขารัก
“เรามานับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่พร้อมกันนะครับ ....” เสียงโฆษกบนเวทีดังขึ้นจากเครื่องเสียงขนาดยักษ์กลางลาน ชายหนุ่มเหลือบตาไปตามเสียงด้วยแววตาปวดร้าว ก่อนจะนับถอยหลังตามในใจ
“9
8
7
6
5
4
3
2
1”
เสียงประทัดดังขึ้นสนั่นหวั่นไหวพร้อมกับดอกไม้ไฟจำนวนไม่รู้กี่ดอกต่อกี่ดอกที่แข่งกันอวดสีสันเต็มน่านฟ้า ชายหนุ่มยิ้มเศร้ากับแสงสีเหล่านั้นพร้อมกับดวงตาที่ร้อนผ่าว ความขมขื่นในหัวใจโหดร้ายเกินไปที่จะทำให้นนทภัทรอดทนต่อได้ หยาดน้ำใสๆค่อยๆทิ้งตัวตามแรงโน้มถ่วงและไหลลงช้าๆข้างแกมของเกษตรอำเภอหนุ่มที่แหงมมองฟ้าเพียงลำพังท่ามกลางฝูงชน
“ดอกไม้ไฟสวยมากๆเลยนะจอม”
“ไม่ปวดคอหรือไงฮึ คุณเกษตรอำเภอ”
เสียงดังมาจากข้างหลังนนทภัทรพร้อมกับความรู้สึกจากการถูกสะกิดเบาๆ เสียงคุ้นหูนั้นดังลอดเสียงครึกโครมของเครื่องมโหรีและเสียงพลุดอกไฟ หากแต่ในเวลานี้ แม้เสียงอื่นจะดังขนาดไหน แต่ทว่าชายหนุ่มกลับดีใจอย่างที่สุดที่ได้ยินเสียงแปลกปลอมนี้ ก็เพราะว่ามันเป็นเสียงของคน....ที่ชายหนุ่มเฝ้ารอคอยมาตลอดน้ำลด
“ปวดใจมากกว่า หายไปตั้งนานไม่ส่งข่าวส่งคราว”
“ใจเสาะล่ะสิ แค่สองเดือนเอง “
นนทภัทรหันมายิ้มกว้างให้กับจอมที่ยืนอยู่ด้านหลัง ก่อนจะคว้าพ่อค้าพวงมาลัยมากอดไว้แน่นอย่างไม่สนใจผู้คนรอบข้าง
“เฮ้ย คุณ จะบ้าหรอ คนเยอะแยะ”
“ผมไม่อายอะไรแล้ว จอมรู้มั้ย ตลอดเวลาที่จอมหายไปแบบไม่มีข่าวคราวอะไรเลย ผมใจจะขาดเลยรู้มั้ย เป็นอะไรหรือเปล่าก็ไม่มีทางรู้เลย”
“โธ่ ช่วงเวลาวิกฤติแบบนี้ใครๆเค้าก็ลำบากกันทั้งนั้นแหละน่า”
“แล้วจอมเป็นยังไงบ้างล่ะ” ชายหนุ่มคลายอ้อมกอดลง พร้อมกับกวาดสายตามองร่างเล็กของพ่อค้าจอมอย่างพิจารณา
“ก็...เฮ้อแย่ ร้อนกินนอนบนหลังคาก็ลำบากเป็นธรรมดาแหละ”
“แม่จอมล่ะ”
“สบายดีครับ ...แม่ผมเก่งกว่าผมอีก แกผจญน้ำท่วมมาตั้งแต่เกิดนะ”
นนทภัทรมองตาของพ่อค้าพวงมาลัยด้วยม่านตาที่ยังเปียกชื้นจากคราบน้ำตา “จอม ... มาอยู่กับผมเถอะ พาแม่คุณมาด้วย ...ผม....รักคุณนะจอม”
“คำรักของคุณมันออกมาง่ายจัง พ่อเกษตรอำเภอ!! ผมคงต้องสำลักความหวานซักวันล่ะมั้งเนี่ย” จอมพ้อหน้าแดงกับคำพูดของเกษตรอำเภอหนุ่ม
“ผมไม่อยากเสียคุณไปไงจอม ชีวิตคนเรามันสั้นนะ ผมอยากอยู่กับจอม อยากนอนกอดจอมทุกวัน อยากบอกรักจอมทุกวันด้วย จอมเข้าใจมั้ย”
ใบหน้าของจอมแดงและร้อนผ่าวยิ่งกว่าเดิมจนต้องปลีกตัวหนีออกมาจากเกษตรอำเภอหนุ่มที่มองเขาด้วยสีหน้าและแววตาที่แทบจะกลืนกินเข้าไปทั้งตัว จอมเลือกที่จะใช้ราวกั้นท่าน้ำเป็นที่พิงตัว ก่อนที่ชายหนุ่มจะพยายามหุบยิ้มและหันหน้าหนีไปยังแม่น้ำเจ้าพระยา
“แม่ผมคงไม่ยอมไปไหนง่ายๆ ที่นั่นเป็นบ้านของท่าน ....”พ่อค้าพวงมาลัยเว้นช่วงนานสักหน่อย ก่อนจะพูดต่อ “แต่ถ้าเป็นตัวพ่อค้าเองคิดว่า ถ้าได้พักใกล้ๆกับท่าน้ำบ้างวันเว้นวัน ก็อาจจะพอได้นะ”
“จอม...” นนทภัทรฉีกยิ้มกว้างเมื่อได้ยินคำตอบ
“แค่นี้พอใจมั้ยครับ คุณเกษตรอำเภอ”
“ไม่พอใจหรอก สงสัยผมคงต้องไปเกลี้ยกล่อมแม่ของพ่อค้าพวงมาลัยสักหน่อย ว่าบ้านของว่าที่ลูกเขยที่ปทุมน่ะ สบายกว่าบ้านที่บ้านแพนของท่านเยอะ ท่านควรจะย้ายมาอยู่เสียที่นี่เลย คุณพ่อค้าพวงมาลัยจะได้มาอยู่ด้วยกันกับผมทุกวัน”
.
.
.
๑๒ กันยายน ๒๕๕๔
สถานการณ์น้ำเหนือไหลทะลักกลับมาระทึกขวัญคนไทยอีกครั้ง น้ำท่วมทั่วจังหวัดนครสวรรค์ ก่อนจะเริ่มไหลเข้าสู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และปทุมธานีกำลังจะเป็นจังหวัดต่อไป ปีนี้หลายๆคนวมถึงสื่อต่างๆ ต่างพากันโหมกระแสมวลน้ำครั้งนี้กันเป็นจำนวนมาก หลายๆแห่งต่างช่วยกันขนกระสอบทรายเพื่อทำคันกั้นน้ำ รวมถึง ... ปทุมธานี
“เหนื่อยมั้ยนนท์” ชายหนุ่มที่กำลังตักทรายใส่กระสอบหันไปตามเสียง ก็พบจอมยื่นขวดน้ำพร้อมหลอดมาให้
“เห็นหน้าจอมก็หายเหนื่อยแล้วล่ะ”
“เวอร์ตลอด”
“เอ้า ก็มันจริง รักจริงด้วยนะ”
อดีตพ่อค้าพวงมาลัยที่ตอนนี้กลายเป็นพ่อค้าผลไม้กระแทกหลอดดูดน้ำเข้าปากเกษตรอำเภอหนุ่ม ก่อนจะดุอย่างไม่จริงจังนัก
“เอาให้เลือดออกปากซะทีดีมั้ย จะได้เลิกพูดอะไรเลี่ยนๆ อายุอานามไม่ใช่น้อยๆกันแล้วนะเราน่ะ “
“โอ๊ย มันเจ็บนะจอม” ชายหนุ่มลูบปากตัวเองจนทรายเลอะไปทั่ว จอมอดยิ้มกับความทะเล้นของคนรักไม่ได้ จนต้องเอื้อมมือไปเช็ดทรายที่เปื้อนอยู่ที่หน้าของนนทภัทรเบาๆ
“น้ำท่วมครั้งนี้ เราจะรอดมั้ยเนี่ยนนท์”
“ผมก็ไม่รู้หรอกนะจอมว่ากระสอบทรายพวกนี้จะเอาอยู่มั้ย แต่ผมไม่กลัวอะไรแล้วล่ะ น้ำท่วมคราวที่แล้วน่ากลัวกว่าเยอะเลยแหละถ้าเทียบกับคราวนี้”
“แต่ผมคิดว่า คราวนี้มันน่ากลัวกว่าเยอะเลยนะ ดูข่าวแล้วก็ใจหาย”
“ผมไม่ได้ใช้ความเสียหายและปริมาณน้ำเป็นตัวตัดสินนี่นา แต่ผมใช้....” นนทภัทรมองตาของคนตรงหน้า ก่อนจะพูดต่อ “คุณไง น้ำท่วมครั้งนี้ ผมมีจอมอยู่ข้างๆ ต่อให้น้ำท่วมโลก ผมก็ต้องพาจอมกับแม่ให้รอดจนได้แหละ”
“ให้มันจริงเถอะ อ่ะตักกระสอบทรายต่อไปไป๊! อย่าอู้”
“คร้าบ ทราบแล้วครับ”
.
.
.
นนทภัทรพูดไม่ผิดนักหรอก ... ก็คนมันเคยผ่านมาแล้วนี่นา น้ำท่วมน่ะ จะท่วมปีที่แล้วหรือปีนี้ มันก็น้ำเหมือนกันนั่นแหละ
.... แล้วปีนี้ ยังมีคนคอยเป็นกำลังใจอยู่ข้างๆแบบนี้ ต่อให้น้ำมาสักกี่เมตร นนทภัทรก็คงไม่กลัวแล้วล่ะ
จบตอน
[/color]
ดองพ่อนนทภัทรกับนายจอมซะนานเลย แหะๆ
อย่างที่บอกแหละครับ ว่าโดนย้ายสายฟ้าแลบมาสระบุรี กว่าจะปรับตัวได้ ทำเอาแย่เหมือนกัน
วันนี้แอบลงสองเรื่องรวดเลย โทษฐานรอนาน คือเรื่องใหม่ กรุ่นกลิ่นรวงข้าว กับตอนจบของเรื่องสั้นเรื่องนี้
ขอบคุณที่ตามอ่านนะครับ หวังว่าเรื่องนี้น่าจะเรียกรอยยิ้มให้กับหลายคนบ้างนะครับ
@yeyong : พี่สาวสุดสวย อยากบอกว่าผมทันมานะมานีนะ แต่ครูไพลินนี่นึกไม่ออกจริงๆ - - สงสัยจะความจำสั้น เพราะขนาดเขียนเรื่องนี้ยังค้นอากู๋จนปวดหมับเกือบจะถอดใจแล้วแหละ
@- คราส - ขอบคุณมากครับ
@malula ผมชอบรายการชิงช้าสวรรค์ครับ เพลงไหนที่น้องเอามาแข่งและทำโชว์ดีๆร้องเพราะๆ ผมจะปลื้มเป็นพิเศษ (รวมเพลงนี้ด้วย)
@ Cherry Red พ่อค้าพวงมาลัยเสร็จเรียบร้อยโรงเรียนเกษตรอำเภอตามคาดครับ
@ konnarak ผมว่านานอยู่นะ กว่าน้ำจะลด ตั้งหลายเดือนแน่ะ
@ MiSS-U มาต่อแล้วนะครับ แต่นานไปหน่อย (สองอาทิตย์แหนะ)
@ เดหลี พี่เดหลีโกงอายุ!!! เรื่องนี้ไม่โศก(ตอนจบหรอกครับ) แต่สไตล์ผมชอบปล่อยให้โศกกลางทาง แล้วค่อยตามเก็บศพตอนจบ ฮ่าๆ ส่วนนิยายพี่เดหลี เขียนได้สักหน่อย ก็เอามาปล่อยบ้างสิครับ คนอ่านจะได้หายคิดถึงไง ทวงกันตรงนี้แหละ
@ Little Diamond แอบเห็นด้วยครับ
@ zombi ขอบคุณที่ติดตามอ่านครับพี่ ตั้งแต่นายลอยกับนายลมเลย
สำหรับเรื่องหน้า ต้องรอดูก่อนครับว่าอยากจะเขียนเรื่องอะไร อย่างที่บอกว่าแพลนเรื่องสั้นเยอะมาก แต่ถ้ามาวินตอนนี้ แอบสปอยก่อน แต่อาจจะไม่ใช่เรื่องนี้ ชื่อเรื่องว่า
"ภูเก็ต" ครับ