เหยี่ยวหัวใจ
Part 6
กูหึง..สัด!.
.
.
.
.
.
“เอาล่ะ! ถอดเสื้อออกแล้ว ให้น้องผู้หญิงที่เหลือมารับเอาน้ำมันจากพวกพี่ไปทาตัวของเพื่อนให้ทั่ว” คำสั่งไอ้พี่แซคพูดจบ พวกรุ่นพี่สต๊าฟผู้หญิงก็ยื่นน้ำมันพืชให้เพื่อนผู้หญิงทีมเราอีกหกคนรับไปสี่ขวดเล็ก
“เอร้ย!..พรต เราขอเป็นคนทาตัวน้องรันได้ไหม...ขอเหอะๆ คนอื่นยกให้น้องๆ เค้าทากันเอง
ยกเว้นคนนี้เราขอทาให้นะ” รุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งเขย่าแขนไอ้รั่วมันจนไหล่สั่น เอ่ยปากขอเป็นคนทาน้ำมันบนตัวผมซะงั้น
“นังกระจัง..แกอย่าแรดเว่อร์..หัดอายน้องๆ เค้าบ้าง ถามน้องรันหรือยังว่าเค้ายอมให้มึงเป็นคนทาหนะ
ว่าไงพวกน้องๆ จะยอมให้พี่กระจังเค้าทาตัวน้องรันกันหรือเปล่า?” ปรากฎการณ์เบรกกระจายก็เริ่มขึ้น เพราะรุ่นพี่ผู้หญิงที่แก่น
พอกันออกตัวเบรกพี่คนอ้อนไอ้รั่วจนหัวทิ่มไปแล้ว เห็นว่าชื่อกระจัง..
“คิคิๆๆ..ไม่ยอมค๊า..พวกเราทาให้เองดีกว่า..ฮ่าๆๆๆ” แล้วกลุ่มพวกผู้หญิงในทีมก็พร้อมใจกันโต้กลับไป
แบบไม่ต้องนัดกันเลย แต่เกือบหน้าหงายหัวทิ่มตามรุ่นพี่คนแรกไปอีกคนเมื่อ....
“ยุ่งยากวุ่นวายกันนัก น้องรันมานี่พี่ทาให้เอง..จบ! จะได้ไม่ต้องมีใครได้เปรียบเสียเปรียบ
สรุปกูทาเองดีกว่า ที่เหลือทาให้กันเหมือนเดิม” พูดไม่พูดเปล่า มันเดินเข้ามาจับแขนผมลากไปยืนข้างมัน ก่อนจะคว้า
ขวดน้ำมันจากมือผู้หญิงในทีมผมที่อยู่ใกล้ๆ เทราดบนหน้าอกและหลังผมพร้อมกับเอาฝ่ามือละเลงบนตัวผมอย่างตะบี้ตะบัน
แบบไม่ออมแรงกันเลย เล่นเอาผิวของผมขึ้นริ้วแดงเป็นปื้นตามแรงมือของมัน ท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่ได้แต่ยืนมอง
ตาค้างอย่างไม่มีใครกล้าโต้แย้งมันสักคน....เก่งจริงเมียกู??
ผมแอบกลั่นขำเกือบตาย ตลกเพราะหูมันแดงแปร๋ดเห็นได้อย่างชัดเจนยิ่งมันละเลงน้ำมันบนตัวผม
มีเก็กปั้นหน้าดุแต่ผมรู้ว่ามันกำลัง...หึง..จนควันออกหูหน้ามืดแล้วนั่นไอ้อาการลงมือหนักๆ ทำร้ายร่างกายผัวประชดเนี่ย...
มีมันคนเดียวแหละที่หาทางแก้ลำด้วยวิธีนี้...หึงแล้วชอบทำร้ายผัวซะงั้นเมียกู..???
“จะมองให้ได้หวยกันหรือไง รีบทาให้เพื่อนดิครับ..เออ..เดี๋ยวปั๊ดจับซ่อมให้อ้วกแตกเสียเลยดีไหม
จะยากอะไรกับแค่น้ำมันทาตัว..มาแย่งกันอยู่ได้ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง..เสียเวลาจริง” เอาเข้าไป...ผมยังคงกลั้นขำตีหน้ามึน
ปล่อยมันระบายให้พอใจ หวงร่างกายผัวกลัวมือสาวๆ จะมาแตะต้องนะสิ...ตลกชะมัด
เจอมันกวนตาคมดุ คนที่ถือขวดค้างเลยต่างช่วยกันละเลงน้ำมันพืชลงบนอกเปลือยของไอ้พวกที่เหลือ
รวมทั้งไอ้ขุนมันด้วย แม่งแต่ละคนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่มือนุ่มๆ ของสาวๆ พากันลูบน้ำมันไปตามอกและหลังของพวกมัน
“จ้องจริงมึง...เสียดายสิ..ที่ไม่ได้สาวๆ มาทาให้..สัด!” อ้าว..เสือกกระซิบรอดไรฟันใส่หูผมอีก...
เห็นไหมมันหึง...ที่ผมมองไม่ได้คิดอะไรสักนิด แค่ดูหน้าตาหื่นๆ ของไอ้พวกตัวผู้ทั้งหลายก็เท่านั้น
“เอาหละ..เมื่อทาน้ำมันเสร็จแล้ว ฟังกติกากันฐานนี้คือการวัดกำลังใจและความสามัคคีของน้องๆ
ว่าเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันมากแค่ไหน พี่จะให้น้องๆ เอาโบว์แดงบนยอดไม้ไผ่ต้นนี้ลงมา ทั้งสิบคนช่วยกันคิดแต่ห้ามใช้
เครื่องทุนแรงยกเว้นร่างกายของตนเองเท่านั้น” ไอ้พี่แซคพูดจบ หมายความว่าตัวลื่นน้ำมันของพวกผมต้องช่วยกันดึง
เอาโบว์สีแดงขนาดเท่าโคมไฟแขวนอยู่ปลายไม้ไผ่สูงราวห้าเมตรลงมาให้ได้ว่างั้น ถ้าแค่ผู้ชายสี่คนเหยียบไหล่ต่อตัวกันขึ้นไป
ก็คงพอได้ คงไม่ต้องให้ผู้หญิงช่วยหรอกอันตรายเปล่าๆ ผมคำนวณในใจระดับความสูงของแต่ละคนกะด้วยสายตาสบายมาก
“พร้อมหรือยัง” ไอ้พี่แซคมันเร่งมา ในขณะที่พวกรุ่นพี่ยืนลุ้นกันว่าพวกเราจะทำยังไงละมั้ง
“รัน..ตกลงเอาไง” ไอ้ขุนมันถาม ผมพยักหน้าเรียกพวกมันมาสุ่มหัวรวมกันก่อนจะบอกวิธีการไป
เมื่อฟังคำแนะนำของผมเสร็จพวกมันก็พยักหน้าเข้าใจ แล้วไอ้ขุนมันก็ถามไอ้พี่แซคไปว่า
“ใช้เสื้อที่พวกเราถอดไว้ได้หรือไม่?” “ได้ แต่ห้ามสวมลงไปบนตัวเด็ดขาด แต่จะเอามาใช้โดยไม่แยกจากร่างกายถือว่าได้ เพราะเป็นของติดตัว
พวกเรามา” ไอ้พี่แซคมันตอบ พวกเราต่างพยักหน้าให้กันก่อนไอ้ขุนจะหันไปบอกไอ้พี่แซคว่า
“พร้อมแล้วครับ” พอมันตอบเสร็จ ไอ้พี่แซคก็พูดกลับมาทันทีว่า
“มีเวลาห้านาที จับเวลา...เริ่ม!” สิ้นเสียงมันสั่งเริ่ม พวกผมเอาเสื้อคล้องพาดบ่า จากนั้นก็เริ่มต่อตัวกัน
โดยผมรูปร่างสูงใหญ่กว่าใครเพื่อนเป็นฐานล่างให้คนแรกตามด้วยไอ้ขุนมันขึ้นนั่งคล่อมไหล่ผม เสื้อที่คล้องไหล่ไว้ช่วยกัน
ไม่ให้ลื่นจากน้ำมันพืชได้มากไม่น้อย จากนั้นอีกสองคนที่ตัวเล็กกว่าพวกผม ก็ขึ้นต่อไอ้ขุนเราใช้วิธีเหยียบขาเกาะไม้ไผ่
นั่งต่อกันไป พอคนที่สี่ขึ้นเสร็จก่อนจะค่อยๆ เกาะไม้ไผ่ลุกขึ้นยืนบนบ่าคนที่สามแทนที่จะนั่งเพราะต้องยืดให้สูงอีกนิด
ถึงจะเอื้อมดึงโบว์แดงดึงลงมาได้
“ไชโย...ฮิ้วววว!...แปะๆๆๆๆ!!” เสียงไชโยดีใจเสียงโห่ เสียงปรบมือทั้งจากพวกผู้หญิงและรุ่นพี่ที่คอยเชียร์
เมื่อพวกเราใช้เวลาแค่สามนาทีก็คว้าโบว์จากปลายไผ่ลงมาได้สำเร็จ
“เจ๋ง..หัวดีใช้ได้..ทำเวลาได้ดี สามัคคีกันเต็มที่ถือว่าพวกเราผ่าน” เสียงไอ้พี่แซคมันบอก
ก่อนที่จะอนุญาตให้พวกผมสวมเสื้อกลับเหมือนเดิม
“น้องรันจะรีบใส่เสื้อไปทำไมค่ะ โชว์เลยน้อง..ซิกแพ็คกล้ามท้องเซ็กส์ซี่สวยงามขนาดนี้ เดินไปทั้งอย่างนี้
เลยสิค่ะ ทีมก่อนหน้าไม่เห็นจะใส่กลับกันเลย เดินเปลือยกันไปรอรวมโน้นแล้ว เดี๋ยวเสื้อเปื้อนน้ำมันเปล่าๆ เสียดายเสื้อสวยๆ”
รุ่นพี่กระจัง พยายามโน้มน้าวผมใหญ่ หลายคนพากันจ้องร่างกายผมตามคำพูดของพี่เค้าก่อนจะหน้าแดงตามกันเป็นแถว
สาวๆ พวกนี้อะไรกันหนักหนา จะรู้ไม่เนี่ยว่าเมียรั่วผมมันไม่ยอมยิ้มเลย...เข้าใจแล้วว่าทำไมมันถึงเลือกมาคุ้มฐานนี้ ..หึหึหึ..
“ไม่ได้หรอกครับ ผมกลัวเป็นเกลื้อน...ขืนไม่ใส่เสื้อละก็เกลื้อนขึ้นแฟนทิ้งไม่คุ้มครับ” ผมตอบ
พร้อมกับยิ้มโชว์เขี้ยวไปให้สาวๆ ที่หน้าแดงหูแดงมองผมอย่างเขินๆ ในขณะที่มือก็คลี่เสื้อใส่ให้เรียบร้อยไปด้วย
“อะไรกันน้องรัน ตกลงมีแฟนแล้วใช่ไหม? พี่นึกว่าพูดเล่นนะเนี่ย..ตายเสียดายคนหล่อไม่โสด...
แต่มันเกี่ยวอะไรกับเป็นเกลื้อนแล้วแฟนทิ้งพี่งง?” พี่ผู้หญิงอีกคนถามขึ้นบ้าง ในขณะพวกที่เหลือต่างรอฟังคำตอบ
อย่างสนใจ รวมทั้งไอ้ขุนและอีกสองคนที่กำลังสวมเสื้อเช่นกัน โดยเฉพาะไอ้เหยี่ยวรั่วหูกระดิกจ้องผมเขม็ง
คงอยากรู้ว่าผมจะเล่นอะไรมั้ง
“ก็ผมรู้ว่า "แฟน" เกลียดที่เรามีเกลื้อน !!แต่สำหรับ "เพื่อน" ไม่อาบน้ำเป็นเดือนก็ยังเข้าใจกัน” พูดจบ
เสียงเป่าปาก โห่แซวดังขึ้นมาอย่างชอบอกชอบใจ ในขณะที่ไอ้ตัวดีหน้าเหวอไปแล้ว คงไม่คิดว่าผมจะตอบแบบนี้
ตลกหน้ามันชิบเป๋งผมอมยิ้มแก้มตุ่ยกลั้นขำไม่ให้ออกอาการเกินงาม ในขณะที่คนอื่นๆ ยืนหัวเราะกันสนุกสนานตามระเบียบ
“แหมน้องรัน ใกล้พี่พรตไม่เท่าไหร่ ตีฝีปากตามพี่พรตไปอีกคนแล้ว..ฮ่าๆๆๆ” พี่อีกคนแซวขึ้นมา
ผมก็ยิ้มขำไปกับแกทั้งที่ในใจอยากบอกว่า ‘ใครบอกว่าผมเพิ่งใกล้ชิด อยู่กับมันมาเกือบสี่ปีแล้วต่างหาก’ หึหึหึ...????
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
เสร็จแล้วพวกผมก็มารวมกันกลางลานกว้าง เพื่อฟังนัดหมายอีกครั้งว่าจะทำอะไรกันต่อ ซึ่งตอนนี้
กว่าสิบทีมก็มาพร้อมกันหมดแล้ว กิจกรรมรับน้องพอหอมปากหอมคอ สนุกสนานอย่างไม่มีใครต้องเสียเลือดเนื้อ
ผ่านไปได้ด้วยดี แล้วก็เป็นไอ้จอมรั่วที่พูดใส่โทรโข่งเสียงดังไปทั่วว่า
“เอาละครับ กิจกรรมเข้าฐานเสร็จสิ้นลงแล้ว พวกพี่ทุกคนขอบคุณน้องๆ เป็นอย่างมากที่ตั้งใจ
ร่วมกิจกรรมด้วยดี ไม่มีใครสร้างวีรกรรมให้เพื่อนๆ ในทีมต้องอนาถใจ หลังจากนี้พี่จะปล่อยให้แยกย้ายกันไปอาบน้ำ
แล้วค่อยเจอกันตอนอาหารเย็นอีกครั้ง ย้ำให้ไปพักผ่อนอาบน้ำให้เรียบร้อย ใครดองเค็มมีเฮ..เลิกแถว”
“เฮ้!..ขอบคุณครับ/ขอบคุณค่ะ” แล้วทุกคนต่างก็พากันแยกย้าย โดยเพื่อนกลุ่มผมพากันเดินมารวม
ตรงที่ผมยืนทันที ทั้งไอ้หยก ไอ้อั้ม ส่วนไอ้ขุนมันยืนอยู่ข้างผมอยู่แล้ว
“รัน..อาบน้ำกันอาบพร้อมกันแหละจะได้เร็ว” ไอ้หยกมันพูดขึ้นมาครับ ผมยิ้มรับก่อนพวกเราจะเดิน
รวมกันไปที่บ้านพักเพื่อเอาอุปกรณ์
ขณะที่เราพากันเดินเข้าห้องน้ำรวมที่แยกเป็นห้องๆ สำหรับอาบน้ำ ซึ่งก็มีพวกที่เข้ามาอาบก่อนแล้ว
ไม่น้อยสำหรับบ้านพักแต่ละหลังไม่ปนกัน เนื่องจากหลังของพวกผมมีน้ำมันพืชติดกันทุกคน ต้องอาศัยอาบด้วยกันเพื่อช่วย
ฟอกสบู่ถูหลังเอาน้ำมันพืชออกให้หมด ไม่งั้นเกลื้อนได้ขึ้นแน่
จังหวะนั้นสายตาผมไปสะดุดเข้ากับไอ้เหยี่ยวที่เดินตีคู่มากับไอ้พี่แซค เตรียมมาอาบน้ำเหมือนกัน
ตอนนี้ห้องน้ำเหลือว่างแค่ห้องเดียว ท่าเดาไม่ผิดมันกับไอ้พี่แซคคงกะอาบห้องเดียวกันชัวร์ ซึ่งผมไม่มีทางปล่อยให้
เกิดขึ้นเด็ดขาด อย่างน้อยเมียผมจะไปเป็นผัวคนอื่นในห้องน้ำไม่ได้...
“อั้ม มึงมากับกู” ผมลากไอ้อั้มตีคู่มากับผมทันที มันก็ว่าง่ายไม่สงสัยซักถามให้รำคาญยอมเดินมา
กับผมจนเรามายืนประจันหน้ากับไอ้เหยี่ยวรั่วและไอ้พี่แซค ซึ่งมันมองผมตาวิบวับดูก็รู้คิดจะแดกกูอีกคนละสิ อย่าหวัง..
สำหรับผมไม่ใช่ว่าใครจะแอ๋มได้ง่ายๆ กับผู้ชายคงมีไอ้รั่วคนเดียวแหละที่ผมมีอารมณ์อย่างว่าด้วย ไม่นับตะเกียง
รายนั้นผมมองไม่ออกว่าเหมือนผู้ชายตรงไหน
“พี่พรต ผมมีเรื่องรบกวนหน่อย” ไม่ต้องพร่ำทำเพลงมาก มาถึงผมพุ่งเข้าเป้าเลย มันมองหน้าผมงงๆ
เหมือนจะค้นดูว่าผมมีอะไร
“พี่แซค..ยืมพี่พรตแป๊ป พี่ไม่ต้องรออาบพร้อมเพื่อนผมก่อนเลย” พูดจบผมหันมาคว้าแขนไอ้อั้ม
ดันหลังมันให้พี่แซคพร้อมกระซิบข้างหูมันด้วยว่า
“อั้ม มึงอาบน้ำตีคู่พี่แซคไปก่อนเลยเพื่อน” มันก็พยักหน้ารับ ไม่เซ้าซี้ถามให้มากความ
ผมเลือกถูกคนแล้ว เพราะรู้ว่ามันไม่พูดมากเหมือนไอ้หยก และไม่ฉลาดเป็นกรดเหมือนไอ้ขุน มันเหมาะแล้วสำหรับงานนี้
“ไปกันพี่พรต” ผมหันมาคว้าแขนไอ้เหยี่ยวรั่ว ที่ยังตีมึนยืนอึ้ง แต่ก็ยอมเดินตามผมออกมา
แม้จะคิ้วขมวดมุ่นอย่างงงๆ ก็เถอะ เรามาหยุดหน้าชานบ้านพัก ที่ตอนนี้โล่งไม่มีใครเลย เพราะกำลังสาละวนอาบน้ำ
ทำธุระส่วนตัวกันอยู่
“เป็นอะไร ถึงลากกูมาเนี่ย?” มันถามทันที เมื่อเราอยู่เพียงลำพังแล้ว
“มึงรู้ไหม..ว่าไอ้แซคมันคิดกับมึงยังไง?” ผมลองเชิงถามมันไป
“หืม..หมายความว่าไง คิดอะไรกับกู” มันยังตีมึนถามผมกลับ
“มึงดูออกหรือเปล่า..ว่ามันเป็นเกย์” ผมบอกมันไป
“ห่ะ!..นี่มึงเก่งกล้าสามารถถึงขนาดผีเห็นผีแล้วหรือ” เสือกเสียงสูงตาเหลือกว่าผมซะงั้น
“ป๊าป!..สัด” อดไม่ได้ฝ่ามือใส่กบาลไปที ถือโอกาสเอาคืนตอนมันตะบี้ตะบันละเลงน้ำมันบนตัวผม ดันว่าผมมาได้..ผีเห็นผี...
“เชี้ยรัน...ตบหัวกูไมเนี่ย..ใครเห็นเข้าเสื่อมหมด..สาดนิ” มันบ่นผมอุบ ทำตาปะหลับปะเหลือกใส่อีก
ไอ้จะเสื่อมเพราะท่าทางที่มึงทำใส่กูนี่แหละ
“ที่กูบอก เพราะกูดูสายตามันออก ว่ามันจะแดกมึง..เสือกปากพาจน..ยังน้อยไปด้วยซ้ำที่กู
ตบกบาลมึงนะพรต...แล้วคืนนี้มันยังนอนข้างมึงอีก จัดการทำยังไงก็ได้ย้ายมานอนกับกู รู้หรือเปล่า?” ผมพูดเสียงเรียบ
ขู่มันไปด้วยห่านี่ถ้าไม่ขู่เดี๋ยวมันไม่ยอมทำตาม
“อะไรของมึงเนี่ย ไหนตกลงกันแล้วไงว่าอาทิตย์แรกจะยอมให้กูทำตามที่ขอ ต้องไม่รู้จักสนิทกันไง
มึงลืมไปแล้วดิ” มันครวญ ยกข้อแม้ที่ต่อรองผมมาเป็นข้ออ้าง
“ที่กูรับปาก ต้องไม่มีใครมาเป็นตัวแปร แต่กรณีนี้คงไม่ได้แล้ว กูจะปล่อยให้มึงอยู่ใกล้มันจนตกเป็น
ผัวมันงั้นสิ?” ผมพูดจบ มันอ้าปากค้างจ้องผมตาโต ก่อนจะถามผมกลับทันทีว่า
“ห๊า!..อย่าบอกไอ้แซคเป็น...รับ..อยากได้กูเป็นผัว?” มันพูดจบ ผมพยักหน้าให้มันแทนคำตอบ
“อุบ๊ะ!..ไม่เสียหายนี่หว่า? มันไม่ได้ขี้เหร่สักหน่อย ขอมากูจัดให้” “ป๊าป!..เดี๋ยวมึงจะตายก่อนได้จัด” ผมยกยิ้มหลังจากเบิดกะโหลกมันไปอีกที โทษฐานที่ดันพูดไม่คิด
มันย่นคอหลบทำปากขมุบขมิบด่าผมแน่ๆ...
“พูดแค่นี้..ต้องลงไม้ลงมือตลอด สักวันกูจะหนีไปมีแฟนใหม่ให้ดู” แหนะยังไม่หยุดรั่วอีก
“กูจะบอกมึงนะพรต จงภูมิใจเถิดที่มีกูเป็นแฟน เพราะเวลาเดินควงแขนมีหลายคนอยากมาแทนที่มึง” ผมตอบมันหน้าตาย เล่นเอาปากสวยได้รูปของมันที่กำลังบ่นหุบฉับลงทันที ก่อนจะจ้องผมเขม็งหน้าเขียวจนควันออกหูแล้วมั้ง
“พูดงี้เลยเหรอ...กูให้มึงถอนคำพูดเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นโดนกูเอาคืนแน่..ขอบอกกูไม่ใช่ขี้ๆ ก่อนเจอมึง
กูเนื้อหอมแค่ไหน ทั้งหญิงทั้งชายอยากได้กูเป็นผัวทั้งนั้น กูให้โอกาสมึงถอนคำพูด” มันเอาจริงเหะ...หน้าตานี่บอกเลยว่า
หากผมไม่ทำตามจะทำอย่างที่พูดจริงๆ ถึงตอนนี้คงต้องอ่อนให้มันหน่อย ไม่งั้นลูกบ้าเพราะความรั่วของมันจะเป็นปัญหาจนได้
“ที่กูพูดให้มึงคิด..ไม่ได้ให้มึงประชด กูพูดเมื่อไหร่ว่ามึงไม่หล่อไม่ดี เพราะงี้ไงกูถึงต้องเป็นกังวลกลัว
เมียตัวเองโดนงาบอยู่เนี่ย รู้ตัวเปล่า..หืม” ผมพูดจบมันดันฉีกยิ้มกว้างหัวเราะ..หึหึ..เสียงในคอเหมือนสะใจซะงั้น ก่อนจะตอบว่า
“ร้อยทั้งร้อยที่บอกว่าเชื่อใจแฟน..แต่ก็ตั้งคำถามและวางแผน จับผิดแฟนอยู่ดี..~*#จริงมั๊ยยย..?” น้าน! มาแล้วไอ้ลูกรั่วของมัน แล้วมึงจะให้กูตอบว่าไม่จริงได้หรือไง..สัด..นี่แหละรั่วแบบฉลาดของมันละ
“มั้ง..หรือมึงไม่จับผิดกู..วันนี้หมาตัวไหน แย่งทาน้ำมันบนตัวกูไม่รู้ดิหาข้ออ้างแย่งสาวๆ ทาให้กูเฉยเลย
คงไม่ต้องบอกนะว่ามันทำไปเพราะอะไร” ผมตอกกลับไปบ้าง มันทำหน้าเหร่อหราได้น่าถีบชะมัด ก่อนจะตีมึนตอบผมมาว่า
“เสียใจ..หมาตัวไหนกูไม่รู้ แต่ที่รู้..มีเหยี่ยวตัวหนึ่งมันหึงผัวจะโดนมือผู้หญิงรุมโทรม...มันทนไม่ได้
เลยกางเล็บปาดหน้าเค้กซะเลย...ฮ่าๆๆๆๆ” พูดจบหัวเราะชอบใจเหมือนเสียสติซะงั้น ไอ้ผมฟังแล้วอดขำตามไม่ได้
ขืนกลั้นไว้คงท้องแข็งตายกันพอดี ฟังมันพูดไม่ใช่หมาแต่เป็นเหยี่ยว แถมหลุดใช้คำว่าผัวออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ดันหัวเราะชอบใจที่แก้ลำผมคืนได้
...รั่วไม่มีลิมิตจริงเมียกู...หึหึหึ...????มาต่อให้แล้วนะคะ ขอบคุณทุกกำลังใจเช่นกันค่ะ
ขอให้มีความสุขกับความรั่ว ของไอ้พี่พรตกันต่อไป
Luk.