อ้อมกอดเด็กช่างตอนที่ ๔๐
“ไม่เป็นไรๆเบื่องานที่ทำกับเพื่อนก็กลับมาดูงานที่โรงแรมเราก็ได้” คุณพ่อพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเมื่อพงษ์พาเขามาเจอพ่ออีกครั้ง
แต่เขานี่สิ ต้องนั่งทนกับสายตาพี่ขวัญที่นั่งอยู่โซฟาข้างห้อง ...อึดอัดชะมัด
“แล้วเรากลับมา บอกคุณพ่อคุณแม่รึยัง?” พ่อถามพงษ์ด้วยความเคยชินกับนิสัยมัน
“ไม่ได้บอกครับ แต่คิดว่าคงรู้แล้ว”
“อืม โทรหาเขาหน่อยก็ดีนะ ไปไหนมาไหนก็บอกๆเขาบ้าง พ่อแม่ไม่มีอะไรหรอกนอกจากความเป็นห่วงลูก”
“ครับ” พงษ์รับคำอย่างไม่ค่อยสนใจจะทำตาม ก่อนจะขอตัวออกไปนอกห้องเมื่อโทรศัพท์มือถือมันดัง
ฟู่วว แก้วถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้กับบรรยากาศมัวๆรอบตัว ความห่างไกลมันทำให้ความรู้สึกผูกพันเหลือน้อยจริงๆ ถ้าต้องกลับมาฝึกงานที่นี่ตามใจพงษ์ก็คงต้องทำเพราะเขาคงหาข้ออ้างไปเจอไอ้ฝิ่นไม่ได้แล้วล่ะ ในเมื่อเป็นอย่างนี้ก็คงต้องถือซะว่าทำงานแลกกับค่าเลี้ยงดูที่พ่อโอนเข้าบัญชีให้ทุกเดือนไปแล้วกัน
“สบายดีไหมลูก” พ่อน่าจะรู้อยู่แล้วว่าเขาสบายดีไม่อย่างนั้นคงโทรถามสารทุกข์สุกดิบเขาแทนถามต่อหน้าเมื่อเขาไม่มีที่ไปอย่างนี้แล้วล่ะ
“ครับ” แก้วตอบก้มมองโต๊ะ ในขณะที่พ่อลุกออกจากเก้าอี้ทำงานเดินมายืนข้างเขา
“ลูกแก้ว พ่อคิด.” ฝ่ามือของผู้เป็นพ่อแตะวางเหนือศีรษะทำให้แก้วกำลังจะมีรอยยิ้มน้อยๆด้วยใจคิดไปว่าพ่อแสดงความรัก
แต่กลับต้องยิ้มค้างเมื่อพี่ลูกขวัญเดินมาพูดแทรกแถมจับมือของพ่อออกไป
“คุณพ่อครับ”
“ครับ ว่ายังไงลูก” คุณพ่อหันไปสนใจพี่ขวัญที่จับมือพ่อแกว่งเล่น
“ทริปเที่ยวเกาะที่เราจะไปกัน ตกลงขวัญจองไปแล้วนะ”
“อ้อ พ่อเกือบลืมแหนะ อืม ดีเลย เดี๋ยวจองเพิ่มให้น้องกับพงษ์ด้วยนะลูกจะได้ไปเที่ยวกันครบทีม” พ่อบอกพี่ขวัญพลางก้มมองเขาเป็นระยะ แต่พ่อคงไม่สังเกตว่าพี่ลูกขวัญมองจิกเขาด้วยหางตาอยู่ตลอดเวลา
“หือ ไม่ได้แล้วล่ะครับทัวร์เต็ม! อีกอย่างขวัญจองไปล่วงหน้าไว้แค่สามคน พ่อ แม่ ลูก”
“เราน่ะ พูดอะไรอย่างนั้น”
พ่อ แม่ ลูก เฮอะ!
แก้วแค่นหัวเราะในใจก่อนจะลุกออกจากเก้าอี้
“ผมขอตัวก่อนนะครับ”
“อ้าว มีธุระเหรอลูก พ่อยังไม่ได้คุยด้วยเลยวันนี้อุตส่าห์ว่างแล้วเชียว” คุณพ่อหันมาสนใจเขาอีกครั้ง และพี่ขวัญยังเกาะแขนคุณพ่ออยู่ไม่ปล่อย
แก้วมองดูความใกล้ชิดสนิทสนมของพ่อลูกคู่นี้แล้วรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินหนักขึ้นทุกวินาที
“ครับ มีธุระ” แก้วตอบแล้วเดินหันหลังให้พ่อทันที
“วันนี้ไม่ได้ ก็บอกว่าเลื่อนออกไปก่อนไง” พงษ์ยังยืนคุยโทรศัพท์อยู่แต่คงไม่รู้ว่าเขาออกมาแล้วเพราะมันหันหลังให้ประตู
“..............................”
“เมื่อไหร่ผมจะโทรนัดพี่เอง โอเคนะ”
“..............................”
“เจอแล้ว เมื่อวาน”
“..............................”
“เออๆ”
“..............................”
“อะไรของพี่วะเนี่ย” เหมือนมันกำลังหงุดหงิดกับคนที่มันคุยด้วยอยู่ แต่เขาก็เดินไปสะกิดไหล่ให้มันรู้ตัวว่าเขาออกมาแล้ว และไม่อยากอยู่ที่นี่นาน
“แค่นี้ก่อนนะ ไว้จะโทรหาอีกที” กะว่าให้มันเดินไปคุยไปก็ได้แต่ไอ้พงษ์ดันวางไปแล้ว
“อ้าว วางทำไม?” แก้วถาม
“จะไปไหน?” แต่โดนพงษ์ถามกลับด้วยท่าทางและน้ำเสียงตำหนิ...ตลอดเถอะ
“คุยเสร็จแล้ว กลับกัน” แก้วยิ้ม ตีหน้าซื่อบอก
“กลับไปไหน ไม่ทำงานเหรอ”
“เออ...นั่นสิ” แก้วไหล่ตกทันที นี่เขาลืมไปเลยจริงๆนะ คิดแต่จะหนีจากสองคนที่อยู่ในห้องท่าเดียว
“กลับก็กลับ ให้กูนอนเต็มที่สักวันหน่อยก็ดี”
“หึ อืม”
“ไม่ต้องยิ้ม ไม่ได้เห็นดีด้วยเลย” มันว่าเมื่อเขาคลี่ยิ้มดีใจ ยังไงพงษ์ก็รู้ใจเขาที่สุดแหละน่า
.
“แวะกินข้าวร้านป้าก่อนนะ ไม่ได้กินนานคิดถึงฝีมือป้าแก” ไอ้พงษ์บอกแต่รถแท็กซี่จอดหน้าป้ายรถเมล์แล้ว
“พูดอย่างกับไปอยู่นอกมาเป็นปี”
“วันสองวันก็คิดถึงได้” มันเถียง แก้วส่ายหน้าอย่างระอา แล้วพากันลงจากรถเดินเข้าไปตรงหัวมุมจะมีร้านอาหารตามสั่งซึ่งจริงๆเป็นรถเข็นแล้วตั้งโต๊ะไว้เพียงสามโต๊ะเท่านั้น ที่นี่เป็นร้านโปรดของพวกเรา๓Tไม่เฉพาะแต่เขากับพงษ์เพราะตรงนี้มันเป็นป้ายรถเมล์ที่พวกเรามารอรถไปโรงเรียนทุกเช้า
แต่เมื่อเดินไปถึงแก้วก็ต้องชะงักหยุดฝีท้าวกึก
“มากินข้าวเหรอ” ไอ้พงษ์ถามคำถามที่... ก็เห็นๆอยู่ว่ามิวกำลังกินข้าว
“อืม มิวเพิ่งกลับจากโรงเรียนไปคุยกิจกรรมกับอาจารย์มา”
“อืม” ไอ้พงษ์พยักหน้าแล้วหันไปสั่งข้าว “กระเพราหมูไม่ใส่ผักกับผัดคะน้าเปล่าๆเอาเผ็ดๆราดข้าวอย่างละจานป้า” แล้วพยักหน้าเรียกเขาให้ไปนั่งโดยที่เขาหันหลังให้มิวแต่พงษ์หันหน้าไปทางนั้น
“พงษ์กลับมาเมื่อไหร่” มิวถามข้ามโต๊ะ
“วันก่อนน่ะ” ไอ้พงษ์ตอบยิ้มๆ ...โปรยเสน่ห์
“...เหรอ?”
“มิว สบายดีเหรอ ไม่ได้คุยกันตั้งนาน”
“ก็เรื่อยๆ เอ่อ พงษ์ ขอมิวคุยด้วยได้ไหม?”
“มานั่งนี่สิ” ไอ้พงษ์ชวน
“ไม่ใช่ คุยแบบ...ส่วนตัว”
“...........” พงษ์มองหน้าเขา เขาจึงทำเป็นมองไปทางอื่น เหมือนไม่ได้ยินดียินร้ายกับคำพูดของมิว “มิวทำอย่างกับแก้วเป็นคนอื่นไปได้ ก็คนกันเองแท้ๆ”
“เหอะ จนป่านนี้พงษ์ก็ยังคิดอย่างนี้เนอะ ถ้าอย่างนั้นมิวไปก่อนละกัน ป้าเก็บตังค์ด้วย”
“ไปเถอะ กูรู้มึงคิดถึงมิว” เขาบอกพงษ์เบาๆก่อนที่มิวจะทันได้ลุกออกไป
“งั้น...เดี๋ยวมานะ กินข้าวไปก่อนเลยไม่ต้องรอ” แก้วพยักหน้าให้พงษ์ เมื่อพงษ์เดินพ้นโต๊ะแก้วก็ได้แต่ก้มหน้ามองจานข้าวที่ป้าเพิ่งเอามาเสิร์ฟ
มิวจะยังสนิทกับไอ้ฝิ่นอยู่รึเปล่านะ หลังจากวันนั้นไอ้ฝิ่นก็ไม่เคยเอ่ยชื่อมิวหรือผู้หญิงคนไหนให้เขาได้ยินเลย แต่... ฝิ่นมันไม่มีทางเห็นเขาดีกว่าผู้หญิงแน่ เพราะฉะนั้น ถ้ามิวกลับมาคบกับพงษ์อีกครั้ง ก็คงดี...
มึงโคตรเห็นแก่ตัวเลยไอ้แก้ว ...เขาต่อว่าตัวเองในใจ
.
พงษ์เดินตามมิวไปจนถึงป้ายรถเมล์ฝั่งตรงกันข้าม เขาไม่ได้คิดถึงมิวอย่างที่ไอ้แก้วเข้าใจหรอก แต่...ของมันเคยๆนี่หว่า กลับมาก็เจอแต่เรื่องเครียดๆไม่มีเวลาไปเที่ยวไหนสักวัน
“ก่อนไปพงษ์ก็ติดต่อมิวไม่ได้” เขาเริ่มพูดก่อน พลางจุดบุหรี่สูบ
“ไม่ใช่ว่าพงษ์ทิ้งมิวก่อนเหรอ พงษ์ถึงติดต่อมิวไม่ได้น่ะ”
“น้อยใจเหรอจ๊ะ” เขาพูดหันไปมองหน้าบึ้งติดงอนของหญิงสาวก่อนจะยกมือขึ้นโอบไหล่เธอ
ถึงจะเป็นป้ายรถเมล์คนยืนรอเยอะแยะเขาก็ไม่ถือหรอก
“ก็พงษ์ทำเหมือนไม่รักมิวเลย”
“หืม ใครบอก พงษ์ก็รักเมียพงษ์ทุกคนนั่นแหละ” เขาเชยคางมิวให้หันมามองหน้า แล้วยักคิ้วให้
“บ้า พูดอะไร อายคนอื่นเขา”
“หึ” มิวฟาดมือลงที่ขาเขาเบาๆอมยิ้มแก้เขิน
อายเหรอ? แต่เขารู้ว่ามิวชอบ ยิ่งได้เป็นเป้าสายตาใครต่อใคร มิวยิ่งชอบใจ พงษ์คิดพลางเหล่ตามองกระโปรงนักศึกษาปวช. ที่สั้นเพียงครึ่งน่องของมิว
“เออ พงษ์เปลี่ยนเบอร์แล้วนะ ขอเบอร์มิวหน่อยสิ” มิวบอกเบอร์โทรศัพท์จนพงษ์เมมไว้ในเครื่องเสร็จ “เดี๋ยวพงษ์นั่งรอรถเมล์เป็นเพื่อนนะ เดี๋ยวคืนนี้โทรหา”
“ตอนนี้เลยไม่ได้เหรอ?”
“ต้องไปส่งไอ้แก้วก่อน” เขายิ้มบอกเพราะรู้ความต้องการของมิว ก็ทำหน้าอ้อนซะขนาดนั้น
“อะไรๆก็แก้ว แล้วจะไม่ให้มิวน้อยใจได้ยังไง”
“โอ๋ๆนะ” เขาลูบมือมิวเล่นก่อนจะลุกยืนแล้วจับมือเจ้าหล่อนไว้
“ถ้าพงษ์คิดถึงมิว ก็ให้แก้วกลับบ้านเองสิ หรือเอางี้...โทรตามพี่ดิวมารับก็ได้ พี่ดิวมาอยู่แล้วคนนั้นน่ะ”
“เอางั้นเหรอ?” เขาถาม มิวก็รู้ว่าเขาต้องไปส่งไอ้แก้วกลับบ้านก่อนทุกครั้ง ที่แล้วมาก็พูดอย่างนี้ประจำเขาก็ไม่เคยทำตาม ยังไงๆเพื่อนเขาก็ต้องปลอดภัยไว้ก่อน แต่มิวก็ยังคงงอแงอยู่เรื่องเดิม
“มิวมีอะไรจะบอกพงษ์ด้วย”
“หืม? สำคัญรึเปล่า” ถึงไม่ได้ปล่อยมาเป็นอาทิตย์แต่เขาก็อยากเห็นไอ้แก้วเข้าบ้านกับตาก่อนที่จะแว๊บไปหาความสุขใส่ตัวอยู่ดี
“มิวไม่เคยอยากเล่าอะไรให้พงษ์ฟังขนาดนี้เลย”
“ถ้างั้นก็บอกตอนนี้สิ” เขาช่วยให้มิวตัดสินใจพูดเรื่องที่อยากบอกเขามากขึ้น
“หึ ไม่ได้” มิวส่ายหน้าและยิ้มอย่างมีเลศนัย
“อะไรจะขนาดนั้น” พงษ์ส่ายหน้าตอบกลับแต่ด้วยความอยากรู้ว่าไอ้เรื่องสำคัญที่ว่าจะสำคัญสักแค่ไหน “บอกใบ้นิดนึงสิที่รัก”
“หนึ่งเดือนที่พงษ์ไม่อยู่”
เขาย่นคิ้วข้องใจในคำพูดมิว ก่อนตัดสินโทรหาแก้ว
“กินข้าวรึยัง?”
“อิ่มแล้ว”
“อย่างนี้นะ คือกู”
“ไม่เป็นไร กูกลับเองได้” มันพูดขึ้นมาอย่างกับรู้ว่าเขาจะบอกอะไร
“เดี๋ยวให้พี่ดิวมารับนะ รอเดี๋ยว เดี๋ยวกูโทรหาพี่ดิวก่อน”
“เฮ้ยๆๆ ไม่ต้องๆ กูกลับเองได้” ไอ้แก้วขัด
ไม่เข้าใจว่ามันจะตั้งแง่กับพี่ดิวอะไรนักหนา
“รอพี่ดิวนะ ถือว่ากูบอกแล้วนะ”
“มึงน่ะ” มันท้วงแต่เขากดวางสายทันที แล้วจึงโทรหาไอ้พี่ดิวอีกต่อ
“พี่มารับไอ้แก้วไปส่งบ้านหน่อย”
“ที่ไหน?”
“ร้านป้า”
“อืม กำลังจะพักเที่ยงพอดี”
“ฝากด้วยนะ”
“ไม่ต้องห่วง แล้วเย็นนี้กินเหล้ากัน” ไอ้พี่ดิวรับปากแถมชวน ยังไงก็ต้องรีบเจอให้ได้ใช่ไหม?
“ตอนนี้อยู่กับมิว ไม่รับปากละกัน” เขาพูดบอก
“อ้อ เออดี งั้นคืนนี้เดี๋ยวกูดูไอ้แก้วให้” มันพูดเมื่อได้โอกาส
“ไม่ต้องๆ ไปส่งแล้วก็แค่นั้นล่ะ มันโตแล้วอยู่คนเดียวได้” ยังไงก็ต้องนึกถึงใจไอ้แก้วมากกว่าจะเกรงใจพี่ดิวอยู่แล้ว ถ้ามันอึดอัดก็คืออึดอัด นี่ก็บังคับมันมากไปแล้วด้วย
“ไม่ใช่ว่าเปิดโอกาสให้ไอ้ฝิ่นมาเจอเพื่อนมึงนะ” จิ๊
“เอ๊ะ จะพูดทำไมวะ”
“เออๆแค่นี้แหละ” ไอ้นี่!...มันกวนประสาทเสร็จก็วางสายไปเลย ทีใครทีมัน...หรือมันจะเอาคืนที่เขาวางสายมันก่อนเมื่อช่วงสายวะ
ไอ้พี่ดิวมันก็ดีทุกอย่างน่ะนะ ยกเว้นชอบบีบเขาเหลือเกิน บอกว่ายังไงก็ให้ว่าตามนั้นสิ แต่ละคนแม่งโคตรเซ้าซี้
ตัดห่วงที่ยังไงก็ยังห่วงได้แล้วพงษ์จึงขึ้นรถเมล์เพื่อไปส่งมิวที่ห้อง
หรือพูดให้ถูกก็คือส่งตัวเองรำลึกความหลังนั่นเอง
“พี่ฝิ่นน่ะ เขาก็แค่อยากลองอะไรแปลกๆ ไม่มีทางที่พี่เขาจะชอบแก้วจริงๆหรอก”
“มิวรู้จักมันเหรอ? แล้วรู้เรื่องอะไรมา” เขาอารมณ์เสียหลังจากได้ปลดปล่อย ฉิบหายเถอะ อะไรวะเนี่ย
“...รู้จักสิ รู้จักดีด้วย...มิวกับพี่ฝิ่นเราไม่มีความลับกันหรอก”
“นอนกับมันมาแล้วสิ”
“............................” มิวไม่ตอบแต่ลอยหน้าลอยตาใส่
“เฮ้อ ถ้ารู้ว่ามิวจะกลับไปมั่วอีกเหมือนตอนก่อนจะคบกับพงษ์ล่ะก็ พงษ์คงไม่เสียเวลาด้วยหรอก” ก็แค่ผู้หญิงหาที่ไหนก็ได้ไม่ได้จำเป็นต้องง้อมิวเลยสักนิดคิดแค่ว่าแฟนเก่ามันก็ติดได้ง่ายกว่า แต่ก็อย่างว่านั่นแหละของมันเคยๆมันก็ต้องกลับไปทำตัวแบบที่มันเคยน่ะถึงจะถูก
เลี้ยงไม่เชื่องจริงๆ
“พงษ์! ใช่สิ เวลาของพงษ์มีแต่แก้วหนิ จนมิวคิดนะว่าจริงๆแล้วมิวกับแก้ว ใครเป็นเมียพงษ์กันแน่”
พงษ์ลุกออกจากที่นอนด้วยความไม่พอใจและไม่สนใจคำพูดมิว นี่เหรอเรื่องสำคัญ มันไม่ได้ต่างไปจากที่เขาคิดไว้เลย เขาหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่ก่อนจะวางเงินไว้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งสามพันบาท ถึงมิวไม่ใช่ผู้หญิงขายตัวแต่เขารู้ดีว่าอดีตแฟนเขาน่ะจำเป็นต้องกินต้องใช้ ให้นอนด้วยกันอย่างเดียวโดยที่ไม่ให้อะไรเลย มันก็จะเป็นการเอาเปรียบผู้หญิงเปล่าๆ ทำอย่างนี้น่ะ แฟร์ๆกันทั้งคู่แล้ว
“ช่างเถอะ ขอบใจนะ”
............................
เดาพฤติกรรมมิวกันออกไหม? ยัง มันยังไม่จบหรอก หึหึ
อีกอย่าง ตอนนี้ค้างกันรึเปล่า ฮึก ฮึกY^Y (คนเขียนหลากหลายอารมณ์ดีแท้)
jeeu ไม่มีจุดห้าแล้วจ้า (มาบอกอะไรตอนนี้ ฮ่าๆๆๆๆ แต่น่าจะมี ๔๐.๒)
อย่าว่าแต่คนอ่านค้างเลย คนเขียนบางตอนก็รู้สึกว่าเขียนไม่จบเหมือนกัน งั้นต่อด้วยจุด ๒ เนอะๆ
กลับดาวละนะ ขอบคุณที่มาเจิมเรื่องของเค้าเป็นเม้นท์แรกนะตัวเอง (หน้าม้าเรามาแล้ววววว...ไม่มาซะตอนสุดท้ายของเรื่องเลยล่ะ!) ในเรื่องก็แต่งมาจากสิ่งรอบตัวที่เคยผ่านมาแล้วแหละ ไม่งั้นก็คงจินตนาการยาก
...บางเวลาเราก็อยากกลับดาวบ้าง แต่ก็เพราะมีคนอ่านนี่แหละถึงทำให้เรามีความรับผิดชอบขึ้นมาบ้าง ...เราขี้เกียจ ขี้เบื่อ อารมณ์ขึ้นๆลงๆเธอเคยเจอแล้วหนิ...พอมีอารมณ์นั้นเมื่อไหร่ สิ่งที่ทำได้คือระบายใส่ตัวเองกับมิ้วๆ กร๊ากก คิดจะเขียนก็ต้องเขียนให้จบแหละน่าเราไม่ให้เรื่องของเราค้างแน่ (นี่ไม่ใช่การถักนิตติ้งนะ ฮ่าๆๆๆ) v
อ้อ เรารอ(กดดัน)เรื่องของเธออยู่นะบีสอง ม๊วฟๆ
ปล.มิ้วๆบอกว่า ให้ลงเรื่องให้จบ...จบแล้วอยากไสหัวไปไหนก็เชิญ (ประโยคหลังนี่ต่อเอง -*-)
ขอบคุณทุกคนอ่าน ขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะคะ ^^กอดๆจุ๊บ
จริงๆเขียนมาได้ขนาดนี้ก็เพราะมีทุกคนนี่แหละค่ะ รักนะ คนอ่าน (เขิน><)