อ้อมกอดเด็กช่าง ตอนที่ ๒๒
เพราะอะไร?...คือคำถามที่ค้างอยู่ในหัว
แก้วลุกขยับไปนั่งหย่อนขาที่ข้างเตียง
ทั้งที่เหนื่อยและอ่อนเพลียจากเรื่องราวเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงของวันมาอย่างหนัก
ทั้งที่คิดอยากพักให้เต็มแรง แต่กลับข่มตาหลับไม่ลง
แก้วยกมือขวามาวางตรงหน้าอกข้างซ้ายที่มันเพิ่งเต้นตามจังหวะปกติได้สักพักหลังจากเจ้าของ
ห้องเดินหน้ามุ่ยไม่สบอารมณ์ออกจากห้องไปเมื่อครู่
เขาหวนนึกถึงข้อเสนอที่เจ้าของห้องยื่นให้
...รัก คือสิ่งที่มันต้องการ ...รัก ที่ไม่ใช่แค่คำพูด
เขาไม่ใช่พี่ภูที่จะรักชอบในเพศเดียวกันมาตลอด
เขาไม่ใช่พี่ขวัญที่อยู่ๆก็มาบอกว่ามีแฟนเป็นผู้ชายทั้งที่ไม่เคยมีวี่แววมาก่อน
เขาไม่เข้าใจนักหรอกว่าผู้ชายจะรักกันได้ยังไง ในเมื่อเขาไม่เคยมีมาก่อน
...หรือต้องเรียกว่าไม่เคยมีความรักเลยด้วยซ้ำ
ความห่วงใยแบบที่มากกว่ารุ่นพี่รุ่นน้องที่พี่ดิวมีให้ เขาก็ไม่เคยสัมผัสได้ว่าแท้จริงมันคืออะไร
จนตอกย้ำด้วยการกระทำของพี่ดี ...สัมผัสที่ชวนขยะแขยงเมื่อต้องตกอยู่ในภาวะซึ่งถูกคุกคาม
เขาไม่ได้ยินดีที่จะมีอะไรกับผู้ชาย นั่นคือคำตอบว่าเขาไม่ได้ชอบเพศเดียวกันอยู่เห็นๆ
แต่เมื่อเห็นหน้าไอ้ฝิ่นโผล่เข้ามาในตอนนั้น เขากลับรู้สึกต่างออกไป ...ดีใจ? ปลอดภัย?
หรือเป็นเพราะคาดหวังว่ามันจะให้ความช่วยเหลือตัวเอง
แต่ความรู้สึกนั้นก็ไม่น่าจะนำพาให้ใจเขาสั่นไหวไม่เป็นตัวของตัวเองจนยอมให้มันสัมผัสตัวเขาได้
...สัมผัสในที่ๆศัตรูไม่น่าจะสัมผัสได้ซะด้วย
หากแต่กลับมาย้อนมองตัวเอง นั่นเขาไม่ได้ยอมแต่มันคือความเต็มใจต่างหาก เต็มใจที่จะให้มันสัมผัส เต็มใจที่จะ...ทดสอบตัวเองด้วย
แก้วเกือบมั่นใจว่าเขาไม่ใช่เกย์แน่นอนอยู่แล้วเชียว
แต่ไอ้ฝิ่นมันบังคับเขา...มันบังคับให้เขารู้สึกยินดีที่ได้ใกล้ชิดกับมัน แล้วความมั่นใจของเขาก็แผ่วไป
จะเป็นเพราะอะไรก็ช่างมันก่อนเถอะ แต่...
“มึงรักกูแล้วใช่ไหมล่ะ? หึ กูนึกไว้แล้วไม่มีผิด” ...สิ่งที่เขารู้สึกมันเรียกว่ารักได้แล้วเหรอ ...ไม่หรอกน่ามันเล็กน้อยเกินไปในความคิดเขา
รักมันต้องรู้สึกอะไรที่มากมายกว่านี้สิ รักมันต้องเป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ รักต้องเป็นเรื่องดีๆที่เมื่อได้รับจากใครสักคนแล้วอีกคนถึงจะรักตอบได้
ไม่ใช่มีให้กับคนที่คิดร้ายต่อกัน หรือจากการบังคับทางอ้อม
...สงสัยเขาจะตั้งใจทำตามข้อเสนอมันจนคิดมากเกินไป
...แต่มันจะเข้าใจว่าคือความรักก็ได้ เขาไม่ได้เสียหายอะไรนี่นา กลับแต่จะเป็นเรื่องดีซะอีก
ถ้ามันเข้าใจอย่างนั้นแล้วความผิดของเขากับพงษ์จะยุติ ...ก็ให้มันเข้าใจไปตามนั้นละกัน
นึกถึงไอ้พงษ์ขึ้นมาก็อยากจะคุยด้วยให้คลายกังวล แก้วลูบเตียงควานหา มองไปยังโต๊ะตรงหัวเตียง แต่เขาก็หาโทรศัพท์มือถือไม่เจอ
ลุกจากเตียงเดินไปค้นกางเกงยีนส์เปียกๆที่พาดไว้ในห้องน้ำก็ไม่เห็น
“หายไปไหนนะ?” แก้วคิดพลางนึกเหตุการณ์ตาม หรือว่าจะหล่นตอนอยู่ในม่านรูด
...ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ช่างมันเถอะเขาไม่เอาคืนก็ได้ ถ้าหากต้องกลับไปที่นั่นอีก...
แต่...เขาไม่มีเบอร์ไอ้พงษ์สำรองเลยนะ
แล้วจะทำยังไงได้ ตัวเองเป็นคนไม่เคยใส่ใจอะไรเองแท้ๆ ของหายไปตั้งแต่ตอนไหนยังไม่รู้เลย เฮ้อ...
แก้วอดจะต่อว่าตัวเองไม่ได้
.
.
.
“เมื่อคืนเมากันมาเหรอลูก เห็นฝิ่นนอนตรงห้องรับแขกยังไม่ตื่นเลย” แม่ฝิ่นถามในขณะที่แก้วช่วยคนข้าวต้มในหม้อ
ถ้าไอ้พงษ์เห็นคงวิ่งมาตีมือเขาแล้ว มันไม่ชอบให้เขาเข้าครัวทั้งที่การทำกับข้าวคงเป็นอะไรที่สนุกน่าดู
แต่จะตอบแม่มันว่ายังไงนะ เมาหรือไม่เมา เอาคำตอบไหนดี? แล้วเมื่อคืนมันกับพวกไปเจอเขาได้ยังไง
ถ้าบอกว่าบังเอิญ ก็คงจะบังเอิญเกินไป...แต่รอดมาได้ก็บุญละ
“ครับ” แก้วพูดส่งๆไม่อยากโกหกคนอายุคราวแม่พลางปิดเตาแก๊สเมื่อแม่ฝิ่นตักข้าวต้มชิมแล้วพยักหน้าให้
ตั้งแต่ออกจากห้องน้ำฝิ่นมันก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินออกจากห้องตั้งแต่เมื่อคืน ไม่พูดอะไรกับเขาสักคำ
ท่าทางครุ่นคิดของมันชวนให้เข้าใจว่าไม่พอใจอะไรเขาอีกรึเปล่า หรือเป็นเพราะ...คิดไปก็รู้สึกร้อนๆที่ใบหน้า
ต่อให้ตั้งใจเอาไว้ว่าต้องรักมันให้ได้เร็วแค่ไหนยิ่งดี แต่เอาเข้าจริงเขาก็อดละอายใจไม่ได้
...เกิดมาเพิ่งเคยให้คนอื่นชักว่าวให้ แถมจิตใจยังโอนอ่อนผ่อนตามมันซะขนาดนั้น ...น่าขายหน้าใช่ไหมล่ะ
แต่เขาจะต้องทำให้ได้ มากกว่านี้ก็ต้องได้ เพื่อจะได้รักมันอย่างที่มันต้องการและเพื่อให้เรื่องมันจบๆไปสักที จะได้ไม่ต้องมีอะไรค้างคาในใจอีก
ทานข้าวต้มมื้อเช้าพร้อมแม่ฝิ่นสองคนเสร็จ แก้วก็กลับลงไปที่ห้องทันที
เช้าวันเสาร์อย่างนี้ มันไม่มีอะไรให้ทำเลยจริงๆ
เอ...หรือจะเอาเวลานี้ไปเคลียร์เรื่องพี่ดีเลย ป่านนี้ไม่รู้พี่ดิวจะรู้เรื่องรึยัง
...แต่จะยังไงก็ตาม ไม่ว่าเขาตั้งใจหาเรื่องออกจากบ้านพี่ดิวอยู่แล้วหรือไม่ ตอนนี้เขาก็ไม่สามารถอยู่ร่วมบ้านกับพี่ดีได้อีกแล้ว
แค่นึกถึงเขาก็รังเกียจพลางขยะแขยงตัวเองไปด้วย ทั้งเป็นคนที่โดนคุกคาม ทั้งยังเคยเป็นศิษย์ร่วมสถาบันอีก ชีวิตนี้ไม่น่ามารู้จักคนแบบนี้เลยให้ตายเถอะ
แก้วจึงตัดสินใจหอบเสื้อผ้าเข้าห้องน้ำ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะเดินทางไปบ้านพี่ดิว
“ผมไปบ้านเพื่อนนะครับ” บอกแม่ฝิ่นหลังจากแอบไปดูคนที่อาศัยโซฟาหลับนอนตรงห้องรับแขกมาแล้ว ทั้งที่จะไม่บอกก็ได้แต่กลัวจะมีปัญหาที่หลังเลยบอกไว้อย่างอ้อมๆสักหน่อย
เขาก็ง่วงนะไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืน แต่ถ้ายังสะสางปัญหาไม่จบ เขาก็หลับไม่ลงอยู่ดี
อาศัยช่วงที่ไอ้ฝิ่นมันหลับนี่แหละออกไปเคลียร์ให้เรียบร้อยเพื่อจะได้เหลือแค่ทางนี้ฝั่งเดียว
แก้วนั่งมอเตอร์ไซด์รับจ้างจากหน้าบ้านฝิ่นมาเรียกรถแท็กซี่หน้าปากซอย
เขารู้ตัวดีว่าร่างกายกำลังอ่อนเพลียเพราะไม่ได้พักผ่อนจึงไม่อยากเดินทางล่าช้าด้วยการใช้บริการของรถเมล์
และมันก็ไวกว่าเท่าตัว ...เขาใช้เวลาเดินทางจากบ้านฝิ่นมาถึงบ้านพี่ดิวเพียงสามสิบนาที
กดกริ่งหน้าบ้านด้วยใจตุ้มๆต่อมๆ ขอให้คนที่ออกมาเปิดประตูเป็นพี่ดิวทีเถอะ
ตอนจะมาก็ไม่ได้คิดว่าต้องเผชิญหน้ากับพี่ดีซะด้วย แต่ถึงมาแล้วเขาก็ไม่อยากเห็นหน้าพี่ดีตอนนี้นี่นา
ถึงมั่นใจว่าต่อหน้าพี่ดิว พี่ดีจะไม่ทำอะไรเขาก็ตามที แต่ความนึกรังเกียจมันยังติดใจเขาอยู่
“แก้ว...” พี่ดิวมองซ้ายมองขวา ดึงมือเขาจะพาเข้าบ้าน แก้วเกร็งแขนไว้
“เอ่อ พี่ดีอยู่รึเปล่า” ถามออกไปด้วยความหวาดระแวงแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปมากเพราะไม่รู้ว่าพี่ดิวจะรู้เรื่องรึยัง
“มันโดนคู่อริซ้อม นอนโรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อคืน แล้วถามถึงมันทำไม?” พี่ดิวตอบและถามกลับอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
...คงจะไม่รู้เรื่องสินะ แล้วอย่างนี้เขาจะบอกพี่ว่ายังไงดี
“...ผมก็ถามไปงั้นแหละ เข้าบ้านกันเถอะพี่” แก้วเฉไฉ พยักหน้าให้พี่ดิวก่อนที่จะเดินเข้าไปในบ้านทั้งคู่
แล้วอย่างนี้จะบอกยังไงนะ ถ้าบอกความจริงว่าพี่ดีคิดจะทำอะไรตนแล้วคนเป็นน้องอย่างพี่ดิวจะเชื่อรึเปล่า
หรือจะโกหกดี... ถ้าโกหกจะเอาข้ออ้างมาจากไหนล่ะ?
แต่ยังไงเขาก็ทำใจอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ไหวแล้ว ไม่รู้ว่าพี่ดีจะทำอะไรเขาขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ แถมโดนเล่นงานหนักขนาดนั้นต้องโดนเอาคืนทั้งต้นทั้งดอกแน่เลย
“แก้ว!”
“...ขะ ครับ” แก้วสะดุ้งเมื่อพี่ดิวเรียกเสียงดัง
“มีอะไรรึเปล่า?” พี่ดิวคิ้วชนกันมองลงมาจากขั้นบันไดที่สูงกว่าถามด้วยความข้องใจ
...เขาคงจมอยู่ในความคิดตัวเองมากไปแล้ว
“เปล่านี่พี่ เอ่อ...”
“มีอะไรรึเปล่า เมื่อคืนพี่เห็นว่าดึกมากแล้วอดเป็นห่วงไม่ได้เลยโทรหาดู แต่เป็นคนอื่นรับพูดจาไม่เข้าหูเลย” พูดคล้ายต้องการคำตอบจากเขาพลางเดินลงมาหา มองหน้าด้วยสายตาต้องการคำตอบ
เอ...หรือว่าจะลองดู
“พี่ขวัญพี่ชายผมน่ะ อืม...ใช่ๆ ว่าจะมาบอกพี่เรื่องนี้อยู่เหมือนกัน คือผมต้องไปพักที่คอนโดพี่ชายนะพี่ดิว มันใกล้ที่ฝึกงานกว่าเยอะเลย” แก้วพูดรัวยกเอาพี่ลูกขวัญมาอ้างทั้งที่จริงแล้วไม่รู้หรอกว่าใครเป็นคนรับโทรศัพท์เขา พลางเบี่ยงตัวเดินหลบพี่ดิวขึ้นห้องเพื่อจะไปเอาหนังสือเรียนที่เอามาทิ้งไว้ที่นี่
“ไม่เห็นจำเป็นเลย ถ้าแก้วเดินทางลำบากพี่เอารถไปรับไปส่งทุกวันก็ได้” พี่ดิวบอกพลางยื่นข้อเสนอที่เป็นทางเลือกให้เขา
...น้ำใจของพี่ เขาไม่อยากปฏิเสธมันหรอกนะ แต่พี่ชายของพี่กลายเป็นคนอันตรายสำหรับเขาไปแล้ว
มือจับลูกบิดประตู ก้มหน้าครุ่นคิด ถ้าปฏิเสธพี่ดิวไป ไอ้พงษ์จะว่าอะไรเขารึเปล่าถ้าจะเป็นการหักหาญน้ำใจรุ่นพี่ที่มันเคารพสักครั้ง
“มีอะไรก็บอกพี่ได้ พี่พร้อมจะช่วยเหลือแก้วเสมอ ขอเพียงแต่แก้วให้โอกาสพี่บ้าง” พี่ดิวยืนข้างหลังวางมือทาบทับมือเขาที่จับลูกบิดอยู่
ไม่เห็นรู้สึกอะไรแปลกๆเหมือนตอนอยู่ใกล้ไอ้ฝิ่นเลย...
“ไม่มีอะไรหรอกพี่ ทุกอย่างมันก็เรียบร้อยดีแล้วนี่” เขาหมายถึง เขากำลังทำให้มันเรียบร้อยอยู่ “แต่ผมขัดที่บ้านไม่ได้จริง” เขายกข้ออ้างสารพัด เกลียดตัวเองที่ต้องโกหกจริงๆ
“หึ แล้วทำไมแก้วถึงออกมาอยู่กับไอ้พงษ์ได้ล่ะถ้าบอกว่าขัดคำสั่งที่บ้านไม่ได้น่ะ”
“พี่ดิว!” นี่พี่กำลังก้าวก่ายเขาอีกแล้วนะ
แก้วสูดลมหายใจเข้าช้าๆ ใช้มืออีกข้างจับมือพี่ดิวออก แล้วเปิดประตูเข้าไปข้างใน
“แก้วโกรธทุกครั้งที่พี่พูดถึงไอ้พงษ์” พี่พูดด้วยน้ำเสียงข่มอารมณ์ เพราะเขาไม่ได้หันไปดู “มันแตะไม่ได้เลยรึไงทั้งที่ก็เห็นๆกันอยู่ว่ามันไม่เคยใส่ใจอะไรเราด้วยซ้ำ” พี่ดิวต่อว่าเขา...หรือคงเป็นเขากับพงษ์ แก้วเม้มปากไม่พอใจแต่ก็ไม่ตอบอะไร เพราะคนอื่นไม่มีความจำเป็นต้องมารับรู้เรื่องราวอะไรของพวกเขาทั้งนั้น “พี่แค่อยากดูแลแก้ว อยากเป็นคนที่อยู่ข้างเราเหมือนที่ไอ้พงษ์เคยทำไม่ได้เลยเหรอ” แต่พี่ดิวติงไม่เลิก เอ๊ะ เรียกร้องด้วยรึเปล่า
“พี่ดิว หน้าที่นั้นมีเจ้าของอยู่แล้ว ถ้าพี่รู้จักพวกผมดี พี่น่าจะรู้ว่าเราไม่โอนสิทธิ์นั้นให้ใครง่ายๆ” แก้วบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังหลังระงับอารมณ์เรียบร้อย ในน้ำเสียงไม่ได้เจือความไม่พอใจสักนิด เขาหวังว่าพี่ดิวจะเข้าใจ พลางก้มหน้าก้มตาเก็บหนังสือใส่กระเป๋าเป้ที่ไอ้พงษ์เอามาทิ้งไว้ “ผมขอบคุณพี่มากนะที่หวังดี แต่ผมบอกพี่ทุกครั้งแล้ว ว่าผมดูแลตัวเองได้” ถึงความเป็นจริงจะได้ไม่ดีเท่าไหร่นักก็ตาม
...แก้วรู้ การที่พงษ์ฝากให้พี่ดิวดูแลเขาเพราะมันไว้ใจพี่ดิวมาก และมันคงเชื่อว่าพี่ดิวจะดูแลเขาได้
เขาไม่ชอบความคิดนี้เท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธหากพี่ดิวจะหวังดีกับเขาอย่างมีขอบเขต ไม่ใช่ทำตัวมาแทนที่ไอ้พงษ์ตลอดเวลาอย่างนี้
“แม้แต่โอกาสที่พี่จะใกล้ชิดแก้วก็ให้ไม่ได้เหรอ” พี่ดิวนั่งลงตรงหน้า แก้วไม่ตอบ... “ตลกนะ ทั้งที่พี่ทำทุกอย่างเพื่อแก้ว แต่เราก็เอาแต่จะหนีพี่”
“ไม่ใช่หรอกพี่ ...”
เสียงกริ่งหน้าบ้านดังทำให้เขาต้องหยุดคำพูดไว้ครึ่งๆกลางๆ
“ใครมาวะ” พี่ดิวลุกขึ้นอย่างเสียอารมณ์ ก่อนจะเดินลงไปข้างล่าง แก้วมองตามหลังด้วยหลายหลายความรู้สึก
ไม่ใช่เขาหนีพี่ดิวหรอก เขาก็อยากรู้เหมือนกันไอ้ความรู้สึกดีๆของพี่มันคืออะไร
เขาอยากมีเวลาเรียนรู้มันอีกสักพักถึงจะไม่ชอบใจคำพูดต่อว่าของพี่บ่อยครั้งแต่เขาก็ยังต้องการคำตอบให้ตัวเอง...
แต่ถ้ายังอยู่ที่นี่ต่อ ใครจะแน่ใจว่าพี่ดีจะไม่ทำอะไรเขาอีก
ให้พี่ดิวคิดว่าเขาหนีพี่ คงดีกว่าให้รู้ว่าพี่ชายตัวเองทำร้ายคนที่พี่ดิวอยากปกป้องน่าดีกว่า
อีกอย่างถ้าอยู่นี่ต่อไปเรื่อยๆ เขาจะเอาเวลาที่ไหนไปชดใช้ให้ไอ้ฝิ่น ยิ่งยืด มันก็ยิ่งยื้อ เวลาก็จะนานวันไปเรื่อยๆ รีบๆทำให้มันจบๆไปไม่ดีกว่าเหรอ
แก้วเก็บแค่หนังสือเรียนห้าหกเล่มทั้งที่กว่าจะได้ใช้ก็ปลายเทอมหลังจากฝึกงานจบโน่น แต่เสื้อผ้าไอ้พงษ์ยังทิ้งไว้เหมือนเดิม เสร็จแล้วเลยลงไปหาพี่ข้างล่าง
“ไอ้ฝิ่น?” แก้วคิ้วขมวดเดินออกไปหน้าบ้าน ยิ่งใกล้ยิ่งเห็นได้ชัดว่าเขาตาไม่ฝาด
ตายห่าละ!...
แก้วรู้สึกลนๆทำอะไรไม่ถูก อยากหาที่หลบแต่มันไม่ทันแล้ว ความรู้สึกตอนนี้คล้ายคนโดนเจ้าหนี้ตามทวงเงินอย่างไงอย่างนั้น
เอาไงดีวะไอ้แก้ว
“ออกมาแล้วเหรอ ไอ้ดิวมันไม่ให้พี่เข้าไปหาแก้วในบ้านน่ะ” เอ่อ...ถ้าเป็นคนอื่นคงคิดว่ากำลังฟ้องเขาอยู่แน่ แต่นี่มันไอ้ฝิ่น ไอ้ป่าเถื่อนฝิ่นนะ!
คำพูดต่อว่าต่อขานเบาๆอย่างไม่จริงจังนัก พร้อมรอยยิ้มน้อยๆดูไม่มีอารมณ์ครุกรุ่นใดๆเลย ทั้งที่ปกติมันต้องบ้าแล้ว
แก้วไม่รู้จะตอบยังไง
“ไหนแก้วบอกว่าจะไปอยู่กับพี่ชายไง?” คนที่เดือดกลับเป็นพี่ดิวที่ยืนอยู่ข้างๆ
“เอ่อ...เอ่อ...”
“อะไร? นี่แก้วไปโกหกไอ้ดิวทำไม” ฝิ่นแสยะยิ้มพูด “บอกมันไปตรงๆเลยว่าจะไปอยู่กับพี่ พี่ดิวของแก้วจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงไง” คำพูดคำจาเรียบๆทำเอาแก้วเสียวสันหลังวาบ
ถ้าออกจากบ้านพี่ดิวเร็วกว่านี้คงไม่เป็นแบบนี้แล้ว
ฝิ่นมันต้องการยั่วโมโหพี่ดิวอยู่สินะ
ขอแค่ได้ชนะมันเล่นได้ทุกบทบาทจริงๆ
พี่ดิวไม่ได้สนใจคำพูดของไอ้ฝิ่น เอาแต่มองหน้าเขาสายตาร้องขอคำตอบ
“พี่ดิว ผม...” เขาพูดไม่ออก มันจุกๆเมื่อโดนจับได้
ทั้งที่หาทางออกจากบ้านพี่ดิวอย่างสงบได้แล้วเชียว เขาจะอธิบายให้พี่ดิวฟังยังไงล่ะทีนี้
“แก้ว พี่รอนานแล้วนะ กลับบ้านเรากันเถอะ” แก้วเสหน้าไปมองคนนอกรั้วที่ยังบ่นงุบงิบไม่เลิก แล้วหน้าตาจะระรื่นไปไหน
“พี่...” ก่อนจะหันกลับมาคุยกับพี่ดิว
“ทั้งที่พี่คิดว่าหลายต่อหลายครั้งไอ้ฝิ่นมันคงบังคับแก้ว แต่วันนี้แก้วก็ทำให้พี่เห็นว่าพี่คิดผิด ...ที่แก้วไม่ยอมเปิดใจให้พี่เพราะต้องการให้ไอ้ฝิ่นทำหน้าที่นั้นสินะ” พี่ดิวพูดแทรกด้วยสายตาดูถูกดูแคลนเขาสุดๆ
“ไม่ใช่” แก้วเองก็สวนทันควันเหมือนกัน
“ถ้าพี่เป็นคนดีแล้วแก้วมองไม่เห็น พี่ก็จะไม่ดีอีกต่อไป” พี่ดิวเข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว
“พี่เข้าใจผิดนะ” แก้วพยายามจะอธิบายทั้งที่ยังคิดหาคำพูดไม่ออก แต่ดูท่าพี่ดิวคงไม่ฟังอะไรเลย
“แล้วพี่จะคอยดู!” พี่ดิวมองหน้าเขาก่อนจะหันหลังให้แล้วเดินเข้าบ้าน
ทำไมเขารู้สึกสายตาของพี่มันไม่เหมือนเดิมนะ
เขาเพียงอยากลบล้างความผิดให้คนสำคัญที่สุดในชีวิต ในเมื่อมีโอกาสเขาก็ควรรีบรับไว้ไม่ใช่เหรอ
เขาไม่มีเวลาจะเอาใครมาเทียบกับใครหรอกนะ แล้วทั้งพี่ดิวทั้งไอ้ฝิ่น เป็นให้เขาอย่างที่พงษ์เป็นไม่ได้อยู่แล้ว
การที่เขาจะทำอะไรเพื่อไอ้พงษ์ มันทำให้เขาดูแย่ในสายตาพี่ดิวเชียวเหรอ
แต่เอาเถอะใครจะมองยังไงก็ช่าง ...เขายังยืนยันจะทำตามที่ได้ตั้งใจไว้ให้สำเร็จจนได้
“เปิดประตู แล้วออกมา!” แก้วสะดุ้งอีกครั้งเมื่อไอ้ฝิ่นเสียงห้วนใส่ เขาดึงรั้วเล็กเปิดแล้วเดินออกไปยืนตรงหน้ามัน
“มึงคิดอะไรอยู่วะ แล่นมาหามันถึงที่ หรือเมื่อคืนยังไม่เสร็จเลยมาให้มันเอาต่อที่บ้าน” แก้วอ้าปากหวอมองหน้าฝิ่น “เหี้ยเอ้ย กูไม่น่าไปขัดมึงใช่ไหมเมื่อคืนนี้น่ะ!”
มันก็รู้ว่าเขาโดนยา ทำไมยังพูดอย่างนี้อีก
ไอ้ฝิ่นจับเข้าที่ต้นแขนเขา บีบจนเจ็บ เขานึกแล้วว่ามันต้องบ้าแล้วมันก็บ้าจริงๆด้วย
“กู...”
“อ้อไม่สิเมื่อคืนมันคนพี่ วันนี้จะต่อกับคนน้องว่างั้น กูว่าแล้วอย่างมึงน่ะโคตรตอแหล ทำเป็นสำออยร้องห่มร้องไห้ คงไม่ใช่หาที่พึ่งแล้วล่ะอย่างนี้ต้องเรียกว่าสันดานมึงเลยต่างหาก” นี่ความคิดมันจะยัดเยียดให้เขาเป็นตามที่มันคิดอย่างเดียวเลยใช่ไหม แก้วส่ายหน้าอย่างไร้คำจะเอ่ย เขาไม่ใส่ใจกับความคิดมันหรอกนะ แต่ก็ต้องพูดออกไปเพราะไม่งั้นมันคงพร่ามไม่หยุดแน่
“กูมาเก็บของไปบ้านมึง”
“.................................” เงียบ แต่มือที่บีบอยู่คลายออกแล้ว ดูมันจะอึ้งๆที่เขาพูดบอกไปอย่างนั้น หรือเขาพูดเบาไปมันเลยไม่ได้ยิน
“กูมาเอาหนังสือ เพื่อจะไปอยู่บ้านมึง” แก้วจึงพูดย้ำอีกครั้ง
“...อ้อ ...เหรอ” มันอึกอักหน้าตายคล้ายทวนคำ
ตกลงเป็นอันเข้าใจแล้วนะ จะได้เลิกพูดอะไรตามใจตัวเองสักที แล้วมันก็เดินไปขึ้นรถเฉยเลย
อ้าว อะไรของมันอีกล่ะ บทจะง่ายก็ง่าย นี่เขาตามอารมณ์มันไม่ทันจริงๆนะ
....................................................
อ่าาา มาแล้วจ้า ช้ากว่าปกติเลย T^T
ที่จริงเย็นวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ วันหยุดราชการ ซีซั่นจะไม่ได้แตะคอมค่ะอันนี้คือข้อตกลงในการอยู่ร่วมกันกับอดีตเด็กช่างเพราะเรามีเวลาให้กันไม่กี่วันในแต่ละสัปดาห์ (แต่คุณเขาเอาเวลามาดอทเนี่ยนะ!) ถ้าอยากเล่นเน็ตตัวเราต้องเข้ามือถือเท่านั้น (เคยเม้นท์นิยายในมือถือจนนิ้วชา -*-บ่น) แล้วก็ถ้าเขียนเสร็จจากที่ทำงานจะโพสนิยายในวันที่เขาอยู่ก็ต้องขออนุญาตได้มาแค่สามสิบนาทีก็ต้องยกมือท่วมหัว มีพระคุณจริงจริ๊ง (เวรกรรมมาก เคยโพสตัวที่ยังไม่ได้แก้ด้วยเพราะรีบแล้วเซฟชื่อเดียวกันอีก นอยด์มากแต่ไม่บ่นตอนนั้นเดี๋ยวคนอ่านรู้เพราะบางประโยคมันหายไปแต่ก็เอากลับมาไว้ในตอนถัดมา เอิ๊กๆ รู้กันหมดละว่าพลาดอีกแล้ว ฮ่าๆ) ช่วงที่ผ่านมาที่โพสได้ทุกวันไม่จำกัดเวลาเขียนเสร็จตอนไหนก็ลงตอนนั้นเพราะว่าคุณเขาติดน้ำท่วมต้องลงพื้นที่ให้ผู้ประสพภัยด่าทุกวัน เอ้ย ช่วยผู้ประสพภัย แต่ตอนนี้น้ำลดแล้ว (เราควรจะดีใจใช่ไหม?) ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เราคงได้เจอกันน้อยลง Y^Y
(...เสียเวลาปั่นนิยายตั้งสามวันแหนะ)
แต่เราจะคงสามตอนไว้ให้ได้เหมือนเดิม ไม่รับปากกับคนอ่าน แต่กดดันตัวเองเอาไว้ ฮ่าๆ
เจอคำชมจากคนอ่านตอนที่แล้วด้วย คนเขียนขอเวลาลอยละลิ่วก่อนนะ คริคริ อย่าอวยสิ เขินน๊า>w<
"เหมือนคนมองคนที่ตัวเองชอบ" อะนะ..หรือเปล่า?
...ตามนั้นเลยจ้า กรี๊ดดด ความรู้สึกเหมือนเอาของไปซ่อนแล้วถูกคนอ่านหาเจอ ฮ่าๆ
ส่วนทำไมต้องถามพี่ไม้ ...หึหึ
//แอร๊ยยยทำไมฝิ่นถึงรู้สึกหนักใจก็ไม้รุ็อ่าาาา
ไม่เข้าใจ
...แสดงว่าฝิ่นมันต้องคิดอะไรอยู่แน่ๆ (นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว! จะตอบอย่างนี้ทำไม โอย ฮ่าๆ)
คงกำลังลังเลอะไรสักอย่างมั้งคะ (อิคนเขียนตอบอย่างนี้อย่าตอบเลยดีกว่า) ...พี่ไม้ดูเหมือนจะดูออกนะ ว่าแก้วโดนอะไรมา แต่แก้วคงอายพี่ไม้หรือเปล่าถึงไล่ให้กลับไปไม่อยากให้คนรู้หลายคนมั้ง
...ใช่ค่ะพี่ แก้วอายที่จะให้ใครรู้ แล้วถ้าพี่ไม้อยู่ไอ้ฝิ่นคงไม่ได้แตะแก้วแต่อาจจะเป็นพี่ไม้แทน ซึ่งคนเขียนรับไม่ได้ ==” หวงเลยไล่พี่มันกลับไปก่อน ฮ่าๆ ไม่ใช่!
พี่ไม้ค่อนข้างละเอียดในความคิดค่ะ จะคิดมากกว่าพูด และไม่ตามใจความคิด ผิดกับอิตัวเอกสองตัวอย่างสิ้นเชิง
อากาศหนาวมากเลย รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะทุกคน
แต่ถ้าต้องการไออุ่น แวะมาหาอ้อมกอดเด็กช่างสิคะ
(โฆษณาจนได้ ...เพลียตัวเองเหลือเกิน)
ขอบคุณทุกคนอ่าน ขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะคะ^^ กอดๆ จุ๊บๆ