อ้อมกอดเด็กช่าง ตอนที่ ๒๐
ข้อมือทั้งสองข้างถูกตรึงไว้เหนือศีรษะ ภาพทับซ้อนว่าเคยเกิดมาแล้วเกิดขึ้นในหัว หากแต่ผู้กระทำถูกเปลี่ยนตัว
รอยยิ้มที่เคยยั่วโมโหน้องชายตัวเองเป็นเรื่องที่เคยเห็นปกติของคนนี้
หากแต่สายตาชั่วร้ายกลับเป็นสิ่งแปลกใหม่ให้แก้วเพิ่งเคยพบเจอ
พี่ดีแกะกระดุมเสื้อเขาอย่างช้าๆคล้ายต้องการหยอกล้อ โดยไม่สนใจความรู้สึกของแก้วในตอนนี้ว่าเห็นดีด้วยรึไม่
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาส่ายไปมาอย่างหวาดกลัว
เขาอาจโง่ที่ไว้ใจพี่ดี แต่เขาไม่ได้โง่ที่จะไม่รู้ว่าตอนนี้กำลังเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
“ร้องไห้ทำไม หืม? หรือคิดถึงไอ้ดิว ...เอ๊ะ รอยที่คอ?” พี่ดีใช้นิ้วเขี่ยรอยฟันตรงซอกคอที่ยังหลงเหลือจางๆ ยิ้มเยาะ เขาไม่ได้ปกปิดมันไว้เหมือนวันแรกๆ เพราะไม่สังเกตก็ไม่เห็นแล้ว แต่ใครจะรู้ว่าจะถูกสังเกตเห็นเมื่ออยู่ในสภาพอย่างนี้
“อย่างไอ้ดิวน่ะ มีวาสนาได้กินแค่ของเหลือเดนพี่เท่านั้นล่ะ” แก้วสะบัดหน้าหนีคำคุยโวนั่น
ไม่คิดเลยว่าจะต้องมาเสียน้ำตาต่อหน้าคนแบบนี้ น้ำตาของความอ่อนแอที่เขาปกปิดคนอื่นๆมาโดยตลอด
สุดท้ายเขาก็ยังเป็นคนอ่อนแออยู่วันยังค่ำใช่ไหม?...
“โอ๊ะ โอ น่ารักจริงๆ” มือสากข้างที่ว่างลูบไล้ผ่านหน้าอก สะกิดเม็ดสีชมพูเบาๆก่อนจะก้มใช้ปลายลิ้นหยอกเย้าแทน
แก้วบิดตัวหนีแต่หาได้พ้น
ปลายลิ้นยังคงสนุกสนาน มือสกปรกเลื่อนลงต่ำไปลูบคลำกลางเป้ากางเกงที่มันยังคงตื่นตัวอย่างขัดใจเจ้าของ แล้วไล่ยุ่งกับเข็มขัดหนังเส้นสีดำถึงขั้นปลดมันออก
“พี่.ดี...” เสียงเบาขาดหาย...แต่แค่น้ำเสียงก็น่าจะรู้ว่าเขาร้องขอความเมตตา ขอทั้งที่ใบหน้ายังหันมองทางอื่น
“ครับ? หืม?” พี่ดีจับปลายคางให้เขาหันหน้าไปมอง แล้วก้มลงมาหมายประกบปาก แก้วเม้มปากตัวเองทันที
“แก้ว...อย่าดื้อกับพี่” เสียงเย็นนัยน์ตาดุบีบบังคับ แก้วยิ่งเม้มแน่นจนเผลอกัด ได้กลิ่นเลือดในปากตัวเอง แต่พี่ดียังไม่ยอม ยิ่งเพิ่มแรงบีบที่ปลายคางให้เขาเจ็บเข้าไปอีกเพื่อประกบจูบและส่งลิ้นเข้ามาควานเล่นในช่องปากตามที่ต้องการให้ได้
“อื๊อ อือออ ฮึก” แก้วคิดอะไรไม่ออก เขารังเกียจ ขยะแขยง การกระทำคล้ายกันแต่สัมผัสมันไม่ใช่! เขาตัดสินใจต่อต้านด้วยการกัดลิ้นพี่ดี แต่ก็ทันแค่ปลายลิ้นเมื่อพี่ดีตวัดออกทัน
“โอ๊ย!! ไอ้เหี้ย!” ตะคอกด่าพร้อมสายตาที่ทวีความน่ากลัว แต่มือที่รวบอยู่เหนือหัวไม่ได้ทิ้งไปเลย กลับเปลี่ยนจากการกอบกุมเฉยๆแทนที่ด้วยปลายเล็บทั้งห้าจิกเข้ามายังเนื้อเขาด้วยความโกรธเกรี้ยว
“กูเล่นด้วยดีๆแม่งไม่ทันใจมึงใช่ไหม?!” พูดหลังจากเอามืออีกข้างแตะลิ้นตัวเองสำรวจความเสียหาย
แก้วมองหน้าพี่ดีตาแข็ง เสียดาย...เขาน่าจะกัดมันให้ขาดไปเลย
แต่ไม่ทันได้มีเวลาเอาคืนแม้ในความคิด กางเกงยีนส์สีดำที่เขาสวมใส่แทนกางเกงนักศึกษาได้ถูกปลดซิบและกระชากลงจากเอวด้วยมือเดียว
พยายามแล้ว เขาพยายามดิ้นรนแล้วแต่เรี่ยวแรงเขาแทบไม่มีเลย
ไอ้พี่ดีปล่อยมือเขาให้เป็นอิสระแต่มือก็วางอยู่ที่เดิมอย่างอ่อนแรง มันแสยะยิ้มอย่างสาแก่ใจแล้วขยับมานั่งกลางตัวแก้วพลางดึงกางเกงยีนส์ออกไปให้พ้นขาเขา
คนโง่ๆอย่างเขาทำได้เพียงหวังในใจลึกๆให้ใครสักคนเข้ามาช่วย
ใครล่ะ ฮึก ฮึก พงษ์ ช่วย...
แต่...
แก้วชะงักเมื่อเมื่อนึกขึ้นได้ว่าไม่มีพงษ์อยู่ข้างๆแล้ว
ไอ้ฝิ่น!...ช่วยด้วย! ชื่อของตัวอันตรายดังก้องอยู่ข้างใน แต่คนนี้ก็คงไม่มีทาง...เหมือนกัน
“หึ หึ ฮะ ฮ่าๆๆ” ถ้ามันมาเห็นเขาตอนนี้มันคงชอบใจในความเจ็บปวดที่เขาได้รับมากกว่าให้การช่วยเหลือเป็นแน่
แก้วหัวเราะทั้งน้ำตาอย่างสมเพชตัวเอง ในเวลาอย่างนี้ยังมาคิดถึงคนที่ต้องการทำร้ายตนได้อีก
“หืม? เริ่มชอบแล้วเหรอ?” พี่ดีถามพลางปลดกระดุมเสื้อตัวเองเมื่อเห็นท่าทีแปลกไปของเขา
แก้วไม่ได้ตอบแต่ค่อยๆปิดเปลือกตาลงอย่างคนสิ้นคิด
เปล่าหรอก เขาไม่มีทางรอดให้คิดแล้วต่างหาก
แก้วนอนนิ่งไม่ไหวติงใดๆ อยากทำอะไรก็ทำเถอะ ร่างกายของเขามันไม่เคยมีค่าไม่เคยมีความหมายอยู่แล้วนี่
จบคำ มือพี่ดีก็ลูบวนน้องชายแก้วที่เหลือเพียงกางเกงในปิดบังอยู่ และมันยังคงพองตัว
เขาเกิดอารมณ์ เขาต้องการการปลดปล่อยแต่มันเป็นเพียงปฏิกิริยาจากสิ่งแปลกปลอมที่รับเข้ามาในร่างกายด้วยความโง่เขลาเท่านั้น
แต่ในใจเขาไม่ได้ต้องการให้ใครมาสัมผัสเลย
เขาเกลียด เขาขยะแขยง แก้วกลั้นหายใจเมื่อพี่ดีเริ่มซุกไซ้ซอกคอ
ประตูห้องถูกพังเข้ามา พี่ดีหันขวับไปมองแต่ไม่ได้ออกจากการทาบทับแก้วในทันที หากแต่ถูกกระชากตัวออกไปต่างหาก
ชายวัยรุ่นเกือบสิบคนหน้าตาไม่คุ้น แต่การแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งทับเสื้อยืดมันเป็นเอกลักษณ์ให้คิดไปทางเดียวว่าคนกลุ่มนี้คือเด็กช่างแน่นอน
แก้วพยายามพยุงร่างกายในสภาพล่อแหลมทั้งยังมึนๆเพื่อจะลุก แต่อย่าคิดว่าเขาจะมีแรงทำได้ ยิ่งเวลาล่วงเลยนานขึ้น ร่างกายของเขายิ่งตอบสนองฤทธิ์ยามากขึ้นเท่านั้น
ร่างกายเกือบเปลือยนอนแผ่อยู่กลางเตียงถูกคลุมด้วยผ้าห่มจากใครคนหนึ่งในกลุ่มที่คงจะเวทนาในความอนาจารของเขา
แก้วกัดฟันกวาดแขนตัวเองมาซุกเข้ากับผ้า เหลือแค่ช่วงคอให้พอมองเห็นเหตุการณ์
เขาเคยล่อนจ้อนเหลือแต่กางเกงในต่อหน้าคนมากมายมาแล้วเมื่อครั้งตอนรับน้องเข้าสาย
วันนั้นเขาไม่ได้รู้สึกอะไรเพราะผู้ชายเหมือนกันเป็นเรื่องธรรมดา ต่อให้แก้ผ้าต่อหน้าคนเป็นร้อยยังเป็นเรื่องปกติได้เลย
แต่วันนี้ความรู้สึกมันแตกต่างไป ...เขารู้สึกเหมือนตัวเองแปลกแยก รู้สึกเหมือนกลายเป็นตัวประหลาด ด้วยเพราะเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาเมื่อครู่
และน้ำตาก็ไหลออกมาอีกครั้งสนองห้วงความคิดตน
นี่เขาเป็นอะไรไป...
“ไอ้เหี้ย! พวกมึงเป็นใครวะ” พี่ดีตะโกนถามหลังถูกกำปั้นอัดเข้าที่ใบหน้าไปหลายหมัดจนปากแตก แต่ได้เท้ายันเข้าที่หน้าท้องจนพี่ดีถอยหลังไปชนผนังเป็นคำตอบ
ภาพที่เห็นตอนนี้คือหนึ่งต่อสิบ เขาควรจะสงสาร เห็นใจคนที่ถูกรุมใช่ไหม...
“พอก่อน” หนึ่งในนั้นเอ่ยปาก มือถือโทรศัพท์แนบหูเดินออกไปนอกห้อง
พี่ดีทรุดลงไปกองที่พื้น
พลันสายตาแก้วก็เหลือบไปเห็นคนอีกกลุ่มเดินเข้ามาในห้อง
...น้ำตาหยุดไหลไปซะดื้อๆ
ไม่ใช่ความบังเอิญใช่ไหม?
ใจเขาสั่นรัว...
เขาหวังอะไรอยู่นะ...
หนึ่งในนั้นเดินไปมองหน้าพี่ดีด้วยสายตาอมหิต ก่อนจะใช้เท้าขวาเขี่ยใบหน้าเปื้อนเลือดไปมา
“มึงกล้ามากนะแตะคนของกู” ฝิ่นวางรองเท้าผ้าใบเปื้อนฝุ่นที่มันสวมใส่ไว้แนบแก้มพี่ดี
พี่ดีแหงนข้างมองหน้ามันด้วยความอาฆาต
เขาไม่รู้น้ำหนักจากปลายเท้านั้นหนักเบาแค่ไหน แต่แก้วมองภาพที่เห็นตรงหน้านี้ด้วยความว่างเปล่า
สาสมแล้วไม่ใช่เหรอกับสิ่งที่พี่ทำผม...
พี่ไม้พยุงตัวแก้วขึ้น สายตาที่คอยจับพิรุธนั้นมองมาอย่างหดหู่ หึ ใครเห็นเขาตอนนี้ก็ต้องสมเพชทั้งนั้นแหละ
แก้วเอามือปาดน้ำตา ขยับตัวติดกระดุมเสื้อ
“มึงจะเอาคืนก็ได้” ไอ้ฝิ่นเสียงเหี้ยมเอ่ยปากท้าทายพี่ดี “แต่ข้อหาของมึงดูซิจะมีใครกล้าเสี่ยงกับกูไหม?”
“อั่ก!” พี่ดีร้องออกมาเมื่อถูกเท้าข้างเดิมเตะเข้าเต็มๆท้อง ก่อนที่โจ้จะล็อกแขนลูกพี่มันไว้
“พอเถอะพี่ นี่ก็ปางตายแล้ว” มันสลัดแขนรุ่นน้องออก ก้มเก็บกางเกงที่พื้นมาโยนใส่หน้าแก้ว
“มึงอีกคน เตรียมใจไว้ล่วงหน้าเลยกูไม่ปล่อยมึงแน่!” ต่อว่าเขาด้วยความโมโหพร้อมนิ้วจิ้มหน้าผากเขาแทบหงาย ติดที่พี่ไม้ดันหลังไว้ทัน
แล้วมันก็ฮึดฮัดเดินลิ่วออกไปไม่สนใจใคร
“หมดเรื่องแล้วล่ะ พวกมึงแยกย้ายกันกลับได้เลย” พี่ไม้บอกคนกลุ่มแรกที่มาช่วยเขา
“รีบตามออกมานะพี่” โจ้บอกแล้วรีบวิ่งตามฝิ่นออกไป
ในห้องเหลือเพียงเขา พี่ไม้ และพี่ดีที่คู้ตัวนอนมือกุมหน้ากุมท้องตัวเอง
“ใส่เองไหวรึเปล่า” พี่ไม้คงจะเห็นว่าเขาไม่มีแรงแม้แต่จะใส่กางเกงเองสินะ
แต่แก้วกัดฟันพยักหน้า คว้ากางเกงเข้ามาในผ้าห่มอย่างเบลอๆและสวมใส่อย่างทุลักทุเล ยังไงเขาก็ไม่ขอความช่วยเหลือคนอื่นไปซะทุกเรื่องหรอก
เสร็จแล้วชูข้อมือตัวเองมาดูรอยเล็บจิก เขาเม้มปากคิดหนัก แต่ก็ต้องเจ็บจี๊ดเพราะลืมไปว่าเผลอกัดปากจนได้เลือดเข้า
หึ มันน่าสมน้ำหน้าตัวเองนัก
นี่เหรอรุ่นพี่ที่เคยร่วมสถาบัน นี่เหรอพี่ชายของคนที่คอยเป็นห่วงเป็นใยเขาในตอนที่ไอ้พงษ์ไม่อยู่
พี่ไม้เอาแขนเขาพาดไหล่ตัวเองพยุงพาออกจากห้องนรกนั่น ทิ้งพี่ดีไว้ให้พนักงานม่านรูดจัดการต่อ
เขากลั้นใจรับความช่วยเหลือทั้งที่ไม่อยากสัมผัสใครในเวลานี้เลย
ถึงรถยนต์คันคุ้นตาที่สตาร์ทเครื่องรอหน้าห้อง แก้วพยักหน้าเชิงขอบคุณพี่ไม้ที่ช่วยส่งจนถึงเบาะก่อนจะขยับตัวนั่งชิดประตูเพราะยังรู้สึกปวดที่ตรงนั้น และไม่กล้ามองหน้าใคร แม้จะเหลือกันอยู่แค่นี้ก็ตาม
พี่ไม้ปิดประตูรถนั่งข้างๆกลับมาทำหน้าที่จับพิรุธเขาอย่างเคย
“มีผ้าเย็นในรถนี่โจ้” แล้วเอ่ยถามคนที่ทำหน้าที่ขับรถ
“อ้อ ครับ” โจ้มองผ่านกระจก รับคำ “พี่ฝิ่นหยิบให้หน่อย” แล้วเอ่ยบอกคนที่นั่งข้างๆอีกที
“จิ๊” จิ๊ปากรำคาญแต่ก็เอื้อมมือเปิดลิ้นชักรถหยิบซองผ้าเย็นออกมาส่งให้พี่ไม้สามอัน
“ไม่ค่อยเย็นแล้วว่ะ แต่ใช้ไปก่อนละกัน” เขาก็ว่าอย่างนั้น
แก้วก้มหน้ารับจากมือพี่ไม้แกะออกอย่างลนๆแล้วเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดแขนตัวเอง ถูที่เดิมซ้ำแล้วซ้ำอีกหมายให้สัมผัสจากพี่ดีออกไปจากตัวเขาให้หมด แต่รอยเล็บยังเหลือให้เห็น ทั้งแผลที่กัดปากตัวเองด้วยล่ะ
แต่แล้วก็อดชำเลืองมองคนที่นั่งเงียบอยู่ข้างคนขับไม่ได้ ถ้าไม่ได้พวกมัน เขาคงต้องเจ็บตัวและเจ็บใจมากกว่านี้เป็นแน่
แต่ตอนนี้รู้สึกเหมือนเหงื่อจะไหลอยู่ตลอดเวลาเพราะไอ้ที่ปวดตุบๆกลางลำตัวยังไม่มีแววว่าจะหายปวดเลย
...........................................
ที่ไปมาก่อนอีกแล้ว ที่มารอตอนหน้านะคะ รีบแล้วค่ะ แฮ่กๆ (ทำเป็น -*- )
แล้วจะหายข้องใจว่า ตอนนี้ไอ้ฝิ่นมาได้ไง (ฝิ่น: ก็กูเป็นพระเอก! คนเขียน: มึงหุบตรูดไปเลยแสรดดด )
ประเดี๋ยวโพสตอนที่ ๒๑(ตอนหน้า) เสร็จ จะตอบคอมเม้นท์นะคะ เพราะงั้นคนอ่านรบกวนกรุณาถามอะไรก็ได้คนเขียนทีเถอะ ฮ่าๆๆ เค้าอยากคุยง่ะ>w< ไม่ใช่! ในนี้คุยไม่ได้ ฮา...เอาเป็นว่ามึน งง ติดใจ ตรงไหน อยากรู้อะไร จะตอบในตอนหน้านะคะ^^ อยากรู้ไหมใครหล่อสุดในเรื่อง งี้ เพราะคนเขียนไม่เคยพรรณนารูปร่างหน้าตาตัวละครเลย (ประเด็นคือคืออยากถูกถามอะนะ เหอๆ)
คือจะรีวิววิธีเฉือนเด็กช่างด้วยไม่อยากคุยต่อท้ายเยอะเดี๋ยวเสียอรรถรสในการอ่าน (ที่แล้วมาคุยน๊อยย น้อย) คนอ่านที่เรียนโรงเรียนอาชีวะอยู่หรือเด็กเก่าน่าจะรู้บ้างแล้ว แต่จะเล่าให้ฟังเฉยๆประกอบการอ่านนิยายในตอนต่อๆไปค่ะ และเผื่อใครที่ไม่ชำนาญเอาไว้นำไปใช้ด้วยค่ะ แวร๊กก ไม่ใช่! (จริงๆไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่เลย โม้ไปงั้นแหละ)
ขอบคุณทุกคนอ่าน ขอบคุณทุกคอมเม้นท์เจ้า ^^ กอดๆ จุ๊บๆ
มีคอมเม้นภาษาเหนือโต้ย แปลว่าไร แปลให้ข้าเจ้าโตย คือ ข้าเจ้าบ่ฮู้เรื่อง ข้าเจ้าแอ๊บเหนือไปงั้นเอง T^T