อ้อมกอดเด็กช่าง ตอนที่ ๓๙
“พี่ดิว ผมจะเล่นไอ้เหี้ยฝิ่น” พงษ์กรอกเสียงเรียบๆใส่โทรศัพท์มือถือหลังกลับจากห้องของแก้ว
“ไอ้พงษ์?!” แต่พี่ดิวทักกลับมาด้วยน้ำเสียงดูแปลกใจ
“เออผมเอง ตกใจทำไมเนี่ย”
“เปล่า! เปล่า...ตกใจเหี้ยอะไรวะ มึงอยู่ไทยเหรอ? กลับมาเมื่อไหร่? กลับมาทำไม?” โว๊ะ อะไรของพี่ดิววะเนี่ยคนยิ่งมีเรื่องต้องคิดอยู่ แล้วโทรหานี่ก็อยากจะปรึกษา ไม่ได้โทรมารายงานสถานะความเป็นอยู่ให้ใครทราบนะเว้ย
“เฮ้ยพี่ เอาธุระผมก่อน ผมจะเล่นไอ้ฝิ่น พี่จะเอาด้วยไหม?” ต้องชิงพูดก่อนไม่งั้นเดียวไอ้พี่ดิวมันแย่งพูดอีก
“เมื่อไหร่?” เออ ถามถูกจังหวะละ
พงษ์คิดครู่นึงพลางนับนิ้วจัดตารางงานไปด้วยก่อนจะตอบ
“พรุ่งนี้ผมไม่ว่าง มะรืนนี้เลยละกัน”
“เออ ยังไงก็ได้ ว่าแต่มึงกลับมาทำไม” นั่น กลับมาเรื่องเดิมจนได้
“ธุระส่วนตัว แล้วพี่สบายดีรึเปล่า”
“อืม แล้วมึงจะกลับวันไหน”
“เออน่า ผมไม่ให้เดือดร้อนถึงพี่หรอก” จะป๊อดมากไปละ ตัวเขาเองยังไม่เห็นต้องสนใจอะไรเลย ...นอกจากความรู้สึกและความประพฤติที่อยากจะเก่งของไอ้ตัวเล็กคนเดียว
เรื่องมันผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไปสิวะ ที่เหลือตอนนี้คือเรื่องใหม่ที่ต้องจัดการต่างหาก
“กูไม่ได้ว่าอะไร” ไอ้พี่ดิวแถข้างๆคูๆกูโคตรเชื่อมึงเถอะครับ
“งั้นแค่นี้นะไว้ค่อยคุยกัน”
“เดี๋ยว”
“มีอะไร”
“เรื่องไอ้แก้ว”
“ผมไม่โทษพี่หรอก ผมรู้จักเพื่อนผมดี แค่นี้นะง่วงฉิบหาย” เขาพูดตัดบทพลางกดตัดสายพี่ดิว
รู้จักดีแต่ไม่นึกว่าจะบ้าระห่ำไปได้ขนาดนี้นี่หว่า นึกว่าพี่ดิวจะเอาอยู่ ที่ไหนได้ที่สุดไอ้แก้วมันก็ทำอะไรตามใจตัวเองอยู่ดี
ทั้งที่พาออกมาจากวังวนของการถูกทำร้ายร่างกาย ทำร้ายจิตใจแล้วแท้ๆ แต่เจ้าตัวดันวิ่งเข้าใส่โดยไม่นึกถึงผลที่จะได้รับเลย เมื่อไหร่จะเข็ดสักที ไอ้การเอาความคิดของตัวเองเป็นที่ตั้งเนี่ย ดื้อเงียบไม่มีใครเกิน แล้วทีนี้เขาจะพาแก้วหนีไปทางไหนดี ในเมื่อวันนี้ไอ้แก้วมันถลำลึกเกินกว่าที่เขาคิดไว้มาก
...เพราะกูคนเดียวแท้ๆ
เขารู้ว่าเขาตัดสินใจพลาดมากจนทำให้ไอ้แก้วต้องมาโดนหางเลขไปด้วย ทั้งที่มันเป็นคนรับอะไรไม่ค่อยได้ แต่ก็ยังพยายามยอมรับแม้แต่เรื่องเลวๆของเขา
แววตาแดงกล่ำคลอไปด้วยน้ำตาเป็นเวลาหลายชั่วโมง คงไม่เท่าความรู้สึกข้างในหัวใจของมึงใช่ไหม
เหตุผลบ้าบอที่เขายกมาบอกไอ้แก้วก็เพื่อปัดที่จะตอบ มันเป็นเพียงข้ออ้างน้อยนิดที่ทำให้เขาตัดสินใจชั่ววูบเท่านั้น ทว่าเขาทำลงไปเพราะต้องการให้มีเกราะป้องกันไอ้แก้วมันต่างหากเป็นสำคัญ แต่เรื่องราวกลับมักไม่เป็นอย่างที่ใจคิด แถมไอ้คู่อริก็ดันพาลกัดไม่ปล่อยตามที่ควรจะเป็น นี่ถ้าเขาอยู่อเมริกาจนเรียนจบ ไอ้แก้วไม่ต้องเคี้ยวหญ้าไปจนแก่ตายเลยเหรอ
แต่ช่างมันเถอะ คิดไปก็เท่านั้น วันนี้เขาอยู่ตรงนี้แล้ว เคยปกป้องคนที่เป็นทั้งน้องทั้งเพื่อนมายังไง วันนี้เขากลับมาทำหน้าที่สำคัญของเขาตามเดิมแล้ว ขนาดพ่อกับแม่เองยังขวางเขาไม่ได้ แล้วคนอื่นใหญ่โตมาจากไหน กะแค่ลูกเจ้าของร้านซ่อมรถกระจอกๆ กล้าทำให้คนของเขาเจ็บช้ำน้ำใจ จะเอาให้เปิดร้านไม่ได้อีกเลย คอยดู!
.
.
.
ก๊อก ก๊อก
“พงษ์ๆ พงษ์”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“พงษ์ๆๆๆ”
“ฮ๊าว อะไรแต่เช้าแก้ว” เขางัวเงียลุกนั่งบนเตียงพลางขยี้ตา
“พงษ์เปิดประตูเร็วๆ” หน้าห้องก็ยังทุบประตูรัวไม่เลิก พงษ์อ้าปากหาวอีกรอบก่อนจะเดินหลับตาไปเปิดประตูให้
“อะไร เป็นอะไร”
“ข้างล่างน่ะข้างล่าง” ไอ้แก้วลุกลี้ลุกลนบอก อะไรของมัน?ในขณะที่เขายังขยี้ขี้ตาอยู่
“ข้างล่าง?” พงษ์ขมวดคิ้วไม่เข้าใจว่าแก้วจะสื่ออะไรเลยเดินไปแหวกผ้าม่านสีขาวตรงหน้าต่างบานปลายเตียงเพื่อจะดูว่ามีอะไรนักหนาคนที่บอกอยากจะนอนทั้งวันถึงได้ตื่นมาทำหน้าบอกบุญไม่รับใส่กันตั้งแต่เช้า
“อย่าๆ!”
“ไม่เปิดแล้วจะรู้เรื่องไหม?” เขาปรามแก้วจึงเงียบไป หงอยกว่าเมื่อคืนอีกแฮะ สงสัยเวลาทำใจยังน้อยไป
เขาไม่อยากจะดุหรอกนะแต่เป็นผู้ชายจะมาทำอะไรเก้ๆกังๆได้ยังไง แล้วเรื่องร้องไห้เพราะผู้ชายทิ้งอีก แถมไอ้ผู้ชายคนนั้นมันก็เป็นศัตรู ไม่มีวันที่จะรักกันได้หรอก แล้วตอนนี้ไอ้ผู้ชายคนนั้นมันก็พาพวกมารออยู่ข้างล่างแล้วด้วย เขาไม่ห่วงหรอกกว่าตัวเองจะรอดไหม ยังไงเขาก็สู้แค่ตาย ห่วงก็แต่คนหงอยๆที่ยืนหลบอยู่หลังผ้าม่านนี่แหละ
“กลัวอะไร?” เขาจับศีรษะแก้วเบาๆ คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับตาแดงๆอีกรอบ เฮ้อ...
“...ไม่อยากเจอมัน”
“ก็ไม่ต้องเจอเดี๋ยวเคลียร์เอง” เขาบอกพลางมองลงไปข้างล่างเจอะเข้ากับสายตาของพวกนั้นมองขึ้นมาพอดี
...ให้เวลากูปรับตัวกับเมืองไทยสักวันสองวันหน่อยก็ไม่ได้
พงษ์รูดผ้าม่านปิดแล้วรุดเดินไปย่อเข่าก้มตัวหยิบเอาของออกมาจากใต้เตียงนอน
“เฮ้ย ไม่เอาๆวางเลย” ไอ้แก้วรีบเดินเข้ามาห้ามพลางยื้อแย่งของออกจากมือเขาจึงทำให้เขาต้องยกขึ้นสูงเหนือหัว
“ไม่เอาไปด้วยจะให้พวกมันรุมกูรึไง”
“ไม่เอาไม่ให้ใครรุม ไม่ให้ไปด้วย ไม่ไปนะพงษ์มึงไม่ต้องลงไปอยู่นี่แหละกูล็อกบ้านปิดหน้าต่างทุกบานแล้ว ไม่มีใครเข้ามาได้หรอก พวกนี้มันรอได้ไม่นานหรอกเชื่อกูสิ เชื่อกู” เวรกรรมเมื่อไหร่จะโตวะเนี่ย บ่นเรื่องเขาชอบเหลวไหลว่าเยอะแล้วนี่ยังจะง๊องแง๊งอีก
พงษ์จับมือแก้วที่เกาะแขนตัวเองออก
“แก้ว คนที่หนีคือคนขี้ขลาด มึงอยากให้กูเป็นไอ้ขี้ขลาดไปตลอดชีวิตรึไง” แค่เขาทิ้งให้มันเผชิญอยู่คนเดียวนานสองนานก็โคตรแย่แล้วนะ ไหนๆศัตรูมันก็มาหยามกันถึงหน้าบ้านแล้ว จะรออะไรอีก
“ไม่เห็นต้องสนใจเลย”
“ใช่ ไม่เห็นต้องสนใจเลย” งั้นต้องจัดไปอย่าให้เสีย
ไอ้แก้วกำลังทำตาใสดีใจเมื่อเขาพูดจบ แต่แล้วมันก็ต้องอึ้งไปเพราะเขาสบตามันครู่เดียวแล้วเดินออกจากมันในทันที
เขาไม่ห้ามถ้าไอ้แก้วจะรักใครชอบใคร ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชาย เขาไม่ห้าม
อาจจะรู้สึกขัดใจไปบ้างเวลามีคนมาเกาะแกะเจ้าตัวเล็กแต่ก็ไม่เคยเข้าไปวุ่นวายสักครั้ง
แต่กับไอ้ฝิ่น...
มันมีแต่ความแค้นที่รู้สึกให้เขาแล้วคนอย่างนี้จะมารักมาชอบไอ้แก้วได้ยังไง
และยิ่งได้ยินกับหูว่ามันหลอกใช้ไอ้แก้วด้วยแล้ว ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตามแต่นั่นแหละคือความจริง
ความจริงที่ทำให้เพื่อนรักของเขาคนนี้ต้องเสียน้ำตา
เขาเลี้ยงของเขามาโดยหลีกเลี่ยงไม่ให้ไอ้แก้วต้องเสียความรู้สึกในทุกๆเรื่อง
น้อยครั้งที่ไอ้แก้วจะเสียใจกับเรื่องที่เขาทำ แต่นั่นเขาก็รู้ว่าต้องทำยังไงให้มันไม่คิดมากไปกว่าสิ่งที่เป็น อย่างเช่นขัดคำสั่งของพ่อกับแม่เพื่อมาหามันในวันที่เขารู้ว่าแก้วกำลังน้อยใจในเรื่องที่เขาปกปิดไว้ แค่มาให้เห็นหน้าให้รู้ว่ายังมีกันเท่านั้นเขาก็รู้แล้วว่าแก้วต้องเข้าใจ
แต่ครั้งนี้นี่สิ มันเสียใจเพราะคนอื่นอีกแล้ว คนอื่นที่มันไม่ควรจะให้ค่าเลยด้วยซ้ำ
...ทิ้งไว้ไม่ได้ ต่อให้เป็นคนที่ไอ้แก้วให้ความสำคัญแค่ไหนแต่กลับคิดจะทำร้ายมัน ไอ้คนนั้นก็ไม่ควรจะได้เข้าใกล้ไอ้แก้วอีก
ผ่านตรงนี้ไปได้มึงจะต้องเข้มแข็งมากขึ้น... เพื่อที่มึงจะได้ไม่ต้องเจ็บอีก
ชีวิตที่เกิดมาโดนทิ้งแล้วโดนทิ้งเล่า จะเป็นประสบการณ์ให้มึงอย่างดีเชียวล่ะ
พงษ์ออกจากห้องทั้งในชุดนอนที่เพิ่งสวมใส่ได้ไม่กี่ชั่วโมง ด้วยอารมณ์หงุดหงิดที่ไม่ได้นอนด้วยแล้ว มันก็พร้อมมีเรื่องได้ง่ายๆ ไหนๆก็มารอกันขนาดนี้แล้วจะปล่อยให้แขกรอเก้อได้ยังไงล่ะ มันเสียมารยาทผู้ดีน่ะรู้ไหม พงษ์จึงยกมีดสปาต้าเล่มยาวพาดบ่าแล้วเดินอาดลงไปยังชั้นล่างด้วยความนึกคึกขึ้นมา
ออกกำลังกายแต่เช้าเขาไม่เกี่ยงอยู่แล้ว ถือว่าเป็นคณะต้อนรับการกลับบ้านของเขาเลยละกัน
ตามด้วยเสียงวิ่งลงบันไดมาติดๆ พงษ์หันกลับไปมองเจ้าตัวก็ชะงักกึกแต่ยืดตัวตรงไม่ให้มีพิรุธว่ากำลังตื่นตูมอยู่เลยสักนิด
“เป็นห่วงใคร พงษ์กับมัน แก้วเป็นห่วงใคร?”
“...ถาม อึก ถามอะไรอย่างนั้น” แววตาสั่นระริกแต่จ้องมองไม่ยอมหลบไปไหนเพื่อบ่งบอกถึงความมั่นใจในความคิดตัวเอง
แต่สายตาของมึงมันไม่มีความมั่นใจเลยรู้รึเปล่า
“รออยู่ตรงนี้นะ” เขาบอกก่อนจะหันหน้าออกจากบ้าน
พงษ์เปิดประตูออกไปหากลุ่มคนน่าจะสักสิบคนได้ซึ่งยืนรออยู่หน้ารั้วบ้าน เขาไม่ปล่อยให้แขกต้องรอนานรุดเดินตรงไปเปิดประตูรั้วในทันที
สปาต้าพาดบ่า เอ่ยปากถามแขกด้วยน้ำเสียงติดกวนเบื้องล่าง
“มาข่มขู่ถึงที่เลยเหรอวะ? อย่าคิดว่ากูจะกลัว ถ้ากูเป็นอะไรไปพวกมึงก็จะอยู่ไม่ได้เลยสักคน”
“ถุย คิดว่าใหญ่มากจากไหนวะ รวยกว่ามึงก็ตายมาแล้ว สำนึกซะบ้างก็ดีนะไอ้ลูกคนรวย” คนในสายมันสวนกลับ พวกปลาซิวปลาสร้อยเขาไม่รู้จักหรอก เว้นก็แต่ไอ้ฝิ่นกับไอ้ไม้ประธานสายเท่านั้นที่ยืนจังก้าเป็นยักษ์วัดโพธิ์กับวัดแจ้งข่มเขาด้วยสายตาอยู่เนี่ย
“เสียเวลานอนว่ะ จัดมาเลยดีกว่าอย่ามาพูดมากให้น้ำลายเปื้อนหน้าบ้านกูเลย” พงษ์ยืนแคะหูแล้วมองไปยังคนที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มด้วยสายตาเฉียบดุ พร้อมที่จะมีเรื่อง
แต่ก็กำลังจะไม่พร้อมเพราะไอ้คนที่มาเกาะแขนไว้นี่ล่ะ
“จิ๊ แก้ว!” เขากัดฟันดุมันเบาๆ
“ฝิ่น... เอ่อ พี่ไม้ ผมขอได้ไหมพี่ ให้พวกเราทำอะไรก็ได้แต่อย่าลงไม้ลงมือกันเลยนะ” โถ่ ไอ้เพื่อนรักจะไปขอร้องมันทำไมมึงมีอภิสิทธิ์อะไรขนาดนั้น อีกอย่างกูอยากลงไม้ลงมือกูไม่อยากทำอะไรก็ได้ ในเมื่อกูเลือกจะผิดกูก็พร้อมจะแก้ปัญหาแบบผิดๆนี่แหละ
“อยู่เฉยๆไม่ต้องพูด” เขาว่าแก้วอีกรอบแต่เจ้าตัวกลับถลึงตากลับมาพร้อมกับเอานิ้วจิกแขนเขาด้วย
ดีที่มันไม่ชอบไว้เล็บยาว แต่...
...ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาไอ้แก้วไม่เคยต่อต้านเขาแรงขนาดนี้เลยนะ
“แต่เพื่อนมึงแบกสปาต้ามาทักทายกันขนาดนี้ มึงยังคิดจะต่อรอง?” ไอ้ไม้พูด แต่สายตาไม่วางจากหน้าเขาเลย
เอาสิ จ้องมาเขาก็จ้องกลับ แค่นี้ถ้าต้องกลัวก็คงไม่เรียนหรอกโรงเรียนเด็กช่างน่ะ
“พงษ์...วางมีดก่อนเห็นไหมพี่ไม้ไม่มีอาวุธมาด้วยสักหน่อย พวกเขาคงมาคุยด้วยดีๆ” ...พงษ์หันข้างไปมองหน้าแก้วขวับ จากที่สะกิดแขนเขาอยู่ก็ถึงได้หยุดไป
“โอ๊ะ” ตายๆ ใครสั่งใครสอนให้มึงมองโลกในแง่ดีขนาดนั้น หรือไอ้การที่เขาบอกให้ไอ้แก้วคิดทำอะไรก็ได้ให้ตัวเองสบายใจทำให้มันคิดไปได้ขนาดนี้วะ เฮ้อออ...พงษ์ถอนหายใจเสียงดังพลางทำหน้าเหวี่ยงใส่แก้ว “ถ้าพวกมันฆ่ากู มึงยังจะไปพูดดีกับพวกมันไหม? มึงจะไปพูดว่าขอบคุณครับที่ฆ่าเพื่อนผมและยินดีมากๆที่เพื่อนผมตายมึงจะพูดอย่างนี้กับมันเหรอ? ห๊ะ”
“ตามสบาย ถ้าคิดว่าสปาต้าเล่มเดียวจะมาสู้ปืนสิบกระบอกได้ก็ลองดู” ไอ้เหี้ยฝิ่นพูดแถมชักปืนออกมาจากกระเป๋ากางเกงด้านหลัง พร้อมหันกระบอกปืนมาตรงหน้าเขา
พงษ์หันไปมองแก้วที่ไม่ได้สนใจมองตนเลย กะจะถามว่ามึงเห็นไหม?แต่คงไม่ต้องแล้วเพราะมันเองก็มองหน้าไอ้ฝิ่นตาไม่กระพริบอยู่เช่นกัน
“กูไม่ได้มาหาเรื่อง ชัดไหม?”
“แล้วพวกมึงจะมาทำไม” เขาถามไอ้ไม้กลับ มันจับแขนไอ้ฝิ่นให้เอาปืนลงแล้วตามด้วยเก็บปืนไปเหน็บกระเป๋าหลังตามเดิม
ถึงจะทำอย่างนั้นก็เถอะ จะให้เชื่อว่าแวะมาเยี่ยมเฉยๆเนี่ยนะ?
“กูอยากรู้ ทำไมมึงต้องทำมันขนาดนั้นด้วย”
“เรื่องมันก็ผ่านมาแล้วมึงจะอยากรู้ไปทำไม ก็แค่เพื่อนร่วมสถาบันตายมันไม่ได้ทำให้พวกมึงเรียนกันไม่จบนี่หว่า เอาไว้กูไปฆ่าลูกฆ่าเมียมึงตายเมื่อไหร่ แล้วค่อยมาตามสอบสวนกูละกัน”
“เหี้ย จะเอาให้ได้เลยใช่ไหม!” ไอ้ฝิ่นสบถแล้วเดินมาทางเขาแต่คนพวกนั้นดึงแขนมันไว้ก่อน
แล้วเขาล่ะ มาก็มาสิพงษ์ยกสปาต้าชี้ไปที่หน้าไอ้ฝิ่นกะว่าได้เรื่องแน่
แต่ต้องเอาไอ้ตัวที่เกาะเอวอยู่นี่ออกไปก่อนนะ
“พอได้แล้วพงษ์” มันไม่พูดเปล่าแต่ดึงยื้อจะเอามีดเล่มยาวออกจากมือเขาด้วย
“กูทำกูก็ยอมรับว่ากูทำ แถมมอบตัวกับตำรวจแล้วด้วย แล้วพวกมึงยังจะเอาอะไรอีก ห๊ะ?”
พงษ์บอกพวก๕x แต่มองไอ้แก้วที่เอามีดสปาต้าของเขาไปถือแล้วแทรกตัวมายืนข้างหน้าเขาแทนการยืนเกาะแขนอยู่ข้างๆ
“กูอยากฆ่ามึงมากแต่กูทำได้แค่ให้มึงไปไหว้กระดูกน้องกู”
“เหอะ”
“ตกลง! ไอ้พงษ์จะไปไหว้กระดูกรุ่นน้องของพี่”
“เฮ้ย!” เขายังไม่ได้ตกลง “แก้วมึงอยู่เฉยๆ เฮ้ย!” เขาปรามเพื่อนแต่ต้องอุทานเสียงดังเมื่อไอ้เหี้ยฝิ่นมันไม่พูดพร่ำทำเพลงแต่ดึงแขนไอ้แก้วพาเดินออกไปต่อหน้าต่อตาแถมเขาจะคว้าแขนเพื่อนจะเดินตามแต่ดันโดน๕xขวางทางไว้อีก
“เออๆไปไหว้ก็จบใช่ไหม กูตกลงตามนั้น” แต่ตอนนี้ขอทางให้กูออกจากบ้านก่อน เขาตอบตกลงส่งๆพลางชะเง้อคอมองตามหลังคนทั้งสองที่เดินตามกันไปอย่างไม่สนใจกลุ่มคนตรงนี้เลย
แถมไอ้แก้วก็เดินตามไอ้เหี้ยฝิ่นไปอย่างว่าง่าย ไม่ขัดขืนอะไรซะด้วย
..............................................
ตอนหน้า ๓๙.๒ ขอเวลาปั่นๆๆด้วยจ้า
อั๊ยยะ! หวัดดีครับผมเป็นอีกคนที่ชอบอ่านเรื่องของพี่นะครับ
แต่บอกเลยว่ารอพี่ลงใหม่ไม่ทันใจ
:serius2:อิอิ แล้วพี่มีแบบพิมพ์เป็นเล่นจำหน่ายไหมครับ อยากอ่าน และที่สำคัญอยากเก็บไว้ด้วยครับ 
...เอาไว้ให้พี่ลงจนจบเรื่องก่อนนะคะ ถึงตอนนั้นอาจจะไม่อยากได้หนังสือแล้วก็ได้ (กรี๊ดดด นะเนี่ยมีถามถึงเนี่ย ฮ่าๆๆ) แต่ก็คิดอยากจะทำเก็บไว้เหมือนกันค่ะ ด้วยความที่ลองเขียนแล้วรู้สึกว่า เอ๊ะ ทำไมเราใส่ใจในทุกประโยคของตัวละครขนาดนี้ แล้วทุกอย่างมันต้อง คิดๆๆ ซึ่งพี่เป็นคนขี้เกียจมาก พี่ก็นะ... อยากเก็บไว้ให้คนที่บ้านมันชื่นชมบ้างว่าเอ้อ ทำอะไรสำเร็จแล้วนะ ไม่ใช่สักแต่ว่าอยากๆๆทำไปครึ่งๆกลางๆแล้วก็เหลวทุกที รู้ตัวนะว่าเขียนไม่สมบูรณ์แบบ คือเห็นเลยว่าตัวเองผิดพลาดตรงไหนบ้างแต่เลือกจะเดินเรื่องมาอย่างนี้ตั้งแต่เริ่มเปลี่ยนแบบการเล่าเรื่องไม่ได้แล้วด้วย แต่กะว่าเขียนเสร็จจะกลับไปรีไรท์สักรอบอยู่เหมือนกัน ลองปริ้นมาอ่านเจอคำผิดคำตกใช่น้อยๆ ถ้าจะทำเป็นหนังสือ ไว้ให้พี่พอใจในผลงานตัวเองมากกว่านี้อีกสักนิด ให้พี่มั่นใจว่าจะมีคนซื้อโดยไม่เสียดายเงินไปกับมโนของพี่แล้วพี่จะบอกอีกทีเนอะ ขอบคุณนะคะ^^
อัพเดทอาการคนเขียนบ้าง...ตอนนี้น้ำมูกไม่มีแล้ว แต่หายใจไม่ค่อยออกง่ะ เหนื่อยง่ายกว่าแต่ก่อนด้วย ไว้ดูอาการกันอีกทีละกัน
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ขอบคุณทุกคนอ่านจ้า^^กอดๆจุ๊บ
ขอบคุณจริงๆมีหลายสิ่งอยากจะพูดให้ฟังแต่เดี๋ยวจะหาว่าเราเวิ่น(กว่าเดิม) ไว้ถ้ามีโอกาสเหมาะจะเล่าให้ฟังนะ รักคนอ่าน ซึ้ง Y^Y (อารมณ์ไหนของมันหว่า? ฮะๆ)
ปล.มัวแต่อัพนิยายเลยเวลากลับบ้านแล้ว แว๊กกกก