“พี่ไม่คิดว่าธามจะรอ ขอโทษจริงๆ”
วันนี้พี่กันต์จะเอาแต่พูดขอโทษผมหรือเปล่าผมก็ไม่แน่ใจ ทั้งๆที่เป็นวันเกิดผมแท้ๆ แต่ดูท่าทางพี่กันต์จะไม่สนใจที่จะพูดว่าสุขสันต์วันเกิดแล้ว พี่กันต์คงอยากจะขอโทษผมอย่างเดียว ผมไม่พอใจก็จริง แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่จะโกรธอะไรขนาดนั้น ผมน้อยใจไหม ผมก็รู้สึก แต่ผมพยายามบอกตัวเองให้เข้าใจ ให้ยอมรับว่ามันมีเหตุผลที่กลายเป็นแบบนี้ พี่กันต์ไม่ได้จงใจให้มันเกิด หรือไม่ใส่ใจผม แต่เป็นเพราะใส่ใจมากเกินไป ทั้งตัวผม ทั้งทุกอย่างที่มีหน้าที่พี่กันต์ต้องทำ มันเลยกลายเป็นแบบนี้
“ไปกันเหอะ จะพาธามไปเลี้ยงที่ไหน” ผมถามเพื่อให้หลุดพ้นบรรยากาศแห่งความสำนึกผิดนี้ไปสักที พี่กันต์นิ่งยกมือขึ้นกุมขมับ
“ขอโทษ พี่จองร้านเอาไว้ตอนสองทุ่ม” ผมก้มหน้ามองนาฬิกาแล้วก็ปลง พี่กันต์...
“งั้นก็หาร้านใหม่แล้วกัน เวลาแบบนี้ก็มีแต่ร้านเหล้าล่ะมั้ง” ถึงบรรยากาศมันจะไม่ตลก ผมเองก็ไม่อยากจะตลก แต่สีหน้าพี่กันต์มันทำให้ผมต้องพูดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ยิ้มเล็กๆชองพี่กันต์กระตุกขึ้นมาแล้วหายไป พี่กันต์ลุกขึ้นก่อน ผมหยิบแฟ้มงานมาช่วยถือก่อนที่พี่กันต์จะหยิบมันขึ้นมา ผมเดินข้างพี่กันต์ออกไปจากร้าน เราหยุดที่หน้าร้านพร้อมกัน พี่กันต์หันมามองหน้าผม
“ธาม...” จะพูดว่าขอโทษอีกหรือเปล่า
“ธามอยากกินซีฟู้ด” ผมพูดตัดพี่กันต์ก่อนที่จะมีคำขอโทษออกมาให้ผมอีก พี่กันต์ ธามอยากฟังคำอวยพรวันเกิด ต่อจากนี้มันคงมีเรื่องให้ขอโทษเยอะแยะ เก็บมันเอาไว้ก่อนได้ไหม...
“ที่ไหนล่ะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน ขับรถไปเรื่อยๆ ก็ได้มั้ง ธามขับเอง พี่กันต์เหนื่อยนั่งเหอะ”
“ธาม..”
“เอากุญแจรถมา วันเกิดธาม ตามใจธาม” ถึงทำหน้าไม่อยากจะให้แต่กุญแจของ z4ก็วางลงบนมือผม ทั้งที่งานเยอะ แทนที่จะใช้รถอีกคันกลับเอารถสปอร์ตออกมา คงตั้งใจขับคันนี้ออกมาเพราะเป็นวันเกิดผม...
บรรยากาศในรถเงียบกริบ ผมไม่เปิดเพลงพี่กันต์ก็ไม่คิดจะเอื้อมมือไปเปิด
“ได้นอนบ้างไหม” ผมถามพี่กันต์ เหลือบไปมองหน้าที่ดูจะโทรมกว่าปกติ สีของขอบตาที่เข้มกว่าผิวขาวๆนั้นเยอะ รวมกับผมที่ไม่ค่อยเป็นทรงก็พอจะบอกอะไรผมได้
“ก็สองสามชั่วโมง สบายดี ไม่ต้องเป็นห่วง เห็นโทรมแบบนี้แต่ก็ยังฟิตนะ” พี่กันต์คนเดิมเริ่มกลับมา อย่าโทษตัวเองเลยที่ทำให้ผมรอ อย่ารู้สึกผิดไปเลยที่อะไรๆ มันไม่เป็นไปตามแผน
“เหรอ ทำไมทำหน้าเหมือนจะหลับแล้ว”
“สบายไง แอร์เย็น เบาะนุ่ม มีคนขับรถให้นั่ง ทั้งๆที่ควรจะเป็นพี่เทคแคร์ธาม ดูธามทำดิ งี้พี่จะได้ทำอะไรให้ธามล่ะ” ผมยิ้ม บางวันพี่กันต์ก็ทำให้ผมมากซะจนมันเหมือนเป็นวันสำคัญอะไรสักอย่างทั้งๆที่ไม่ใช่
“ธามไม่ได้อยากให้พี่กันต์ทำอะไรให้สักหน่อย งีบไปก่อนก็เดี๋ยวถึงแล้วจะปลุก” หน้าพี่กันต์เหนื่อยจริงๆ จนถึงตอนนี้ที่ผมเคยอารมณ์เสีย อารมณ์แบบนั้นมันหายไปแล้ว เวลาในวันเกิดผมยังเหลืออีกอีกสองชั่วโมงกว่าและผมคิดว่าผมอาจจะได้ใช้เวลาจนวินาทีสุดท้ายของวันไปกับพี่กันต์ มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ
“จะพาไปไหน”
“ธามก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ความจริงแล้วผมมีที่ในใจไม่รู้ทำไมอยู่ๆถึงอยากไป ขับรถไปจากนี่ก็คงใช้เวลาไม่นานมาก ถนนเริ่มโล่งแล้ว
“ถ้าโกรธก็บอกกันตรงๆอย่าเอาพี่ไปโยนทิ้งที่เปลี่ยวๆนะ พี่ก็กลัวเป็น” คำพูดของพี่กันต์ทำให้ผมหัวเราะออกมา แค่นึกตามก็ขำแล้ว ปล่อยพี่กันต์ข้างทางมืดๆ ไม่มีรถผ่าน สุดยอดมนุษย์เก่งเป็นเลิศด้านวาทศิลป์เอาตัวรอดจะทำยังไงในสถานการณ์แบบนี้ คิดไปก็น่าลองนะ
“ใครจะไปกล้าโกรธพี่กันต์” อันที่จริงผมก็เคยมาแล้ว
“พูดแบบนี้ถ้าโกรธจริงก็จะไม่ง้อนะ” และผมคงเสียใจมากถ้าพี่กันต์จะไม่สนใจผมในเวลาที่ผมโกรธจริงๆ
“เหรอ ไม่ง้อธามเหรอ เอาแค่วันนี้พูดขอโทษไปกี่ครั้งรู้ตัวเองหรือเปล่าครับพี่กันต์” รถติดไฟแดงพอดี ดูจากเวลาที่นับถอยหลังก็ราวๆสามนาที ผมหันไปมองตาคนนั่งข้างๆ ยิ้มมุมปากของพี่กันต์ก็ยังทำให้ผมรู้สึกดีอยู่เหมือนเดิม
“ก็พี่ผิดจริงๆ ถ้ารู้ว่าจะประชุมยืดขนาดนี้พี่คงไม่ทำให้ธามเสียเวลาหรอก รู้สึกผิดจริงๆนะ อยากให้ทำอะไรให้อยากได้อะไรก็บอก”
“อย่างแรกก็นอนไปเลย ธามไม่เอาไปทิ้งหรอก ใครจะทิ้งลง”
พี่กันต์ขยับตัวดึงผมเข้ามาหา มือสองข้างที่เย็บเฉียบประคองหน้าผมเอาไว้ ปลายนิ้วเกลี่ยที่แก้ม ประกบริมฝีปากอุ่นๆลงไปอย่างนุ่มนวลและอ้อยอิ่งอยู่อย่างนั้นก่อนจะผละออก... ถ้านี่คือของขวัญวันเกิด ผมก็ประทับใจมากจริงๆ พี่กันต์ไม่ค่อยทำอะไรแบบปุปปับเหมือนเมื่อครู่ มันทำให้ผมคุมหัวใจตัวเองลำบากเพราะไม่ทันได้ตั้งตัวเลยจริงๆ ความรู้สึกยังอยู่ที่ริมฝีปากแม้อีกฝ่ายจะกลับไปนั่งนิ่งคาดเข็มขัดเป็นผู้โดนสารที่ดีเหมือนเดิมแล้ว
“หน้าแดงหมดแล้ว” พี่กันต์ล้อผม เอานิ้วมาเขี่ยแก้มผมเล่น ยิ่งทำให้ผมรู้สึกเขินยิ่งกว่าเดิม คันเหมือนมีอะไรมาไชที่หน้า ผมรู้ว่ามันไม่ใช่หรอก มันคือเลือดที่สูบฉีดมาที่หน้ามากเกินไปต่างหาก
“ไม่ต้องพูดเลย”
“พยายามจะไถ่โทษอยู่นะ”
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นแหละ ทำตามที่บอกก็พอ นอนไปเดี๋ยวจะให้ใช้แรง”
“เหรออออ” เสียงร่าเริงขึ้นมาเชียว ไอ้เรื่องแบบนี้ พอนอกเวลางานมันคงเต็มสมองนะผมว่า
ไม่ถึงห้านาทีผมหันไปมองพี่กันต์อีกที คนข้างๆก็ไปหลับจริงๆ คงเป็นเพราะพี่กันต์เหนื่อยมากนั่นแหละก็เลยหลับเร็วแบบนี้ ผมไม่รู้ว่าพี่กันต์ทำอะไรบ้างในวันนึง ทำงานแบบพี่กันต์เหนื่อยมากไหม เครียดแบบไหน เอาเข้าจริงๆ เราไม่ค่อยคุยเรื่องงานของแต่ละคนแบบจริงจังเลย อีกอย่างพอผมถามพี่กันต์ก็ตอบแบบสบายๆว่า รับมือไหว ไม่เยอะหรอก ไม่ก็ตอบอะไรกวนๆ สองแง่สองงามชวนคิดให้ผมนั่นแหละ ลมหายใจยาวๆ สม่ำเสมอเป็นจังหวะ ตาที่หลับพริ้ม แต่คิ้วขมวด ตลกดี ทั้งที่ตอนตื่นหน้ายิ้ม แต่ตอนหลับหน้าเครียด ผมมองไปสักพักคิ้วก็หายขมวดแล้ว ริมฝีปากกลับมียิ้มมุมปาก พี่กันต์หลับแบบไหน ทั้งยิ้งทั้งขมวดคิ้ว ฝันหรือไง ฝันอะไร มีผมอยู่ในนั้นไหม แล้วถ้ามี เป็นตอนไหน ผมอยู่ตอนที่พี่กันต์ขมวดคิ้ว หรือเป็นตอนที่พี่กันต์ยิ้ม
ผมรักเวลาที่เขาเป็นคนธรรมดาที่สุด
อยู่ๆประโยคนี้ก็ผุดขึ้นมาในสมองผม ผมอมยิ้มกับตัวเอง ใช่... ผมรักพี่กันต์แบบนี้ คนที่เหนื่อยเป็น คนที่เสียใจเป็น คนที่ผิดหวัง คนที่ทำพลาด คนที่โกรธ คนที่ชอบพูดเรื่องสองแง่สองงาม คนที่กินขนมถุงเดียวกันกับหมาสี่ตัว ผมรักมุมพวกนี้ของพี่กันต์ รักกว่าเวลาที่พี่กันต์ยิ้มรับกับทุกอย่างแม้ตัวเองจะเหนื่อย จะไม่ไหว รักแบบนี้มากกว่าตอนที่พี่กันต์แต่งตัวเนี้ยบในบทบาทผู้ชายที่เพอร์เฟ็คจนทุกคนต้องอิจฉา… สิ่งที่ทุกคนเห็นไม่น่าอิจฉาเท่าสิ่งที่ผมได้เห็น สิ่งที่เขาทำให้ผมเห็น มันดียิ่งกว่าความสมบูรณ์แบบที่เขามี
“ถึงไหนแล้ว” เหมือนจะตื่น สงสัยรู้ว่านินทาในใจ แต่ผมหันไปมองไม่ได้หรอก แซงรถบรรทุกบนถนน6เลนอยู่ ไม่อยากมีรักนิรันดร์แบบตายคู่
แล้วที่บอกว่ารักอีกแบบมากกว่า ก็เพราะว่าตอนพี่กันต์เป็นพี่กันต์ที่เพอร์เฟ้คมันมีความหมั่นไส้ร่วมเข้าด้วยล่ะมั้ง หมั่นไส้ที่ทำไมผมไม่เห็นจะเป็นได้แบบนั้นเลย เห้อ...
“ใกล้แล้ว”
“พามาที่ไหนอ่ะ ไหนอยากกินซีฟู้ด” พามาข่มขืนมั้งพี่กันต์ เดี๋ยวสักพักก่อนขอแซงรถปูนเสร็จจะขับลงข้างทางแล้วลากลงพงหญ้าไปเลย... ล้อเล่นน่ะ
“พามาฆ่า”
“งั้นอย่าลืมข่มขืนก่อนฆ่าล่ะ” ได้งีบหน่อยเดียวก็มีแรงพูดเลยนะ ออกโหมดสำนึกผิดแล้วล่ะซิ
“ไม่สำนึกผิดแล้วเหรอ”
“โอ้ยธาม... ให้ทำอะไรยอมหมดเลย” ผมยังหันไปมองไม่ได้จริงๆ เพราะกำลังเลี้ยวเข้าซอย แต่ขำกับเสียงยอมแพ้ของพี่กันต์จริงๆ พี่กันต์จะยังยอมตามใจผมเอาใจผมแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่กันผมก็อยากจะรู้ พี่กันต์มีวันหมดโปรโมชั่นไหม แต่ถ้าเลือกได้ ผมก็จะพยายามต่ออายุโปรโมชั่นนี้ไปอีกนานๆได้ไหม
“ยอมธามบ้างซิ” ผมลองอ้อนดู
“โอเค พี่นอนต่อก็ได้”
“ธามล้อเล่น” ผมยิ้ม ผมมีความสุข
ที่นอกกระจกรถเป็นหมู่บ้านจัดสรรชานเมืองยุคเมื่อสักยี่สิบกว่าปีที่แล้ว ผมมาที่นี่ครั้งล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ ที่มาก็เพราะมีบ้านในละแวกนี้ไฟไหม้ และผมก็รีบมาดูว่ามีอะไรเสียหายไหม ที่นี่คือบ้านของผมเอง บ้านที่เป็นหลังๆ มีสวนเล็กๆ มีประตู มีรั้ว บ้านที่ผมเกิดและโตมากับครอบครัวผมที่ตอนนี้ท่านทั้งสองเสียไปแล้ว
พี่กันต์นั่งตัวตรงมองซ้ายมองขวา คงสงสัยแต่ก็ไม่พูดอะไร มองบ้านสองชั้นขนาดกลางมีสนามหญ้าแห้งๆที่ขาดการดูแลตอนที่พ่อกับแม่ยังมีชีวิตอยู่ มันสวยมาก พ่อจะจัดการดูแลมันอย่างดี พอพ่อเสียไป แม่ก็พยายามทำให้มันเป้นสวนดอกไม้ แต่ตอนนี้ต้นไม้ใหญ่บังตัวบ้านจนแทบมองไม่เห็นด้านใน สวนหน้าบ้านไม่เหลือเค้าเดิมแม้เวลาผ่านมาไม่กี่ปี ไม่ว่าจะยังไงมองภายนอกก็บ้านหลังนี้ก็คือร้างขาดคนดูแล...
ผมจอดรถสปอร์ตคนหรูของพี่กันต์ ไม่ได้เข้ากับสถานที่เลยแม้แต่น้อย พี่กันต์หันมามองหน้าผม
“บ้านธามเอง” ผมตอบก่อนที่คำถามจะทันถามขึ้น พี่กันต์ร้องอ๋อแบบไม่มีเสียงแล้วก็เปิดประตูรถลงไป ผมเปิดประตูรั้ว เปิดยากนิดหน่อยเพราะน้ำมันที่ใช้หล่อล้อเลื่อนประตูแห้งไปหมดแล้ว พี่กันต์มองไปรอบๆ ไม่รู้ว่ากลัวหรือสนใจกันแน่ ผมไขประตูบ้าน แล้วเปิดไฟ แสงสีเหลืองนวลแสดงซึ่งสภาพภายในที่ไม่แย่อย่างที่เห็นภายนอก เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างถูกผ้าคลุมเอาไว้ พื้นไม้ปาร์เก้มีฝุ่นอยู่หนา ผนังบ้านยังคงมีรูปถ่ายครอบครัว ผมในวัยราวๆหกเจ็ดขวบยืนจูงมือแม่ที่นั่งเก้าอี้ ส่วนพ่อยืนอยู่ด้านหลัง... พี่กันต์คงได้ความกระจ่างแล้วมั้งว่าทำไมทั้งๆที่ฝั่งแม่ผมรูปร่างออกท่วมหมดแล้วทำไมผมถึงสูงผอมอยู่คนเดียว
พ่อผมหล่อมาก เหมือนดาราฮ่องกง เสียดายผมหล่อได้ไม่ถึงครึ่งของพ่อ
“ตอนเด็กๆแก้มออกจะเยอะเดี๋ยวนี้หายไปไหนหมดแล้ว” พี่กันต์ยืนมองรูปผมยิ้มๆ
“ไม่มีอะไรกินเลยอ่ะ พี่กันต์หิวป่ะเนี่ย” ผมลืมแวะซื้อของเข้ามา ตอนขับรถมานี่ผมลืมทุกอย่างแทบหมด รู้สึกอีกทีก็มาคิดว่าจะพาพี่กันต์มาพามาทำไมก็ไม่รู้ รู้แต่อยากที่จะมา ผมน่ะมีกาแฟเต็มท้อง แต่พี่กันต์ให้ผมเดาเลิกประชุมคงพุ่งออกมาหาผมเลยแบบไม่มีอะไรในท้อง
“ก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เที่ยง” พี่กันต์ตอบผมเหมือนไม่ค่อยหิวแต่เนื้อหาในประโยคน่าสงสารที่สุด และตอนนี้สี่ทุ่มครึ่งแล้ว... พี่กันต์ย่อยไส้ตัวเองไปหรือยัง
“โทษทีธามลืม” เห้อ... นี่มันวันขอโทษหรือวันเกิดผมกันแน่วะ
“งั้นพี่กันต์รอในบ้านแล้วเดี๋ยวธามไปเซเว่นข้างหน้าซื้อของกลับมา” ผมสรุปทางออก แต่พี่กันต์ส่ายหน้ารัว รู้แล้วล่ะคงไม่กล้าอยู่ ถึงจะอกว่าเป็นบ้านผม แต่บ้านนี้ไม่มีใครอยู่มาหลายปีแล้ว แล้วคนที่เคยอยู่ก็เสียไปแล้วสองคน ก็มีมุมปอดแหกกับเขาเหมือนกันนะพี่กันต์
“ออกไปด้วยกันแหละ”
พี่กันต์จับแขนผมพาเดินออกจากบ้าน กลัวก็บอกมาเหอะน่า ไม่ต้องทำเนียนมาจับเลย
แถวนี้เจริญขึ้นมากในระยะหลัง ตั้งแต่ผมย้ายออกไปอยู่คอนโด มีคนย้ายมาอยู่เยอะขึ้นกว่าเดิม ชุมชนคึกคัก บ้านบางหลังถูกรีโนเวทใหม่ให้ใหญ่ขึ้นทันสมัยขึ้น แต่พอตกกลางคืนก็เงียบสงัด ผมเคยวิ่งเล่นแถวนี้ประจำ มีเพื่อนบ้านที่รู้จักกัน มีเด็กที่เล่นเตะบอล แต่ไม่รู้ว่าเพื่อนเด็กๆพวกนั้นหายไปอยู่ไหนทำอะไรกันบ้างแล้ว ตอนนี้พี่กันต์ขับรถเองแถมยังจำทางที่เข้ามาได้โดยที่ไม่ต้องถามผมเลยสักคำ นี่ไงด้านอัจฉริยะของพี่กันต์ ถึงตอนนี้จะดูไร้สาระ บ้างาน บ้าหมา แต่ข้างในก็ยังเป็นยอดมนุษย์มันสมองเลิศเหมือนเดิมนั่นแหละ
ถึงร้านสะดวกซื้อร้านเพื่อนตายตั้งอยู่ทุกปากซอย เข้าไปในร้านต่างคนต่างเดินอ้อมร้านคนละทางแล้วมาเจอกันหน้าตู้ขายเหล้าแบบที่คาดเดาได้ พี่กันต์หยิบเบียร์กระป๋องยาวออกมาใส่ตะกร้า ผมเลยไม่คิดจะหยิบเหล้าออกมาให้มันผสมกันหรอกครับ
“หิวข้าวแต่มาหาเบียร์ก่อนนี่ยังไงอยู่นะพี่กันต์”
“สำคัญนะ เดี๋ยวข้าวติดคอ” พูดแล้วก็ขยิบตาให้ผมทีนึง จนผมอดยิ้มกลับคืนให้ไม่ได้ ผมเดินไปหยิบข้าวกล่องให้พนักงานไปอุ่นแล้วออกมารอพี่กันต์ที่หน้าร้านสูดลมหายใจลึกๆ อากาศสบายๆตอนกลางคืนเข้ามาเต็มปอด นาฬิกาที่ข้อมือผมบอกเวลาว่ากำลังจะห้าทุ่มแล้ว มองกลับเข้าไปในร้านก็เห็นพี่กันต์หยิบอะไรใส่ตะกร้ามาอีกก็ไม่รู้ น่ารักดี ผู้ชายตัวสูงๆ แต่งตัวแบรนด์เนมหัวจรดเท้าสภาพเยินนิดหน่อยแบบพึ่งเลิกงานยืนถือตะกร้าส้มๆต่อคิวจ่ายเงินในร้านเล็กๆ
...อยู่ๆก็อยากจะเดินเข้าไปบอกพี่กันต์ว่า “ขอบคุณ”
ขับรถกลับมาที่บ้านอีกครั้ง พี่กันต์ก็แทบจะกินข้าวเข้าไปทั้งกล่อง แล้วที่ผมเห็นว่าหยิบอะไรมาเพิ่มอีกก็มีขนมปังกับขนมอีก เชื่อแล้วว่าหิวจริง นั่งกินข้าวนอกระเบียงบ้าน ม้านั่งไม้ มองไปเห็นสวนรกๆ ผมคิดอะไรของผมวะที่พาพี่กันต์มาที่นี่ ไม่ได้สะสะดวกเลย ไกลอีกต่างหาก พี่กันต์จะคิดยังไง เซ็งไหมที่ผมพามาแทนที่จะไปกินอะไรอร่อยๆ บรรยากาศดีๆกัน ผมก็คิดไปเรื่อย หันไปอีกที พี่กันต์ก็กินข้าวหมดแล้ว
“ปวดฉี่ ห้องน้ำใช้ได้ไหมครับคุณเจ้าของบ้าน”
“ได้มั้ง ถ้าไม่ได้ก็ต้นไม้เลย สบายๆ” ผมลืมคิดเรื่องนี้ไปเลยนะ แต่คิดเอาเองว่ามันน่าจะใช้ได้ รู้สึกสงสารพี่กันต์เอาแบบจริงๆแล้วคราวนี้ ผมวางกล่องข้าวยกน้ำขึ้นดื่ม แต่อยู่ๆ ไฟระเบียงที่ให้ความสว่างก็ดับลง ผมหันไปทางประตูโดยอัตโนมัติ แต่แสงนวลสลัวกลับสว่างขึ้นแทนที่...
สิ่งที่ผมเห็นทำให้ผมยิ้มกว้าง
ผมรักพี่กันต์...
เค้กก้อนเล็กที่ผมดูก็รู้ว่าซื้อมาจากร้านเมื่อครู่ ปักด้วยเทียนอันเล็กๆ สามแท่งที่ซื้อมาจากร้านเดียวกันอีกนั่นแหละ พี่กันต์ถือเค้กเดินเข้ามาหาผม ยิ้มเริงร่าแบบหล่อโคตรๆในชุดทำงานแต่ถือเค้กหมีพูห์ ตลก แต่ผมกลับหัวเราะไม่ออก เพราะตอนนี้อารมณ์ผมมันเยอะเหลือเกิน แต่ทั้งหมดของอารมณ์นั้นมันเป็นความรู้สึกที่ทำให้ขอบตาผมเริ่มร้อนผ่าว...
ตอนที่ผมเด็กมาก ตอนที่ผมยังไม่รู้จักว่าพี่กันต์คือใคร ตอนที่ผมยังสูงไม่ถึงเอวตัวเองในตอนนี้ พ่อผมเคยทำงานแล้วกลับดึกจนร้านเค้กปิดหมด เมื่อพ่อกลับมาเห็นผมรอเป่าเค้กวันเกิด พ่อก็ออกไปซื้อเค้กก้อนเล็กๆแบบนี้จากในร้านสะดวกซื้อ ปักเทียนแบบนี้มาให้ผม เพียงแค่นี้ผมก็ดีใจมาก ไม่มีของขวัญวันเกิด มีแค่เค้กก้อนเล็กๆ ผม แม่ และพ่อร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ ในบ้านหลังนี้... เป่าเทียน แล้วขอพรว่าให้ผมสอบได้ที่1...
มันนานมาแล้ว นานมากจนความทรงจำมันเป็นภาพเบลอที่ไม่ชัดเจน
“happy birthday to you …happy birth day to you… happy birthday happy birthday ….to you”
เวลาผ่านมานับสิบปี ผมกลับมายืนที่บ้านหลังนี้อีกครั้ง ผู้ชายที่ผมรักมากที่สุดอีกคนทำแบบเดียวกันกับพ่อผมในวันเดียวกัน ผู้ชายที่ทำงานดึกจนไม่สามารถจะพาผมไปฉลองได้ เขาไม่ได้ลืม เขาแก้ตัวซื้อเค้กมาให้ ร้องเพลงวันเกิดให้ผม คนๆนี้ที่พูดว่าเขาจะเป็นทุกอย่างให้ผม และเขาเป็นได้จริงๆ ตอนเด็กผมไม่โกรธพ่อเลยที่ไม่ได้พาผมไปกินร้านอาหารดีๆ มีขอเล่นเท่ๆ หรือมีเค้กก้อนใหญ่ในปีนั้น เพราะแค่จำได้ผมก็ดีใจ และเช่นกัน ตอนนี้ผมไม่โกรธพี่กันต์เลยสักนิดที่ปล่อยให้ผมนั่งรอเกือบสามชั่วโมง เพราะแค่เขายังใช้เวลาตอนนี้อยู่กับผมจนหมดวัน ผมก็ดีใจแล้ว
“เป่าเทียนแล้วอธิษฐานเร็ว” พี่กันต์พูดยิ้มๆ ส่วนผมพูดอะไรไม่ออก รู้สึกอยากจะร้องไห้แบบบอกไม่ถูก... ไม่ใช่คนต่อมน้ำตาตื้นเลยแต่กับพี่กันต์ กับเหตุการณ์ และสถานที่ ทุกอย่างมันทำให้ผมคิดถึงครอบครัวที่จากไป มันเป็นความบังเอิญที่เหมือนกัน
“ขอให้มีแต่ความสุข”
ผมไม่เจาะจงที่จะอธิฐานให้ตัวเอง เพราะผมอยากให้คำอธิฐานนั้นกับคนตรงหน้าด้วย ผมเป่าเทียนดับลง รู้สึกถึงน้ำตาหนึ่งหยดที่ร่วงลงมาในความมืด ผมรีบกระพริบตาถี่ๆให้น้ำตานั้นหายไปก่อนที่พี่กันต์จะเดินไปเปิดไฟ เค้กถูกวางลง พี่กันต์วางของสิ่งใหม่ลงในมือผมแทน...
ไฟถูกเปิดขึ้นมา ในมือผมคือพวงกุญแจรูปหมาหน้าตาตลกๆ ในพวงมีกุญแจสองดอก
“ไม่รู้จะให้อะไร แหวนก็ให้ไปแล้ว อย่างอื่นธามก็มีหมดแล้วก็เลยให้ของที่ธามไม่มีดีกว่า มันไม่แพง ค่าปั๊มกุญแจสองดอกไม่ถึงร้อย แต่ของที่กุญแจไขเข้าไปได้น่ะ แพงนะ” ยังพูดติดตลกตามสไตล์ ผมกำพวงกุญแจแน่น รู้สึกดีจนไม่รู้จะพูดยังไง พี่กันต์โรแมนติกแบบที่ผมไม่คิดว่าจะเป็น คนอื่นจะดีใจเหมือนที่ผมรู้สึกไหม คิดเหมือนผมหรือเปล่าผมไม่รู้ แต่ผมรู้สึกดีมากจริงๆ
กุญแจบ้านพี่กันต์...
“ไม่กลัวโดนยกเค้าเหรอ” ผมไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมอง กลัวจะทำให้เห็นว่าตาผมยังแดงและมีน้ำตาคลอ
“รักแล้วก็ต้องเสี่ยงกันหน่อย” มือพี่กันต์เอื้อมมากุมมือผมเอาไว้
“ขอบคุณมาก”
ขอบคุณที่พยายาม ขอบคุณที่มั่นคง ขอบคุณที่ยังหวัง ขอบคุณที่อดทนกับความเจ็บปวด ขอบคุณที่กล้าเสี่ยงกับใจผม ขอบคุณที่มองว่าผมคือคนที่ดีที่สุดสำหรับพี่กันต์เสมอแม้ในความจริงมันอาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้นในสายตาคนอื่น
“ปีหน้าจะพยายามทำให้ดีกว่านี้ พี่รักธามนะ”
อ้อมแขนอุ่นๆที่ดึงผมไปกอดผมพร้อมกับประโยคว่ารักแบบเดิมๆ พังความพยายามผมที่พยายามกลั้นน้ำตาจนหมด พี่กันต์ลูบหัวผมแล้วถอนหายใจเหมือนทำอะไรไม่ถูก คงจะรู้สึกล่ะมั้งว่าน้ำตาผมกำลังซึมลงบนเสื้อ
“กอดพี่แล้วน้ำลายไหลเลยเหรอ ซึมเชียว” รู้แล้วว่าปลอบคนร้องไห้ไม่เป็น แพ้น้ำตา ทำอะไรไม่ถูก แต่ช่วยหามุขปลอบอะไรที่มันสร้างสรรค์กว่านี้ได้ไหม น้ำลายไหลเหรอ คิดได้นะพี่กันต์ ทำไมเรื่องโรแมนติกๆ พูดจาหวานๆทำได้แต่กับบทซึ้งปลอบคนร้องไห้แค่นี้ทำไม่เป็นผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน... หนึ่งในเรื่องที่พี่กันต์ทำไม่ได้
“ไม่รู้เหรอว่าคนอื่นเขาเรียกพี่กันต์ว่าหนุ่มแซ่บอ่ะ อยู่ใกล้ก็น้ำลายหกเป็นธรรมดา” เล่นมาผมก็เล่นกลับ ยิ้มแล้วหัวเราะแม้ว่าจะยังใช้ไหล่พี่กันต์แทนผ้าซับน้ำตา ตัวผมถูกโยกไปมาเหมือนเด็กๆ ถึงจะแปลกๆที่ผู้ชายตัวใหญ่สองคนยืนกอดกันแล้วเล่นเหมือนเด็กแบบนี้ มันกลับทำให้ผมรู้สึกมีความสุขมากโดยที่ไม่ต้องทำอะไรให้มันยุ่งยาก
“หยุดน้ำลายไหลยัง” ยังจะเล่นต่ออีกนะ
“หยุดแล้ว” แขนที่กันต์คลายออกแต่ก็ยังโอบตัวผมไว้หลวมๆ เสื้อเชิ้ตสีเข้มของพี่กันต์มีรอบน้ำตาผมซึมนิดๆ ก็ช่วยไม่ได้ อยากทำอะไรให้มันไปโดนต่อมซึ้งผมเอง
“หยุดแล้วก็มีของแถมให้”
“จะให้อะไรก็รีบให้ เดี๋ยวหมดวันเกิดธามซะก่อน”
“ของต่างประเทศ” หน้าพี่กันต์เจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันที สายตาพราวระยับที่เห็นบ่อยในช่วงนี้ ผมพอจะเดาออกแล้วล่ะว่ามันจะมาในรูปแบบไหน แต่ว่าอะไรที่มันต่างประเทศ
“อะไร”
“หลับตา” ผมหลับตาตามที่พี่กันต์บอก แล้วผมก็เข้าใจว่าอะไรที่มันต่างประเทศ... ก็นึกว่าจะให้อะไรแปลกๆอีก... ของแถมจากต่างประเทศที่ให้น่ะไม่นับว่าต่างประเทศได้ไหมเพราะมันเมดอินไทยแลนด์
‘French kiss made in Thailand by Kantapat , Limited edition Exclusive, for Dr.Tham only’
...29-1-2013
THE END
...
การเขียนตอนจบนั้นยากเสมอ เสมอที่สุด ยากขึ้นเมื่อเรื่องยิ่งยาว ยิ่งยาวยิ่งยาก ใช้เวลานานมาก คิดแล้วว่ามันอาจจะไม่ได้เป็นแบบที่ใครๆหลายๆคนหวังไว้ แต่อยากให้มันถือว่าเป็นมันที่อยู่บทสุดท้าย ยิ่งพูดยิ่งงง เออะ คนเขียนก็งงอยู่จริงๆนั่นแหละ แต่ด้วยการผลัดวันประกันพรุ่งที่ผลัดมานานมากๆ แล้วก็เลยคิดว่าไม่ควรจะผลัดต่อไป เพราะด้วยปัจจัยหลายๆอย่าง
ที่เขียนตอนจบอารมณ์แบบนี้ เพราะเราชอบโมเม้นแบบนี้ด้วยแหละ แบบ มึนๆ สีเทานิดๆ ไม่ฮาไม่หวานก็ขออภัยมา ณ ที่นี้
วันนี้ทอล์คอาจจะยาว เพราะถือว่าเราทิ้งท้ายละกัน
เรื่องนี้เกิดขึ้นมาเพราะปิดเทอมน้ำท่วม เราไม่มีอะไรทำ เราเลยลองกลับมาเขียนอะไรสนุกๆตามใจเราดู ไม่คิดว่าจะมีคนอ่านเยอะ คิดว่าพอเปิดเทอมก็คงจบและกลับไปใช้ชีวิตที่ไร้เวลาว่างต่อไป เราเขียนในสิ่งที่เราชอบ อยากอ่าน คิดว่ามันอาจจะไม่ใช่สไตล์ที่หลายๆคนชอบ แต่เราคิดผิด มีคนอ่านเยอะแยะเลย เราดีใจมาก เอาจริงตอนที่เราอัพช่วงแรงๆเราอัพทุกวันน่ะ แค่คอมเม้นขึ้นหน้า2เราก็ดีใจแล้ว มาจนถึงตอนนี้ เขียนมา70ตอน ใช้เวลาปีกว่า ดองบ้าง อัพถี่บ้าง แต่ก็ยังมีคนตามอ่าน มีคนแชร์ ดีใจมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เรียกได้ว่ามีความสุข บางทีดองๆนิยายเอาไว้ งานเยอะแต่ก็แอบแวะเข้ามาเปิดอ่านดูว่ามีคนทวงไหม ยังมีคนรออยู่หรือเปล่า
การเขียนเรื่องนี้เราเหมือนมีชีวิตอีด้านนะ ได้อะไรเยอะ เชื่อไหมว่าเรื่องนี้มีความยาวจนถึงตอนที่70 587หน้า a4 ด้วยฟ้อน14pt cordia new ยาวสัส เขียนเชี่ยไรเยอะแยะ 55555555555555
เบสของเรื่องนี้มันมาจากการที่เราเห็นผู้ชายหล่อๆ แบบเพอร์เฟ็คสุดๆเยอะแยะในชีวิต คุณสมบัติรูปหล่อพ่อรวย การงานดี เรียนเก่ง เอจริงๆเดี๋ยวนี้มีเยอะนะ เชื่อว่าทุกคนมีคนที่รู้จักหรือเพื่อนแบบนี้ แต่เบื้องหลังความเพอร์เฟ็คคืออะไร เขามีชีวิตแบบไหน จำเป็นไหมที่เขาไม่เคยอกหัก สาวตรึม หนุ่มตอม การที่เขารวย เก่ง เขาทำอะไร บ้างานไหม ก็เลยอยากได้พระเอกนิยายแบบนี้ แล้วก็หานายเอกแบบธามมาคู่ซะ หมอหมาเกรียนๆ พ่อแม่เสียมีปมสักหน่อยเด๊่ยวจะเวอร์ไปแต่ก็ไม่ได้มีชีวิตแบบดาวพระศุกร์ โปะเชะหลายมาเป็นนิยาย 5555555555555555555 ใส่โน่นนี่นั่นตามฟิล ก็ออกมาเป็นนิยายมั่วๆแบบนี้แล 5555555555 ส่วนพี่หมิงก็ตามมาไม่รู้เพราะอะไร ส่วนพี่นายเนี่ยไม่ได้อยู่ในหัวทีแรก แต่พอพิมไปพิมพ์มาก็มีการเอ่ยถึงก็เลย เห้ย เจ๋งวะคนนี้ ต้องมีๆ 555555555555
..ส่วนเจ๊แป้ง เอามาอยู่ในเรื่องเพราะคิดว่าการมีตัวละครหญิงในนิยายเกย์ มันจำเป้นไหมที่ผญ.คนนั้นต้องเป็นตัวร้าย
คือเยอะแยะที่อยากจะบอกเบื้องหลังของนิยายเรื่องนี้แต่คิดไม่ออกแล้ว
เออๆ เราไม่เคยพิมพ์นิยายตอนกลางวันสำเร็จเลย แม่งไม่รู้เป็นบ้าไร สงสัยแดดร้อน 555555555555555
ส่วนตอนพิเศษหมิงนายน่ะเราไม่รู้จะเอาไปยัดไว้ตรงไหนของบทนี้ ฟิลมันไม่ให้ เอาเป็นว่าเดี๋ยวมาแถมให้ละกัน
เอาล่ะมาถึงส่วนสำคัญ เรื่องรวมเล่ม 55555555555555555555555555555 เห้ย ต้องขายของอ่ะ เอาจริงๆ
www.facebook.com/pages/8yearsagog/148335205323335 ชื่อเพจ 8yearsago.g
เหมือนชื่อเมล 8yearsago.g(at)mail.com
คือเรื่องมันไม่ได้พิมพ์หรือเปิดให้จองในระยะนี้ เราจะอัพความเคลื่อนไหวอะไรในเพจแล้วกัน
เราไม่ได้พิมพ์เองนะ พิมพ์กับสนพ.แห่งหนึ่ง 555555555 เชื่อถือได้มากกว่าเรามากๆ
หลังจากนี้เราจะทำการรีไรท์และตอนพิเศษ... ก็อยู่ในเล่ม 5555555555555555555555555555555 คืออะไรที่อยากอ่าน มันก็จะอยู่ในเล่ม จริงๆ เขาบอกให้เราเขียนใส่ไว้ด้วย
ปล. ถึงเรื่องจะจบเราก็ยังรักนะ จุ้บๆ
ขอบคุณมากๆที่ติดตามอ่าน ขอบคุณณณณณณณณณณณณณณณณณณณณณณณณณณณณณ
ปล2. หมิงนาย เดี๋ยวมาเขียนต่อให้นะ จะพยายามรีบบบบบ
ปล3. คือจนถึงอัพตอนจบงานคนเขียนก็เยอะชิบหาย