]| เวลาที่เหลืออยู่ |[ :: ขอบฟ้าสั้นกว่าเข็มวินาที....... ปลายทางสุดท้ายของหัวใจ (จบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ]| เวลาที่เหลืออยู่ |[ :: ขอบฟ้าสั้นกว่าเข็มวินาที....... ปลายทางสุดท้ายของหัวใจ (จบ)  (อ่าน 190131 ครั้ง)

ninaprake

  • บุคคลทั่วไป
ต้นไม่อยู่ งั้นให้ทึ่มมาเขียนแฉต้นไปพลางๆก่อนดีป่ะ 555+ :mc4:

ขอให้เสร็จภารกิจอย่างไร้อุปสรรคนะคร้าบต้น

โชคดีๆทุกคน รออ่านตอนใหม่อยู่เน้อ

ออฟไลน์ Ex'ecuzě

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1016
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-1
พี่ชายยยยยยยย หายหัวเรยนะ  o12 o12 o12

กลับมา กทม. แร้วไม่ใช่รึง๊ายยยยยย  :m16: :m16: :m16:

เอามาลงเซ่ะ ถ้าไม่ลง ก้อส่งมาให้อ่านหลังไมค์ก้อด้ายยยยย

อย่างนี้ เด๋วว่างๆชวนพี่ทึ่มออกปายแรดกลางคืนหรอก   :m14:

ว่าแล้ว ก้อเด๋วชวนเรยดีก่ะ เชอะๆๆๆ

 :oni1: :oni1: :oni1: :oni1: :oni1:

ออฟไลน์ AidinEiEi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
ขอเป็นแฟนคลับของเมฆกับซันด้วยคนนะคะ
ตามอ่านมาตั้งแต่๓คแรกแล้วทำเอานำตาไหลไปหลายเชียว  o7
ขอชมว่าแต่งได้ดีมากๆเลยค่ะ  ภาษาที่เขียนก็ดีมากเลย
ผูกเรื่องได้ดีน่าติดตามด้วย
แต่ภาคนี้ใจร้ายจังอ่านแล้ว...... :sad2:
จะติดตามอ่านต่อไปนะคะ


ว่าแต่......หายไปนานแล้วนะเมื่อไหร่จะกลับมาต่อสักทีล่ะคะ o12
คนรอใจจะขาด คิดถึง เมฆ กับ ซันจังเลย  เฮ้อ.... :serius2:

น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป
มาเจาะไข่รีบน  ในฐานะที่เป็นแฟนคลับเมฆกับซันเหมือนกัน

รักเมฆกะซันจังเลย :o8:

เฮ้อ คิดถึงสองคนนั้นจัง เมื่อไหร่จะมา.... หือ น้องต้น  :angry2:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
หุหุ ข่าวดีเหมือนกัน คนอ่านจะลืมเรื่องนี้แล้ว  :a6: :a6: :a6: :a6:
คาดว่าคงต้องอ่านใหม่ทั้งหมด  :sad2: :sad2: :sad2:

ออฟไลน์ AidinEiEi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
วันนี้ก็มานั่งรอเมฆกับซันอย่างเงียบเหงา.... :sad2:
เมื่อไหร่กัน...ที่เค้าจะพาเมฆและซันกลับมา.......คิดถึง
กลับมาซะทีเซ่ o12



 :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
จะแย่แล้วน้าเพ่.... :angry2:

อาจารย์..สีฟ้า

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามาบอกว่าคิดถึงเจ้าของเรื่องแหละ

ปล.อยากจะรู้จริงๆ พชบ. มันมีอะไรดี ถึงไม่กลับสักที..ทำอะไรก็คิดถึงน้องทึ่มของพี่บ้างหนา




จุ๊ฟฟฟฟฟฟฟ  :m1: :m1: :m1:

KevinKung

  • บุคคลทั่วไป
นั่งชะเง้อรอคอย ๆ ๆ  :m15:

มาต่อเร็ว ๆ นะก๊าบบบบบ  o7

ninaprake

  • บุคคลทั่วไป
แง็วๆๆๆ เมื่อไหร่ต้นจะมาสักทีคร้าบ  :serius2:

อยากอ่านต่อแล้วอ่ะ  :m13:

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
กลับมาแล้ว กลับมาแล้วค้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!

ดีใจมากก ไม่ได้เล่นเน็ตมานานเท่าไหร่แล้วเนี่ย

ขอโทษนะคับที่หายหัวไปเลย พอดีไปสอนหนังสืออยู่ ตจว น่ะ ยุ่งมากมายยยย เหนื่อยโคดๆ

แต่ได้งาบเด็กมอปลายหวานกรอบมาคนนึงก้อคุ้มล่ะเนอะ เอิ๊กกกก (ฮา)

ตอนนี้คงมาต่อได้หน่อยนึง แต่ว่าหลังจากนี้พอกลับไปก้อคงไม่ได้มาต่ออีกสักพัก อย่างน้อยๆก้อคงจนกว่าที่นั่นจะติดเน็ต
(และแน่นอนว่าต้องมีเวลาเล่นด้วย T__T)

ยังไม่ได้อ่านรีของแต่ละคนเลยคับ มัวแต่ดีใจ
ยังไงก้อขอแปะก่อนและกันแล้วเดวจะมาอ่านหนา จุ๊บๆๆๆๆ คิดถึงทุกคนคับบ


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
ก้าวที่สามสู่ปลายทางสุดท้าย


เวลาตีหนึ่งสิบนาที ผมขับรถออกจากร้านอาหารกลับบ้านด้วยความรวดเร็ว และนอกจากนั้นผมก็ยังกดปุ่มปิดโทรศัพท์ทิ้งหนีจากทุกคนอีกครั้งด้วย

ทำไมผมถึงได้ทำแบบนั้นลงไปกันนะ........ ผมถามตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าขณะขับรถ มันเกิดจากเพราะความเมาอย่างนั้นเหรอ ไม่ใช่ ผมไม่เคยเมาถึงขนาดควบคุมความคิดและการกระทำของตัวเองไม่ได้มาก่อน และครั้งนี้ผมก็ไม่ได้เมาเลยด้วย ผมก็แค่รู้สึกตึงๆเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์นิดหน่อยเท่านั้นเอง หรือจะเป็นเพราะผมประชดไอ้ซันที่มันไปจูบไอ้แบ๊งค์ ก็คงไม่ใช่อีก ถึงภาพในตอนที่มันสองคนกำลังจูบกันจะฉายกลับเข้ามาในหัวของผมอีกครั้ง ในเสี้ยววินาทีก่อนที่ผมจะจูบลงบนริมฝีปากของนัทก็จริง แต่ผมก็ไม่ได้ทำลงไปเพียงเพราะเพื่อจะประชดคนที่มันไม่ได้เห็น ไม่ได้รับรู้ และไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เมื่อครู่เลยจริงๆ หรือจะเป็นเพราะผมเริ่มหวั่นไหวกับความรู้สึกเก่าๆที่ผมกับนัทเคยมีให้กัน ความห่วงใยที่ผมได้รับมาในช่วงเวลาที่รู้สึกอ่อนแอสุดๆ มันจะทำให้ผมเผลอใจไปอย่างนั้นน่ะหรือ........... ผมไม่รู้ ผมไม่รู้คำตอบ ผมไม่รู้เลยว่าผมทำแบบนั้นลงไปเพราะอะไร

และไม่ว่าจะมีข้อแก้ตัวใดๆ สิ่งที่ผมทำลงไปมันก็คือความผิดและความผิดพลาด ที่ไม่อาจหาสิ่งใดมาลบล้างได้อยู่ดี........

เมื่อผมกลับมาถึงที่หมู่บ้าน ยามคนนั้นก็กำลังหลับอยู่เหมือนทุกครั้งอีกแล้ว แต่คราวนี้เขาเปิดทางกั้นเข้าหมู่บ้านทิ้งเอาไว้เลย ผมจึงไม่จำเป็นต้องบีบแตรปลุกให้เขาตื่นมาเปิดรับผมเหมือนครั้งก่อนๆ ผมขับรถไปจอดอยู่หน้าบ้านและดับเครื่อง ก่อนจะเดินไปเปิดประตูรั้ว แต่ก็ต้องรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นว่ามันไม่ได้ถูกล็อคเอาไว้ เพราะว่าก่อนที่ผมจะออกมาผมลงกลอนและล็อคมันเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

ผมเดินเข้าไปในบ้านด้วยความสงสัยเล็กน้อย ก่อนที่ความสงสัยเหล่านั้นจะแปรเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่น เมื่อผมเห็นร่องรอยของประตูหน้าบ้านที่ถูกงัด

ผมรีบหยิบมือถือขึ้นมาแล้วเปิดเครื่องก่อนจะกดปุ่มโทรเข้าเบอร์มือถือของไคล์อย่างรวดเร็ว ในขณะที่รีบย่องไปทางประตูหลังบ้าน แต่ทว่าไคล์ก็ไม่ได้เปิดเครื่อง ผมจึงลองโทรเข้าเบอร์ของพ่อดู แต่ทว่าก็ไร้ผลเช่นกัน ผมสอดมือถือกลับลงไปในกระเป๋ากางเกง ก่อนที่จะได้ยินเสียงเหมือนอะไรหล่นหรือกระแทกดังมาจากในตัวบ้าน ตามมาด้วยเสียงร้องของผู้ชายมากกว่าหนึ่งคน ซึ่งผมจำหนึ่งในเสียงนั้นได้เป็นอย่างดี

“พ่อ!” ผมรีบไขกุญแจประตูหลังแล้วผลักเข้าไปอย่างรวดเร็ว ประตูนี้เป็นประตูเพียงหนึ่งเดียวที่จะออกมาจากตัวบ้านได้นอกจากประตูหน้าผ่านทางห้องครัว และผมก็ไม่รู้ด้วยว่าทำไมโจรคนนี้มันถึงไม่งัดประตูหลังเข้าไปแบบปกติมากกว่าเดินเข้าไปประตูหน้าไปตรงๆแบบนั้น และผมก็ไม่รู้ด้วยว่าตอนนี้ไอ้โจรคนนั้นมันจะเผ่นหนีออกไปทางประตูหน้าแล้วด้วยรึเปล่า แต่ผมรู้แต่เพียงว่า เมื่อผมได้ยินเสียงของพ่อดังขึ้นมาแบบนั้น ผมก็ต้องรีบเข้าไปดุเหตุการณ์ในบ้านอย่างเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้แล้ว

เมื่อผมผลักประตูเปิดเข้าไปในบ้าน ผมก็รีบพุ่งผ่านห้องครัวเข้าไปยังห้องกินข้าว และจากตรงนั้นเองที่ผมเผชิญหน้าเข้ากับผู้ชายสองคนที่สวมหมวกปิดหน้าตาเอาไว้เข้าพอดี

“ชิบหายแล้ว!” หนึ่งในสองคนนั้นพูดขึ้นพร้อมกับตั้งท่าจะวิ่งหนีออกไปทางหน้าบ้าน

“เฮ้ย ไปเร็ว!” คนที่อยู่ใกล้กับผมและสะพายกระเป๋าเป้สีดำร้องตะโกนขึ้น “มันกลับมาแล้ว!”

“เฮ้ย หยุดนะเว้ย!” ผมรีบกระโจนเข้าไปหาทั้งสองคนอย่างรวดเร็วก่อนที่มันจะทันพูดจบประโยคเสียอีก แต่ทว่าทันใดนั้นเองที่ผมได้ยินเสียงฝีเท้าจากบนชั้นสองของบ้าน ทำให้ผมต้องรู้สึกหนาวยะเยือกขึ้นมาเมื่อคิดว่า พวกมันอาจจะมีด้วยกันทั้งหมดสามคนหรือมากกว่านั้น แต่ผมมีเพียงคนเดียวแบบนี้คงแย่แน่ และที่สำคัญผมไม่รู้เลยว่าพวกมันมีอาวุธหรือเปล่าและมีฝีมือมากขนาดไหน ถ้าเป็นแค่โจรธรรมดาๆก็คงไม่น่ามีปัญหาอะไรมากนัก แต่ถ้ามันมีกันสามคนจริงและยังมีอาวุธอีกด้วยล่ะก็ พ่อกับไคล์ก็คง...........

“พ่อ! ไคล์!” ผมร้องขึ้นมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเสียงร้องเมื่อครู่ที่ผมได้ยินก่อนจะเข้าบ้านมาเป็นเสียงของพ่อ และเริ่มรู้สึกเป็นห่วงความปลอดภัยของทั้งสองคนขึ้นมาทันที

ในเสี้ยววินาทีขณะที่ผมกำลังลังเลและชะงักไปอยู่นั้น ผมก็ถูกไอ้คนที่อยู่ใกล้ผมมากที่สุดต่อยเข้าที่ใบหน้าอย่างแรงจนผมถึงกับทรุดลงไปนั่งคุกเข่า และเป็นจังหวะเดียวกับที่มันเตะซ้ำเข้ามาที่ท้องของผมด้วย

“อั้กก!!” ผมร้องออกมา

“เฮ้ย รีบไปเถอะน่า!” เพื่อนของมันร้องห้ามและเร่งให้รีบหนีกันไปไวๆ แต่ผมไม่ได้สนใจพวกมันอีกแล้ว ตอนนี้ในหัวของผมมีเพียงพ่อกับไคล์ที่ผมยังไม่เห็นตัวเท่านั้น

“แล้วไอ้หนึ่งล่ะ!” ไอ้คนที่เตะผมร้องถามเพื่อนของมัน

“ช่างมันเหอะน่า ได้ของแล้ว รีบไปก่อนเถอะ ไปรอที่รถ เดี๋ยวมันก็ตามไปเองแหละ!”

“กูเรียบร้อยแล้ว กำลังจะลงไป!” เสียงของคนอีกคนหนึ่งดังขึ้นมาจากทางชั้นสอง เป็นสิ่งยืนยันว่าพวกมันมีกันสามคนจริงๆ แต่ผมก็ไม่มีเวลาจะมาลังเลอีกต่อไปแล้ว........

ในจังหวะที่ไอ้คนที่เตะผมหันหลังกลับ ผมก็รีบลุกขึ้นและคว้าแขนของมันเอาไว้และออกแรงบิดกลับหลังอย่างเต็มแรงทันที ทำให้มันต้องกรีดร้องออกมาเสียงดังพร้อมกับทรุดลงไปนอนกุมหัวไหล่ที่หลุดออกจากข้อต่อเดิมของมันบนพื้น ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ผมได้ยินเสียงของคนเดินลงมาจากตรงบันได้อย่างเร่งรีบ แต่ผมก็ไม่มีแม้โอกาสที่จะหันกลับไปมอง เมื่อไอ้คนแรกมันก็พุ่งตัวเข้ามาหาผมด้วยอีกเหมือนกัน ผมจึงรีบหลบพร้อมกับเตะสวนกลับเข้าไปที่สีข้างของมัน ทำให้มันล้มลงไปนอนตัวงออยู่บนพื้น แต่ผมรู้ดีว่าแค่นี้มันคงยังไม่สิ้นฤทธิ์ ผมจึงเดินไปกระทืบลงบนหว่างขาของมันอย่างแรงส่งท้ายอีกครั้ง

“อ๊ากกกกกกก!!!” มันร้องออกมาอย่างเจ็บปวด พร้อมกับทำปากพะงาบๆสูดหายใจเข้าท้องอย่างติดขัด และในตอนนั้นเองที่ผมรู้สึกได้ถึงความเจ็บแสบที่แล่นแปล๊บไล่ขึ้นมาจากบริเวณแผ่นหลัง ผมรู้ได้ทันทีว่ามันคืออะไรโดยไม่ต้องหันกลับไปมอง ผมจึงรีบก้มตัวลงต่ำพร้อมกับกวาดขาไปทางด้านหลัง ทำให้ไอ้โจรคนที่สามล้มลง จากนั้นผมก็ลุกขึ้นแล้วเตะมันเข้าไปที่ท้องอย่างเต็มแรง

“ไอ้เหี้ยเอ๊ยย!!” ผมสบถหลังจากเตะมันที่กำลังนอนคู้ตัวอยู่บนพื้นแล้วซ้ำเข้าไปอีกครั้ง แล้วก็จัดการคว้าข้อเท้าของมันขึ้นมาล็อคและบิดอย่างรวดเร็ว ทำให้เสียงของกระดูกข้อเท้าที่แตกออกและลั่นดังเปรี๊ยะออกมาพร้อมกับเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด “ทีนี้ก็นอนนิ่งๆได้แล้ว!”

“ศิลา!” เสียงของไคล์ร้องเรียกผมมาจากบนชั้นสอง “ศิลา นั่นพี่ใช่มั๊ย รีบขึ้นมานี่เร็วเข้า!”

“ไคล์ ปลอดภัยใช่มั๊ย!” ผมตะโกนกลับขึ้นไป และเมื่อผมรู้ตัวอีกที ผมก็โดนมีดในมือของไอ้คนที่สามปาดเข้าที่หน้าแข้งของผมอีกครั้ง แต่โชคดีที่ผมกระโดดหลบทันมันจึงโดนแค่เฉียดๆเท่านั้น ผมเตะเข้าที่มือของมันทำให้มีดเล่มนั้นกระเด็นไปทางด้านหลังก่อนจะเตะซ้ำเสยเข้าที่หน้าของมัน ทำให้เลือดกำเดาไหลพุ่งออกมาเป็นสายพร้อมกับเลือดที่ไหลออกมาจนกบปาก “ไอ้สัตว์! ฤทธิ์มากนักนะมึง!” ผมจับแขนของมันบิดแล้วเหยียดออก และใช้ข้อศอกของตัวเองกดทับลงไปที่ข้อศอก

“อ๊ากกกกกกก!!”

“ไม่ต้องมาทำเป็นร้อง! แค่แขนหักแค่นี้ เทียบกับที่มึงกล้าบุกเข้ามาในบ้านกูได้เหรอ ไอ้สัตว์!” ผมยืนขึ้นและได้ยินเสียงกระแทกประตูดังขึ้นจากทางด้านหลัง พอผมหันกลับไปมองก็เห็นว่าไอ้คนที่โดนเตะไปตอนนั้นกำลังจะหนีออกจากบ้านไปแล้ว ตอนแรกผมก็คิดว่าจะวิ่งตามมันออกไป แต่เสียงเรียกของไคล์ก็ดึงให้สัมปชัญญะของผมกลับเข้ามาอีกครั้ง

“ศิลา! พี่ปลอดภัยดีรึเปล่า!”

“อย่าลงมานะไคล์!” ผมรีบร้องห้ามเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของไคล์ “เดี๋ยวพี่ขึ้นไปเอง!”

ผมหมุนตัวไปทางบันได แต่ก็เห็นความเคลื่อนไหวผิดปกติของไอ้คนแรกที่โดนผมดึงหัวไหล่หลุดได้จากทางหางตา มันใช้แขนข้างที่ยังดีอยู่ของมันล้วงเข้าไปในเสื้อทั้งๆที่กำลังนอนคู้ตัวอยู่ และเมื่อผมหันไปหามันก็เห็นมันล้วงปืนออกมาและกำลังยกขึ้นเล็งมาที่ผมแล้ว ผมจึงรีบพุ่งเข้าไปหามันแล้วเตะเข้าที่แขนของมันอย่างแรง ทำให้ปืนกระเด็นหลุดจากมือของมันไป

“ยังอุตส่าห์มีปืนซุกเอาไว้อีกนะ! แล้วจากนี้จะยังมีเหี้ยอะไรอีกมั๊ย!” ผมเตะซ้ำเข้าที่หัวไหล่ของมันข้างที่เพิ่งโดนผมดึงหลุดไป ก่อนจะหันไปหาอีกคนที่นอนร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวดอยู่ทางด้านหลัง “มึงก็ด้วย!!”

ผมรีบก้มลงค้นตัวพวกมันทั้งสองคนอย่างรวดเร็วเพื่อหาอาวุธและหลักฐานการยืนยันตัวของมัน แต่นอกจากมีดและปืนเมื่อกี๊แล้วผมก็ไม่พบอะไรอย่างอื่นที่น่าจะเป็นอันตรายอีกเลย นอกจากกระเป๋าสตางค์อีกหนึ่งใบเท่านั้น ผมจึงเก็บของทั้งหมดเอาไว้และตัดสินใจทิ้งพวกมันเอาไว้ข้างล่างแบบนี้ก่อน แล้วรีบพุ่งขึ้นไปชั้นสองเพื่อดูความปลอดภัยของพ่อกับไคล์อย่างรวดเร็ว

เมื่อขึ้นไปถึงชั้นบนผมก็เห็นห้องนอนของผมถูกเปิดไฟและประตูทิ้งเอาไว้ และยังเห็นด้วยหางตาอีกด้วยว่ามันถูกรื้อค้นจนเละเทะ แต่เสียงของไคล์นั้นดังมาจากทางห้องนอนของพ่อของผม ผมจึงรีบหมุนตัวไปยังห้องของพ่อที่เปิดไฟสว่างจ้าและมีสภาพถูกรื้อค้น หรืออาจจะเป็นร่องรอยของการต่อสู้ก็ไม่แน่ชัดด้วยนิดหน่อยเหมือนกัน

“พ่อ!” ผมรีบทรุดไปนั่งลงบนพื้นข้างๆไคล์ “นี่มันเกิดอะไรขึ้น!”

“ผมขอโทษ ศิลา ผมขอโทษ” ไคล์พร่ำคำว่าขอโทษออกมาด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด

ผมช้อนตัวพ่อขึ้นมากอดเอาไว้แล้วเขย่าตัวของพ่อเบาๆ เลือดสดๆที่กำลังไหลออกมาจากตรงมุมหน้าผากมันทำให้ผมใจหายวาบ และนอกจากนั้นก็ยังมีรอยถูกมีดปาดตรงบริเวณต้นแขนด้วย

“ผมขอโทษ ศิลา ผมขอโทษที่มาช่วยลุงไม่ทัน” ไคล์ที่มีท่าทางทำอะไรไม่ถูกมองหน้าผมด้วยสีหน้าเหมือนจะร้องไห้

“ช่างมันเถอะน่า แล้วเราล่ะเป็นอะไรรึเปล่า บาดเจ็บตรงไหนมั๊ย” ผมถอดเสื้อของตัวเองออกเพื่อจะเอามาซับเลือดของพ่อ

“ไม่ครับ ผมไม่เป็นอะไร เมื่อกี๊ผมจะเข้ามาช่วยลุงแล้ว แต่ว่าผมโดนพวกมันตีเข้าทางด้านหลังเลยสลบไปซะก่อน จนพอตื่นมาอีกทีก็..........” ไคล์ที่หน้าซีดอยู่แล้วยิ่งมีสีหน้าซีดเผือดเข้าไปใหญ่จนดูเหมือนเขาจะเป็นลมไปได้ทุกเมื่อแล้วในตอนนี้ “ศิลา........ นั่นมันเลือด! พี่บาดเจ็บนี่!”

ผมก้มลงมองตามสายตาของไคล์ก็เห็นว่าเสื้อสีขาวของตัวเองกำลังแดงฉานไปด้วยเลือด และในตอนนั้นเองที่ผมเริ่มรู้สึกถึงความเจ็บแสบที่เพิ่มมากขึ้นทางแผ่นหลัง และก็ได้ยินเสียงของประตูรั้วบ้านที่ถูกกระแทกด้วย นี่ก็แปลว่าพวกมันคงจะหนีไปกันหมดแล้วแน่ๆ

“แม่งเอ๊ยยย!” ผมสบถออกมาเบาๆก่อนที่จะหันกลับมามองหน้าของไคล์อีกครั้ง “พี่ไม่เป็นไรหรอก อย่าสนใจเลย” ถึงผมจะพูดแบบนั้น แต่ว่าความเจ็บปวดที่แผ่นหลังนั้นมันก็เริ่มจะส่งผลต่อร่างกายมากขึ้นเรื่อยๆ มือของผมเริ่มสั่นเทา และเหงื่อของผมก็เริ่มไหลออกมามากขึ้น นี่แปลว่าแผลในครั้งนี้คงจะลึกไม่เบาเลยเหมือนกัน “พี่จะพาพ่อไปโรงพยาบาลก่อน ไคล์อยู่ที่นี่ แจ้งตำรวจ เข้าใจมั๊ย” ผมใช้เสื้อของผมซับที่หน้าผากของพ่อเบาๆพร้อมกับพยายามเรียกชื่อพ่ออีกครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผล พ่อยังคงไม่ได้สติอยู่ดี ผมจึงอุ้มพ่อขึ้นในวงแขนแล้วลุกขึ้นยืน “อย่าเป็นอะไรไปนะครับพ่อ อดทนหน่อยนะครับ”

“ศิลา อย่าเพิ่ง!” ไคล์ร้องเรียกพร้อมกับลุกขึ้นยืน “เรียกรถพยาบาลกับตำรวจให้มาที่นี่ดีกว่ามั๊ย ผมไม่อยากอยู่คนเดียวน่ะ แถมที่สำคัญพี่บาดเจ็บขนาดนั้นจะขับรถไหวได้ยังไง”

ผมยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าแล้ววางพ่อกลับลงบนเตียง คิดดูอีกทีมันก็คงเป็นอย่างที่ไคล์พูด ผมจะทิ้งเขาเอาไว้ที่นี่คนเดียวก็คงไม่ดีเท่าไหร่ ไคล์เองก็ไม่ใช่ว่าจะสื่อสารภาษาไทยได้เต็มร้อย ยิ่งเป็นการพูดคุยกับตำรวจด้วยแล้ว แถมยังเรื่องบอกที่อยู่อีก และไคล์เองก็คงจะกำลังเสียขวัญมากอยู่อีกด้วย การทิ้งให้เขาอยู่คนเดียวหลังจากเพิ่งเกิดเรื่องแบบนี้คงไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่ แถมนอกจากนั้นผมเองก็ต้องยอมรับเลยว่าตอนนี้ผมก็กำลังรู้สึกเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆเลยทีเดียว เมื่ออะดรีนาลีนที่หลั่งออกมาท่วมท้นเมื่อครู่เริ่มจะจางหายไป ความเจ็บปวดก็เริ่มเข้ามาแทนที่อย่างห้ามไม่ได้ ดังนั้นผมจึงตัดสินใจทำอย่างที่ไคล์ว่าก็คือโทรไปแจ้งตำรวจด้วยตัวเอง........

อีกไม่กี่นาทีถัดมารถพยาบาลก็มาถึงพร้อมกับตำรวจหลายนาย พ่อถูกนำส่งโรงพยาบาลอย่างรวดเร็วทั้งๆที่ยังไม่ได้สติ ซึ่งมันก็ทำให้ผมเป็นห่วงมากเพราะพ่อก็แก่มากแล้ว และแถมการที่ไม่รู้สึกตัวมานานขนาดนี้ไม่ว่าผมจะเรียกสักเท่าไหร่ มันก็ทำให้ผมเป็นกังวลมากด้วยเหมือนกัน ส่วนผมก็ถูกปฐมพยาบาลพลางตอบคำถามของตำรวจไปด้วย ก่อนที่จะถูกพาไปส่งที่โรงพยาบาลอีกครั้งเพื่อเช็คอาการที่แน่นอน เพราะว่าบาดแผลครั้งนี้มันก็ค่อนข้างจะลึกมากจริงๆ

สรุปว่าห้องที่โดนรื้อค้นมากที่สุดก็เป็นห้องของผม เพราะว่าเป็นห้องๆเดียวที่ไม่มีใครอยู่ ส่วนเรื่องทั้งหมดเท่าที่ฟังดูจากที่ไคล์เล่าให้ผมฟังก่อนตำรวจจะมาก็คือ เขาได้ยินเสียงดังแปลกๆออกมาจากนอกห้อง ตอนแรกก็คิดว่าพ่อของผมจะลุกออกมากลางดึกเหมือนปกติหรือไม่ก็เป็นเสียงของผมที่กลับมาแล้ว เขาก็เลยไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก จนกระทั่งเขาได้ยินเสียงล้มดังตึง เขาจึงลุกออกจากห้องเพื่อเดินออกมาดู และก็รู้สึกแปลกใจที่เห็นประตูห้องนอนของผมกับพ่อเปิดแง้มเอาไว้ เขาก็เลยเดินเข้าไปดูจึงพบเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังกอดรัดกับพ่ออยู่ ไคล์จึงรีบกระโจนเข้าไปปลุกปล้ำกับเจ้าหมอนั่นเพื่อช่วยพ่อของผม แต่ยังไม่ทันไรก็ถูกอีกคนที่โผล่มาเมื่อไหร่ไม่รู้ทุบเข้าจางทางด้านหลังจนสลบไป และรู้สึกตัวขึ้นมาอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงของผมกำลังต่อสู้กับอีกสองคนดังมาจากทางชั้นล่างนั่นเอง และเขาก็ต้องตกใจมากเมื่อหันไปเห็นพ่อเอกที่ล้มหัวฟาดกับมุมโต๊ะจนเลือดอาบสลบอยู่ข้างๆตัวเขา

หลังจากความวุ่นวายทั้งหมดที่บ้านเริ่มซาลง ผมกับไคล์ก็มานั่งกันอยู่ที่โรงพยาบาลข้างๆเตียงของพ่อเอกที่กำลังหลับอยู่บนเตียง ตอนนี้ที่หัวของพ่อถูกพันด้วยผ้าพันแผลสะอาดๆเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งแผลบาดที่ต้นแขน และรวมถึงตัวของผมก็ด้วยเช่นกัน ผมหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาไอ้เอ็นและเล่าเรื่องทั้งหมดให้มันฟัง มันเองก็ตกใจมากและบอกว่าจะรีบมาหาผมที่โรงพยาบาลอย่างเร็วที่สุดเท่าที่มันจะทำได้ ส่วนคนถัดมาที่ผมโทรไปเล่าเรื่องของเมื่อคืนนี้ให้ฟังก็คือพี่วินนั่นเอง และเขาก็บังคับให้ผมเล่าทุกอย่างหฟังอย่างละเอียดที่สุดด้วย จนเมื่อผมเล่าจบ พี่วินก็พูดออกมาสั้นแต่เพียงว่า

“พี่จะไปถึงที่นั่นในอีกสิบห้านาที”

“ซันกำลังทำอะไรอยู่นะ..........” ไคล์พูดขึ้นหลังจากผมกดปุ่มวางสายและเดินมานั่งลงข้างๆเขา “ผมโทรไปยังไงเขาก็ไม่ยอมเปิดเครื่องเลยสักที”

“นั่นสินะ........” ผมตอบหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง “พี่ขอโทษนะไคล์ นี่ถ้าพี่อยู่บ้าน เรื่องมันก็คงไม่เป็นแบบนี้”

“อย่าโทษตัวเองสิ ศิลา ผมเองต่างหากที่ผิดที่ช่วยดูแลบ้านของพี่ไม่ได้เลย แถมยังปกป้องลุงไม่ได้เลยอีกด้วย”

“ไม่ต้องโทษตัวเองกันทั้งคู่นั่นแหละ” พ่อเอกพูดขึ้นเบาๆ ทำให้ผมกับไคล์ต่างก็รีบลุกขึ้นไปยืนอยู่ข้างๆเตียงของพ่อทันที

“พ่อตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ แล้วเป็นยังไงบ้าง ยังเจ็บอยู่มั๊ย” ผมถาม

“ไม่เป็นไรหรอก แต่ว่าพ่อขอน้ำหน่อยสิ”

ไคล์รีบรินน้ำลงแก้วแล้วใส่หลอดลงไปจากนั้นก็ยื่นมันให้แก่ผมทันที ผมค่อยๆประคองหัวของพ่อขึ้นเล็กน้อย แล้วเอาหลอดไปจ่อที่ปากให้พ่อดูดน้ำได้สะดวกๆ และเมื่อพ่อพอแล้ว ผมก็ยื่นแก้วน้ำให้ไคล์เอากลับไปวางไว้ที่โต๊ะเหมือนเดิม จากนั้นพ่อก็ดูมีท่าท่างเลื่อนลอยเล็กน้อยเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

“เมฆบาดเจ็บนี่ เป็นอะไรมากรึเปล่า” พ่อเอกถามผมจากนั้นก็หันไปหาไคล์ “แล้วเราล่ะ เป็นอะไรรึเปล่า ซันล่ะ ซันบาดเจ็บมั๊ย แล้วตกลงมันได้อะไรไปบ้าง...........”

นี่แปลว่าพ่อเองก็คงยังเบลอๆอยู่แน่ๆ “ผมไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ ได้แผลมาตอนสู้กับพวกมันนิดหน่อย ส่วนไคล์เองก็ไม่เป็นอะไร พ่อไม่ต้องกังวลนะครับ ส่วนไอ้ซัน..........”

“ตอนนั้นซันไม่ได้อยู่ที่บ้านครับ เขาปลอดภัยดี” ไคล์ตอบแทนผม

“งั้นเหรอ.........” พ่อเอกหลับตาลง

“ส่วนของที่มันได้ไปก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ของในเซฟทั้งหมดยังอยู่ดี ก็มีแค่สร้อยคอ นาฬิกา แล้วก็ของโชว์ ของที่เก็บอยู่ในลิ้นชักอะไรพวกนั้นนิดหน่อย โชคดีที่ศิลาเค้ากลับมาทัน ก็เลยไม่ได้โดนไปมากกว่านี้”

“ผมว่าพ่อพักผ่อนเถอะครับ อย่าเพิ่งสนใจเรื่องพวกนั้นเลย เดี๋ยวผมเรียกพยาบาลกับหมอมาดูอาการให้นะ”

“พ่อขอโทษทีนะ เมฆ.........” พ่อพูดขึ้นทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่

“พ่อจะขอโทษเรื่องอะไรกันครับ ผมสิต้องขอโทษที่ไม่ได้อยู่ดูแลปกป้องพ่ออย่างที่ผมควรจะทำ”

“แบบนี้น่ะดีแล้วล่ะ เพราะถ้าเมฆต้องเป็นอะไรไปล่ะก็ พ่อคงทำใจไม่ได้แน่ๆ”

“ไม่ดีครับพ่อ! เพราะพ่อต้องมาเป็นแบบนี้ผมก็ทำใจไม่ได้เหมือนกัน!” ผมตอบด้วยความรู้สึกคับแค้นใจ “เย็บตั้ง 4 เข็มนะครับพ่อ.......... และถ้าเกิดพ่อเป็นอะไรไปล่ะก็ ผมจะทำยังไง.........”

“แต่พ่อก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่นา มันก็แค่ได้เงินไปนิดหน่อยเท่านั้นเอง แบบนี้น่ะดีแล้วล่ะ ถือซะว่าฟาดเคราะห์นะ”

ผมกุมมือของพ่อแล้วส่ายหน้าเบาๆ นี่มันไม่ใช่โชคดี นี่มันไม่ใช่การฟาดเคราะห์ แต่มันเป็นความผิดพลาด! ความผิดพลาดของผมเอง!

หลังจากนั้นไม่นานพี่วินก็มาถึง เขารีบเข้ามาเยี่ยมพ่อเอกทันทีอย่างที่ผมคิดเอาไว้ พี่วินรักพ่อเอกของผมมาก และผมก็รู้เรื่องนี้ดีที่สุดเช่นกัน ดังนั้นตอนที่พี่วินกำลังคุยกับพ่อเอกอยู่นั้น ผมกับไคล์จึงเดินออกมาจากห้องเพื่อให้เวลาส่วนตัวกับทั้งสองคน เราสองคนมานั่งคุยกันอยู่ที่ล็อบบี้ของโรงพยาบาลทั้งๆที่ผมพันผ้าพันแผลอยู่ทั้งตัว แต่ว่าผมไม่อยากนอนอยู่บนเตียง และผมก็ไม่อยากจะนั่งอยู่เฉยๆด้วย ถึงแม้หมอกับพยาบาลจะไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่นักก็ตามที

และอีกไม่ถึงสิบนาทีที่ผมกับไคล์นั่งคุยกันอยู่ ผมก็เห็นไอ้เอ็นเดินเข้ามาในโรงพยาบาลพร้อมกับคนอีกคนหนึ่ง....... คนที่ผมไม่คิดว่าผมจะอยากเจอหน้ามันในตอนนี้เลยแม้แต่นิดเดียว

“ไอ้เมฆ! เป็นไงมั่งวะ พ่อมึงเป็นไงมั่ง แล้วไคล์ล่ะ เป็นอะไรรึเปล่า โดนเอาไปเยอะเปล่าวะ ตอนนี้จัดการเรียบร้อยแล้วรึยัง” ไอ้เอ็นเดินตรงเข้ามายิงคำถามใส่ผมทันทีที่เห็นผม “เฮ้ย มึงเจ็บหนักเลยนี่หว่า ไหวเปล่าวะ”

“โทษทีว่ะเอ็น เรื่องคดีน่ะ กูยังไม่ค่อยอยากคุยเท่าไหร่เลย กับตำรวจกูก็พูดไปหลายรอบแล้ว เหนื่อยมากๆเลยว่ะ แต่ถ้าถามอาการพ่อกูล่ะก็ ตอนนี้เค้าก็ดีขึ้นเรื่อยๆแล้ว ส่วนไคล์ก็โอเคดี ปกติดีทุกอย่าง หมอบอกคงเจ็บไปอีกสองสามวัน แต่นอกนั้นก็ไม่มีอะไร” ผมตอบโดยพยายามไม่มองหน้าไอ้ซัน จึงไม่รู้ว่ามันเองก็กำลังมองผมอยู่รึเปล่า “ส่วนกูโดนฟันที่หลังไปหน่อยนึง แผลยาวประมาณคืบกว่าๆได้มั๊ง ไม่เป็นไรมากหรอก”

“มึงแน่ใจนะว่าไม่เป็นอะไร ทำไมมึงไม่นอนพักผ่อนให้มันดีๆ แล้วทำไมมึงไม่บอกกูตั้งแต่ในโทรศัพท์ว่ามึงโดนเยอะขนาดนี้” ไอ้เอ็นแสดงท่าทีไม่ค่อยพอใจ “ไอ้เหี้ยเอ๊ยยย กูต้องรู้ให้ได้ว่าไอ้พวกเหี้ยนั่นเป็นใคร กูจะต้องคุยกับคนที่ดูแลเรื่องนี้ให้ได้เลย”

“เออ เรื่องนั้นน่ะช่างมันก่อนเถอะ ไม่มีใครบาดเจ็บร้ายแรงอะไรก็ดีถมไปแล้ว กูผิดเองที่น่าจะอยู่บ้าน ไม่งั้นเรื่องมันก็คงไม่เป็นแบบนี้ แต่จะว่าไปของที่โดนขโมยไปมันก็ไม่ได้มีอะไรนักหนาน่ะนะ ก็ถือว่ายิ่งโชคดีเข้าไปใหญ่”

“นี่มึงจะมองโลกแง่ดีไปถึงไหน ไอ้เมฆ โดนโจรขึ้นบ้านมันก็โชคร้ายแล้ว แถมนี่ยังโดนทำร้าย พ่อนอนโรงบาล มึงโดนฟัน แล้วยังโดนขโมยของไปอีก มึงยังใจเย็นอยู่ได้ยังไงเนี่ย”

“ก็กูไม่ได้สนใจเรื่องอื่นนอกจากความปลอดภัยของคนที่กูรักนี่หว่า” ผมถอนหายใจ “เพราะงั้นเรื่องที่กูเสียใจที่สุดก็คือการที่พ่อกับไคล์ต้องมาบาดเจ็บแบบนี้เท่านั้นเอง”

“ไคล์บาดเจ็บด้วยเหรอ” ไอ้ซันถามขึ้น

“ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงผมหรอก” ไคล์รีบแย้ง “ศิลาต่างหากที่เจ็บหนัก แต่ก็ดื้อไม่ยอมนอนเตียงดีๆ”

“ว่าแต่ตอนนี้พ่อมึงหลับอยู่รึเปล่า” ไอ้เอ็นถาม

“เพิ่งตื่นน่ะ คงกำลังคุยอยู่กับพี่วิน แต่ก็ไม่รู้หลับไปอีกครั้งแล้วรึยังนะ มึงจะขึ้นไปเลยมั๊ยล่ะ”

“เออ เอางั้นก็ได้ เพราะเดี๋ยวกูจะเข้าไปที่โรงพักอีก” ไอ้เอ็นพยักหน้า ผมกับไคล์จึงลุกขึ้นยืน และจนถึงตอนนี้ไอ้ซันก็ยังไม่ได้ปริปากพูดอะไรกับผมออกมาเลยสักคำ แต่จะว่าไปผมเองก็ไม่ได้อยากได้ยินคำพูดใดๆออกจากปากของมันอยู่แล้วด้วยเหมือนกัน

แต่ทว่าทำไมผมถึงรู้สึกเจ็บแปลบในอกมากกว่าเจ็บที่แผลกลางหลังนี่อีกนะ และทำไม.......... ทำไมผมถึงต้องรู้สึกเหมือนกับว่าน้ำตามันกำลังจะไหลออกมาแบบนี้ด้วย...........

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
แถมอีกตอน (ตอนสุดท้ายในสต๊อกแย้ว T__T ยังไม่มีเวลาแต่งต่อเยยย)

ก้าวที่สี่สู่ปลายทางสุดท้าย


ระหว่างที่เราสี่คนเดินไปที่ลิฟต์เพื่อกลับไปหาพ่อเอก ไม่รู้ว่าเพราะความบังเอิญหรือตั้งใจ แต่ไอ้เอ็นกลับเดินนำหน้าและคุยกับไคล์ ทำให้ผมต้องเดินล้าหลังอยู่กับไอ้ซัน และจนถึงตอนนี้เราสองคนก็ยังไม่ได้มองหน้าไม่ได้สบตากันเลยแม้แต่ครั้งเดียว

เราสองคนเดินเคียงกันแบบห่างๆไปจนกระทั่งถึงหน้าลิฟต์ และเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก รวมทั้งเมื่อทั้งไคล์และเอ็นเดินเข้าไปอยู่ในตัวลิฟต์แล้ว ในที่สุดมันถึงได้พูดขึ้น

“เอ็น ไคล์ เดี๋ยวพี่ตามขึ้นไปนะ” มันพูดพร้อมกับหยุดยืนขวางอยู่หน้าลิฟต์ ทำให้ผมไม่สามารถเดินเข้าไปข้างในได้ด้วย

“อ้าว มึงจะไปไหนวะ” ไอ้เอ็นถาม

ไอ้ซันไม่ตอบ แต่หันกลับมาสบตากับผมในขณะที่ประตูลิฟต์กำลงจะปิดลง

“เดี๋ยว ไอ้เอ็นรอกูด้วย” ผมพูดพลางเดินเบี่ยงมันไปจะขวางประตูลิฟต์เอาไว้ แต่ก็ถูกไอ้ซันยื่นมือมากั้นเอาไว้อีก

“เดี๋ยว”

และแล้วประตูลิฟต์ก็ปิดลงไปพร้อมด้วยสีหน้าเป็นกังวลทั้งของไอ้เอ็นและของไคล์

“มึงมีอะไร” ผมถาม

ไอ้ซันไม่ตอบ แต่กลับดึงตัวผมเข้าไปกอดตรงนั้นเลย มันไม่ได้กอดแบบแนบแน่นมากนักเพราะแผลที่หลังของผม แต่ก็ไม่ใช่กอดหลวมๆที่ผมจะดิ้นหลุดง่ายๆได้ด้วยเช่นกัน คนหลายคนมองมาที่เราสองคน แต่มันก็ไม่สนใจ หากแต่เป็นผมเองต่างหากที่รู้สึกอายและลำบากใจอย่างบอกไม่ถูก ผมจึงพยายามดันตัวเองออก แต่ว่าอาการเจ็บแผลที่กลางหลังมันก็ทำให้ผมไม่มีแรงพอที่จะขืนมันได้ ผมจึงปล่อยให้มันกอดผมอยู่อย่างนั้นจนกว่ามันจะพอใจ

แต่ในหัวใจของผมมันกำลังร่ำไห้..........

“กูขอโทษนะเมฆ กูขอโทษจริงๆ........” ไอ้ซันพูดขึ้น จากนั้นมันก็ดันตัวผมออกเบาๆ ผมเพิ่งจะได้เห็นหน้ามันชัดๆเป็นครั้งแรก ขอบตาของมันดำคล้ำมากเลยทีเดียว แถมหนวดและเคราก็ยังไม่ได้โกน นอกจากนั้นมันยังดูเหนื่อยล้ามากเลยด้วย แต่ว่ามันก็คงจะไม่ต่างกับผมในตอนนี้เท่าไหร่นักหรอก

“มึงจะขอโทษกูเรื่องอะไร มึงไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องโจรขึ้นอยู่แล้วนี่”

“กู.........” ไอ้ซันมีสีหน้าลำบากใจขึ้นมาทันที

“กูเองต่างหากที่ผิด นี่ถ้ากูอยู่บ้าน พ่อกับไคล์ก็คงไม่ต้องบาดเจ็บแบบนี้ กูไม่ได้จะบอกว่ากูจะจัดการพวกแม่งสามคนได้อยู่หมัดคนเดียวหรอก แต่อย่างน้อยๆ มันก็คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นแน่นอน”

“แต่มึงบาดเจ็บ ไคล์บาดเจ็บ พ่อเล็กบาดเจ็บ ทั้งหมดมันเกิดมาจากการที่กู...... กู.......”

“มึงอย่าเสียใจกับการตัดสินใจของตัวเองเลย ซัน” ผมชิงพูดขึ้นมาก่อน “มึงไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้หรอก อย่าคิดมากเลย” ผมตอบ พร้อมกับเดินเลี่ยงมันไปกดปุ่มที่ลิฟต์ และระหว่างที่เราสองคนอยู่ในลิฟต์ ก็ไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไรกันออกมาอีกเลย

เมื่อผมกับไอ้ซันเดินเข้ามาในห้องแล้ว เราก็เห็นไคล์กับไอ้เอ็นกำลังนั่งคุยกับพ่ออยู่ แต่ไม่มีวี่แววของพี่วินเลย

“อ้าว พี่วินล่ะครับ” ผมถาม

“กลับไปแล้วน่ะ เห็นบอกว่ามีธุระจะต้องไปจัดการ......... ไง ซัน กลับมาแล้วเหรอลูก”

ไอ้ซันเดินตรงเข้าไปที่เตียง เอ็นจึงถอยออกมายืนข้างๆผมที่ริมห้อง “ผมขอโทษนะครับ พ่อ...........”

“ขอโทษเรื่องอะไรกันล่ะ พอกันเลยนะ สองคนนี้นี่........”

เมื่อพ่อพูดจบก็เกิดความเงียบขึ้นในห้องอีกครั้ง จนในที่สุดไอ้เอ็นก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้น “งั้นผมขอตัวกลับก่อนแล้วกันนะครับ คุณลุง เดี๋ยวต้องไปจัดการธุระอีก แล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมจะช่วยดูแลเรื่องนี้ให้อย่างดีที่สุดเท่าที่ผมทำได้เลย”

“ขอบใจมากนะ แต่ก็ไม่ต้องคิดมากอะไรไปนักล่ะ อะไรที่แล้วไปแล้วก็แล้วไปเถอะ”

“ไม่ได้หรอกครับ คนชั่วมันก็ต้องถูกจับมาลงโทษ เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว” ไอ้เอ็นยืนกราน “ถ้างั้น ผมขอตัวกลับเลยนะครับ กูกลับก่อนนะ เมฆ ซัน พี่กลับก่อนนะ ไคล์”

“งั้นเดี๋ยวผมเดินไปส่งครับ” ไคล์พูดขึ้น

“กูไปด้วย เอ็น กูมีเรื่องอยากคุยกับมึงนิดหน่อยพอดี” ผมพูดและสบตากับพ่อครู่หนึ่ง จึงเห็นพ่อพยักหน้าให้แก่ผมพร้อมด้วยรอยยิ้มจางๆ ส่วนไอ้ซันนั้นก็ยังคงยืนหันหลังให้แก่พวกเราเหมือนเดิมอยู่ดี

“มึงมีอะไรวะ” ไอ้เอ็นพูดขึ้นหลังจากที่เราเดินออกมาจากห้องแล้ว

“ไม่มีอะไรหรอก กูก็แค่หาเรื่องให้พ่อกูได้คุยกับไอ้ซันสองคนเท่านั้นเอง”

“มึงแน่ใจนะว่ามึงไม่อยากถามอะไรกูเลย ทั้งเรื่องไอ้ซัน เรื่องตุ๊กตาหรืออย่างอื่น”

“ไม่อ่ะ” ผมส่ายหน้า “บอกตามตรงว่าตอนนี้กูคิดอะไรไม่ออกแล้ว และกูก็ไม่นึกสนใจอะไรอีกแล้วด้วยว่ะ กูรู้สึกมันมากเกินไปที่กูจะรับไหวแล้วจริงๆ.........”

“แล้วเรื่องไอ้แบ๊งค์ล่ะ”

“มึงรู้จักมันเหรอ”

“รู้ดิ่ว่ะ ถึงจะไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่ก็เถอะ แต่ในมือถือกูก็ยังมีเบอร์มันอยู่เลย ได้มาจากงานเลี้ยงรุ่นเมื่อครั้งล่าสุดน่ะ.......”

ผมนิ่งไปแป๊บหนึ่ง ก่อนจะเห็นสีหน้าสงสัยของไคล์ “ไม่ล่ะ กูไม่ได้สนใจแล้ว ไอ้แบ๊งค์มันก็แค่ชอบไอ้ซัน มันไม่ผิดหรอก ของแบบนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดังอยู่แล้ว” ผมตอบแล้วเดินเข้าไปโอบเอวไคล์ “เอาล่ะ ถึงหน้าประตูแล้ว มึงกลับดีๆก็แล้วกัน พวกกูคงไม่เดินไปส่งถึงที่รถนะ”

“กูจะต้องสืบเรื่องทั้งหมดให้รู้ความจริงให้ได้ ไม่มีวันทิ้งเรื่องทั้งหมดนี้ไปเฉยๆแน่” ไอ้เอ็นพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินออกจากประตูไป

“เรื่องตุ๊กตาเหรอครับ.........” ไคล์สงสัย “แล้วเรื่องของเพื่อนศิลากับซันที่ชื่อแบ๊งค์อีก......... นี่หมายความว่าตอนนี้ซัน........”

“ไม่รู้สิครับ” ผมตอบ “และพี่เองก็ยังไม่อยากรู้อะไรทั้งนั้นด้วย ตอนนี้ขอพี่สนใจเรื่องของพ่ออย่างเดียวก่อนดีกว่า ทางเดินน่ะ เราต้องสร้างมันขึ้นมาก็ต่อเมื่อเรากำลังมองตรงไปด้านหน้าเท่านั้น ไม่ใช่การหันไปมองด้านหลังในสิ่งที่ผ่านไปแล้วอยู่ และตอนนี้พี่ก็จะก้าวเดินต่อไปข้างหน้าในเส้นทางของพี่แล้วเหมือนกัน” ผมบอกไคล์ด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่ทว่าภายในใจลึกๆแล้วผมก็ไม่สามารถโกหกตัวเองได้อยู่ดีว่าผมกำลังหวั่นไหวอยู่มากถึงเพียงไหนในตอนนี้ “ไคล์ขึ้นไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่ตามไป”

ไคล์พยักหน้าแล้วก็เดินจากไป ส่วนผมเดินไปยังห้องน้ำ แล้วขังตัวเองอยู่ในนั้นพร้อมกับปล่อยให้น้ำตามันไหลลงมาอาบหน้า ความทุกข์ ความเศร้า ความเจ็บปวดทั้งหมดมันไม่สามารถถูกเก็บกั้นเอาไว้ในใจได้อีกต่อไปแล้วจริงๆ.......

ผมรู้สึกเหมือนผมไม่เหลืออะไรจะเอาไว้ใช้ยึดเหี่ยวอีกต่อไปแล้ว ผมต้องเผชิญกับปัญหามากมายหลายอย่าง ต้องทะเลาะกับไอ้ซัน จนกระทั่งในที่สุดมันก็เลือกจะจากผมไปหาคนอื่นแล้ว ต่อมาก็บ้านถูกขโมยขึ้น ตัวเองบาดเจ็บ ไคล์ถูกทำร้าย และที่ร้ายที่สุดก็คือ พ่อเอกต้องมานอนโรงพยาบาลเพราะความไม่ได้เรื่องของผมคนเดียวแบบนี้

ผมมันช่างไร้ค่าและอ่อนแออย่างที่สุดจริงๆ..............

ผมนั่งร้องไห้อยู่คนเดียวเงียบๆอยู่นานเท่าไหร่ไม่รู้ เสียงของผู้คนเดินเข้าและออกจากห้องน้ำอยู่เรื่อยๆผมก็ไม่สนใจ จนกระทั่งผมเริ่มเช็ดน้ำตาของตัวเองและรอจนคนที่อยู่ในห้องน้ำคนสุดท้ายเดินออกไปซะก่อน ผมถึงจะออกไปล้างหน้าล้างตาก่อนกลับขึ้นไปหาพ่อกับไคล์ แต่ทว่าจู่ๆเสียงโทรศัพท์มือถือของผู้ชายคนข้างนอกก็ดังขึ้น และเมื่อเขารับโทรศัพท์ ผมก็ต้องรู้สึกถึงหัวใจที่กระตุกวูบ

“ว่าไง แบ๊งค์” ไอ้ซันพูดขึ้น และผมก็รู้สึกถึงมือทั้งสองข้างที่เริ่มสั่นไหวขึ้นมาอีกครั้ง ผมกำหมัดแน่น หลับตาลง และคอยฟังสิ่งที่กำลังจะได้ยินต่อไปอย่างปวดใจ “แล้วไง........ กูมาธุระน่ะ มึงไม่ต้องสนใจหรอก” ไอ้ซันพูดต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เรียบจนทำให้ผมอดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้ “ไม่........ ไม่........ ไม่เป็นไร ช่างมันเถอะ ไปไม่ได้แล้วก็ไม่เป็นไร........ อืม ดีแล้วล่ะ งั้นแค่นี้ก่อนนะ”

เมื่อสิ้นเสียงคำพูดสุดท้าย ผมก็ได้ยินเสียงของประตูที่ถูกเปิดออกและปิดลง ผมจึงเดินออกมาจากห้องน้ำและเปิดก๊อกน้ำล้างหน้าล้างตาของตัวเองพร้อมกับใช้ความคิดกับสิ่งที่ผมเพิ่งได้ยินไปด้วย

“จะยังต้องคิดอะไรอีก เลิกคิดได้แล้ว ไอ้เมฆ มันไม่เกี่ยวกับมึงแล้วนะ” ผมพูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะเดินกลับขึ้นไปบนห้องของพ่อ และเมื่อผมเปิดประตูเข้าไป พ่อเอกก็หลับลงไปแล้ว

“เมื่อกี๊มีตำรวจโทรมามือถือของพี่นะ” ไคล์บอกผม “พี่ลืมหยิบมือถือติดตัวลงไปด้วยน่ะ ผมคุยให้แล้ว แต่เขาก็อยากให้พี่ติดต่อกลับไปอีกทีนะครับ”

“อืม ได้ เดี๋ยวพี่จัดการเอง” ผมเดินมานั่งลงข้างๆไคล์ “ซันกลับไปนานแล้วเหรอ”

“เพิ่งเมื่อกี๊นี้เอง น่าจะสวนกับพี่พอดีนะ เห็นว่าต้องไปธุระต่อน่ะ”

“งั้นเหรอ” ผมพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ และเราสองคนก็นั่งอยู่เงียบๆกันต่อไปอีกครู่ใหญ่ๆ เพราะผมเองก็อดคิดมากกับสิ่งที่ผมเพงได้ยินมาอยู่เหมือนกัน จนกระทั่งโทรศัพท์มือถือของผมดังขึ้นอีกครั้ง

“เออจริงสิ.......” ผมพูดขึ้นขณะลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ “ไคล์ได้บอกพ่อแม่รึพีทเรื่องนี้แล้วหรือยัง”

ไคล์พยักหน้า “บอกแล้วครับ....... แล้วก็....... ทุกคนบอกว่าอาจจะกลับมาเยี่ยมพ่อพี่เร็วๆนี้ด้วยนะ”

“ว่าไงนะ” ผมอุทานเบาๆ ก่อนจะชูนิ้วชี้ขึ้นเป็นสัญญาณว่าขอเวลาผมแป๊บนึง แล้วก็กดปุ่มรับสายโดยลืมดูชื่อคนที่โทรเข้ามาว่าเป็นใคร “ฮัลโหล ครับ”

“พร้อมที่จะรู้ความจริงรึยัง..........” พี่วินถามผมทันทีที่ผมรับสาย


ปลลลลลลลลลลลลลลลลลลลล. ผมไม่มีอะไรกะใครที่ พชบ ทั้งนั้นแหละค้าบบบบบบบบบบบ ยังรักไอ้ทึ่มคนเดียววววววววววววววว


YO DEA

  • บุคคลทั่วไป
 :m1:

และแล้วผมก็มาจิ้มคนเขียนอีกครั้ง

ออฟไลน์ AidinEiEi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
 :m4:มาแว้ว มาแว้ว..ดีใจจัง
ยังงัยก็มาต่ออีกนะคะ จะรอค่ะ เป็นกำลังใจให้ด้วยค่ะ :L2:
งั้น...ขอไปอ่านก่อนดีก่า...  :m1: :m1: :m1:




  :o :serius2: :o
ความจริงอะไรง่ะ?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-04-2008 18:46:59 โดย romaneeya »

น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป
ต้นจะกลับไปพชบ.อีกแล้วเหรอ พี่คิดถึงแย่เลย
แถมยังไม่มีเวลาแต่งเรื่องต่ออีก เศร้ายกกำลังสองเลย

ninaprake

  • บุคคลทั่วไป
Re: ]| เวลาที่เหลืออ&#
«ตอบ #375 เมื่อ13-04-2008 23:05:35 »

 :oni1:  ดีใจๆๆ ที่ต้นมาต่อซะที กะลังตื่นเต้นสนุกมากสุดๆ
 :o12:   เสียใจที่ต้นอาจจะไม่ค่อยได้มาอัพแล้วอ่ะ แงๆๆ    o7 พยายามมาอัพต่อเร็วๆน้า

โอยยยๆๆๆๆ  :serius2: อยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆๆๆอ่ะ กะลังมันส์สุดๆ

ว่าแต่ ... หุหุ ... น้องๆหวานกรอบจริงเหรอ .... แล้วตกลงไม่มีไรกะใครช่ายป่ะ อิอิ ... ดีแล้วๆ รักนายทึ่มคนเดียว ถ้าไม่รักเนี่ย มีคนรอปลอบใจนายทึ่มหลายคนแน่ๆคร้าบ  :laugh:

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
กลับบ้านนอกแระนะค้าบ  :o12:

เจอกันอีกที เมื่อพิมนิยายทัน เอิ๊กกก


nartch

  • บุคคลทั่วไป
o12 
หลอกกันนี่นา...นึกว่ามาต่อ  :o12: :o12: :o12:
รีบกลับมาต่อน๊า....และก็เดินทางโดยสวัสดิภาพ
 :สงกรานต์1:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
รู้สึกว่าซันจะรู้อะไรมากกว่าที่คิด  :m13: :m13: :m13: :m13:

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






dimple

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามาให้กำลังใจพี่ชายคับ   :L2: :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10

ออฟไลน์ AidinEiEi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
ยังรออยู่เน้อ
มาต่อเร็วๆนะคะ

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
ก้าวที่หกสู่ปลายทางสุดท้าย

“ความจริงเหรอครับ” ผมถามซ้ำ พร้อมกับเหลือบมามองสีหน้าอยากรู้ของไคล์ด้วยความกังวลนิดๆ ก่อนจะเดินออกไปนอกห้อง “พี่วินรู้คำตอบของเรื่องทั้งหมดแล้วหรอครับ”

“น่าเสียดายนะ ที่พี่ต้องตอบว่ายัง” พี่วินตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่เผยความหงุดหงิดออกมาเล็กน้อย “แต่ว่า.............”

ผมยืนคุยอยู่กับพี่วินอีกพักหนึ่ง พร้อมกับบอกการตัดสินใจของผมให้พี่วินฟัง หลังจากนั้นก็กลับเข้ามานั่งในห้องอยู่ข้างๆไคล์ดังเดิม

“เป็นอะไรไป ศิลา”

“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก” ผมส่ายหัวช้าๆพร้อมกับมองไปทางพ่อเอกที่กำลังหลับอยู่บนเตียง “ไม่มีอะไร......”

ผมหลับตาลงพร้อมกับถอนใจออกมายาวๆ เมื่อเห็นดังนั้น ไคล์จึงดึงหัวของผมไปให้พิงลงบนบ่าของเขาอย่างช้าๆและแผ่วเบา

“พักหน่อยก็ได้ ศิลา แล้วเมื่อตื่นขึ้นมา อะไรๆมันก็จะดีขึ้นเองนะครับ”

ผมยิ้มน้อยๆตอบ จากนั้นก็ล้มตัวลงตามแรงแขนของไคล์ไปหนุนอยู่บนหน้าตักของเขาก่อนที่จะหลับตาลง และอีกไม่กี่นาทีถัดมา ผมก็รู้สึกถึงความว่างเปล่าและเงียบสงบที่ค่อยๆคืบคลานเข้ามา

“หากมึงจะหลับ ก็ขอให้ได้หลับฝันดีในทุกๆครั้ง........” เสียงของไอ้ซันดังก้องขึ้นมาเบาๆในขณะที่สัมปชัญญะของผมกำลังล่องลอยไปสู่นิทรา และน้ำตาของผมก็เริ่มไหลรินออกมาช้าๆ...........

..................................

ก่อนหน้านี้เล็กน้อย ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งไม่ไกลจากโรงพยาบาลมากนัก ในขณะที่เมฆกำลังเดินกลับไปที่ห้องผู้ป่วยที่พ่อของเขานอนพักอยู่นั้น ชายคนหนึ่งก็กำลังเดินออกมาจากบ้านของผู้มีพระคุณของเขาพอดี บ้านสองชั้นขนาดกลางที่เพิ่งจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้เอง

เขาเปิดประตูรถและนั่งลงด้วยความหงุดหงิดและขุ่นเคืองใจ ถึงแม้ปกติแล้วภายนอกของเขามักจะดูสงบนิ่งจนยากที่จะรู้ได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ก็ตาม แต่ในตอนนี้ แม้ท่าทางของเขาจะยังคงนิ่งสงบ หากแต่ภายในนั้นกลับกำลังเดือดดาลอย่างที่สุด ซึ่งนี่ก็เป็นความรู้สึกที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่ได้รู้สึกมานานด้วยแล้วเหมือนกัน

“แม่งเอ๊ย” วินสบถออกมาเบาๆขณะที่มองกลับเข้าไปในตัวบ้าน และตอนนั้นเองที่โทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น เขาหยิบมันขึ้นมาดูชื่อคนที่โทรเข้าแล้วก็กดปุ่มรับสายอย่างรวดเร็วทันที “ว่าไง กรณ์ ได้เรื่องมั๊ย”

“ตอนนี้ผมว่ายังไม่มีอะไรที่ต้องสนใจเป็นพิเศษนะครับ ทุกอย่างก็ยังคงเป็นอย่างที่พี่เคยคิดและบอกผมเอาไว้อยู่ ว่าแต่พี่ล่ะครับ ทางนั้นเป็นยังไงแล้วบ้าง” อีกฝ่ายถามกลับมา

วินเป็นคนที่ชีวิตอยู่ในโลกทั้งสองด้าน เขามีเบื้องหน้าอันเป็นที่เชิดหน้าชูตา ไม่ว่าจะทั้งชื่อเสียง ตำแหน่งหน้าที่การงาน รวมทั้งหน้าตา ฐานะเงินทอง และครอบครัว แต่ทว่าเขาก็มีชีวิตอีกครึ่งหนึ่งอยู่ในโลกเบื้องหลังที่สืบทอดมาให้กับเขาในฐานะของลูกชายคนโตของตระกูล ตัณจริยรัตน์ อันโด่งดังในหมู่นักธุรกิจ และนั่นก็เป็นเหตุให้เขามีทั้งความรู้และความสามารถทุกอย่างในเรื่องของการใช้ชีวิตรอดในสังคมที่ทั้งโสมม สกปรก และเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม การหลอกลวงสารพัดอย่าง ที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนที่คิดจะดำเนินธุรกิจขนาดใหญ่ของตัวเองให้อยู่รอดเช่นเดียวกับครอบครัวของเขา แต่นอกจากนั้นแล้วเขายังมีความสามารถด้านอื่นที่เก่งกาจเหนือไปยิ่งกว่ามันสมองของเขานั่นอีก และสิ่งนั้นก็เป็นความสามารถที่ทำให้เขามีชื่อเสียงโด่งดังมากในหลายๆวงการ จนเกิดชื่อเล่นแปลกๆติดปากในหมู่ของคนที่เคยได้ยินเรื่องเล่าและวีรกรรมของเขา ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะเคยพบเขา รู้จักเขาจริง หรือเพียงแต่ได้ยินชื่อเสียงของ ภาสกรณ์ ตัณจริยรัตน์ มาก็ตามแต่ พวกเขาเหล่านั้นเรียกวินว่า “ลูกคุณหนู” หรือ “คุณหนู” นั่นเอง

วินเองก็ไม่ได้รู้สึกโกรธหรือไม่ชอบใจชื่อเล่นตลกๆนี้เลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม เขากับรู้สึกชอบใจเล็กๆด้วยซ้ำ ที่ไม่ว่าจะคนที่มีอาชีพตำรวจ ทหาร ผู้บริหาร นักการเมือง หรือแม้แต่พวกไร้อาชีพ ไร้สังกัด พวกลูกน้องของคนใหญ่คนโตทั้งหลาย หรือแม้กระทั่งพวกคนข้างถนน หากใครก็ตามที่เคยคลุกคลีหรืออยู่ในวงการที่ต้องเปื้อน “เลือด” ล่ะก็ จะต้องเคยได้ยินชื่อเล่นตลกๆนี้มาบ้างไม่มากก็น้อย

ไม่มีใครรู้ว่าวินได้ฉายานั้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ใครเป็นคนแรกที่เริ่มต้นเรียกเขาแบบนี้ และที่สำคัญ เขามีความเก่งกาจและความเยือกเย็นที่น่าเกรงขามนี่มาได้อย่างไร อะไรที่หล่อหลอมให้เขาโตขึ้นมาเป็นอย่างนี้ ชีวิตของเขานั้นมีความลับซ่อนอยู่มากมายนัก และนั่นก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งนอกเหนือจากนิสัยส่วนตัวของเขา ที่ทำให้เขาเลือกที่จะคบเพื่อนและมีลูกน้องที่ไว้ใจจริงอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น และกรณ์ ก็เป็นทั้งลูกน้อง เพื่อน เพื่อนร่วมงาน และรุ่นน้องที่ซื่อสัตย์ ที่คบกับเขามาตั้งแต่ทั้งคู่อยู่ชั้นมัธยมปลายแล้วนั่นเอง

“คุณอาเป็นยังไงบ้างแล้วครับ พี่” กรณ์ถามซ้ำ

“ปลอดภัยแล้วล่ะ แล้วก็บอกให้พี่ถอนตัวจากเรื่องนี้เหมือนเคย ยังคงห่วงเรื่องความปลอดภัยของคนอื่นๆอยู่ไม่เคยเปลี่ยนจริงๆ”

“สมกับเป็นคนที่พี่วินนับถือนะครับ ท่านคงรักพี่วินมากจริงๆ”

“ไม่เคยเปลี่ยนเลยล่ะ” วินถอนหายใจเบาๆ “บุญคุณของคุณอาน่ะ พี่จะใช้คืนยังไงก็คงไม่หมดหรอก........ และแน่นอนว่าพี่ก็จะไม่ปล่อยให้ไอ้คนที่ทำแบบนี้กับคุณอาได้ลอยนวลสบายใจอยู่เฉยๆแน่นอน”

กรณ์เองก็รู้ถึงข้อนี้ดี ถึงแม้ว่าเขาอาจจะไม่ได้รู้ถึงรายละเอียดว่ามีอะไรเกิดขึ้นระหว่างสองครอบครัวนี้มากนักก็ตามที เพราะถึงจะเป็นคนสนิทอย่างตัวเขาเอง เขาก็ยังคงมีเรื่องที่ไม่สามารถพูดหรือถามวินออกไปได้ด้วยเช่นกัน

“ว่าแต่พ่อเค้าเป็นยังไงบ้าง” วินเอ่ยถามขึ้น

“ท่านรู้เรื่องแล้วครับ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เว้นแต่ว่า.........”

“แต่อะไร”

“ท่านฝากผมมาบอกพี่วินว่าให้สนใจเรื่องงานที่ท่านฝากให้ดูแลด้วยน่ะครับ”

“เฮอะ เข้าใจพูดนี่ ‘งานที่ฝากให้ดูแล’ งั้นเหรอ” วินแค่นหัวเราะ “เจ้าหมอนั่นก็ห่วงแต่หน้าตากับเงินทองของตัวเองเท่านั้นแหละ ช่างเถอะ ฝากบอกเค้าด้วยล่ะว่า พี่จะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยเอง ขอแค่มันไม่ต้องเข้ามายุ่มย่ามก็พอ”

“ครับ”

“อ้อ จริงสิ ถ้าทุกอย่างมันเป็นอย่างที่พี่คิดไว้ล่ะก็ หลังจากนี้เราคงมีเรื่องต้องทำกันอีกเยอะแน่ เตรียมตัวเอาไว้ให้พร้อมเสมอล่ะ”

“ครับ ได้ครับ”

“แล้วอีกอย่างนึง.......” วินพูดขณะที่เริ่มสต๊าร์ทรถของตัวเอง “กรณ์ หลังจากนี้แกช่วยไปตามดูท้องฟ้าของเราสักหน่อยจะได้มั๊ย”

“ได้ครับ แล้วพี่จะให้ผมเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ดี”

“ตั้งแต่ตอนนี้เลย”


ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page

ตะวันลับฟ้า ท้องฟ้ามัวหมอง ขอบฟ้าอาวรณ์ ... มวลเมฆร่วงโรย


ฝนตก รักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ จุ๊บๆ

ปล. บรรยากาศเหงาจริง


ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ปลายทางสุดท้าย จะมีใครอยู่ที่นั่นหนอ  :o12: :o12: :o12:

น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป
ดีใจจังที่ต้นอุตส่าห์มาต่อให้พอจะหายคิดถึงเมฆไปได้หน่อยนึง

ตอนนี้อากาศไม่ดี ฝนตกสลับกับร้อนจัด รักษาสุขภาพหน่อยนะน้องต้น

ออฟไลน์ AidinEiEi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
ก้าวที่ห้าสู่ปลายทางสุดท้าย : วิน


หลังจากสั่งงานให้กับกรณ์แล้ว ผมก็กดโทรศัพท์เข้าหาเมฆทันที

“ฮัลโหลครับ”

“พร้อมที่จะรู้ความจริงรึยัง เมฆ.........” ผมถามทันทีที่เขารับสาย “เรื่องทั้งหมดที่เราเคยสงสัยและค้างคากันไว้ ตอนนี้เมฆพร้อมที่จะได้คำตอบรึยัง”

“ความจริงงั้นหรือครับ.......” เสียงจากปลายสายเงียบลงไปพักหนึ่ง และหลังจากผมได้ยินเสียงฝีเท้าและประตูที่ถูกปิดลง เมฆก็ตอบกลับมาอีกครั้ง “พี่วินรู้คำตอบของเรื่องทั้งหมดแล้วเหรอ”

“น่าเสียดายนะที่พี่ต้องตอบว่ายัง” ผมตอบ พร้อมกับเริ่มขับรถออกมาจากหมู่บ้านของคุณอา “แต่ว่าพี่ก็จะไม่รออีกต่อไปแล้ว ตอนนี้พี่กำลังคิดจะ........”

“พี่วินครับ” เมฆชิงพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่ผมจะทันได้พูดจบ “ผมขอบคุณพี่มากจริงๆนะครับ แต่ว่าผมไม่รู้แล้วว่าผมจะต้องการอะไรต่อไปอีก ผมไม่รู้แล้วว่าผมจะต้องการคำตอบมันไปเพื่ออะไร บอกตามตรงนะครับพี่ ผมเหนื่อยมากเลย....... เหนื่อยจริงๆนะครับ ทั้งทางร่างกายและจิตใจเลย ผม...... ผมรู้สึกว่าผมอยากพักจริงๆนะ” เมฆตอบออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนล้า แต่ผมก็พอเข้าใจเขาอยู่เหมือนกันจริงๆ ในเมื่อสองสามวันนี้เขาต้องเทียวไปเทียวมาและอดนอนตลอด แถมยังมีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้นกับเขาติดๆกันหลายๆเรื่องแบบนี้ มันก็ไม่น่าแปลกที่คนคิดมากอย่างเมฆจะยิ่งรู้สึกตัวเองกำลังแบกรับอะไรมากกว่าปกติเป็นเท่าตัวอยู่แล้ว

“พี่รักพ่อของเมฆกับเมฆมากนะ เมฆก็รู้ใช่มั๊ย” ผมพูดขึ้นหลังจากเงียบไปพักหนึ่ง “พี่รู้ว่าตอนนี้เมฆกำลังท้อแท้ กำลังเสียใจ โดยเฉพาะเรื่องของซัน แต่ว่าเมฆจะยอมรับให้เรื่องพวกนี้มันเข้ามาทำร้ายเมฆ ทำร้ายคนที่เมฆรัก ทำร้ายพ่อแม้ๆของเมฆง่ายๆแบบนี้นะเหรอ”

เมฆเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะตอบออกมาเสียงอ่อยๆ “คือผม.........”

“มันมีอะไรหลายอย่างนะ ที่ผิดปกติและน่าสงสัย นี่พี่ก็เพิ่งจะเดินออกมาจากบ้านเมฆเดี๋ยวนี้เอง แต่เรื่องพวกนั้นจะยังก็ช่างก่อนเถอะ เพราะถึงยังไงพี่ก็มีเหตุผลที่พี่จะหยุดอยู่แค่ตรงนี้ไม่ได้อยู่แล้ว”

“ผมว่าผมเข้าใจนะครับ ผมเองก็ไม่ได้อยากที่จะ........ แต่ว่ามัน........ คือผม.........”

“พี่เข้าใจ ก็ได้ เอาเป็นว่าตอนนี้เมฆอยากพัก เมฆก็พักเถอะ พี่บอกไปแล้วว่าพี่จะดูแลจัดการให้เมฆเอง ดังนั้นพี่ก็จะทำ และที่สำคัญ พี่ไม่มีวันให้อภัยไอ้คนที่ทำร้ายคุณอากับเมฆแบบนี้แน่ ไม่ว่ามันจะเป็นใครหรือจะมีสักกี่คนก็ตาม”

หลังจากนั้นผมก็กลับเข้าออฟฟิศไปเคลียร์งานที่สำคัญๆของผมให้เรียบร้อยจนเสร็จก่อนเที่ยง กรณ์ไม่ได้รอผมอยู่ที่นั่น ซึ่งก็แปลว่าเขาคงจะออกไปจัดการธุระให้ผมอย่างที่ผมสั่งเอาไว้อยู่แน่ๆ ไม่ว่าจะตอนนี้หรือเมื่อไหร่ กรณ์ก็เป็นน้องชายและเพื่อนร่วมงานที่ไว้ใจได้ที่สุดเพียงหนึ่งเดียวของผม และผมมั่นใจว่าเขาจะไม่ทำให้ผมผิดหวังอย่างแน่นอน

และผมก็คิดไม่ผิดจริงๆ เพราะตกบ่ายแก่ๆ กรณ์ก็โทรเข้ามาหาผมเพื่อรายงานผลอย่างที่ผมกำลังรออยู่พอดี

“พี่วิน ตอนนี้ผมกำลังขับรถตามซันอยู่นะครับ แต่ผมว่ามันแปลกๆนะพี่”

“ยังไง”

“ก็เท่าที่เรารู้คือ ซันกับจ๊อบมันไม่น่าจะถูกกันไม่ใช่เหรอครับ”

“ใช่ มันก็น่าจะเป็นอย่างนั้นนะ”

“แต่ทำไมตอนนี้ผมถึงกำลังขับรถตามซันที่มีคนของไอ้จ๊อบมันเป็นคนขับให้ล่ะ แถมดูท่าจะยังมุ่งหน้าไปยังบ้านของไอ้หมอนั่นด้วยนะพี่”

ผมเริ่มประมวลผลในหัวของตัวเองอย่างว่องไว “อย่างนั้นเหรอ”

“พี่จะให้ผมทำยังไงต่อครับ”

“อืมม..... ตามต่อไปก็แล้วกัน ยังไงก็แล้วแต่ เรื่องนี้มันคงไม่ได้จะดูออกได้ง่ายๆแค่เพียงสิ่งที่เห็นอยู่แล้ว”

“ไปที่บ้านของไอ้จ๊อบเลยน่ะเหรอครับ”

“ใช่ คิดว่าไหวมั๊ยล่ะ”

“น่าจะนะครับ ไม่ต้องห่วง ผมจะระวังตัว”

“ดีแล้ว ระวังตัวด้วยแล้วกัน อย่าบุ่มบ่าม เข้าใจมั๊ย และที่สำคัญ อย่าให้ใครรู้ตัวเด็ดขาดล่ะ”

“เข้าใจครับครับ ว่าแต่แล้วพี่จะเอายังไงต่อไป”

“พี่จะไปจัดการส่วนที่เหลือที่ยังมองไม่เห็นเอง อืม ว่าแต่ กรณ์.........”

“ครับ”

“แกพกปืนอยู่รึเปล่า”

“ไม่เคยห่างครับ”

“งั้นก็ดีแล้ว”

หลังจากวางโทรศัพท์ไป ผมก็นั่งครุ่นคิดถึงข้อมูลต่างๆที่ผมได้รับมาอีกครั้ง นับตั้งแต่ความสัมพันธ์แปลกๆของเหล่าคนหลายคน ทั้งจ๊อบ นัท เมฆ และซัน ไปจนถึงเหตุการณ์แปลกๆที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่ตุ๊กตาหมีอาบเลือดตัวนั้น มาจนถึงเหตุการณ์โจรขึ้นบ้านคุณอาครั้งล่าสุดนี้ว่ามันจะเกี่ยวข้องกันรึเปล่า และตอนนี้ผมยังต้องผนวกตัวแปรสำคัญอื่นๆทั้ง เพื่อนของเมฆที่ชื่อเอ็ม และเพื่อนของซัน ที่ตอนนี้ดูจะเกินเลยไปกว่าคำๆนั้นไปซะแล้ว ที่ชื่อว่าแบ๊งค์ เข้าไปด้วยอีก นอกจากนั้นแล้ว หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในช่วงเวลานับแต่ที่เมฆกับซันกลับมาจากทะเลนี้ มันทำให้ความสัมพันธ์ของกลุ่มคนเหล่านี้เริ่มเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้างแล้วอย่างนั้นหรือ ตอนนี้ ซันกับจ๊อบ กำลังจะทำอะไรกัน หรือว่าตัวซันเอง กำลังคิดที่จะทำอะไรอยู่กันแน่

ผมคว้ากุญแจรถขึ้นมาจากโต๊ะ จากนั้นก็เดินออกจากออฟฟิศมุ่งหน้าไปที่รถของตัวเอง และขับมันออกจากที่ทำงานไปยังเป้าหมายใหม่ของผมทันที

สองชั่วโมงถัดมาผมก็เจอคนที่ผมกำลังรอคอยอยู่ เมื่อผมเห็นเขากำลังเดินใกล้เข้ามา ผมก็ไม่รอช้า และรีบเดินตรงเข้าไปทักทายเขาทันที

“สวัสดีครับ ผมขอคุยอะไรด้วยหน่อยนึงสิ”



ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ใครล่ะ บุคคลนั้น  o2 o2 o2 เดาไม่ออกเลย  o2

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด