ก้าวที่หกสู่ปลายทางสุดท้าย
“ความจริงเหรอครับ” ผมถามซ้ำ พร้อมกับเหลือบมามองสีหน้าอยากรู้ของไคล์ด้วยความกังวลนิดๆ ก่อนจะเดินออกไปนอกห้อง “พี่วินรู้คำตอบของเรื่องทั้งหมดแล้วหรอครับ”
“น่าเสียดายนะ ที่พี่ต้องตอบว่ายัง” พี่วินตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่เผยความหงุดหงิดออกมาเล็กน้อย “แต่ว่า.............”
ผมยืนคุยอยู่กับพี่วินอีกพักหนึ่ง พร้อมกับบอกการตัดสินใจของผมให้พี่วินฟัง หลังจากนั้นก็กลับเข้ามานั่งในห้องอยู่ข้างๆไคล์ดังเดิม
“เป็นอะไรไป ศิลา”
“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก” ผมส่ายหัวช้าๆพร้อมกับมองไปทางพ่อเอกที่กำลังหลับอยู่บนเตียง “ไม่มีอะไร......”
ผมหลับตาลงพร้อมกับถอนใจออกมายาวๆ เมื่อเห็นดังนั้น ไคล์จึงดึงหัวของผมไปให้พิงลงบนบ่าของเขาอย่างช้าๆและแผ่วเบา
“พักหน่อยก็ได้ ศิลา แล้วเมื่อตื่นขึ้นมา อะไรๆมันก็จะดีขึ้นเองนะครับ”
ผมยิ้มน้อยๆตอบ จากนั้นก็ล้มตัวลงตามแรงแขนของไคล์ไปหนุนอยู่บนหน้าตักของเขาก่อนที่จะหลับตาลง และอีกไม่กี่นาทีถัดมา ผมก็รู้สึกถึงความว่างเปล่าและเงียบสงบที่ค่อยๆคืบคลานเข้ามา
“หากมึงจะหลับ ก็ขอให้ได้หลับฝันดีในทุกๆครั้ง........” เสียงของไอ้ซันดังก้องขึ้นมาเบาๆในขณะที่สัมปชัญญะของผมกำลังล่องลอยไปสู่นิทรา และน้ำตาของผมก็เริ่มไหลรินออกมาช้าๆ...........
..................................
ก่อนหน้านี้เล็กน้อย ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งไม่ไกลจากโรงพยาบาลมากนัก ในขณะที่เมฆกำลังเดินกลับไปที่ห้องผู้ป่วยที่พ่อของเขานอนพักอยู่นั้น ชายคนหนึ่งก็กำลังเดินออกมาจากบ้านของผู้มีพระคุณของเขาพอดี บ้านสองชั้นขนาดกลางที่เพิ่งจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้เอง
เขาเปิดประตูรถและนั่งลงด้วยความหงุดหงิดและขุ่นเคืองใจ ถึงแม้ปกติแล้วภายนอกของเขามักจะดูสงบนิ่งจนยากที่จะรู้ได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ก็ตาม แต่ในตอนนี้ แม้ท่าทางของเขาจะยังคงนิ่งสงบ หากแต่ภายในนั้นกลับกำลังเดือดดาลอย่างที่สุด ซึ่งนี่ก็เป็นความรู้สึกที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่ได้รู้สึกมานานด้วยแล้วเหมือนกัน
“แม่งเอ๊ย” วินสบถออกมาเบาๆขณะที่มองกลับเข้าไปในตัวบ้าน และตอนนั้นเองที่โทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น เขาหยิบมันขึ้นมาดูชื่อคนที่โทรเข้าแล้วก็กดปุ่มรับสายอย่างรวดเร็วทันที “ว่าไง กรณ์ ได้เรื่องมั๊ย”
“ตอนนี้ผมว่ายังไม่มีอะไรที่ต้องสนใจเป็นพิเศษนะครับ ทุกอย่างก็ยังคงเป็นอย่างที่พี่เคยคิดและบอกผมเอาไว้อยู่ ว่าแต่พี่ล่ะครับ ทางนั้นเป็นยังไงแล้วบ้าง” อีกฝ่ายถามกลับมา
วินเป็นคนที่ชีวิตอยู่ในโลกทั้งสองด้าน เขามีเบื้องหน้าอันเป็นที่เชิดหน้าชูตา ไม่ว่าจะทั้งชื่อเสียง ตำแหน่งหน้าที่การงาน รวมทั้งหน้าตา ฐานะเงินทอง และครอบครัว แต่ทว่าเขาก็มีชีวิตอีกครึ่งหนึ่งอยู่ในโลกเบื้องหลังที่สืบทอดมาให้กับเขาในฐานะของลูกชายคนโตของตระกูล ตัณจริยรัตน์ อันโด่งดังในหมู่นักธุรกิจ และนั่นก็เป็นเหตุให้เขามีทั้งความรู้และความสามารถทุกอย่างในเรื่องของการใช้ชีวิตรอดในสังคมที่ทั้งโสมม สกปรก และเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม การหลอกลวงสารพัดอย่าง ที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนที่คิดจะดำเนินธุรกิจขนาดใหญ่ของตัวเองให้อยู่รอดเช่นเดียวกับครอบครัวของเขา แต่นอกจากนั้นแล้วเขายังมีความสามารถด้านอื่นที่เก่งกาจเหนือไปยิ่งกว่ามันสมองของเขานั่นอีก และสิ่งนั้นก็เป็นความสามารถที่ทำให้เขามีชื่อเสียงโด่งดังมากในหลายๆวงการ จนเกิดชื่อเล่นแปลกๆติดปากในหมู่ของคนที่เคยได้ยินเรื่องเล่าและวีรกรรมของเขา ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะเคยพบเขา รู้จักเขาจริง หรือเพียงแต่ได้ยินชื่อเสียงของ ภาสกรณ์ ตัณจริยรัตน์ มาก็ตามแต่ พวกเขาเหล่านั้นเรียกวินว่า “ลูกคุณหนู” หรือ “คุณหนู” นั่นเอง
วินเองก็ไม่ได้รู้สึกโกรธหรือไม่ชอบใจชื่อเล่นตลกๆนี้เลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม เขากับรู้สึกชอบใจเล็กๆด้วยซ้ำ ที่ไม่ว่าจะคนที่มีอาชีพตำรวจ ทหาร ผู้บริหาร นักการเมือง หรือแม้แต่พวกไร้อาชีพ ไร้สังกัด พวกลูกน้องของคนใหญ่คนโตทั้งหลาย หรือแม้กระทั่งพวกคนข้างถนน หากใครก็ตามที่เคยคลุกคลีหรืออยู่ในวงการที่ต้องเปื้อน “เลือด” ล่ะก็ จะต้องเคยได้ยินชื่อเล่นตลกๆนี้มาบ้างไม่มากก็น้อย
ไม่มีใครรู้ว่าวินได้ฉายานั้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ใครเป็นคนแรกที่เริ่มต้นเรียกเขาแบบนี้ และที่สำคัญ เขามีความเก่งกาจและความเยือกเย็นที่น่าเกรงขามนี่มาได้อย่างไร อะไรที่หล่อหลอมให้เขาโตขึ้นมาเป็นอย่างนี้ ชีวิตของเขานั้นมีความลับซ่อนอยู่มากมายนัก และนั่นก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งนอกเหนือจากนิสัยส่วนตัวของเขา ที่ทำให้เขาเลือกที่จะคบเพื่อนและมีลูกน้องที่ไว้ใจจริงอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น และกรณ์ ก็เป็นทั้งลูกน้อง เพื่อน เพื่อนร่วมงาน และรุ่นน้องที่ซื่อสัตย์ ที่คบกับเขามาตั้งแต่ทั้งคู่อยู่ชั้นมัธยมปลายแล้วนั่นเอง
“คุณอาเป็นยังไงบ้างแล้วครับ พี่” กรณ์ถามซ้ำ
“ปลอดภัยแล้วล่ะ แล้วก็บอกให้พี่ถอนตัวจากเรื่องนี้เหมือนเคย ยังคงห่วงเรื่องความปลอดภัยของคนอื่นๆอยู่ไม่เคยเปลี่ยนจริงๆ”
“สมกับเป็นคนที่พี่วินนับถือนะครับ ท่านคงรักพี่วินมากจริงๆ”
“ไม่เคยเปลี่ยนเลยล่ะ” วินถอนหายใจเบาๆ “บุญคุณของคุณอาน่ะ พี่จะใช้คืนยังไงก็คงไม่หมดหรอก........ และแน่นอนว่าพี่ก็จะไม่ปล่อยให้ไอ้คนที่ทำแบบนี้กับคุณอาได้ลอยนวลสบายใจอยู่เฉยๆแน่นอน”
กรณ์เองก็รู้ถึงข้อนี้ดี ถึงแม้ว่าเขาอาจจะไม่ได้รู้ถึงรายละเอียดว่ามีอะไรเกิดขึ้นระหว่างสองครอบครัวนี้มากนักก็ตามที เพราะถึงจะเป็นคนสนิทอย่างตัวเขาเอง เขาก็ยังคงมีเรื่องที่ไม่สามารถพูดหรือถามวินออกไปได้ด้วยเช่นกัน
“ว่าแต่พ่อเค้าเป็นยังไงบ้าง” วินเอ่ยถามขึ้น
“ท่านรู้เรื่องแล้วครับ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เว้นแต่ว่า.........”
“แต่อะไร”
“ท่านฝากผมมาบอกพี่วินว่าให้สนใจเรื่องงานที่ท่านฝากให้ดูแลด้วยน่ะครับ”
“เฮอะ เข้าใจพูดนี่ ‘งานที่ฝากให้ดูแล’ งั้นเหรอ” วินแค่นหัวเราะ “เจ้าหมอนั่นก็ห่วงแต่หน้าตากับเงินทองของตัวเองเท่านั้นแหละ ช่างเถอะ ฝากบอกเค้าด้วยล่ะว่า พี่จะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยเอง ขอแค่มันไม่ต้องเข้ามายุ่มย่ามก็พอ”
“ครับ”
“อ้อ จริงสิ ถ้าทุกอย่างมันเป็นอย่างที่พี่คิดไว้ล่ะก็ หลังจากนี้เราคงมีเรื่องต้องทำกันอีกเยอะแน่ เตรียมตัวเอาไว้ให้พร้อมเสมอล่ะ”
“ครับ ได้ครับ”
“แล้วอีกอย่างนึง.......” วินพูดขณะที่เริ่มสต๊าร์ทรถของตัวเอง “กรณ์ หลังจากนี้แกช่วยไปตามดูท้องฟ้าของเราสักหน่อยจะได้มั๊ย”
“ได้ครับ แล้วพี่จะให้ผมเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ดี”
“ตั้งแต่ตอนนี้เลย”