ตอนนี้เป็นตอนจบแล้วนะครับ
เดิมทีคนเขียนตั้งใจว่าจะเขียนเป็นเรื่องสั้นสองสามตอนจบ
แต่ไปๆมาๆกลับเขียนออกมาได้เยอะขนาดนี้ เป็นเรื่องที่ไม่เคยคิดมาก่อนเลยจริงๆ
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามมาจนถึงตอนนี้
ขอบคุณจริงๆ
***************************ร้ายแลกรัก
The Last Stage เรื่องราวที่ผ่านมา
‘ผมเคยคิดมาตลอดเลยว่า … ทุกอย่างนี่ล้วนเป็นแค่ความฝัน’
‘ไม่ใช่หรอกเฟย ถ้าทุกอย่างเป็นความฝันจริงๆ พี่คงรู้สึกรักเฟยไม่ได้มากเท่านี้’
เปลือกตาของผมค่อยๆขยับต้านแรงโน้มถ่วง ผมค่อยๆขยับร่างให้หลุดออกจากอ้อมกอดของพี่เมฆที่รัดผมแน่นตั้งแต่หลังจากที่เรามีอะไรกันไปถึงสามรอบ หัวใจของผมกลับมาเต้นเป็นปกติ แต่อาการปวดหน่วงๆเบื้องล่างก็ไม่มากเท่ากับตอนที่เรามีอะไรกันครั้งแรก ตอนที่ผมถูกพี่เมฆข่มขืน เพราะครั้งนี้ มันต่างกันโดยสิ้นเชิง พี่เมฆอ่อนโยนกับผมมาก แคร์ความรู้สึกของผมมากกว่าที่เคย คอยระวังว่าตัวเองจะทำให้ผมเจ็บเพราะน้ำมือของเขา
พี่เมฆกลับมาเป็นพี่เมฆคนเดิมของผมแล้วใช่ไหมฮะ !?!?!
“หืม ทำไมรีบตื่นละครับ นี่ยังไม่เช้าเลย” ผมคงขยับตัวแรงไปหน่อยจนทำให้คนข้างๆรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาได้ ลมเย็นๆจากเครื่องปรับอากาศปะทะเข้ากับร่างเปลือยเปล่าของผมที่นั่งทอดสายตาของนอกหน้าต่าง ภาพสะท้อนจากแสงไฟยามราตรีกระทบเข้ากับกระจกตาของผม บ่งบอกว่านี่เพิ่งจะเข้าสู่วันใหม่ได้ไม่นานเท่าไร ทำให้ผมเหลือบไปมองนาฬิกาที่แขวนไว้บนผนัง บ่งบอกว่าเพิ่งจะตีหนึ่งเศษๆ
เมื่อเวลาผ่านไปประมาณสองสามนาที ผมก็ค่อยๆล้มตัวลง แต่ผมกลับรู้สึกถึงความผิดปกติบริเวณนิ้วมือได้โดยไม่ทันได้สังเกตว่าความรู้สึกนั้นมันมาจากอะไรกันแน่
แหวนทองคำขาวเกลี้ยงสวมอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของผม แสงจากดวงจันทร์ฉายเข้ามาสะท้อนจนทำให้แหวนวงนั้นเกิดประกายระยิบระยับดูราวกับดวงดาวที่เปล่งประกายอยู่บนท้องฟ้ายามราตรีไม่มีผิดเพี้ยน
ผมเงยหน้ามองพี่เมฆที่ยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่บนเตียง สายตาของเขามีแววตื่นเต้นกับอะไรบางอย่าง ถ้าเดาไม่ผิด สายตานั้นกำลังจับจ้องการกระทำของผมอยู่
“ขอบคุณครับ” มีเพียงคำขอบคุณที่ส่งผ่านออกมาจากความรู้สึก พี่เมฆเข้ามากอดผมไว้จากทางด้านหลัง ไออุ่นจากร่างกายของพี่เมฆแผ่มายังผม ทำให้ภายในของผมร้อนระอุขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“ขอโทษนะเฟย กับสิ่งที่พี่ได้ทำลงไปทั้งหมด”พี่เมฆกระซิบเบาๆ ลมหายใจอุ่นรดต้นคอของผม
“ครับ”ผมจ้องมองเข้าไปในความมืดที่รายล้อมร่างกายของผมกับที่เมฆราวกับต้องการจะค้นหาความจริงที่อยู่ในนั้น
“…ขอโทษสำหรับทุกสิ่ง และขอบคุณสำหรับทุกอย่าง ทุกอย่างที่เฟยให้พี่”พี่เมฆโอบกอดผมแน่นขึ้น มือไม้ก็เริ่มไต่ไปตามเอวของผม ไล้ขึ้นมาจนถึงบริเวณหน้าอก ปลายนิ้วแข็งขยับนวดเฟ้นเม็ดสีชมพูอย่างมันมือ
“อ๊ะ…เดี๋ยว”ผมพูดเสียงตะกุกตะกักเพราะลมหายใจของผมเริ่มขาดห้วงไปแล้ว
“พี่ขออีกนะ กับเฟย เท่าไหร่พี่ก็รู้สึกว่ามันไม่พอ”พี่เมฆบอกผมด้วยเสียงที่แหบพร่าบ่งบอกว่าตัวเองต้องการผมแค่ไหน
“ขอผมพูดอะไรสัก … อะ อุ๊บ”พี่เมฆผลักร่างของผมให้แนบลงกับเตียง พร้อมกับจุมพิตแสนเร่าร้อนที่ตามมาติดๆ ลิ้นร้อนตวัดเลียไปทั่วโพรงปากทันทีที่ผมยอมเผยอปาก เราสองคนแลกลมหายใจกันเนิ่นนานจนผมลืมว่าเราจูบกันนานเท่าไรแล้ว แต่อาการที่ผมเริ่มหายใจไม่ออก ทำให้พี่เมฆผละออกจากร่างของผมอย่างช่วยไม่ได้
“พะ…พี่”ผมครางเสียงกระเส่า เมื่อพี่เมฆเลื่อนตัวไปยังท่อนล่างของผม มือของพี่เมฆกอบกุมส่วนอ่อนไหวเอาไว้อย่างชำนาญ ขยับขึ้นลงตามจังหวะที่ตัวเองเป็นคนกำหนด
“เดี๋ยว…”ผมพยายามห้าม แต่ก็ไม่เป็นผล คำพูดที่ผมต้องการจะพูดออกมาถูกกลืนหายลงไปในส่วนที่ลึกที่สุดของร่างกายอย่างไม่น่าเชื่อเพียงสัมผัสจากคนตรงนั้น ทำให้ผมรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง แค่จ้องมองคนตรงหน้ากลับทำให้หัวใจของผมเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะได้ถึงขนาดนี้ นี่สินะ…ที่ใครๆต่างก็เรียกมันว่าความรัก
“เฟย…เฟย”พี่เมฆพ่นลมหายใจอุ่นรดต้นขาของผม ในขณะที่ตนเองคอยเรียกชื่อผม
“…อืม”ผมหลับตารับความสุขที่จะมาถึงในอีกไม่ช้า ท้องน้อยของผมขมวดเกร็งเหมือนกับกำลังจะปลดปล่อยความสุขที่เอ่อล้นอยู่ภายในออกมา
“อา…อะ”ผมบิดเอวไปมา หลังของผมแอ่นเข้าจนไม่ติดอยู่กับเตียง
“อ๊า !!!!”ผมปลดปล่อยความเร่าร้อนออกมาจากเต็มปากของพี่เมฆจนล้มทะลักออกมาทางมุมปาก แต่พี่เมฆกลับเลียมันเข้าไปจนหมด ไม่รู้สึกรังเกียจผมแม้แต่น้อย นั่นยิ่งทำให้หัวใจของผมเต้นแรงเข้าไปใหญ่
พี่เมฆผละออกจากร่างของผม ทันทีที่ลมหายใจของผมกลับมาเป็นปกติ ร่างของพี่เมฆคุกเข่าลงบนพื้นบริเวณใกล้เตียง แสงจากภายนอกสาดส่องเข้ามาทำให้ร่างกำยำของพี่เมฆดูน่าหลงใหล ผมหลบหน้าด้วยความเขินอาย แต่พี่เมฆกลับคว้ามือซ้ายของผมเอาไปเสียดื้อๆ
“ข้าพเจ้า นายเมฆา รัตนวิจักษ์ ขอรับนายสิทธิพล บุญยธัญญ์ เป็นคู่ชีวิต ไม่ว่ายามสุขหรือทุกข์ มั่งมีหรือยากจน สบายดีหรือเจ็บป่วย จนกว่าชีวิตจะหาไม่….” คำที่พรุ่งพรูออกมาจากคนตรงหน้าทำให้หัวใจของผมพองโตจนแน่นหน้าอก ความหมายของมันเป็นที่เข้าใจกันดี ว่ามันคือคำสัญญาที่หัวใจของพี่เมฆจะเป็นของผมตลอดไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คนตรงหน้าจะกอดผมเอาไว้ด้วยความรักที่มี เพียงแค่นี้….รู้หรือเปล่าครับพี่เมฆ เพียงคำเพียงไม่กี่คำของพี่ มันทำให้ผมลืมความเจ็บปวดกับเรื่องราวเลวร้ายที่ผ่านมาไปจนหมดสิ้น ผมอยากยิ้มออกมาเพื่อระบายความสุขที่อัดอั้นอยู่ภายใน แต่น้ำใสๆกลับไหลออกมาจากดวงตาอย่างคาดไม่ถึง
“ผม…ก็”
ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดจบ พี่เมฆก็รั้งตัวผมเข้าไปหา พร้อมกับลูบหัวผมเบาๆ ผมอยากจะพูด พูดอะไรเพื่อพี่เมฆบ้าง
“ไม่ต้องสัญญากับพี่หรอกเฟยว่าเฟยจะรักพี่ตลอดไปหรือเปล่า เพราะแค่เฟยอภัยให้พี่ แค่นี้ มันก็มากเพียงพอแล้วสำหรับคนอย่างพี่ พอแล้วจริงๆ”พี่เมฆกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ความรู้สึกของพี่เมฆถ่ายทอดความการโอบกอดเข้ามาในตัวผมอย่างไม่น่าเชื่อ ผมรับรู้ได้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา พี่เมฆยังรักผม ยังรอคอยว่าสักวันเราจะได้พบกันอีก พอได้พบกันแล้ว พี่เมฆมีเรื่องที่ต้องการจะพูดกับผมมากมาย แต่เพราะทิฐิของพี่เมฆทำให้เรื่องร้ายๆพรรค์นี้เกิดขึ้น แต่นั่น มันก็เป็นบททดสอบของเราสองคนไม่ใช่หรอ บททดสอบที่เป็นตัววัดว่าระหว่างผมกับพี่เมฆถูกเชื่อมโยงกันด้วยอะไรกันแน่ หากเป็นเพียงความสัมพันธ์ธรรมดาๆ ผมคงไม่สามารถอภัยให้พี่เมฆได้แน่ๆ หากแต่ถ้ามันกลับเป็นความรัก ทุกอย่างมันจะเป็นเรื่องง่ายดายมาก
“ไม่ต้องสัญญากับพี่หรอก ถึงเฟยจะไปรักคนอื่น พี่ก็จะไม่ห้าม แต่พี่แค่อยากให้เฟยรู้ไว้ว่า พี่ไม่วันที่จะรักใครได้อีกแล้ว นอกจากเฟย”พี่เมฆส่งยิ้มมาให้ผม ภายใต้ความมืดสลัวทำให้ผมไม่สามารถมองได้ชัดเจนว่าสีหน้าของพี่เมฆเป็นอย่างไร ขมขื่น ดีใจ หรือว่ากำลังคาดหวังอะไรอยู่กันแน่ !?!?!
“พี่เมฆ ฟังผมหน่อยนะครับ ….”
พี่เมฆเงยหน้าขึ้นมามองผม
“ผมน่ะ…..” ผมเงียบไปสักพักหนึ่ง พี่เมฆกอบกุมมือของผมเอาไว้แน่นราวกับว่ากลัวผมจะหายไปต่อหน้าต่อตา
“ผม….”ผมพูดไม่ออก เหมือนก้อนแข็งๆมาจุกอยู่ที่ลำคอ
“เฟย…พี่รักเฟยนะ”พี่เมฆขยับตัวขึ้นมาจูบที่ขมับของผม ก่อนที่ริมฝีปากจะเลื่อนไล้ต่ำลงไปจนถึงแก้ม
“ผมเป็นของพี่เมฆมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่เจอกัน หัวใจของผมมันก็เป็นของพี่ ของพี่คนเดียว รู้ไหมครับ”ผมตัดสินใจพูดความจริงที่ผมอยากพูด และคิดว่าถ้าหากวันนี้ไม่ได้พูด ผมคงไม่มีโอกาสจะได้พูดประโยคนี้ไปอีกชั่วชีวิต
“เฟย….”พี่เมฆนิ่งอึ้ง
“ผมเจ็บปวดยามที่พี่เมฆขืนใจผม แต่ผมก็พยายามจะบอกตัวเองว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่เมฆก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม นั่นก็เป็นเพราะผม …ผมรักและเชื่อมั่นในตัวพี่”ท้ายประโยคเสียงของผมกลับแผ่วเบาลง
“ไม่ต้องพูด ไม่ต้องพูดแล้วเฟย”พี่เมฆจูบซับน้ำตาของผมที่ไหลรินออกมาอีกครั้ง
“ผมอยากจะ … ผมอยากให้พี่เมฆมีความสุข”ผมยิ้มให้กับคนตรงหน้า วงแขนแกร่งโอบรัดผมอย่างรวดเร็ว
“พี่ผิดที่ทำร้ายเฟย พี่ผิดมาตลอด”พี่เมฆซุกหน้าเข้ากับหัวไหล่ของผม
“ให้มันเป็นบทเรียนที่แลกมาด้วยความเจ็บปวด เผื่อไว้วันหน้า มันจะคอยว่าเราจะต้องไม่เจ็บปวดแบบนั้นอีก”เป็นครั้งแรกผมยิ้มให้กับความเจ็บปวดของตัวเอง เพราะความเจ็บปวดนั่นมันคือบทเรียนหนึ่งสำหรับผมว่าการที่คนเราจะฝ่าฝันอุปสรรคไปได้ เราต้องยอมแลกกับอะไรบางอย่างเพื่อที่จะได้ซึ่งอีกอย่างกลับมา
…เพียงพอแล้ว สำหรับ ความรักนี้มีค่ามากมายสำหรับผม
หากผมไม่ปิดกั้นความรู้สึกของผมที่มีต่อพี่เมฆมาตั้งแต่ตอนแรก ผมก็ไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าผมกับพี่เมฆจะได้รักกันหรือเปล่า หรือแม้แต่ผมจะจำพี่เมฆได้ไหม
บางครั้งความผิดพลาดเล็กๆอาจนำมาซึ่งผลสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในอนาคต
ดังนั้น ผมอยากให้ทุกคนได้เรียนรู้จากความผิดพลาด อย่ามัวแต่โทษตัวเองว่าถ้าเราไม่ทำแบบนี้ ผลที่เกิดขึ้นอาจไม่ใช่แบบที่เป็นอยู่ แต่ผมอยากให้ทุกคนยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง แล้วใช้สติพยายามฝ่าฝันมันไปให้ได้ ยามใดที่เรายังมีศรัทธา ผมเชื่อว่าเราต้องสามารถผ่านพ้นเรื่องร้ายไปได้แน่ๆ
“ขอบคุณนะเฟย ขอบคุณที่เฟยรักพี่ ความรักของเฟย พี่คงตอบแทนได้ไม่หมด แต่พี่ก็ขอตอบแทนโดยการดูแลชีวิตที่เหลือของเฟยได้ไหม ให้พี่ได้ดูแลมันนะ !!!”พี่เมฆพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
ผมพยักหน้าเบาๆ แต่พี่เมฆกลับยิ้มอย่างพอใจ มือของพี่เมฆเริ่มปฏิบัติการลูบไล้ไปตามลำตัวของผม
“เรามาทำที่ค้างกันต่อเถอะนะที่รัก”พี่เมฆประกบปากของผมก่อนที่ผมจะอ้าปากเถียงอะไรไป
“เฮ้ยยยยยย”ผมอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อนิ้วของพี่เมฆล่วงล้ำเข้ามาในร่างของผม
“….พี่รักเฟย”
ผมยิ้มให้กับคำบอกรักหวานหูที่กระซิบข้างหูผมไม่ขาดสาย ผิดส่วนล่างที่คนตรงหน้ากระแทกเข้ามาอย่างดุดันจนผมต้องปล่อยเสียงครางออกมาอย่างอดไม่ได้
.
.
.
หากมีใครถามผมว่าผมรู้สึกอย่างไรกับพี่เมฆ ผมจะคงตอบไปทันทีว่า … ผมรักพี่เมฆ ถ้าเขาถามกลับมาว่า ทำไมผมถึงรักพี่เมฆ ผมคงจะยิ้มแล้วค่อยๆพูดไปว่า….
.
.
.
เพราะเราเป็นของกันและกัน
คำตอบของผมก็มีเพียงเท่านี้
-จบ-
************************************************************
"หากคุณคิดที่เราจะรักใคร ก็จงลืมคำว่า 'เสียใจ' "
...แล้วพบกันอีกในเรื่องหน้า
Coming Soon