.
.
“ปริ้น … ”
ร่างนั้นเดินเข้ามาปาดหน้าเด็กนักเรียนสองสามคนจนเหลือบมอง
“เอ้า.. นิค มาได้ไงวะ” ผมยิ้มทักระคนแปลกใจในที มองมันตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่หลงเหลือคราบเด็กเถื่อนๆ
(ยกเว้นหน้าตา) เจอกันครั้งล่าสุดก็นานมาแล้ว หลังจากที่ผมเอ็นฯติดที่เกษตร ก็ไม่ได้เจอมันอีกเลย มีแต่
ได้โทรคุยกันบางโอกาส
“พอดีพาเด็กมาแข่งคอมอ่ะ” มันบอกผมพลางยักคิ้วให้ ก่อนจะหันหน้าไปบอกเพื่อนที่มาด้วยกันว่าให้พา
เด็กเข้าไปก่อน
“พาเด็กมาเนี่ยนะ” ผมทวนคำ ยิ่งสงสัยหนักเข้าไปใหญ่
“ไม่ใช่เด็กแบบนั้น นิครีบแก้ตัวแล้วก็หัวเราะ ตอนนี้เราทำงานที่ xxxอ่ะ ”
“จริงดิ .. โรงเรียนเก่า กู เอ้ย เราตอน ม.ต้นเลยนะ” ผมพูดแทนตัวเองแบบเคอะเขิน ก็นะ เมื่อก่อน
ตอนยังเรียนกันอยู่ก็เรียกกูๆมึงๆจนชิน ไม่ได้เจอกันพักใหญ่ความห่างเหินกับสถานภาพที่เป็นอยู่
ทำให้ความรู้สึกบางอย่างมันเปลี่ยนไป
ไอ้นิคทำเป็นยิ้ม แล้วก็ชวนผมเดินเข้าไปด้วยกัน
“แล้วปริ้นมาทำไร”
“อ่อ .. บริษัทส่งมาทำงานอ่ะ แต่ก็ผลัดๆกันทำหลายคน ไม่ได้อยู่ประจำหรอก(หวังว่า) ”
“อืม .. แล้ว - - ”นิคมันหยุดคิดแป็บนึง ก่อนจะถามต่อ
“- - แล้วสบายดี ? ”
“อือ ก็ดี แล้วนิคอะ ? ”
“เรื่อยๆเหมือนเดิม เปลี่ยนงานมาสองที่แล้ว ไม่รู้จะเปลี่ยนอีกเหรอเปล่านะ” มันว่าขำๆ
เออ ปริ้นยังใช้เบอร์เดิมอยู่ใช่ป่ะ
“อือ.. ทำไมเหรอ ”
“ไม่มีไร เออ .. ไว้เย็นนี้ไปหาไรกินกันมั้ย ? ”
ผมใช้เวลาคิดแว่บนึงก่อนจะตอบตกลงกลับไป คงไม่เป็นไรมั้ง ไม่ได้บอกให้ไอ้โค้กมารับนี่นา
อีกอย่างโค้กก็ไม่รู้จักนิคด้วย
“งั้นตอนเลิกแล้ว โทรหานะ” มันว่า
“แล้วเด็กแข่งเสร็จกี่โมงอ่ะ คงไม่ถึงนานมั้ง …เราต้องทำงานถึงเย็นนะ”
“ไม่เป็นไร .. เปลี่ยนเป็นกลางวันก็ได้” มันยิ้ม “มีเรื่องอยากคุยด้วยเยอะแยะ”
“เอ้า.. โทรสับก็มี ทำไมไม่โทรมาอ่ะ อยากคุย” ผมถาม
“คุยโทรสับกับคุยกับตัวจริงมันไม่เหมือนกันนี่หว่า ”
ผมหันหน้าไปหามันด้วยความสงสัย ไอ้นิคหันมามองตอบ ก่อนจะยักคิ้วล้อเลียน
“งั้นเดี๋ยวนิคไปก่อนนะ ”
“เออ … ”
พอผละจากไอ้นิคมาได้ ผมก็งมหาทางขึ้นตึกไปหาห้องบราเตอร์อยู่นานสองนาน(โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนคริส)
กว่าจะเจอก็ปาไปหลังแปดโมง โดนเรียกไปตำหนิอยู่พักใหญ่ ก่อนจะให้หัวหน้างานพาไปดูแลห้องควบคุม
งานคอมพิวเตอร์ทั้งหมด และก็ด้วยความไฮโซของโรงเรียน อุปกรณ์แทบจะไม่มีอะไรพังเสียหายมากมาย
เท่าที่คิดไว้ตอนแรกด้วยซ้ำ ผมก็ไม่ต้องไปจัดการอะไรมากมาย เวลาที่เหลืออยู่ก็เข้าไปทำพวกระบบเว็บไซต์
ของโรงเรียนมากกว่า เรื่องพรรณนี้ถนัดอยู่แล้ว
นั่งก๊อกแก๊กๆ ทำงานจนลืมเวลา เหลือบไปก็เที่ยงตรงพอดี กำลังจะตัดสินใจไปหาอะไรกินที่โรงอาหารดี
หรือไปข้างนอกดี ไอ้นิคก็โทรมาก่อน
“แข่งเสร็จแล้ว …”
“เออ.. กินข้าวยัง”
“ยัง …ข้ามฝั่งไปกินแมคฯเป็นเพื่อนหน่อยดิ ”
“ได้ๆ งั้นอีกสิบนาทีเจอกัน”
“ออกมาเลยไม่ได้เหรอวะ”
“อยากโดนเก็บเหรอไง ทำงานยังไม่ได้วันจะให้โดด” ผมว่า ก่อนจะวางสาย รีบเก็บข้าวของใส่กระเป๋า
“มาสเตอร์คับ ผมขอไปทานข้าวก่อนนะครับ” ผมบอกอาจารย์ที่เป็นหัวหน้างาน แล้วก็รีบวิ่งปรู้ดออกไป
อย่างรวดเร็ว ใจนึงก็อยากกินข้าวท่ามกลางเด็กๆ แต่อดใจไว้ก่อนดีกว่า มันเขิน สัญญากะไอ้โค้กไว้แล้วด้วย
ว่าจะไม่ทำตัวรุ่มร่าม 55
เดินข้ามฝั่งมาแมคฯ อุวะ นักศึกษาสถาบันใกล้ๆนั่งกันอยู่ตรึม เห็นไอ้นิคนั่งแทะเบอเกอร์อยู่ลิบๆ
ผมก็เดินเลยไปสั่งบ้าง พอได้ก็ยกถาดมานั่งกะมัน
“มาช้านะมึงเนี่ย .. ” มันว่า แต่ผมชะงักเลย อุตสาห์ชมมันในใจตอนเช้ากะท่าทีที่มันแสดงกะผมนะ
“อะไร พูดจาไม่เหมือนเมื่อเช้าเลยวะ ” ผมขมวดคิ้ว เอื้อมมือไปหยิบซอส
“เอาน่า อยู่กันสองคน” มันบอกแล้วก็ส่งทิชชู่ให้ผม
“สันดานจริงๆ” ผมหัวเราะ รู้สึกโล่งอกไปนิดนึงไม่รู้ทำไม ไอ้นิคก็ยังคงเป็นไอ้นิคจอมเถื่อนวันยังค่ำ
ผมกะมันใช้เวลากิน คุยโน่นคุยนี่หลังจากไม่ได้เจอตัวเป็นๆกันมาเป็นปี
“แล้วกะแฟนเป็นไงบ้าง” มันเข้าประเด็น
“ก็ดี.. ”ผมตอบอ้อมๆ
“อาไรวะ ไม่เล่าให้ฟังบ้างเลย ไปมีตอนไหนเนี่ย ไอ้คนที่มึงละเมอให้ฟังตอนที่ไปนอนบ้านกูป่ะ”
นิคมันหมายถึงโอ้ต
“ละมงละเมอไร ไม่ใช่”
“แล้วใครวะ … เด๋วนี้หัดมีก้งมีกิ๊กเยอะแยะ”
“ไอ้บ้า ไม่มีเว้ย ” ผมหัวเราะ พร้อมกับปั้นทิชชู่ที่ได้มาโยนใส่มัน
“โสโครก”
“จ้า ไอ้คุณชาย ไอ้คุณสะอาด” ผมเหน็บมัน
“- - แล้วมึงอ่ะ มีแฟนยัง”
“ยัง ! ” มันตอบเสียงฟังชัด
“เหรอ .. ไม่จริงมั้ง ดูท่าทาง”
“ยังจริงๆเว้ย … เอาเป็นว่า ตอนนี้ก็อ่ะ ยังจริงๆ ตอนนี้กูรอเค้าอยู่เฉยๆ”
“รออีกแล้ว เด๋วก็แห้วอีกหรอก”
“ไอ้นี่ เคยแห้วที่ไหน”
“เออ ไม่แห้วก็ไม่แห้ว ว่าแต่เค้าที่ว่านี่ใครวะ - - หวังว่าคงไม่ใช่เด็กที่โรงเรียนนะ”
“โขลก โขลกๆ” มันสำลักเสียงดัง ก่อนจะยกมือชี้หน้าผมหน้าดำหน้าแดง ถ้าด่าได้มันคงด่าไปแล้วแหง่ม
“มึงอย่ามาคาดเดาเลยปริ้น .. กูอ่ะ รักใคร รักจริง ถึงเค้าไม่รัก กูก็ยังรัก - - -” มันว่าพลางจ้องหน้า
จนผมต้องเป็นฝ่ายหลบตาไปเอง
“- - - ไม่เคยเปลี่ยนแปลง”
มันสรุป
“ถึงจะรู้ว่า เค้าจะไม่ได้คิดแบบเดียวกะที่มึงคิดเหรอ” ผมย้อนถาม แต่ก็ยังไม่ยอมมองตอบอยู่ดี
ถ้าเข้าใจไม่ผิด คำพูดก่อนหน้าที่พูด มันอาจจะหมายถึงตัวผมก็ได้
“เค้ามีสิทธิที่ไม่รักกู แต่ไม่มีสิทธิที่จะไม่ให้กูรักหว่ะ”
“นิค..”
“- - ไม่ต้องกลัวหรอก กูรู้ว่าอะไรควรทำ..ไม่ควรทำ”
“มะ หมายความว่าไง” ผมอ้ำอึ้ง
นิคไม่ได้ตอบอะไร แต่หยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมา แล้วก็ควักอะไรบางอย่างยื่นมาให้
“รับเด๊ะ.. ”
ผมยื่นมือไปหา นิคค่อยๆวางเหรียญบาทลงบนฝ่ามืออย่างแผ่วเบา ผมนึกออกทันที
มันเป็นเหรียญที่ผมกะมันลองโยนเสี่ยงกันเล่นๆ ที่บ้านมันเมื่อก่อนนี่นา
“แล้วตกลงว่ามันออกหัวหรือว่าออกก้อย”
ครืด ครืดด ครืดดด
มือถือที่วางไว้บนโต๊ะสั่นเสียงดัง ผมกำลังจะเอื้อมมือไปรับ แต่ไอ้นิคไวกว่าคว้าไปมอง
ก่อนจะยิ้มกริ่ม
“ไม่ต้องรู้หรอก .. ”ไอ้นิคว่าก่อนจะโน้มตัวเข้ามาหา ยื่นมือมาปาดซอสที่ติดริมฝีปากของผมออก
“- - เพราะไม่ว่าจะออกหัวออกก้อย กูก็รัก…..มึงอยู่ดี”
.
.
.
.
.
โปรดติดตาม บ้านพักอลเวง#7 – 3 years later
ตอนต่อไป ------------------------------------------->
http://stpstory.exteen.com/Stp said : ขอโทษนะคับ ช่วงนี้มีการบ้านปลายปีอ่ะคับ พึ่งเครียเสร็จส่งเพื่อนไปเอง T-T