ตอนพิเศษ การกลับมาของตุ๊ด.....[เล่าโดย คุณพระเอก]
คอนโดหลังแรก ได้มาจากน้ำพักน้ำแรง หยาดเหงื่อแรงกาย และมันสมองที่ทุ่มเทให้กับงานที่เรารัก มันช่างน่าภูมิใจเสียนี่กระไร ได้อยู่คอนโดหรูใจกลางเมือง คอยมองความวุ่นวายของคนเมือง ผ่านทางกระจกใส ๆ ได้พักผ่อนเต็มอิ่มหลังกระหน่ำทัวร์คอนเสิร์ตมาราธอนร่วมปี.....
กับสุดที่รักของผม......
“โยกเยก....ตื่นครับ”
โยกเยกคือชื่อที่ผมใช้เรียกเขา หรือเจ้าหล่อน สรรพนามน่ารัก ๆ ที่เหมาะกับรูปร่างผอมสูง เก้งก้าง ของไอ้เด็กหน้าเครียด เด็กเก็บกดที่แปลงร่างเป็นแมวเหมียวสุดเซ็กส์ ทุกครั้งที่เหล้าเข้าปาก
“เฮ้ยยยยยย จะนอน!!!!”แมนได้อีก มึงแมนได้อีก กะเทยโลกไหนเขาพูดสำเนียงแบบมันกัน ผมยังคงสงสัยมาจนทุกวันนี้ ว่าน้องนั้นไม่เคยคบเพื่อนที่เป็นกะเทย...หรือผู้หญิงบ้างรึไง ยังดีหรอกที่เสียงแง้ว ๆ แบบเด็กผู้หญิงของเจ้าหล่อน ช่วยให้ฟังดูซอร์ฟลงกว่าที่ควร เมื่อคืนนี้ไอ้เด็กขี้เซามันดื่มหนักไปหน่อย ดวลกับไอ้ตี๋น่ะสิ!!! ไอ้รายนั้นก็คออ่อนใช่ย่อย แต่ก็ไม่อ่อนเท่าเด็กคนนี้หรอก ไม่เจียมสังขารทั้งคู่!!! ไอ้โยกเยกเกาไปทั่วทั้งตัว เหมือนโดนหมามุ่ย ก่อนจะทำหน้าเคลิบเคลิ้มสุดชีวิต
เขย่า....ขยำ.....ขยี้.....จักกะจี้.....โถมทับ.....ทำมันทุกวิธีแหละ....
แม่ง.....ปลุกยากดีแท้.....
“ไม่ตื่นพี่ปล้ำ”“ตื่นแล้วจ๋าจ้ะ!!!!!!!!”“ทีงี้ล่ะเร็วเชียวนะ”
“วันนี้ว่างนี่ ขอนอนตื่นสายหน่อยก็ไม่ได้นะ ชอบทำตัวเป็นคุณพ่อเดย์ตลอดดดดดด”
“วันหยุดทั้งที พี่ก็อยากจะอยู่กับเราทั้งวันน่ะนะ แล้วก็ต้องไม่ใช่สภาพเจ้าชายนิทราแบบนั้นด้วย เราน่ะไปอาบน้ำ แต่งตัว แล้วเดี๋ยวลงไปหาอะไรกินข้างล่างกัน....”
“เจ้าหญิงย่ะ ว่าแต่....ซื้อขึ้นมากินข้างบนได้มั้ยอ่ะ”
“ไม่!!! ขี้เกียจจริงนะเรา หรือไม่อยากนั่งกินข้าวกับพี่...หืม?”
“โหยยยย......ตลอดอ่ะผู้บ่าว งั้นกินเสร็จแล้วเช่าหนังมาดูด้วยนะพี่ต้น”
“ครับผม ไปได้แล้วไป”
คุณแฟนยิ้มแฉ่ง ก่อนจะหอมแก้มผม ผมจะถือว่ามันเมาค้างนะ เพราะใช่ว่าแม่คุณจะทำอะไรหวาน ๆ แบบนี้กันได้บ่อย ๆ ตั้งแต่เป็นแฟนกันมา....มากสุดคือจูบ....จูบตอนที่มันเมา กลิ่นเหล้าเชอร์รี่หึ่งเชียว แต่ก็เป็นอะไรที่ร้อนแรงดีชะมัด
ไอ้โยกเยกเกาหัวแกรก ๆ ก่อนจะผลุบเข้าไปในห้องน้ำ ตั้งแต่ไปถักเปียมา เมื่อครั้งเทศกาลดนตรีที่จัดที่หัวหิน คุณเธอก็ยังมิได้สระผม ผมอยากแนะนำ ว่าให้น้องไปลาออกจากการเป็นกะเทยเสีย....แต่ละสิ่งที่มันทำ ล้ำเส้นเข้ามาในเขตของเพศผู้มากเกินไปเสียแล้ว....ไหนจะเรื่องเรอเสียงดังนั่นอีก ถ้าไม่ติดว่ารัก คงกระโดดถีบหงายท้องไปแล้ว ถามไอ้ตี๋ดูสิ ครั้งสุดท้ายที่มันแกล้งเรอใส่หน้าผมน่ะ มันเจออะไร.....
.
.
.
.
.
.
คำขอร้องคงส่งไปถึงหูพระเจ้าเสียที
คุณแฟนในชุดเสื้อยืดสีเทาหลวม ๆ กับกางเกงพองสีดำสี่ส่วน ผมเผ้านั้นถูกสระจนสะอาด ได้กลิ่นหอมอ่อน ๆโชยมาจากเรือนผมที่ถูกรวบหางม้า ช่างดูน่ารักน่าชังเหลือเกิน แม้ว่าตุ้มหูวงใหญ่สองห่วงนั้น กับแว่นสายตาอันโต จะดูไม่ค่อยเข้ากันก็ตามทีเถอะนะ เอาเฮ๊อะ บางทีน้องมันก็แต่งพลาดบ้างอะไรบ้าง....
“ไม่ไปไกลนะ วันนี้โทรม”
“งั้นกินร้านใกล้ ๆที่เพิ่งเปิดก็แล้วกัน”
“อยากกินสเต๊คคคคคคค”
“ก็ดีนะ”
“กินติมมมมมมม”
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
เด็กขี้อายที่ปิดกั้นตัวเองคนนั้นได้ตายไปแล้ว น้องในวันนี้ดูร่าเริงขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก อาการของคุณยายก็ดีวันดีคืน ถึงท่านจะไม่สามารถกลับมาเดินเหินได้เหมือนอย่างแต่ก่อนแล้ว แต่ก็ยังคงคุยเก่งแล้วก็น่ารักเหมือนเดิม....ไม่สิ ดูมีความสุขมากกว่าเดิมต่างหาก ท่านคงดีใจแหละ ที่หลานชายเพียงคนเดียว หลุดพ้นจากความเจ็บปวดทั้งหลายเสียที.....
“ริบอายค่ะ เอาสุกปานกลาง แล้วก็น้ำแตงโมปั่น พี่ต้นเอาไร”
“พี่เอาทีโบนสเต็คก็แล้วกัน เอาสุก ๆเลยนะครับน้อง แล้วก็......เราสั่งน้ำอะไรนะ”
“แตงงงงงโม”
“สองเลยครับ”
ควั่บ!!!ไอ้โยกเยกหันขวั่บไปจ้องหน้าโต๊ะข้าง ๆ ตาเขม็ง คนพวกนั้นมากันเป็นกลุ่ม ส่งเสียงดัง แล้วก็หัวเราะคิกคัก ท่าทางตุ้งติ้งแบบนั้น คงจะเป็นแบบเดียวกับน้องนั่นแหละ แม้ว่าพวกนั้นจะมาในสภาพแบบวงแขนกล้ามเป็นมัด ๆ กับหนวดเครายาวเฟิ้มก็เหอะ!!! ไอ้เด็กขี้เหวี่ยงจ้องอยู่นานเลยแหละ จนในที่สุดพวกนั้นก็สงบเสี่ยม เสียงซิบซิบนั่นก็ค่อย ๆเบาบางลง
“มีอะไรเหรอเรา”
“พวกนั้นมองเรา แล้วก็ซุบซิบกัน ไม่ชอบเลยว่ะพี่ต้น”
“ทุกทีไม่เห็นว่าเราจะสนใจ”
“ก็วันนี้อารมณ์ไม่ดี!!!!....เมาค้าง!!!! แถมยังพักผ่อนไม่เพียงพออีก!!!!”
“ความผิดพี่ป่ะเนี่ย”
“ไม่ใช่น๊า.....เค้าเปล่าหมายความแบบนั้นซักหน่อย”
“เค้าอาจจะเป็นแฟนเพลงก็ได้นะพี่ว่า”
“เออจริงเนอะ”
เอากับมันสิ ไอ้โยกเยกหันกลับไปมองพวกนั้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ฉีกยิ้มหวานจนน่าขนลุก.....
“หวังว่าเค้าคงไม่เกลียดหนูกันเสียก่อนนะ”
“ใครไม่เกลียดก็บ้าแล้ว แกเล่นจ้องซะ....”
“หนังที่หนูแสดงเข้าฉายแล้วนะ เรื่องนั้นไง ที่หนูได้รับบทเป็นคนโรคจิตที่ชอบสะสมมือมนุษย์....เรื่องไรวะ...อ๋อ....
อำมหิตหวีดสยองป่าช้าแตก.....เอาไว้ไปดูกันนะ”
“เมื่อไหร่เราจะได้เล่นหนังอะไรเบา ๆกับเค้ามั่งน๊า....หนังตลกใส ๆไรเงี้ย”
“หน้าหนูมันไม่ให้พี่ก็รู้”
“จริงแหละ”
“พี่ต้นอ่า เอ๊ะจริงสิ!!! หรือว่าโต๊ะนั้นเค้าไม่ได้มองหนูวะ แต่มองพี่ ก็พี่มันหล่อไง แบบนี้ต้องสั่งสอนให้รู้สำนึก ว่าอย่าเจือกมาแทะโลมแฟนชาวบ้านเขา....”
“พอเลยเรา โน่น อาหารที่สั่งมาแล้ว ทำใจให้รุ่ม ๆไว้อีหนู แล้วก็เขมือบมันซะ”
เหลือเชื่อเลยแม่คุณ ก็ดีใจอยู่หรอก ที่เหมือนว่ามันจะหึงจะหวงผม แต่แบบนี้มันก็ดูจะกระชากอารมณ์กันเกินไปหน่อยนึงนะ พับผ่าดิ!!!
“อร่อยยยยยยยย”
“กินเยอะ ๆ ไม่อิ่มก็สั่งอีก พี่เลี้ยง”
“โอ้โห....ป๋าว่ะพี่”
“ไหนลองพูดค่ะสิ คะขาอ่ะ....อะไรก็ได้ แบบเมื่อก่อนเนี้ยะ เดี๋ยวนี้เราชักจะพูดจาเหมือนผู้ชายมากไปแล้วนะ”
“โอ๊ะเชคร๊าบบบผม”
“ยังอีก!!!”
“ผู้หญิงสมัยนี้เค้าชอบพูดครับผมกัน พี่ต้นไม่เทรนด์เลยว่ะ กินไปเลยนะ นี่แน่ะ...ขโมย”
ไอ้โยกเยกขโมยชิ้นเนื้อที่ผมบรรจงหั่นเอาไว้ มันหัวเราะร่า ผมเลยขโมยเครื่องเคียงมันบ้างเป็นการแก้แค้น....รู้สึกเหมือนย้อนกลับไปเป็นเด็กมัธยมปลายเลยแฮะกู ทำไมคบกับไอ้เด็กนี่แล้ว อะไร ๆ มันดูเบบี๊เบบี๋
คงเพราะไม่ได้ทำอะไรแบบที่คู่รักผู้ใหญ่เค้าทำกันล่ะมั้ง....จ้ำจี้มะเขือเปราะไรงี้
แต่แหมเด็กสมัยนี้ สิบสามสิบสี่มันก็โจ๊ะกันแล้ว ถ่ายคลิปอีกต่างหาก ไอ้เหี้ยตี๋นี่ตัวดีเลย เที่ยวได้ไปเสาะหาโหลดมาดู เห็นแล้วหดหู่ว่ากว่าเกิดอารมณ์อ่ะนะ.....
“อิ่มแล้ว
“กินเร็วนะเรา”
“ไปเช่าหนังกัน.....”
“เอาสิ”
“เดี๋ยวนะ”
“อะไรเหรอเรา”
“น้องขา.....พี่ขอสปาเก็ตตี้ไก่ซอสแดง สองกล่อง....เป็นมื้อเย็นไงพี่ต้น จะได้ไม่ต้องลงมาอีก”
.
.
.
.
.
.
ถ้าคุณคิดว่า การเช่าภาพยนตร์มาดู ระหว่างเรานั้น มันคงเป็นอะไรที่โรแมนติคกิ๊บกิ้ว เร่งแอร์ แล้วห่มผ้านวมผืนหนาผืนเดียวกัน ทานสแน็คกรุบกรอบไปพลางกับน้ำอัดอม หัวร่อต่อกระซิกโดยมีหนังรักเป็นแบ็คกราวน์ หรือไอ้เด็กหน้าเครียดนั้นคอยจะซุกตัวเข้ากับแผ่นอกของผมเพื่อหลบหนีจากฉากหวาดเสียว ในหนังระทึกขวัญ โดยมีผมคอยลูบหัวปลอบนั้น.....
คุณคิดผิด!!!“หนังอะไรของแกน่ะ ไม่ไหวแล้วนะ!!!”
“หนุกดีออก”
“ที่กินเข้าไปเมื่อกี้ พี่จะอ้วกออกมาแล้วนะไอ้เดย์.....”
“มันก็แค่หนังน่า น้องสาว~”
วิปริตครับ บอกได้คำเดียว ว่าเป็นหนังที่วิปริตที่สุดเท่าที่เคยดู ฉากแหวะมีมากเกินความจำเป็น แถมยังเลือดและเครื่องในที่กองเกลื่อน กระจัดกระจายเต็มหน้าจอ เป็นหนังญี่ปุ่นที่เกี่ยวกับมนุษย์กลายพันธุ์ ถึงจะรู้ว่าไอ้ของเหลวสีแดงสดที่พุ่งปรี๊ด ๆ อย่างเว่อร์นั่น มันคือน้ำแดงเฮลบลูบอย...ที่ทีมสร้างไปเหมามาจากซุปเปอร์มาร์เก็ตก็เหอะ...
ไอ้เด็กบ้านี่ก็นั่งดูได้อย่างไม่มีสะทก แถมยังเขมือบสปาเก็ตตี้ซอสแดง ที่เจ้าหล่อนบอกว่าจะเก็บไว้เป็นอาหารเย็นไปด้วยอีกต่างหาก กินได้อย่างหน้าตาเฉย แม้ว่าในจอนั้น เหยื่อกำลังถูกคว้านท้อง จนเครื่องในทะลักออกมากอง.....ดูดนิ้วจ๊วบ ๆด้วย เอากับหล่อนสิครับ!!!
“พี่ต้นห้ามหลับนะ ฉากสำคัญแล้วเนี่ย นางเอกจะกลายพันธุ์แล้ว”
“แกดูเถอะ พี่งอนแก บอกให้เช่าหนังเบาสมอง เบาสมองอ่ะ แล้วแบบนี้เราจะสวีทกันได้ไงวะ”
“พี่ไม่รู้เหรอ ดูหนังรักกันตามลำพัง สองต่อสองบนเตียง ในสภาพอากาศแบบนี้อ่ะ มันเอื้อต่อการเสียตัวนะ”
“นี่แกคิดงี้เรอะโยกเยก....”
น้องเช็ดเลือด...เอ้ย...ซอสที่ไหลเยิ้มรอบ ๆปาก ก่อนจะกระโจนขึ้นมาคร่อมผม แล้วไอ้เด็กหน้าเครียดก็กอดผมเอาไว้ มันออกจะเป็นภาพที่ดูเก้งก้าง เกะกะพิกลนักล่ะ...
“โอ๋.....น้องต้นกล้ากลัวเหรอครับผม มามะ พี่สาวจะปลอบให้หายกลัวนะครับผม”
“อยากปลอบเหรอ”
“จ๋าจ้ะ”
“งั้น...ก็ยอมเป็นของพี่ซะสิ”
“ตอนนี้นี่นะ”
“ตอนนี้นี่แหละ จะให้เป็นตอนไหนล่ะ”
ในที่สุด ไอ้เด็กหน้าเครียดมันก็มีสีหน้าเพิ่มขึ้นมาอีกหน้าหนึ่ง สีหน้าแบบใหม่ที่จะถูกบันทึกลงไปบนใบหน้าเดิม ที่แสนจะเย็นชาราบเรียบของมัน...
สีหน้าแบบลูกแมวขี้กลัวยังไงล่ะ.....!!!!.
.
.
.
End
สั้นนะ แต่ก็แอบหวาน แค่แอบนั่นแหละ เอามาให้อ่านเล่น ๆ ว่าหลังจากเรื่องจบแล้ว ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดำเนินไปไกลแค่ไหน
ปล. เรื่องของพ่อตี๋น้อย กับไอ้โหดเจนั้น หากว่าจะมีการแต่งต่อเติมออกมาเป็นเรื่องยาว เนื้อหาคงจะออกไปแนวใส ๆน่ารัก ๆมากกว่าจะรุนแรงเลือดสาดนะจ๊ะ รับรองว่าไม่ซ้ำแนวกับนิยายเรื่องอื่น ๆของคนแต่งแน่นอนจ้ะ กลัวคนอ่านเบื่อไง...อิอิ อนึ่ง คนแต่งนั้นชอบคาแร็คเตอร์ตัวละครประมาณผู้ใหญ่ใจเด็ก หรือเด็กโข่ง หรือเด็กน้อยแอ๊บผู้ใหญ่เป็นพิเศษ แต่จะพยายามให้ตัวละครเหล่านี้ ที่มีในแต่ละเรื่อง ไม่เดินซ้ำทางกันนะจ๊ะ รักคนอ่านจ๋าจ้ะ...5555+