ตอน 14: เหตุการณ์ไม่ปกติที่เกิดขึ้นเป็นปกติ เอ๊ะ! ยังไง หลังจากที่มันเกือบจะข่มขืนผมวันนั้น จากนั้นเป็นต้นมาผมก็เลี่ยงที่จะอยู่กับมันสองต่อสองครับ ไม่รู้
ว่ามันจะลุกมาหื่นใส่ผมอีกเมื่อไหร่ ทางที่ดีผมขอปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า แต่เวลาอยู่กับเพื่อนๆผมกับมันก็ปกติ
ครับ คือทะเลาะกันเป็นปกติ มีการประทะคารมกันตลอด จนใครต่อใครรู้กันทั่ว ว่าผมกับมันถ้ามีเวลาว่างเมื่อไร
ต้องมีสงครามน้ำลายกันเสมอ วันนี้ก็เช่นกัน ขณะที่อาจารย์กำลังสอนภาษาไทยอยู่นั้น
“ไหนนายเฉลิมพล ลองยกตัวอย่าง สุภาษิต/คำพังเพย ที่เกี่ยวกับคำพูดให้ครูฟังซิคะ”
“น้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหลงเหลงครับ หมายถึงคนที่พูดอะไรมากมาย ยืดเยื้อ แต่มีเนื้อหาสาระนิดเดียว”
“ค่ะ แล้วมีสุภาษิต/คำพังเพย อันไหนที่ไกล้เคียงกับอันนี้อีกมั้ยคะ ลองยกตัวอย่างมาสิ”
“ก็มี น้ำลายแตกฟอง พูดจนลิงหลับ แล้วก็ พูดเป็นต่อยหอยครับ เหมือนๆที่นาย ศุภชัยเค้าชอบทำบ่อยๆน่ะครับ” แล้วอาจารย์กับเพื่อนๆก็ฮา กันไปตามระเบียบ
“เอาล่ะ ดีมากๆ นั่งลงได้ มีใครยกตัวอย่างได้อีกมั้ยคะ”ผมรีบลุกขึ้นยืนยกมือขึ้น
“เอาละว่าไงคะ ลองยกตัวอย่างมาซิ”
“เวลาที่อาจารย์พูดสอนนายเฉลิมพล แล้วไม่เข้าใจน่ะครับ แม้ว่าจะพูดหลายๆครั้งก็ยังไม่เข้าใจ เค้า
เรียกสีซอให้ควายฟัง ไงครับ (ผมเน้นคำว่าความแล้วก็หันหน้ามาทางมัน)”เพื่อนๆ ในห้องก็เฮ กันเลยครับ ฮ่า
ฮ่า แต่มันไม่ยอมแพ้ครับ รีบลุกยืนยกมือขึ้น
“มีอีกครับอาจารย์ เวลาที่นายศุภัย ชอบหาเรื่องคนอื่นไปทั่ว แต่สู้ใครเค้าไม่ค่อยได้น่ะ เค้าเรียกว่าหมาเห่าใบตองแห้ง ใช่ป่ะครับ (มันเน้นคำว่าหมาครับ)” หนอยแน่ะมันหลอกด่าผมว่าเป้นหมาเหรอ กูไม่ใช่นะเว้ย แง่งงงง (น้ำลายยืด เตรียมโดดเข้าฟัดกับมัน) แต่ก่อนที่ผมกับมันจะโดดเข้าฟัดกันนั้น
“หยุดเลยพวกเธอ นี่ขนาดต่อหน้าครูนะเนี่ย นั่งลงทั้งคู่เลย ไม่งั้นครูจะฟาดด้วยไม้เรียวทั้งคู่นี่แหละ ทำไมนะชอบทะเลาะกันอยู่เรื่อย”
“ก็มันชอบยั่วโมโหผม”
“เธอน่ะตัวดี นั่งลงเลย” โห อาจารย์อ่ะ ผมกับมันรีบนั่งลง โดยที่ผมยังคงฟึดฟัดๆ แต่มันอ่ะยักคิ้วให้ผมจึ๊กนึง แล้วทำท่ายิ้มกวนตีนๆ แม่งเอ๊ยยยย เดี๋ยวกูก็โดดต่อยเข้าให้ แล้วเสียงออดก็ดัง บอกว่าเป็นเวลาพักเที่ยง
“เอาล่ะนักเรียนงั้นวันนี้พอแค่นี้แล้วกัน เจอกันใหม่คาบหน้านะคะ อย่าลืมทำงานที่สั่งมาส่งครูด้วยล่ะ”
เอ่อ...แล้วอาจารย์ไปสั่งงานตอนไหนฟระ!

เหตุการณ์ที่เหมือนจะเป็นเป็นเรื่องปกตินั้น เริ่มมีบางคนที่รู้ว่า มันไม่ใช่เรื่องปกติ ผมเองก็ไม่รู้ เหมือนกัน ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่ใครคนนั้น เริ่มสังเกตเห็นถึงความปกติที่มันไม่ปกตินั้น เอ๊ะ! ยังไง ยิ่งเขียนยิ่งงง เอาเป็นว่ามันเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติที่เกิดขึ้นเป็นปกติ ... -__- เอ่อ... ช่างมันเถอะ ผมเริ่มสังเกตเห็นว่าไอ้อุ้ยกับไอ้ตุ๊ เริ่มมองผมกับได้เวอร์แปลกๆ ทุกครั้งที่ผมปะทะคารมกัน
ขณะเพื่อนๆ กำลังจับกลุ่มโม้กับเพื่อนๆ ขณะนั่งดูบาสเกตบอล NBA
เพื่อนคนหนึ่ง : “เฮ้ย มึงดู ไอ้นั่นแม่งโคตรเท่ห์เลยว่ะ”
เพื่อนอีกคนหนึ่ง :”ไหนวะๆ”
เพื่อนคนหนึ่ง : “เนี่ยๆ มันมันโดดดังค์เอาๆ กูอยากทำได้แบบนั้นมั่งจัง” คือเรื่องจะใช้ท่าดังค์ สำหรับเด็กมอต้นเนี่ย มันเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะส่วนสูงไม่น่าจะถึง ขนาดพวกมอปลาย ยังไม่มีใครสูงพอที่จะกระโดดดังค์ลูกได้เลย
เพื่อนอีกคนหนึ่ง :”ไอ้ตุ๊ มึงทำได้ป่ะวะ”
ไอ้ตุ๊ : “ก็ได้ว่ะ แต่ต้องวิ่งไกลหน่อย”
เพื่อนอีกคนหนึ่ง :”โห แม่งอิจฉาว่ะ วันหลังทำให้ดูหน่อยดิ๊”
ไอ้ตุ๊ : “หุ หุ เย็นนี้เลยมะ” ไอ้ตุ๊ กอดออกยืดเชียว
ไอ้เวอร์ : “กูก็หัดอยู่ว่ะ ตอนนี้ก็เริ่มทำได้ล่ะ” ไอ้เวอร์อวดมั่ง
เพื่อน : “เฮ้ย จริงอ่ะ งั้นกูว่าไปเที่ยงนี้เลยดีกว่า กูอยากดู”
“แหวะ ขี้โม้!” เสียงใครคงไม่ต้องบอกนะ ทะลุกลางปล้องมาซะขนาดนี้ เพื่อนๆหันขัวบมามองผมเป็นตาเดียว
“มึงว่าใคร” ไอ้เวอร์ ถลึงตาใส่ผม
“โอ๊ะ โทษที กูคิดดังไปหน่อย” ผมยักไหล่ แกล้งทำเป็นอ่านการ์ตูนต่อไป
“กูถามว่ามึงว่าใคร”
“ปล๊าวววว อย่าร้อนตัวน่า”
“มึงไปดูมั้ย กูจะทำให้ดู ถ้ากูทำได้มึงให้อะไรกู”
“กูไม่เห็นอยากรู้ มึงทำได้หรือไม่ได้ก็เรื่องของมึง”
“อ่าว สัดนี่ แล้วไหนมาว่ากูโม้ ทีแบบนี้ละป๊อด”
“ไม่ได้ป๊อดเว้ย ก็แค่กูไม่สนใจ มึงจะทำได้ไม่ได้ก็เรื่องของมึง กูก็แค่ไม่ชอบคนขี้โม้ เห็นแล้วหงุดหงิดว่ะ”
“กูไม่ได้โม้ สัด แน่จริงมึงไปดูมะ”
“ไม่! แดดร้อน” จะไปทำไม่ เดี๋ยวมึงดังค์ได้ขึ้นมาจริงๆ กูก็หน้าแหกสิ กูก็แค่อยากจะกวนตีนมึงเล่นๆ
“ป๊อด เอ๊ย ทีตะกี้ละทำปากดี ฮ่ะ ฮ่ะ ขี้ขลาด ว่ะ ตุ๊ดป่ะเนี่ยะ” มันหัวเราะเย้ย จากตอนแรกที่กะจะกวนตีนมัน มาถึงตอนนี้ผมกลับเริ่มของขึ้นซะเอง เพราะเถียงสู้มันไม่ได้ ฮึ่มมมมม
“มึง....” ผมอ้าปากจะพูดต่อ แต่เหลือบไปเห็น ไอ้ตุ๊ กับไอ้อุ้ย ทำนิ่งมองผมอยู่ ทำให้เกิดกลัวว่ามันจะสงสัย เรื่องของผมกับไอ้เวอร์ขึ้นมา (แล้วจะกลัวทำไม เนี่ย ไม่ได้มีไรกะมันซะหน่อย)
“ผัวเมียคู่นี้นะ ทะเลาะกันได้ทุกวี่ทุกวัน ทะเลาะกันแบบนี้ลูกดกแน่เลยว่ะ” นั่น ไอ้อุ้ย จะมาคุ้ย มาเขี่ย ทำซากอะไร เพื่อนๆ หันไปมองไอ้อุ้ย ทำหน้างง
“อึก...เชี่ยอุ้ย พูดห่าไร” ผมร้อนตัว หน้าแดงแปร๊ดดดด
“แหม กูแซวเล่น ทำหน้าแดงนะมึง”
“แซวห่าไรเมิง หน้าอย่างไอ้เชี่ยเวอร์ ใครได้ไปเป็นแฟน ซวยทั้งชาติ” แถๆๆ เข้าไปกู
“อ่ะแน่ะ ทำเป็นกลบเกลื่อนนะมึง วันก่อนยังแอบเห็นหอมแก้มกันแหม็บๆ” เฮ้ยยยย มึงไปเห็นตอนไหนวะ มองไปที่เวอร์ มันทำไม่รู้ไม่ชี้ ควายยยยยยย มึงนั่นแหละทำอะไรไม่ระมัดระวัง คราวนี้แหละ ได้รู้กันทั่วทั้งโรงเรียน ... นี่แหละคือเหตุการณ์ไม่ปกติ ที่มันเกิดขึ้นเป็นปกติ เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น ไอ้เวอร์มันจะหาเรื่องกัดกับผม แต่ลับหลังคนอื่นนี่สิ ได้ขโมยกอด ขโมยหอมแก้มผมตลอด ตอนแรก นึกว่าไม่มีใครสังเกตเห็น แต่ที่ไหนได้...
ปึง! ตึง! เสียงไอ้ตุ๊เตะเก้าอี้ แล้วพรวดพราดเดินออกจาห้องไป เพื่อนๆหันตามไปมองกันเป็นตาเดียว ว่ามันเป็นอะไรวะ ตะกี้ยังคุยกันดีๆ
“นั่นไง สามีหลวงงอนไปนู่นล่ะ ไปตามง้อหน่อยสิว้า” ไอ้อุ้ยยังเล่นไม่เลิก ไอ้ห่านี่ กูไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว
“เชี่ยอุ้ย เยอะไปละมึงเนี่ย หยุดพล่ามได้ยัง แล้วพวกมึงเป็นห่าไรเนี่ย มารุมซะอย่างกับกูเป็นนักโทษ หลบๆๆ ไปซิเนี่ย รำคาญ” ผมทำโวยวาย เพราะเริ่มจะจนตรอกเข้าไปทุกที
“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่า วงแตกกันเลยเชียว วันนี้พอหอมปากหอมคอก่อนละกันนะ วันหลังค่อยเอาใหม่” ไอ้อุ้ยหัวเราะร่วน ที่วันนี้มันได้เผาผมซะเกรียม ควันขโมงเชียว
“เชี่ย ฝากไว้ก่อนเหอะมึง ไอ้อุ้ย” ผมบ่น อุบอิบ แต่มันยังทำหน้ามะเล้นใส่ หันไปมองไอ้เวอร์ มันก็ยังทำหน้ามึน ไม่ร็ไม่ชี้เหมือนเดิม ฮึ่มมมมม เพราะมึงคนเดียวไอ้บ้ากามมมมมม
