ตอน 35: แอบ
ตอนนี้แผลไอ้เวอร์เริ่มจะหายสนิทแล้ว ช่วงนี้ผมยังไปไหนมาไหนกับมันอยู่ ตามดูมัน กลัวว่ามันจะแอบบไปเล่นบาสอีก เดี๋ยวได้เข้าโรงพยาบาลอีกรอบ แค่นี้ตัวมันก็รุ่งริ่งเต็มที คงไม่มีที่ว่างตรงไหน จะไปให้หมอลงมีดได้อีกแล้ว
เรื่องที่มีสาวๆทั้งรุ่นน้อง รุ่นพี่ มาชอบไอ้เวอร์มากมาย เป็นเรื่องปกติธรรมดา มีขนมมาฝากมันบ้าง ของฝากอื่นๆอีกมากมาย ส่วนตัวพวกผมเองก็พลอยได้อานิสงค์ จากความฮ็อตของมันอยู่เป็นระยะๆ ตัวผมเองก็เห็นว่ามันไม่ได้สนใจใครเป็นพิเศษ ก็เลยสบายใจไปได้เปลาะหนึ่ง แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าวันหนึ่งมันเกิดไปชอบใครคนใดคนหนึ่งขึ้นมาแล้วผมจะเป็นอย่างไร
อย่างที่บอกเกือบทั้งหมด ผู้หญิงจะเป็นฝ่ายเข้ามาหามันเองเสียมากกว่า แล้วมันก็มีนิสัยที่ปฏิเสธคนอื่นไม่เป็นเสียด้วย เพราะฉะนั้นไม่ว่าชอบหรือไม่ชอบใคร ถ้าเค้าเข้ามาหามันก็จะคุยกับเค้าได้ซะทุกคนไป แต่ก็มีอยู่สองคน ที่ผมเห็นว่าจะมาแรงเป็นพิเศษ คือเพื่อนร่วมห้องชื่อเหมียว และน้องจั๊กจั่นที่อยู่ ม.1 ที่บอกว่ามาแรงเพราะผมสังเกตว่าสองคนนี้แสดงออกอย่างมากมายเกินงาม โดยเฉพาน้องจั่นกล้าเอาจดหมายมาให้เอง ตอนไอ้เวอร์ป่วยก็เห็นมาหากันแทบทุกวัน แถมผมเคยแอบเห็นว่าเกาะแขนไอ้เวอร์เดินด้วย ผมสังเกตว่าหลายครั้งเห็นไอ้เวอร์เป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาไปคุยกับน้องจั๊กจั่นเอง และหลายครั้งที่ผมอดจะคิดไม่ได้ว่ามันจะชอบน้องเค้าจริงๆ บางวันก็เห็นเดินไปหน้าโรงเรียนด้วยกัน อย่างเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ก็เห็นว่ามันไปช่วยน้องเค้ายกถุงปุ๋ยหมักอยู่ที่แปลงเกษตร หรืออย่างวันนี้ที่ทำให้ไอ้โมของขึ้นขนาดหนัก
ตอนช่วงก่อนพักเที่ยงผมเห็นว่ามีเพื่อนน้องจั๊กจั่นมายืนคุยอะไรกับมันอยู่ข้างหลังห้อง เห็นมันยิ้มๆ พยักหน้า แล้วน้องก็กลับไป
จนถึงช่วงพักเที่ยง
ไอ้เวอร์ : “เด๋วกินข้าวเสร็จเมิงไปสนามบาสกันก่อนนะ เดี๋ยวกุตามไป”
ไอ้ตุ๊ : “อาราย นัดสาวไว้เหรออออ อ๊ะๆๆๆ หรือว่าเป็นน้องจั๊กจั้น”
ไอ้โม ปรี๊ดดด ใจเต้นตุ๊บๆๆ แต่ยังเก็บอาการไว้อยู่ ทำเป็นไม่สนใจที่มันคุยกัน แล้วแกล้งหันมาคุยกับไอ้อุ้ย
ไอ้เวอร์ : “รู้ดีนะเมิง เดี๋ยวนี้ แสนรู้ยิ่งกว่าไอ้โมอีก ฮ่า ฮ่า”
ไอ้โมปรี๊ดดดด หนักว่าเดิม แต่ก็ยังเก็บอาการไว้ได้ (กัดฟัน) เมิงจะแอบไปหาผู้หญิงอื่น แล้วยังมาหลอกด่ากูเป็นหมาอีก เจ็บอ้ะ ปรี๊ดด้วย
ไอ้ตุ๊ : “อ่าว ไอ่ห่านี่ หลอกด่าว่ากุเป็นแมว เดี๋ยวปั๊ดโบก”
ไอ้เวอร์ :”ฮ่า ฮ่า”
ไอ้สองคนนี่ยังไม่รู้สึกถึงรังสีอำมหิตที่ไอ้โมปล่อยออกมา ยังคงหัวเราะเริงร่ากันนต่อไป แต่ตอนนี้ข้างในไอ้โมเดือดปุดๆ
ไอ้อุ้ย : “อ่าวไอ้โม เมิงมากระทืบตีนกุทำไมเนี่ย เจ็บนะโว้ย”
อ่าวไอ้โมลืมตัว
ไอ้โม : “ป่าว กุนึกหมั่นใส้เมิงขึ้นมา วันก่อนเมิงเสือกมองหน้ากวนตีนกุ” อูยยย แถซะแสบสีข้างเลยกู มันสามคนมองผมอย่าง งงๆ
ไอ้เวอร์ :”งั้นกุไปละ” ไปเลยชิ้วๆ ผมไม่สนใจแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วนั่งคุยกับไอ้อุ้ยต่อไป แต่ในใจนี่เต้นตุบๆ ผมเห็นมันเดินหายไปทางด้านข้างอาคารเรียนสาม ฝั่งที่ติดกับรั้วโรงเรียน ส่วนพวกผมสามคนก็เดินกันไปยังสนามบาส แต่ระหว่างทางนั้นไอ้โมก็เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา
“พวกมึงเดินกันไปก่อนนะ เด๋วกุไปเข้าห้องน้ำก่อน เดี๋ยวตามไป” ไอ้โมไม่ทันให้ไอ้สองคนนั้นตอบกลับมา รีบวิ่งไปทางห้องน้ำ แต่พอมาถึง ก็รีบวิ่งอ้อมกลับไปอีกทาง เพื่อไปที่.........ด้านข้างของอาคารเรียนสาม
ผมไปถึงก็แอบซุ่มๆดูอยู่ที่ข้างตึก สังเกตเห็นว่ามีเพื่อนน้องจั่น 2-3 คนยืนอยู่ห่างๆเหมือนคอยดูลาดเลาให้ ส่วนไอ้เวอร์กับน้องก็ยืนคุยกันอยู่ หน้าระรื่นเชียว เห็นมันยื่นคุยกันอยู่ซักสิบนาทีได้ ก็เลิกคุยกันแล้วเดินออกมา แต่ทันใดนั้น ก่อนที่จะเดินมาพ้นมุมตึก ผมก็เห็นน้องเค้าโดดห้อมแก้มไอ้เวอร์เอาดื้อๆซะงั้น (ใช้คำว่าโดด เพราะน้องเค้าสูงแค่ไหล่ไอ้เวอร์เอง) แรงงงงงงมากเด็กคนนี้นึกว่าจะใสซื่อบริสุทธิ์ ที่ไหนได้ ไอ้เวอร์ดูอึ้งๆไป แต่เพื่อนๆน้องนี่กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ ฮึ่มมมมม แต่ว่ามึงไอ้เวอร์ไม่คิดจะขัดขืนหน่อยรึ คงจะชอบล่ะสิท่า ไหนบอกรักกุนักรักกุหนา แล้วเมิงมาทำอย่างนี้กับคนอื่นอ่ะนะ เจ็บอ่ะ ใจผมเต้นตุบๆ มือที่กำแน่น แต่ขาแทบจะหมดเรี่ยวแรง จะว่าโกรธก็ไม่เชิง มันแน่นๆหน้าอก หายใจไม่ออก รู้สึกลำคอมันตีบ กลืนน้ำลายลำบาก (พิษสุนัขบ้าป่าววะ ฮา) น้ำตาจะไหลก็ไม่ไหล ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร รู้แต่ว่ามันอึดอัดมากๆ ไอ้โมไม่กล้าอยู่ดูต่อ รีบเดินถอยหลังออกมาโดยไว เดินอย่างหมดแรงขึ้นไปบนชั้นเรียน ตอนนี้พักเที่ยง คงไม่มีใครอยู่ ขอไปนั้งเงียบๆคนเดียวละกัน โดยลืมไปเสียสนิทว่าผมนัดกับไอ้ตุ๊ แล้วก็ไอ้อุ้ยไว้
ตลอดบ่ายนั้น คงไม่ต้องเล่าว่าไอ้โมนั่งเหม่อ ไม่คุยกับใคร ผมย้ายมานั่งด้านหลังห้องคนเดียว ทำเป็นแกล้งอ่านหนังสืออะไรไปเรื่อยเปื่อย แต่จริงๆคิดถึงเรื่องที่ได้เจอมา มันสามคนคงงงว่าเมื่อเช้าผมก็ร่าเริงอยู่นี่หว่า แล้วไหงบ่ายมา ทำท่าอย่างกับหมาหงอย
หลังจากวันนั้น ผมเห็นไอ้เวอร์หายไปพบน้องเค้า อีกหลายต่อหลายครั้ง ผมแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ที่มันไปพบกับน้องเค้า ผู้ชายยังไงก็คงต้องคู่กับผู้หญิงอยู่วันยังค่ำ ผมพยายามหลบหน้าไอ้เวอร์ตลอด มันเองก็คงรู้ถึงความผิดปกติของผม พยายามเข้ามาคุย มาถามว่าผมเป็นอะไร แต่ผมก็หลบหน้ามัน ผมเลือกที่จะปลีกตัวออกมาอยู่ตามลำพังบ่อยครั้ง ทำเป็นตั้งใจอ่านหนังสือ แต่จริงๆแล้วกลับใช้เวลาเหล่านั้น วนเวียนคิดถึงแต่เรื่องผมกับมัน ถึงแม้ผมไม่อยากรับรู้เรื่องราวใดๆของมันกับน้องจั๊กจั่น แต่จนแล้วจนรอด ก็ยังมีเรื่องราวของมันกับน้องจักจั่น ลอยมาเข้าหูผมอีกเป็น ระยะๆ ซึ่งทุกครั้งที่ผมได้ยินเรื่องราวเหล่านั้น คงไม่มีคำใดมาอธิบายได้ดีไปกว่าคำว่า....เจ็บ