คุณดิท : เอามาคืนนะจ๊ะ
ปฐมลิขิต :: มัวแต่อัพเรื่องพ่อมัน ลืมเรื่องลูกมันเฉย ณ จุดนี้ กลับมาหาลูกมันต่อ เพื่อระบายอารมณ์(เกรียน)
แต่เรายังคงไม่รู้จักกับ INDY-POET นะ (ทัน?)
::ไม่เกรียนที่ 6:: อกหัก?“อะ.. ต้องรวบตึงๆหน่อย”
ผมบ่นขณะหวีผมและรวบผมของไอ้ฝันและผูกให้อยู่ทรง
ถัดจากนั้นก็หวีหน้าม้าของเพื่อนสาวให้เรียบร้อย
“เสร็จละ น่ารัก สวยงาม ดีกว่าเดิมเยอะ”
ผมยิ้มแปล้
<< หน้าไอ้ฝัน
“เอ้าๆ สองคนนี้ยังไม่ไปโรงเรียนกันอีก?”
พ่อน่ารักเดินมาแว๊ด
“กำลังจะไปครับพ่อ”
ผมบอกพลางคว้ากระเป๋าตัวเองขึ้นมา “ก็ผูกผมให้ไอ้ฝันอยู่อะ”
พ่อน่ารักได้ยินดังนั้นก็ขำก๊าก “นี่ถ้าไม่ใช่เห็นมานาน ไม่เชื่อนะเนี่ยว่าเป็นแค่เพื่อนกัน”
ผมขมวดคิ้ว “ไม่ใช่แค่เพื่อน ตั้งเพื่อนแน่ะครับ”
ไอ้ฝันทำหน้าเหยๆ แล้วยกมือไหว้พ่อผม “ไปละครับพ่อ”
พ่อน่ารักพยักหน้ารับ แล้วเตือนก่อนไป “รักษาทรงผมที่ไอดิลทำดีๆล่ะ”
ไอ้ฝันหันมาแค่นหัวเราะ “เดี๋ยวมันก็หลุดลุ่ยพ่อ!”
ผมกับไอ้ฝันเดินไปโรงเรียนพร้อมกันในเช้าของอีกวัน
ก็อย่างนี้แหละครับ บางวันไอ้ฝันก็จะแวะหาผมที่บ้านก่อน ถ้ามันไม่ตื่นสาย
ซึ่งก็มักจะมีเวลาพอให้ผมจัดการกับผมเผ้าของมัน
หลายครั้งอยากถามว่า มึงแน่ใจนะ ว่ามึงเป็นผู้หญิงอะ -*- เรียบร้อยหน่อยอะไรหน่อย
[เกรียนคนเขียน : ฮัดเช้ยย!!]
ผมเดินออกมาจากบ้านพร้อมไอ้ฝันก็ประจวบเหมาะกับตอนที่ไอ้หมอกออกมาพร้อมมอเตอร์ไซค์มันพอดี
“หวัดดี”
ไอ้หมอกยิ้มให้น้อยๆ แต่ทำไมรู้สึกว่ามันทำหน้าแปลกๆชอบกลวะ
แล้วอีกอย่างหวัดก็ไม่ดีด้วย [ไอ้เกรียน มึงกล้าเล่น?]
“อืม ถ้าจะไปพร้อมกันก็ได้นะ”
ไม่รู้มันถามใครครับ ผมจึงตอบเอง
“ไม่เป็นไร เราจะเดินไปสองคน”
แล้วผมก็พยักหน้าเรียกไอ้ฝันมา
“ไอ้ดิล”
ไอ้ฝันเรียก “มึงไม่รู้จริงเหรอวะ?”
“รู้”
ผมบอกเพื่อนสาว
ไอ้ฝันเกาหัว
“กูไม่ได้หมายถึงรู้แบบเมื่อวาน กูหมายถึง..”
“กูรู้ กูรู้”
ผมรีบบอก และยืนยันเจตนารมณ์เดิม “กูจะปกป้องอธิปไตยของพ่อกู”
<< หน้าไอ้ฝัน
“เออๆใช่ มึงรู้มากเลย” เพื่อนสาวผมตัดบท แล้วก็บ่นเบาๆ แบบที่ผมไม่แน่ใจว่าได้ยินถูกหรือไม่
“เวรกรรมของมึงจริงๆไอ้หมอก..”
.
.
?
. . . . . . . . . . . . . . . .
“ในฝัน”
เหมือนเดิมครับ เสียงอาจารย์ขานชื่อรับสมุดและผมก็พร้อมจะอ้าปากเมื่อได้ยินชื่อเพื่อน
“หากฝันว่าฉันและเธอ..-”
“ไอ้กวีกานต์ หุบปากเลยนะ!”
ไอ้ฝันกระซิบดุดุมาจากโต๊ะหลัง ผมได้แต่นั่งหัวเราะ
หัวเราะไปหัวเราะมาก็ตงิดๆว่าโดนมองแปลก จึงหันไปหาคนข้างตัว
“อะไร?”
ผมเลิกคิ้วกับสายตาเคืองๆบางอย่างของไอ้หมอก
“กูพูดมากไปเหรอ?”
หมอนั่นยักไหล่
“งั้นมั้ง”
ผมยักไหล่บ้าง
“โทษที”
“คงคบกันมานานแล้วสินะ”
ไอ้หมอกเปรย จนผมไม่แน่ใจว่ามันกำลังคุยกับผมหรือว่าทำวัตรเช้า [โทษที กรูเพิ่งบวชมา แหะๆ]
“คงจะ..”
ไอ้หมอกสวดถึงบทไหนแล้วอ่ะ “รักกันมานาน..”
ผมเพ่งมองมันอีกรอบ “มึงโอเคนะ?”
มันมองผมแป๊ปหนึ่งแล้วบอกว่า “โอเคอยู่แล้ว”
“โอเคก็ดี ทำหน้าเหมือนคนอกหักไปได้”
ผมตบหลังตบไหล่มัน แล้วหันไปมองกระดานดำ
ช่วงเปลี่ยนคาบเป็นอะไรที่พวกเราเฮฮากันมาก
เพราะระหว่างรออาจารย์เข้าสอนและภาวนาให้อาจารย์เกิดเจอฝนตก รถติด ตื่นสาย ควายออกลูก อะไรก็แล้วแต่ ก็เป็นช่วงที่เด็กมอปลายอย่างเราๆ เล่นเป็นเด็กๆ
“เฮ๊ย อย่าขวางดิวะ!”
ไอ้ฝันแว๊ดใส่ เมื่อผมขวางทางรถ
-*-
รถที่ว่าคือรถกระดาษ ที่พับของใครของมัน แล้วเป่าเล่นว่าใครไปได้ไกลกว่า..
“ฝัน อีกซักพักเราตั้งวงเล่นมอญซ่อนผ้ากันดีไหม?”
ผมถามเพื่อนสาวยิ้มๆ แต่ไอ้ฝันแยกเขี้ยวใส่
ผมหัวเราะเบาๆ และหันไปเจอแววตาโรคจิตแบบเดิม
“มึงยิ้มให้ฝันนี่น่ารักดีนะ”
ไอ้หมอกทำวัตรเช้าอีกครั้ง
“ห๊ะ?”
ผมเลิกคิ้ว “น่ารัก? อะไร? กู หรือไอ้ฝัน หรือยิ้ม หรืออะไร?”
“มึง.. เอ้ย กูหมายถึงยิ้ม”
ไอ้หมอกบอก
อ่อ.. “ก็..เออ”
จะให้ผมตอบยังไงล่ะครับ
กูยิ้มกับเพื่อนนี่กูผิด?
“ไอ้ฝัน มึงเล่นจนผมหลุดอีกแล้วนะว้อย เดี๋ยวก็โดนหักคะแนนระเบียบอีกหรอก”
ผมบ่นมัน ขณะไอ้ฝันชื่นชมยินดีที่ตัวเองเป็นแชมป์เป่ารถอยู่
เพื่อนสาวยักไหล่ “มันไม่เหลือให้หักแล้วอ่ะ”
.
.
-*-
“มาๆ”
ผมเรียกมัน แล้วจัดการแกะยางออกมาผูกผมให้มันใหม่
ดูเพื่อนๆทุกคนในห้องจะชินกับภาพแบบนี้ ยกเว้น..
“มึงคงจะรักเขามากสินะ..”
ไอ้หมอก มึงทำวัตรเย็นเร็วไปไหม?
“อะไร?”
ผมถามเมื่อกลับมานั่งที่
“เปล่า กูแค่เพิ่งเคยเห็นเพื่อนผู้ชายผูกผมให้เพื่อนผู้หญิง”
ไอ้หมอกมองผม ผมจึงบอกมันอย่างซื่อๆ
“ก็ไอ้ฝันไม่ใช่แค่เพื่อน”
ก็จริงนี่ครับ ไอ้ฝันไม่ใช่แค่เพื่อน มันเป็นตั้งเพื่อน เพื่อนรักผมด้วยนา.. ผิดเหรอ?
ก็ถ้าไอ้ฝันมีปัญญาทำเองหรือใส่ใจที่จะทำซักนิด ผมก็คงไม่ทำให้มันหรอกครับ
ผมพูดธรรมดา แต่ไอ้หมอกจะได้ยินคำพูดผมเป็นคำสั่งประหารจากท่านเปาหรืออย่างไรไม่แจ้งถึงได้ทำหน้าใกล้ตายแบบนั้น
“กูเข้าใจนะว่าช่วงนี้ฝนตกน้ำท่วม แต่มึงอย่าเครียดเกินไปสิวะ”
ผมตบไหล่มันอีกครั้ง “อะไรบางอย่างก็ต้อง Let it be รับเอาเท่าที่มีอยู่นะเว้ย พ่อกูสอนมา”
<< หน้าไอ้หมอก
. . . . . . . . . . . . . . .
“วันนี้ไอ้หมอกเป็นอะไรรึเปล่าวะ มันเตะบอลดูเนือยๆชอบกล”
ไอ้ฝันถามขณะยื่นแก้วน้ำให้ผม
“มันเครียดเรื่องน้ำท่วม”
ผมบอก
“ห๊ะ?”
ไอ้ฝันเลิกคิ้ว “แต่บ้านเราไม่ท่วมนะ”
ไอ้หมอกเดินมาพอดี จึงขมวดคิ้ว
“เหมือนได้ยินชื่อเรา?”
“พูดกูก็ได้”
ไอ้ฝันไม่ถือ มันโบกไม้โบกมือ
“แค่ถามว่ามึงเป็นอะไรรึเปล่าดูเนือยๆ ไอ้ดิลเลยบอกว่ามึงเครียดเรื่องน้ำท่วม”
.
.
“อ้อ..”
ไอ้หมอกพยักหน้า “เออใช่ คือ เอิ่ม เชียงใหม่บ้านกูน่ะ น้ำท่วม แบบว่า ถึงกูจะย้ายมาแล้ว แต่ก็เป็นห่วงน่ะ”
มันพ่นลมหายใจ แล้วตบไหล่ผมเบาๆ “ขอบใจไอดิล มึงเข้าใจกูเหลือเกิน”
ผมฉีกยิ้มให้มัน “ไม่เป็นไรเลย มีอะไรก็ปรึกษากูได้”
เอาน่ะ ตราบใดที่มันไม่ล่วงล้ำอธิปไตยของพ่อผม ผมก็จะเป็นเพื่อนที่ดีกับมันและลูกเสืออื่นทั่วโลก
. . . . . . . . . . . . . . . . . .
“แอบส่งยิ้มทุกวัน..แม้ว่ามันเหมือนคนบ้า ยังคิดถึงทุกเวลา..แม้ว่าฟ้าไม่เข้าใจ
เก็บความหวั่นไหวที่มี..กับรักครั้งนี้เป็นไปไม่ได้”
.
.
ผมเปิดประตูออกมาหลังบ้าน
ก็พบว่าไอ้หมอกและกีต้าร์ของมันนั่งแหกปากอินดี้อยู่ก่อนแล้ว
ผมยืนกอดอกมองมัน จนเจ้าตัวคงรู้สึกถึงรังสีอำมหิต
“อะไร?”
มันเลิกคิ้ว “กูเสียงดังไปเหรอ”
ผมยักไหล่
“งั้นมั้ง”
มันยักไหล่บ้าง
“โทษที”
“มึงอกหักใช่มั๊ย?”
ผมตัดสินใจถามมันไป
ไอ้หมอกเบิ่งตามองผม “รู้ได้ไงวะ?”
ผมยืดอกขึ้น “เอ้า ก็กูฉลาด”
“งั้นเหรอ..?”
ไอ้หมอกยังทำหน้าไม่มั่นใจ
แน่ะ มึงยังคิดว่ากูโง่
ผมจึงแสดงเชาว์ปัญญาให้มันได้กระจ่าง “กูรู้ด้วยซ้ำว่าอกหักจากใคร”
ไอ้หมอกวางกีต้าร์ แล้วเดินมาริมกำแพง
“เหรอ.. ใครล่ะ?”
เรายืนมองตากัน มีเพียงกำแพงบ้านที่สูงแค่ระดับอกคั่นกลาง
ผมบอกอย่างมั่นใจ
“ไอ้ฝัน!”
.
.
แล้วไอ้หมอกก็ทำหน้า กูนึกแล้ว..ว่ามึงคิดได้แค่นี้ ให้ผม
“อย่ามากลบเกลื่อนหน่อยเลย วันนี้กูสังเกตนะ ว่ามึงถามกูเรื่องไอ้ฝันหลายรอบแล้ว”
ผมอมยิ้ม แล้วเอามือชี้ๆมันแบบพยายามจับพิรุธ
ไอ้หมอกหัวเราะหึหึอย่างปลงๆ แล้วจับมือผมที่พยายามชี้ๆมันไว้
“ไปนอนเถอะ ดึกแล้ว..”
มันบอกทั้งที่ยังไม่ปล่อยมือ
แน่ะๆ มาทำเป็นไล่ผมไปนอนกลบเกลื่อน
เสียทีที่โดนรู้ทันล่ะซี
“งั้นมึงก็ปล่อยดิ กูจะได้ไปนอน”
ผมบอกมัน พลางมองมือตัวเอง
เมื่อมันปล่อย ผมก็หันหลังเข้าบ้าน
“ไอดิล”
มันเรียกอีกครั้ง ผมจึงหันกลับไปมอง
“นอนใส่เสื้อผ้าด้วย แล้วก็ปิดหน้าต่างด้วยนะ”
. . . . . . . . . . . . . . ผมกำลังจะเคลิ้มหลับ แต่ก็ยังได้ยินเสียงบรรเลงแว่วมาจากบ้านข้างๆ
“แค่ขอ..เป็นคนห่วงใย ได้รักไกลๆ คิดถึงไกลๆแค่นั้น”
. . . . . . . . . .
“ฝัน กูรู้แล้ว”
ผมบอกเพื่อนสาวในเช้าวันรุ่งขึ้น
“หือ รู้อะไร?”
ไอ้ฝันเลิกคิ้ว
ผมเต๊ะท่าภูมิใจ
“ก็ไอ้หมอกอะ มันไม่ได้เครียดน้ำท่วมเว้ย”
ไอ้ฝันกระตุกยิ้ม
“เหอๆ ในที่สุดมึงก็ฉลาดแล้วเหรอ”
แน่นอน ผมฉลาด
“มันอกหักต่างหากล่ะมึง!”
ไอ้ฝันเบิ่งตากว้าง
“โห แค่ข้ามคืน มึงฉลาดขึ้นขนาดนั้นเชียว”
ไอ้ฝันยังไม่รู้จักผมดีครับ ทำมาดูถูก เดี๊ยะ เดี๊ยะ
“ฮาว่ะ ไอ้หมอกอกหักทั้งที่ยังไม่เริ่มจีบ เพราะมันคิดเราสองคนเป็นแฟนกัน”
ไอ้ฝันพยักหน้า
“เออ มึงก็แก้ไขความเข้าใจผิดให้มันด้วย สงสารมัน”
แต่ผมทำหน้าเหี้ยม
“ไม่ว่ะ กูจะไม่ยอมให้มันได้จีบมึงง่ายๆหรอก”
“ห๊ะ? มึงว่าไงนะ”
ไอ้ฝันหันขวับมา
“ก็มันชอบมึงอะ”
ผมเฉลย
..ไอ้ฝันก็ทำหน้าแบบที่ผมบรรยายไม่ได้ แล้วพูดสั้นๆ
“ไอ้ดิล แม่งเอ้ย บักฟาย!”
. . . . . . . . . . . . . . .
ตอนต่อไปรอก่อนนะครับ ขอโทษนะ
ขอได้รับความขอบคุณ….จากเกรียน(มิใช่)น้อย