เนื่องจากแช่อิ่มไว้ไม่นานเท่าไหร่ จนตัว(เกรียน)คนเขียนเองก็ลืมเนื้อเรื่องไปแล้ว
จึงขอย้อนรอยเพื่อปะติดปะต่อนิดนึง.. แล้วเราก็จะมาแบบหมอกๆบ้างไม่เกรียนที่ 7 :: Shut Up! and Listen!Smog’s POV!คุณเคยไหมครับ? ..ที่มีความรู้สึกดีๆให้ใครสักคน
..ความรู้สึกพิเศษที่ไม่เคยให้กับใคร แต่คุณเทใจให้เขาไป..เพียงครั้งแรกที่ได้สบตา..
เขาน่ารัก.. ร่าเริง.. เก่ง.. และจิตใจดี..
.
.
..แต่ให้ตายเถอะ
มันโง่!!
..เขาไม่เคยรับรู้เลย ว่าผม..
เฮ้อ..
ผมถอนหายใจปลงๆ
พร้อมกับพยายามอย่างยิ่งให้ไม่นึกถึงตาใสๆของใครคนหนึ่งที่ทำเอาผมหลงหัวปักหัวปำตั้งแต่เห็นเขาที่หน้าบ้าน..
[ไอหมอ ยิ้มอะไร? ก็กุคิดพล็อตนิยายไม่ออก ยืมหน่อยไม่ได้รึไง!]“แอบส่งยิ้มทุกวัน..แม้ว่ามันเหมือนคนบ้า ยังคิดถึงทุกเวลา..แม้ว่าฟ้าไม่เข้าใจ
เก็บความหวั่นไหวที่มี..กับรักครั้งนี้เป็นไปไม่ได้”.
.
ผมนั่งแหกปากอินดี้อยู่หลังบ้านตัวเอง
..อาจคาดหวังให้ใครที่อยู่บ้านข้างๆออกมาได้ฟัง
โชคดียังเป็นของผมอยู่บ้าง..
ถึงแม้ไอดิลจะไม่ค่อยฉลาด แต่ก็นับว่าหูมันยังดีอยู่
เพราะอีกซักพักผมก็รู้สึกรังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านไปทั่วบริเวณ
ไอดิล..
ไอดิลหมายถึงอะไรไม่รู้ คนอะไรชื่อแปลกๆ..
“อะไร?”
ผมหันไปมองหลังจากได้ยินเสียงฝีเท้า และเลิกคิ้วถามมัน “กูเสียงดังไปเหรอ?”
ไอดิลยักไหล่
“งั้นมั้ง”
ผมจึงเลียนแบบ ยักไหล่บ้าง
“โทษที”
ไอดิลมองผมอย่างพินิจพิจารณาประเดี๋ยวหนึ่งแล้วถามออกมาในสิ่งที่ผมไม่คิดว่าคนอย่างมันจะมีปัญญาถามได้
“มึงอกหักใช่มั๊ย?”
หือ?
ผมเกิดประกายระยิบระยับในดวงตา
ไอดิล..ในที่สุด มึงก็เข้าใจ!
อย่ากระนั้นเลย..ทำหน้าประหลาดใจเสียหน่อย
“รู้ได้ไงวะ?”
มันยืดอกขึ้น กระหยิ่มยิ้มย่อง “เอ้า ก็กูฉลาด”
“งั้นเหรอ..?”
ผมไม่ค่อยมั่นใจ
สติปัญญาระดับมันเนี่ยนะ?
“กูรู้ด้วยซ้ำว่าอกหักจากใคร”
ไอดิลอวดฉลาด
ผมจึงวางกีต้าร์ แล้วเดินมาริมกำแพง ..เพื่อใกล้มันให้มากขึ้น
“เหรอ.. ใครล่ะ?”
กำแพงบ้านที่คั่นกลางเราเอาไว้สูงแค่อกเท่านั้น
ผมไม่หวั่นใจ เพราะสามารถกระโดดข้ามไปปล้ำมันได้อย่างง่ายดาย
เย้ย! ไม่ใช่!!
ขณะผมกำลังคิดคดทรยศ ไอดิลก็โพล่งออกมา
“ไอ้ฝัน!”
.
.
ห๊ะ?
ยังไง? ใคร? อะไรนะ?
“อย่ามากลบเกลื่อนหน่อยเลย วันนี้กูสังเกตนะ ว่ามึงถามกูเรื่องไอ้ฝันหลายรอบแล้ว”
ไอดิลใส่ไฟต่อไม่หยุดยั้ง
..นี่แหละครับ
ชีวิตมันก็เศร้าแบบนี้แหละ
ไอ้เราก็นึกว่าจะรู้ตัว ที่ไหนได้ ดันหวงแฟน
แต่จะว่าไป ไอ้หมอนี่มันเป็นคนใจกว้างทีเดียว ขนาดคิดว่าผมชอบแฟนมัน มันยังไม่มีท่าทีเคืองโกรธผมเท่าไหร่
แต่ก็นั่นแหละนะ ไอดิลอาจจะรู้ดีว่าผมไม่มีทางพรากฝันไปจากมันได้ก็เป็นได้
ผมหัวเราะหึหึอย่างปลงๆ ผมไปแทนที่ในฝันไม่ได้.. ผมจึงจับมือมันที่พยายามชี้ๆหน้าผมไว้
“ไปนอนเถอะ ดึกแล้ว..”
ผมตัดบทก่อนจะช้ำใจไปมากกว่านี้
เฮ้อ..ดันไปรักคนมีเจ้าของ ไอ้หมอกนะไอ้หมอก
..ก็จริงไหมละครับ มันไม่สำคัญหรอกว่าไอดิลจะเข้าใจว่ายังไง ในเมื่อยังไงเสีย ไอดิลกับฝันก็..
ตอนแรกผมคิดนะว่าเขาคงเป็นแค่เพื่อนที่สนิทกันมากๆ
แต่เมื่อผมเห็นถึงขนาดเดินกอดคอ ผูกผมให้กัน และเดินออกจากบ้านมาด้วยกันบ่อยๆ..
ผมก็คงต้องยอมรับความจริง
วันนี้ไอดิลก็พูดชัดเจนว่าในฝันไม่ได้เป็นแค่เพื่อน..
“งั้นมึงก็ปล่อยดิ กูจะได้ไปนอน”
มันเตือนให้ผมรู้ว่าผมยังไม่ปล่อยมือมัน
ผมจำต้องปล่อยอย่างเสียดาย..
“ไอดิล”
ผมเรียกไว้อีกครั้ง ก่อนมันกลับเข้าบ้าน
ตั้งใจจะย้ำเตือนเรื่องหนึ่งก่อนที่ใบหน้าในฝันจะมากลบเกลื่อนเสียหมด
“นอนใส่เสื้อผ้าด้วย แล้วก็ปิดหน้าต่างด้วยนะ”
. . . . . . . . . . . . . . ผมนั่งร้องเพลงเดิมซ้ำๆ ตอนนั้นเรื่องสุภาพบุรุษ..ลูกผู้ชาย ที่เติ้ลแสดงกับนุ่น กำลังดัง [ยุคไหน?]
“แค่ขอ..เป็นคนห่วงใย ได้รักไกลๆ คิดถึงไกลๆแค่นั้น”[ไม่ใช่อะไรหรอก คนแต่งมันฟังบิ้วอารมณ์ไปด้วย = =’’]. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
“โย่วว นักเรียนฮร๊ะ หวังว่าวันนี้นักเรียนจะพร้อมสำหรับการเรียน”
อาจารย์เข้ามาทักทายอย่างร่าเริง
“แต่ถ้าไม่พร้อม เราก็จะเรียนกันอยู่ดีนะฮร๊ะ”
<< หน้านักเรียน
อย่าคิดนะครับว่าเฮี๊ยวๆอย่างนี้จะสอนภาษาอังกฤษหรือวิทยาศาสตร์
เธอสอนท้องถิ่นศึกษาครับ.. เกรียนกันทั้งจังหวัด ผมคาดว่า ==’
“เนื่องจากบทเรียนของเรามันอยู่นอกห้อง เพราะฉะนั้นขอให้นักเรียนย้ายก้นลีบๆมาจากเก้าอี้ แล้วตามมาทางนี้”
แล้วเสียงเลื่อนเก้าอี้ก็ดังขึ้น
ผมกับไอดิลนั่งข้างกัน (แต่เหมือนไกลแสนไกล) (เพราะไอดิลมักจะหันไปคุยแต่กับฝัน แฟนของมัน)
เรา-เหล่านักเรียนพกเพียงตัวกับหัวใจและสมุดบันทึกเล่มเล็กที่อาจารย์แกให้เอากระดาษมาเย็บติดกันเมื่อคาบก่อนกับดินสออีกหนึ่งเล่ม
“โปรดทราบ คาบนี้ ไม่อนุญาตให้ใครเกรียน”
อาจารย์ประกาศขณะเดินนำไป ไอดิลกับในฝันหน้าสลดกันทันที
เฮ้อ..คู่นี้เขาสมเป็นเพื่อนพ่วงเป็นแฟนกันดีอยู่หรอก
ถ้าเพียงแต่..ผมจะไม่ได้มีใจให้ไอดิล
“เซ็ง’จารย์ว่ะ ไม่อนุญาตได้ไงอะ ชีวิตมันติดเกรียนไปแล้ว!”
ในฝันบ่น
“เอาเถอะน่า มึงเรียบร้อยซักคาบ จะเป็น’ไรไป”
ไอดิลตบไหล่
ผมเดินตามหลัง..มองตาละห้อย
เฮ้อ..ทำไมกูต้องมาอยู่ข้างบ้านมึงด้วยวะ!
พัทลุงเป็นจังหวัดเล็กๆก็จริง แต่มันก็น่าจะกว้างพอให้กูไม่ต้องเจอกับมึงสิ!
ผมบ่นในใจอย่างเซ็งๆ รู้สึกไม่อยากมองหน้าไอดิลขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
แม้ผมจะไม่ได้เป็นคนดีนัก แต่ก็ไม่อยากปีนต้นงิ้ว
เอาเถอะ..เมื่อไอดิลมีฝันอยู่ ผมจะตัดใจ..
ผมแทบไม่ได้ฟังว่าอาจารย์สอนอะไรบ้าง เพราะมัวแต่เอามโนธรรมในใจเข้าต่อสู้กับความรู้สึกอยากฟัดไอดิล
“หมอก..”
.
.
“ไอ้หมอก!”
เย้ย..
ผมสะดุ้งโหยง
“เพ้อฝันอะไรอยู่มึง?”
โอย..
อย่ายื่นหน้ามาใกล้อย่างนั้นได้ไหม
ผมบ่นไอดิลในใจ ขณะมันยื่นหน้าขาวๆมาถาม
อยากถามกลับไป กูจูบสักทีจะได้ไหม?
“เปล่า”
ผมส่ายหน้า และละจากการมองปากไอดิลมาอย่างเสียมิได้เมื่อในฝันเริ่มเหล่เอา
“แล้วมึงจะทำที่ไหน?”
ไอดิลยิงคำถาม
“ทำที่ไหน? ทำอะไรวะ?”
ผมถามกลับงงๆ
“เอ้า! มึงได้ฟังอาจารย์สอนไหมเนี่ย?”
.
.
เออ ก็ไม่ได้ฟังหรอก
กำลังตัดใจอยู่!
ผมส่ายหน้ายอมรับว่าไม่ได้ฟัง
ไอดิลขมวดคิ้ว ปากเม้มเข้ากัน
โอย..น่ารัก!
ผมหันหน้าไปทางอื่นอย่างยากลำบาก
มึงจะทรมานกูทำไมเนี่ย!
“มึงไม่ค่อยยอมมองหน้ากูเลยนะวันนี้”
.
.
แน่ะ มาสังเกตอีก
ไอดิลครับ กูจะบ้าตายแล้ว
“เอ้า แล้วหน้ามึงมีอะไรที่กูจะต้องมอง”
ผมตอบกลับไปเข้มๆ ข่มใจ ข่มใจ ฮึ่ม ฮึ่ม!!
ไอดิลถลึงตามองผม
“ชิ!”
แล้วก็สะบัดตูดจากไป
“มึงไปกับพวกกูก็ได้หมอก”
ในฝันเดินมาพูดกับผม
ผมมองงงๆ
ไปไหน? ไปทำไม? ไปปล้ำไอดิลใช่ไหม เออ ไปกัน!
เย้ย ไม่ใช่!!
“กูรู้ว่ามึงไม่ได้ฟังอาจารย์ คืองี้ อาจารย์ให้ไปเที่ยว ที่ไหนก็ได้สักที่ แล้วเขียนมาว่าเป็นยังไง ในจังหวัดของเราเนี่ย บอกว่าที่แห่งนั้นบอกอะไรเราได้บ้างเกี่ยวกับท้องถิ่น”
ในฝันอธิบาย
อ้อ..
ผมพยักหน้า
“แต่กูเพิ่งย้ายมา..”
“เออ ถึงชวนไปด้วยกันไง จะได้ช่วย”
แหม!
นับว่าเธอเป็นคนมีน้ำใจนักกีฬาเป็นอย่างยิ่ง
“แน่ใจเหรอว่าอยากให้กูไปเป็นก้างขวางคอ”
ผมถามตรงๆ
ในฝันพ่นอะไรสักอย่างออกมา แล้วกลั้นหัวเราะ
“เออ อืม เอิ๊ก อือๆ”
ภาษาอะไรของเธอเนี่ย?
.
.
“..ก็บักฟายพอกันทั้งคู่แหละว้า”
ในฝันก่นด่าใครสักคนหรือสองคนที่ผมไม่รู้ว่าเป็นใคร
..สรุปก็คือ ในฝันกับไอดิลเลือกสถานที่ได้แล้ว และจะไปเที่ยวทะเลน้อยกันในวันเสาร์ครับ
โดยชวนผมไปเป็นพยานรัก
ผมเถียงกับตัวเองอย่างหนักว่าจะไปหรือไม่ไปดี
แต่ที่สุดแล้ว..ก็ตัดสินใจว่าจะไป
ในฝันมีน้ำใจนักกีฬาชวน แล้วไอหมอกจะปฏิเสธ?
บางที..การไปด้วยกันอาจจะทำให้ผมตัดใจได้ง่ายขึ้นก็ได้
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
“เฮ้อ..”
“ฮื้อ”
“เฮ๊ยย!!”
.
.
เสียงไอดิลครับ มันนั่งดูนาฬิกาและบ่นอย่างหัวเสีย
“ไอ้ฝันมันตายห่าไปแล้วรึไงเนี่ย!?”
เรื่องของเรื่องก็คือเรารอฝันมาซักครึ่งชั่วโมงได้แล้วครับ
ไอดิลพยายามกดโทรไปเท่าไหร่ก็ไม่ติด สุดท้ายจึงโทรเข้าบ้าน
“อ้อ ไอดิลเหรอลูก ฝันฝากบอกว่าขี้รั่วกะทันหัน ให้ลูกไปทะเลน้อยกับไอหมอกได้เลย”ห๊ะ?
ผมได้ยินเสียงลอดออกมาจากโทรศัพท์
“แล้วทำไมมันไม่บอกผมเลยล่ะครับ นี่โทรเข้ามือถือก็ไม่ติด”
ไอดิลส่งเสียงถาม
“เอ้อ แม่ก็ไม่รู้นะลูก แต่เหมือนฝันจะบอกว่าเสียสมาธิในการขี้น่ะจ๊ะ”.
.
ผมจะทำหน้ายังไงดี?
หน้าหงิกๆงอๆหันมามองผม
“ยังไงล่ะทีนี้?”
ผมยักไหล่
“มึงไม่อยากไปแล้วล่ะสิ”
ไอดิลทำหน้ารู้ทัน
ผมขมวดคิ้วงงๆ
“ก็มึงมาเพราะฝันใช่ไหมล่ะ ขอไอ้ฝันตามมาด้วยใช่ไหมล่ะ?”
ไอดิลเอามือชี้ๆผม
“เออ”
ผมตอบด้วยความโมโห
ไอ้คนแบบนี้เนี่ยนะ
ไม่โดนปล้ำ ไม่หลั่งน้ำตา!
“แล้วยังจะไปอยู่ไหม เหลือแค่กูแล้วเนี่ย?”
ไอดิลถามผม
“ถ้ามึงไม่ไป กูจะไปคนเดียว”
ว่าแล้วมันก็กวักรถสองแถวมีป้ายเขียนบอกว่าทะเลน้อยแล้วกระโดดขึ้นรถไป
ไอ้นี่ มาเร็ว เคลมเร็วจริงๆ
ผมก็ช้าอยู่ทำไมละ กระโดดตามขึ้นไปน่ะสิครับ
ผมกับไอดิลโหนรถกันคนละข้าง
ผมล่ะกลัวจริงๆว่ามันจะตกลงไป แต่เอาเข้าจริงไอดิลแข็งแรงกว่าที่คิดนะเนี่ย
เวลาป้าๆมาขึ้นรถ ไอดิลก็จะลงไปคอยช่วยและกลับขึ้นมาโหนอย่างเดิม โดยไม่เข้าไปแย่งนั่งเหมือนรถเมล์ในกรุงเทพฯแต่ประการใด
ผมอมยิ้มมองมัน
ไอดิลขมวดคิ้วตอบ
“อย่ามามองกูแบบนั้น”
ผมเลิกคิ้ว แต่ปากนั่นฉอเลาะต่อ
“มึงอาจจะนึกว่ากูเป็นคนดีเสียจริง แต่ว่าเปล่า ใครๆเขาก็ทำกันอย่างนี้ ที่บ้านกูเป็นแบบนี้”
มันบอกพลางชี้ให้ดูรถโดยสารอีกคันที่ป้ายเขียนว่าป่าพะยอม
มีผู้ชายโหนอยู่ข้างนอกเช่นกัน และเมื่อรถชะลอเพราะมีผู้โดยสารกวัก
ผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ริมก็ออกมาโหนโดยให้คุณป้าที่เป็นผู้โดยสารใหม่เข้าไปนั่งแทน..
ผมพยักหน้า แล้วเราก็ร่วมทางกันต่อไป
เมื่อใกล้ถึงทะเลน้อย รถก็แทบจะว่าง เพราะส่วนใหญ่จะลงระหว่างทาง
ไอดิลจึงเข้าไปนั่งด้านใน..แล้วเพียงไม่นาน ไอ้หมอนั่นก็หลับ
เย้ย! บนรถสองแถวเนี่ยนะ
ผมเข้าไปดันตัวมันเข้าด้านใน แล้วนั่งกันไว้ไม่ให้มันคอพับคออ่อนกลิ้งออกจากตัวรถไป
“ไอดิล..”
ผมเรียก..
“อือ..”
มันคราง แล้วคอก็พับลงมาวางนิ่งบนไหล่ผม
เอื๊อก..
ผมได้แต่กลืนน้ำลาย
มองดวงตาหลับพริ้มอย่างข่มใจ
คุณป้าคนสุดท้ายกดกริ่งแล้วลงไป.. ในรถจึงเหลือเพียงผมที่ตื่นตลอดเวลากับไอดิลที่ยังดำดิ่งอยู่ในภวังค์ซบอยู่กับไหล่ผม..
ให้ตายสิ..
สวรรค์ทดสอบความอดทนกันหรือ..?
แต่สุดท้ายเราสองคนก็มาถึงทะเลน้อยได้โดยที่ไอดิลไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนละครับ
“มึง..”
“ไอดิล..”
ผมเรียก
อยากจะเอามือลูบแก้มเบาๆ แต่ก็ไม่กล้าทำ
“หือ..”
ตาใสๆลืมขึ้นมา
“ถึงแล้วนะ รถจอดแล้ว”
ผมบอกเบาๆ
ดวงหน้าเราใกล้กันเพียงไม่กี่เซนฯ..
ผมมองตาไอดิล..
อยากให้รู้เหลือเกิน..ว่าผมคิดยังไง
ถ้าผมจูบปากสีชมพูนั่น..มันจะรู้ไหม
“หมอก..”
เหมือนว่าไอดิลจะเรียกผม
“ไอ้หมอก!”
เย้ย!
เสียงเล็กๆนั่นกระชากผมออกจากภวังค์
“มึงสบายดีรึเปล่าวะ กูไม่ใช่ไอ้ฝันนะ มองอย่างกะเจอนางในฝันที่ตามหามานาน”
มันมองผมอย่างขบขัน
เฮ้อ..!
ผมหมดอารมณ์กระโดดลงจากรถทันที
เราสองคนจ่ายค่ารถโดยสารคนละ 15 บาท
แล้วผมก็เดินตามตูดไอดิลไปข้างหน้า..
ทะเลน้อย.. ผมเคยเห็นในโฆษณารีเจนซี่ครับ
“เห้ย ถูกที่เหรอเนี่ย”
ผมอุทานขึ้นมาหลังจากเดินมาถึงริมน้ำ
ไอดิลหัวเราะก๊าก
“ถูกแล้ว”
ก็เพราะว่ามันไม่เห็นเหมือนในทีวีเลยน่ะสิครับ..
มันดูแห้งแล้ง..บัวก็ไม่ได้แข่งกันชูดอก..
“เอ้อ..ก็ดี”
ผมไม่กล้าบ่นอะไรมาก เพราะไอดิลเป็นเจ้าบ้านและเป็นคนที่ผมแคร์มาก
แต่เมื่อผมหันไปมอง
..ดวงตาของมันดูเศร้าหมองเหลือเกิน
“เฮ้..เป็นอะไรไปน่ะ”
เมื่อรู้ตัวว่าผมสังเกตอยู่ มันจึงส่ายหน้า กระพริบตาไล่บางอย่างแล้วหันหน้าหนีไปจากผม..
ไอดิลเดินช้าๆไปบนสะพานที่ด้านล่างเป็นผืนน้ำ มีเป็ดน้อยลอยอยู่หลายตัว
นกพิราบเกาะอยู่บนสะพาน และที่ต้นไม้ในน้ำก็มีนกบางชนิดที่ผมไม่รู้จักหาอาหารกินอยู่
“เฮ้.. นกอะไรน่ะ”
ผมชี้มือพลางถาม
ไอดิลหันไปมองตามมือผม
“ที่ตรงโน้นมีรูปกับชื่อนกติดอยู่ มึงจำลักษณะไปเทียบดูสิว่าน่าจะชื่ออะไร กูก็ไม่ใช่นักดูนกหรอกนะ”
มันตอบได้ดีมาก
พร้อมยักคิ้วกวนตีน!
เราเดินกันต่อไป..
“เฮ้ ต้นอะไรน่ะ”
ผมถามมันอีก เมื่อเห็นต้นไม้ชนิดหนึ่งในน้ำเบื้องล่าง
ไอดิลหันมาทำหน้ากวนตีนอีกรอบแล้วตอบได้ดีกว่าเดิม..
“มันมีป้ายติดอยู่ มึงก็แหกตาดูสิ!”
ไม่ไหวครับ ไม่ไหวละ!
“ขอโทษนะ”
ผมบอกมัน
แล้วลงมือยีหัวให้หายหมั่นเขี้ยว อยากแถมด้วยจูบอีกสักที แต่หน้าหงิกๆมองผมดุดุซะก่อน
“ไอ้นี่ เล่นหัว”
มันบ่น แล้วเชิดหน้าเดินบิดตูดไป
ผมมองตามหลังยิ้มๆ
แม่งเอ้ย น่ารักเป็นบ้าเลย!
“บัวอยู่โน่นอะ”
ไอดิลชี้มือไปไกลๆเบื้องหน้า เมื่อเดินไปจนสุดสะพาน
ร่างเล็กนั่งลง เอาขาห้อย มือเท้ากับสะพาน เอนหลังน้อยๆ
แต่สายตายังคงโศกเศร้า..
“ตอนกูเด็กๆ ทะเลน้อยไม่เป็นอย่างนี้หรอก”
“อ่า..”
ผมไม่รู้จะพูดอะไร
“คงจะมีดอกบัวเต็มไปหมดเหมือนที่กูเคยเห็นในรูป?”
ดวงหน้าขาวพยักน้อยๆ
“น้ำลึกกว่านี้?”
ผมถามพลางมองแรมซาร์ไซต์ (พื้นที่ชุ่มน้ำ) ที่ค่อนข้างตื้นเขินเบื้องล่างเรา
[แรมซาร์ไซต์=พื้นที่ชุ่มน้ำ ทะเลน้อยเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำอยู่ในจังหวัดพัทลุง ตอนเหนืออาณาเขตของทะเลสาบสงขลา เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำอันดับ 1 ของประเทศไทย และลำดับที่ 948 ในทะเบียนพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ ]ไอดิลพยักหน้าอีกครั้ง และมองถุงพลาสติกที่ลอยอยู่อย่างนึกรังเกียจ แต่ก็ไม่พูดอะไร..
“เราก็รับเอาเท่าที่เหลืออยู่น่า”
ผมบอกกับมัน ไอดิลยิ้มบางๆให้รู้ว่าผมได้พูดสิ่งที่พล่อยที่สุดออกมาแล้ว
“มึงเป็นคนที่ไหน?”
มันทิ้งคำถามไว้ก่อนลุกขึ้นเดินกลับไป
อืม..
ผมเป็นคนที่ไหน
มันถามทำไม.. มันก็รู้อยู่แล้วผมย้ายมาจากเชียงใหม่
ผมสะพายกล้องเดินตามไปพลางคิดพลาง
ผมเป็นคนที่ไหน..
.
.
มันหมายความว่าผมไม่ใช่คนพัทลุง..
ผมไม่ได้เกิดที่นี่..ไม่ได้ผ่านสิ่งที่มันผ่าน..ไม่ได้รักอย่างที่มันรัก..ไม่ได้ฝังอยู่ในวิญญาณเหมือนที่มันเป็น..ใช่ไหม?
.
.
“ไอดิล!”
ผมวิ่งตามพลางตะโกนเรียก
“กูพอเข้าใจนะ”
ผมเอื้อมมือไปแตะไหล่เบาๆ
มันหันมาพยักหน้า
“มึงเดินสำรวจไปละกัน แล้วก็คิดดูว่ามีอะไรเป็นประเด็นให้มึงตั้งข้อสังเกตได้บ้าง กูจะนอนก่อนละ ง่วง”
มันนั่งลงใต้ร่มไม้และเอนตัวลงนอน
ผมยืนมองเงียบๆ เมื่อมันหลับตาลง ผมจึงย่อตัวลงบนพื้น บอกกับมันเบาๆ
“เวลามันเปลี่ยนอะไรๆได้เสมอน่า อย่าคิดมากเลย”
ไอดิลแค่นหัวเราะ และพูดทั้งที่ไม่ลืมตาขึ้น
“เวลาไม่เคยเปลี่ยนอะไรหรอก.. คนเราเองต่างหาก..ที่เปลี่ยนทุกอย่าง”
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
นกที่ผมรู้ภายหลังว่าเป็นนกอีโก้งจิกหาอะไรกินอยู่ใต้ต้นไม้ที่ผมแหกตาดูแล้วได้ความว่าชื่อหว้าน้ำ
ไอดิล ไกด์กิตติมศักดิ์ของผมนอนเอกเขนกสบายอารมณ์อยู่บนม้านั่งยาว
มือทั้งสองข้างประสานกันไว้บนหน้าท้อง..ดวงตาหลับพริ้มอีกครั้ง
ขนตางอนยาวเป็นแพดูเด่นขึ้นมาทันที
เฮ้อ.. ทำไมชอบนอนยั่วกันนักนะ!
ผมเดินถ่ายรูปนก ต้นไม้ และน้ำไปเรื่อยๆเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจตัวเองไปจากร่างน่าฟัดเบื้องหน้า
ทำทีเป็นว่าสะพานไม้ผุๆดูน่าสนใจเสียเหลือเกิน
ผมแอบกดชัตเตอร์ถ่ายไอดิลหลับ..
ผมกลับมานั่งคุกเข่าลงข้างหนึ่งใกล้ร่างที่หลับใหลอีกครั้ง..
“ขอโทษเถอะนะ”
ผมเอ่ยบ่อยๆ ก่อนอดใจไม่ไหวและโน้มหน้าลงไป
แต่ก็ชะงักกึกเมื่อรู้ตัวว่ากำลังจะทำสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควร
ผมจึงเพียงเอามือไล้แก้มและริมฝีปากเบาๆ..
ดวงตาคนหลับค่อยๆลืมขึ้นช้าๆ
“หือ?”
มันขมวดคิ้วงงๆ
“กลับกันเลยไหม เดี๋ยวรถหมดนะ”
ผมทำทีเป็นว่าตั้งใจมาปลุกมัน
ไอดิลยันตัวลุกขึ้นและพยักหน้าเห็นด้วย
เราสองคนเดินเคียงกันไป
“ไง เห็นซึมๆ ผิดหวังที่ไอ้ฝันขี้รั่วพอดีเหรอ”
ไอดิลหัวเราะคิกคัก
“งั้นมั้ง”
ผมตอบกลับเบื่อๆ
“อย่ามาทำเสียงเสียมิได้กับกูนะ กูไม่ได้น่ารักเหมือนไอ้ฝันนี่ มากับกูถึงทำท่าเบื่อๆ อ่ะโด่”
มันทำปากเบี้ยว
..ผมเงียบ ไม่พูดอะไร
ไม่ไหวจะเคลียร์!
“ใช่ซี๊ หากฝันว่าฉันและเธอละเมอความรักร่วมกัน ในฝันจ๋า ในฝันสุดที่รักของไอหมอก”
ไอดิลยังแห่นางแมวต่อไป
“ไอดิล..”
ผมเรียกเสียงต่ำๆ เตือนให้มันหยุดพูด
“มึงควรจะบอกไอ้ฝันตรงๆไปเลยนะ ว่ามึงรู้สึกยังไงกับมัน จะได้ไม่ต้องมาเหี่ยวแห้งอย่างนี้ เผื่อว่ามึงจะโชคดี ไอ้-”
“ไอดิล!”
ผมหันไปจับไหล่มันไว้ทั้งสองข้าง
สุดจะทนแล้ว!
“หุบปาก! แล้วฟังกูนะ!”
ดวงตาของหมอนั่นเบิ่งกว้างอย่างงงๆระคนตกใจ
“คนที่กูชอบไม่ใช่ฝัน กูชอบแฟนฝันต่างหาก!”
ผมพูดออกไปเสียที..
ผมคาดว่าไอดิลจะมึ๊ง (คำเมือง=รู้ตัว)
แต่ก็เปล่า.. หน้ามันยังคงงงไม่เปลี่ยนแปลง
“มึงหมายถึงใครวะ?”
..ผมมองมันนิ่ง
มือข้างหนึ่งรวบไหล่ อีกข้างจับต้นคอให้แหงนขึ้น..
เพื่อรับจูบจากผม..
ผมเม้มจูบบอกความในใจแบบฉับพลัน
อยากจูบนานกว่านั้น แต่ก็ต้องตัดใจผละออกมาดูปฏิกิริยากันก่อน
ไอดิลทำหน้าเหมือนเพิ่งโดนผีหลอกมาสดๆร้อนๆ
ตาโต หน้าซีด ปากอ้าค้าง
ไม่นานพวงแก้มก็ขึ้นสีระเรื่อ..
แล้วกรีดร้อง
“มะ..มึง..มึง อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก กูจะฟ้องพ่อ!!!!”
เย้ย! ห่าแดกละ!
ผมใจหายวาบทันทีที่ไอดิลใส่เกียร์หมาวิ่งไปขึ้นรถ..
ถ้าผมกลับถึงบ้านแล้วตายละก็ โปรดทราบนะครับว่าโดนฆาตกรรม ฆาตกรมีสองคนร่วมมือกัน
เขาคือนายทิวทัศน์ ทัศนศุภกฤษณ์กับนายกรกฎ ศิริรัตน์
ฮือ..ฮือ..
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
แหะ แหะ ก็แบบว่า.. ผมโดนกักตัวไว้อะ เลยไม่ได้อัพไอดิล (รอดมั๊ย?)
อืม.. จริงๆแล้วช่วงนี้มีอะไรเครียดๆหลายเรื่อง กว่าจะเค้นนิยายออกมาเลยลำบากหน่อย ต้องขอโทษจริงๆนะครับ
แต่ทุกครั้งที่ลงมือแต่งนิยาย ผมอารมณ์ดีนะ ไม่งั้นจะทำไม่ได้
เพราะฉะนั้นสบายใจได้ว่าไม่ได้มีใครบังคับให้เขียน แต่ถ้าล่าช้าไปบ้าง ขอให้คนอ่านเข้าใจด้วยนะครับนะขอได้รับความขอบคุณจาก..เกรียนน้อย