ตอนที่ 4“คุณหมอคะ ขอบคุณค่ะ”
“ครับลูก”
เด็กหญิงใส่ชุดนักเรียนพนมมือไหว้ขอบคุณอย่างน่ารักให้กับคุณหมอหนุ่มร่างเล็กในชุดคลุมสีม่วงแขนยาวผูกหลังมีผ้าปิดจมูกสีเขียวอ่อนบดบังใบหน้าไปกว่าครึ่ง ซึ่งหมอหนุ่มตอบรับคำขอบคุณของเด็กน้อยอย่างเอ็นดู
“หมอกัสคะ เด็กนักเรียนที่ต้องทำฟันหมดแล้วค่ะ เก็บของเลยนะคะ”
“ครับ เดี๋ยววันนี้หมอจะพาทุกคนไปเลี้ยงข้าวนะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”
คุณหมอหนุ่มยิ้มและตอบรับคำหญิงสาวร่างบางที่เป็นผู้ช่วยทันตแพทย์ไปพร้อมถอดผ้าปิดจมูกและเสื้อคลุมออก เผยให้เห็นว่าเป็นหนุ่มร่างเล็กผิวขาว ปากและแก้มแดง ถ้ามองเผินๆคิดว่าเป็นสาวน้อยทอมบอยตัวเล็กมากกว่า แม้ผ่านการทำงานออกหน่วยทำฟันนักเรียนตัวเล็กที่โรงเรียนแห่งนี้มาทั้งวันแล้ว แต่ก็ยังมีแววตาสดใสกระตือรือร้นอยู่
“คุณหมอครับวันนี้ต้องขอบคุณมากเลยครับที่มาให้บริการถึงที่โรงเรียนของเรา”
“ครับ ไม่เป็นไรครับ เพราะการออกหน่วยแบบนี้ถือเป็นการดูแลสุขภาพช่องปากให้แก่เด็กๆซึ่งหมอถือว่าเค้าเป็นลูกเป็นหลานอยากให้มีสุขภาพฟันที่ดีน่ะครับ”
ชายวัยใกล้เกษียณหน้าตาใจดีมีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนออกมากล่าวขอบคุณคุณหมอใจดีที่ออกมาไกลถึงโรงเรียนแห่งนี้ เพื่อมาทำฟันให้กับนักเรียนตัวน้อยที่นี่
“วันนี้ผมคงต้องขอตัวนะครับเพราะเดี๋ยวจะต้องไปเลี้ยงข้าวเด็กๆต่อ”
หมอหนุ่มเอ่ยแบบยิ้มๆพร้อมหันไปกระเซ้าเพื่อนร่วมงานที่เป็นลูกน้องของตน และได้รอยยิ้มอายๆตอบกลับจากเหล่าลูกน้องที่ยืนเก็บของอยู่ใกล้ๆ
“ครับขอบคุณอีกครั้งนะครับ”
หมอหนุ่มตัวเล็กรีบยกมือไหว้ทันทีก่อนที่คนอาวุโสกว่าจะยกมือไหว้ตน
“ครับ”
หลังจากนั้นรถโรงพยาบาลที่บรรจุเครื่องมือและเหล่าบุคลากรที่มาออกหน่วยก็ออกตัวกลับไปยังสถานที่ทำงานและเป็นที่พักของเค้าเหล่านั้นด้วย
....................................................................................
“กัส ไปรึยังอ่ะเค้าหิวแล้วน้า”
“แหมทีนี้พอมีเจ้ามือแล้วรีบเชียวนะ”
เสียงนุ่มที่อ้อนเร่งให้หนุ่มตัวเล็กแก้มแดงเสมอพาไปเลี้ยงข้าวอยู่นั้น เจ้าของเสียงที่ว่านี้มีใบหน้าน่ารักไม่ด้อยไปกว่าเพื่อนสนิทของตนเลยเพียงแต่มีผมสีน้ำตาลเข้มยุ่งไม่เป็นทรงเหมือนไม่ค่อยสนใจและสวมแว่นกรอบกลมบดบังใบหน้าน่ารักไว้ ความสูงก็พอๆกับหนุ่มแก้มแดง “น้องมิค หรือ ศรันย์” ชื่อแรกนั้นคุณแม่คนสวยของหนุ่มผมยุ่งเรียกได้คนเดียวเท่านั้นเพราะถ้ามีใครเผลอมีน้องนำหน้าชื่อเล่นนั้นเจ้าตัวจะโกรธไม่คุยด้วยต้องใช้เวลาง้อเป็นอาทิตย์ทีเดียว หนุ่มแก้มแดงเคยเผลอเรียกยังเข็ดไม่กล้าเรียกอีกเพราะกว่าเจ้าตัว “น้องมิค” จะยอมคุยด้วยต้องเสียเงินเลี้ยงข้าวไปหลายมื้อทีเดียว
“แต่จริงๆแล้วกัสตั้งใจเลี้ยงแค่เด็กๆในห้องเท่านั้นนะ มิคไม่เกี่ยวซะหน่อย ฮิๆๆ”
“โฮ ไรอ่ะ มิคก็เป็นลูกน้องกัสเหมือนกันนะ 2 มาตรฐานชัดๆ”
“แหม หมอมิคไม่งอนนะ ป่ะเดี๋ยวหมอกัสเลี้ยงเอง”
หลังจากหยอกกันไปมาแล้ว 2 หมอหนุ่มก็พากันไปร้านอาหารที่นัดกับลูกน้องไว้
.....................................................................
“คิดเงินด้วยค่ะ”
เสียงหญิงสาวที่นั่งอยู่โต๊ะนอกชานร้านอาหารที่มีขนาดไม่ใหญ่นัก เรียกให้คิดเงินหลังจากอิ่มหนำกันแล้วซึ่งมีคนที่ร่วมโต๊ะด้วยทั้งหมด 6 คนประกอบด้วยชายหนุ่ม 3 คนและหญิงสาว 3 คน
“เดี๋ยววันนี้พี่เลี้ยงเองนะครับน้องกัส อย่าปฏิเสธพี่เลย”
“แต่.....อ๊ะครับ ขอบคุณครับหมอพจน์”
หมอแก้มแดงลำบากใจเพราะตั้งใจมาเลี้ยงลูกน้องตนแต่โดนเพื่อนสะกิดด้วยเท้าใต้โต๊ะให้ยอมรับเลี้ยงจากหมอหนุ่มรุ่นพี่ ที่พยายามมาตีสนิทเค้าอยู่
“ขอบคุณครับพี่พจน์ / ขอบคุณค่ะคุณหมอ”
4 เสียงประสานขอบคุณหมอหนุ่มร่างหนาผิวขาวตาตี่ที่มีความสูงกว่าหมออีก 2 คนไม่มากนัก ทั้งๆที่หมอหนุ่มคนนี้มาแบบบังเอิญเจอเค้าตอนที่เดินไปขึ้นรถกับเพื่อนสนิทพอดี พอรู้ว่าจะมาที่นี่จึงขอมาทานข้าวด้วยไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธจึงต้องเลยตามเลย และหนุ่มแก้มแดงก็ไม่อยากให้หมอรุ่นพี่คนนี้มาเลี้ยงอาหารกันบ่อยๆเพื่อหวังอะไรที่เค้าให้ไม่ได้ และไม่เฉพาะกับคนนี้กับใครอื่นก็เช่นกัน ไม่อยากสร้างความหวังให้ใครทั้งนั้น
“ผมว่าเรากลับกันเถอะครับ ไปมิค พวกเรากลับกันดีๆนะครับ”
“ค่ะคุณหมอ พรุ่งนี้เจอกันนะคะหมอกัสหมอมิค”
“ขอบคุณอีกครั้งค่ะคุณหมอพจน์”
หญิงสาว 3 คนกล่าวลาหมอหนุ่มน่ารักทั้ง 2 พร้อมหันไปขอบคุณหมอหนุ่มเจ้ามือมื้อนี้และพากันกลับที่พัก
“งั้นเดี๋ยวมิคกับกัสไปแล้วนะครับ”
“ครับ เอ่อน้องกัส ขับรถดีๆนะครับ”
หนุ่มร่างหนาตอบรับและเอ่ยกับคนที่ตนถูกใจอยากจะรั้งให้มาด้วยกันแต่แรก แต่ยังไงหนุ่มแก้มแดงก็ไม่ยอมง่ายๆแม้จะนานแค่ไหนเค้าก็จะพยายาม เค้ารับรู้ได้ว่าหนุ่มร่างเล็กนั้นปิดกั้นตัวเองจากเค้าและทุกคนที่เข้าหาเชื่อว่าต้องมีเหตุการณ์อะไรที่ทำให้คนๆนี้เป็นแบบนี้ เพราะตั้งแต่เจอกันครั้งแรกจะครบ 1 ปีที่หนุ่มร่างเล็กนี้มาทำงานที่โรงพยาบาลประจำอำเภอแห่งนี้ เค้าซึ่งเป็นหมอประจำมา 2 ปีแล้วความสัมพันธ์ของเค้ากับอีกคนแทบไม่ได้พัฒนาขึ้นเลย
“ครับ”
หมอหนุ่มแก้มแดงตอบรับพร้อมยิ้มน้อยๆและดึงแขนเพื่อนไปขึ้นรถกลับที่พักทันที
................................................................................
“แกร๊ก ตึง”
เสียงที่เกิดจากการไขประตูและผลักโดยหนุ่มผมยุ่งใส่แว่น
“น่าสงสารหมอพจน์จริงๆน้า พยายามมาเป็นปีแต่ก็ไม่เป็นผล โอ๊ยยยย กัสอ่ะ”
หนุ่มอีกคนที่ตามเข้าบ้านมาตีที่แขนเพื่อนตนอย่างหมั่นไส้หลังฟังประโยคนั้นของเพื่อน พร้อมทำหน้าดุชี้มือไปที่หน้าเพื่อนเพื่อปรามให้หยุดพูด
“ครับ กลัวแล้วครับ น้องมิคไม่พูดแล้วครับ ฮ่าๆๆๆ”
“ตี๊ดๆ ตี๊ดๆ ตี๊ดๆ...”
“จ้า ว่าไงมายเดียร์... กินแล้วเพิ่งกลับมาเนี่ย.....อยู่ด้วยกันเนี่ยแหละ.......คงลืมเอาไปมั้ง....ได้เดี๋ยวเปิดสปีคเกอร์โฟนให้”
การหยอกล้อระหว่างเพื่อนโดนขัดจังหวะจากโทรศัพท์ของหนุ่มหัวยุ่ง ซึ่งปลายสายไม่ใช่ใครแต่เป็นหญิงสาวเพื่อนสนิทอีกคนในกลุ่มที่เรียนคณะเดียวกันมานั่นเอง จากบทสนทนาคงมีการโทรหาหนุ่มอีกคนก่อนหน้าแล้วแต่ไม่มีคนรับ หญิงสาวคนนี้เป็นเพื่อนที่สนิทกับกัสเท่ากับหนุ่มมิคเลยทีเดียวมีกัน 3 คนมาตลอด “น้องมาย หรือ มายเดียร์ หรือ ดวงกมล” ชื่อแรกคุณแม่เจ้าตัวเป็นคนเรียก ส่วนชื่อที่ 2 นายมิคเติม “เดียร์” ต่อท้ายเพราะอยากจะแซวเพื่อนเล่นแต่ก็ติดปากเรียกจนถึงตอนนี้ เป็นสาวน้อยตัวเล็กส่วนสูงพอๆกับ 2 หนุ่มเพื่อนรัก แต่รูปร่างอวบอิ่มทรงนาฬิกาทราย แต่หน้าตากับจิ้มลิ้มน่ารักปากเล็กจมูกหน่อยแถมมีเขี้ยวมุมปากด้านขวาด้วยยิ้มทีหนุ่มๆละลายทีเดียว ทำให้เพื่อนรักกลุ่มนี้โดดเด่นเป็นที่จับตาจากหนุ่มๆที่พบเห็นอยากเข้ามาทำความรู้จักด้วยมากมาย เมื่อเรียนจบถึงเวลาใช้ชีวิตทำงานหญิงเดียวในกลุ่มกลับโดนคุณแม่ขอร้องให้ชดใช้เงินแทนการมาใช้ทุนทำงานตามโรงพยาบาลรัฐบาลแทน เพราะความเป็นห่วงลูกสาวคนเล็กสุดสวยคนนี้ ทำให้ไม่ได้มาอยู่กลับเพื่อนสนิททั้ง 2 คน
“คิดถึงกัสกับมิคจังเลย เนี่ยมายเพิ่งถึงบ้านเองอ่ะรถติดมากๆเลย”
“อยู่กรุงเทพก็ยังงี้แหละหมดเวลาไปกับการเดินทางซะเยอะ แล้วมายทานข้าวรึยังจ๊ะ”
“ยังเลยจะกัส เนี่ยคุณแม่บ่นใหญ่ว่ากลับช้า น่าจะให้มายไปทำงานที่เดียวกับกัสกับมิคโน๊ะ อากาศก็ดีรถก็ไม่ติดด้วย”
“แหม มายเดียร์จ๊ะทำเป็นพูด ถ้ามาอยู่จริงเนี่ยลูกคุณหนูอย่างมายเดียร์จะอยู่ได้เหร๊อ”
“มิคอ่ะ อย่ามาดูถูกเดียร์นะ”
“นี่ๆทั้ง 2 คนอย่าเถียงกันเลย มายโทรมามีธุระอะไรกับกัสรึเปล่าจ๊ะ”
“เอ่อ จะว่ามีก็มีอ่ะนะ แต่ไม่อยากเล่าเลยอ่ะกลัวกัสไม่สบายใจอ่ะ”
หลังจากปล่อยให้ทักทายกันระหว่าง 2 หนุ่มสาวเพื่อนสนิทแล้ว หนุ่มอีกคนจึงถามถึงเหตุให้เพื่อนสนิทปลายสายโทรมาหาทันทีก่อนจะโต้เถียงกันไปนานกว่านี้ และได้ยินเสียงลำบากใจที่จะเอ่ยของคนปลายสาย
“แหม ขนาดนี้แล้วเล่าเถอะจ๊ะมายเดียร์ กัสทำใจก่อน เอ้าหายใจเข้าลึกๆ ฮิๆ”
“ฮ่าๆๆ มิคเซี้ยวใหญ่แล้ว เล่ามาเถอะมาย”
“จ๊ะ คือมายเจอปรัชเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาอ่ะ”
เกิดความเงียบขึ้นทั้ง 2 ฝ่ายเพราะทาง 2 หนุ่มที่อยู่ด้วยกันนั้นคนหนึ่งอึ้งกับข้อมูลที่ได้รับอีกคนก็มองเพื่อนด้วยความเป็นห่วงสาวสวยปลายสายก็รอฟังเพื่อนตอบกลับ คนที่ได้รับความเป็นห่วงของเพื่อนได้แต่คิด “เจอปรัชก็หมายความว่าต้องเจอคนๆนั้นซินะ”
.............................................................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ......
นายเอกมาแล้วไม่รู้ว่ามีใครแอบผิดหวังมั้ย เปิดตัวแบบธรรมดาๆ
อยากให้นายเอกออกแนวทอมบอยหน่อยอ่ะค่ะไม่แมนมากเพราะแบบนี้
น่าทะนุถนอมหน่อย คนแต่งชอบเป็นการส่วนตัวค่ะ
ทุกคนที่อ่าน โดยเฉพาะคนที่เม้น เม้นบอกความรู้สึกบ้างนะคะ
ว่าคิดยังไงกับเรื่องหรือตัวละครในนี้จะได้รู้และปรับปรุงค่ะ
ขอบคุณค่ะ