.
.
กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวกันเสร็จทั้งสองคน เวลาก็เดินไปจนถึง 11 โมงซะแล้ว เหลือเวลากลับคอนโดฯ อีกแค่ชั่วโมงเดียว... ปัญหามันอยู่ตรงที่มีแค่ไอ้เปี๊ยกที่รู้ว่า จริงๆ แล้วต้องรีบแค่ไหน เพราะไอ้คุณโบ๊ทก็รู้แค่ว่าทีกับโจจะมาหาต้าร์ที่ห้อง แต่เขาไม่รู้นี่นะ ว่าทีและโจไม่รู้ว่าพวกเขาไม่ได้อยู่คอนโดฯ... ก็เขาไม่รู้ว่าไอ้เปี๊ยกมันไม่ได้บอกให้ทีและโจรู้... ส่วนไอ้เปี๊ยกนะรู้ว่าคุณโบ๊ทไม่รู้ว่าเขาไม่ได้บอกให้ทีและโจรู้ว่ามานอนค้างบ้านไอ้คุณโบ๊ท และเมื่อไม่ได้บอก ไอ้ทีและไอ้โจก็เลยไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วต้าร์กับโบ๊ทอยู่ที่ไหน ส่วนไอ้คุณโบ๊ทนะรู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน แต่ไม่รู้ว่าทีและโจไม่รู้เพราะต้าร์ไม่ได้บอกให้รู้... สรุปว่าตอนนี้ไม่มีใครรู้อะไรเลย ยกเว้นไอ้เปี๊ยกแค่คนเดียวที่รู้...
...แล้วชนกลุ่มน้อยละ รู้ไหม หือ?
จริงๆ แล้ว ไอ้การอาบน้ำแต่งตัวคงจะเสร็จเร็วกว่านี้มาก หากทั้งสองคนไม่มัวแต่เล่นอะไรไร้สาระกันให้เสียเวลา... หลักๆ ก็คือไอ้คุณโบ๊ทเนี่ยแหละ กลายเป็นตัวป่วนไปซะงั้น ป่วนจนไอ้เปี๊ยกต้องร้องโอดโอยโวยวาย ป่วนจนไอ้เปี๊ยกต้องใช้กำลัง... อืมมมม เหมือนนิสัยจะสลับกันยังไงก็ไม่รู้
.
.
รถ BMW สีดำคันคุ้นตาเลื่อนล้อออกจากบ้านเดี่ยวหลังใหญ่แล้วลัดเลาะไปโผล่ถนนเอกมัย มุ่งหน้าเข้าเลียบทางด่วนแล้วตัดเข้าเส้นลาดพร้าว... จุดหมายอยู่ที่คอนโดฯ...
ยามสายวันเสาร์แบบนี้ นับเป็นนาทีทองของผู้คนที่สัญจรบนถนนในกรุงเทพจริงๆ เลยทีเดียว เพราะว่ารถยังไม่ติด จะมีติดบ้างก็ตามสัญญาณไฟจราจร... เอิ่มมมม สำหรับถนนลาดพร้าวก็อาจจะต้องติดสัญญาณไฟกันถี่นิดนึงนะ เยอะเหลือเกินไฟแดงเนี่ย... และในขณะที่รถของโบ๊ทติดไฟแดงอยู่นั้นเอง...
ในห้วงที่ความเงียบเข้าครองพื้นที่ภายในรถหลังจากที่ทั้งสองคนต่อปากต่อคำกันมาตลอดทาง... ร่างเล็กนั่งทอดสายตาออกไปนอกรถ เหม่อมอง ปล่อยความคิดให้แล่นอยู่ในหัว... มันเป็นความคิดที่ก่อกวนจิตใจเขามาได้สักพักแล้วละ... ไอ้เรื่องที่ว่าก็คือท่าทีของรุ่นพี่ร่างสูงทีมีต่อเขานั่นเอง... ถึงจะไม่ได้พูดออกมาตรงๆ ชัดๆ แต่เขาก็ไม่ได้ใสซื่อขนาดที่จะดูไม่ออกว่าแววตาและท่าทางของรุ่นพี่คนสนิทมันสื่อถึงอะไร เขาเองก็รู้ตัวว่าไม่ได้รู้สึกต่างกัน และยิ่งนับวันความรู้สึกนี้มันยิ่งชัดเจน... แต่แล้วความคิดก็ต้องสะดุดดัง...
.
เพี๊ยะ
.
“โอยยยย อะไรเนี่ย!!” กีต้าร์ร้องโอดโอยพลางยกมือขึ้นป้องหน้าผาก อยู่เฉยๆ ก็โดนโบกหน้าผากซะงั้น ว่าแล้วก็หันไปค้อนซะดังควับ
“เป็นเด็กเป็นเล็กหัดเหล่สาวนะเอ็ง”
“เฮ้ย เหล่สาวไร” งงไหมละเปี๊ยก อยู่ดีๆ ก็โดนหาว่าเหล่สาว
“อย่ามาทำไก๋ เห็นจ้องมาตั้งนานแล้ว... นั่นไง รถคันข้างๆ... คนขับอย่าง XXX อะ...” ร่างสูงกล่าวพลางโน้มตัวมาใกล้ๆ แล้วชี้นิ้วเนียนๆ ให้ร่างเล็กมองตาม... ร่างเล็กก็มองตาม แล้วก็เห็นอย่างที่ร่างสูงว่าจริงๆ... ขาว หมวย สวย XXX สุดๆ
“เออวะ อย่าง XXX อะ เด็ดจริงอะไรจริง... โอ้ย! ตีไมอีกเนี่ย”
“ยังจะมองอีกนะเอ็ง เดี๋ยวเหอะ”
“เอ้า ก็คุณโบ๊ทชี้ให้ดูเองนะ ตอนแรกผมไม่ได้มองเลยเหอะ... คุณโบ๊ทเองอะแหละ จ้องไม่วางตาเลยละสิ ถึงได้รู้ว่าคนขับรถคันข้างๆ XXX อะ”
“เฮ้ย ไม่ได้มอง”
“เอาน่าๆ ผมเข้าใจ โสดมานานก็ต้องมีบ้างแหละเนอะ ฮ่าๆๆๆ” ร่างเล็กขำไปกับคำพูดของตัวเองที่เอ่นแซวร่างสูง แต่ร่างสูงกลับไม่ยักกะหัวเราะด้วย
“เดี๋ยวก็มองจริงๆ ซะหรอก”
“ก็ตามใจดิ หึหึ” ร่างเล็กกล่าวลอยหน้าลอยตา
“ให้มองจริงอะ”
“ก็มันเรื่องของคุณโบ๊ทนี่ ผมจะมีสิทธิ์อะไรไปห้าม...”
“...”
“...”
“...เฮ้อ”
“เอ้า ถอนหายใจทำไมละ”
“ต้าร์... รู้ใช่ไหมว่าโบ๊ทไม่เคยมองคนอื่นเลย...”
“...”
“...”
“...ผมเองก็... ไม่เคยมองคนอื่นเหมือนกันแหละ” ร่างเล็กกล่าวเสียงแผ่ว หลบตาร่างสูง แต่ก็ยังทำใจกล้ายื่นมือไปวางทับมือของโบ๊ทที่จับหัวเกียร์อยู่ก่อนจะบีบเบาๆ เป็นเชิงขอให้มั่นใจในสิ่งที่เขาพูด... ว่าแล้วก็เขินตัวเองเหมือนกันนะนั่น
ถึงกีต้าร์จะพูดเบา แต่โบ๊ทก็ได้ยินอย่างชัดเจน โดยเฉพาะความรู้สึกที่เขารับรู้ได้ผ่านมือเล็กที่บีบมือเขาเบาๆ... รอยยิ้มผุดขึ้นบนหน้าใสของร่างสูง และยิ่งยิ้มกว้างขึ้นอีก เมื่อเห็นท่าทางเขินๆ ของรุ่นน้องร่างเล็ก...
.
.
“จับแล้วห้ามปล่อยนะ” .
.
ร่างสูงกล่าวขึ้นลอยๆ และถึงแม้ว่าร่างเล็กจะไม่พูดอะไรตอบกลับมา แต่แรงบีบที่มือที่แรงขึ้นนั้น ก็เป็นคำตอบจากร่างเล็กในตัวมันเองอยู่แล้ว...
หลังจากนั้นอีกไม่นาน ร่างสูงก็พาร่างเล็กกลับมาถึงคอนโดฯ ทันเวลาก่อนเที่ยงอยู่เกือบสิบห้านาที เลยมีเวลาไปนั่งกินข้าวเติมพลังกันเป็นมื้อแรกของวัน... เมื่อสั่งอาหารแล้วร่างเล็กก็ขอเอากระเป๋าเสื้อผ้าไปเก็บบนห้อง ซึ่งก็ทันพอดีกับทีและโจที่พากันมาถึงตามเวลาที่นัดไว้เป๊ะๆ... ว่าแล้วก็ตีเนียนชวนกินข้าวด้วยกันซะเลย
ระหว่างมื้ออาหาร ไอ้เจ้าต้าร์ก็พยายามชวนคุยโดยเน้นหนักไปเรื่องรายงาน... เนียนๆ ไปกับความรีบเร่งของงานที่ต้องเร่งทำให้เสร็จทันส่ง... และต้าร์ก็ควบคุมสถานการณ์ได้ดีเสียด้วยสิ เพราะว่ากินข้าวกันจนอิ่มพุงกางกันแล้ว ทีและโจยังไม่มีท่าทีสงสัยอะไรเลยสักนิด
ว่าแล้วก็พากันขึ้นห้องไปนั่งทำงาน ส่วนไอ้เจ้าโบ๊ทที่ไม่ได้มีงานอะไรกับใครเขาก็ติดสอยห้อยตามเข้าห้อง 706 ไปด้วย... ทีและโจพกคอมพิวเตอร์โน็ตบุ๊คมาด้วยคนละเครื่องเพื่อมาทำงาน พอถึงห้องก็จับจองโต๊ะอาหารเป็นโต๊ะทำงานด้วยเหตุผลว่า “ใกล้ตู้เย็นและตู้เก็บขนม”... เมื่อต้าร์เอาโน็ตบุ๊คของตัวเองมาเสริม โต๊ะอาหารนั้นก็กลายเป็นโต๊ะของสามทหารเสือไปโดยปริยาย
ส่วนร่างสูง... ด้วยความที่ไม่อยากนั่งร่วมโต๊ะเพราะกลัวจะอดกวนประสาทร่างเล็กไม่ได้ จะพาลทำให้พวกน้องๆ เสียสมาธิในการทำรายงานกันเปล่าๆ... ก็เลยแยกไปนอนอ่านการ์ตูนเงียบๆ ที่โซฟา...
อ่านไปอ่านมาได้สักพักใหญ่ๆ แต่มันไม่ยักกะจบเล่มสักที... ไม่รู้ว่าการ์ตูนมันไม่สนุกหรืออะไร โบ๊ทถึงได้ละสายตาจากการ์ตูนอยู่บ่อยครั้ง... คล้ายๆ กับใจมันลอยๆ ไม่มีสมาธิ... และทุกครั้งที่รู้สึกตัวก็พบว่าตัวเองเอาแต่เผลอมองร่างรุ่นน้องร่างเล็กที่กำลังตั้งใจทำงานร่วมกับเพื่อนๆ ซึ่งเป็นโหมดที่ไม่ได้เห็นจากร่างเล็กนี้บ่อยนัก จะได้เห็นโหมดจริงจังเป็นงานเป็นการแบบนี้ก็ในช่วงฤดูรายงานและช่วงเทศกาลสอบเท่านั้นแหละ... ปากบางคู่นั้นพูดจาเป็นงานเป็นการก็เป็นด้วย
โบ๊ทชำเลืองมองกีต้าร์อยู่เรื่อยๆ และก็มีหลายครั้งที่เขาสองคนสบตากันโดยบังเอิญ(?)... บ่อยๆ เข้าร่างเล็กก็เริ่มมีอาการเขิน โดยสังเกตได้จากหน้าและหูที่เริ่มขึ้นสี บวกกับไอ้ท่าทางโวยวายกลบเกลื่อนนั่นอีก... ส่วนทีและโจก็เลยกลายเป็นผู้โชคดี(?)ที่ต้องคอยรับมือกับอาการแก้เขินของเพื่อนสนิทโดยที่พวกเขาเองก็ไม่ทันสังเกตอาการและท่าทางของเพื่อนร่างเล็กเลยสักนิด
ช่วงเวลาสองสามวันที่ผ่านมา มันเป็นช่วงที่เพิ่มความมั่นใจในความรู้สึกของโบ๊ทว่า “อยู่แบบนี้ก็มีความสุขแล้ว”... และเขาเองก็มองไม่เห็นเลยว่ามันจะมีอะไรที่สามารถมาทำให้ “เขาทั้งสอง” เปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ไปในทางที่แย่ไปกว่านี้ได้เลย... ยิ่งอยู่ด้วยกันยิ่งมั่นใจว่า “เขาทั้งสอง” จะมีแต่ความผูกพันธ์ที่แน่นแฟ้นขึ้นไปอีก มันเป็นความลงตัวที่ทำให้รู้สึกว่าอนาคตหรือวันพรุ่งนี้คงจะสดใสเหมือนกับวันนี้ตอนนี้... และมันคงจะดีกว่านี้หากพวกเขาพัฒนาความสัมพันธ์ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น อยู่เคียงข้างกันตลอดเวลาไปอีกนานเท่านาน
.
.
“เปี๊ยก” ร่างสูงเอ่ยเรียกโดยที่ยังเอนตัวอยู่บนโซฟา ส่วนคนโดนเรียกก็เงยหน้าจากคอมฯ แล้วมองมาตามเสียงเรียกพร้อมส่งสายตาแทนคำถามว่า “ทำไม”
“แบ่งงานกันทำแล้วเหรอ”
“อืม”
“งั้นเอ็งมานี่” โบ๊ทกล่าวพลางกวักมือไหวๆ
“มีอะไรละ พูดมาเลย ขี้เกียจลุก”
“เดินมานี่ เอาคอมมาด้วย จะบอกอะไร เร็วๆ อย่าลีลาเล่นตัว”
“โว๊ะ!” ร่างเล็กอุทานโวยวายไปตามระเบียบโรงเรียนเปี๊ยก แต่ก็ลุกขึ้นแล้วหอบคอมเดินไปหาร่างสูงตามคำเรียก
.
.
“นั่งลงๆ” ร่างสูงพูดพลางตบเบาะโซฟาดัง ปุ ปุ
“มีอะไร ว่ามาให้ว่อง”
“ก็... ไม่ได้มีอะไร แค่อยากให้มานั่งเป็นเพื่อนเฉยๆ... นั่งคนเดียว เหงา”
ร่างสูงทำสีหน้าเหมือนหมาหงอยให้ดูน่าสงสาร พูดพลางเลื่อนมือที่วางอยู่ข้างตัวไปจับมือเรียวของรุ่นน้องคนสนิท... กีต้าร์ส่งสายตาปรามและพยายามชักมือกลับแต่ก็ไม่ได้ผล
“ไม่ได้นะคุณโบ๊ท”
“...” เมื่อโดนปฏิเสธ ร่างสูงเลยพยายามส่งสายตาออดอ้อน
“แต่ทีกับโจ...”
“ไม่เห็นหรอก... นะ นิดเดียวเอง แปบเดียวก็ได้”
เมื่อรุ่นพี่คนสนิทยืนกรานด้วยน้ำเสียงนุ่มหูแบบนั้น ร่างเล็กเลยใจอ่อน ยอมให้จับมืออยู่อย่างนั้น... และเพื่อความชัวร์ จึงแกล้งหันหน้าไปมองทีและโจแบบเนียนๆ เพื่อสังเกตการณ์ดูก่อนว่ามีใครเห็นหรือไม่ แต่แล้วก็ต้องเหวอเมื่อหันไปเจอทีและโจกำลังมองมาทางเขาและโบ๊ทอยู่พอดี
.
“อะแฮ่ม”
.
ทีส่งเสียงและสายตามาแซวกีต้าร์ที่ทำหน้าเหมือนโจรขโมยที่โดนจับได้คาหนังคาเขา ว่าแล้วก็หันกลับไปหาร่างสูงหมายจะบอกให้ปล่อยมือก่อน แต่ร่างสูงก็แกล้งยกการ์ตูนขึ้นมาบังหน้าโดยที่อีกมือหนึ่งยังเกาะกุมมือของร่างเล็กเอาไว้ไม่ยอมปล่อยแถมยังปล่อยประโยคปลิดชีพที่ทำเอาต้าร์แทบจะอยากลุกหนีไปไกลๆ อีกว่า...
“แค่จับมือเอง... ไม่หอมแก้มโชว์ก็ดีแค่ไหนแล้ว”
“ตลกแล้วคุณ แค่นี้ไอ้ทีกับไอ้โจก็คงจะแซวยังลูกบวชแล้วเนี่ย”
“เอ็งกลัวโดนแซวเหรอ” โบ๊ทถามไปอย่างนั้นด้วยความรู้สึกว่าตัวเขาเองกลับไม่ได้รู้สึกแย่กับคำแซวเลยสักนิด
“ก็ใช่”
“ไม่ชอบโดนแซวเพราะเขินหรือเพราะรังเกียจ”
“เฮ้ยยย ไม่ได้รังเกียจนะ...”
“...” คำตอบของร่างเล็กที่ตอบออกมาโดยไม่ต้องคิดทำเอาโบ๊ทยิ้มกว้าง
“ยังจะมายิ้มอีก”
“ไอ้เรื่องเพื่อนแซวเพื่อนเนี่ยนะ เขาว่ากันว่าที่แซวกันก็เพราะว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง... ถ้าทำให้เป็นเรื่องจริงซะ เพื่อนๆ ก็จะเลิกแซวกันไปเอง...” ร่างสูงพูดและสบตาร่างเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆ... “...อ้อ... อืม...” กีต้าร์หน้าร้อนผ่าว รู้สึกเขินยิ่งกว่าโดนจูบเสียอีก... นี่โบ๊ทกำลังขอเขาคบใช่ไหม?
“ฮ่ะๆๆๆ คิดอะไรอีกละ หน้าแดงเชียว... กลับไปนั่งทำงานต่อเหอะไป โบ๊ทมากวนละ เดี๋ยวงานไม่เสร็จ” ว่าแล้วก็ปล่อยมือจากมือของร่างเล็กแล้วมาตบไหล่เบาๆ สองสามที
ต้าร์หอบคอมฯ กลับไปนั่งร่วมโต๊ะกับทีและโจ พอหย่อนก้นลงนั่งเท่านั้นแหละ เขาก็ต้องเจอสายตากรุ้มกริ่มของทีและโจ เป็นสิ่งที่ยืนยันว่าทั้งสองคนนี้รู้แหละเห็นทุกอย่าง... ทั้งสองคนทำท่าเหมือนมีอะไรจะพูดแต่ก็ไม่พูด... แต่สุดท้ายก็กลายเป็นโจที่อดไม่ได้
“พวกมึงคืบหน้ากันแล้วเหรอ”
“เชี่ย ไม่มีเว้ย”
“เฮ้ยยยย บอกพวกกูหน่อยดิ พวกกูเป็นเพื่อนรักของมึงนะไอ้ต้าร์... บอกมาเหอะ... พวกมึง... คบกันยัง”
“ยังไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ พวกมึงนี่นะ ว่างนักเหรอ... นี่เลยมึง มาดู approach ตัวนี้ที่กูหาเจอเมื่อกี๊ดีกว่า” กีต้าร์ตัดบทเข้าเรื่องรายงาน หาทางเลี่ยงไม่ให้เรื่องเข้าตัวมากไปกว่านี้... ทีและโจมองหน้ากันแล้วส่งสายตาเป็นเชิงรู้กันว่าให้ปล่อยไอ้เปี๊ยกไปแบบนี้แหละ เอาไว้ค่อยกดดันให้มันปริปากบอกทีหลัง... ว่าแล้วก็กวาดสายตาไปบนจอโน็ตบุ๊คของร่างเล็กเพื่ออ่านตามเนื้อหาที่ร่างเล็กอธิบาย... อ่านไปอ่านมาก็ไปเจอกับหัวข้อที่มีชื่อว่า
“โปรดติดตามตอนต่อไป”.
.
.
----------------------------------------------------
[Bonus หลังไมค์] ทำไมต้าร์ถึงไม่นอนร่วมเตียงกับโบ๊ท
หลังจากที่จูงมือกันขึ้นมาจากสวนแล้ว ทั้งสองคนก็จัดการธุระส่วนตัวกัน อาบน้ำเตรียมตัวนอนกันตามปกติ...
พอปิดไฟ โบ๊ทก็กระเถิบเข้าชิดร่างเล็กทันที เขาส่งแขนแกร่งเข้าโอบเอวบาง... กีต้าร์โวยวายนิดหน่อยแต่ในที่สุดก็ยอมให้กอดแนบชิด... กลิ่นน้ำยาสระผมกลิ่นโปรดยิ่งหอมขึ้นอีกหลายเท่าตัวเมื่อมาอยู่บนผมของร่างเล็ก... ผิวกายขาวละเอียดก็มีกลิ่นหอมของสบู่... สองร่างแนบชิดจนร่างเล็กรู้สึกได้ถึงหัวใจของร่างสูงที่กำลังเต้นรัว และตอนนี้มันกลายเป็นว่าทั้งหัวใจของเขาและของรุ่นพี่ร่างสูงเต้นรัวไม่ต่างกัน... ทั้งคู่นอนหันหน้าไปทางเดียวกัน และแผ่นหลังของกีต้าร์ก็แนบชิดกับแผงอกของโบ๊ท จึงทำให้หัวใจของทั้งสองคนอยู่ในตำแหน่งที่เรียกได้ว่า “ใจตรงกัน” มากถึงมากที่สุด
ทุกสิ่งดูราบรื่นเป็นปกติ จนกระทั่ง...
“คุณโบ๊ท...”
“หืม?”
“อะไรทิ่มก้นผม”
“อยากรู้ปะละ”
“เฮือก!!!”
“อยากรู้ไม่ใช่เหรอ ก็เห็นถามอยู่เมื่อกี๊นี้ไง”
“ไม่!! อ๊ากกกก ปล่อยนะ!!! ไม่อยากรู้แล้วววววววว”----------------------------------------------------
FlapJack's Corner:
เอามาลงให้แล้วนะครับ โทษทีที่ดึกไปนิดนึงนะ แฮะ แฮะ
เดี๋ยวไว้ค่อยมาคุยกันละกันนะ ต้องขอตัวไปนอนก่อนแล้วละ เพราะว่าอีกแค่ 4 ชั่วโมงก็ต้องตื่นไปทำงานอีกแล้ว
สำหรับคืนนี้ ราตรีสวัสดิ์คร้าบบบบบ
ใครมาอ่านเจอตอนเช้าก็ "อรุณสวัสดิ์ นะครับ"