LOVE HIGH STORY – 35 – The Confession | คำสารภาพทีและโจช่วยกันหิ้วปีกเพื่อนสนิทร่างเล็กเข้าบ้านด้วยความมุลักทุเล ไม่ใช่ว่าไอ้เปี๊ยกนี่มันหนักอะไรนักหนาหรอกนะ แต่เป็นเพราะว่ามันชอบพาเดินเซตลอดเลยนะสิ ตุปั๊ดตุเป๋ไปซ้ายทีขวาที กว่าจะเข้าบ้านได้ทำเอาเหนื่อยใช่ย่อย... พอไปถึงบันไดทั้งสองหนุ่มก็มองหน้ากันแล้วถอนหายใจ... นี่ต้องแบกไอ้เปี๊ยกนี่ขึ้นไปข้างบนจริงๆ เหรอเนี่ย... แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วอะนะ ยังไงก็ต้องหิ้วมันขึ้นไปจนถึงห้องของทีนั่นแหละ... เอ่ออออ คือว่าห้องของทีอยู่บนชั้นสี่นุ้นนนนนนนะ
ว่าแล้วก็ก้าวขาออกเดิน... เดินขึ้นทีละขั้นทีละขั้น... ไอ้เจ้าเปี๊ยกก็ก้าวถูกก้าวผิดไปเรื่อย ไหนจะพาทีและโจเดินเซซ้ายทีขวาทีอีก โจที่หิ้วปีกซ้ายเลยกลายเป็นคนซวยกว่าเพื่อนเพราะโดนกระแทกกำแพงทุกทีที่ไอ้เปี๊ยกมันเดินเซซ้าย แต่ก็ใช่ว่าทีจะไม่เจ็บตัวนะ เพราะว่าทุกครั้งที่เดินเซขวา สะโพกของทีก็ต้องไปกระแทกเข้ากับราวบันได... หึหึหึ ท่าทางคนที่จะเสียไม่คุ้มได้คงจะเป็นไอ้เจ้าทีและโจเนี่ยแหละ คงจะตัวเขียวตัวช้ำกันไปหลายวัน
“โอยยยยยย พวกมึงทำอะไรเนี่ยยยย” เมื่อต้องเดินขึ้นบันไดโดยที่มีเพื่อนคอยหิ้วปีกบังคับทิศทางให้เดิน ร่างเล็กขี้เมาเลยรู้สึกรำคาญตัวขึ้นมาตะหงิดๆ ว่าแล้วก็เริ่มส่งเสียงโวยวายหลังจากที่เงียบมานาน
“เฮ้ย ไอ้เชี่ยต้าร์ เงียบๆ ดิวะ พวกม๊ากูเขากลับกันหมดแล้ว สาดดด” ทีพูดกึ่งกระซิบ... ใจจริงอยากจะโบกหัวมันสักทีซะมากกว่า แต่มือก็ไม่ว่าง แล้วอีกอย่างคือกลัวไอ้เปี๊ยกมันโวยวายบ้านแตก มันยิ่งเมาๆ อยู่ด้วย
“นี่ที่ไหนนนนนน” ร่างเล็กตาปรือมองไปรอบๆ เมื่อเห็นว่าไม่ใช่ห้องตัวเองก็นึกสงสัยขึ้นมา
“บ้านกู... โอ้ยยยย ไอ้เชี่ยต้าร์ มึงเดินดีๆ เป็นไหม” ทีตอบแล้วแถมด้วยโวยวายเล็กๆ... เริ่มเหนื่อยกับไอ้เปี๊ยกแสบนี่ซะแล้วสิ
“บ้านมึงงงงง? มีเหล้ามั๊ยยยยย?” นั่นไง ไอ้ขี้เมา สติจะหลุดอยู่แล้วยังจะถามหาเหล้าอีกนะมึง
“ไม่มีเว้ย... ถึงมีกูก็ไม่ให้มึงกินแล้ว เมาสัด... ไปๆ รีบเดิน กุเมื่อยแขนแล้วเนี่ย เดี๋ยวก็ปล่อยให้แม่งนอนที่บันไดซะหรอก”
“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ มึงไม่ใจร้ายกับกูหรอกกกกก ไอ้เพื่อนร้ากกกกกกก” ว่าไปนั่น แถมยังหันไปทำตาปรือ ยิ้มหวานให้เพื่อนอีก
“มันอาจจะไม่ใจร้ายกับมึง แต่กูเนี่ยไม่ปรานีมึงแน่ ถ้ามึงยังเกรียนกับพวกกูขนาดนี้นะไอ้ต้าร์” โจเอ่ยขึ้น ทำเอาต้าร์หันควับไปมองหน้า... หรี่ตามองสักพักก็ยิ้มหวานให้เพื่อนสนิทที่หิ้วปีกซ้ายเขาอยู่
“อ้าวววว มึงก็อยู่นี่ด้วยเหรอวะ ไอ้โจววววววว”
“เออดิ แบกมึงมานานแล้วเนี่ย... เมื่อยเหี้ยๆ”
“โอยยยย พวกมึงแบกกูกลับบ้าน กูร้ากกกกกพวกมึงงงงงที่สุดดดดดด”
“ไม่ต้องมารงมารักอะไรพวกกูตอนนี้เลยสาด ถ้าจะรักพวกกูมึงก็รีบๆ เดิน แขนกูจะโดนเหน็บมาคาบไปแดกแล้วเนี่ย!!”
“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ เห็บคาบไปแดก ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ”
“เหน็บเว้ย ไม่ใช่เห็บ!!!”
“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ”
“เงียบไปเลยไอ้ต้าร์ เหม็นอ้วก!”
.
.
จนแล้วจนรอด ทีและโจก็ประสบความสำเร็จในการหิ้วไอ้เปี๊ยกแสบนี้ขึ้นมาถึงบนห้องได้ในที่สุด... มาถึงก็ไม่ต้องมากพิธีรีตรองอะไร มองหน้ากันแล้วพร้อมใจกันเหวี่ยงเพื่อนร่างเล็กให้ลงไปนอนกองหน้าคว่ำอยู่บนเตียง... ท่าทางจะเมื่อยไม่น้อยนั่น เพราะพอเหวี่ยงร่างเล็กพ้นมือกันแล้ว ก็หมุนแขนหมุนไหล่เป็นการคลายเส้นคลายกล้ามเนื้อกันยกใหญ่... ส่วนกีต้าร์ พอได้ลงไปนอนแล้วก็นิ่งเงียบไปซะงั้น
“ดีนะที่มันอ้วกมาตั้งแต่ในรถแล้ว... ไม่งั้นปล่อยมันนอนท่านี้บนเตียงมึงแบบนี้นะ... มีหวัง... ดาวกระจายยยยยย... ฮ่าๆๆๆ” โจมองเพื่อนสนิทร่างเล็กที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงก่อนจะเอ่ยออกมา แถมย้ำคำว่า “กระจาย” ให้เจ้าของเตียงเห็นภาพ
“เออ พูดซะกูเห็นภาพเลยนะมึง” ทียืนเท้าเอวมองไอ้ขี้เมาที่นอนอยู่บนเตียงแล้วทำหน้าแหยะๆ
“ฮ่าๆๆๆ หน้ามึงตลกวะที”
“เชี่ย... ว่าแต่... ไอ้โต้งจะเป็นไงบ้างวะ” ทีเอ่ยถามขึ้นลอยๆ
“นั่นดิ ไม่รู้ว่าแผนโอเครึเปล่า แต่ท่าทางไอ้พี่โบ๊ทจะเมาแล้วหลับวะ ตอนลากออกจากบาร์ไปก็ดูเหมือนใกล้จะหลับอยู่แล้วนะ” โจตอบพลางคลึงไหล่ตัวเองที่กระแทกกับกำแพงมานับครั้งไม่ถ้วน
“เดี๋ยวกูลองโทรหาไอ้โต้งดูก่อน” ว่าแล้วก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรไปหาโต้ง ยืนรอสายอยู่สักพักใหญ่ๆ แต่ก็ไม่มีคนรับสายสักที
“เป็นไง?” โจเอ่ยถามเมื่อเห็นสีหน้าเพื่อนสนิทดูตุ่นๆ
“มันไม่รับโทรศัพท์วะ เดี๋ยวลองอีกที” ทีพูดก่อนจะก้มลงไปง่วนอยู่กับโทรศัพท์
“สงสัยมันไม่ได้ยิน เอาไว้อีกสักพักค่อยโทรใหม่ก็ได้มั้งมึง... มา มา ช่วยกันจัดการไอ้แสบเปี๊ยกนี่ก่อน...”
ทีพยักหน้ารับแล้วเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงเช่นเดิม... ว่าแล้วทั้งสองคนก็เข้าไปจัดระเบียบร่างกายไอ้เปี๊ยกให้พลิกขึ้นมานั่งเอนพิงหมอนแทนที่จะให้นอนเพราะเกรงว่าคนเมาจะหลับไปซะก่อนจะได้เค้นอะไรตามที่วางแผนไว้ หรือไม่ก็กลัวจะมีอ๊อกก๊อกสองตามมาให้เลอะเตียง
“เดี๋ยวกูไปเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้มันก่อน จะได้ตื่นขึ้นมาหน่อย จะหลับแหล่ไม่หลับแหล่แบบนี้มึงคุยกับมันไม่รู้เรื่องหรอก” โจพูดแล้วลุกขึ้นเดินไปทางห้องน้ำ
“ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กอยู่ในตู้เสื้อผ้ากูอะ อยู่ช่องที่สองจากข้างล่างนะมึง” เจ้าของห้องพูดพลางชี้นิ้วไปที่ตู้เสื้อผ้าข้างประตูห้องน้ำก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าจะโทรหาโต้ง ว่าแล้วก็ล้วงหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมาแล้วกดโทรออก
.
.
.
เสียงก๊อกน้ำในห้องน้ำหยุดลง และสักพักโจก็เดินออกมาพร้อมกับผ้าหมาดที่พับเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัสแล้วเดินตรงไปที่ร่างเล็กที่นั่งหลับตาพิงหมอนอยู่บนเตียง... ทีส่งสายตาให้เป็นเชิงว่า “ลุยเลยเว้ย”... โจไม่รีรอ จัดการโปะผ้าหมาดไปบนหน้าร่างเล็กเต็มๆ ก่อนจะเช็ดๆ ถูๆ ไปทั่วใบหน้า... ถูจนเพื่อนร่างเล็กหัวสั่นหัวคลอน โจเลยต้องใช้อีกมือมาจับหัวไว้ให้อยู่นิ่งๆ
“อืมมมมมมม” ร่างเล็กร้องอืมอัมอยู่ในลำคอ ท่าทางจะสบายไม่น้อยเลยนะนั่น...
“ดูมัน... เคลิ้มอย่างกับแมวที่มีคนคอยเกาคางให้ ฮ่าๆๆๆ” โจหัวเราะ เห็นแล้วก็นึกหมั่นไส้คนเมาขึ้นมาซะงั้น ว่าแล้วก็หยุดเช็ดหน้าแล้วกดน้ำหนักมือไปบนจมูกโด่ง... อุดจมูกซะเลย... ร่างเล็กบ่นงึมงัมอยู่ในลำคอก่อนจะปัดมือเพื่อนออกราวกับปัดรำคาญ ทำเอาทีและโจอดขำไม่ได้
“เอ้อออ เกือบลืมไปนะมึง” อยู่ๆ โจก็โผลงขึ้น
“ลืมไรมึง” ทำเอาทีหยุดหัวเราะแล้วหันมาขมวดคิ้วให้
“จะอะไรละ ลืมโทรหาไอ้โต้งอะดิ” ว่าแล้วก็วางผ้าไว้ข้างเตียงแล้วทำท่าจะล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง
“ไม่ต้องแล้ว กูโทรแล้ว”
“อ้าว มึงโทรแล้วเหรอ... มันว่าไงบ้าง”
“ไม่ว่าไง... มันบอกว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี แต่ไอ้พี่โบ๊ทยังไม่พูดอะไร”
“ไอ้โต้งมันจะเอาพี่โบ๊ทอยู่ป่าววะ รายนั้นก็เกรียนใช่ย่อยนะ”
“ฮ่าๆๆๆๆ มึงก็ไปว่าพี่เขา”
“เอ้า ก็จริงอะ ถ้าไม่เกรียนนะ อยู่กับไอ้เปี๊ยกไม่ได้หรอก”
“อืม ก็ถูกของมึง... เห๋!! อ้าว!! แบบนี้มึงก็ด่ามึงเองกับกูด้วยดิ!”
“เออวะ... เออวะ ฮ่าๆๆๆๆ”
“ฟายเอ้ย! ฮ่าๆๆๆ” และในขณะที่ทีและโจกำลังหัวเราะกันอยู่นั้นเอง ก็มีเสียงหัวเราะยานๆ ดังแทรกขึ้น
.
“ฮ่ะ ๆ ๆ ๆ ๆ ไอ้ พวก ฟาย”
.
เมื่อหันไปตามเสียงก็เห็นว่าไม่ใช่ใคร ก็คือไอ้เปี๊ยกขี้เมานั่นเอง... เมื่อกี๊ยังนั่งหลับตาอยู่เลย แต่ตอนนี้ดันตื่นขึ้นมานั่งตาปรือ... ยิ้มซะเยิ้มเชียว... แถมยังจะมาหัวเราะและตบท้ายด้วยคำด่าเนียนๆ อีกนะ
“ไงมึง ได้ยินชื่อพี่โบ๊ทเข้าหน่อยละตื่นเชียวนะ... หายเมายังมึง” เอ้อออ ทีเอ้ย เอ็งก็ถามเป็นลิเกไปได้ ใครมันจะไปสร่างเมาได้ไวขนาดนั้น!
“กูไม่ได้เมาสักหน่อยยยยยย โว๊ะ!”
“แหม ไม่ได้เมาเลยนะมึง... หน้าแดง คอพับ ตาปรือ แถมกลิ้นเหล้าหึ่งขนาดนี้ ไม่เรียกว่าเมาแล้วเรียกว่าไรครับ ไอ้ต้าร์ นี่ยังไม่ได้นับที่มึงอ้วกบนรถด้วยนะ” โจพูดไปก็เอานิ้วจิ้มหน้าผากเพื่อนตัวเล็กไป
“กูไม่เมาจริงๆ... กูยังรู้เรื่องนะมึงงงงง”
“หึหึ... แน่ใจ๊?” ทีถาม แต่ก็เห็นอยู่ว่าต้าร์พูดจารู้เรื่อง อาจจะดูกรึ่มๆ ไปบ้าง แต่ก็ยังมีสติอยู่ไม่น้อยละนะ
“เออออออ เชื่อกูนี่ เชื่อกู” ร่างเล็กพูดไปก็จิ้มอกตัวเองไป... แต่ก่อนจะไปบอกให้เขาเชื่อเนี่ย ลืมตาให้ขึ้นก่อนดีไหม หือ?
“กูเชื่อก็ได้... งั้น... ดีเลยที่มึงไม่เมา จะได้คุยกันให้รู้เรื่องไปเลย ใช่ไหมโจ” ทีกล่าวแล้วหันไปยักคิ้วให้โจที่นั่งยิ้มมุมปากอยู่ข้างๆ
“ห๊ะ? คุยให้รู้เรื่อง? คุยกับกูเนี่ยนะ?” ร่างเล็กขมวดคิ้วเพราะงงว่าเพื่อนๆ พูดเรื่องอะไรกัน
“หึหึหึ... ตอบกูมา... ว่ามึงกับพี่โบ๊ทคบกันอยู่ใช่ไหม” โจไม่เกริ่นอะไรทั้งนั้น ยิงตรงเข้าประเด็น ตรงถึงขนาดที่ทำเอาทีเหวอไปด้วยเลย
“ห๊ะ?”
“อย่ามาเนียน มึงบอกเองนะว่ามึงไม่เมา ยังรู้เรื่อง เพราะฉะนั้นที่กูถามไปมึงก็ต้องได้ยิน”
“โหยยยยย พวกมึงจะมาติดใจอะไรนักหนาเรื่องไอ้ลิงภูเขานั่นกันวะเนี่ย พวกกูไม่ได้คบกัน ไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆๆๆๆๆ...”
“กูไม่เชื่อ” ทีตัดบทไม่ให้กีต้าร์แก้ตัว
“จริงๆ นะมึง เชื่อกูเหอะ กูขอออออ”
“พวกกูไม่เชื่อ... ถ้าคืนนี้มึงไม่บอกความจริงกับพวกกู ก็อย่าหวังว่าจะได้นอน” ทีเล่นบทเด็ดขาด
“ใช่ บอกมาเหอะ... พวกกูเป็นเพื่อนมึงนะ จะโกหกพวกกูไปถึงไหน เราเป็นเพื่อนกันมาจะครึ่งชีวิตแล้วนะเว้ยต้าร์” โจเสริมทัพกดดันร่างเล็กโดยเอาคำว่า “เพื่อน” มาเป็นอาวุธ เพราะรู้ว่าสำหรับกีต้าร์แล้ว คำว่าเพื่อนเป็นคำที่มีความหมายและความสำคัญมาก
“เฮ้ออออออ... กูไม่ได้คบกันจริงๆ นะมึง... กูไม่ได้เป็นอะไรกัน กูสาบาน... พวกมึงเชื่อกูดิวะ กูไม่ได้โกหกพวกมึงเลยนะเว้ย” กีต้าร์น้ำเสียงอ่อนลงแต่ก็ฟังดูมีความหนักแน่นอยู่ในตัว... ทีและโจเมื่อเห็นท่าทางและน้ำเสียงของเพื่อนสนิทอย่างนั้นแล้วก็หันไปมองหน้ากันแล้วพยักหน้าและส่งสายตา เป็นเชิงว่าไอ้เปี๊ยกมันคงพูดความจริง
“โอเคๆ ไม่ต้องมาทำเสียงแบบนั้นเลยนะมึง... พวกกูจะลองเชื่อก็ได้...” ทีเอ่ย
“เออ เอาเป็นว่าประเด็นนี้จบไป... พวกมึงไม่ได้คบกัน... ประเด็นต่อไป... มึงชอบพี่โบ๊ทใช่ไหม”
“เฮ้ย เชี่ยโจ” ทีร้องหน้าเหวอ... เอาอีกละนะไอ้โจ จะตรงไปไหนเนี่ย!
“อะไรมึง ไอ้ที... หรือมึงไม่อยากรู้ความจริงจากปากเพื่อนมึงเอง?” โจหันไปถาม และก็ได้คำตอบมาเป็นการพยักหน้าสองสามที...
“เออดี งั้นปล่อยเป็นหน้าที่กู มึงไม่กล้าถามมัน กูจัดเอง... เอ้า ไอ้ต้าร์ ตอบกูมาเร็วๆ กูจริงจังนะเนี่ย” โจพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง... ว่าแล้วทั้งสองหนุ่มก็หันหน้าไปทางร่างเล็กที่นั่งก้มหน้าอยู่บนเตียง รอฟังว่ากีต้าร์จะตอบว่าอะไร
“...กู... กู... ไม่รู้วะ... กูแค่... รู้สึกแปลกๆ เวลาอยู่ใกล้...”
“แปลกๆ? ยังไง?”
“ก็... แบบ มันรู้สึกคนละแบบกับเวลาที่อยู่กับพวกมึง... กูไม่ได้หมายถึงว่าอยู่กับพวกมึงแล้วไม่ดีนะเว้ย... กูอยู่กับพวกมึงก็มีความสุขดี สบายใจดี แต่เวลาอยู่กับไอ้คุณโบ๊ทมันรู้สึกคนละแบบอะมึง... มันรู้สึกดีแบบแปลกๆ...”
“ถ้ามึงรู้สึกดีเวลาอยู่กับพี่โบ๊ท แล้วมันไม่เหมือนกับรู้สึกดีเวลาอยู่กับพวกกูที่เป็นเพื่อนมึง ก็แปลว่ามึงไม่ได้ชอบพี่โบ๊ทแบบเพื่อน”
“เฮ้ยยยย ไม่หรอก... ไม่ใช่อะไรแบบนั้นหรอก... ถ้าเป็นแบบนั้น กูควรจะต้องรู้สึกแบบว่าโล่งใจที่ได้อยู่ใกล้กับคนที่กูชอบดิวะ แต่นี่แม่ง... ชอบทำให้กูทำตัวไม่ถูกอะ...”
“ยังไงของมึง พูดให้รู้เรื่องหน่อยดิ นี่มึงเมาแล้วพูดจาไม่รู้เรื่องหรือมึงสับสนในตัวเองวะ”
“เชี่ย... โว้ยยยยย ก็แบบ... เหมือนจะอึดอัด... แต่มันก็ไม่อึดอัดนะ... คล้ายๆ กับ... ลืมจังหวะหายใจอะมึง... บางทีก็ใจสั่น”
“มึงเขิน?” โจหรี่ตาถาม
“ไม่ได้เขินนะเว้ย แต่กูก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร...”
“ไม่ได้เขินเชี่ยไร ตอนนี้แค่พูดถึงเรื่องนี้มึงยังเขินเลย”
“ไม่ใช่เว้ย!!... กูแค่รู้สึกเหมือนกูสูญเสียความมั่นใจในตัวเอง...”
“แล้วมึงรู้สึกแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไร”
“กู... กูก็ไม่รู้วะ มันเหมือนค่อยๆ เป็นแบบนั้นอะมึง... ยิ่งช่วงหลังๆ เนี่ย พวกมึงชอบแซวกู แล้วกูก็ไม่รู้จะทำตัวยังไง”
“ทำไมวะ ก็ถ้ามึงไม่ได้คิดอะไรกับพี่โบ๊ทจริงๆ แล้วคำแซวของพวกกูมันไปมีผลอะไรกับมึงนักหนาวะ ห๊ะ?”
“ไม่รู้เว้ย มึงมาลองเป็นกูดูไหมละ สาดดดด... เดี๋ยวกูสร้างกระแสจับคู่มึงสองคนซะเลยนี่”
“โอยยย น่ากลัวสาดดดด... ใช่ไหมจ๊ะที่รัก” ทีทำท่าประชดแล้วหันไปกอดคอทำตาเยิ้มใส่โจ
“อุ้ยยยย เค้ากลัวอะที” ไอ้โจก็บ้าจี้เล่นไปกับทีด้วยซะงั้น ดูทำท่าเข้า คิดว่าตัวเองเป็นสาวน้อยหรือไง!
“พวกมึงแม่ง... เกรียนสัด” กีต้าร์มองเพื่อนทั้งสองด้วยแววตาๆ แบบว่า *WTF*
“ฮ่าๆๆๆ เห็นไหม พวกกูไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย ก็แค่ขำๆ เนอะโจ”
“เออดิ... ถ้ามึงหวั่นไหวนะเว้ยต้าร์ มันแปลว่ามึงอะ... ชอบ พี่ โบ๊ท” โจพูดเน้นๆ ย้ำๆ ทีละคำ
“กูเปล่าเหอะ”
“มึงชอบ”
“ไม่!”
“มึงชอบ”
“ไม่เว้ยยยย!!”
“มึงชอบ” คราวนี้โจและทีประสานเสียงกันอย่างพร้อมเพรียง ทำเอาต้าร์สะอึก คล้ายๆ กับคำปฏิเสธมันจุกอก เลยนิ่งเงียบอยู่
หลายวินาที
“ต้าร์... พวกกูไม่ว่าอะไรมึงหรอก ถ้ามึงจะรู้สึกดีกับพี่โบ๊ท... เพราะพวกกูชินแล้วละกับการที่มึงสองคนเป็นกันแบบนี้ จนตอนนี้กูนึกภาพมึงโดยที่ไม่มีหน้าไอ้พี่โบ๊ทโผล่เข้ามาในเฟรมไม่ออกแล้วนะมึง... แล้วอีกอย่างนะ กูมั่นใจว่าไอ้พี่โบ๊ทเองก็รู้สึกดีกับมึงเหมือนกัน... ในเมื่อมึงกับเขารู้สึกตรงกัน แล้วจะมัวมาปฏิเสธอะไรอยู่วะต้าร์” โจร่ายยาวหลังจากปล่อยให้เพื่อนร่างเล้กนิ่งเงียบมาสักพัก
“ใช่ ไอ้โจพูดถูกนะเว้ยต้าร์... มึงคิดดูนะว่าทำไมไอ้พี่โบ๊ทมันถึงไม่คบใครจริงจังสักที ทั้งๆ ที่พี่เขาก็ดีพร้อมทุกอย่างอะมึง คนมาจีบพี่เขาก็ไม่น้อย มึงอยู่กับพี่เขามึงน่าจะรู้ว่ามีคนโทรมาคุยกับพี่เขาอยู่ตลอดไม่ใช่เหรอ ที่หน้าตาสวยๆ น่ารักๆ ก็มีเยอะแยะ แล้วทำไมพี่เขาถึงไม่เลือกใคร แถมยังปฏิเสธไปก็ไม่น้อย... แล้วสิ่งที่เขาทำกับมึงอะ มันออกจะชัดเจนขนาดนั้น ใครๆ ก็รู้สึก ใครๆ ก็ดูออกกันทั้งนั้นแหละว่าเขาคิดยังไงกับมึง” เอ่อ... ทีครับ ไม่ทราบว่าเก็บกดมาจากไหนเหรอ
“แล้วมึงเองก็ไม่ต่างกันกับพี่โบ๊ทหรอก คนเขาถึงคิดกันว่ามึงกับพี่โบ๊ทชอบกันคบกัน” โจเสริม
.
“เหรอวะ...”
.
สิ่งที่เพื่อนทั้งสองร่ายมาซะยาวเนี่ย ทำเอาต้าร์แทบจะสร่างเมาเลยทีเดียว... ตอนนี้เลยนั่งคิ้วขมวดเหมือนกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก... คิดไปคิดมาภาพต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับโบ๊ทก็ฉายขึ้นในหัว โดยเฉพาะเหตุการณ์ริมสระเมื่อคืนวานนี้ แค่คิดถึง ก็รู้สึกได้ถึงไออุ่นของอ้อมกอดและจังหวะเต้นของหัวใจของรุ่นพี่ร่างสูงที่เขาสัมผัสได้ผ่านแผ่นหลังที่แนบชิดแผ่นอกของร่างสูง... ว่าแล้วสมองก็พาลคิดไปถึงอุบัติเหตุจมูกชนแก้มเข้าจนได้ ทำเอารู้สึกร้อนผ่าวที่แก้มใส จากที่แดงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์อยู่อล้วนั้นยิ่งแดงขึ้นไปอีก... ซึ่งเป็นผลมาจากหัวใจที่เต้นเร็วขึ้นนั่นเอง
.
.
“เฮ้ออออออ... กู... ไม่รู้วะ... กูแค่รู้สึกดีกับสิ่งต่างๆ ที่ไอ้คุณโบ๊ททำ... หรือมันอาจจะหมายถึงว่ากูชอบไอ้คุณโบ๊ทไปแล้วจริงๆ ก็ได้... มั้ง...”
.
.
ก้มหน้าก้มตาเค้นประโยคน่าอายออกมาได้แล้วก็รู้สึกเขินเพื่อนสนิททั้งสอง... ยิ่งเห็นเพื่อนๆ เงียบกันแบบนี้แล้วยิ่งทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรต่ออีกไหม หรือต้องทำหน้าอย่างไรดี... ว่าแล้วก็เลยเนียนทิ้งตัวลงนอนเอาหน้าซุกผ้าห่มไปซะเลย...
โจกับทีค่อนข้างพอใจในสิ่งที่ได้ยิน เขาทั้งคู่คิดว่าพวกเขาได้คำตอบที่ตามหาแล้ว และต่อไปนี้ก็เป็นเรื่องของเวลาแล้วละนะ... เวลาสำหรับต้าร์ที่จะกล้ายอมรับสถานะของตัวเอง ยอมรับในความรู้สึกของตัวเอง และยอมรับในความรู้สึกของร่างสูง... ทีกับโจเห็นท่าทางของเพื่อนสนิทร่างเล็กแล้วก็หันมามองหน้ากันพร้อมรอยยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจ... แต่แล้วอยุ่ๆ ทีก็หุบยิ้มแล้วหันไปมองกีต้าร์ที่นอนซุกผ้าห่มอยู่ข้างๆ ก่อนจะยื่นมือไปกระตุกปลายผ้าแล้วเรียกชื่อเพื่อนร่างเล็กอยู่สองสามครั้ง แต่กลับไม่ได้รับปฏิกริยาตอบรับอะไรกลับมา ก็เลย...
“ไอ้ต้าร์ มึงไม่ต้องมาเนียน... ถึงมึงจะค่อนข้างเมา แต่นั่นไม่ใช่ข้อยกเว้นที่มึงจะไม่อาบน้ำนะเว้ย... ลุกมาเลยสาดดด จะนอนเตียงกูทั้งๆ ที่มึงเน่าแบบนี้ไม่ได้!!”
“ม่ายยยยยยยย อย่ามายุ่งกับกู กูเมา leave คนเมา alone please!!!”
“เหรอออ... leave คนเมา alone งั้นเหรอ! ไอ้แรด! งั้นกูขอเตะคนเมาซักปาบก่อน leave it alone นะมึงงงงง”
สิ้นคำคาดโทษ เตียงขนาดคิงไซส์ของทีก็กลายเป็นสนามรบขนาดย่อมระหว่างทีกับกีต้าร์... ส่วนโจ เมื่อเห็นเพื่อนสองคนมะรุมมะตุ้มกันอยู่บนเตียงก็อดขำไม่ได้ ถึงกับปล่อยหัวเราะออกมาซะเต็มเสียง...
“ฮ่าๆๆๆๆๆ ไอ้พวกปัญญาอ่อน ฮ่าๆๆๆๆ ฮุ้บ!... เชี่ย ใครปาหมอนใส่กู!! มึงตาย!!!!”
.
อืมมมมม ท่าทางน่าสนุกใช่ย่อยนะ แต่ลืมไปรึเปล่าว่าในบ้านนะเขาหลับกันหมดแล้ว!!!
.
.
.
ทางด้านห้อง 707 ในคอนโดฯ ย่านลาดพร้าว...
ร่างโปร่งนั่งอยู่ปลายเตียง หันหน้าออกไปนอกหน้าต่าง... เหม่อมองท้องฟ้ายามค่ำคืนลอดผ่านไรผ้าม่านสีขาวโปร่ง... บนแก้มใสมีคราบน้ำตาที่ยังไม่แห้งสนิทเป็นทางยาว...
.
.
ครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้...
.
.
โต้งพรมจูบไปที่หน้าผากของรุ่นพี่ร่างสูงก่อนจะไล้ปากบางไปที่ปลายจมูกเรียวและแก้มใส... ส่วนมือก็ลูบไล้ไปบนผิวกายละเอียดช่วงแผ่นอกและหน้าท้องแบนราบที่มีมัดกล้ามสมส่วน... ริมฝีปากของโบ๊ทเปิดออกเล็กน้อย ยิ่งชวนให้น่ากบประทับ... รุ่นน้องร่างโปร่งใช้นิ้วเรียวไล้ไปบนริมฝีปากได้รูปของรุ่นพี่ ในใจกำลังเกิดการต่อสู้กันระหว่างจิตสำนึกและความปราถนา... แต่สุดท้ายจิตสำนึกก็ไม่แข็งแกร่งพอที่จะต่อต้านต่อแรงปราถนา เขาละมือจากร่างของรุ่นพี่ที่นอนหลับตาพริ้มด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์มาปลดกระดุมเสื้อตัวเองแล้วถอดเสื้อออกไปวางกองไว้ข้างเตียง...
เป้าหมายถัดไปคือการจู่โจมริมฝีปากบางได้รูป... แต่ในขณะที่เขากำลังโน้มหน้าลงไปสัมผัสริมฝีปากบางคู่นั้น โทรศัพท์ของเขาก็สั่นเรียกความสนใจเสียก่อน... โต้งผงะเล็กน้อยก่อนจะล้วงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู...
.
<<< Incoming Call: Tii >>>
.
แทนที่โต้งจะกดรับโทรศัพท์ แต่เขากลับวางมันลงข้างๆ เตียง ปล่อยให้มันสั่นอยู่อย่างนั้น... ว่าแล้วก็หันกลับไปหา “โอกาส” ของเขาที่หลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียง...
ร่างโปร่งทิ้งตัวลงนอนข้างๆ รุ่นพี่ร่างสูง... มือเรียวลูบไล้ไปที่แก้มใสก่อนจะส่งนิ้วโป้งไปไล้ที่ริมฝีปากบางที่เปิดออกเล็กน้อย... ช่างดึงดูดเสียจริง... คงจะดีกว่านี้หากริมฝีปากนี้เรียกชื่อเขาเพียงคนเดียว... ยิ้มให้เขาเพียงคนเดียว... โต้งยิ้มให้กับความคิดของตัวเอง... ก่อนจะโน้มหน้าลงประทับจูบอย่างอ่อนโยน...
ใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ มันเป็นความตื่นเต้นที่น่าลิ้มลอง และเมื่อได้ลิ้มลองก็เหมือนยาเสพย์ติด... มีครั้งแรกก็มีครั้งที่สอง สาม สี่ ห้า ตามมา... โต้งพรมจูบอย่างอ่อนโยน ไม่รีบร้อน ไม่รุนแรง... เนิบช้า ค่อยๆ ซึมซับรสสัมผัส...
.
“อืมมมม”
.
เสียงครางในลำคอของรุ่นพี่ร่างสูงทำเอาร่างโปร่งชะงักเล็กน้อย แต่มันก็แค่เสียงครางของคนเมาที่ไม่มีสติหลงเหลือ... ร่างโปร่งไล้จูบไปที่คางก่อนจะลามไปที่ลำคอเรียว... ส่วนมือก็ลูบไล้ไปทั่วแผ่นอกกว้าง
.
“อือออออ”
.
เสียงครางที่เคยทำโต้งชะงักไม่มีผลกับเขาอีกต่อไป... ร่างโปร่งยิ้มอย่างพอใจกับปฏิกริยาของรุ่นพี่ร่างสูง... แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อจู่ๆ ร่างสูงก็ยกแขนขึ้นมาเกี่ยวโอบคอของโต้งไว้... ทำเอาโต้งตกใจอีกครั้งจนชะงัก ด้วยกลัวว่าโบ๊ทจะรู้สึกตัวขึ้นมาเจอเขาในสภาพแบบนี้... โต้งพยายามดึงแขนของโบ๊ทออกแต่ด้วยความที่แขนข้างหนึ่งต้องใช้ค้ำยันตัวไว้กับเตียง เลยเหลือเพียงแขนขวาเพียงข้างเดียวจึงไม่ง่ายนักที่จะดึงแขนของโบ๊ทออกจากคอ แถมยิ่งดึงโบ๊ทก็ยิ่งเกาะแน่น... พอโต้งขยับตัวมากขึ้น โบ๊ทก็ยกขาขึ้นพาดไปที่ขาของโต้งก่อนจะเอ่ยทำพูดบาดหูขึ้นมาทำร้ายอย่างไม่รู้ตัว...
.
“ไอ้เปี๊ยก... อย่าดิ้นดิ...”
“...”
“บอกว่าให้อยู่เฉยๆ ไง... ทำอย่างกับไม่เคยนอนกอดกันอย่างนั้นอะ”
“...”
“อืมมมมม คืนนี้ดาวสวยจังเลยนะ... อืมมมมม”
.
โต้งได้แต่นิ่งแล้วฟัง... ถึงโบ๊ทจะพูดไม่ดัง... คล้ายๆ คนละเมอ... แต่ระยะประชิดแบบนี้ยังไงก็ได้ยินอย่างชัดเจน... สิ่งที่ได้ยินทำเอาจุกที่กลางอก... ยิ่งมีรอยยิ้มผุดขึ้นบนหน้าใสนั้นด้วยแล้ว ยิ่งเป็นการบ่งบอกอย่างชัดเจนเลยว่าเวลาที่โบ๊ทกับต้าร์อยู่ด้วยกันเพียงลำพังแล้วนั้นใกล้ชิดสนิทสนมกันแค่ไหน และความรู้สึกของโบ๊ทที่มีต่อต้าร์นั้นเป็นอย่างไร... ถึงไม่ได้พูดว่ารักหรือชอบออกมา... แต่สีหน้าและโทนเสียงมันบอกได้ทุกอย่างไว้แล้วอย่างชัดเจน... นี่สินะคำตอบที่เขาตามหา... ทำเอาชาไปทั้งตัว
ร่างโปร่งนิ่งค้างจ้องมองหน้าของรุ่นพี่อยู่สักพักก่อนจะโน้มหน้าลงไปจูบกลางหน้าผากอย่างอ่อนโยน... โต้งแกะแขนของร่างสูงออกจากคอแล้วผละตัวออกไปนั่งอยู่ปลายเตียง... ความรู้สึกเสียใจที่เข้าจู่โจมหัวใจหลังหมดอาการชาทำเอาน้ำตาที่กลั้นไว้ค่อยๆ ไหลเป็นสายอาบแก้ม...
.
.
ครืดดดดดดดดด ครืดดดดดดดดดดด
.
โทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างเตียงสั่นเรียกอีกครั้ง โต้งหยิบมาดูก็เห็นว่าทีโทรมาอีกครั้ง... เขากลั้นสะอื้นและสูดหายใจลึกๆ ก่อนจะกดรับโทรศัพท์
“โหล ว่าไงที”
“เฮ้ย โต้ง ทางนั้นเป็นไงบ้างวะ”
“เอ่อ... ก็ไม่มีอะไรนะ ทุกอย่างเรียบร้อยดี แต่พี่โบ๊ทยังไม่ได้พูดอะไรเลย...”
“เออดี... แล้วทำไมเสียงมึงแปลกๆ วะโต้ง เป็นหวัดเหรอวะ เสียงอู้อี้ๆ”
“ไม่เป็นไร แค่ไปเจอควันบุหรี่แล้วก๋ดื่มเหล้า ก็เลยคัดจมูกนิดหน่อย... แล้วทางโน้นละ เป็นไงบ้าง”
“เพิ่งถึงบ้านได้สักพักเนี่ย แบกไอ้ต้าร์ขึ้นห้องโคตรเหนื่อย แม่งรุงรังมากอะ”
“ฮ่าๆ นึกภาพออกเลย” ใช่สิ โต้งเองก็มีประสบการณ์ตรงเมื่อครั้งที่ช่วยโบ๊ทแบกไอ้ต้าร์ออกจากผับเมื่อคราวที่แล้ว
“คืนนี้ยังอีกยาวไกล ยังไงก็ไว้อัพเดทกันนะมึง ไว้คุยกัน บายๆ”
“อืมๆ บาย”
.
หลังวางสาย... ร่างโปร่งนั่งอยู่ปลายเตียง... นั่งหันหน้าออกไปนอกหน้าต่าง... เหม่อมองท้องฟ้ายามค่ำคืนลอดผ่านไรผ้าม่านสีขาวโปร่ง... บนแก้มใสมีคราบน้ำตาที่ยังไม่แห้งสนิทเป็นทางยาว...
.
.
บนกำแพงหลังโต๊ะเขียนหนังสือมีบอร์ดสำหรับปักหมุดกระดาษโน๊ตต่างๆ และมีกระดาษโน๊ตและโพสอิทติดอยู่ทั่วทั้งบอร์ด หนึ่งในนั้นมีรูปถ่ายของต้าร์ที่โบ๊ทแอบถ่ายไว้ตอนกำลังหลับอยู่บนเตียงของเขา ใต้ภาพนั้นมีข้อความเขียนไว้ว่า...
“แมวหลับ... หมดฤทธิ์”
ส่วนอีกภาพเป็นภาพต้าร์กำลังขยี้ตาหลังตื่นนอนจากภาพแรก โดยมีข้อความใต้ภาพว่า
“จะแผลงฤทธิ์เมื่อไร ก็...
...โปรดติดตามตอนต่อไป” .
.
.
-------------------------------------------------
[Bonus หลังไมค์]ตอน... พิสูจน์คนเมา ฉบับ FlapJack’s Cut
เมื่อทีและโจต้องการพิสูจน์ว่าไอ้เปี๊ยกยังมีสติดีอยู่...
ที: ไงมึง หายเมายัง
กีต้าร์: กูไม่ได้เมาสักหน่อย โว๊ะ!
โจ: แหม ไม่ได้เมาเลยนะมึง... หน้าแดง คอพับ ตาปรือ แถมกลิ้นเหล้าหึ่งขนาดนี้ ไม่เรียกว่าเมาแล้วเรียกว่าไรครับ ไอ้ต้าร์
กีต้าร์: กูไม่เมาจริงๆ... กูยังรู้เรื่องนะมึงงงงง
ที: หึหึ... แน่ใจ๊?
กีต้าร์: เออออออ เชื่อกูนี่ เชื่อกู
โจ: อะ งั้นมึงบอกกูว่านี่กี่นิ้ว (//ชูนิ้วชี้ กลาง นาง)
กีต้าร์: สามนิ้ว
ที: แล้วนี่ละ กี่นิ้ว (//ชูนิ้วโป้ง ชี้ กลาง)
กีต้าร์: สามนิ้ว
ที: ผิด! (//ลดนิ้วโป้งลง เหลือเพียงชี้และกลาง) สองนิ้วเว้ย ฮ่าๆๆๆ ไอ้ขี้เมา!
กี่ต้าร์: ธ่ออออ โกงวะ... ตากูมั่งๆ... นี่กี่นิ้ว (//ชูนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ให้ทีและโจดู)
ที + โจ: สองนิ้วดิ
กีต้าร์: ผิด! (//ลดนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ลง แล้วชูนิ้วกลางขึ้นมาแทน) นิ้วเดียวเว้ย ฟาย!!!
ที + โจ: ( - * - ) ( - * - )-------------------------------------------------
FlapJack's Corner:
ผมมีแก้ตอนช่วงท้ายก่อนโพสเพิ่มนิดหน่อยนะครับ ลองอ่านกันดูอีกทีนะ
ปล. เนื่องจากมันยาวเกิน 20000 ตัวอักษร ผมเลยขอตอบคอมเม้นท์ในรีพลายที่ 841 หน้า 29 แทนนะครับ -------------------------------------------------