LOVE HIGH STORY – 15 – Decision | ตัดสินใจเข้า – ออก
.
เข้า – ออก
.
เข้า – ออก
.
เข้า – ออก
.
เข้า – ออก
.
.
.
ยามบ่าย ภายในห้องนอนในบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ใจกลางทองหล่อ ชายหนุ่มเจ้าของร่างโปร่งนั่งอยู่ที่ปลายเตียงท่ามกลางความเงียบ มีแต่เพียงเสียงลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ในมือมีโทรศัพท์มือถือที่ถือมาได้สักพักจนเหงื่อชุ่มฝ่ามือ หน้าจอปรากฎชื่อและหมายเลขปลายทางที่ตั้งใจไว้ว่าจะโทรไป แต่พอกดปุ่มเขียวเพื่อต่อสาย ก็กดปุ่มแดงวางสายซะงั้น...
เมื่อคืน เขาได้คุยโทรศัพท์กับดรีม เพื่อนสนิทแสนสวยที่เป็นสาววายตัวเป้ง ถึงแม้มันจะเป็นการโทรมาให้กำลังใจที่ออกจะแปลกๆ ไปสักหน่อย แต่ก็นับว่าช่วยเติมพลังใจให้เขาได้ไม่น้อยและได้เป็นสิ่งที่สะกิดให้เขาตัดสินใจเริ่มลงมือทำอะไรสักอย่างกับความรู้สึกที่มีอยู่ในใจนี้มานานนับปีเสียที... แต่ไอ้ความกลัวต่างๆ นาๆ ก็กรูกันเข้ามารุมกินโต๊ะกำลังใจที่เขามีอยู่ซะจนเหลือติดหัวใจอยู่กระจุ๊ยเดียว... เฮ้ออออ สู้ต่อไปนะพ่อหนุ่ม
.
.
.
เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่าโต้งเป็นนักแอบรักตัวยง... อืมมมม ใครจะคาดจะคิดว่าชายหนุ่มหน้าตาดี ดีกรีนักกีฬา แถมเกิดมาบนกองเงินกองทองจะต้องมาคอยแอบชอบคนอื่นอยู่แบบนี้... ใช่ ก็จริงอยู่ ที่มีคนสนใจและเข้ามาติดพันเขาอยู่ไม่น้อย แต่มันใช่คนที่เขาชอบและรู้สึกพิเศษด้วยซะที่ไหนกันละ แถมปัญหาหลักๆ ก็คือว่าคนที่เขาชอบดันเป็นผู้ชายเหมือนกันเสียด้วย สิ่งต่างๆ มันเลยไม่ง่ายเหมือนชาย-หญิงหรอกนะ... ถึงแม้ว่าจะมีแนวโน้มว่าอีกฝ่ายก็สนใจผู้ชายด้วยกันอยู่บ้าง แต่สิ่งต่างๆ ก็ไม่เคยชัดเจน... อีกฝ่ายมีคนสนิทอยู่ข้างกายที่เขาเองก็ดูไม่ออกว่าสนิทกันแบบไหน จะเป็นพี่เป็นน้องก็เหมือนจะไม่ใช่ จะเป็นแฟนกันไหม... อืมมมม ก็ไม่เชิง... ดังนั้น ขืนเหลอหลาเดินหน้าบอกรักไป มีสิทธิ์อกหักแบบเฉียบพลันชนิดที่ตั้งตัวเตรียมใจไว้ยังไงก็ไม่ทันอย่างแน่นอน...
...ว่าแล้วก็ใช้เวลานั่งคิดนอนคิดว่าควรจะทำอะไร เริ่มอย่างไรดี กว่าจะได้คำตอบให้ตัวเองอีกทีก็มีแสงอาทิตย์ยามบ่ายมาส่องทักทายเสียแล้ว... แต่นี่ก็เห็นว่านั่งนิ่งมาได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว จะทำอะไรก็ยึกยักๆ อยู่นั่น ไม่รู้ว่าคิดอะไรไปถึงไหนแล้ว
.
.
.
ผมนั่งมองโทรศัพท์มือถือของตัวเองมาได้สักพักแล้วละครับ จับๆ วางๆ มาหลายรอบแล้ว... คิดจะโทรแต่ก็ไม่โทรสักที พอรวบรวมความกล้าที่จะโทร ความกลัวก็ดันเข้ามาแทรกให้กดวางเสียทุกที ทั้งๆ ที่วันนี้ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะเริ่มลงมือทำอะไรสักอย่างเสียที มัวแต่ปล่อยให้ความรู้สึกมันหนักอึ้งอยู่ในอกมานานแบบนี้มันก็อึดอัด แต่พอจะทำอะไรให้มันชัดก็ดันมาป๊อดซะงั้น... เฮ้ออออ
...หรือผมจะอยู่เฉยๆ ทำตัวเป็นนักแอบรักมือรักมืออาชีพแบบเนียนๆ แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ดีนะ... เพ้อๆ ฝันๆ ไปเรื่อยอย่างที่ทำมาโดยตลอด...
ตลอดมา... ผมเฝ้าฝันถึงวันที่เราสองคนจะได้ไปในทุกๆ ที่ที่เราอยากไป... ไม่ว่าทะเล ทุ่งหญ้า หรือภูเขา ไม่ว่าเขาอยากจะไปที่ไหน ผมก็จะพาเขาไป... ท่าทางดูเป็นคนเอาแต่ใจอยู่ไม่น้อย แต่ไม่เป็นไรครับ ถึงจะเอาแต่ใจ ผมก็จะตามใจเขาเอง
ผมเฝ้ารอวันที่เราสองคนจะได้ไปนั่งในร้านอาหารบรรยากาศดีๆ นั่งทานข้าวด้วยกันเพียงลำพังเราสองคน โดยที่ไม่ต้องใส่ใจสายตาใคร... ผมจะสั่งอาหารดีๆ รสชาติอร่อยๆ และคอยตักให้เขาทานเยอะๆ เลยละ... ท่าทางจะเป็นคนกินเก่งอยู่ใช่ย่อย แต่ไม่เป็นไรครับ ถึงจะกินจุผมก็เลี้ยงไหวละน่า
ผมชอบเพ้อถึงวันที่เราสองคนไปเดินซื้อของช้อปปิ้งด้วยกัน... ผมสัญญากับตัวเองไว้ว่าจะไม่บ่นเลยสักนิดหากเขาเดินนานหรือเลือกของช้า ผมจะเต็มใจรอ ขอแค่ได้ใช้เวลากับเขาก็พอ... นอกจากนี้นะ ถ้าไปเดินซื้อเสื้อผ้าด้วยกัน ผมจะไม่ขัดเลยหากเขาบอกว่าผมใส่ตัวไหนแล้วดูดี ผมไม่สนหรอกว่าจะดูดีจริงๆ ไหม ขอแค่ให้ผมดูดีในสายตาเขา ผมก็พอใจแล้วละครับ... อันที่จริงผมเองก็เชื่อใจเขาอยู่แล้วละครับ เพราะดูเป็นคนแต่งตัวเก่งไม่น้อย... เอ หรือว่าคนน่ารัก จะแต่งอะไรก็ดูดี?
ตั้งแต่เจอเขา ผมก็เริ่มฝึกถ่ายรูปด้วยความหวังลมๆ แล้งๆ มาตลอด... ได้แต่ฝันว่าผมจะถ่ายรูปเขาไว้เยอะๆ เก็บรอยยิ้มสดใสของเขาเอาไว้ในแผ่นฟิล์ม (คลาสสิคไหมละ ^__^)... ว่าแต่ มันจะฟังดูเห็นแก่ตัวมากไปไหมครับ หากผมจะยอมรับว่าผมชอบเผลอคิดอยู่บ่อยๆ ว่าอยากจะเก็บรอยยิ้มนั้นไว้ที่ผมเพียงคนเดียวไม่แบ่งใครทั้งนั้น... แต่เขาเป็นคนยิ้มเก่งอัธยาศัยดีแบบนี้ ท่าทางคงจะเป็นไปได้ยากอะครับ... อย่างน้อย ทุกวันนี้เขาก็ยิ้มให้ผมนะ ถึงแม้ว่าผมจะไม่ใช่คนเดียวที่เขายิ้มให้ก็ตามที ( - - “ )
อืมมมม มีอีกเป็นร้อยๆ อย่างเลยละครับ สิ่งที่ผมอยากทำร่วมกันกับเขา... ผมคงจะมีความสุขมากแน่ๆ... เฮือก!! อ๊ากกกกกกก นี่ผมเผลอพูดอะไรออกไปเนี่ย!!! น่าอายสุดๆ!!! (O////O )...
.
เอ่อ... เมื่อก่อนผมไม่เคยมีโหมดนี้หรอกนะ แหววชะมัด!
.
อืมมม... แต่จะว่าไป ไอ้ความคิดเพ้อฝันพวกนั้นมันก็ช่วยให้ผมฮึดขึ้นมาได้เหมือนกันนะเนี่ย... ผมอาจจะยังไม่เข้มแข็งพอที่จะเอ่ยคำว่ารักออกไปในวันนี้หรอก แต่อย่างน้อยผมต้องใกล้ชิดเขาให้มากขึ้นให้ได้ ผมต้องลงมือทำอะไรสักอย่าง
.
.
.
ว่าแล้ว ร่างโปร่งสูดลมหายใจลึกๆ แล้วกดปุ่มโทรออกไปยังเลขหมายปลายทางที่ค้างอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือมาได้สักพักใหญ่ๆ เอาโทรศัพท์แนบหูรอให้ปลายสายรับโทรศัพท์ด้วยใจที่เต้น... ตึก ตึก
.
.
.
ทางด้านคอนโดฯ ย่านลาดพร้าว ภายในห้องพักหมายเลข 706...
ยามบ่ายวันนั้นร่างสูงรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็เห็นร่างเล็กนอนหลับตาพริ้มอยู่ข้างๆ เห็นหน้ายามหลับของร่างเล็กแล้วก็ทำให้สงสัยอยู่ในใจว่าทำไมเวลาตื่นกับเวลานอนมันถึงได้ดูต่างกันได้ขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ก็เป็นคนๆ เดียวกันแท้ๆ...
...ยามตื่น ท่าทางเป็นคนยียวนกวนบาทา แต่ยามหลับกลับไร้ท่า กลายเป็นคนที่ดูซื่อๆ ไม่มีพิษสง...
...ยามตื่น ดวงตากลมนั้นดูดื้อรั้นและมักจะฉายแววเจ้าเล่ห์เพทุบาย แต่ยามหลับกลับดูเป็นคนสบายๆ แถมยังอ่อนโยนไร้พิษภัย...
...ยามตื่น ริมฝีปากบางคู่นั้นคอยส่งเสียงต่อล้อต่อเถียง พูดจายียวนกวนประสาท พาลทำให้คันไม้คันมือได้ตลอด แต่ยามหลับกลับปิดสนิท อวดสีสดธรรมชาติที่ผู้หญิงหลายๆ คนยังต้องอิจฉา...
อืมมมม จะว่าไป ที่ร่างสูงเปรียบเปรยร่างเล็กว่าเป็นแมวก็มีส่วนถูกอยู่ไม่น้อยนะเนี่ย... แต่หมายถึงแมวกวนๆ นะ ไม่ใช่แมวเหมียวน่ารักแบ๊วๆ แต่อย่างใด ( - - “ )
.
.
พลันนึกถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วร่างสูงก็นึกขอบคุณไอ้เปี๊ยกแสบนี่อยู่ในใจ ถ้าไม่ได้คนๆ นี้ ก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นเขาจะอยู่ในสภาพไหน... แอบซึ้งใจอยู่เล็กๆ แต่พอนึกถึงเหตุการณ์ต่อจากนั้นอารมณ์ซึ้งก็พลันหายวับ กลายเป็นอารมณ์ขันขึ้นมาดื้อๆ... คนอะไรกวนประสาทได้ตลอดเวลา... เกรียนได้เกรียนดี
ว่าแล้วก็เผลอคิดเชิงสงสัยไปถึงขั้นที่ว่า “ถ้าผู้ชายท้องได้จริงๆ จะเป็นยังไงนะ” สงสัยไปสงสัยมาก็พลันจินตนาการภาพไอ้เปี๊ยกในคลุมท้องขึ้นมาซะงั้น... คงดูแปลกไม่น้อยเลยทีเดียวละ เฮือก!!! รู้ตัวอีกทีก็สะบัดหัวไล่ความคิดประหลาดออกจากหัวแล้วหันไปโทษร่างเล็กที่หลับไม่รู้เรื่องอยู่ข้างที่ดันมาโผล่ในความคิดผิดธรรมชาติสุดกู่ของเขา... ร่างเล็กนอนอยู่เฉยๆ ก็ยังจะไปชี้หน้าคาดโทษเขานะคุณโบ๊ท
.
.
~Ma cosa hai messo nel caffè. Che ho bevuto su da te? C'è qualche cosa di diverso adesso in me~
.
.
เสียงโทรศัพท์ของร่างเล็กดังขึ้น ร่างสูงหันไปตามเสียงเรียกความสนใจของโทรศัพท์มือถือของคนข้างกาย มองอยู่สักพักก็ตัดสินใจกุลีกุจอวิ่งไปรับโทรศัพท์ ด้วยอารมณ์กลัวว่าเสียงของมันจะรบกวนร่างเล็กที่กำลังหลับสบาย...
.
.
>>> Incoming Call: Tong <<<
.
หน้าจอปรากฎชื่อสายเรียกเข้า เมื่อเห็นชื่อคนโทร โบ๊ทก็ขมวดคิ้วสงสัยเล็กน้อยก่อนกดรับสาย...
“ฮัลโหล” ร่างสูงรับสายพลางเดินออกห่างจากเตียงเพื่อไม่เป็นการรบกวนร่างเล็กที่นอนหลับอยู่
“...” โต้งได้ยินเสียงโบ๊ทรับสายก็ตกใจเล็กน้อย ต้องผละโทรศัพท์ออกมาดูว่าเขาโทรหาถูกคนหรือเปล่า
“โหล โต้ง?” โบ๊ทพูดซ้ำเมื่อปลายสายไม่พูดอะไรสักที
“ฮะ.. ฮัลโหล นั่นพี่โบ๊ทเหรอคับ”
“อือ ว่าไง”
“เอ่อ แล้วต้าร์ละพี่”
“อ้อ ไอ้เปี๊ยกเหรอ นอนอยู่เนี่ย ยังไม่ตื่นเลย”
“โหพี่ นี่มันบ่ายสองแล้วนะเนี่ย”
“อ้าวเหรอ บ่ายสองแล้วเหรอ พอดีเมื่อคืนไม่ได้นอนกันสักเท่าไรนะ กว่าจะได้นอนก็เกือบเช้าแล้ว... ว่าแต่ มีอะไรด่วนไหมละ
เดี๋ยวพี่ปลุกให้” ร่างสูงคงไม่รู้หรอกว่าไอ้สิ่งที่เพิ่งจะพูดออกไปนั้นอะ มันสองแง่สามง่ามแค่ไหนสำหรับคนที่แอบคิดว่าเขากับต้าร์อาจจะมีอะไรเกินเลยกัน
“อ้อ เอ่อ ไม่เป็นไรคับพี่ เดี๋ยวผมโทรมาใหม่ดีกว่า”
“เอาไว้พี่จะบอกไอ้เปี๊ยกมันให้ละกันนะ”
“คับ ขอบคุณพี่”
.
.
หลังวางสาย ร่างสูงก็นึกสงสัยขึ้นมาเล็กๆ ว่าโต้งโทรมาหาต้าร์ทำไม เพราะว่าปกติสองคนนี้ก็ไม่ถึงกับสนิทกันมาก เพิ่งเจอกันก็เมื่อสัปดาห์ก่อนตอนที่ไปร้านเหล้าด้วยกัน หลังจากนั้นก็เจอบ้างที่โต๊ะชมรมและไปกินข้าวกันไม่กี่ครั้ง... คิดไปคิดมาก็ไปสะดุดขาตัวเองกับความคิดที่ว่า “แล้วกูจะไปสงสัยสนใจเรื่องของคนอื่นเขาทำไมวะเนี่ย เพื่อนกันจะโทรหากัมันก็ไม่มีอะไรแปลกไม่ใช่เหรอ ยิ่งผู้ชายด้วยกันแล้วสนิทกันง่ายจะตายไป”... อืมมมม นะ!
ร่างสูงวางโทรศัพท์ของต้าร์ลงบนโต๊ะข้างเตียงก่อนจะกลับลงไปนอนเช่นเดิม... เขานอนตะแคงท้าวแขนขึ้นมารองหัว ดวงตาทั้งสองจ้องมองใบหน้าใสของร่างเล็กที่หลับพริ้มดูมีความสุข...
สำหรับเขา กีต้าร์เป็นคนที่ดูมีความสุขกับชีวิตมากที่สุดคนหนึ่งเลยละ เขาแทบจะไม่เคยเห็นไอ้เปี๊ยกแสบนี่มานั่งเป็นทุกข์กับปัญหาอะไรสักเท่าไรนักหรอก มองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ ซึ่งก็คงเป็นเหตุผลที่ทำให้ใครๆ ที่ได้อยู่ใกล้ก็พลอยมีความสุขไปด้วย และเขาก็เป็นหนึ่งในนั้น... เขารู้สึกว่าวันเวลามันผ่านไปเร็วเหลือเกิน นับจากวันที่เขาได้รู้จักไอ้เปี๊ยกนี่มาจนถึงวันนี้ ตอนนี้ ก็ผ่านมานับปี พลันนึกถึงวันแรกที่เจอกันก็นึกขำอยู่เล็กๆ จนเผลอยิ้มออกมา... ยิ่งนึกย้อนไประลึกถึงความแสบความเกรียนของไอ้เปี๊ยกนี่แล้วรอยยิ้มก็ยิ่งกว้างขึ้นอีก... ไอ้พริกขี้หนู!!!
.
.
“มองไร... ป่วยปะเนี่ย นอนยิ้มอยู่ได้”
.
อืมมมม นั่นไง... น้ำเสียงขุ่นของร่างเล็กทำเอาเสียบรรยากาศ... ซะงั้น ตื่นมาก็แผลงฤทธิ์เลยนะ!
ร่างสูงตกใจเล็กน้อยที่อยู่ๆ ร่างเล็กก็ลืมตาขึ้นมาซะงั้น เขาไม่ตอบอะไรแต่แก้เขินด้วยการยื่นมือเข้าไปบีบจมูกร่างเล็กที่นอนทำหน้าชวนให้คันมืออยู่ข้างๆ บีบไม่แรงแต่ก็พอที่จะทำให้หายใจลำบาก... ถึงจะไม่ได้รุนแรงอะไร แต่พอนานๆ เข้า ร่างเล็กก็เริ่มอึดอัดและต้องปัดมือร่างสูงออกก่อนจะลุกขึ้นมานั่งทำหน้ายู่ยี่โดยมีจมูกแดงๆ นั้นเป็นสีสันประดับใบหน้ายามเซ่อนอน
.
~ จ๊อกกกกกกกกกกก ~.
ท่ามกลางความเงียบในห้องนอน เสียงท้องร้องของร่างเล็กนั้นดังขึ้นอย่างชัดเจน ทำเอาร่างสูงหลุดขำออกมา
“ฮ่าๆๆๆ หิวเหรอ”
“เออดิ ท้องร้องขนาดนี้”
“นี่อย่าบอกนะว่าตื่นเพราะหิวอะ”
“...ใช่” ร่างเล็กหันมาผงกหัวรับพลางลูบพุงแฟบๆ ของตัวเอง
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”
“ขำอะไรเล่า!!!”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”
“ ( - - * ) ”
“ไป ไปอาบน้ำ จะได้ไปหาอะไรกินกัน มัวแต่มานั่งทำหน้าเป็นตูดอยู่ได้” ไม่ว่าเปล่า ยื่นมือไปยีหัวร่างเล็กเสียจนหัวโยก ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินกลับห้องตัวเองไป... ส่วนร่างเล็กพอเห็นร่างสูงออกไปก็หลับตาจะทิ้งตัวลงนอนอีกสักพัก ตามสไตล์ “ขออีกห้านาที” แต่หัวยังไม่ถึงหมอนก็...
“อาบ น้ำ!” ร่างสูงโผล่หน้าเข้ามาแล้วออกปากอย่างรู้ทัน ซึ่งก็ทำให้ร่างเล็กชะงักก่อนจะค่อยๆ ยกตัวขึ้นนั่ง... นิ่ง
“เร็ว เร็ว!” เมื่อโดนเร่ง ร่างเล็กก็ทำเสียงจิ๊จ๊ะอยู่ในลำคอก่อนจะลุกออกจากเตียงแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป แต่ก็ยังไม่วายส่งสายตาค้อนอ้อนฝ่ามือให้ร่างสูงที่โผล่หัวผ่านประตูเข้ามาในห้องนอน... เมื่อร่างเล็กอ้อนมา ร่างสูงก็จัดไป ยื่นมือเข้าไปหมายจะโบกเกรียนสักหน่อย แต่ไอ้เปี๊ยกก็ดันรู้ทางมือ (โดนบ่อยจนรู้มุมหลบ) เอียงหัวหลบได้อย่างชำนาญก่อนจะปรู๊ดเข้าห้องน้ำไปโดยสวัสดิภาพ...
.
.
.
เกือบหนึ่งชั่วโมงผ่านไป ร่างสูงกลับเข้ามายังห้อง 706 ในชุดสบายๆ... เสื้อยืด กางเกงขาสั้น และรองเท้าแตะหูคีบ...
ส่วนเจ้าของห้องอะเหรอ... เสื้อโปโลปกตั้ง กางเกงขาเดฟ รองเท้าผ้าใบสุดเท่ และทรงผมที่เซทเป็นทรงอย่างดี...
ณ วินาทีนี้ ต่างคนต่างมองกันด้วยสายตาอารามตกใจปนสงสัยในการแต่งกายของอีกฝ่าย ( - - “ )
.
.
“จะไปไหน” ร่างสูงชิงเอ่ยปากถามร่างเล็กที่แต่งตัวเต็มสตรีม
“อ้าว ก็ออกไปหาอะไรกินไม่ใช่เหรอ” ร่างเล็กตอบด้วยน้ำเสียงสงสัย
“ใช่ แต่กินแถวนี้เอง ทำไมต้องแต่งตัวขนาดนั้นด้วยเนี่ย”
“เอ้า! ก็เห็นเร่งให้อาบน้ำ ไอ้เราก็นึกว่าจะพาไปกินที่อื่น”
“แล้วจะไปกินที่ไหนอะ หือ”
“ป่าว ไม่ได้อยากไปกินที่ไหน... กินแถวนี้ก็ได้” ร่างเล็กพูดแล้วก็ทำท่าจะเดินกลับเข้าห้องนอนไป
“อ้าว แล้วจะไปไหนละนั่น”
“เปลี่ยนเสื้อผ้าดิ ใส่แบบนี้ออกไปแค่กินข้าวปากซอยก็บ้าแล้ว”
.
เพียงห้านาทีผ่านไป กีต้าร์ก็ออกมาในชุดสบายๆ... เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้น... แหม แมทช์กับไอ้คุณโบ๊ทราวกับคู่ขา เอ้ย! คู่หูกันเลยเนอะ!
.
.
รถเก๋งสีดำคันสวยไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับการออกไปร้านอาหารใกล้ๆ นี้... ระหว่างทางที่สองชายหนุ่มเดินไปยังร้านอาหารนั่นเอง โบ๊ทนึกขึ้นได้ว่าลืมบอกต้าร์เรื่องที่โต้งโทรมาก็เลย...
“เอ้อ เปี๊ยก เกือบลืมบอกไปนะว่าโต้งโทรมาหาอะ”
“ห๊ะ โทรมาตอนไหน”
“ตอนเกือบบ่ายสองอะ เอ็งยังไม่ตื่นเลย”
“แล้วโต้งว่าไงบ้างละ”
“ไม่ได้ว่าอะไร บอกแค่ว่าเดี๋ยวจะโทรมาใหม่ คงจะมีธุระแหละ ลองโทรกลับไปดิ”
“เดี๋ยวค่อยโทรก็ได้ ขอกินข้าวก่อน หิว”
“แล้วนี่จะกินอะไรละ”
“ข้าวมันไก่... ดีไหม”
“ข้าวมันไก่อีกละ?”
“อ้าว แล้วจะกินอะไรละครับ ไอ้คุณโบ๊ท”
“กิน... ตับ! ตับ ตับ ตับ ตับ!!” ร่างสูงตอบเป็นเพลง แถมขยับขาตามจังหวะอีกต่างหาก
“ฮ่าๆๆๆๆๆ เพี้ยนวะ”
“เพลงเขาออกจะฮิต ร้องกันทั่วบ้านทั่วเมือง”
“คนอื่นร้องอะไม่เพี้ยนหรอก แต่พอเป็นคุณเนี่ย มันดูเพี้ยนๆ ยังไงก็ไม่รู้วะ”
“อ้าว แบบนี้มันสองมาตรฐานนี่หว่า” ไม่พูดเปล่า เดินเข้าไปกอดคอร่างเล็กอย่างทุกทีตามความเคยชิน
“เดี๋ยวๆ นี่เดินผ่านมาหลายร้านแล้ว ตกลงจะกินอะไรเนี่ย”
“ข้าวมันไก่ก็ได้”
“ก็แค่นั้นอะ... ว่าแต่ ยาก่อนอาหารละ กินรึยัง”
“เออวะ ลืม”
“ยาอยู่บนห้อง?”
“...อืม”
“...เฮ้ออออ” ร่างเล็กถอนหายใจเป็นเชิงประชด
“ไม่ต้องมา เฮ้อ เลย เอ็งอะแหละ ทำไม่ไม่หยิบยามาให้ด้วยละ”
“เอ้า อะไรเนี่ย ยาใครก็รับผิดชอบดิ”
“ก็มันอยู่ในห้องใครละ”
“แล้วมันยาใครละ”
“แล้ว...” ยังไม่ทันได้พูดจนจบประโยคก็...
.
.
~Ma cosa hai messo nel caffè. Che ho bevuto su da te? C'è qualche cosa di diverso adesso in me~
.
.
>>> Incoming Call: Tong <<<
.
โทรศัพท์ของร่างเล็กดังขึ้นเรียกร้องความสนใจจากในกระเป๋ากางเกง เมื่อร่างสูงหยิบขึ้นมาจึงเห็นว่าเป็นโต้งนั่นเอง
“ฮัลโหล”
“ฮัลโหล... ต้าร์”
“อืม ว่าไงโต้ง เห็นว่าโทรมาหาเรา มีไรป่าว”
“เอ่อ... พอดีมีเรื่องอยากคุยด้วยนิดหน่อยอะ”
“หือ?”
“ตอนนี้ต้าร์สะดวกป่าว”
“คือกำลังจะกินข้าว แต่ก็พอคุยได้นะ เรื่องอะไรอะ ว่ามาเลย”
“เอาอย่างนี้ดีกว่า พรุ่งนี้ต้าร์ว่างป่าว”
“พรุ่งนี้เหรอ...” ร่างเล็กพูดค้างไว้แล้วหันไปส่งสายตาถามร่างสูงที่เดินกอดคอเขาอยู่ข้างๆ แต่ก็ได้รับสายตา “ไม่รู้ไม่ชี้” จากร่าง
สูงเป็นคำตอบ
“...”
“ว่างนะ นอกจากเล่นเกมอยู่ห้อง ก็ไม่ได้มีแพลนจะไปไหนอะ”
“อืมมมม งั้น... ไปนั่งคุยกันได้ปะ ที่ไหนก็ได้”
“ห๊ะ? นี่เรื่องซีเรียสปะเนี่ย”
“ก็... ค่อนข้างนะ”
“อืมมมม งั้นที่ไหนดีละ”
“ที่บ้านไร่กาแฟ สะดวกไหม”
“โห ไปซะไกลเลย”
“งั้นเปลี่ยนก็ได้”
“อืมมมม ไม่เป็นไรๆ ไปได้” พูดไปเช่นนั้นแล้วก็หันไปมองร่างสูงผู้เป็นสารถีส่วนตัว แต่ก็ได้รับคำตอบเป็นสายตา “ไม่รู้ไม่ชี้” กลับมาอีกเช่นเคย ร่างเล็กถึงกับต้องขมวดคิ้วหรี่ตาค้อนร่างสูงที่ส่งเพียงรอยยิ้มกวนประสาทกลับมาให้
“โอเค งั้นเจอกันสักบ่ายโมงละกันนะ”
“โอเค เจอกัน”
“อะ ต้าร์ๆ”
“หือ?”
“ลืมบอกไปว่า... มาคนเดียวนะ”
“อะ...” ยังไม่ทันที่ต้าร์จะได้ทักท้วงหรือไถ่ถามอะไร สายก็ถูกตัดไปเสียก่อน เหลือเพียงร่างเล็กที่ยืนทำหน้างงอยู่กับโทรศัพท์มือถือของตัวเอง
.
.
“เฮ้ย เปี๊ยก เป็นไร... ไปยัง กินข้าว” ร่างสูงใช้แขนที่คล้องคอร่างเล็กอยู่นั้นเขย่าร่างเล็กเบา กีต้าร์ก็เงยหน้าขึ้นไปมองหน้าร่างสูงทั้งๆ ทิ้วยังขมวดอยู่อย่างนั้น
“เป็นไร ทำหน้าหมางงทำไม” โบ๊ทถาม
“ป่าว (เว้ย!!!)... ปะ กินข้าวเหอะ” ว่าแล้วก็ออกเดินต่อ ส่วนมือก็กดโทรศัพท์ต่อสายออกไปยังเบอร์ของคนที่เพิ่งวางสายไป แต่ก็พบว่าปลายสายได้ปิดเครื่องหนีไปแล้วเหลือแต่เพียงเสียงเครื่องตอบรับอัตโนมัติที่พูดกรอกหูเขาว่า
.
.
.
“โปรดติดตามตอนต่อไป”.
.
.
-----------------------------------------------------------
[Bonus หลังไมค์] ตอน ลอยกระทงกันแล้ว...
ระหว่างมื้ออาหารที่ร้านข้าวมันไก่...
โบ๊ท: เฮ้ย เปี๊ยก วันนี้วันลอยกระทงนี่หว่า
กีต้าร์: ใช่ดิ
โบ๊ท: จะเล่าอะไรให้ฟัง... เมื่อก่อนโบ๊ทเคยเป็นตัวแทนโรงเรียนถือกระทงโรงเรียนด้วยนะ (//ภูมิใจ)
กีต้าร์: อืมมมม... โรงเรียนชายล้วนเนี่ยนะ
โบ๊ท: เออดิ แปลกตรงไหนอะ
กีต้าร์: กระทงมันต้องถือเป็นคู่ไม่ใช่เหรอ
โบ๊ท: อืม ก็ใช่
กีต้าร์: แล้วเอาผู้หญิงที่ไหนมาถือคู่อะ
โบ๊ท: ... (เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าเผลอเล่าเรื่องน่าอายที่สุดเรื่องหนึ่งในชีวิตออกไปแล้ว... ถือกระทงคู่กับผู้ชายเนี่ยนะ!!!)
กีต้าร์: ...
โบ๊ท: ...
กีต้าร์: ... โอเค เข้าใจละ ถือคู่ผู้ชายละสิ
โบ๊ท: เฮือก!
กีต้าร์: ... ล่ำ ดำ ใหญ่
โบ๊ท: เฮือก! เฮือก!!
กีต้าร์: หึหึ (//มองด้วยสายตาผู้ชนะ)
โบ๊ท: ไร!!!
กีต้าร์: ส่วนคุณโบ๊ทก็... บอบบาง ขาวจั๊ว ตัวเล็ก!!!
โบ๊ท: เฮือก! เฮือก!! เฮือก!!! (//อึก!!! กระอักเลือด)
กีต้าร์: หึหึหึ... ลอยลอยกระทง ลอยลอยกระทง... บุญจะส่งให้เราสุขใจ เอยยยยยย
----------------------------------------------------
FlapJack's Corner:
มาลงได้สักที
ต้องขอโทษชนกลุ่มน้อยและผู้อ่านเป็นรอบที่ล้านสองที่มาลงช้ากว่าที่นัดไว้มาก เนื่องจากกลับมาจากงานก็มีปัญหาอีกร้อยแปดพันเก้าให้แก้ไข ไหนจะเรื่องน้ำท่วมอีก... ก็สู้กันไปเนอะ
ใครเป็นผู้ประสบภัยก็ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ ยิ้มสู้นะครับ
ปล. สุขสันต์วันลอยกระทงนะครับ
ปล2. ห้ามขโมยเหรียญในกระทงนะ!!!