B6
กลับไปถึง บ้านผมก็ยังเครียดอยู่เลยเรื่องล่ารายชื่อ เซ็งจังเว้ย ทำไมมันหาคนยากขนาดนี้วะ
จริงอยู่ ว่า ถ้าไปขอพวกบรรดาแฟนคลับผมคงจะได้เยอะโคตร แต่มันจะได้อะไรขึ้นมาล่ะ พอถึงเวลาจริงๆแล้วผมก็ไปร่วมกิจกรรมกะชมรมได้ไม่สักกี่ทีหรอก ถ้าเป็นยังงี้พวกนั้นคงด่าผมแน่เลยว่าไปหลอกเค้ามาเข้าชมรม
งั้นเราจะ หาทางอะไรมาดึงดูดให้คนมาเข้าชมรมดีว้า จัดกิจกรรมขึ้นมาจะดีมั๊ย เอาเป็นอะไรดีล่ะ โว๊ย... นึกไม่ออกอยู่ดีว่ะ
เออ... ใช่ จะยากอะไรล่ะวะก็ไปปรึกษาฮิ้นท์มันก็ได้ มันโปรอยู่แล้วเรื่องนี้ อาจจะให้มันไปเพ้นท์โชว์เรียกให้คนสนใจซะหน่อย ว่าแต่มันจะยอมมั๊ยวะเนี่ยกู เที่ยวไปขอร้องโน่นนี่มันทั้งที่ไม่ได้รู้จักมักจี่อะไรกันซะหน่อย แค่มันยอมสอนเพ้นท์สีน้ำให้นี่ก็บุญตายห่าแล้ว ยังจะไปเรียกร้องโน่นนี่กะมันอีก
แต่เอาเว้ย ลองขอมันดูก่อนละกันว่ะ เผื่อจะได้ มันคงเข้าใจหรอกน่าว่ากูทำเพื่อชมรม คิดเองเออเองเข้าข้างตัวเองไปก่อนเว้ย
*
*
เช้าวันต่อ มาผมรีบไปรร.แต่เช้า ไปถึงก็รีบไปหาหมอนั่นที่ห้องเห็นมันนั่งอยู่กะเพื่อนเหมือนเคยผมก็เดิน เข้าไปหาทันที แต่ดูท่าทางยัยวิวยัยแจงมันยิ้มกันแปลกๆยังไงไม่รู้แฮะ
" อ้าว... ฮัท... มาอีกแล้วเหรอ เอ... ทำไมมาบ่อยจังเลยเนี่ย แอบติดใจอะไรใครแถวนี้รึเปล่า.... " ยัยแจงตัวดีแซวผมเข้าให้
" ฮ่าๆ เรามีเรื่องจะมาขอร้องเพื่อนเธอน่ะ ทำไมล่ะ คิดว่าเราติดใจใครเหรอ...."
" อ๊ะๆ อันนี้คนสวยก็ไม่รู้ค่า ว่าแต่... มีเรื่องอะไรเหรอจ๊ะ พ่อรูปหล่อ" ยัยแจงยังแหย่ผมต่อ ผมก็หันไปพูดกับฮิ้นท์มัน
" คือ... เรามีเรื่องมาขอร้องนายอีกแล้วว่ะ เออ... เฮ้ย ทำไมหน้านายเป็นเหมือนผื่นแดงๆเต็มเลยอ่ะ" ผมถามขึ้นมาวะก่อนเพราะเห็นหน้ามันเป็นรอยแดงๆจ้ำๆเต็มเลย
" อ๋อ... เออ... เรา... เอ่อ.. เรา ไม่มีอะไรหรอก เราว่าเราแพ้โฟมล้างหน้าน่ะ" ฮิ้นท์มันตอบผมท่าทางอึกๆอักๆ
" แพ้โฟมเหรอ อืม... มิน่า หน้านายเป็นรอยแดงเยอะมากเลย ดีแล้วที่รู้ตัวก่อน ก็อย่าไปใช้ยี่ห้อนั้นอีกนะ เอ้อ... เข้าเรื่องก่อนดีกว่า พอดีว่าเราจะรวบรวมรายชื่อคนที่อยากเข้าชมรมศิลปะน่ะ จะได้เอาไปเสนอผอ.ให้ตั้งชมรมขึ้นมาไง นายช่วยเราหน่อยได้มั๊ย" ผมพูดขอร้องมันโดยจงใจให้น้ำเสียงอ้อนๆหน่อย ก็ไม่รู้จะอ้อนไปทำไมเหมือนกันว่ะ ไม่เข้าใจตัวเอง มันไม่ใช่สาวๆซะหน่อย
แต่มันก็ แปลกดีที่เวลาคุยกับมันผมมีความรู้สึกเหมือนคุยกับสาวๆยังไงไม่รู้ ก็ไม่ใช่ว่าเห็นมันเป็นกะเทยอะไรนะ แต่มันมีความรู้สึกไปแบบนั้นเอง อัตโนมัติเลยว่างั้น
" หือ... จะตั้งชมรมศิลป์เนี่ยเหรอ แล้วนึกยังไงเนี่ย" หมอนั่นทำหน้างง คงคิดว่าแล้วผมมาดิ้นรนวิ่งเต้นเรื่องนี้ทำไม
" ก็คืองี้ เราไปปรึกษาอ.สุพจน์มาแล้วแกก็เห็นด้วย แต่ต้องหารายชื่อคนที่อยากเข้าชมรมให้ได้เยอะพอสมควรหน่อย ถึงจะเอาไปให้ผอ.ท่านพิจารณาอนุมัตให้ตั้งชมรมได้ แต่เราลองไปหาแล้ว โคตรยากเลยอ่ะ ไม่มีใครที่อยากเข้าชมรมนี้จริงๆจังๆหรอก นี่ก็เพิ่งหาได้ 5 คนเอง นายจะช่วยเราหน่อยได้มั๊ยล่ะ"
" อ๋อ... ได้สิๆ เราอยากช่วยนายจะตายไป" มันรีบรับปากผมทันทีเลยว่ะ จะไม่คิดก่อนเลยเหรอวะ แต่แล้วมันก็อึ้งไปนิดนึงแล้วรีบส่ายหัวปฏเสธอีก
" เอ้ย... ไม่ใช่ๆ เราอยากช่วยเพราะเห็นว่าจะได้ตั้งชมรมศิลปะไง ดีเหมือนกันนะ"
" เจ๋งเลยเว้ย ขอบคุณมากๆ" ผมดีใจไปหน่อยอ้าแขนจะไปกอดมันอยู่แล้วนั่น แต่ยั้งไว้ทัน เหอๆ คงไม่ดีแน่ว่ะ
" ทำไมนายทำหน้ายังงั้นอ่ะ" ผมถามไปเพราะสีหน้ามันตอนนี้ประหลาดชะมัด
" อะ... เอ่อ... อ ไม่มีอะไร นายไม่ต้องขอบใจอะไรเรามากมายหรอก เราแค่อยากช่วยให้ตั้งชมรมได้น่ะ แล้วอยากให้เราช่วยยังไงล่ะ" หมอนั่นบอกปฏิเสธ แต่เมื่อกี๊ผมดูหน้ามันตื่นๆยังไงไม่รู้ตอนผมจะกอดมัน ยัยวิวยัยแจงก็ยิ้มแปลกๆว่ะ
" คือเราคิดว่า จะจัดทำกิจกรรมอะไรก็ได้เกี่ยวกะศิลปะ จะได้ชักชวนคนที่อยากเข้าชมรมมาลงชื่อกันไง เอาที่มันน่าสนใจๆหน่อย อย่างเพ้นท์สีน้ำโชว์อะไรยังงี้นะ งานถนัดของนายนี่นา นายพอจะสละเวลามาช่วยเราได้มั๊ยล่ะ"
" โอ๊ย... แค่นี้เอง สบายมากๆ เดี๋ยวพวกเราช่วยจัดการให้เอง ฮัทไม่ต้องห่วงเลย" ยัยวิวที่นั่งนิ่งฟังอยู่กับยัยแจงพูดขึ้นทันทีแล้วก็หันไปยิ้มกับฮิ้นท์ มัน
" หือ... พวกเธอจะไปช่วยเราด้วยเหรอ"
" ใช่แล้วค่า รูปหล่อ เรื่องการพรีเซ้นท์นำเสนอและดึงดูดให้ผู้คนสนใจเนี่ย ขอให้บอกค่า เพราะดิชั้นเป็นพริตตี้มือหนึ่ง" ยัยวิวลุกขึ้นโพสท่าพริตตี้ซะงั้น ยัยแจงก็ไม่น้อยหน้าลุกขึ้นโพสมั่ง
" โฮะๆ ดีกรีนางงามอย่าพวกเรา รับรองใครๆก็ต้องมาสมัครแน่ๆค่า ไม่ใช่ราคาคุยนะ ขอบอก"
" งั้นดีเลย เราขอบคุณทุกคนมากเลยนะ เอาเป็นว่าเราจะให้ฮิ้นท์ช่วยไปนั่งโชว์เพ้นท์สีน้ำหน่อย แล้วก็พรีเซ้นท์ไปด้วยละกัน ดีมั๊ย"
" เอ้อ... เดี๋ยว... พอดีวันนี้น่ะเราไม่ได้เตรียมอุปกรณ์อะไรมาเลยนะคงไม่ได้วาดหรอกสีน้ำ งั้นแค่สเก๊ตซ์ดรอว์อิ้งด้วยดินสอดำแล้วกันนะ"
" อ๋อ... ได้ดิ แล้วแต่นายเลย เยี่ยมเลยว่ะ ยังงี้คงมีคนสนใจเพียบแน่ๆ ฝีมือเทพๆอย่างนายเนี่ย" ผมบอกอย่างตื่นเต้น อยากเห็นแล้วเหมือนกันว่ะ ฝีมือดรอว์อิ้งหมอนี่มันจะเทพแค่ไหน
พอพัก เที่ยงตอนที่กินข้าวกันกับแหวนและไอ้ป่านไอ้วินผมก็พูดเรื่องที่ไปขอให้ไอ้ ฮิ้นท์และก๊วนมันช่วยโปรโมทเรื่องชมรม ในขณะที่ไอ้วินไอ้ป่านมันเห็นดีด้วยแต่แหวนอ่ะครับ โวยขึ้นมาทันทีเลย
" เอ๊ะ... แล้วนี่ทำไมฮัทจะต้องไปอ้อนวอนให้พวกนั้นมันมาช่วยด้วยล่ะ แหวนบอกแล้วนี่ว่าอย่าลดตัวไปยุ่งกับพวกมันทำไมไม่ฟังกันบ้าง"
" โอยๆ อะไรกันคร้าบ คุณแววมณี ผมแค่ไปขอแรงเค้ามาช่วยนิดหน่อย ไม่เห็นต้องโมโหโทโสไปเลย" ผมก็พยายามพูดเบรคๆอารมณ์แหวนไปอ่ะนะ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องเหวี่ยงขึ้นมาด้วย เรื่องแค่นี้
" ก็นั่นเด่ะ คนเค้ามีน้ำใจมาช่วยก็ดีแล้ว จะมาแบ่งชั้นวรรณะกันไปทำไมจ๊า คนสวย" ไอ้ป่านเห็นด้วยกะผมว่ะ
" แกไม่ต้องมาพูดมาก ชั้นไม่ชอบขี้หน้าอีพวกนั้นแล้วจะทำไม โดยเฉพาะ....." พูดไม่จบประโยคก็หันมามองหน้าผมแปลกๆ
" ทำไมอ่ะ โดยเฉพาะใครเหรอ...."
"ฮึ... คิดเองสิฮัท อย่าไปวุ่นวายกับพวกมันให้มาก เพราะมันจะเหมือนไปฮัทสร้างความหวังให้ใครบางคนนะ" อีกละ แหวนพูดอะไรของเค้าว้า กรูล่ะงง
" ก็ใครล่ะ ที่ว่าเนี่ย.... " ผมถามย้ำรอคำตอบ แต่ก็เงียบ แหวนทำเชิดหน้าใส่ผมซะงั้น
" เออเว้ย... คนเรา อยู่ดีๆก็ไปไม่ชอบหน้าเค้า แล้วไปแค้นเคืองกันตั้งแต่เมื่อไหร่คร้าบ" ไอ้วินถามขึ้นมา นั่นดิ ผมก็ชักอยากรู้เหมือนกัน
" นั่นดิ... ยิ่งวันก็ยิ่งเหมือนเรยาเข้าไปทุกวันอ่ะ เนอะๆพวกเรา" ไอ้ป่านปากหมาอีกแล้ว นั่น... ป้าบเข้าให้กลางหลังทันที ฮ่าๆๆ
" นี่แน่ะ ด่าชั้นเหรอ หุบปากไปเลยนะ แกจะมารู้อะไร" ไอ้ป่านยังยืนหลังแอ่นอยู่เลย โดนไปเต็มๆ
แต่อยู่ๆ พวกยัยวิวยัยแจงกับฮิ้นท์ก็เดินเข้ามาหาผมครับ แหวนก็หันมาเห็นพอดี ตอนนั้นผมรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังดูการ์ตูนตอนที่ตัวละครกำลังจ้องตากัน อย่างบาดหมาง มีกระแสไฟฟ้าจากตาที่จ้องกันอยู่ยิงมาปะทะกันดังเปรี๊ยะๆเลย นี่ผมไม่ได้เว่อร์นะ มันเป็นยังงั้นจริงๆอ่ะ
ตกลงนี่พวก นี้เค้าไปแค้นกันมาตั้งแต่ชาติไหนวะเนี่ย งงว่ะ กลุ่มวิวแจงกับกลุ่มผมเมื่อก่อนนี้ก็แทบจะไม่เคยพูดกันเลยด้วยซ้ำไป แล้วนี่มาเขม่นกันขนาดนี้ได้ไงวะ ไม่เข้าใจ
" ฮัทขา... พร้อมรึยังเอ่ย.... พวกเราพร้อมแล้วนะคะ เดี๋ยวไปจัดการกันให้เสร็จๆไปซะทีนะ อุ๊บส์... แย่จัง พูดผิด วิวหมายถึงว่าไปจัดการธุระของพวกเราให้เสร็จน่ะ แหม... เมื่อกี๊พูดสั้นรวบรัดไปหน่อย แย่จัง.... เดี๋ยวมันจะผิดความหมายไปซะก่อน โฮะๆ" ผมขำมุขวิวมันว่ะ มีการใส่จริตทำเป็นอุทานแล้วปิดปากด้วย
" อืม... ไปดิ เราพร้อมแล้ว รีบไปจัดการเรื่องของเราให้เสร็จดีกว่านะ อ๊ะๆ เราหมายความว่าไปจัดการธุระนั่นไง ฮ่าๆ" ผมแกล้งรับมุขไปมั่ง
" นี่ฮัท... ไม่เห็นจะต้องไปหยอกล้ออะไรกะอีพวกนี้เลย เชอะ... แค่ฮัทไปขอให้ช่วยหน่อยแค่เนี้ย ทำมาเป็นตีสนิท นี่คงดีใจกันจนเนื้อเต้นเลยใช่มั๊ยเนี่ย ที่ฮัทต้องบากหน้าไปขอร้องพวกแกน่ะ" แหวนมาเกาะแขนผมแล้วฟ่อใส่พวกวิวทันที
" ว้ายๆ อะไรกัน ทำไมพูดนี้ล่ะจ๊ะแหวน พวกเราน่ะ ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกะฮัทเค้าซะหน่อย ใช่มั๊ยพวกเรา ทำไมพูดยังกะว่าพวกเราจะมาแย่งฮัทไปจากเธอยังงั้นแหละ ไม่ดีเลยนะจ๊ะ มาใส่ร้ายพวกเราแบบนี้น่ะ เดี๋ยวฮัทเค้าก็เข้าใจพวกเราผิดๆไปหรอก แย่จังเลย" ยัยแจงพูดขึ้นมาบ้าง
" ตอแหล! ก็พวกแก....." แหวนขึ้นเสียงลั่นขึ้นมา
" แหลไม่แหลไม่รู้ แต่ที่รู้และจริงที่สุดคือมองยังไงพวกเราก็สวยกว่าใครบางคนแถวนี้" วิวมันก็ยังลอยหน้าย้อนแหวนไปยังงั้น
" อ๊าย...ย กล้าพูด อีวิว แกน่ะเหรอสวย ตรงไหนกันยะ หน้าก็บ้านๆ เถื่อนๆ"
" อู๊ย...ย ค่า นังหน้าไม่บ้าน ต้องหน้าแบนไม่มีดั้งแบบหล่อนเหรอ เอ๊ะ แต่.... จะว่าไปเธอก็สวยนะแหวน แต่ว่าต้องเพ่งนะ เพ่งให้นานจนตาเบลอๆไปก่อนถึงจะเห็นความสวย โฮะๆๆ ตายละแก อีแจง ดูสิ... แหวนเค้าสวยแบบเพ่งล่ะแก... ฮะๆๆๆ" ยัยวิวตัวแสบหันไปหัวเราะร่วนกันกับยัยแจงซะแล้ว ผมเริ่มเห็นควันออกจากหูของแหวนพร้อมกับหน้าตาที่พร้อมจะกินหัวพวกนั้นอยู่ แล้ว
" กะ... แก.... "
" ว้าย... ยังย่ะ ยังไม่หมด อย่าเพิ่งกรี๊ด เพราะหน้าโบ๊ะแป้งอย่างหล่อนน่ะ อย่าเผลอเอามือเอาเล็บไปโดนนะ เดี๋ยวแป้งที่ฉาบเอาไว้มันจะร่อนหลุดออกมาซะก่อน"
" อีๆ... อีนัง...." แหวนคว้ามือไปข้างหน้าเตรียมจะตะครุบวิวมันอยู่แล้ว แต่ผมดึงเอาไว้ทัน
" โอ๊ยๆ พอแล้วๆ จะทะเลาะกันทำไมเนี่ย ไปแค้นกันมาตั้งแต่ชาติไหน ฮึ... เอาล่ะๆ สงบศึกๆ แต่เฮ้ย... ป่านนี้แล้ว ไปกันเหอะไม่งั้นเดี๋ยวหมดเวลาพักซะก่อน" ผมห้ามศึกได้ก็ต้องรีบเบี่ยงประเด็นซะ เพราะนี่มันเที่ยงกว่าแล้ว
" ฮัท... นี่ยังจะไปกับพวกมันอีกเหรอ ดูมันว่าแหวนซิ อีพวกปากตะไกร"
" เอาน่าๆ แหวน จะทะเลาะกันไปทำไมเนี่ย เดี๋ยวเราต้องไปล่ารายชื่อต่อแล้ว จะไปด้วยมั๊ย"
" เอ๊ะ... ฮัท แหวนไม่ยอมนะ จะไปกับพวกมันทำไม"
" ก็เขาจะมาช่วยนี่ โอ๊ย... เราขอล่ะนะแหวน ตอนนี้งานเราต้องมาก่อนไม่งั้นเดี๋ยวก็หมดเวลาพักแล้ว มีอะไรเดี๋ยวค่อยมาเคลียร์อีกทีละกัน" ผมบอกไปแล้วก็หันหลังเดินไปเลย ไม่ไหวแล้วว่ะ เสียเวลาชะมัด ก็มีแต่ไอ้วินไอ้ป่านมันตามผมมาเพราะมันนึกสนุกและอยากเห็นฝีมือฮิ้นท์มัน ด้วย
" โห... วิว พวกเธอนี่เจ๋งจริงว่ะ จัดการยัยแหวนซะอยู่หมัดเลย" ไอ้ป่านพูดขึ้นขณะที่เดินไปด้วยกัน
" แหม... แน่นอนอยู่แล้วย่ะ แต่เอ๊ะ... นี่ทำไมเธอพูดซะยังกะยัยนั่นไม่ใช่เพื่อนเธองั้นแหละ อ๋อ... หรือว่าย้ายมาเข้าข้างพวกชั้นเพราะชั้นสวยใช่ม้า..." ยัยวิวพูดแล้วสะบัดบ๊อบทีนึงจนผมนึกขำ
" ฮ่าๆ แหม... มั่นใจจริงๆเว้ย โอเคคร้าบ... สวยก็สวย"
" แน่น้อน....น ไม่ใช่สวยอย่างเดียวนะคะ สวยและฉลาด มากความสามารถค่า...." มาเป็นสโลแกนเลยว่ะ ไอ้ป่านไอ้วินหัวเราะกันใหญ่ผมก็พลอยขำไปด้วย
*
*
พอมาถึง หน้าห้องศิลปะพวกเราก็เริ่มปักหลักลงมือเรียกลูกค้า เอ้ย คนที่สนใจมาสมัครชมรมศิลปะกันทันที ฮิ้นท์มันก็เอากระดานสเก๊ตซ์มาเตรียมตัว ส่วนยัยวิวกับแจงก็ไปยืนตรงหน้าโต๊ะแล้วก็เริ่มโพสท่าเป็นพริตตี้ซะงั้น และท่าทางจะได้ผลซะด้วย คนเริ่มมองกันให้เพียบ
" สวัสดีค่ะทุกๆท่าน ดิชั้นยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่การนำเสนอกิจกรรมของทางชมรมศิลปะของเรา ค่ะ" ยัยวิวเริ่มเกริ่นนำด้วยมาดพริตตี้ ตามด้วยยัยแจงที่ไม่น้อยหน้ากันเลย
" ค่ะ วันนี้นะคะ ทางชมรมของเรายินดีนำเสนอกิจกรรมวาดภาพเหมือนด้วยดินสอโดยคุณธรรปกรณ์ ศิลปินผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศจากการประกวดศิลปะระดับจังหวัดมาแล้ว ขอเชิญรับชมกันได้เลยค่ะ" ยัยแจงนำเสนอพลางผายมือไปยังไอ้เจ้าฮิ้นท์มัน
เห็นแล้วผม งี้อยากจะ... พูดไงดีวะ แค่ยกนิ้วให้มันน้อยไปว่ะ พริตตี้มาเองเลยนะเนี่ยโคตรสุดยอดอ่ะ ยัยวิวยัยแจงเนี่ย เพราะตอนนี้ทุกๆคนยังกะโดนมนต์สะกดยังงั้นเลย มองตามสองคนนั่นมาอย่างสนใจมากๆ คิดถูกจริงๆแฮะที่ไปขอให้พวกนี้มาช่วย
" และผู้ที่จะมาเป็นแบบของเรานะคะ ก็คือคุณบุญณรงค์สุดเท่ ขวัญใจสาวๆค่า" อ้าวเฮ้ย... อะไรวะ ไม่มีในสคริปต์นี่หว่า ให้ผมเป็นแบบอ่ะนะ
หันไปมอง หน้าฮิ้นท์เห็นมันยิ้มๆเหมือนยังกะเขิน ส่วนยัยวิวยัยแจงก็บุ้ยใบ้ให้ผมไปนั่งเป็นแบบ ไอ้ป่านไอ้วินก็ด้วย เออ... ก็ได้วะ เหอะๆ
ตอนนี้ ทุกอย่างเงียบลงเพราะทุกคนรอบๆนั้นตั้งอกตั้งใจดูฮิ้นท์มันวาดรูปผม ตัวผมเองก็ต้องนั่งไปนิ่งๆแต่พอนานๆไปชักเมื่อยเหมือนกันก็มีแอบๆขยับตัว นิดหน่อย แต่เท่าที่ผมมองเห็นฮิ้นท์มันวาดอยู่ตอนนี้ ท่าทางมันคล่องสุดๆอ่ะ แต่ผมไม่ได้เห็นรูปที่วาดอยู่ตอนนี้หรอกเพราะนั่งอยู่คนละฝั่ง ก็ตื่นเต้นเหมือนกันว่ะอยากเห็นเร็วๆว่ามันจะวาดออกมาเป็นยังไงมั่ง
มองไปอีกที ผมก็เห็นไอ้ทักมันวิ่งมาจากไหนไม่รู้ พอเห็นพวกเรามันก็เดินเข้าไปพูดอะไรกับยัยวิวยัยแจงอยู่
" แล้วสำหรับตอนนี้นะคะ ดิชั้นขอเชิญทุกๆท่านที่เริ่มจะสนใจกับกิจกรรมของชมรมเรามาลงชื่อทางด้าน นี้ได้เลยค่ะ เพื่อว่าเราจะได้นำไปเสนอให้ผอ.ท่านอนุมัติตั้งชมรมอีกที เชิญเลยค่ะ" อยู่ๆยัยแจงก็ประกาศเชิญชวนคนที่กำลังยืนดูฮิ้นท์มันวาดอยู่เพลินๆ
ไม่อยาก เชื่อว่ะ มีคนสนใจมาลงชื่อ หนึ่ง สอง สาม.... เฮ้ย... หลายคนเลยว่ะ ต่อเป็นคิวเลยด้วย นี่มัน... ได้ผลขนาดนี้เลยเหรอวะ
" ทำหน้านิ่งอีกแป๊บนะ เราวาดจะเสร็จแล้วล่ะ" ฮิ้นท์มันบอกผม สงสัยผมมัวตื่นเต้นมั๊งเลยนั่งไม่นิ่ง ก็เลยหันกลับมานั่งเก๊กหน้าต่อไป แป๊บนึงมันก็วาดเสร็จเรียบร้อย
ตอนนี้ที่ ผมเห็นคือรูปผมเอง แม้มันจะแค่วาดด้วยดินสอดำ แต่แค่นี้มันก็... สุดยอดไปเลยว่ะ ในรูปนั้นหน้าผมดูพริ้วไหวยังกะมีชีวิต ผมไม่ได้เว่อร์นะ ไม่ว่าจะแววตา สีหน้า มันดูบ่งบอกอารมณ์ออกมาได้จริงๆ ทำไมฮิ้นท์มันเทพยังงี้วะเนี่ย
คนดูเริ่ม ปรบมือให้เมื่อเค้าเห็นผลงานของฮิ้นท์มัน หลายคนก็เดินเข้ามาถามแล้วก็ลงชื่อ เยี่ยมไปเลยเว้ย ฮ่าๆๆ งานนี้คงได้คนครบแน่
" กี่คนวะ" ผมถามไอ้วินอย่างตื่นเต้น มันก็นับรายชื่อไปเรื่อยๆ
" 35 ว่ะ ใช้ได้มั๊ยวะ นี่กูว่าเยอะนะเนี่ย"
" เออ... นี่แหละ เจ๋งไปเลยเว้ย ฮ่าๆๆๆ" ผมกระโดดตัวลอยเลย ดีใจโคตรๆ ถ้าได้ขนาดนี้ก็คงใช้ได้แล้วล่ะผมว่า
" เป็นไงมั่งเรา หือ... ได้คนเยอะมั๊ย" พอดีจังหวะที่อ.สุพจน์เดินออกมาจากห้องแล้วถามผม
" 35 คนครับอาจารย์ พอใช้ได้มั๊ยครับ"
" เอ้อ... ดีมากๆ แค่นี้ก็ใช้ได้แล้ว เกิน 30 คนผอ.ท่านก็จะอนุมัติให้แล้ว เก่งมากเลยเรา นี่แค่มาสาธิตวาดรูปเหมือนก็ได้คนเยอะขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย ไม่น่าเชื่อแฮะ"
" ครับผม ก็ได้พวกเพื่อนๆเค้ามาช่วยกันน่ะครับอาจารย์"
" อืม... ดีมากๆ ครูขอบใจพวกเราทุกคนมากนะ ได้คนครบตามจำนวนผอ.ท่านก็คงอนุมัติให้แน่ ก็เหลือแค่เตรียมเขียนโครงการกับแผนงานอะไรอีกนิดหน่อยก็จะตั้งชมรมได้เลย"
" เฮๆๆ ...... " ทุกคนพร้อมใจกันเฮครับ สำเร็จแล้วเว้ย ฮ่าๆๆ
" งั้นอย่างนี้ก็ต้องฉลองแล้วสิคะอาจารย์" ยัยแจงเสนอขึ้นมา
" หึๆ แหม... จะเอายังงั้นเลยเหรอเนี่ย ได้สิ... ครูพาพวกเธอไปเลี้ยงก็ได้นะ อุตส่าห์มาช่วยกันจนสำเร็จได้เนี่ย"
" โอ๊ย... ไม่ต้องหรอกครับอาจารย์ อย่าไปฟังพวกนี้มันเลยครับ มันโลภเห็นแก่กิน ผมเองยินดีช่วยครับก็อยากให้ตั้งชมรมศิลป์ให้ได้เหมือนกัน เพราะงั้นอาจารย์ไม่ต้องเกรงใจพวกผมหรอกครับ" ฮิ้นท์มันออกตัวปฏิเสธอ.สุพจน์ไป ยัยวิวยัยแจงกับไอ้ทักก็หันไปรุมมันทันทีเลยครับ
" ย่ะ... แหมๆ พ่อคนเปี่ยมสมบัติผู้ดีและขี้เกรงใจ งั้น.... อาจารย์คะ พาพวกหนูไปกันแค่นี้เถอะค่ะ ไม่ต้องให้ไอ้คุณฮิ้นท์มันไปด้วยหรอก นะคะๆ อาจารย์จะได้ประหยัดค่าอาหารไปในตัวด้วยเพราะมันกินจุมากค่ะ"
"วิว..." ฮิ้นท์มันกัดฟันพูดให้เสียงลอดกรามออกมาแถมยังถลึงตาใส่พวกวิวอีก ทั้งผม ทั้งอาจารย์กับไอ้ป่านไอ้วินก็ฮากันสุดๆ
*
*
ในที่สุดอ .สุพจน์ก็ยืนยันว่าอยากพาพวกเราไปเลี้ยงกันนิดๆหน่อยๆเป็นการขอบคุณที่ช่วย กัน ก็ไปกินกันที่ร้านแถวตลาดน่ะครับ บรรยากาศก็เฮฮาสนุกสนานดีเพราะพวกยัยวิวยัยแจงกับไอ้ทักเนี่ยแหละ พอมาเข้าคู่กับไอ้วินไอ้ป่านด้วยแล้วยิ่งฮาไปกันใหญ่
ตอนแรกผมก็ ชวนแหวนมาด้วยแต่แหวนงอนผมแล้วหนีกลับบ้านไปก่อน ผมก็ต้องปล่อยเลยตามเลยไม่รู้จะทำยังไง แน่นอนว่าถ้าโทรไปหาแหวนตอนนี้คงไม่รับหรอก ผมรู้ดี เลยโทรไปที่บ้านแหวนแล้วถามให้แน่ใจว่ากลับถึงบ้านแล้ว ไม่งั้นผมคงอดห่วงไม่ได้
ขากลับผมก็ เห็นว่าฮิ้นท์มันบ่นๆกับคนอื่นว่ารถมันเสียเลยจอดทิ้งไว้ที่รร. ไอ้ทักมันก็บอกว่าจะเอาไง เพราะมันก็ต้องให้ยัยวิวซ้อนท้ายไปส่งบ้าน ส่วนยัยแจงก็บอกว่าจะกลับกะรุ่นพี่อีกคน
เพราะงั้น ก็เลยเหลือแต่ตัวไอ้ฮิ้นท์มันนั่นแหละครับ ผมเลยเสนอตัวว่าจะไปส่งมันที่บ้านให้เอง มันก็ทำหน้าแบบว่าเหมือนจะดีใจนะ แต่มีอึกๆอักๆกลบเกลื่อนเหมือนไม่อยากให้ผมรู้ว่ามันกำลังดีใจ ก็งงตามเคยน่ะนะครับ แต่เอาเหอะผมชินละ ตั้งแต่เริ่มคบกะมันมาเนี่ยผมมีอะไรให้ฉงนมากมายเลยเกี่ยวกะมันอ่ะ
" เฮ้ย... วันนี้เราโคตรสนุกเลยว่ะ ไม่เคยสนุกอย่างวันนี้เลยนะเนี่ย" ผมคุยกับมันไปด้วยตอนที่ขับรถอยู่
" นายสนุกจริงๆเหรอ"
" เออดิ... เราโคตรจะฮาพวกนายเลยว่ะ ยัยวิวยัยแจงนี่สุดยอดจริงๆ อยู่ด้วยแล้วขำตลอดว่ะ"
" หือ... อี เอ่อ พวกนั้นน่ะนะ มันกวนตีนจะตาย ปากก็เสีย"
" ฮะๆๆ นั่นแหละ เราชอบว่ะ อยู่ด้วยแล้วอารมณ์ดีไม่มีซีเรียส"
" อือ... นี่... นายคิดยังงั้นจริงๆเหรอ เอ้อ... ฮัท เลี้ยวตรงข้างหน้านั่นแหละ โน่นไงบ้านเรา ไปจอดหน้าบ้านได้เลย" ฮิ้นท์มันบอก ผมก็เลี้ยวไปจอดตรงหน้าบ้านหลังนั้นทันที แม้จะเป็นตอนกลางคืนมองอะไรไม่ค่อยชักเท่าไหร่นักแต่ผมก็รู้สึกได้ว่าบ้านหลังนี้มันดูอบอุ่นจริงๆครับ หน้าบ้านมีต้นมะม่วง บ้านหลังใหญ่เหมือนกันนะเนี่ย มีศาลายื่นออกไปนิดหน่อยติดกับคลอง เหอๆ นี่มันไม่กลัวผีเหรอวะเพราะบ้านมันอยู่ติดวัด ถ้าเป็นผมนะ ไม่อยากจะคิด
" เออเฮ้ย... เนี่ยเหรอบ้านนาย น่าอยู่ดีว่ะ ข้างหลังนั่นสวนของบ้านนายเองใช่ป่ะ" ผมเอ่ยชมบ้านมัน เพราะที่จริงผมก็อยากอยู่อ่ะ บ้านแบบนี้ ก็เป็นบ้านแบบชาวสวนทั่วๆไปแหละครับ แต่ผมชอบนะ
" ใช่ๆ สวนของเราเอง ว่าแต่บ้านเราน่าอยู่จริงเหรอ"
" จริงดิ ดูมันท่าจะสบายดีอ่ะ เราชอบ"
" อืม... งั้นลงมาก่อนสิฮัท เข้าไปกินน้ำในบ้านก่อน"
" อ๋อ... ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวเรารีบกลับเลยดีกว่า ไม่งั้นเดี๋ยวจะดึก"
" เอ่อ... " หมอนั่นเหมือนจะพูดอะไรกับผมอยู่แต่ลังเล ผมก็มองหน้ามันแล้วลุ้นอยู่
" คือ.... เราขอบคุณมากนะ ที่ช่วยมาส่งน่ะ"
" ฮ่าๆๆ ไม่เป็นไรแค่นี้เอง วันนี้เราก็ต้องขอบคุณนายมากว่ะ นายเหมือนเป็นฮีโร่มาช่วยเราเลยนะเว้ย ทำให้เราล่ารายชื่อสำเร็จจนได้ ทีนี้ก็ตั้งชมรมศิลปะได้ซะที โคตรดีใจเลยว่ะ"
" อืม... นายอยากอยู่ชมรมศิลป์มากขนาดนี้เลยเหรอ"
" เออดิ... นี่ถ้าไม่เกรงใจพ่ออ่ะ เราลาออกจากชมรมบอลฯมาอยู่ชมรมศิลป์แน่ๆ"
" โห... ทุ่มเทจังเลยอ่ะ แต่ว่าพ่อนายไม่อยากให้เข้าชมรมศิลป์หรอกเหรอ"
" ก็ใช่อ่ะ เค้าอยากให้เราเอาดีเรื่องเล่นบอลว่ะ เราก็เล่นไปงั้นๆแหละ แต่พ่อเราดิกะจะให้เรายึดเป็นอาชีพเลยมั๊ง ก็ไม่อยากไปขัดใจเค้าว่ะ" ผมพูดเหมือนบ่นๆ มันก็ทำสีหน้าเหมือนเห็นใจผม
" เราเห็นใจนายจังนะ อยากทำอะไรที่ชอบก็ทำไม่ได้ยังงี้ แต่ยังไงนั่นก็พ่อเรานี่นะ ทำไงได้"
" ก็ใช่ไง ตอนนี้เราก็ต้องยอมๆไปอ่ะ แต่วันนึงเราก็ต้องทำให้เค้าเข้าใจว่ะ ว่านี่มันเป็นชีวิตเราเอง เราก็อยากเลือกทางของเราเอง" ผมสรุป แต่พอมองหน้ามันผมก็ต้องขำมันว่ะ เพราะตอนนี้หน้ามันเศร้ามากเป็นหมาเหงาเลย
" เฮ้ย... ทำไมนายทำหน้าเศร้าซะขนาดนั้นวะ ฮะๆๆ ขนาดตัวเราเองยังไม่เศร้าขนาดนั้นเลย"
" ก็... มันน่าเศร้าจริงๆนี่นา ถ้าพ่อนายไม่ยอมเข้าใจจะทำยังไงล่ะ"
" มันก็ต้องรอให้ถึงเวลานั้นล่ะว่ะ ยังไงมันคงต้องมีทางออกสักทางล่ะนะ ขอบใจนะเว้ยที่ห่วง" ผมยิ้มแล้วตบบ่ามันเบาๆทีนึง มันก็ยิ้มให้ผม
เห็นมันตอน นี้แล้วผมรู้สึกดีว่ะ ความรู้สึกที่มันแสดงออกมาทางสีหน้าแววตาของมันทำให้ผมอุ่นใจและรับรู้ว่า มันห่วงผมจริงๆ จะว่าไปเรื่องแบบนี้ผมก็ไม่น่าจะเล่าให้มันฟังหรอกนะเพราะมันเหมือนเป็น เรื่องส่วนตัว แต่ก็ไม่รู้ทำไมผมถึงอยากเล่า และผมเต็มใจมากๆด้วย
และผมคิด ไม่ผิดหรอกที่เล่าให้มันฟัง นอกจากผมจะได้ระบายอะไรที่อึดอัดๆออกไปแล้ว ผมยังได้ความรู้สึกดีๆจากมันนี่ไง ดีจนผมรู้สึกได้จริงๆ
" เฮ้ย... ตายห่า... ดึกแล้วนี่หว่า คุยเพลิน เออๆ งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะเว้ย" ผมบอกแล้วก็สตาร์ทรถ
" เอ่อ.... ขับดีๆนะ ระวังทางด้วย พรุ่งนี้... เอ่อ.. เจอกันนะ" มันยกมือบ๊ายบายผมแล้วยิ้ม
"เดี๋ยวฮัท" มันร้องเรียกเอาไว้ครับผมเลยหันหน้าไปมอง
"มีไรเหรอ"
"เอ่อ... คือว่า...เอ่อ...นายจะหนาวไหมอ่ะ" เอ่อ ผมเอ๋อแดกแทนสิครับมันหน้าแดงนะนั่น
"หนาวไรวะนี่มันเดือนมิถุนานะเว้ยนาย นายโอเคป่ะเนี่ย"
ผมทำหน้างงๆ มันเลยหัวเราะแล้วโบกไม้โบกมือ
" โอเค... ไปล่ะเว้ย ฝันดีว่ะ" ขำตัวเองว่ะ มีอวยพรให้ฝันดีด้วย นึกไงวะกู
ผมขับรถออก มาไกลออกมาจากบ้านเรื่อยๆอย่างสบายใจ นึกถึงความสนุกในวันนี้แล้วมันมีความสุขชะมัดเลยว่ะ พรุ่งนี้ผมก็จะให้มันสอนเพ้นท์สีน้ำแล้วก็คงสนุกเหมือนวันนี้แน่
เฮ้อ... อยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆจัง เว้ย.....
เขียนโดย เพื่อนของอิ๊กกี้
ปล. เค้าลืมบอกทุกๆคนอ่ะว่าเค้ากลับบ้านนนอก ไม่มีเน็ท แต่พอถามป่อพ่อบอกว่ามีร้านเน็ท แว้กกก ไม่อยากจะเชื่อบ้านผ๊มเนี่ยนะมีร้านเน็ท สรุปเลยได้เข้ามาส่งนี่ล่ะครา้บ ส่วนตอนของน้องฮิ้นท์รอหน่อยน้า อิอิ
กลับไปแล้วจะลงน้า
จุ๊บๆๆ