ตอนที่ 29ผมพลิกกระดาษที่ว่างเปล่าอย่างไม่เข้าใจ วินกำลังจะบอกอะไรผมสักอย่างเกี่ยวกับข้อมูลที่เคยอยู่ในแฟ้มนี้ แต่ก็ยังไม่ทันพูดอะไรก็เกิดอาการแปลกๆ เหมือนปวดหัวไมเกรนจนเห็นภาพหลอน แล้วก็หมดสติไป ผมเข้าไปรองรับไว้ หัววินไม่ได้กระทบกระเทือนอะไรเลยสักนิด แต่พอตื่นความทรงจำดั้งเดิมก็กลับมา แล้วก็จำช่วงที่อยู่ร่วมกันไม่ได้เลย มันดูตื่นๆ โวยวาย และไม่ค่อยชินกับการที่ผมเข้าใกล้หรือห่วงใยแบบคนรัก
แต่ผมยังติดนิสัยคอยดูแลวินอยู่ มันทำให้เจ็บปวดหัวใจเอาการ ทั้งที่กลายเป็นคนอื่นไปแล้ว เหมือนกับโดนอีกฝ่ายทิ้งแต่กลับยังอยู่ด้วยกัน ทั้งที่วินเปลี่ยนไปแล้วแต่ผมก็ยังเป็นห่วง แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการออกมามากเท่าเมื่อวาน ผมตั้งใจว่าจะไม่ยุ่งด้วยแล้ว อยากไปไหนก็ไป อยากทำอะไรก็เชิญ แต่วินมันกลับอยู่ที่เดิมไม่ไปไหนหรือทำอะไร ผมซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ไปให้ คอยถามว่าจะออกไปไหนรึเปล่า แล้วก็เริ่มเป็นทุกข์เป็นร้อนตอนที่มันไม่ยอมกินอะไร ถ้าเป็นเมื่อก่อนจริงๆ กับวินคนที่เอาแต่ใจคนนี้ ผมไม่สนใจหรอกว่าจะกินเหล้าจนลืมกินข้าวนานกี่วัน ตอนนี้แม้ไม่อยากจะสนใจคนที่เอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้อง แต่สุดท้าย...ก็ยังปล่อยไปไม่ได้อยูดี
ก๊อกๆ"วิน วิน..."
"อะไร...."
"มึงกินอะไรรึยังตั้งแต่เมื่อวาน? "
"........เดี๋ยวกิน"
ยังจะรออะไรอีกวะ เมื่อวานก็เห็นออกมาดื่มแต่น้ำผลไม้ เปิดเบียร์ทิ้งไว้บนโต๊ะแล้วก็กินไม่หมด วันนี้ทั้งวันก็ยังไม่ยอมลุกจากที่นอน ผมถือวิสาสะเปิดประตูห้องนอนเล็กเข้าไป วินนอนตะแคงขดตัวอยู่ในผ้าห่ม ผมไม่อยากมองหน้ามันแล้วด้วยซ้ำ ทำไมไมดูแลตัวเองวะ
"กูสั่งข้าวมาเผื่อมึง ลุกไปกินด้วยกัน"
"ไม่เอา..."
"กินซักนิดเหอะ เดี๋ยวก็เป็นลมให้ต้องส่งโรงพยาบาลอีก"
ผมดึงผ้าห่มออก วินผมยุ่งรกหน้ารกตา หน้าโทรมมาก มันลุกขึ้นแล้วเดินอย่างไม่มีกะจิตกะใจ เราสองคนนั่งตรงข้ามกันบนโต๊ะอาหาร เมนูระดับภัตตาคารแต่กินกันอย่างไม่รู้รสชาติ ผมนึกถึงตอนที่กินกับข้าวทำเองง่ายๆ ของวิน พูดคุยหยอกล้อเล่นกัน บางทีก็แกล้งตีกัน วินทำตัวสบายๆ สบายจนเกินเหตุด้วยซ้ำ หยิบเม็ดข้าวจากปากผมแล้วกินด้วยมือเหมือนเด็กๆ
"ใจลอยคิดถึงใครเหรอ"
คนที่กินข้าวช้าๆ ถาม มารยาทบนโต๊ะยังมีให้เห็น นั่งก็หลังตรงกว่าวินที่เล่นไปกินไป
"ไม่ใช่มึงละกัน..."
ผมบังเอิญสบตา แล้วสังเกตเห็นว่าใต้ผมหน้าที่ตกลงมาบดบังนั่น ขอบตาแดงช้ำ
"นี่มึงร้องไห้เหรอ? "
"....."
"เป็นอะไรอีกรึเปล่า ปวดหัวต้องบอกกูนะ"
"กูไม่รู้ว่ากูเป็นอะไร..."
"แล้วร้องไห้ทำไม? "
"กูทรมาน..."
วินประสานมือเข้าหากัน และซบหน้าร้องไห้โดยไม่มีเสียง แต่สะอื้นจนไหล่สะท้าน ทำเอาผมประหลาดใจแน่นิ่งไป ไอ้วินมันไม่เคยร้องไห้ ไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง ถ้าเป็นวินตอนความจำเสื่อมก็ว่าไปอย่าง ผมค่อยๆ แกะนิ้วเรียวออกและเกลี่ยผมข้างหน้าไปข้างๆ วินตาแดงช้ำจนน่ากลัวจะมีเลือดตกในตา
"มึงฝันร้ายเหรอ? "
"ไม่ใช่ฝัน! เรื่องที่กูเคยทำนี่ล่ะ กูรับตัวเองไม่ได้ ไม่เข้าใจว่าทำไมเมื่อก่อนต้องทำแต่เรื่องที่โหดร้าย คอยจ้องจะทำให้คนอื่นทรมาน ตอนนี้มันวนเวียนอยู่ในหัวกู ตามหลอกหลอน กูไม่ได้อยากเป็นคนแบบนั้น กูเสียใจกับเรื่องที่ผ่านมาจริงๆ"
ผมไม่รู้จะตอบยังไง ในเมื่อผมก็ไม่เคยเข้าใจมันเหมือนกัน ผมปล่อยให้มันหันเขี้ยวใส่คนอื่นมาตลอด แค่เพราะว่าตัวเองจะไม่ต้องโดนเอง ผมยื่นมือค้างอยู่ในอากาศ ที่บอกว่าทรมาน เพราะจำความได้แล้วสำนึกผิดงั้นเหรอ? ที่นั่งร้องไห้บนโต๊ะกินข้าวนี้คือใคร วินที่โตมาด้วยกัน? หรือว่าวินที่ใจอ่อนขี้สงสาร? ดูไม่รู้เลย...
แต่ไม่ว่าจะเป็นใคร ผมก็อยากจะเป็นที่ยึดเหนี่ยวให้วิน เหมือนตอนที่มันร้องไห้เพราะตื่นมาแล้วไม่รู้จักใคร และเหมือนตอนที่มันเกรี้ยวกราดใส่ทุกคนตอนที่พี่คินหนีไป
"มึงยังมีกูนะวิน มึงไม่ต้องร้องไห้คนเดียวหรอก มึงคุยกับกูได้"
"...ไม่เป็นไร..."
"ไม่ใช่คนรัก ไม่ต้องเป็นเพื่อนกันก็ได้ ยังไง...กูก็ไม่หนีมึงไปไหน"
"....."
"กูไม่มีวันทิ้งมึง..."
ผมตักกับข้าวใส่จานวิน ไม่ได้มองหน้ามัน แต่เสียงสะอึกสะอื้นค่อยเงียบลงแล้ว
"มานอนห้องกูก็ได้ จะได้...ไม่คิดมาก กูจะได้คอยดูให้มึงกินอะไรซะบ้าง ไม่ใช่อดข้าวแล้วจะสบายใจขึ้น..."
"ขอบใจ กูชอบนอนคนเดียว"
"เออ"
"...เมื่อกี้มึงว่าไงนะ"
"กูนอนคนเดียวได้ ถ้ามีไร กูจะไปปรึกษามึงเอง"
ผมปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป มันพูดขอบใจ แวบนึงเหมือนคุยอยู่กับอีกคน แต่มันคงพูดไปอย่างนั้นเอง
รุ่งขึ้นผมตั้งใจจะออกแต่เช้าเพราะมีเรียนตัวสำคัญ แต่พอเห็นวินนั่งอยู่ที่ระเบียงไม่ไหวติง ก็โดดอยู่เฝ้าห้องเป็นเพื่อน ไม่รู้ว่าระหว่างซุกตัวในห้องไม่กินข้าวกินปลา กับที่มานั่งห้อยขาอยู่บนระเบียงชั้นแปด ทำหน้าหมดอาลัยตายอยาก แบบไหนดีกว่า ผมล่ะกลัวมันหงายหลังตกลงไปจริงๆ
"ลงมา..."
"กูคิดถึงใครบางคน"
"ใคร? "
"ไม่รู้... แค่ความรู้สึก นึกหน้าไม่ออก"
"ช่างเถอะ ลงมาได้แล้ว"
วินโดดลงมาจากราวเหล็กโครเมี่ยม เถ้าบุหรี่ที่คีบอยู่ในมือขวาปลิวมาติตตามชุดนอน มันปัดๆ ออกแล้วหาที่เขี่ยบุหรี่ ที่ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันเอาไปวางสอดใต้ช่องว่างระหว่างกระถางต้นไม้สองใบตั้งแต่เมื่อไหร่ มันคือวินจริงๆ นั่นแหละ ตาของวินยังแดงๆ เพราะร้องไห้ แต่มันก็เป็นคนประเภทไม่ยอมพึ่งใคร ถึงจะบอกให้พึ่งได้ก็ตาม
"แต่งตัวออกไปกับกูหน่อย จะไปเอารถที่บ้านมึงมาจอดไว้นี่สักคัน เวลามึงอยากออกไปเองจะได้มีใช้"
"กูไม่อยากกลับบ้าน"
"แลวกูจะขับกลับมายังไง ให้นั่งแท็กซี่ไปเอาให้มึงเหรอ"
"กูไม่ออกไปไหนหรอก อยู่เฝ้าห้องนี่แหล่ะ มึงจะไปไหนก็ไป ไม่ต้องห่วง"
ถึงจะว่างั้นก็เหอะ
"ถ้าจะสูบบุหรี่ที่ระเบียง ก็ลากเก้าอี้ตัวเล็กออกไปสิ อย่าไปนั่งแบบนั้น"
"โซ่..."
"อะไร"
"หนังสือทำอาหารในห้องกูน่ะของใคร? "
ผมอ้าปากจะตอบ แล้วก็พูดไม่ออก ปิดปากลงสนิทเหมือนเดิม ก้อนสะอื้นแล่นขึ้นมาจุกอยู่ที่คอ กูควรจะรู้สึกยังไงวิน ทั้งที่มึงก็อยู่ตรงนี้ แต่กลับถามหาตัวเองที่จางหายไป
"เค้าไม่อยู่แล้ว... เดี๋ยวกูเข้าไปเก็บออกให้"
ผมเข้าไปเอาหนังสือลงจากชั้นวางเล็กๆ บนโต๊ะ กอดมาในอกและเอาไปที่ห้องตัวเอง พอผ่านครัว เห็นวินเปิดเบียร์กระป๋องแล้วยกดื่ม สักพักก็เปลี่ยนใจวางทิ้งไว้บนเคาท์เตอร์ครัวแล้วเดินหายเข้าห้องตัวเอง พิลึก แทบไม่ได้แตะด้วยซ้ำ ผมเปิดตู้เย็นที่โหรงเหรง มีแต่ผลไม้ เครื่องดื่ม คงต้องเริ่มซื้ออาหารแช่แข็งมาเก็บไว้เหมือนเดิมแล้ว ผมหยิบเบียร์ที่เหลือแล้วเอาไปดื่มในห้องตัวเอง แค่นหัวเราะเย้ยตัวเองที่คิดขึ้นได้ว่ากำลังจูบทางอ้อมกับวิน ผมยังรักมันอยู่นะ ไม่ว่ามันจะเปลี่ยนไปอีกซักกี่แบบ ผมก็คงเปลี่ยนให้ตัวเองรู้สึกแบบตอนเป็นเพื่อนไม่ได้ โกรธ เสียใจ แต่ไม่เกลียด แต่ผมจะตัดใจจากมันแล้วล่ะ แค่รอให้มันเข้มแข็งพอที่ผมจะไม่ต้องดูแลมันอีก ผมก็จะปล่อยวินไป ถึงตอนนั้นจะยังรักอยู่มากแค่ไหนก็ตาม
ก๊อกๆๆ ผมเคาะประตูแล้วแง้มเข้าไป วินนอนขดตัวกลมบนเตียงอีกแล้ว
"กูไปเรียน แล้วจะซื้อของเข้ามา อยากได้อะไรมั้ย? "
"อยู่คนเดียวได้มั้ย? "
ผมเปิดผ้าห่มดูหน้าวิน มันไม่ตอบเพราะไม่อยากให้ได้ยินเสียงเครือๆ วินนอนน้ำตาไหลเปียกหมอน ผมนึกว่าดีขึ้นแล้วซะอีก ถึงออกไปสูบบุหรี่ริมระเบียงได้
"กูบอกแล้วไง มึงคุยกับกูได้"
"มันแก้ไขอะไรไม่ได้สักหน่อย"
"งั้นมึงเล่าให้กูฟังเฉยๆ ก็ได้ ว่าตอนนี้กำลังกลุ้มเรื่องอะไร"
"...ออกไปเถอะ กูแค่นึกถึงเรื่องเศร้าสมัยก่อนขึ้นมา ถ้าคิดถึงคนๆ นั้น เดี๋ยวกูก็อารมณ์ดีขึ้นเอง"
เสียงเพลงจากโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะดังขึ้นมา ผมเดินไปหยิบให้คนบนเตียงก็เห็นชื่อที่รู้จักดี เท่านี้ก็รู้แล้วล่ะว่าวินมันคิดถึงใครแล้วทำให้สบายใจขึ้น
"รับสิ"
"ไม่เอา..."
"แต่พี่คินโทรมานะ"
วินตาโตแล้วยื่นมือมาคว้าไป ผมเดินออกมาไม่อยากอยู่ในห้องนอนเล็กต่ออีกแม้เพียงหนึ่งนาที จริงสิ วินเคยบอกว่าพี่คินจะกลับมาช่วงนี้ วินก็คงจะได้เจอ ได้อยู่กับคนที่คิดถึงซักที เท่านี้ผมก็หมดห่วงแล้ว จะได้รีบๆ ตัดใจซะ ไม่ต้องคาดหวังอะไรอีกต่อไปแล้ว แค่พยายามจะทำตัวเป็นที่พึ่งให้ยังทำไม่ได้เลย
ผมออกมาซื้ออาหารกล่องแช่แข็ง อาหารสำเร็จรูปและเครื่องดื่มต่างๆ ขึ้นไปเก็บตุนไว้ ผมไม่มีกะจิตกะใจจะไปเรียนหรือทำอะไรเหมือนกัน ถึงจะทรมานกับการอยู่ข้างกาย แต่แค่อยู่ห่างกันคนละห้องนอน ก็ยังคิดถึงทั้งคืน จะไปเรียนก็ยังพะวงห่วง ถ้าวินไปหาพี่คินแล้ว คนที่จะแย่อาจจะเป็นผมมากกว่า
ผมกลับห้องแล้วลำเลียงของเข้าแช่ ดูเหมือนชาเขียวจะลดไปขวดนึง กินแค่นี้อยู่ไปได้ยังไง ผมจะไปพาวินออกจากเตียง ก็เห็นเจ้าตัวออกมานอนที่โซฟา ค่อยยังชั่ว สีหน้าดีขึ้นมาบ้างแล้ว หน้าตาตอนหลับเหมือนกับเดจาวู ยังเป็นรูปสลักที่ไร้ที่ติเหมือนเดิม ไม่ต่างจากตอนที่พูดคุยกันแล้วผลอยหลับไปกลางคัน ผมเขี่ยผมออกจากกรอบหน้า ถ้ายังเป็นเหมือนอย่างวันนั้นก็ดี ให้ผมยอมรักข้างเดียวต่อไปนานเท่าไหร่ก็ได้ ถ้ามันทำให้ความทรงจำดีๆ ที่เรามีต่อกันไม่ลบหายไป ผมประทับจูบเบาๆ ลงบนริมฝีปากบาง
แล้ววินก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา
"..ขอโทษ..."
ร่างกายมันขยับตามใจอีกแล้ว ผมถอนหายใจหนัก ไอ้โซ่เอ้ย ถึงจะเป็นคนเดียวกัน แต่สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้วนะเว้ย ทำไมถึงทำตัวน่าสมเพชมาขโมยจูบตอนวินมันกำลังหลับแบบนี้
"มึงจูบกูเหรอ? "
"เออ ขอโทษ กูเผลอตัวไป..."
บรรยากาศรอบตัวนิ่งสนิท ไอ้วินไม่ได้ว่าอะไร ผมก็หันมองไปทางอื่นไม่ได้สบตาคู่นั้น กลัวจะหลอกตัวเองว่าทุกอย่างเหมือนเดิมอีก
"โซ่..."
"อะไร"
"ทำไมเราถึงเป็นแฟนกัน? "
".....เรื่องมันผ่านไปแล้ว ช่างมันเถอะ"
"ก็กูจำไม่ได้ เล่ามาหน่อยสิ"
"ก็ตอนนั้นเราอยู่ด้วยกัน ใกล้ชิดกันตลอด เลยรู้สึกผูกพันล่ะมั้ง"
"เราก็คบกันมาตั้งแต่แรกแล้ว ตั้งสิบกว่าปีแล้ว ทำไมเพิ่งมารักเอาตอนกูจำอะไรไม่ได้"
"ตอนนั้นอยู่ด้วยกันแล้วมีความสุข"
"แล้วตอนนี้ล่ะ"
"มันไม่เหมือนกัน"
"ทำไมล่ะ นั่นมันก็กู เคยทำเรื่องผิดพลาดเหมือนกัน แค่ลืมไปแค่นั้น มึงชอบการหลอกตัวเองนักเหรอวะ ทำไมมึงไม่รักที่กูเป็นแบบนี้"
"จะบ้าไปกันใหญ่แล้ววิน บอกแล้วไงว่าเรื่องมันจบไปแล้ว มึงลืมไปแล้ว ส่วนกู...ก็ตัดใจแล้ว"
"กูจะทำให้มึงรักกูใหได้"
"อะไรนะ??? "
"ไม่รู้ล่ะ ก็กูสำนึกผิดในเรื่องเลวๆ ที่เคยทำมาแล้ว ถ้ามึงไม่ได้แค่หลอกตัวเอง มึงก็ต้องรักกูได้ใหม่อีกครั้ง ไม่ใช่รักแค่คนที่จำอะไรไม่ได้"
"...แล้วพี่คินล่ะ?"
"พี่ชายกูเกี่ยวอะไรด้วย? "
"ก็พี่คินจะมา"
"พี่คินโดนฟ้องต้องขึ้นศาล โทรมาบอกว่ากลับยังไม่ได้ ต้องเลื่อนไปก่อน"
ผมโล่งใจพร้อมๆ กับงุนงงไปด้วย วินอยากจะทำให้ผมหลงรักเนี่ยนะ เพราะอะไรล่ะเนี่ย ผมน่ะรักมันอยู่แล้ว ถึงจะถูกลืม ถูกทิ้งก็เถอะ
แต่ผมไม่รู้ว่าควรจะดีใจรึเปล่ากับสิ่งที่วินประกาศว่าจะทำให้ได้
ก็ถ้าเป็นวินคนนี้...มันจะรัก หรือมันจะร้ายกับผมล่ะเนี่ย?
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตอบรีพลายของตอนที่แล้วนะคะ
ฉันมีแนวคิดที่ว่า บุคลิกนิสัย มาจากสิ่งที่เราทำซ้ำๆ หลายๆ ครั้งตั้งแต่เล็กจนโต ดังนั้นความทรงจำจึงเป็นอิทธิพลที่สำคัญมากต่อพฤติกรรมที่แสดงออกมา ส่วนจิตใจจะคอยสำนึกดีชั่ว เป็นตัวตัดสินใจเลือกทางเดินในชีวิต ...ข้างในวินยังคงมีจิตใจที่ดีงามเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนค่ะ
ส่วนที่ว่า ยมทูต ทำไมไม่ลบแค่เรื่องพ่อแม่และน้องไป เพราะยมทูตไม่ได้เมตตาหรือให้พรวิเศษ ทุกอย่างทำไปแค่กลบความผิดพลาดของตนเท่านั้น ...แล้วก็ ทำไมไม่ลบทิ้งเฉยๆ แต่กลับใส่ความทรงจำของวินร้ายมาให้ ...นั่นเพราะว่าคนเขียนนิสัยไม่ดีนั่นเอง
ก็เพราะว่าตอนนี้ไง และก็ตอนต่อๆ ไป
ไม่รู้ว่าจะเล่าของคู่ไหนก่อนหลัง เหมือนเขียนนิยายสองเรื่องพร้อมกัน