The Eden School.... Special #9 : Story of Lee Chang (4 ก.ค. 54)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Eden School.... Special #9 : Story of Lee Chang (4 ก.ค. 54)  (อ่าน 108158 ครั้ง)

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)



กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 



----------------------------------------------

นิยายเก่า ๆ ที่ลงไว้ (จบแล้ว)
คุณตำรวจยอดรัก  ,  คุณอาที่รัก(แนวโชตะ)  , กรงรัก...พันธนาการใจ  , The Eden School  , ดวงใจจ้าวมังกร , ม่านราตรี ,   Miracle Café 
ลิขิตรักอสุรกาย    ,  เรื่องวุ่น ๆ ของคุณ รปภ.    , ขอโทษที คนนี้พี่จองแล้ว    , กรงรัก พันธนาการใจ (ฉบับรีเมก)


เรื่องสั้น
คุณพี่...ที่รัก   ,  สัญญา สายใย เชื่อมใจรัก


นิยายที่ยังไม่จบ
-
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-10-2014 19:16:52 โดย Xenon »

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
Re: [J-novel] The Eden School.... Chp.1
«ตอบ #1 เมื่อ22-06-2011 12:17:38 »

สารบัญ:
-----------

สวัสดีค่ะ ระหว่างที่กำลังปั่นนิยายเรื่องใหม่ติดพัน ก็เลยเอาเรื่องเก่ามาขัดตาทัพให้ลงอ่านกันอีกแล้วค่า
เป็นนิยายแนว J-novel หรือชื่อตัวละครเอกเป็นญี่ปุ่นนั่นเอง ...เหมือนกรงรักพันธนาการใจ งานอีกเรื่องของปัด (จะบอกว่ามันมีตัวละครในเรื่องนี้เกี่ยวโยงกันนิดหน่อยด้วย)

เรื่องนี้เขียนนานพอ ๆ กับเรื่องกรงรักฯ ดังนั้นก็อาจจะมีข้อผิดพลาดให้เห็นเยอะ ยังไงก็ขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยนะคะ ^ ^"

และจะทยอยแปะให้อ่านเรื่อย ๆ ค่ะ สำหรับนิยายเรื่องนี้ ตอนปกติจะค่อนข้างสั้นไปนิด แต่ตอนพิเศษนี่เยอะ พอ ๆ กับเรื่องหลักเลยทีเดียวค่ะ (ปัดถนัดเขียนตอนพิเศษจบเป็นตอน ๆ มากกว่าน่ะค่ะ)

-------------------แล้วเจอกันเรื่อย ๆ นะคะ   :pig4:



บทที่ 1
บทที่ 2
บทที่ 3
บทที่ 4
บทที่ 5
บทที่ 6
บทที่ 7
บทที่ 8

Special #1 : Happy Birthday, Morpheus.
Special #2 : Festival
Special #3 : The Diary
Special #4 : Boyfriend
Special #5 : My sassy woman
Special #6 : Holiday / I
Special #7 : The Mafia Family
Special #8 : Holiday II
Special #9 : Story of Lee Chang
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-12-2011 23:46:35 โดย Xenon »

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
Re: [J-novel] The Eden School.... Chp.1
«ตอบ #2 เมื่อ22-06-2011 12:24:31 »

Chp. 1


“นาโอกิ…นาโอกิ… นาโอกิ ยูยะ!!”

เสียงตะโกนดัง ๆ ใกล้ ๆ หู ทำเอาเด็กหนุ่มผมดำที่กำลังหลับสนิทอย่างเป็นสุขสะดุ้งเฮือก ก่อนที่นัยน์ตาสีดำจะกวาดมองไปเบื้องหน้า ด้วยความเบลอ แล้วก็ต้องพบกับสายตาของเพื่อน ๆ ร่วมชั้นหันกลับมามองยัง เขา อย่างสมเพช เวทนา แกมเห็นอก เห็นใจอย่างสุดซึ้ง

“ยังไม่หายง่วงดีสินะ นาโอกิ!”

น้ำเสียงเข้มข้าง ๆ ดังขึ้น นาโอกิ ยูยะ เริ่มรู้สึกหนาวสันหลังวาบ เพราะจำได้อย่างชัดเจนว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของใคร เขาค่อย ๆ หันไปทางด้านข้างช้า ๆ ก็พบว่าชายหนุ่ม รูปร่างสูงใหญ่ กำลังใช้นัยน์ตาสีเขียวคู่สวย จ้องมองเขาเขม็งอย่างน่ากลัว

“กล้าดีมากนะ นาโอกิ ที่บังอาจหลับในชั่วโมงเรียนของฉันอย่างนี้ หักคะแนนความประพฤติ 10 คะแนน แล้วเย็นนี้หลังเลิกเรียนแล้วตามไปพบฉันที่ห้องด้วย”

น้ำเสียงทุ้มเข้ม เอ่ยเน้นหนักอย่างแผ่วเบา หากทว่า บรรยากาศอันเงียบสงัดในห้องเรียนยามนี้ ก็ทำให้ทุกคนภายในห้องได้ยินเนื้อความนั้นถนัดชัดเจนทุกคน

เด็กหนุ่มมองตามเบื้องหลังของร่างสูงไปด้วยสีหน้าอยากจะร้องไห้ เต็มที่

…เส้นผมยาวสีทองสลวยถึงกลางหลัง ซึ่งเจ้าตัวมักจะมัดเอาไว้อย่างเรียบร้อยเสมอ รวมไปถึงนัยน์ตาสีเขียวสดใส จมูกโด่งคมสัน ริมฝีปากหนาได้รูป แล้วก็ผิวสีขาว เนียน น่าสัมผัสนั่น …ทั้ง ๆ ที่มีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลา จนเด็กสาว ๆ ในโรงเรียน ตั้งฉายาว่าเทพบุตร แต่ทำไมสำหรับเด็กหนุ่มแล้วกลับดูเหมือนว่านายคนนี้ ดูยังไงก็เป็นซาตานร้ายกลับชาติมาเกิดเสียมากกว่า

และเขานั่นล่ะ …มอร์เฟียซ คาเตอร์ อาจารย์สอนวิชาประวัติศาสตร์ ซึ่งควบตำแหน่งอาจารย์ฝ่ายปกครองจอมเฮี้ยบ ของสถาบันการศึกษาเอกชน อีเดน สถานที่รวบรวมบุคลากรหัวกะทิในด้านต่าง ๆ ทั่วทุกมุมโลก ตั้งแต่ระดับอนุบาล จนถึงระดับปริญญาเอก เข้ามาอยู่รวมกันด้วยความเสมอภาค โดยไม่มีการแบ่งแยกชั้น วรรณะ อย่างใดทั้งสิ้น

ยูยะเองก็เป็นหนึ่งในไม่กี่คนของเด็ก ๆ ที่ถูกเลือกให้มาเข้าเรียนในโรงเรียนแห่งนี้ ซึ่งตอนแรกนั้น เขาค่อนข้างแปลกใจและงุนงงเป็นอย่างมาก เมื่ออยู่ดีๆ ก็มีซองจดหมายสีเทาลึกลับประทับตรารูปอินทรีสีแดงสด ส่งมาที่บ้านของเขา พร้อมข้อความยินดีต้อนรับให้เข้าศึกษาในสถาบันอีเดนแห่งนี้ ซึ่งเมื่อพ่อและแม่เขาทราบก็ทำให้ท่านทั้งสองถึงกลับหลั่งน้ำตาด้วยความปลื้มปิติ เพราะต่างก็รู้กันดีว่า อีเดน คือสถาบันการศึกษาชั้นยอด และนักเรียนส่วนใหญ่ที่จบการศึกษาจากสถาบันนี้ ต่างก็ได้ทำงานในตำแหน่งใหญ่โต หรือกลายเป็นบุคคลสำคัญระดับโลกเกือบแทบทั้งสิ้น

จากนั้น ยูยะจึงเริ่มใช้ชีวิตอยู่ในสถาบันแห่งนี้เป็นต้นมา หากแต่เด็กหนุ่ม และบรรดานักเรียนที่ถูกพามา แต่ละคนไม่รู้เลยว่า อีเดนนั้นตั้งอยู่ส่วนใดในโลกใบนี้ รู้แต่เพียงว่า อีเดน เป็นสถาบันการศึกษาที่ใหญ่โตจนเปรียบได้ กับเป็นเมือง ๆ หนึ่ง ซึ่งครบไปด้วยสาธารณูปโภค รวมไปถึงสถานบันเทิงรูปแบบต่าง ๆ มากมาย เพียงแค่นั้น

เด็กหนุ่มถูกเลือกให้เข้าเรียนในห้อง ม.4 / Z ห้องซึ่งจัดว่าเป็นหัวกะทิที่สุดภายในสถาบัน และนับตั้งแต่วันที่เขาย้ายเข้ามาที่นี่ จนกระทั่งบัดนี้ที่เขากำลังศึกษาอยู่ชั้นม.5 แล้วนั้น มอร์เฟียซ คาเตอร์ ก็เปรียบเสมือน ซาตานร้ายที่คอยจะจ้องหาเรื่องแกล้งหักคะแนน และเรียกเขาไปอบรม จนหูชาเสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน

“ซวยชะมัดเลยนะยูยะ!”

เสียงจิมมี่ ชไนเดอร์ เด็กหนุ่มผมแดงตาสีฟ้า เพื่อนซี้ชาวอเมริกาของยูยะ โพล่งขึ้นดัง ๆ หลังจากที่คาเตอร์สอนเสร็จและออกไปจากห้องแล้ว

“ทำไมนายไม่ยอมปลุกฉัน จิมมี่! ฉันเลยต้องโดนเจ้าปีศาจนั่นหักคะแนนอีกจนได้ แถมเย็นนี้คงต้องอดข้าวเย็นอีกแน่ ๆ หมอนั่นเวลาเทศน์ที อย่างน้อย 3 ชั่วโมงอัพทุกครั้ง แย่ชะมัด!”

ยูยะบ่นอย่างหัวเสีย ส่วนจิมมี่ได้แต่ยิ้มแหย ๆ ก่อนจะแก้ตัวเสียงอ่อย

“ฉันก็พยายามจะปลุกนายอยู่หรอกนะ แต่ทีนี้ตาอาจารย์แกดันตวัดมาจ๊ะเอ๋ ฉันเข้าพอดี ฉันเลยอึ้ง ค้างไปอย่างนั้นเลย นายก็รู้ว่าตาของคาเตอร์ น่ะ เหมือนตาเมดูซ่า มองทีไรแทบจะแข็งเป็นหินไปทุกครั้ง”

ยูยะถอนหายใจแรง ๆ จะโทษจิมมี่ก็ไม่ถูกหรอก หากเขาเองเจอแววตาแบบนั้นเข้า ก็คงจะเป็นอาการเดียวกันนั่นแหละ ไม่รู้บรรดาแฟนคลับของหมอนั่น เทิดทูนให้เป็นเทพบุตรได้ยังไงกันนะ เฮอะ! ซาตานในคราบเทพบุตรล่ะสิไม่ว่า

“ว่าแต่ทำไมนายถึงหลับอุตุ ไม่รู้เรื่องอย่างนั้นล่ะยูยะ ทุกทีไม่เคยเห็นหลับในห้องเรียนไม่ใช่หรือไง”

จิมมี่ถามขึ้นด้วยความสงสัย ในขณะที่พวกเขากำลังเตรียมเก็บของเพื่อเปลี่ยนห้องเรียนกันอยู่นั้น

“พอดีเมื่อคืน ฉันเกิดครึ้มอกครึ้มใจอะไรขึ้นมาไม่รู้ แต่งเพลงใหม่ได้หลายเพลง ไป ๆ มา ๆ กว่าจะเขียนเสร็จก็ล่อเอาเกือบสว่าง มันก็เลยมีสภาพอย่างที่เห็นนั่นล่ะ”

ยูยะตอบเพลีย ๆ ซึ่งเมื่อเด็กหนุ่มพูดจบ คนอื่น ๆ ซึ่งอยู่แถว ๆ นั้น ก็หันขวับมาทางเขาทันที

“เฮ้! นาโอกิ แต่งเพลงเสร็จแล้วงั้นหรือ ไว้เย็นนี้เล่นให้ฟังหน่อยสิ!”

ราฟาเอล เพื่อนร่วมชั้นชาวอิตาลี โพล่งขึ้นมาทันทีด้วยความตื่นเต้น โดยที่อีกหลายคนที่เหลือต่างช่วยกันเสริมด้วยความสนใจ
“เพลงสำหรับเปียโน หรือ ไวโอลินล่ะนาโอกิ ฉันอยากฟังเปียโนฝีมือเธออีกจังเลย”

“เฮ้ย! ต้องไวโอลินสิ น่านาโอกิ คราวที่แล้วนายก็เล่นเปียโนไปแล้ว คราวนี้เล่นไวโอลินเถอะ อ๊ะ! แต่จะเป็นฟรุท ก็ได้นะ เสียงฟรุทของนายก็เพราะดี”

ทุกคนต่างแย่งกันเสนอความคิดเห็น ส่วนยูยะได้แต่ยิ้มแหย ๆ จะเป็นไวโอลิน เปียโน หรือว่า ฟรุท ก็ช่างมันเถอะ ที่แน่ ๆ เย็นนี้จะได้กลับหอกินข้าวเย็นหรือเปล่ายังไม่รู้เลย

“ถ้าพวกนายอยากฟังขนาดนั้น…” จิมมี่ออกมายืนกร่างขวางหน้า ร่างเล็ก ๆ ของเพื่อนรักของเขาไว้ให้พ้นจากการถูกมะรุมมะตุ้ม จากคนอื่น ๆ

“ตามไปฟังในห้องของคาเตอร์กันเองเถอะนะ ไม่ได้ยินหรือไงว่า ยูยะถูกเรียกตัวไปอบรมเย็นนี้น่ะ”

คำพูดนั้นเหมือนดังมีเวทมนตร์วิเศษ ให้ทุกคนหยุดชะงักนิ่งไปทันที ก็ใครจะกล้าไปเสี่ยงกับอาจารย์ฝ่ายปกครองสุดเฮี้ยบคนนั้นเล่า ถึงอยากจะฟังยูยะเล่นดนตรีขนาดไหนก็เถอะ

“ง่า…งั้นไว้เป็นพรุ่งนี้ก็ได้ พวกเราจะรอฟังนะนาโอกิ”

ราฟาเอล เอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มแห้ง ๆ ก่อนจะเดินออกไปยังอีกชั้นเรียน เพื่อเรียนวิชาต่อไป รวมถึงคนอื่น ๆ ที่เหลือด้วย

“เฮ้อ… เป็นนักดนตรีเนื้อหอมก็ลำบากหน่อยนะ ยูยะ”

จิมมี่ตบบ่าเพื่อนรักเบา ๆ แล้วยิ้มกว้าง ฝ่ายยูยะยิ้มรับน้อย ๆ อย่างไม่ใส่ใจเท่าใดนัก

ความอัจฉริยะด้านดนตรีของเขาเพิ่งจะมาปรากฏเอาตอนมัธยมต้น ซึ่งตอนนั้นเขาอยู่ปี 3 แล้ว ตั้งแต่เด็ก ยูยะอาจจะชอบฟังเพลงทุกประเภท และร้องเพลงได้เก่ง แต่เขาไม่เคยจับเครื่องดนตรีเลยสักครั้งเดียว จนมาถึงตอนปี 3 เพื่อนของเขาที่ได้เป็นตัวแทนแผนกมัธยมต้นแสดงเดี่ยวเปียโน เกิดบาดเจ็บไม่มีคนแทน ซึ่งยูยะเองก็มีส่วนร่วมรับผิดชอบในอาการบาดเจ็บครั้งนั้นด้วย จึงทำให้เขาตัดสินใจเล่นเปียโนแทนเพื่อนของเขา ซึ่งเวลานั้น เหลือเวลาก่อนวันการแสดงจริง อีกแค่เพียง 3 วันเท่านั้น

และเด็กหนุ่มก็ทำให้เพื่อนเขา รวมถึงทุกคนประหลาดใจไปตาม ๆ กัน เขารู้สึกว่าเจ้าเครื่องดนตรีตรงหน้าทำไมมันช่างเล่นได้ง่ายดายอะไรเช่นนี้ เขารู้สึกเพลิดเพลิน และสนุกกับมัน จนไม่ได้คิดถึงความตกตะลึงของคนรอบข้างเลยว่า ทำไมคนที่เพิ่งเคยได้จับเปียโน ครั้งแรกเพียงแค่ 3 วัน กลับสามารถเล่นได้ยอดเยี่ยมราวกับคนที่ฝึกเปียโนมาทั้งชีวิตยังไงยังงั้น

และไม่เพียงแต่เปียโนเท่านั้น ยูยะยังแสดงให้เห็นว่า เขาสามารถเล่นเครื่องดนตรีประเภทอื่น ๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว และชำนาญเช่นกัน เพียงแค่ดูผู้อื่นเล่น และเรียนรู้เพียงไม่นานเท่านั้น เขาก็ทำได้อย่างดี และต้องยอมรับความจริงว่าเขาทำได้ดีกว่าคนที่เป็นต้นแบบด้วยซ้ำไป

และนั่นก็คือความสามารถที่ทำให้อีเดนสนใจ และพิจารณาเลือกเด็กหนุ่มเข้ามาศึกษาต่อในสถาบันแห่งนี้ โดยที่เด็กหนุ่มสามารถฝึกเครื่องดนตรีชั้นเลิศได้ตามต้องการ และมีอาจารย์ดนตรี ที่เชี่ยวชาญแต่ละสาขา คอยให้คำชี้แนะมากมาย

ส่วนวิชาอื่น ๆ อาจารย์แต่ละท่านต่างก็เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านสาขานั้น ๆ ซึ่งล้วนมีมากมายหลายชาติหลายภาษา แต่ในสถาบันแห่งนี้ ภาษากลางที่ใช้กัน ก็คือ ภาษาอังกฤษนั่นเอง

“ทำไมคาเตอร์ต้องเหมาสอนวิชาประวัติศาสตร์ ห้อง Z ด้วยนะ ตามมาตั้งแต่ ม.4 แล้ว พอ ม.5 ฉันนึกว่าจะได้เรียกกับอาจารย์บินส์เสียอีก แต่ก็ดันมาเจอกับหมอนี่อีกจนได้”

ยูยะบ่นอุบ ขณะที่กำลังเดินเปลี่ยนห้องเรียนไปพร้อมเพื่อนคนอื่น ๆ

“ไม่แน่นะ บางทีหมอนั่นอาจจะติดใจนายก็ได้ยูยะ เลยต้องตามมาสอนห้องเราแบบนี้เรื่อย ๆ น่ะ”

จิมมี่พูดอย่างนึกสนุก หากแต่คนฟังกลับมีสีหน้าเหมือนกินยาเบื่อ

“เป็นข้อสันนิษฐานที่เลวร้ายที่สุด เท่าที่ฉันเคยฟังมาเลยนะจิมมี่  ทำไมไม่คิดว่าหมอนั่นหมายหัวนายไว้บ้างล่ะ”

จิมมี่ยักไหล่ยิ้มแหย ๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะรีบวิ่งไปเข้าเรียนด้วยความรวดเร็ว เพราะเสียงกริ่งสัญญาณเริ่มเรียนชั่วโมงต่อไปดังขึ้นแล้ว


หลังเลิกเรียน ….

“โชคดีนะยูยะ ฉันจะพยายามเก็บของว่างเหลือไว้ให้นายก็แล้วกัน”

จิมมี่เอ่ยปลอบเพื่อนสนิท ขณะที่ยูยะกำลังจะเดินไปยังห้องพักอาจารย์ ฝ่ายเด็กหนุ่มหันมายิ้มเศร้า ๆ ก่อนจะเอ่ยขอบคุณความมีน้ำใจของเพื่อนรัก

“ขอบใจนะจิมมี่ แต่ไม่ต้องหรอก คราวนี้ฉันผิดเต็มประตู ดันนอนหลับในชั่วโมงหมอนั่นอย่างนั้น แน่นอนที่สุดว่าเขาต้องเทศน์ฉันแบบไม่มีติดเบรกแน่ ๆ เผลอ ๆ อาจจะให้ฉันนั่งคัดลายมือ ผมจะไม่ทำอีกแล้วครับต่ออีกพันจบก็ได้”

จิมมี่ยิ้มแห้ง ๆ สงสารเพื่อนรักจากใจจริง เพราะรู้ว่ายูยะไม่ได้ตั้งใจพูดติดตลกให้เขาขำ หากแต่ทุกอย่างที่เด็กหนุ่มพูดออกไปนั้น เจ้าตัวเคยผ่านประสบการณ์ มาหมดแล้วแทบทั้งสิ้น

“ง่า…ถึงยังไงฉันก็อวยพรให้นายโชคดี…แบบว่า ให้กลับมาเร็วกว่าที่คิดน่ะ”

“ก็สุดแล้วแต่ชะตากรรมล่ะนะ”

ยูยะถอนหายใจอย่างนึกปลง ก่อนจะเดินก้มหน้าคอตกไปตลอดทาง


เด็กหนุ่มมาหยุดยืนหน้าห้องทำงานส่วนตัวของมอร์เฟียซ คาเตอร์ด้วยใจหวาดหวั่น ก่อนจะตัดสินใจ สูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ แล้วผ่อนออกยาว ๆ จากนั้นจึงเคาะประตูห้องเบา ๆ

ก๊อก ก๊อก

“อาจารย์ครับ ผมนาโอกิครับ”

“ อืม เข้ามาได้”

เสียงตอบรับจากในห้องนั้น ทำให้เด็กหนุ่มลอบถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะเปิดประตูก้าวเข้าไปภายในห้องนั้นในที่สุด

ห้องทำงานของอาจารย์คาเตอร์ ก็ยังคงเป็นระเบียบเรียบร้อยเช่นเคยเหมือนทุกครั้งที่เขาเข้ามา มันเป็นห้องทำงานที่แทบจะเรียกว่าเป็นห้องพักผ่อนได้ในตัวทีเดียว เพราะมีทั้งห้องน้ำส่วนตัว และโซฟายาว ๆ ที่ตั้งอยู่ตรงมุมห้อง ซึ่งยูยะคิดว่า คงเป็นที่สำหรับนอนเวลาอาจารย์หนุ่มลุยงานยันดึกก็เป็นได้

เด็กหนุ่มยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่หน้าโต๊ะทำงานนั้น จนกระทั่งร่างสูงตรงหน้าละสายตาจากกองเอกสารกองใหญ่ ขึ้นมามองเขาแวบหนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยขึ้น

“นั่งลงสิ ยืนอยู่ทำไมกันล่ะ”

“อ๊ะ …ครับ” ยูยะรีบนั่งลงทันที ก่อนจะนั่งก้มมองมือตัวเองอยู่เช่นนั้น เพราะดูเหมือนว่า อีกฝ่ายกำลังยุ่งอยู่กับงานเอกสาร และยังไม่มีเวลาพูดอะไรกับเขาแม้แต่น้อย

เวลาแห่งความอึดอัดผ่านไปเกือบ 20 นาที จนในที่สุดอาจารย์หนุ่ม ก็วางปากกาลงบนโต๊ะ ก่อนจะแหงนหน้านิด ๆ เพื่อลดอาการปวดเมื่อยที่ต้นคอ แล้วจากนั้นจึงหันมาให้ความสนใจกับร่างเล็ก ๆ ตรงหน้าแทน

“รู้ไหม ว่าฉันเรียกเธอมาทำไมที่นี่”

ชายหนุ่มถามเสียงเรียบ ยูยะกลืนน้ำลายนิด ๆ ก่อนจะเอ่ยตอบเสียงแผ่วเบา

“เพราะผมหลับในห้องเรียนครับ”

“อืม…ถูกต้อง เธอคิดว่านั่นเป็นการกระทำที่สมควรไหมเล่า”

เด็กหนุ่มสั่นศีรษะเบา ๆ ก่อนจะตอบเสียงค่อยเช่นเคย

“ไม่ครับ…คือผมขอโทษ”

อาจารย์หนุ่มจ้องมองร่างตรงหน้าที่บัดนี้กำลังสั่นเทานิด ๆ ก่อนที่นัยน์ตาสีเขียวจะเปล่งประกายวาววับขึ้นมาวูบหนึ่ง

“แล้วทำไมเธอถึงหลับในวิชาของฉัน มีเหตุผลอะไรจะอธิบายไหม”

น้ำเสียงทุ้มนุ่มถาม จนคนถูกถามแปลกใจ เพราะน้อยครั้งนักที่ชายหนุ่มจะเป็นฝ่ายเปิดโอกาสให้เขาได้ชี้แจงเหตุผล

“ง่า…คือ เมื่อคืนผมแต่งเพลงใหม่ได้หลายเพลงครับ เลยนอนดึกไปหน่อย”

ร่างเล็กแก้ตัวแล้วก็ต้องรีบก้มหน้า เพราะเหตุผลส่วนตัวเช่นนี้ ก็ไม่อาจทำให้เขาพ้นผิดได้อยู่ดี

“อืม…แต่งเพลงใหม่งั้นหรือ เล่นให้ใครฟังแล้วหรือยังล่ะ”

ยูยะเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าทันทีด้วยความประหลาดใจ กับคำถามนั้น ก่อนจะสั่นศีรษะปฏิเสธเบา ๆ

“ยังครับ ยังไม่ได้เล่นให้ใครฟัง”

และถ้าเด็กหนุ่มตาไม่ฝาด เขาสังเกตเห็นรอยยิ้มแวบหนึ่งที่ริมฝีปากได้รูปนั้น ก่อนที่มันจะกลับเป็นปกติในเวลาอันรวดเร็ว หากแต่คำพูดที่ตามออกมาจากริมฝีปากนั้น ก็ทำให้เขาตะลึงไปอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเองเช่นกัน

“งั้นเล่นให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม… หืม …ทำไม มีอะไรงั้นหรือ”

ชายหนุ่มถามเพราะเห็นอีกฝ่ายยังคงยืนตะลึง อยู่เช่นนั้น ด้านยูยะพอรู้สึกตัว จึงรีบแก้ตัวออกไป

“อะ… ปะ เปล่าครับ คือผมไม่ได้เอาเครื่องดนตรีมา”

“ใช้ไวโอลินได้ไหมล่ะ”

มอร์เฟียซถาม ก่อนจะเดินตรงไปหยิบกล่องไวโอลินในตู้เก็บของ ของเขาออกมา โดยไม่รอฟังคำตอบจากอีกฝ่ายแม้แต่น้อย ชายหนุ่มยื่นส่งให้กับร่างเล็กตรงหน้าที่รีบยื่นมือออกมารับด้วยความกลัวทันที

ยูยะเปิดกล่องไวโอลินออกมา ก็พบว่า ภายในกล่องนั้น มันคือเครื่องดนตรีชั้นดี อย่างไม่น่าเชื่อว่า คนที่ค่อนข้างจะเจ้าระเบียบไปเสียทุกเรื่องอย่างคนตรงหน้า และดูเหมือนจะไม่มีอารมณ์สุนทรีย์อยู่ในหัวใจ จะมีเครื่องดนตรีเช่นนี้อยู่ในครอบครองได้

“เอ้าเล่นสิ! ฉันรอฟังอยู่นะ”

เสียงเข้มกำชับมาดุ ๆ เพราะเห็นว่าเด็กหนุ่มยังคงยืนเก้ ๆ กัง ๆ ไม่ยอมลงมือเล่นเสียที

“อะ…ครับ ครับ เล่นเดี๋ยวนี้แล้วครับ”

เสียงโน้ตดนตรีตัวแรกที่ดังขึ้นเปล่งกังวานไปทั่วห้อง แรก ๆ ดนตรีของเด็กหนุ่มค่อนข้างจะออกประหม่า หากแต่เมื่อเล่นไปได้สักพัก เขาก็กลับ มาเป็นตัวของตัวเองอีกหน เสียงคันชักกรีดไปบนเส้นสาย แต่ละครั้ง กรีดลึกเข้าไปถึงหัวใจของคนฟัง ซึ่งยามนี้มีสีหน้าที่อ่อนโยนอย่างน่าประหลาด หากแต่ผู้เล่นยังคงอยู่ในโลกส่วนตัวของตน ไม่ได้สนใจความเป็นไปของ สิ่งรอบข้างแม้แต่น้อย

จนกระทั่งเมื่อเสียงดนตรีหยุดลง เสียงถอนหายใจของคนที่ฟังอยู่ก็ดังขึ้นอย่างแสนเสียดาย เมื่อเด็กหนุ่มวางไวโอลินลงคืนเขาบนโต๊ะ

“เยี่ยมมาก นาโอกิ ฝีมือดนตรีของเธอยังคงเยี่ยมยอดเหมือนเดิม”

ยูยะอ้าปากค้างอย่างประหลาดใจเป็นรอบที่ไม่รู้เท่าไร เพราะไม่คิดว่าจะได้รับคำชมจากอีกฝ่าย เช่นนี้

“มีอะไรงั้นหรือ มองหน้าฉันแบบนั้นทำไมกัน”

น้ำเสียงทุ้มนุ่มถามยิ้ม ๆ ซึ่งก็ทำให้เด็กหนุ่มเผลอตัวตอบออกไปตามใจคิดทันที

“ผมกำลังคิดว่าผมฝันไปหรือเปล่า ที่อาจารย์ ชม…เอ่อ..คือ..”

พูดออกไปแล้วก็ต้องหน้าซีดเผือด เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าไม่ควรเลยที่จะพูดออกไปเช่นนั้น และขณะที่กำลังก้มหน้าเตรียมรอรับคำต่อว่าจากอีกฝ่าย ก็ทำให้เด็กหนุ่มต้องสะดุ้งโหยง เมื่อเสียงหัวเราะที่ขบขันดังขึ้นแทนที่

“หึ ๆ สำหรับเธอ ฉันคงดูน่ากลัว เหมือนภูตผี ปีศาจ ล่ะสินะ”

ยูยะเกือบจะตอบออกไปแล้วว่าใช่ หากแต่ก็ต้องรีบหุบปากฉับพลัน ใบหน้าซีดลงเรื่อย ๆ เมื่อแววตาสีเขียวคมกริบจับจ้องมายังเขาเหมือนจะรู้ทัน

เด็กหนุ่มรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง เมื่อร่างสูงเริ่มเดินเข้ามาใกล้เขาอย่างช้า ๆ แต่แล้วเจ้าตัวก็ต้องตาเบิกโพลงด้วยความตกใจสุดขีด เมื่อมือใหญ่ของคนตรงหน้าลูบไล้ที่แก้มของเขาแผ่วเบา ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นจับคางของเขาเชยขึ้น พร้อมกับโน้มหน้าลงมาหาอย่างรวดเร็ว

“อา...จารย์….อื้ม…”

ริมฝีปากหนาได้รูปของมอร์เฟียซ ประกบแนบชิดกับริมฝีปากบางของยูยะ ก่อนที่จะค่อย ๆ บดขยี้ทีละนิด ให้อีกฝ่ายยอมเผยอเปิดช่องทางให้เข้าไปสำรวจความหวานซ่านภายในอย่างที่ใจปรารถนา

“อื้ม…มะ..ไม่”

เด็กหนุ่มพยายามดันตัวออกมา หากแต่ร่างสูงก็จัดการรวบร่างเล็กกว่าตรงหน้าไว้จนได้ มือใหญ่ข้างเดียวเกาะกุมพันธนาการข้อมือเรียวทั้งสองข้างไพล่ไว้ที่ข้างหลัง ก่อนจะจัดแจงบดเบียดริมฝีปากเข้าไปใหม่อีกครั้ง

ด้วยรูปร่าง และพละกำลังที่เป็นต่ออยู่หลายขุม ทำให้ยูยะไม่อาจมีโอกาสดิ้นรนต่อสู้ได้แม้แต่น้อย เด็กหนุ่มรู้สึกว่าเขากำลังถูกดันตัวไปยังมุมห้อง ก่อนที่แผ่นหลังจะได้สัมผัสกับความนุ่มของโซฟา พร้อมกับร่างหนาที่ทาบทับตามมาติด ๆ โดยที่ยังคงไม่ยอมปล่อยให้ริมฝีปากของเขาเป็นอิสระแม้แต่น้อย


--- TBC ---
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-06-2011 12:38:54 โดย Xenon »

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
Re: [J-novel] The Eden School.... Chp.1
«ตอบ #3 เมื่อ22-06-2011 13:35:20 »

มะ มะ ไม่ นะ  ........................................  :serius2:  ตัดจบแบบนี้ ก็ค้างนะสิ ม่ายยยยยย  :serius2:

darkeyes1

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Eden School.... Chp.1
«ตอบ #4 เมื่อ22-06-2011 17:49:48 »

เหอๆ  อีเดนสคูลนี่ก็เคยเห็นๆอยู่อะนะ  แต่  คุณครูท่านจู่โจมเด็กเร็วเกินไป เลยเกิดอาการอิจฉา
เอ้ยไม่ใช่  เกิดอาการเหมือนเห็นผู้ใหญ่พยายามลวนลามเด็ก ก็เลย
ไม่ได้อ่านสักที

มาวันนี้ได้อ่านตอน1 เต็มๆก็ยังรู้สึกเหมือนเดิมอยู่  เหอๆๆ

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
Re: The Eden School.... Chp.2
«ตอบ #5 เมื่อ22-06-2011 21:24:49 »

มะ มะ ไม่ นะ  ........................................  :serius2:  ตัดจบแบบนี้ ก็ค้างนะสิ ม่ายยยยยย  :serius2:
มาต่อไม่ให้ค้างแล้วค่าา~

เหอๆ  อีเดนสคูลนี่ก็เคยเห็นๆอยู่อะนะ  แต่  คุณครูท่านจู่โจมเด็กเร็วเกินไป เลยเกิดอาการอิจฉา
เอ้ยไม่ใช่  เกิดอาการเหมือนเห็นผู้ใหญ่พยายามลวนลามเด็ก ก็เลย
ไม่ได้อ่านสักที

มาวันนี้ได้อ่านตอน1 เต็มๆก็ยังรู้สึกเหมือนเดิมอยู่  เหอๆๆ
นายเอกยังจะโดนรังแกอีกหลายรอบเลยล่ะ --+ เพราะเมะมันเป็นคนชอบแกล้ง (รักดอกจึงหยอกเล่น) แต่หลัง ๆ มีแต่ความหวานตลอดเลยนะ~



เอาล่ะค่ะ มาแปะ Chp.2 ให้อ่านกันต่อจ้า บกพร่องผิดพลาดตรงไหนขออภัยมา ล่วงหน้าค่ะ

----------------------------------------------


Chp.2


“อา…หยุดเถอะครับ…อาจารย์…”

ยูยะพยายามอ้อนวอนขอร้องให้ชายหนุ่มหยุดการกระทำเมื่อริมฝีปากของเขาถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระ

“ไม่ นาโอกิ…ฉันทนมานานเกินพอแล้ว และไม่คิดจะอดทนอีกต่อไปแล้วด้วย”

น้ำเสียงแหบพร่ากระซิบตอบใกล้ ๆ กับติ่งหูเนียนนุ่ม ก่อนที่จะขบกัดมันเล่นแรง ๆ อย่างกลั่นแกล้ง จนเด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือกทันที

มือข้างหนึ่งจัดการดึงเสื้อนอกของร่างข้างใต้ออก ก่อนจะเหวี่ยงทิ้งไปไกล ๆ อย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นจึงกลับมาจัดการกับเนคไทและกระดุมเสื้อเชิ้ตข้างในอย่างรวดเร็ว โดยที่เด็กหนุ่มไม่มีโอกาสได้ตอบโต้ปฏิเสธ เพราะมือทั้งสองข้างยามนี้ถูกพันธนาการไว้บนเหนือศีรษะด้วยมือใหญ่อีกข้างของร่างสูง

“อึ้ก..ไม่…ปะ…ปล่อย”

ยูยะพยายามฝืนดิ้นรนสุดกำลัง เมื่อปลายลิ้นอุ่น เริ่มไล้เลียอยู่บริเวณแผ่นอกขาวของเขา ก่อนจะเผลอร้องครางออกมาเบา ๆ อย่างลืมตัว เมื่อริมฝีปากหนาได้รูปตรงเข้าขบเม้นยอดอกสีชมพูเล็ก ๆ ทั้งสองข้างนั้นเล่นอย่างหยอกเย้า

“ไม่นะ…ไม่เอา…อย่า”

เสียงครางร้องขอ ขณะที่น้ำใส ๆ เริ่มปริ่มคลอเบ้าตา หากแต่ไม่ได้ช่วยหยุดการกระทำรุกรานนั้นแม้แต่น้อย มือข้างที่ว่างของอาจารย์หนุ่ม ค่อย ๆ เลื่อนลงมาปลดซิบกางเกงลูกศิษย์ของเขาออก ก่อนจะรูดกางเกงขายาวพร้อมกับกางเกงในสีขาวออกไปให้พ้นจากร่างข้างใต้ เช่นเดียวกับเสื้อผ้าด้านบนที่หลุดออกไปจากร่างบางจนหมดสิ้นก่อนหน้านั้นนานแล้ว

“อ๊ะ…อย่า…อาจารย์…ได้โปรด…อึ๊ก…อา”

เด็กหนุ่มครวญครางเสียงแหบพร่า เพราะพยายามสะกดกลั้นอารมณ์แปลกใหม่ที่กำลังพลุ่งพล่านขึ้น เมื่อริมฝีปากของชายหนุ่มเลื่อนลงมาหยอกเย้าอยู่กับแก่นกายของเขาในขณะนี้

อาจารย์หนุ่มจัดการครอบครองสิ่งนั้นไว้ในปาก ก่อนจะใช้เรียวลิ้นอุ่นชื้น ไล้เลียดุนดันส่วนที่อ่อนไหวที่สุดของเด็กหนุ่ม จนกระทั่งเขาไม่อาจที่จะทนอดกลั้นมันไว้ได้อีกต่อไป

“อ๊า!” ร่างของยูยะกระตุกขึ้นสองสามครั้ง ก่อนที่จะปลดปล่อยความอัดอั้นออกมาอย่างสุดฝืน แต่ก็ถูกมอร์เฟียซ คาเตอร์ดื่มกลืนมันผ่านลำคอไปจนหมดสิ้น โดยที่ไม่มีทีท่ารังเกียจแต่อย่างใด

และจังหวะเดียวกันกับที่เด็กหนุ่มกำลังหายใจหอบ และเผลอเผยอปากครางออกมาเบา ๆ ริมฝีปากหนาได้รูปก็ถือโอกาสเลื่อนขึ้นมาประกบทาบทับอีกครั้งทันที

เรียวลิ้นอุ่นชื้นแทรกผ่านเข้ามาภายในอย่างรุกเร้า ยูยะรู้สึกแปลก ๆ ที่ได้ลิ้มรสชาติของตัวเขาเอง หากแต่สัมผัสเร่าร้อนนั้น ก็ทำให้เด็กหนุ่ม เตลิดเปิดเปิงไปโดยไม่ได้นึกถึงอะไรอีกนอกเสียจากรสจูบที่อีกฝ่ายมอบให้อย่างดูดดื่มเท่านั้น

“อืม….อาจารย์”

เสียงครางจากในลำคอดังขึ้น มือที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระเริ่มไขว่คว้ากอดรัดคนตรงหน้าไว้อย่างแนบแน่นโดยไม่รู้ตัว

“เรียกชื่อชั้นสิ นาโอกิ”

มอร์เฟียซถอนริมฝีปากออก ก่อนจะกระซิบเสียงแหบพร่า พร้อมกับจุมพิตพรมไปทั่วดวงหน้าหวาน ๆ นั้นอย่างอ่อนโยน

“อืม…มอร์เฟียซ ….อ๊ะ…ไม่..ไม่เอา!”

เด็กหนุ่มผวาเฮือก ก่อนจะเบียดกายโอบรัดคนข้างบนแน่น เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว เมื่อนิ้วมือเรียวยาวของชายหนุ่ม เริ่มสอดแทรกเข้ามาภายในกายของเขาทีละนิ้ว ละนิ้ว

“อ๊า…จะ..เจ็บ..ไม่!!”

เด็กหนุ่มร้องขึ้นอย่างเจ็บปวด เมื่อบัดนี้นิ้วทั้งสามเริ่มขยับเข้าออกเป็นจังหวะ เปิดทางให้ร่างบางเริ่มชิน เพื่อเตรียมรอรับบางสิ่งที่มีขนาดใหญ่กว่านิ้วเหล่านั้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า

“มะ…ไม่เอา…พอแล้ว”

ศีรษะของคนข้างใต้สะบัดไปมา จนเส้นผมสีดำอ่อนนุ่มยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง มอร์เฟียซหยุดการกระทำของเขาลง โดยถอนนิ้วทั้งสามออกจากกายของเด็กหนุ่ม พร้อมกับยันกายลุกขึ้นยืนช้า ๆ นัยน์ตาสีเขียวคมกริบจ้องมองร่างเปลือยเปล่าบนโซฟา ประกายตาวาววับไปด้วยความปรารถนา ก่อนจะลงมือจัดการเสื้อผ้าของตนเองให้ออกจากร่างกายอย่างรวดเร็ว

ยูยะเขยิบกายถอยหนีอย่างอัตโนมัติ เมื่อแก่นกายที่เต็มไปด้วยอารมณ์ราคะของชายหนุ่ม เขยิบเข้ามาจ่อทางเบื้องล่างของเขาทุกขณะ หากแต่เมื่อเห็นเด็กหนุ่มขยับหนี ร่างสูงใหญ่ก็ตรงรี่เข้ามากดร่างบางกว่า ให้หยุดอยู่กับที่ทันที

“ต่อให้มีปีก เธอก็หนีฉันไปไม่พ้นหรอกนาโอกิ …ฉันบอกเธอแล้วว่าฉันทนมานานเหลือเกิน และไม่คิดจะทนอีกต่อไปแล้ว…”


..
...
.....
…อา…เจ็บ….เจ็บเหลือเกิน…ทำไมมันเจ็บอย่างนี้นะ…นี่เราเป็นอะไรไป…เป็นอะไร…

ขนตายาวหนาเป็นแพ กระพริบขึ้นถี่ ๆ สิ่งแรกที่เข้าครองจักษุของตนก็คือ ภาพเพดานห้องสีขาวที่ดูไม่คุ้นเคยตาเอาเสียเลย

“อุ๊บ!….เจ็บ…”

เด็กหนุ่มครางออกมาเบา ๆ เมื่อพยายามจะขยับกายเขารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่เกิดจากเบื้องล่างแปลบปลาบ ขณะที่เขาพยายามจะทบทวนว่ามันเกิดอะไรขึ้น เสียงทุ้มนุ่มข้าง ๆ หู จากร่างที่นั่งเฝ้าอยู่บนเก้าอี้ใกล้ ๆ ก็ดังขัดขึ้นมาเสียก่อน

“ฟื้นแล้วหรือ นาโอกิ เป็นอะไรมากไหม เธอสลบไปเกือบชั่วโมงเชียวนะ สลบไปนานจนฉันใจไม่ดีทีเดียว”

นิ้วเรียวยาว ลูบไล้ปอยผมที่ตกลงมาบนใบหน้านั้นเล่นอย่างอ่อนโยน ก่อนจะก้มลงมาจุมพิตที่หน้าผากเกลี้ยงเกลาแผ่วเบา

เพียงเท่านั้นเอง ยูยะก็เบิกตาโพลง นึกทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวเขาออกจนหมดสิ้น

“อาจารย์…ไม่จริงใช่ไหม..ไม่จริง…นั่นเป็นแค่ฝัน…ฝันร้าย..”

เด็กหนุ่มพึมพำไปมา เหมือนคนเสียสติ หากแต่คนฟังกลับรู้สึกฉุนกึกขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล มือใหญ่เอื้อมจับคางกลมมนแน่น ตรึงใบหน้านั้นให้หันกลับมามองแต่เขาเพียงผู้เดียว

“เธอไม่ได้ฝันนาโอกิ! เธอเป็นของฉันแล้ว! เป็นของฉัน ได้ยินชัดไหม!”

น้ำเสียงเข้มเอ่ยขึ้นอย่างดุดัน ยูยะพยายามเบี่ยงหน้าหลบ หากแต่อุ้งมือที่แข็งเหมือนคีมเหล็กนั้น ก็ไม่ทำให้เขาบ่ายเบี่ยงหลบไปไหนได้ดังใจคิด

“ไม่…ไม่จริง มันต้องไม่ใช่ความจริง”

หากแต่สัมผัสที่ยังคงหลงเหลือติดอยู่กับผิวกายเปลือยเปล่า รวมไปถึงความเจ็บปวดจากแผลที่ได้รับ ก็ทำให้เขาไม่อาจฝืนทนหลอกตัวเองได้อีกต่อไป

“ฮึก…ไม่…ไม่จริง”

น้ำใส ๆ ไหลรินลงมาอาบแก้มเนียนเป็นทาง จนมอร์เฟียซต้องปล่อยอุ้งมือที่พันธนาการดวงหน้างามนั้นออก อย่างนึกสงสาร

“นาโอกิ…ฉัน…”

ชายหนุ่มมีท่าทางเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วเขาก็กลับหยุดชะงัก และตัดบทขึ้นมาเอาดื้อ ๆ

“กลับหอเองได้ไหม”

ยูยะพยักหน้ารับทันที เขาอยากจะพาตัวเองไปให้พ้นจากห้องนี้ให้เร็วขึ้นอีกสักวินาทีก็ยังดี

เด็กหนุ่มยันกายจากโซฟาอย่างยากลำบาก ก่อนจะฝืนลุกขึ้นเดินไปหยิบเสื้อผ้าของตนที่กระจัดกระจายอยู่ตามพื้นห้องมาใส่อย่างลวก ๆ และเดินกระโผลกกระเผลกจากไป โดยไม่หันกลับมามองสายตาเศร้า ๆ จากเจ้าของห้องเลยแม้แต่น้อย…



ยูยะกลับไปถึงหอ ซึ่งก็เป็นเวลาหัวค่ำแล้ว เด็กหนุ่มหลบเลี่ยงผู้คน ซึ่งนั่งเล่นอยู่ในห้องรวมของหอขึ้นไปยังห้องของตัวเองอย่างเร่งรีบ และเนื่องจาก หอแห่งนี้คือหอ Z ที่ซึ่งรวบรวมบุคลากรอันทรงคุณภาพ ซึ่งมีจำนวนน้อยนิดเมื่อเทียบกับชั้นเรียนอื่น จึงทำให้นักเรียนแต่ละคนมีห้องส่วนตัวเป็นของตัวเองทุกคน

จนเมื่อยูยะได้มาถึงห้องของตัวเองแล้ว เขาก็ทิ้งตัวลงบนเตียงนอน ฟุบหน้าลงกับหมอน พร้อมกับปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น

‘ทำไม! ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้กับฉันด้วย! พระเจ้า ผมทำผิดอะไรอย่างนั้นหรือ ถึงได้ลงโทษผมแบบนี้…ทำไม!’

‘มอร์เฟียซ คาเตอร์ ฉันเกลียด! เกลียดคนอย่างหมอนั่นมากที่สุด! เกลียด!’

เด็กหนุ่มเฝ้าพร่ำเพ้ออยู่เช่นนั้นซ้ำไปซ้ำมาเนิ่นนาน จนกระทั่งหลับลงด้วยความอ่อนเพลียไปในที่สุด



“ยูยะ! ยูยะ! ตื่นเร็วเข้า สายแล้วนะ นายจะไม่ไปเรียนหรือยังไง!”

เสียงของจิมมี่ดังขึ้นแว่ว ๆ จากข้างนอก ยูยะปรือตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก แต่แล้วความเจ็บปวดจากแผลเมื่อคืน ก็ทำให้เขาถึงกับนิ่วหน้า ก่อนจะตอบกลับออกไปเสียงแหบแห้ง

“นายไปเถอะจิมมี่..ฉัน…ปวดหัว…ง่า ปวดท้องด้วย คงจะไปไม่ไหวแล้วล่ะ”

“ยูยะ! เสียงนายไม่ค่อยจะดีเลย ให้ฉันช่วยพานายไปห้องพยาบาลไหม”

น้ำเสียงที่แฝงความกังวล และเป็นห่วงจากภายนอกดังขึ้นอีกครั้ง ทว่ากลับทำให้ยูยะสะดุ้งโหยง เพราะถ้าเขาถูกพาไปห้องพยาบาล มิสเคธี่ อาจารย์ประจำห้องพยาบาลก็ต้องรู้ว่าเขาไม่ได้ป่วยอย่างที่อ้างไป แต่เป็น...

ไม่!! เขายอมให้ใครรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด!

“ไม่ต้องจิมมี่! ฉันสบายดี เอ่อ ฉันหมายความว่า แค่นอนพักวันเดียวก็หายแล้วล่ะ นายรีบไปเรียนเถอะ เดี๋ยวจะสายนะ”

จิมมี่ไม่ค่อยสบายใจนัก ที่ต้องทิ้งเพื่อนสนิทไว้เช่นนี้ หากแต่เพราะ รู้ซึ้งถึงนิสัยของอีกฝ่ายดีว่า ถ้าลองพูดไม่เมื่อไหร่ เรื่องจะให้เปลี่ยนใจนั้น อย่าหวังเลยว่าจะทำได้ง่าย ๆ

“งั้นฉันไปนะยูยะ ไว้ตอนเย็น ๆ จะมาเยี่ยมใหม่”

“อืม…ขอบใจที่เป็นห่วงนะ จิมมี่”

ยูยะกล่าวขอบใจเพื่อนของเขา และเมื่อเสียงฝีเท้าของคนหน้าห้อง ค่อย ๆ ไกลออกไป เด็กหนุ่มก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกได้ในที่สุด


...
..
อืม หิวจังเลยแฮะ เอ๋ กลิ่นอะไรหอม ๆ น่ะ ใกล้ ๆ นี่เอง อะไรนะ …

เด็กหนุ่มทำจมูกฟุดฟิด ก่อนจะปรือตาขึ้นมาช้า ๆ สายตาสะดุดไปยังถาดอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของเขา ด้วยความสงสัย

...ใครกันยกมาให้ แต่นี่ก็น่าจะเป็นเวลาเข้าเรียนแล้ว จิมมี่คงกำลังเรียนอยู่ แล้วอาหารนั่นมันมาได้ยังไง …ไม่สิ ใครกันที่เข้ามาในห้องของเขาได้ ทั้ง ๆ ที่เขาจำได้ว่ากดล็อกประตูห้องตอนเข้ามาแล้วแท้ ๆ ….

“แกร๊ก..” เสียงลูกบิดประตูที่ดังขึ้น ทำให้ยูยะหันขวับไปทันที แล้วเขาก็แทบอยากจะกระโดดลงหน้าต่างหนี หากทำได้ เพราะคนที่เข้ามาในห้องเขา ไม่ใช่ใครอื่น… มอร์เฟียซ คาเตอร์ นั่นเอง

“อา..อาจารย์..เข้ามาได้ยังไง”

เด็กหนุ่มถามตะกุกตะกัก ร่างกายขยับถอยหนีไปจนสุดหัวเตียงโดยอัตโนมัติ สายตาหวาดระแวง ระวังภัยเต็มที่

มอร์เฟียซยิ้มนิด ๆ ที่มุมปาก ก่อนจะปิดล็อคประตูห้องเหมือนเดิมแล้วเดินมานั่งที่ปลายเตียงของเด็กหนุ่ม โดยไม่สนใจท่าทางที่บ่งบอกชัดถึงอาการรังเกียจ และหวาดกลัวตัวเขาแม้แต่น้อย

“ก็ฉันเป็นอาจารย์ฝ่ายปกครอง และเป็นอาจารย์ประจำหอนี้ กับการที่ฉันจะมีกุญแจสำรองห้องพักทุกห้องภายในหอ เธอคงไม่คิดว่ามันจะน่าแปลกหรอกนะ”

ยูยะกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก เขาลืมไปเสียสนิทเลยว่ามอร์เฟียซ์ เป็นอาจารย์ประจำหอของเขาด้วย เมื่อก่อนก็ไม่ได้นึกสนใจอะไรหรอก เพราะเขาไม่เคยทำผิด หรือซ่อนอะไรผิดกฎหมายไว้ในห้องนี่นา อยากจะมาตรวจ มาค้นอะไรก็มาเถอะ แต่ว่าตอนนี้…โอ๊ย พระเจ้า เขาอยากจะย้ายหอเสียจริง ๆ ให้ตายสิ!

“เธอคงจะหิวแล้วสินะ นี่มันก็จะสี่โมงเช้าแล้ว ข้าวเช้าเธอยังไม่ได้กินเลยใช่ไหม”

อยู่ดี ๆ ชายหนุ่มก็ถามขึ้นมา ยูยะรีบสั่นศีรษะปฏิเสธ ทว่ากระเพาะเจ้ากรรมมันไม่ยอมให้ความร่วมมือด้วยแม้แต่น้อย แถมยังส่งเสียงประท้วงต่อว่าเจ้าของลั่นอีกต่างหาก

“หึ ๆ” มอร์เฟียซหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะเดินไปหยิบถาดอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ มาตั้งตรงหัวเตียงแทน

“มันเย็นหมดแล้วล่ะ ฉันยกมาให้เธอเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว ทีแรกว่าจะนั่งเฝ้ารอเธอตื่นอยู่เหมือนกัน แต่เผอิญมีธุระด่วนต้องรีบไปทำเสียก่อน เป็นอาจารย์ฝ่ายปกครองก็ยุ่งยากอย่างนี้แหละ ว่าไหม”

หากแต่ยูยะกลับคิดขอบคุณพระเจ้าในใจ เพราะถ้าเขาลืมตาตื่นขึ้นมาแล้ว พบกับใบหน้าของมอร์เฟียซ คาเตอร์อยู่ใกล้ ๆ เขาคงจะช็อกหัวใจวายตายไปตอนนั้นเลยก็ได้

และเมื่อชายหนุ่มพยักหน้าให้เขาจัดการอาหารบนหัวเตียงเสีย ยูยะจึงเริ่มลังเลว่าจะกินดีหรือไม่ เนื่องจากเขาไม่อยากรับน้ำใจของคนที่เขาเกลียดเข้าไส้คนนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะหิวขนาดไหนก็เถอะ

แต่ดูเหมือนอาจารย์หนุ่มจะรู้ทันว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ เขาอมยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะแสร้งตีสีหน้าขึงขังเหมือนยามปกติ

“ตกลงว่าเธอจะกินเอง หรือให้ฉันป้อน”

โดยไม่ต้องรอให้บอกซ้ำสอง เด็กหนุ่มรีบหยิบถาดอาหารตรงหน้ามาลงมือจัดการแทบทันที ให้มอร์เฟียซ คาเตอร์ ป้อนข้าว ให้เขาไปกระโดดพุ่งหลาวลงมาจากหอคอยโตเกียวยังจะดีเสียกว่า

“ยังเจ็บอยู่อีกไหม”

น้ำเสียงทุ้มนุ่มถาม เล่นเอายูยะถึงกับสำลักข้าวที่กำลังกลืนลงไปทันที

“อุ๊บ!! แค่ก! แค่ก!”

เด็กหนุ่มหน้าแดงก่ำ เพราะสำลักมากเกินไป นัยน์ตาสีดำจ้องมองคนตรงหน้าเขม็งด้วยความขุ่นเคืองเต็มพิกัด

…บ้าชะมัด! ถามมาได้ว่าเจ็บไหม ถ้าสบายดี จะนอนซมอยู่บนเตียงแบบนี้น่ะเหรอ ทั้งหมดนี่ ความผิดใครกันเล่า!…

“อืม คงจะยังเจ็บอยู่สินะ”

อาจารย์หนุ่มสรุปจากสีหน้าและท่าทางเช่นนั้นด้วยใบหน้าเรียบเฉย เขาล้วงอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ก่อนจะจัดการโยนมันลงตรงหน้ายูยะ ซึ่งเมื่อเด็กหนุ่มก้มมองก็พบว่า มันคือถุงพลาสติกเล็ก ๆ ซึ่งบรรจุยาเม็ดสีสวย ๆ 3 – 4 เม็ด

“ยา...กินซะ”

แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงลังเล ชายหนุ่มก็หัวเราะเบา ๆ ในลำคอ

“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ฉันขอมิสเคธี่มา ไม่ใช่ยาพิษหรอก ยาของสถาบันอีเดนเรายอดเยี่ยมมากนะ รับรองว่า เธอจะลุกขึ้นวิ่งได้เหมือนเดิมในอีกวันสองวันนี่เชียวล่ะ”

ยูยะพยักหน้ารับอย่างจำใจ เขาเทยาทั้งหมดลงมือ ก่อนจะกลืนมันลงคอไปอย่างง่าย ๆ โดยไม่ต้องดื่มน้ำตามแม้แต่น้อย จากนั้นจึงเหลือบมองคนตรงหน้าอีกครั้ง

“…ง่า…อาจารย์ไม่มีสอนเช้าหรือครับ”

มอร์เฟียซเลิกคิ้วนิด ๆ ก่อนจะแย้มยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน ซึ่งนั่นก็ทำให้ยูยะถึงกับตกตะลึง

โอ้!พระเจ้า! มอร์เฟียซ คาเตอร์ ยิ้มโลกหมุนกลับไปแล้วงั้นหรือนี่!

“ ดูเหมือนเธอคงอยากจะไล่ฉันไปให้พ้น ๆ เต็มที่แล้วสินะ เอาเถอะ ฉันไปก็ได้ นอนหลับพักผ่อนให้ดีล่ะ”

ยูยะเผลอถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อเห็นว่าอาจารย์หนุ่มกำลังจะเดินออกไป คาเตอร์หยุดชะงักนิดหนึ่ง ก่อนจะหันมาแย้มยิ้มให้อย่างเจ้าเล่ห์

“แล้วคืนนี้ฉันจะมาเยี่ยมใหม่!”

กล่าวจบก็ปิดประตูดังปัง ก่อนจะมีเสียงตะโกนด้วยความตกใจสุดขีดจากคนภายในห้อง ตามไล่หลังมาติด ๆ


--- TBC ---
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-06-2011 21:38:16 โดย Xenon »

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
Re: The Eden School.... Chp.2
«ตอบ #6 เมื่อ22-06-2011 22:34:49 »

อาจารย์   กิน เด็ก 

 :z1: :z1:

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
Re: The Eden School.... Chp.3
«ตอบ #7 เมื่อ23-06-2011 14:46:26 »

Chp.3



ในคาบที่ 6 ของชั้น ม.5 / Z ซึ่งเป็นวิชาประวัติศาสตร์ สอนโดยอาจารย์มอร์เฟียซ คาเตอร์ อาจารย์ฝ่ายปกครองของระดับชั้นมัธยมปลาย และอาจารย์ประจำหอ Z

บรรยากาศในห้องเรียนยามนี้ เต็มไปด้วยความประหลาดใจเหลือจะบรรยายของบรรดาเด็กนักเรียนทั้ง 14 คนที่เหลือ

…โอ้ ไม่น่าเชื่อ! คาเตอร์กำลังฮัมเพลงขณะสอน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่! …

ทุกคนต่างหันมาสบตากัน แล้วพากันแอบหยิกตัวเองคนละหนุบ ละหนับ เพื่อยืนยันให้แน่ชัดว่าพวกเขาไม่ได้ฝันไป

แต่ก็นั่นล่ะ ทุกคนก็ได้แต่คิดในใจ ไม่มีใครที่จะกล้าโพล่งถามตรง ๆ ถึงสาเหตุของความเปลี่ยนแปลงนั้นเลยสักคน จนกระทั่งเสียงกริ่งเตือนหมดชั่วโมงดังขึ้น

“โอเค เอาเป็นว่าวันนี้พอแค่นี้…”

อาจารย์หนุ่มเก็บของเตรียมเดินออกนอกห้องเรียนอย่างอารมณ์ดี โดยที่ทุกคนต้องเบิกตากว้างหันมามองตากันปริบ ๆ อีกครั้ง

…คาเตอร์ ไม่ได้ให้การบ้าน! เป็นไปได้ยังไงกัน! …

คิดแล้วก็พร้อมใจกันหันไปมองท้องฟ้าด้านนอกห้องเรียน อย่างไม่ได้นัดหมาย อากาศยังคงแจ่มใส เป็นปกติ แต่ถ้าเกิดมี ฝนตกฟ้าร้อง ฟ้าผ่าลงมาตอนนี้ พวกเขาก็จะไม่แปลกใจเลยแม้แต่นิดเดียว

“Oh My God! นี่ฉันกำลังฝันไปหรือเปล่าเนี่ย ชั่วโมงประวัติศาสตร์วันนี้ไม่มีการบ้าน Impossible!!”

จิมมี่โพล่งขึ้นมาดังลั่น หลังจากที่ลับร่างของคาเตอร์ไปแล้ว

“เฮ้! จิมมี่ อย่าตะโกนเสียงดังอย่างนั้นสิ เดี๋ยวคาเตอร์ก็ได้ยินหรอก พี่แกยิ่งหูดี ๆ อยู่!”

มิเชล ลูอิส เด็กหนุ่มหน้าสวย ผมทอง ตาสีฟ้า ชาวฝรั่งเศส ซึ่งเป็นอัจฉริยะทางด้านการแสดง เอ่ยท้วงขึ้น เพื่อน ๆ คนอื่นรีบพยักหน้าเห็นด้วยทันที ก็เสียงจิมมี่เบาเสียเมื่อไหร่ล่ะ

“ขอบคุณที่ชมฉันเรื่องหูดี มิสเตอร์ลูอิส แล้วก็ต้องขอบคุณเป็นอย่างยิ่งสำหรับมิสเตอร์ชไนเดอร์ ที่ช่วยเตือนความจำฉันเรื่อง การบ้าน ...”

นักเรียน ม. 5 / Z ทุกคนสะดุ้งเฮือก ตามมาด้วยอาการเสียวสันหลังวาบ เจ้าน้ำเสียงเย็น ๆ เรียบ ๆ ที่ไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าใครนั้น ทำเอาทุกคนเหงื่อแตกซิกขึ้นมาทันที

“เอาเป็นว่า เย็นนี้พวกเธอที่เหลือทั้ง 14 คน ไปช่วยกันค้นคว้า เรื่องที่เรียนไปในวันนี้ให้ละเอียด ฉันต้องการรายงานขนาด 30 หน้า ส่งพรุ่งนี้เช้า ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะบอกมิสซิสเมย์สัน ให้เลื่อนเวลาปิดห้องสมุดออกไปอีกสัก 2 – 3 ชั่วโมง”

สั่งจบ เจ้าตัวก็เดินจากไปอย่างไม่ใยดี โดยไม่หันกลับมามองสายตาโอดครวญ ร้องขอ ของบรรดาเด็ก ๆ ตาดำ ๆ รวมไปถึง เขียว ฟ้า น้ำตาล... ฯลฯ ที่เหลือเลยแม้แต่น้อย

แล้วความโศกา ก็พลันเปลี่ยนมาเป็นความแค้น ดวงตาวาววับทั้ง 13 คู่ หันขวับมาทางเด็กหนุ่มผมแดง ตัวต้นเหตุทั้งปวงทันที

“เฮ่ ๆ ทุกคน คือฉันไม่ได้ตั้งใจ จะ…ง่า…พวกนายคงไม่….อ๊ากกกก! ช่วยด้วย!!!!!”

แล้วเสียงกรีดร้องโหยหวนก็ดังลั่นออกไปถึงระเบียงด้านนอก ก่อนที่ทุกคนจะเดินออกมาจากห้องด้วยสีหน้าอันหงุดหงิดสุด ๆ โดยทิ้งร่างสะบัก สะบอมร่างหนึ่ง กองไว้กับพื้นห้องนั่นเอง



17.00 น. ของเย็นวันเดิม ณ หอ Z อาคาร 2 สถานที่ซึ่งเป็นหอพักของบรรดานักเรียนชั้น ม.5 / Z

“อืม…กี่โมงแล้วนะ”

ยูยะปรือตาขึ้นอย่างยากลำบาก เจ้ายาที่มอร์เฟียซเอามาให้เขากิน มันออกฤทธิ์ชะงัดน่าดูชม เขาหลับเป็นตายตั้งแต่ห้าโมงเช้า จนถึง ห้าโมงเย็นทีเดียว

“เอ ทำไมมันเงียบจัง … เงียบเกินไปแล้วนะ”

เด็กหนุ่มพึมพำด้วยความแปลกใจ เวลานี้ น่าจะเป็นเวลาซึ่งทุกคนเลิกเรียนแล้วกลับมายังห้องของแต่ละคนแล้วนี่นา แต่ดูเหมือนกับว่าทั้งหอนี้ จะมีเพียงแต่เขาคนเดียวที่อยู่ในห้องอย่างนั้นล่ะ

ยูยะยันกายขึ้นช้า ๆ ความเจ็บปวดจากแผลเก่ายังคงมีอยู่ แต่ก็ดีกว่าเมื่อตอนเช้าลิบลับ เพราะเขาเริ่มขยับกายเคลื่อนไหวได้บ้างแล้ว

เด็กหนุ่มพยายามลากสังขารออกไปข้างนอก เดินไปเคาะประตูห้องเพื่อนร่วมชั้นแต่ละคน แต่ปรากฏว่าไม่มีเสียงตอบมาจากภายในห้องเหล่านั้นแม้แต่น้อย

“ไปไหนกันหมดนะ”

น้ำเสียงเริ่มหงุดหงิดขึ้นทุกที ตอนนี้เขาอยากเจอหน้าใครสักคน ก็ได้ การที่ต้องมาอยู่คนเดียวแบบนี้ภายในหอ มันไม่น่าสนุกเลยสักนิด

“ชักหิวแล้วแฮะ”

เด็กหนุ่มเดินยันกำแพงมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงบันได ซึ่งเจ้าตัวกำลังลังเลว่า จะค่อย ๆ เดินลงไป หรือกลิ้งลงไปดี

“ฮึบ!” ยูยะพยายามฝืนกายลงบันไดมาทีละขั้นด้วยความยากลำบาก เพราะแต่ละขั้น ๆ มันก็ทำให้เขาเสียวแปลบที่แผลเก่าแทบทุกครั้ง จึงต้องทรุดลงพักอยู่ที่กลางบันไดนั่น จนกระทั่ง…

“ไปทำอะไรอยู่ตรงนั้นน่ะ นาโอกิ!”

น้ำเสียงห้วน ๆ อันแสนจะคุ้นเคยที่ดังขึ้น ทำเอายูยะสะดุ้งโหยง พอเห็นชัดถนัดว่าเจ้าของเสียงเป็นใคร เด็กหนุ่มก็ลุกขึ้นพรวด จนเผลอเสียหลักร่วงลงมาทันที

…โอ๊ย! ตายแน่ ต้องคอหักกระแทกพื้นตายแน่เลย!! ….

ยูยะร้องโอดครวญอยู่ในใจ แต่จนแล้วจนรอด เจ้าความรู้สึกเจ็บก็ยังไม่เห็นว่าจะมาเยือนเขาเสียที

…อืม…อุ่น ๆ นิ่ม ๆ เหมือนกับไม่ใช่พื้นห้องเลยแฮะ …

“เป็นอะไรไหม นาโอกิ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

น้ำเสียงทุ้มนุ่มหู กระซิบถาม ยูยะหน้าซีดเผือด รู้ซึ้งทันทีว่า เป็นเพราะสาเหตุใด ที่ทำให้เขาไม่ได้รับบาดเจ็บ จากการกลิ้งตกบันไดลงมาในครั้งนี้

ร่างที่กลายเป็นเบาะรองรับ บัดนี้เริ่มขยับกายพิงราวบันได ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน หากแต่อ้อมแขนอีกข้างก็ยังคงไม่ยอมปล่อยร่างเล็กในอ้อมกอด อยู่ดี แม้ว่าอีกฝ่ายจะเริ่มทำการดิ้นรนขลุกขลัก อยากจะลุกหนีไปเต็มที่แล้ว ก็ตาม

“อย่าดิ้นสิ นาโอกิ อยู่เฉย ๆ เป็นไหม”

น้ำเสียงทุ้มดุขึ้นอย่างไม่จริงจังเท่าใดนัก หากแต่คนถูกดุก็ไม่ยอมสนใจ จนชายหนุ่มสั่นศีรษะเบา ๆ อย่างนึกระอา จากนั้นจึงโน้มใบหน้าลงไปประกบริมฝีปากบางของคนในอ้อมกอดแผ่วเบา จนทำให้อีกฝ่ายหยุดดิ้น ตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจแทนที่

“หยุดดิ้นได้แล้วสินะ”

มอร์เฟียซเอ่ยกลั้วหัวเราะ มองคนหน้าซีดในอ้อมกอดอย่างขบขันระคนสงสาร ก่อนจะยอมคลายอ้อมกอดให้อีกฝ่ายเป็นอิสระในที่สุด

“อ๊ะ!” ยูยะรีบสปริงตัวลุกขึ้นทันทีทันใด เมื่อเห็นว่าตัวเองเป็นอิสระจนได้ แต่แล้วเขาก็ต้องตกใจอีกครั้ง เมื่อร่างสูงที่ลุกขึ้นตามมานั้น ช้อนร่างของเขาอุ้มขึ้นไว้ในวงแขน ก่อนจะเดินย้อนกลับขึ้นไปยังห้องบนชั้นสองทันที

“อะ ...อาจารย์ จะทำอะไรน่ะ ปล่อยนะ!!”

เด็กหนุ่มร้องลั่นด้วยความตกใจ หากแต่มอร์เฟียซกลับก้มหน้าลงมองเขายิ้ม ๆ แทน

“ขืนปล่อยตอนนี้เธอก็ได้เจ็บตัวเท่านั้นสิ อยากลงไปกระแทกพื้นนักหรือ …นาโอกิ”

ยูยะอยากจะบอกว่า ให้เขาหล่นลงมากระแทกพื้นยังจะดีเสียกว่าที่ต้องทนอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มนานกว่านี้อีกสักวินาทีเดียว แต่ว่า เมื่อสบกับนัยน์ตาสีเขียวไม่น่าไว้ใจนั้นแล้ว ก็ทำให้เขาคิดได้ว่า สงบปากสงบคำไว้น่าจะดีกว่า

มอร์เฟียซจัดการอุ้มร่างในอ้อมแขนกลับห้องของเจ้าตัว มือใหญ่เบี่ยงไปบิดลูกบิด ก่อนจะใช้เท้าสะกิดเบา ๆ บานประตูก็เปิดออกอย่างง่ายดาย

“เธอยังไม่หายเจ็บดีไม่ใช่หรือนาโอกิ ออกมาเดินแบบนั้นจะทำให้แผลหายช้าขึ้นรู้ไหม”

ชายหนุ่มดุค่อย ๆ เมื่อวางร่างเล็กลงบนเตียงอย่างเบามือที่สุดเรียบร้อยแล้ว

“เอ่อ…คือ ผมหิวข้าว” ยูยะเบือนหน้าไปอีกทาง ตอบอุบอิบ

ไม่ได้โกหกนะ ก็เขาหิวข้าวจริง ๆ นี่นา ถึงจะเป็นแค่ส่วนหนึ่งก็เถอะ มอร์เฟียซเลิกคิ้วนิด ๆ ก่อนจะแย้มยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน

“โทษที ฉันก็ลืมไป เดี๋ยวฉันจะไปเอาอาหารที่โรงอาหารมาให้นะ แล้วจะได้บอกทางโรงครัวว่า ให้เขาเก็บอาหารเย็นวันนี้ ไว้สำหรับเด็ก ม. 5 / Z ด้วย”

ยูยะหันหน้ากลับมามองทันทีด้วยความสงสัย ซึ่งเมื่อมอร์เฟียซเห็น สีหน้าเช่นนั้น ก็หัวเราะออกมาเบา ๆ

“เพื่อน ๆ ของเธอ ทั้ง 14 คนนั่นล่ะ ดูเหมือนว่าเย็นนี้ พวกเขาอยากจะใช้เวลาอยู่กับการค้นคว้าข้อมูลในห้องสมุดให้นานกว่าเดิมเป็นพิเศษ ซึ่งนั่นก็หมายความว่า ตอนนี้ เด็ก ม.5 / Z ภายในหอนี้ก็มีแต่เธอคนเดียวยังไงล่ะ”

ยูยะหน้าซีดเผือด ง่า…นี่ก็หมายความว่า หอทั้งหอนี้ก็มีเพียงเขา กับอาจารย์หนุ่ม เท่านั้นสินะ …โอ้! พระเจ้า! ช่างเป็นตลกที่ร้ายกาจชะมัด!!

“คือ…แต่ว่า อีกเดี๋ยว อาจารย์ก็จะกลับไปแล้วใช่ไหมครับ”

เด็กหนุ่มถามกึ่งไล่ หากแต่เจ้าตัวมาสำนึกเสียใจภายหลังว่า ไม่น่าหลุดปากถามออกไปแบบนั้นเลยจริง ๆ

“ไม่อยากให้ฉันอยู่ด้วยถึงขนาดนี้เชียวงั้นหรือ นาโอกิ”

ใบหน้านั้นยังคงยิ้มแย้ม หากแต่ยูยะสังเกตได้ว่า แววตาสีเขียวสดใส กำลังส่องประกายวาวโรจน์อย่างน่าขนลุก

“ใช่ เอ่อ….มะ…ไม่ใช่ คือ ผมหมายความว่าอาจารย์น่าจะมีธุระสำคัญที่จะต้องทำ คือ …แบบว่า เอ่อ”

แก้ตัวไปแก้ตัวมา ก็ทำให้ยูยะนิ่งอึ้งนึกอะไรไม่ออกขึ้นมาดื้อ ๆ

มอร์เฟียซเหยียดยิ้มนิด ๆ ก่อนจะเดินตรงมายังที่เตียงของเด็กหนุ่ม ซึ่งออกอาการสะดุ้งเฮือกทันทีที่เขาทรุดนั่งลงบนเตียงใกล้ ๆ ตน

“ตอนแรกฉันก็กะว่าจะไปเอาอาหารมาให้เธอ แล้วอยู่ดูเธออีกสักพัก จากนั้นก็จะกลับไปทำงานต่อ …แต่เธอทำให้ฉันเปลี่ยนใจแล้วล่ะ นาโอกิ”

ใบหน้านั้นโน้มลงมาใกล้ ๆ จนยูยะใจเต้นตึกตัก ทั้งหวาดกลัว ทั้งรู้สึกแปลก ๆ ยังไงบอกไม่ถูก

“ถึงเธอจะบอกว่าเธออยู่คนเดียวได้ แต่ในฐานะที่ฉันทำให้เธอต้องลำบาก ฉันควรจะรับผิดชอบในสิ่งที่ฉันกระทำบ้างสินะ”

มอร์เฟียซถอนใบหน้าที่เกือบจะชิดกับอีกฝ่ายออกมาช้า ๆ ก่อนจะลุกขึ้น เดินออกไปจากห้อง ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่นั่นก็ทำให้ยูยะยิ่งตกอยู่ในสภาวะสับสน และหวาดหวั่นเข้าไปยิ่งขึ้น ในสมองของเขามีแต่คำพูดของอาจารย์หนุ่มก้องไปมาภายในนั้น นัยน์ตาสีดำจ้องมองไปยังหน้าต่าง เป็นระยะ หากมอร์เฟียซ คาเตอร์เกิดบ้าเลือด จะปล้ำเขาอีกครั้งล่ะก็ เขาจะวิ่งพุ่งหลาวลงหน้าต่างหนีไป จริง ๆ ด้วย ตกจากชั้น 2 อย่างมากก็แค่แข้งขาหัก คงไม่ถึงตายหรอกน่า

ยูยะคิดในใจอย่างหนักแน่น ก่อนจะค่อย ๆ ลุกไปลากเก้าอี้มานั่งใกล้ กับหน้าต่าง ดวงตาหวาดระแวงมองไปที่ประตูเป็นระยะ เหมือนคนที่จวนเจียนจะเป็นโรคประสาทเต็มที

มอร์เฟียซเปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมกับถาดอาหาร และก็ต้องพบกับภาพอันชวนให้ขบขัน เมื่อหนุ่มน้อยของเขา กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ ชิดริมหน้าต่าง แถมยังมองมาทางเขาด้วยสายตาหวาดระแวงสุด ๆ อีกต่างหาก

ชายหนุ่มสั่นศีรษะเบา ๆ ก่อนจะกล่าวลอย ๆ ขณะที่ถือถาดอาหารไปวางไว้บนโต๊ะทำงาน

“การกระโดดลงจากชั้น 2 น่ะ มันดูเหมือนว่าจะไม่เป็นอะไรมากก็จริง แต่ถ้าลงผิดท่า ก็ถึงขั้นคอหักตายเอาได้ง่าย ๆ เชียวนะ”

ยูยะสะดุ้งเฮือก ปีศาจ! หมอนี่ต้องเป็นปีศาจแน่ ๆ ถึงอ่านใจเขาได้ขนาดนั้น!

หากแต่เด็กหนุ่มกลับลืมนึกไปว่า คนที่ได้ชื่อว่าเป็นฝ่ายปกครอง สุดเฮี้ยบของระดับมัธยมปลายแห่งสถาบันอีเดนนั้น การจะอ่านพฤติกรรมจากสีหน้า ท่าทาง หรือแม้กระทั่งดวงตา เขาก็สามารถทำได้ง่าย ๆ เหมือนอ่านหนังสือทีเดียว ดังนั้น มอร์เฟียซ คาเตอร์ จึงถูกจัดอยู่ในอันดับต้น ๆ ของรายชื่อ ผู้ที่นักเรียนส่วนใหญ่ ไม่อยากพบหน้ามากที่สุดในสถาบัน

“อย่างน้อยก็กินข้าวเสียก่อนก็ยังดี เผื่อจะได้มีแรงไว้หนี หรือ ขัดขืนได้บ้าง”

ชายหนุ่มพูดขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนไม่ได้ใส่ใจ หากแต่คนฟังเริ่มสติแตกไปเสียแล้ว

… ทำไม ต้องหนี! ทำไมต้องขัดขืน! มอร์เฟียซ คาเตอร์ นายจะทำอะไรฉันอีกหรือไง หา!!….

แล้วยูยะก็ต้องตกใจซ้ำสอง เมื่ออยู่ดี ๆ คนตรงหน้าก็หลุดหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เด็กหนุ่มไม่รู้ตัวหรอกว่า สีหน้าหวาดระแวงสุดขีดของตน มันน่ารักมากในสายตาของคนอื่นขนาดไหน

และยูยะก็ต้องตระหนักได้ในที่สุดว่า ตนกำลังถูกแกล้ง ถูกแกล้งจากผู้ชายตรงหน้าที่เขาเริ่มเกลียดเข้าไส้ เด็กหนุ่มกัดฟันกรอด กำหมัดแน่น อยากจะตั๊นหน้าเจ้าคนที่กำลังหัวเราะร่วนอยู่นี่เสียเหลือเกิน ถ้าไม่ติดอยู่อย่างเดียวว่าจะโดน พักการเรียน หรือ ไล่ออก โทษฐานทำร้ายอาจารย์ฝ่ายปกครองล่ะก็ อ๊ะ แต่หมอนี่ก็เคยข่มขืนเขานี่นา เขาจะเอาเรื่องนี้ไปยันกับอาจารย์คนอื่นดีไหม …ไม่สิ ไม่ดีแน่ ถ้าเรื่องนี้หลุดออกไปให้คนอื่นรู้ เขาก็ไม่มีหน้าเรียนอยู่ที่นี่ได้อีกอยู่ดี โธ่โว้ย! ทำไม เขาต้องโชคร้ายแบบนี้ด้วยนะ!!

มอร์เฟียซที่เริ่มสงบสติอารมณ์ได้แล้ว มองหน้าลูกศิษย์ของเขาที่กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความสับสน แล้วก็ทำให้อาจารย์หนุ่มลอบอมยิ้ม เพราะ สีหน้าของอีกฝ่ายช่างอ่านง่ายดาย เสียยิ่งกว่าใครทุกคนที่เขาเคยพบมารวมกันเสียอีก

“เธอคงอยากจะชกชั้นเต็มที่แล้วสินะ นาโอกิ ถึงกำหมัดแน่นแบบนั้นน่ะ”

เจ้าตัวกระเซ้าเล่น ซึ่งทำให้คนที่เริ่มข่มอารมณ์ให้เย็นลงได้บ้าง กลับมาเดือดอีกครั้ง

“ฉันจะให้เธอชกหน้าก็ได้นะ นาโอกิ โดยที่ไม่มีการเอาเรื่องอะไรด้วย …เพียงแต่”

ชายหนุ่มเว้นวรรคนิดหนึ่ง ก่อนที่นัยน์ตาสีเขียวคมกริบ จะจับจ้องทั่วเรือนร่างคนตรงหน้า ชนิดที่ทำให้ยูยะขนลุกซู่ทั่วกายทีเดียว

“ค่าตอบแทนที่ถูกชกฟรีนี่มันค่อนข้างแพงนะ และบางที ฉันก็อาจจะไม่รอให้แผลเธอหายด้วย”

เท่านี้ก็ชัดเจนกับสิ่งแลกเปลี่ยนของอีกฝ่าย ยูยะนึกขอบใจตัวเองที่ไม่ใจเร็วด่วนได้ ชกหน้าชายหนุ่มออกไปเสียก่อน มิเช่นนั้นป่านนี้เขาคง... คิดแล้วเจ้าตัวก็ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวทันที

“อะ…อาจารย์ ยังไม่กลับห้องตัวเองอีกหรือครับ นี่มันก็เย็นมากแล้วนะครับ”

น้ำเสียงตะกุกตะกัก กับสายตาหวาดหวั่นนั้น ทำให้มอร์เฟียซเหยียดยิ้ม ชักนึกอยากจะแกล้งร่างเล็กตรงหน้าให้มากขึ้นกว่านี้อีกแล้วสิ

“รอให้เธอกินข้าวให้หมดก่อน นาโอกิ”

เจ้าตัวตอบง่าย ๆ ยูยะพยายามมองโลกในแง่ดี ว่า ประโยคนั้นคงจะหมายความว่า รอให้เขากินข้าวให้หมดเรียบร้อย แล้วเจ้าตัวก็คงจะกลับไปนั่นเอง

มอร์เฟียซนั่งลงบนเตียงของเด็กหนุ่ม มองดูอีกฝ่ายนั่งกินข้าว ที่ดูเหมือนกับว่าจะกลืนโดยไม่ได้เคี้ยวนั่น ด้วยความขบขัน

… ยังน่ารัก แกล้งง่ายเหมือนเดิมเลยแฮะ เด็กคนนี้ ...

ชายหนุ่มคิดในใจอย่างเอ็นดู แต่แรกนั้นเขาค่อนข้างจะเป็นกังวลกับปฏิกิริยาของ ยูยะเป็นอย่างมาก เกี่ยวกับการที่เขาตัดสินใจกระทำใจเร็วด่วนได้ลงไปเช่นนั้น

ทั้ง ๆ ที่ทนมาได้เป็นปี ๆ และคิดว่าจะทนต่อไปเรื่อย ๆ แต่พอเห็นเด็กนั่นใกล้ ๆ ได้เห็นสีหน้าท่าทาง ยามเป็นตัวของตัวเอง ขณะที่อีกฝ่ายเล่นดนตรี นั่นก็ทำให้ความอดทนที่เสมือนเชือกเส้นเล็ก ๆ ของเขาขาดผึงลงทันที

…อยากกอด อยากสัมผัส อยากให้ร่างตรงหน้าเป็นของเขาผู้เดียว …

และเมื่อมารู้สึกตัวอีกที ร่างเล็ก ๆ นั่นก็สลบคาอ้อมแขนของเขาเสียแล้ว

มอร์เฟียซเตรียมตัวยอมรับความเกลียดชังจากอีกฝ่ายเต็มที่ หากแต่ ยูยะ ก็ยังคงเป็นยูยะ เป็นเด็กหนุ่มที่มีจิตใจโอบอ้อมอารี ซื่อตรง มองโลกในแง่ดี เป็นคนที่เขาหลงรักเต็มหัวใจ นับตั้งแต่วันที่เห็นเด็กคนนี้เล่นดนตรีเป็นครั้งแรก

เด็กหนุ่มอาจจะแสดงท่าทางรังเกียจ หวาดระแวง เมื่อยามเขาเข้ามาใกล้ แต่มันก็ค่อนข้างห่างจากพื้นฐานความเกลียดชังที่เขาคาดว่าจะได้รับมัน แน่ ๆ พอสมควร

การที่ยูยะยังคงยอมพูดคุยกับเขา นั่นเป็นสัญญาณอันดี ที่พอจะทำให้เขามีความหวังขึ้นมาได้บ้าง

…คอยดูเถอะ นาโอกิ ยูยะ ฉันจะต้องเอาหัวใจของเธอมาเป็นของฉันให้ได้ สาบานกับนรกได้เลย! …


---TBC---

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-06-2011 14:57:55 โดย Xenon »

ออฟไลน์ Adinnav

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: The Eden School.... Chp.3 (23/06/54)
«ตอบ #8 เมื่อ23-06-2011 15:17:38 »

กรี๊ดดดด นิยายเรื่องนี้ เป็นนิยายวายเรื่องแรกที่เคยอ่านในเด็กดี เมื่อกี่ปีที่แล้วก็ไม่รู้

สมัยที่ในนั้นยังมีนิยายไม่เยอะเท่าตอนนี้

เป็นเรื่องแรกที่ทำให้รู้จัก โลกของ Y

Yaoi จงเจริญ อิอิ

---- ตามหามานาน แต่จำชื่อเรื่องไม่ได้ จำได้แค่ว่า อีเดน อะไรสักอย่าง เปิดเข้ามาในเรื่องนี้ด้วยใจระทึก แม่ง ใช่จริงๆด้วย 555--

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
Re: The Eden School.... Chp.3 (23/06/54)
«ตอบ #9 เมื่อ23-06-2011 15:28:22 »

กรี๊ดดดด นิยายเรื่องนี้ เป็นนิยายวายเรื่องแรกที่เคยอ่านในเด็กดี เมื่อกี่ปีที่แล้วก็ไม่รู้

สมัยที่ในนั้นยังมีนิยายไม่เยอะเท่าตอนนี้

เป็นเรื่องแรกที่ทำให้รู้จัก โลกของ Y

Yaoi จงเจริญ อิอิ

---- ตามหามานาน แต่จำชื่อเรื่องไม่ได้ จำได้แค่ว่า อีเดน อะไรสักอย่าง เปิดเข้ามาในเรื่องนี้ด้วยใจระทึก แม่ง ใช่จริงๆด้วย 555--

โอ้ แฟนดั้งเดิม ~ ดีจริง ๆ  ^^  แนว y ในเด็กดีปัดลบทิ้งไปหมดแล้วค่ะ เรื่องที่เคยลงหลายเรื่องด้วย ตอนนี้ก็เหลือแต่เรื่องปัจจุบันไม่กี่เรื่อง ที่ไม่ใช่ Y ทิ้งไว้เท่านั้น จะได้ไม่มีปัญหา โดนไล่แบนมาให้กวนใจล่ะนะ 

สำหรับเรื่องนี้ ไว้เดี๋ยวจะลงตอนพิเศษที่เขียนหลังจากนั้นเพิ่มให้อ่านในเล้านะคะ เรื่องนี้ตอนพิเศษเยอะค่ะ หลายคู่อยู่ ~
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-06-2011 15:30:55 โดย Xenon »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: The Eden School.... Chp.3 (23/06/54)
« ตอบ #9 เมื่อ: 23-06-2011 15:28:22 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






gay_love

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Eden School.... Chp.3 (23/06/54)
«ตอบ #10 เมื่อ23-06-2011 16:00:08 »

 :L2:
กำลังใจ นักเขียน ค่ะ :L1:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
Re: The Eden School.... Chp.3 (23/06/54)
«ตอบ #11 เมื่อ23-06-2011 16:32:59 »

โรงเรียนอะไรเนี่ย  :z1:  น่าไปเรียนมั้งจัง  :o8: 

อาจารย์มอร์เฟียซ เป็นพระเอกสินะ  :o8:

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
Re: The Eden School.... Chp.2
«ตอบ #12 เมื่อ23-06-2011 17:23:43 »

เข้ามาอ่านด้วยคนครับ

ออฟไลน์ Final_love

  • @-@
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 148
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • www.Final_love95.com
Re: The Eden School.... Chp.3 (23/06/54)
«ตอบ #13 เมื่อ23-06-2011 17:46:29 »

กรี๊สสสสสสส...

หนูรักเรื่องนี้สุดๆเลยค่ะ

น่าลากมากกกกกกก :haun4:

July_Moon

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Eden School.... Chp.3 (23/06/54)
«ตอบ #14 เมื่อ23-06-2011 18:15:26 »

น่ารัก >< อาจารย์ขี้แกล้งงงงงง ฮา.....

ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
Re: The Eden School.... Chp.3 (23/06/54)
«ตอบ #15 เมื่อ23-06-2011 18:17:15 »

น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
Re: The Eden School.... Chp.3 (23/06/54)
«ตอบ #16 เมื่อ23-06-2011 21:44:24 »

จะสงสารเพื่อน ๆ ดีไหม๊
ที่โดนทำรายงาน เล่มอย่างหนา

 :m20: :m20:

ออฟไลน์ SuSaya

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-9
Re: The Eden School.... Chp.3 (23/06/54)
«ตอบ #17 เมื่อ23-06-2011 22:00:31 »

น่ารักมาก ๆ ถึงจะคิดว่ามอเฟียสลัดขั้นตอนไปหน่อยก็เถอะ
แต่พอเห็นปฏิกิริยาของยูยะก็ค่อยเบาใจ
ไม่เคียดแค้น หรือฟูมฟายทำร้ายตัวเองก็ถือเป็นแนวโน้มที่ดี

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
Re: The Eden School.... Chp.4 (24/06/54)
«ตอบ #18 เมื่อ24-06-2011 10:55:04 »


Chp.4

ยูยะเหลือบชำเลืองมองคนที่นั่งอยู่บนเตียงไม่ยอมกลับไปเสียทีด้วยความหงุดหงิด ทั้ง ๆ ที่เขาเองก็ทานอาหารถาดนั้นเสร็จไปเรียบร้อย เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วด้วยซ้ำ

…มอร์เฟียซ คาเตอร์ นายจะเอายังไงกันแน่นะ ...

แล้วยิ่งได้ทานยาชุดเดิม ที่อาจารย์หนุ่มเอามาฝากให้ ยูยะก็ยิ่งรู้สึกมึน หัวขึ้นทุกที เด็กหนุ่มอยากจะนอนหลับเต็มทีแล้ว แต่ต้องไม่ใช่ต่อหน้า มอร์เฟียซ คาเตอร์ ตัวอันตรายคนนี้แน่

... โอ๊ย! ง่วงชะมัด! ไปเอาน้ำเย็น ๆ ราดหัวสักทีดีกว่า ….

เมื่อเห็นเด็กหนุ่มลุกขึ้น ตรงเข้าไปหยิบผ้าขนหนูในตู้เสื้อผ้า และกำลังจะเลือกเสื้อผ้าตัวใหม่ไปเปลี่ยน มอร์เฟียซก็สั่นศีรษะช้า ๆ พร้อมกับลุกขึ้นไปปิดตู้ทันที

“เธอเป็นไข้ด้วยไม่ใช่หรือ นาโอกิ แล้วจะไปอาบน้ำได้ยังไงกัน”

ยูยะพยายามหลบตาคนรู้มากตรงหน้า พลางก้มหน้าตอบอุบอิบ

“ก็ผมเหนียวตัวนี่ครับ อีกอย่างอาการไข้ก็ค่อยยังชั่วแล้วด้วย”

เด็กหนุ่มไม่อยากจะบอกออกไปทั้งหมดหรอกว่ากลัวตัวเองเผลอหลับไปขณะชายหนุ่มอยู่ด้วย เลยต้องลงไปเอาน้ำเย็นราดหัวให้หายง่วงน่ะ

“เธอไม่ใช่หมอนะ นาโอกิ จะได้วินิจฉัยโรคตัวเองรู้เรื่อง ในสายตาของฉัน เธอยังดูไม่ดีขึ้นเลยด้วยซ้ำไป”

ยูยะคันปากยิบ ๆ เตรียมจะแย้งกลับเต็มที่ หากแต่ประโยคถัดมาของอีกฝ่าย ก็ทำเอาเขาถึงกับช็อก อ้าปากค้างทันที

“เดี๋ยวฉันจะเช็ดตัวให้เธอเอง”

เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนสมองของเขาจะว่างเปล่าไปชั่วขณะ นัยน์ตาสีดำเบิกกว้าง ก่อนจะตัดสินใจถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

“อะ..อะไร นะครับ”

มอร์เฟียซเหยียดยิ้มนิด ๆ ทีแรกก็กะว่าจะไม่แกล้งแล้ว แต่เห็นสีหน้าตกใจแบบนั้น มันทำให้อดใจไม่ได้สักทีสิน่า

“ฉันบอกว่า ฉันจะเช็ดตัวให้เธอเองยังไงล่ะ หึ ๆ ไม่ต้องห่วงหรอกนะ จะเช็ดให้สะอาดทุกซอกทุกมุมเลยทีเดียว”

ใบหน้าที่ยิ้มแย้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์นั้น ทำให้เด็กหนุ่มหน้าซีด ปากสั่น ตาเหลือบไปมองที่ประตูทันที ก่อนจะรีบวิ่งออกไปอย่างสุดแรงเกิด ไม่ได้สนใจเรื่องความเจ็บปวดของร่างกายแล้วในยามนี้ เขาคิดแต่เพียงว่า ทำยังไงก็ได้ ขอให้ไปพ้น ๆ จากที่แห่งนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะรู้ล่วงหน้า ว่าจะต้องมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น มอร์เฟียซรีบไปดักอยู่ตรงบริเวณประตู พร้อมกับรวบร่างที่กำลังดิ้นอย่างเอาเป็นเอาตายไว้ในอ้อมอก

“ปล่อยผมนะ ปล่อยผม ได้ยินไหม!!”


ยูยะตะโกนเสียงดังลั่นด้วยความหวาดหวั่น จนชายหนุ่มเริ่มคิดได้ว่า เขาคงจะแกล้งเด็กคนนี้หนักเกินไปหน่อยแล้ว

“นาโอกิ… นาโอกิ ใจเย็น ๆ สิ ฉันก็แค่จะเช็ดตัวให้เธอเท่านั้น จะไม่ทำอะไรล่วงเกินอย่างอื่นแน่นอน สาบานได้”

น้ำเสียงทุ้มนุ่ม กระซิบเบา ๆ ข้างใบหูของอีกฝ่าย ทำให้อาการดิ้นรนลดลงไปได้บ้าง หากแต่ร่างเล็กก็ยังคงพยายามขืนตัวให้หลุดออกจากอ้อมกอดนั้นอยู่ดี

“ถ้าเธอสัญญากับฉันว่าจะไม่วิ่งหนีอีก ฉันถึงจะปล่อยเธอ สัญญาได้ไหมล่ะ”

ยูยะพยักหน้าหงึก ๆ อย่างว่าง่าย ถ้าทำให้เขาหลุดพ้นจากอ้อมกอดนี้ได้ เขายินดีทำทุกอย่าง

จากนั้นมอร์เฟียซ ก็คลายอ้อมกอดให้ร่างเล็กเป็นอิสระ เด็กหนุ่มถอยกรูดไปติดมุมห้องทันที มองเขาด้วยสีหน้าหวาดกลัวสุดขีด

อาจารย์หนุ่มยิ้มขึ้นเศร้า ๆ ปฏิกิริยาตรงหน้านั้น ถึงแม้จะเตรียมตัวเตรียมใจรับมาแล้วขนาดไหนก็ตาม หากแต่มันก็ทำให้เขารู้สึกปวดแปลบที่หัวใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกทุกทีที่ได้เห็น

“ฉัน…จะไปเอาน้ำมานะ”

แล้วร่างสูงใหญ่ก็เดินออกไปเงียบ ๆ เหลือไว้ก็แต่เด็กหนุ่มที่มองตามแผ่นหลังที่ดูเศร้าสร้อย นั้นไปด้วยความรู้สึกที่แสนสับสน





คาเตอร์ หมอนั่นไปไหนกัน บอกว่าจะลงไปเอาน้ำมาเช็ดตัวให้ แต่นี่มันก็นานแล้วนะ….เวลาผ่านไปเท่าไรแล้วนี่ อืม…ง่วงนอนชะมัดเลย

ความง่วงงัน เริ่มครอบงำมากขึ้นทุกที จนในที่สุดยูยะก็ทนไม่ไหว เขาทิ้งตัวลงกับที่นอนเบา ๆ ก่อนจะฟุบหลับไปในที่สุด

อืม …. เย็นสบายดีจัง …..

สัมผัสแผ่วเบาที่ลูบไล้ไปทั่วเรือนร่าง ปลุกให้คนที่กำลังหลับสบายปรือตาขึ้นมามอง หากแต่เจ้ายาที่กำลังออกฤทธิ์ ก็ทำให้เจ้าตัวได้แต่ปรือตาน้อย ๆ เท่านั้น ในสมองก็เบลอ ๆ ไปหมด จนจับต้นชนปลายไม่ถูก รู้อย่างเดียวในตอนนี้ก็คือเขาค่อนข้างชอบสัมผัสอ่อนโยน ที่กำลังลูบไล้ร่างกายเขาอยู่มากเหมือนกัน

“อ้าว…ทำให้ตื่นงั้นหรือ โทษทีนะ…”

น้ำเสียงทุ้ม ๆ ที่ค่อนข้างคุ้นเคยเอ่ยขึ้นเบา ๆ เมื่อสังเกตเห็นตาที่ปรือขึ้นน้อย ๆ ของคนบนเตียง

“อือ…ใครน่ะ…ทำอะไร”

ภาพที่เห็นจากสองตา มันกลายเป็นภาพเบลอ ๆ เลือน ๆ จนเด็กหนุ่มต้องพยายามเพ่งมองให้ชัด หากแต่สัมผัสเย็น ๆ ที่ย้ายขึ้นมาลูบไล้บริเวณใบหน้า ก็ทำให้เขาหลับตาพริ้มลงด้วยความสบายแทน

“ไม่ต้องกังวลอะไรหรอก …นอนต่อเถอะ”

น้ำเสียงอ่อนโยนกระซิบที่ข้างใบหูนั้นแผ่วเบา

“อืม…” เสียงครางตอบรับค่อย ๆ ดังรอดออกมาจากริมฝีปาก ก่อนที่เจ้าตัวจะกลับคืนเข้าสู่ห้วงนิทรารมย์อันแสนสุขอีกครั้งหนึ่ง

“หลับฝันดีนะ นาโอกิ”

ริมฝีปากหนาได้รูป ก้มลงจุมพิตแผ่วเบาที่หน้าผากเกลี้ยงเกลา หลังจากเช็ดตัว และเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เด็กหนุ่มเรียบร้อยแล้ว

มอร์เฟียซหันมายิ้มให้กับร่างเล็กบนเตียงอีกครั้ง ก่อนที่จะจัดการ ปิดไฟ พร้อมกับล็อคห้องให้อีกฝ่ายอย่างเรียบร้อย จากนั้นจึงเตรียมเดินกลับไปยังบ้านพักของตัวเองอย่างอารมณ์ดี



เสียงจ้อกแจ้ก จอแจที่ดังขึ้น จากบรรดาเด็ก ๆ นักเรียนชายที่เพิ่งกลับมา ทำให้ร่างที่กำลังก้าวเท้าลงมาจากบันไดชะงักเล็กน้อย ก่อนที่เจ้าตัวจะวางท่าทางให้กลับเป็นปกติได้ในเวลาอันรวดเร็ว

“โธ่โว้ย! ดูสิ กว่าจะเสร็จล่อเอาเกือบ 2 ทุ่ม ดีนะที่ยังมีข้าวเย็นเหลือให้กินบ้าง ให้ตายสิ! มอร์เฟียซ คาเตอร์ หมอนี่มันซาตานในคราบเทพบุตร เหมือนที่ยูยะ เคยบอกไว้เป๊ะเลย!”

เสียงโพล่งดังขึ้นมาแต่ไกล โดยที่มอร์เฟียซฟังดูก็รู้ว่าเจ้าของเสียงคือใคร หากแต่คำพูดของอีกฝ่ายนี่สิ สร้างความสนใจให้แก่เขาไม่น้อยเลยทีเดียว

…อืม เพิ่งรู้แฮะ ว่า เด็กนั่นมองเราแบบนี้มาตลอด ซาตานในคราบเทพบุตรอย่างนั้นรึ หึ ๆ …

คิดแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้ ก่อนจะหันกลับไปมองยังห้องที่เพิ่งจากมาอยากรู้จริง ๆ ว่า ถ้าเจ้าตัวลงมาด้วยกันพร้อมกับเขา แล้วเวลาได้ยินประโยคนี้เข้าจะทำหน้ายังไงบ้าง

และขณะที่จิมมี่กำลังจะพล่ามต่อไป เด็กหนุ่มก็ต้องหยุดกึก อ้าปากค้าง เมื่อเห็นคนที่ตนเองกำลังนินทาอย่างมันปาก โผล่มาอยู่ต่อหน้าอย่างไม่คิดไม่ฝัน นักเรียนชายที่อยู่ด้วยทั้งหมด ก็ต่างพากันหน้าซีดเผือดโดยไม่ได้นัดหมายเช่นกัน

... ตาย! คราวนี้ ตายแน่ ๆ ….

นั่นคือสิ่งที่ทุกคนคิด หากแต่นับว่าเป็นโชคช่วยของพวกเด็ก ๆ โดยแท้ ที่ตอนนี้ชายหนุ่มอิ่มอกอิ่มใจ เสียจนไม่คิดจะเก็บเอาเรื่องหยุมหยิมอื่น ๆ มาเป็นอารมณ์ มอร์เฟียซส่งยิ้มให้กับทุกคน ที่พากันตกตะลึงช็อกไปกันอีกรอบ ก่อนที่เขาจะเอ่ยขึ้นช้า ๆ อย่างอารมณ์ดี

“เป็นยังไงบ้าง งานที่ฉันให้ทำเสร็จแล้วใช่ไหม”

“คะ...ครับ” ทุกคนตอบเสียงแผ่วเบา อาจารย์หนุ่มพยักหน้ารับ และขณะที่กำลังจะเดินจากไป เขาก็ชะงักเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง

“อ้อ! จริงสิ นาโอกิไม่สบาย กำลังพักผ่อนอยู่ ฉันให้ยาเขากินหลับไปแล้ว พวกเธอไม่ต้องไปกวนเขาล่ะ!”

ท้ายประโยคชายหนุ่มกำชับ เสียงหนักแน่น นัยน์ตาสีเขียวคมกริบบ่งบอกชัดเจนให้ทุกคนรับรู้ว่า มันจะไม่หยุดอยู่แค่ความไม่พอใจธรรมดาแน่ ๆ หากมีคนกล้าขัดคำสั่งเขาล่ะก็…

“ครับ!!” ทุกคนรีบรับคำพร้อมกับทันที ซึ่งก็สร้างความพึงพอใจให้กับมอร์เฟียซเป็นอย่างมาก และเมื่อชายหนุ่มเดินจากไปลับตาแล้ว ทุกคนก็หันขวับมาทางจิมมี่อย่างรวดเร็ว

“จิมมี่! นายได้ยินแล้วใช่ไหม! อย่าพยายามหาเรื่องเดือดร้อนมาให้พวกฉันอีก เข้า..ใจ..ไหม…”

มิเชลเน้นประโยคสุดท้ายช้า ๆ ชัด ๆ นัยน์ตาสีฟ้าเข้ม จับจ้องมายังเพื่อนร่วมชั้น ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อทีเดียว

“เออ ๆ เข้าใจแล้ว ฉันรู้อยู่แล้วน่าว่ายูยะไม่สบายตั้งแต่เช้า ถ้าเขาหลับแล้วฉันก็ไม่ไปกวนเขาหรอก แต่พวกนายไม่นึกสงสัยคาเตอร์บ้างเลยงั้นหรือ หมอนั่นมาที่หอตอนนี้ทำไม แถมยังช่วยพยาบาลยูยะอีกด้วยนะ อึ๋ย! แค่คิดก็สยองขวัญแล้วอ่ะ”

คนอื่น ๆ ต่างหันมามองตากันปริบ ๆ ไอ้เรื่องสงสัยน่ะมันมีอยู่แล้ว แต่ถึงสงสัยไปแล้วจะได้อะไรขึ้นมา ใครจะกล้าไปถามคาเตอร์ได้บ้างล่ะ มีอยู่อย่างเดียวก็คือ รอให้ยูยะตื่น แล้วค่อยถามจากปากเด็กหนุ่มดีที่สุด

“ไว้ถามนาโอกิ พรุ่งนี้ก็ได้น่า”

ราฟาเอลตัดบท ก่อนจะขอตัวกลับเข้าห้องด้วยความเพลีย นักเรียนชายคนอื่น ๆ ก็ต่างพากันทยอยไปทีละคนสองคนจนเหลือจิมมี่อยู่คนเดียว

“เฮ้อ…ยูยะ อยากปลุกนายขึ้นมาถามตอนนี้เลยจริง ๆ ให้ตายสิ!”

จิมมี่บ่นเบา ๆ ด้วยความหงุดหงิด จากนั้นจึงตรงกลับเข้าห้องของตัวเองไปเช่นกัน




อืม … ใครน่ะ? …

เด็กหนุ่มปรือตามองร่างสูงใหญ่ ที่ทาบทับอยู่บนร่างเขา ริมฝีปากร้อนชื้นพรมจูบไปทั่ว จนร่างเล็กสั่นสะท้าน

…อา…อือ…อืม….

ริมฝีปากหนานุ่มเลื่อนขึ้นมาประกบบนริมฝีปากบางซึ่งเผยอรับนิด ๆ อย่างลืมตัว

…อืม…อา…

เรียวลิ้นอุ่นชื้น สอดแทรกเข้ามาหาความหวานซ่านภายในอย่างรุกเร้า มือเรียวบางของเด็กหนุ่มโอบกระชับรอบคอของร่างหนาด้านบนแน่น พลางเบียดกายของตนให้แนบชิดอีกฝ่ายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขณะที่เรียวลิ้นตวัดพัวพันกันจนแทบจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว

“อืม…มอร์…เฟียซ…”

…ยูยะ…

ร่างสูงครางชื่อเขาแผ่วเบา …แต่ เอ๋ … มอร์เฟียซ คาเตอร์ เรียกชื่อต้นเขาด้วยงั้นหรือ?

...ยูยะ…ยูยะ…

เสียงเรียกชื่อเขายังคงหลุดจากปากอีกฝ่ายเรื่อย ๆ จนกระทั่ง ...


“ยูยะ!! ตื่นหรือยังน่ะ ฉันจิมมี่นะ!!”

นาโอกิ ยูยะ ลืมตาโพลง ลุกขึ้นนั่งพรวดทันที

เขาฝันไป! ฝันบ้าอะไรแบบนั้นได้ยังไงกัน!!

เด็กหนุ่มใบหน้าแดงก่ำเมื่อหวนคิดถึงความฝันเมื่อสักครู่ หากจิมมี่ไม่ตะโกนเรียกเขา ป่านนี้คง…

ยูยะรีบสลัดความคิดทั้งหมดทิ้งไปทันที ก่อนจะโงนเงนออกไปเปิดประตูห้องให้เพื่อนสนิทเข้ามาข้างใน ส่วนตัวเองก็ทิ้งตัวกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงของตน ใบหน้ายังคงแดงระเรื่อไม่หาย

“อาการป่วยเป็นยังไงบ้างยูยะ หายดีหรือยัง”

จิมมี่ถามด้วยความเป็นห่วง ยูยะพยักหน้ารับยิ้ม ๆ เป็นการตอบรับ

“เอ่อ..คือยังนี้นะยูยะ คือฉันอัดอั้นตันใจมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว อยากรู้มาก ๆ แต่ก็ไม่อยากรบกวนนาย คือ จะเริ่มยังไงดีล่ะ”

ยูยะนึกสงสัยในท่าทีที่แปลกไปของเพื่อนสนิท จากนั้นเขาจึงเอ่ยถามขึ้นอย่างอ่อนโยน

“มีอะไรก็พูดมาสิ จิมมี่ ฉันรอฟังอยู่”

เมื่อเห็นดังนั้นจิมมี่จึงได้ตัดสินใจโพล่งเจ้าความรู้สึกสงสัยทั้งสิ้นทั้งปวงออกไปทันที

“เมื่อวานพวกเราเจอคาเตอร์ตอนกลับมาที่หอ เขาบอกว่าเพิ่งลงมาจากห้องนาย …ง่า บอกว่ามาดูแลจนนายหลับไป แล้วค่อยกลับ คือ..มันจริงหรือเปล่าที่เขาพูดน่ะ”

ยูยะหน้าซีดเผือดลงทันที ไม่คิดว่าเพื่อน ๆ จะมาเห็นคาเตอร์ออกจากห้องเขาแบบนี้ แล้วนี่ทุกคน จะมีใครคิดสงสัยอะไรมากไปกว่านี้อีกไหมนี่…

“เอ่อ คือ ฉันไปหาอะไรกินที่โรงอาหาร แล้วพอดีเจอกับคาเตอร์เข้า เขาเห็นฉันไม่ค่อยสบาย และ แบบว่า เห็นอยู่คนเดียวในหอ เลยมาอยู่เป็นเพื่อนน่ะ…” ยูยะตอบอึกอัก

…ไม่ได้พูดความจริง แต่ก็ไม่ได้โกหกทั้งหมดนี่นา ยังไงก็ขอโทษแล้วกันนะจิมมี่ …

ทว่า คำตอบของเด็กหนุ่มก็ทำเอาจิมมี่เบิกตาโพลงด้วยความตกตะลึง สิ่งที่เขาไม่คิดอยากจะยอมรับ กลับกลายเป็นเรื่องจริงงั้นแล้วหรือนี่

“Oh My God! ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเป็นความจริง หมอนั่นแปลกไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ สงสัยไปกินอะไรผิดสำแดงมาล่ะมั้งเนี่ย!”

หากแต่คำพูดเรื่อย ๆ ของเพื่อนสนิท ก็ทำให้ยูยะใบหน้าร้อนวาบขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ก็ไอ้เจ้าอาหารผิดสำแดงที่จิมมี่ว่า มันก็ตัวเขาเองนั่นล่ะ

“เฮ่! ยูยะ นายเป็นอะไรไปหรือเปล่า หน้าแดง ๆ นะ ไข้ยังไม่หายงั้นหรือ”

ยูยะอยากจะปฏิเสธ แต่เดี๋ยวก็ต้องมีคำแก้ตัวตามมาอีก เลยเออออรับไปเสียเลย

“อืม…ยังไม่หายดี จริงสิจิมมี่ วันนี้ฉันลาหยุดอีกวันนะ ฝากบอกทุกคนด้วยล่ะ”

เมื่อได้ฟังดังนั้น จิมมี่จึงจับศีรษะของเพื่อนรักเขย่าเบา ๆ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“เออ ๆ เดี๋ยวฉันบอกให้ นายนอนพักผ่อนให้เต็มที่เถอะน่า วันนี้ไม่มีชั่วโมงคาเตอร์ ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนทำรายงานมหาโหดนั่นด้วย เดี๋ยวเย็น ๆ ฉันจะมาอยู่เป็นเพื่อนนะ”

ยูยะผงกศีรษะเบา ๆ รับรู้ หากแต่ในใจกลับรู้สึกผิด ที่ต้องมาโกหกเพื่อนสนิทแบบนี้

“ขอโทษนะจิมมี่ แต่ฉันบอกนายไม่ได้จริง ๆ”

เด็กหนุ่มซึ่งเดินออกมาส่งเพื่อนของเขาหน้าห้อง พึมพำเบา ๆ หลังจากที่ร่างของเพื่อนสนิทลับไปจากสายตาแล้ว ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้อง ล้มตัวลงนอนต่อ โดยหวังว่าคงจะไม่ฝันพิลึกพิลั่นนั่นอีกหน





มอร์เฟียซ คาเตอร์ แวะมาคุยธุระ กับ อลัน วิลเลียม อาจารย์หนุ่มผู้รับหน้าที่สอนภาษาอังกฤษ ซึ่งกำลังทำการสอนนักเรียนชั้น ม.5 / Z อยู่ใน ขณะนี้ จุดประสงค์ที่แท้จริงของคาเตอร์ก็คือต้องการมาดูใบหน้า ลูกศิษย์สุดที่รักของเขา นาโอกิ ยูยะ แต่แล้ว เจ้าตัวก็ต้องพบกับความผิดหวัง ที่ไม่เห็นแม้แต่เงาของเด็กหนุ่มเลยสักนิด ใบหน้าบึ้ง ๆ นั่นเลยกวาดมามองทุกคนในห้องเป็นของแถมให้ชวนขนลุกก่อนจากไป

“ง่า…วันนี้ดูท่าจะอารมณ์ไม่ดีแฮะ ตาขวางเชียว”

จิมมี่กระซิบกับเด็กสาวผมดำผู้มีนัยน์ตาสีเทา และใบหน้าสะสวยที่นั่งข้างหน้าเขา ลี เหม่ยหลิง สาวน้อยจากจีนแผ่นดินใหญ่ ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะป้องกันตัวแทบทุกแขนง เก่งขนาดที่ชายอกสามศอกตัวสูงใหญ่กว่าเธอเป็นเท่า ยังต้องคุกเข่าขอยอมแพ้

“สงบปาก สงบคำบ้างเถอะน่า จิมมี่! เมื่อวานยังไม่เข็ดอีกหรือไง”

เหม่ยหลิงหันมาตะคอกใส่ดุ ๆ จิมมี่ยิ้มแหย ๆ ให้กับหล่อน ก็ในเมื่อบรรดาเท้าหลายสิบคู่จากเมื่อวานที่มะรุมมะตุ้มใส่ เขาจำได้ติดใจเลยว่า เท้าเรียวบางเล็ก ๆ ของเหม่ยหลิงนั่นแหละที่อัดเขาหนักมากที่สุดกว่าใครเพื่อนทีเดียว

“เอาล่ะ ทุกคน วันนี้พอแค่นี้ ไปเรียนชั่วโมงต่อไปได้”

อลัน วิลเลียม ยิ้มแย้มแจ่มใสให้กับนักเรียนของเขา ก่อนจะเก็บตำราเรียนออกไปจากห้อง ซึ่งเด็ก ๆ ที่เหลือ ต่างก็เก็บข้าวเก็บของ เตรียมวิ่งตามออกไปเช่นกัน ทว่า

ราฟาเอลซึ่งวิ่งออกไปเป็นคนแรก สะดุ้งเฮือกอยู่ตรงหน้าประตู ก่อนจะก้มโค้ง นิด ๆ และเดินออกไปอย่างสงบเสงี่ยม คนที่สอง คนที่สาม ก็มีอาการเช่นเดียวกับเด็กหนุ่มก่อนหน้านั้น จนกระทั่งมาถึงจิมมี่

… อ๊ากกกกกก!! คาเตอร์ มาทำอะไรฟะ!! …

เด็กหนุ่มผมแดง คิดในใจอย่างสยองขวัญ เมื่อเห็นใบหน้าบึ้ง ๆ บอกบุญไม่รับ อยู่ข้างนอกประตูห้อง และขณะที่เขาเดินก้มตัวลีบผ่านหน้าชายหนุ่ม เสียงเรียบ ๆ เย็น ๆ ก็ทักขึ้นมาทันที

“ขอเวลาสักประเดี๋ยวได้ไหม จิมมี่ ชไนเดอร์”

จิมมี่สะดุ้งเฮือก พลางชำเลืองมองมาทางเพื่อน ๆ อย่างขอร้อง หากแต่ไม่มีใครกล้าเสี่ยงอยู่เป็นเพื่อนเขาสักคน แต่ละคนก้มหน้างุด ๆ รีบเร่งฝีเท้าออกไปจากบริเวณนั้นทันที จนในที่สุดก็เหลือแต่มอร์เฟียซ และจิมมี่สองคนเท่านั้น

… ฮึ่ม! จำไว้เลยนะไอ้พวกบ้า ทิ้งเพื่อนเอาตัวรอดกันทั้งนั้น! ...

จิมมี่คิดในใจอย่างเคือง ๆ แต่ก็ฝืนปั้นยิ้มให้กับคนตรงหน้า

“มีอะไรหรือครับอาจารย์”

ชายหนุ่มเงียบไปสักพัก ก่อนที่น้ำเสียงทุ้มราบเรียบจะเอ่ยขึ้นมาอย่างช้า ๆ

“นาโอกิ เป็นยังไงบ้าง ทำไมวันนี้ไม่มาเรียน”

หากสังเกตดี ๆ จะพบได้ว่า น้ำเสียงนั้นมีความไม่พอใจแฝงอยู่ด้วยเล็กน้อย คงเป็นเพราะชายหนุ่มค่อนข้างมั่นใจว่า หากได้รับการพักผ่อนเพียงพอ วันนี้ ยูยะน่าจะกลับมาเรียนได้ตามปกติแล้ว

“เอ่อ..ยู..คือ นาโอกิ เขาบอกผมว่า ยังไม่ค่อยหายดี เลยอยากหยุดพักอีกสักวันครับ คือเมื่อเช้าเขาก็สีหน้าไม่ค่อยดีด้วย เดี๋ยวหน้าซีด เดี๋ยวหน้าแดง สลับไปมา ท่าทางก็ดูแปลก ๆ ไป คือผมคิดว่าเขาน่าจะยังไม่หายดีจริง ๆ น่ะครับ”

มอร์เฟียซขมวดคิ้วนิด ๆ ก่อนจะโบกมือเป็นสัญญาณให้จิมมี่ไปได้ ซึ่งไม่ต้องรอให้บอกซ้ำ เด็กหนุ่มผู้มีฝีเท้าเป็นเลิศในด้านกรีฑา รีบวิ่งแจ้นออกไปจากบริเวณนั้นโดยเร็ว จนถ้ามีนาฬิกาจับเวลา ก็จะพบได้ว่าขณะนี้เขาทำลายสถิติของตัวเองที่ดีที่สุดลงได้แล้ว

... เป็นอะไรมากหรือเปล่านะ ให้ตายเถอะ ดันมีสอนตอนบ่ายติดกันตั้งสามคาบ จะแวะไปดูก็ไม่ได้ น่าเบื่อจริง ๆ …

ชายหนุ่มคิดในใจอย่างหงุดหงิด ทว่า คนที่น่าสงสารที่สุดกลับกลาย เป็นเหล่าเด็ก ๆ ที่ต้องเรียนกับมอร์เฟียซ คาเตอร์ทั้งสามคาบบ่าย เพราะตลอดบ่ายนั้น ดีกรีความหงุดหงิดของอาจารย์หนุ่มเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวชนิดที่ปกติเวลาเรียนทุกคนก็เกร็งกันแทบแย่อยู่แล้ว มาวันนี้ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ ห้องเรียน ทั้งห้องเงียบกริบ ราวกับไม่มีใครอยู่ภายในห้องแม้แต่คนเดียว แทบทุกคนได้แต่ภาวนาให้ชั่วโมงนั้นผ่านไปให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่แต่ละคนจะได้หายใจกันทั่วท้องได้เสียที


--- TBC ---


มาแปะตอนนี้ก็นึกได้ว่า อ.อลัน ยังไม่มีคู่กับเขาเลยแฮะ ถึงจะออกมาไม่เยอะ แต่บุคลิกใจดีแบบนี้น่าจะโดนเด็กกดมากมาย --+ ไปลองแต่งเพิ่มดีกว่าแฮะ หุๆ

ป.ล. ขอบคุณสำหรับกำลังใจของนักอ่านทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่นะคะ  เจอหลุด ๆ ตรงไหน อภัยด้วยค่ะ เพราะปัดหาต้นฉบับที่รีไรท์ครั้งสุดท้ายก่อนพิมพ์ไม่เจอ เลยต้องเอาฉบับก่อนหน้านั้นมาทวนก่อนแปะให้อ่าน มันเลยอาจจะมีคำผิดบ้าง ช่องไฟบ้าง หลงมาบ้าง (เพราะหยิบมาจากไฟล์พร้อมพิมพ์เลย)  ยังไงก็จะพยายามดูก่อนโพสนะคะ ^ ^"

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2011 10:56:41 โดย Xenon »

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
Re: The Eden School.... Chp.4 (24/06/54)
«ตอบ #19 เมื่อ24-06-2011 15:02:50 »

มอร์เฟียซ์นี่มันจิตได้ใจเลย  หลอน!!!!!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: The Eden School.... Chp.4 (24/06/54)
« ตอบ #19 เมื่อ: 24-06-2011 15:02:50 »





ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
Re: The Eden School.... Chp.4 (24/06/54)
«ตอบ #20 เมื่อ24-06-2011 15:36:59 »

ถ้าอาจารย์ไม่สมหวังในรัก
คิดภาพนักเรียน โรงเรียนนี้ไม่ออกจริง ๆ
ว่าแกจะสอนได้โหดแค่ไหน

 o18 o18

ออฟไลน์ EunJin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1313
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-2
Re: The Eden School.... Chp.4 (24/06/54)
«ตอบ #21 เมื่อ24-06-2011 16:42:59 »

อาจารย์คะ โหดดีจริงๆ น่าสงสารบรรดานักเรียนที่ต้องรับระเบิดไปแทน ฮ่าๆๆๆ

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
Re: The Eden School.... Chp.4 (24/06/54)
«ตอบ #22 เมื่อ24-06-2011 16:47:43 »

จิ้มๆ ชอบอ่า หนุกๆ

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
Re: The Eden School.... Chp.4 (24/06/54)
«ตอบ #23 เมื่อ24-06-2011 16:50:25 »

อ่านตอนนี้แล้วอย่างฮาอะ  เด็กๆ ดูจะขนหัวลุกกันมากเลยนะนั่น  :laugh:  :laugh:

ออฟไลน์ SuSaya

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-9
Re: The Eden School.... Chp.4 (24/06/54)
«ตอบ #24 เมื่อ24-06-2011 17:20:47 »

ยูยะฝันอย่างนี้ก็แสดงว่ามอร์เฟียซเริ่มมีหวังแล้วสิ :o8:

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
Re: The Eden School.... Chp.5-6 (25 มิ.ย. 54)
«ตอบ #25 เมื่อ25-06-2011 13:34:52 »

ลงเรื่อย ๆ เรื่องนี้มี 8 ตอนจบ อาจจะสั้น แต่ตอนพิเศษ เพียบ --. (ถนัดเขียนเป็นตอน ๆ จบก็งี้ล่ะค่ะ)

----------------------

Chp.5


เวลา 16.30 น. ของวันเดียวกันนั้น…

ยูยะนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเซ็ง ๆ กว่าจิมมี่จะกลับมาก็คงราว ๆ ห้าโมงเย็น เพราะวันนี้หมอนั่นมีซ้อมจับเวลาของชมรมกรีฑาที่เจ้าตัวเป็นสมาชิกอยู่

ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงเดินออกมาจากห้องเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ เขาลงไปที่ห้องนั่งเล่นรวมชั้นล่าง แต่ก็ยังไม่พบว่าจะมีใครกลับมาสักคน เจ้าตัวจึงเดินออกไปเรื่อยเปื่อย ผ่านหอพักของพวก ม.4 และ ม.6 ซึ่งเป็นอาคารที่อยู่ ติด ๆ กัน ไปจนกระทั่งถึงสวนพักผ่อนริมสระน้ำ ซึ่งจัดไว้สำหรับเด็กหอ Z โดยเฉพาะ

ยูยะมองไปรอบ ๆ แล้วก็ต้องถอนหายใจเบา ๆ ดูเหมือนว่าวันนี้ เด็กทั้งหอ จะพร้อมใจกันทำกิจกรรม ไม่ก็ติดงาน ติดธุระบางอย่าง จึงไม่มีใครอยู่บริเวณนั้นเลยแม้แต่คนเดียว เด็กหนุ่มเลือกนั่งบนม้านั่งยาวริมสระน้ำ พลางมองไปข้างหน้าอย่างเหม่อลอยอยู่เช่นนั้นเนิ่นนาน จนกระทั่ง…

อ้อมกอดแผ่วเบานุ่มนวลจากเบื้องหลังที่จู่ ๆ ก็โผล่มาโอบกระชับรัดร่างของเขา ทำเอาเด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ ก่อนที่น้ำเสียงทุ้มนุ่มอันแสนคุ้นเคย จะกระซิบค่อย ๆ ที่ข้างใบหูนั้นอย่างอ่อนโยน

“ยังไม่หายดีแล้วออกมานั่งที่นี่คนเดียวทำไมกันล่ะหือ …นาโอกิ”

“อะ..อาจารย์”

ยูยะพูดขึ้นตะกุกตะกัก พยายามเบี่ยงตัวหนีจากอ้อมกอดนั้นทันทีหากแต่อีกฝ่ายยังคงกอดแน่นอยู่เช่นนั้นไม่ยอมปล่อย

“อาจารย์…ปล่อยเถิดครับ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”

แต่มอร์เฟียซก็ไม่ยอมฟัง แถมยังก้มหน้าลงซุกไซ้ ที่ซอกคอขาวนั้นอย่างช้า ๆ ก่อนจะขบเม้มแรง ๆ ลงไปครั้งหนึ่ง ซึ่งก็เรียกเสียงครางเบา ๆ จากร่างเล็กได้ทันที จากนั้นชายหนุ่มจึงยอมคลายอ้อมแขนของตน และขยับกายมายืนที่เบื้องหน้าของเด็กหนุ่ม ซึ่งบัดนี้มีสีหน้าแดงระเรื่อทีเดียว

… บ้าชะมัด! ทำไมถึงเผลอเคลิ้มตามไปได้นะ ต้องเป็นเพราะความฝันเมื่อเช้าแน่ ๆ …

“ยังไม่ตอบคำถามฉันเลยนะนาโอกิ ทำไมถึงมานั่งอยู่ที่นี่กันล่ะ”

เด็กหนุ่มก้มหน้าอึกอัก พยายามหลบสายตาคมกริบของคนตรงหน้า หากแต่ว่ามอร์เฟียซก็ไม่ยอมปล่อยให้เขาทำเช่นนั้นได้ ชายหนุ่มทรุดนั่งลงคุกเข่าให้สายตาเสมอกับอีกฝ่าย

“รู้ไหมว่าเธอทำให้ฉันเป็นห่วงจนไม่เป็นอันจะสอนเลยนะ เรื่องที่เธอไม่มาโรงเรียนในวันนี้ ตกลงเป็นยังไงกันแน่ หายดีแล้วหรือยัง”

ยูยะหลุบเปลือกตาลงต่ำ เจ้าความฝันเมื่อคืนมันยังคอยตามมาหลอกหลอนเขาไม่เลิก และยิ่งอยู่ต่อหน้ามอร์เฟียซ คาเตอร์ตัวจริงแบบนี้ มันยิ่งทำให้ความคิดของเขาฟุ้งซ่านหนักยิ่งขึ้นไปใหญ่

เด็กหนุ่มยังคงไม่ยอมตอบ แถมยังไม่ยอมสบตาของอีกฝ่ายตรง ๆ เช่นเคย การกระทำเช่นนั้น ทำให้มอร์เฟียซยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ ๆ พลางประกบริม ฝีปากของอีกฝ่ายแรง ๆ เป็นการลงโทษที่เด็กหนุ่มไม่ยอมให้ความร่วมมือเวลาที่เขาต้องการคำตอบ

“อื้ม..อาจารย์ เดี๋ยว อืม…” ริมฝีปากที่เป็นอิสระพอที่จะประท้วงได้ชั่วครู่ ถูกกดทับปิดลงไปใหม่อีกครั้ง คราวนี้ร่างสูงค่อย ๆ ยันกายขึ้น มือข้างหนึ่งดันพนักพิงเก้าอี้ ส่วนมืออีกข้างช้อนที่ใต้ศีรษะอีกฝ่าย เพื่อรองรับการรุกรานอย่างเร่าร้อนจากริมฝีปากของเขา

และก่อนที่ร่างตรงหน้าจะอ่อนระทวยเลื่อนลงไปกองกับพื้นด้าน ล่าง อ้อมแขนแข็งแกร่งก็ช่วยโอบประคองเอาไว้ได้ทันท่วงที

ร่างสูงใหญ่จัดการอุ้มร่างเล็กกว่าขึ้นมานั่งบนตักของเขาได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะเริ่มต้นการจูบที่แสนหวานอีกครั้ง โดยคราวนี้อีกฝ่ายยอมให้ความร่วมมือโดยไม่อิดออดเช่นก่อนหน้า

“อืม…อาจารย์….”

ยูยะครางออกมาเบา ๆ เมื่อริมฝีปากร้อนชื้นเลื่อนลงมาขบเม้มอ้อยอิ่งที่แอ่งชีพจรของเขา

“เวลาแบบนี้ เรียกชื่อฉันสิ …นาโอกิ”

น้ำเสียงแหบพร่าออกคำสั่ง พร้อมกับทำการปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของอีกฝ่ายออกจนหมดสิ้น ยูยะแหงนหน้าไปด้านหลัง พลางร้องครางออกมา ดัง ๆ เมื่อหน้าอกขาวเนียน ตอนนี้กำลังถูกไล้เลีย ด้วยเรียวลิ้นอุ่นชื้นจนทั่ว

“อา…..มอร์เฟียซ”

และขณะที่เด็กหนุ่มกำลังเคลิบเคลิ้มไปกับรสสัมผัสที่อาจารย์หนุ่มบรรจงมอบให้ เขาก็ต้องพบกับความแปลกใจเป็นที่สุด เมื่ออยู่ดี ๆ อีกฝ่ายก็หยุดการกระทำทั้งสิ้นทั้งปวงลงทันที แถมยังช่วยติดกระดุมเสื้อคืนให้กับเขา แล้วจัดการดูแลความเรียบร้อยให้กับร่างบนตักอีกครั้งหนึ่ง

“…มอร์เฟียซ…ทำไม” ยูยะเรียกชื่อคนตรงหน้าอย่างนึกขัดใจ สัมผัสอันรัญจวนนั้นยังคงอยู่ในความรู้สึกเขาอย่างไม่จางหาย

“เธอกลับห้องของเธอไปดีกว่านะนาโอกิ มานั่งตากลมแบบนี้เดี๋ยวไข้กลับพอดี”

คำพูดตัดบทนั้นทำเอาเด็กหนุ่มแทบคลั่ง หมอนี่จะเอายังไงกันแน่

อยู่ดี ๆ ก็มาปลุกอารมณ์ให้เขา … ค้าง …แล้วก็คิดจะตัดบทหนีเอาเสียดื้อ ๆ อย่างนี้น่ะหรือ

“หรืออยากให้ทำต่อล่ะ?”

คำพูดต่อมาของชายหนุ่ม ทำให้นาโอกิ ยูยะ ฉุนจัด เจ้าตัวดันกายลุกขึ้นจากตักของอีกฝ่าย ก่อนจะโพล่งออกมาด้วยความฉุนเฉียว ที่ตัวเขาเองก็บอกไม่ถูกว่าเป็นเพราะอะไร

“ไม่ต้อง! ผมจะกลับล่ะ!!”

อาจารย์หนุ่มมองตามร่างเล็กที่เดินลงส้นไปด้วยความโกรธอย่างนึกขำพลางคิดในใจ

... จะรุกคนอย่างนาโอกิ ยูยะ มันต้องเล่นวิธีนี้แหละนะ…

มอร์เฟียซ คาเตอร์ เคยดำเนินการผิดพลาดมาแล้วครั้งหนึ่ง จนทำให้เขาเกือบจะเสียความไว้วางใจของร่างเล็กตรงหน้านี้ไป หากแต่คราวนี้มันจะไม่เป็นอย่างเดิมอีกแล้ว ชายหนุ่มมั่นใจว่า อีกไม่นานหรอก เด็กหนุ่มต้องเป็นฝ่ายที่เดินเข้ามาหา และขอร้องให้เขามอบความรักให้ ในไม่ช้านี้แน่นอน…



กลางดึกคืนนั้นเอง..

“อ๊าก!!!!!! ม่าย!!!!!!!!”

เสียงตะโกนโหยหวน ที่ดังขึ้นลั่นหอ ทำเอาทุกคนสะดุ้งตื่นแทบทันทีแล้วต่างพากันวิ่งออกมานอกห้อง เพื่อมาดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

“อะไรน่ะ! เมื่อครู่นี้! นั่นมันเสียงยูยะไม่ใช่หรือไง!!”

จิมมี่วิ่งพรวดพราดออกมาอย่างตกใจ เด็กผู้ชายทุกคนในที่นั้น ต่างหันมามองหน้ากัน ก่อนจะยกโขยงตรงไปที่ห้องของยูยะ พลางทุบประตูเรียกเจ้าของห้องดังลั่น

“ยูยะ! ยูยะ! เป็นอะไรไปหรือเปล่า! เฮ้! ตอบด้วยสิ!”

เงียบกริบ ไม่มีเสียงตอบ และขณะที่ทุกคนลงความเห็นว่าจะช่วยกันพังประตูเข้าไปนั้น เสียงลูกบิดประตูห้องก็เปิดขึ้นเบา ๆ พร้อมกับร่างเล็ก ๆ ที่บัดนี้มีใบหน้าซีดเผือด เดินก้าวออกมา

“โฮ!!! จิมมี่”

ทุกคนตกตะลึง ที่อยู่ดี ๆ นาโอกิ ยูยะ ก็โผเข้ากอดเด็กหนุ่มผมแดง พลางร้องไห้โฮลั่นเหมือนเด็ก ๆ จิมมี่อึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะลูบหลังอีกฝ่ายเบา ๆ เป็นการปลอบ

“เป็นอะไรยูยะ เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ”

ยูยะซึ่งบัดนี้เริ่มที่จะสงบสติอารมณ์ได้บ้างแล้ว เขาสะอื้นเบา ๆ พลางมองไปรอบ ๆ เห็นเพื่อน ๆ ทุกคนมองมาด้วยสายตาเป็นห่วงระคนสงสัย เด็กหนุ่มอึกอักไม่กล้าสบตาใครสักคน ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา

“ขะ …ขอโทษ ทุกคน ฉันแค่ฝันร้ายไปหน่อยเท่านั้นเอง ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง …เอ่อ กลับไปนอนกันเถอะ ฉันจะพยายามไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก”

ทว่า จิมมี่ยังคงสงสัยไม่หาย ฝันร้ายแบบไหนกัน ที่ทำให้ นาโอกิ ยูยะ เพื่อนรักของเขาถึงกับร้องไห้โฮออกมาแบบนั้น

“ยูยะ บอกหน่อยได้ไหมว่าฝันอะไร”

ยูยะหน้าแดงก่ำทันที ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ตอบอุบอิบ ด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ

“ขะ ขอโทษนะ..พอตื่นมามันก็ลืมไปหมดแล้ว...ระ รู้ อยู่อย่างเดียวว่ามันเลวร้ายเอามาก ๆ เลย…คือ พวกนายกลับไปนอนกันเถอะ …ขอโทษอีกครั้ง ที่ทำให้เดือดร้อน”

เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวตัดบท ไม่ยอมพูดต่อ ทุกคนเลยหันมามองหน้ากัน ก่อนจะพยักหน้ารับรู้เบา ๆ แล้วจึงแยกย้ายกันกลับไปนอน โดยที่ยูยะรีบปิดห้อง ก่อนจะฟุบหน้าลงบนเตียงของตนทันที

… บ้าชะมัด! บ้าที่สุด! ฝันแบบนั้นไปได้ยังไงกัน ฝันว่า …

อีกครั้งที่ใบหน้าหวาน ๆ เริ่มแดงระเรื่อไปทั่ว ความฝันที่เลยเถิดไปได้ถึงขนาดนั้น ทุกอย่างมันเกิดจากเหตุการณ์เมื่อตอนเย็นนั่นทีเดียว ฝีมือของมอร์เฟียซ คาเตอร์ เจ้าซาตานในคราบเทพบุตร นั่นแหละ!!!

และแล้วคืนนั้นทั้งคืน ยูยะก็ไม่ได้นอนอีกเลย เพราะกลัวว่า หากเผลอหลับไปเมื่อไหร่ เจ้าซาตานร้ายนั่น จะกลับมาหาเขาในฝันอีก แถมที่เลวร้ายไปยิ่งกว่านั้น ตัวเขาในความฝัน ยังตอบสนองเจ้าปีศาจบ้ากามนั่นเป็นอย่างดีอีกด้วย เพราะฉะนั้นคืนนี้ ต่อให้ง่วงนอนขนาดไหน เขาก็จะถ่างตาตื่นมันทั้งคืนแบบนี้ล่ะ!!




“ฮ้าววววววว!!”

เสียงหาวยาวดังมาจากเด็กหนุ่มที่เงยหน้าจากการสัปหงก ก่อนที่จะฟุบหลับไปอีกครั้ง โดยที่ อลัน วิลเลียม ได้แต่มองตาปริบ ๆ พูดอะไรไม่ออก

“อาจารย์ครับ คือเมื่อคืนนี้ยูยะตื่นขึ้นมากลางดึก เพราะฝันร้ายน่ะครับ ดูท่าฝันจะน่ากลัวมาก เลยทำให้นอนไม่หลับทั้งคืน อีกอย่างเขาก็เพิ่งจะหายป่วยด้วย อาจารย์อย่าว่าเขาเลยนะครับ”

จิมมี่ ชไนเดอร์ ทำเสียงวิงวอน ขอร้องแทนเพื่อนรัก คนอื่น ๆ ในห้องก็ช่วยกันสนับสนุน ซึ่งอาจารย์หนุ่มผู้ถูกเรียกว่าเป็นพ่อพระของเด็ก ๆ ก็ไม่ได้เอ่ยปากว่าอะไร ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกขัดตาไปบ้าง ที่มีเด็กนักเรียนนอนหลับในชั่วโมงเรียนของตนก็ตามที

“เอ่อ…ครูว่า ใครก็ได้พาเพื่อนเธอไปนอนพักที่ห้องพยาบาลดีกว่า ไม่ได้นอนทั้งคืนแบบนี้ ถึงตื่นมาก็เรียนไม่รู้เรื่องอยู่ดีนั่นล่ะ”

อลันออกความเห็นเมื่อสังเกตว่า คนที่นอนหลับลืมตาตื่นขึ้นมาเป็นพัก ๆ ก่อนจะฟุบลงไปโขกกับโต๊ะ 2 – 3 หนแล้ว

“ผมพาไปเองครับ!” จิมมี่ยกมืออาสา ก่อนจะตรงไปสะกิดเพื่อนสนิทของเขาให้ตื่นขึ้น

“ยูยะ ..ยูยะ ไหวหรือเปล่า ตื่นแป๊บนึงนะ เดี๋ยวไปนอนต่อที่ห้องพยาบาลแทน”

ยูยะลืมตาเบลอ ๆ ก่อนจะพยักหน้าค่อย ๆ จิมมี่ เดินประคองเด็กหนุ่มไปด้วยกันอย่างไม่ลำบากมากนัก ทั้งนี้เพราะว่ายูยะตัวเล็กกว่าเขามากนั่นเอง

มอร์เฟียซ คาเตอร์ ที่กำลังเดินออกมาจากห้องทำงานของตน ถึงกับหยุดชะงัก เมื่อเห็นร่างสองร่างที่ประคองกันเดินมาตามระเบียง

“เกิดอะไรขึ้น ชไนเดอร์! นาโอกิ เป็นอะไรงั้นหรือ!”

อาจารย์หนุ่มจ้ำพรวดเดียวก็มาถึงเด็กทั้งสอง จิมมี่ยืนอึ้งอ้าปากค้าง ส่วนยูยะฟุบหลับลึกอยู่ตรงไหล่ของเขา

“คะ..คือ ยูยะ ไม่ค่อยสบายครับ คือ…เขานอนไม่ค่อยพอ ผมกำลังจะพาไปห้องพยาบาล”

มอร์เฟียซมีสีหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลา ที่มองใบหน้าหวาน ๆ ที่หลับสนิทนั้น เขาคว้าร่างเล็กมาจากอีกฝ่าย ก่อนจะช้อนอุ้มขึ้นแนบอก

“เธอกลับไปเรียนได้แล้ว ฉันจะพาเขาไปเอง”

แล้วก็ไม่รอให้อีกฝ่ายมีโอกาสซักถาม หรือปฏิเสธอะไรทั้งสิ้น โดยชายหนุ่ม เดินอุ้มร่างบอบบางในอ้อมแขนตรงไปยังห้องพยาบาลด้วยความรวดเร็ว ทิ้งให้จิมมี่ยืนตกตะลึงอ้าปากค้างอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง อยู่บนทางเดินตามลำพัง

“อ้าว มอร์เฟียซ เกิดอะไรขึ้นคะ เอ๋? เด็กนั่น นาโอกิ ยูยะ ม. 5 / Z ใช่ไหมคะเนี่ย”

หญิงสาว ผมทอง นัยน์ตาสีฟ้า ซึ่งเป็นอาจารย์สาวสวยประจำห้องพยาบาล กล่าวทักขึ้น มอร์เฟียซยิ้มเก้อ ๆ ตอบรับ เขาเองก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นห่วงเด็กหนุ่ม จนเผลอตัวทำแบบนี้เข้าต่อหน้าคนอื่นได้ แถมอีกฝ่ายยังเป็นอาจารย์ที่เคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนด้วยกันมา อย่าง เคธี่ มิลเลอร์ อีกด้วย

“เขาเป็นอะไร งั้นหรือคะ”

หญิงสาวถามขึ้น ขณะที่ชายหนุ่มวางร่างในอ้อมแขนลงบนเตียงอย่างแผ่วเบาและทะนุถนอม ซึ่งนั่นก็ล้วนอยู่ในสายตาของอาจารย์สาวตลอดเวลา

“เห็นบอกว่านอนไม่พอ … แล้วก็อ่อนเพลียน่ะ”

มอร์เฟียซอ้อมแอ้มตอบโดยไม่ยอมมองตา ซึ่งนั่นก็ยิ่งสร้างความสงสัยให้กับหญิงสาวเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

“แปลก..” เคธี่ พึมพำออกมาเบา ๆ ซึ่งก็ทำให้ชายหนุ่มหันกลับมามองเธอทันที

“อะไรแปลก เด็กนี่เป็นอะไรนอกจากนี้ยังงั้นหรือ”

น้ำเสียงนั้นแฝงแววตระหนกจนเห็นได้ชัด เคธี่เบิกตากว้าง ก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ

“ที่ฉันบอกว่าแปลกน่ะ หมายถึงคุณต่างหากมอร์เฟียซ ฉันแปลกใจที่ร้อยวันพันปี ไม่เห็นคุณจะเอาใจใส่เด็กนักเรียนคนไหนเป็นพิเศษมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกนะ ที่ฉันเห็นคุณอุ้มนักเรียนหน้าตาตื่นเข้ามาในห้องพยาบาลแบบนี้ …เด็กคนนี้มีอะไรพิเศษกว่าคนอื่นอย่างนั้นหรือคะ”

กระแสเสียงหยอกเย้า หากคำพูดยิงเข้าประเด็นตรงจุด มอร์เฟียซ พึมพำเบา ๆ กับตัวเองอย่างหงุดหงิด เคธี่ มิลเลอร์ สมกับเป็นคนที่เขาไม่อยากยุ่งด้วยเป็นอันดับ 2 ของอีเดนแห่งนี้เลยจริง ๆ

“น่าเสียดาย…ถ้าชางอยู่ด้วย คงจะสรุปได้ดีกว่าฉันเยอะ”

หญิงสาวเอ่ยยิ้ม ๆ แค่ท่าทางของคนตรงหน้าก็คาดเดาได้แล้วล่ะว่าอะไรเป็นอะไร… ยังไงก็คบเป็นเพื่อนรู้ใจกันมาเกือบสิบกว่าปีแล้วนี่นา

“อย่าพูดถึงหมอนั่นได้ไหม เคธี่ ได้ยินชื่อหมอนั่นทีไร ผมพาลจะประสาทกินทุกที”

มอร์เฟียซกระแทกเสียงใส่ รู้สึกเสียหน้าที่โดนอ่านความในใจได้ทะลุปรุโปร่งแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่ยามปกติแล้ว คนที่ชอบอ่านความรู้สึกคนอื่น มักจะเป็นฝ่ายเขาเสียมากกว่า

“หึ ๆ ค่ะ ไม่พูดก็ไม่พูด ว่าแต่คุณเถอะมอร์เฟียซ มีสอนเช้าไม่ใช่หรือคะ ทางนี้ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ฉันจะดูแลเขาเอง”

มอร์เฟียซอยากจะอยู่เฝ้าดูอาการของยูยะอีกสักพัก หากแต่เมื่อเห็นหญิงสาวยืนยันเช่นนั้น ก็ทำให้เขาจำต้องออกมาจากห้องพยาบาลด้วยความไม่เต็มใจนัก

“ลี ชาง อยากให้คุณมาเห็นมอร์เฟียซ คาเตอร์ ตอนนี้จริง ๆ เลย ให้ตายสิ!”

เคธี่ มิลเลอร์ กล่าวกับตัวเองเบา ๆ ด้วยความขบขัน ก่อนจะลากเก้าอี้ไปนั่งเฝ้าอยู่ใกล้ ๆ เด็กหนุ่มคนพิเศษของเพื่อนชายคนสนิท พร้อมกับจ้องมองร่างที่หลับตาพริ้มอยู่บนเตียงอย่างเอ็นดู

… อืม…หลับสบายดีแฮะ… ว่าแต่…ทำไมเรามานอนอยู่อย่างนี้ล่ะ …เราน่าจะอยู่ในห้องเรียนไม่ใช่หรือตอนนี้….

นาโอกิ ยูยะ พยายามลำดับความทรงจำอันแสนสับสนของเขาทีละนิด ก่อนจะค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมามองรอบด้านช้า ๆ

...ห้องพยาบาลนี่นา เรามาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน….

“อ้าว…ตื่นแล้วหรือจ๊ะ นาโอกิ”

น้ำเสียงหวาน ๆ ที่คุ้นหู ทำให้ยูยะหันไปมองตามเสียงนั้น แล้วก็พบว่าอาจารย์สาวประจำห้องพยาบาล กำลังเดินตรงมาหาเขา ด้วยใบหน้า ยิ้มแย้ม

“มิสเคธี่ ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ”

ยูยะเรียกชื่อของหญิงสาว เหมือนดังเช่นนักเรียนคนอื่น ๆ ในโรงเรียนเรียก ซึ่งเธอเองก็ชอบให้ทุกคนเรียกชื่อต้นของเธอมากกว่า อาจารย์มิลเลอร์ หรือ มิสมิลเลอร์ ที่เป็นนามสกุลของเธอ

“ก็มอร์….เอ่อ อาจารย์คาเตอร์อุ้มเธอมาส่งให้ฉันน่ะสิจ๊ะ…”

ยูยะใบหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาทันที เด็กหนุ่มพยายามหันหน้าหลบไปอีกทางเพื่อซ่อนความรู้สึกของเขา หากแต่ทุกปฏิกิริยา ที่เกิดขึ้นก็ไม่สามารถรอดพ้นสายตาของอาจารย์สาวไปได้แม้แต่น้อย

และก่อนที่เคธี่จะเอ่ยปากพูดอะไรกับเด็กหนุ่มต่อไปนั้น เธอก็สะดุดเข้ากับรอยบางอย่างตรงซอกคอของอีกฝ่าย หญิงสาวเดินเข้าไปใกล้ ๆ แล้วพิจารณาดูให้แน่ชัด ก่อนจะแย้มยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์

...ตายจริง มอร์เฟียซ นึกไม่ถึงเลยว่า จะก้าวหน้าไปถึงขั้นนั้นแล้ว หึ ๆ น่าสนุกจริง ๆ เลยแฮะ…

“อุ๊ยตายแล้ว! นาโอกิ คอเธอไปโดนอะไรมาจ๊ะเนี่ย ดูซิ ช้ำเป็นรอยจ้ำแดง ๆ เชียว”

เสียงหวาน ๆ ของนางฟ้า(?) ประจำห้องพยาบาล แสร้งทำเป็นสงสัย สุดฤทธิ์ ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจดีแล้วว่าอะไรเป็นอะไรก็ตาม

ยูยะใจหายวูบ หันขวับกลับมาทันที มือจับต้นคอตรงตำแหน่งรอยแดงนั่นโดยอัตโนมัติ

“อ่า…คือ…เอ่อ” เด็กหนุ่มหน้าแดงก่ำ พูดอะไรไม่ออก ซึ่งเคธี่เห็นดังนั้น ก็ซ่อนยิ้มไว้ในหน้า ก่อนจะชวนอีกฝ่ายพูดคุยเรื่อย ๆ เหมือนปกติ

“เอ สงสัยจะโดนแมลงอะไรกัดเข้าล่ะมั้ง แย่จังเลยนะจ๊ะ”

ยูยะรีบพยักหน้าหงึก ๆ ตอบรับทันที ให้เข้าใจว่าเป็นรอยแมลงกัด ยังดีกว่าให้รู้ว่าเป็นรอยคิสมาร์ก นั่นล่ะ

“เฮ่อ…เธอต้องระวังหน่อยนะ นาโอกิ แมลงพวกนี้มันร้ายนัก ยิ่งเจ้าตัวที่มีพิษแล้วเธอแพ้เข้าจะยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เพราะหากโดนเจ้าพวกนั้นกัดเข้าล่ะก็ ไม่จบแค่รอยที่คอนี่อย่างเดียวแน่ ๆ จ้ะ”

ยูยะรับฟังเรื่อย ๆ โดยที่ไม่รู้เท่าทันความนัยของประโยคนั้น หญิงสาวส่งยิ้มให้เด็กหนุ่มอีกครั้ง ก่อนจะเหลือบไปดูนาฬิกาที่แขวนอยู่ตรงผนังห้อง

“จะเที่ยงแล้ว เธอคงหิวแล้วสินะ ค่อยยังชั่วแล้วหรือยังจ๊ะ ถ้ายังฉันไปเอาข้าวเที่ยงมาให้เธอที่นี่แทนดีไหม”

“..ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปกินเองได้ อะ.. ผมขอตัวไปเลยดีกว่า ขอบคุณนะครับมิสเคธี่”

เด็กหนุ่มรีบยันกายลุกขึ้น แต่เขากลับรู้สึกหวิว ๆ ชอบกล แต่ถ้าเทียบกับเมื่อเช้านั่นนับว่ายังดีกว่ามากนัก

“ดูเธอยังไม่ค่อยดีเลย ฉันว่านอนพักอีกหน่อยดีกว่า นาโอกิ ฉันจะไปเอาข้าวเที่ยงมาให้นะ”

และขณะที่ยูยะกำลังจะปฏิเสธนั้น เสียงทุ้มนุ่มที่แสนจะคุ้นเคยก็ขัดจังหวะการสนทนาของทั้งคู่ขึ้นมาเสียก่อน

“งั้นคุณจะว่าอะไรไหม มิสเคธี่ ถ้าผมจะขอเฝ้าเด็กคนนี้แทน ระหว่างที่คุณไปเอาข้าวเที่ยงมาให้เขาน่ะ”

มอร์เฟียซ คาเตอร์ ยืนพิงประตูห้องพยาบาล พลางจ้องมองมาที่ร่างเล็ก ๆ ซึ่งรีบหลบสายตาคมกริบนั้นทันที

เคธี่มองไปที่ร่างสูง ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้กับอีกฝ่าย

“ได้สิคะ… อาจารย์คาเตอร์ ฝากด้วยแล้วกันนะคะ”

และระหว่างที่เดินสวนกันนั้น หญิงสาวก็แอบกระซิบอะไรบางอย่าง กับชายหนุ่ม ซึ่งนั่นก็ทำให้มอร์เฟียซถึงกับหน้าแดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“หึ ๆ ไปล่ะค่ะ… นาโอกิ รอฉันสักแป๊บนะจ๊ะ แล้วจะรีบกลับมาจ้ะ”

ยูยะอยากจะตะโกนเรียกให้เธออย่าพึ่งไป หากแต่ก็ติดอยู่ที่อีกคนซึ่งมองมาทางเขาเขม็ง จนทำให้เด็กหนุ่มไม่กล้าพูดอะไรออกไปแม้แต่คำเดียว

“ค่อยยังชั่วแล้วหรือยัง” น้ำเสียงอ่อนโยนจากคนที่เลื่อนเก้าอี้มานั่งใกล้ ๆ เตียงถามขึ้น

“เอ่อ…ครับ” ยูยะก้มหน้าตอบอุบอิบ ยิ่งนับวัน เขายิ่งไม่กล้าจะสบตากับคนข้าง ๆ มากขึ้นทุกที ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น

“ทำไมถึงนอนไม่หลับ เป็นอะไรไปงั้นหรือ”

ใบหน้าคมเข้มก้มลงมากระซิบถามใกล้ ๆ เด็กหนุ่มรับรู้ได้ถึงลมหายใจร้อน ๆ ที่ปะทะมายังใบหน้าของเขา ดวงหน้าหวาน ๆ ของเจ้าตัวแดง ระเรื่ออีกครั้ง ก่อนจะพยายามเบือนหลบไปอีกทาง

“คือ ผะ..ผม ฝันร้ายครับ เลยไม่อยากนอน”

มอร์เฟียซเลิกคิ้วนิด ๆ ก่อนจะใช้มือใหญ่จับคางกลมมน บังคับให้ใบหน้านั้นหันกลับมาสบตาเขาขณะที่พูด

“ฝันร้ายแบบไหน …ฝันถึงฉันอย่างนั้นหรือเปล่า”

ยูยะหลุบเปลือกตาหลบ หากเด็กหนุ่มไม่รู้หรอกว่า ใบหน้าของตนยามนี้มันยิ่งแดงหนักเข้าไปอีก แดงเสียจนคนข้าง ๆ เริ่มชักจะอดใจไว้ไม่ไหว

“ว่าไงล่ะนาโอกิ…ฝันถึงฉันใช่ไหม…หือ”

ยูยะไม่ยอมตอบ นั่นก็ทำให้ริมฝีปากหนานุ่มนั้นโน้มลงมาประกบกับริมฝีปากบางแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนขึ้นไปจูบที่แก้มเนียนนุ่ม และเปลือกตาของอีกฝ่ายช้า ๆ

“ฝันว่าฉันทำแบบนี้กับเธอใช่ไหม?…”

ร่างสูงลุกขึ้นมาคร่อมร่างเล็กบนเตียง มือใหญ่เอื้อมมาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตทีละเม็ด ก่อนจะลูบไล้หน้าอกขาวเนียนนั้นเล่นไปทั่ว

“แล้วก็ทำแบบนี้….”

ริมฝีปากอุ่นร้อนเลื่อนลงมาเรื่อย ๆ ก่อนจะย้ายมาหยอกเย้ากับยอดอกสีชมพูเข้มเล็ก ๆ นั่น

“หรือแบบนี้…” มืออีกข้างรูดซิบกางเกงของร่างข้างใต้ลง ก่อนจะล้วงเข้าไปหยอกเย้ากับแก่นกายข้างใน จนเรียกเสียงครางอย่างลืมตัวจากอีกฝ่ายที่พยามอดกลั้นไว้จนได้

“อา…อ๊า…อย่า…อาจารย์..”

“หือ …เรียกฉันว่ายังไงนะ” ชายหนุ่มขบเม้มที่ยอดอกของร่างเล็ก แรง ๆ เหมือนจะกลั่นแกล้ง ยูยะหายใจหอบ ๆ ก่อนจะครางออกมาอีกครั้ง

“…..อา…มอร์เฟียซ…”

มอร์เฟียซ คาเตอร์ก็เริ่มชักจะทนไม่ไหวเหมือนกัน หากแต่ก็ต้องถอยออกมาตั้งหลักก่อนอย่างนึกเสียดาย เพราะสถานที่แห่งนี้ไม่เป็นสัดส่วนพอ ที่จะทำให้เขากระทำเรื่องอย่างว่ากับคนบนเตียงได้

“เย็นนี้มาหาฉันที่ห้องนะ นาโอกิ แล้วฉันสัญญาว่า คืนนี้ฉันจะทำให้ เธอนอนหลับฝันดีทีเดียว”

มอร์เฟียซก้มลงจูบที่หน้าผากเกลี้ยงเกลานั้นหนัก ๆ ครั้งหนึ่ง ก่อนจะช่วยจัดการแต่งตัวให้ร่างเล็ก ที่นอนกึ่งเปลือย ให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยตามเดิม และเมื่อชายหนุ่มห่มผ้าห่มให้กับอีกฝ่าย ก็เป็นเวลาเดียวกับที่ เคธี่กลับมาพร้อมกับอาหารกลางวันหนึ่งชุด

“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนล่ะนะมิสเคธี่ ฝากดูแลเขาด้วยล่ะ”

อาจารย์หนุ่มรีบขอตัวออกจากห้องพยาบาลทันที โดยไม่รอให้อีกฝ่ายซักถามหรือพูดจาอะไรทั้งนั้น เสียงหัวเราะใส ๆ ดังตามออกไปอย่างกลั้นไม่อยู่ เมื่อสังเกตเห็นคนที่อยู่บนเตียงนอนหน้าแดงก่ำ หายใจหอบ ๆ ขณะที่คนซึ่งปลีกตัวหนีไปแล้วนั้น กลับตีสีหน้าเรียบเฉย เหมือนกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นภายในห้องนี้ก่อนหน้านั้น



--- TBC ---

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
Re: The Eden School.... Chp.5-6 (25 มิ.ย. 54)
«ตอบ #26 เมื่อ25-06-2011 13:36:08 »



Chp.6



…. จะไปดี หรือไม่ไปดีนะ …

ยูยะยังคงนอนก่ายหน้าผาก ความคิดเหม่อลอยไปถึงใครบางคน เขาไม่ได้กลับไปที่ห้องเรียน เพราะมิสเคธี่บอกให้เขานอนพักอยู่ที่ห้องพยาบาลนี่ จนกว่าจะถึงเวลาเลิกเรียน

…อืม…. ไปสิ…ต้องไป….หือ…อะ…เอ๋..เฮ้ย! บ้าน่า!! คิดบ้า ๆ อะไรแบบนั้น!! จะไปหาหมอนั่นทำไมกันเล่า!! นาโอกิ ยูยะ นี่นายบ้าไปแล้วหรือไง หา!!….

เด็กหนุ่มฟุบหน้าลงกับหมอน ใบหูทั้งคู่แดงก่ำ เช่นเดียวกับหน้า เขาชักเริ่มไม่เข้าใจความคิด และการกระทำของตัวเองเข้าทุกทีเสียแล้ว แม้จะย้ำกับตัวเองเสมอว่าเกลียดผู้ชายที่ชื่อ มอร์เฟียซ คาเตอร์ คนนั้นเข้าไส้ หากแต่ยามที่ริมฝีปากหนานุ่ม และเรียวลิ้นร้อนชื้น ลากไล้ผ่านทั่วร่างของเขา รวมไปถึงสัมผัสวาบหวาม เร่าร้อน จากมือใหญ่ทั้งสองข้างนั้น ก็กลับไม่ได้ทำให้เขานึกรังเกียจแต่อย่างใด

“ไม่นะ ไม่ ๆ ๆ ต้องไม่ใช่แบบนั้น ไม่ใช่!”

เด็กหนุ่มเผลอตะโกนออกมาอย่างลืมตัว จนเคธี่ มิลเลอร์ ซึ่งกำลังนั่งพักผ่อนอยู่แถวนั้น ถึงกับสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ

“…เกิดอะไรขึ้นจ๊ะ นาโอกิ เป็นอะไรไปงั้นหรือ”

น้ำเสียงหวาน ๆ ถามขึ้นด้วยความสงสัย หากแต่เมื่อเห็นใบหน้า แดงก่ำของร่างเล็กบนเตียง ก็พอจะทำให้หญิงสาวคาดเดาอะไรบางอย่างได้บ้างเล็กน้อย

“ว่าไงจ๊ะ มีอะไรไม่สบายใจก็บอกกับฉันได้ ไม่ต้องห่วงเห็นอย่างนี้ฉันเก็บความลับเก่งนะ”

น้ำเสียงหวาน ๆ ไพเราะนั้น ทำให้คนฟังรู้สึกสบายใจ ยูยะซึ่งกำลังสับสน จึงได้ตัดสินใจขอคำปรึกษาบางอย่างจากหญิงสาว ที่เขาเห็นว่าน่าจะพอเป็นที่พึ่งได้บ้าง

“เอ่อ…มิสเคธี่ครับ คือว่า ถ้าเราเกลียดคน ๆ หนึ่งมาก แต่พอเวลาเขาเข้ามาใกล้…เอ่อ …สัมผัส…ง่า คือ แตะต้องตัวเรา ทำไมเราถึงไม่รู้สึกรังเกียจเขาเลยล่ะครับ”

แววตาซื่อ ๆ ไร้เดียงสา ตรงหน้าทำให้ เคธี่ เผลอเอื้อมมือไปขยี้ศีรษะเล็ก ๆ นั้นเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู

...โถ เด็กน้อย นี่คงจะกลุ้มใจมากสินะ น่าสงสารจริง ๆ ที่ดันมาเป็นที่ถูกตาต้องใจ คนเอาแต่ใจตัวเอง แถมยังชอบแกล้งคนอื่น แบบนั้น …

“ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่า เราไม่ได้เกลียดเขาจริง ๆ ยังไงล่ะจ๊ะ”

หญิงสาวตอบเสียงอ่อนโยน พลางส่งยิ้มหวานให้กับเด็กหนุ่ม

“ คนเรานะ ถ้าเกลียดกันจริง ๆ แล้ว อย่าว่าแต่จะยอมให้สัมผัสเลย แม้แต่หน้าก็ยังไม่อยากจะมองด้วยซ้ำไปรู้ไหมจ๊ะ”

ยูยะนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบาหวิว

“…แม้กระทั่ง เขาจะเคยทำเรื่องที่เลวร้ายมาก ๆ กับเราอย่างนั้นหรือครับ”

เคธี่ชะงักนิดหนึ่ง …แสดงว่าสิ่งที่เธอคิดมันก็คงไม่ผิดเสียแล้ว

“เอ่อ…มันก็คงต้องดูที่เหตุผลของเขาด้วยนั่นล่ะจ้ะ”

หญิงสาวพยายามเลือกคำดี ๆ มาอธิบายให้อีกฝ่ายฟัง

“เหตุผล?”

“ใช่จ้ะ นาโอกิ …เขามีเหตุผลอะไรถึงได้ตัดสินใจทำเรื่องเลวร้ายนั้นลงไป และเมื่อทำมันลงไปแล้ว…เขาสำนึกเสียใจกับมันมากแค่ไหน…”

“ไม่เลยสักนิดครับ!” เด็กหนุ่มรีบตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด

“หมอนั่นไม่เห็นจะสำนึกเสียใจอะไรแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังจะ….”

ยูยะชะงัก ก่อนจะกลืนคำพูดทั้งหมดลงคอ พลางยิ้มแหย ๆ ให้กับอีกฝ่าย เพราะดูเหมือนว่าเขาจะลืมตัวจนเผลอพูดอะไรเกินจำเป็นไปเสียแล้ว

“ยังจะ…?” เคธี่ทวนคำ ด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ

“เอ่อ เปล่าครับ” เด็กหนุ่มตอบอย่างไม่ยอมมองหน้า อาจารย์สาว หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน

“หึ..นาโอกิจ๊ะ ถ้าเขาไม่สำนึกเสียใจ นั่นก็ตีความได้อีกอย่างคือเขา ตั้งใจจะทำเช่นนั้นนั่นแหละจ้ะ”

“ตั้งใจ..”

“ใช่จ้ะ…ตั้งใจ…ทำตามที่หัวใจตัวเองเรียกร้องและปรารถนา แม้จะรู้ว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งผิดขนาดไหนก็ตาม”

ยูยะนิ่งอึ้ง จ้องมองคนตรงหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม หากแต่เสียงฝีเท้าหลายคู่ที่ก้าวเข้ามาภายในห้อง ทำให้ทั้งสองละความสนใจจากเรื่องตรงหน้า หันไปมองผู้มาเยือนใหม่แทน

“ทุกคน…มาได้ยังไงกัน”

ยูยะถามเพื่อน ๆ ของเขาด้วยความสงสัย ถ้าจำไม่ผิดตอนนี้น่าจะยังมีชั่วโมงเรียนอยู่นี่นา

“พอดีชั่วโมงสุดท้าย อาจารย์ฟาเรียส ติดธุระด่วนมาสอนไม่ได้ พวกเราเลยพากันมารับนายกลับหอน่ะ มิสเคธี่ครับ พวกผมพายูยะกลับไปเลยได้หรือเปล่าครับ”

จิมมี่เอ่ยถามเสียงแจ่มใส ซึ่งอาจารย์สาวประจำห้องพยาบาลก็พยักหน้ายิ้มน้อย ๆ เป็นเชิงอนุญาต

“เอ่อ…มิสเคธี่ครับ ขอบคุณสำหรับคำปรึกษานะครับ”

ยูยะหันมาบอกกับหล่อนค่อย ๆ ก่อนจะเดินตามเพื่อน ๆ ออกไป หญิงสาวมองตามเด็กหนุ่มไปด้วยความเอ็นดู จากนั้นจึงถอนหายใจออกมา

...มอร์เฟียซ คาเตอร์ ฉันช่วยให้เครดิตคุณขนาดนี้ ที่เหลือก็แล้วแต่ตัวคุณเองแล้วนะ…

แล้วหญิงสาวก็นิ่งเงียบไปสักพัก เหมือนกับจะนึกอะไรบางอย่าง ก่อนจะเหยียดยิ้มนิด ๆ อย่างเจ้าเล่ห์ จากนั้นจึงเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ ๆ หนึ่งลงไป

“…สวัสดีค่ะ ฉันมิลเลอร์ ขอเรียนสายดอกเตอร์ลีหน่อยค่ะ”




สองทุ่มแล้ว… ยูยะเหลือบดูนาฬิกาด้วยความรู้สึกสับสน คน ๆ นั้นจะยังคงรอเขาอยู่ไหมนะ แล้วจะโกรธมากหรือเปล่า ที่เขาไม่ไปหาแบบนี้

“ก็…ไม่ได้รับปากนี่นา แล้วอีกอย่าง เราก็…เกลียด..เขา”

เด็กหนุ่มเริ่มพูดคำว่าเกลียดได้ไม่เต็มปากเหมือนทุกครั้ง เขาจ้องมองนาฬิกาอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจปิดไฟที่หัวเตียงแล้วคลุมโปงเข้านอนทันที

…..นา….
….นาโอกิ…

“อื้ม…” ยูยะพลิกกายเบา ๆ เมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อของเขาข้าง ๆ หู หากแต่เจ้าตัวง่วงมากเสียจนไม่อยากจะรับรู้อะไรทั้งสิ้น

ยวบ!

เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนกับว่า มีน้ำหนักของอะไรบางอย่างกดเพิ่มลงที่บนเตียงซึ่งเขานอนอยู่ ก่อนที่จะรับรู้ถึงลมหายใจร้อน ๆ ที่เป่ารดลงมาบนใบหน้า

“..นาโอกิ ยูยะ…เด็กบ้า.. นี่เธอปล่อยให้ฉันรอเก้ออยู่ได้หลายชั่วโมงเชียวนะ แล้วตัวเองมานอนหลับสบายอย่างนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน”

ยูยะรู้สึกเหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่น เขาได้ยินน้ำเสียงดุ ๆ กำลังต่อว่าเขา แต่มันก็ฟังดูเลือนลาง คล้าย ๆ จะจริงก็ไม่ใช่ ฝันก็ไม่เชิงเสียอย่างนั้น

“อื้ม…ผมไม่ได้บอกว่าจะไปเสียหน่อย…ใครใช้ให้คุณรออยู่กันเล่า…”

เพราะมั่นใจว่านั่นคงเป็นเสียงในความฝันเหมือนดังเช่นเคย เจ้าตัวเลยงัวเงีย โต้ตอบออกไป อย่างที่ไม่เคยจะทำได้แน่ หากอยู่ในสภาพตามปกติ

“อ๋อ…เป็นแบบนั้นใช่ไหม ดีล่ะ งั้นฉันก็ขอรวบรายการที่คิดจะทำในตอนเย็นมาทำในตอนนี้เลยแล้วกัน เธอคงจะไม่ว่าอะไรใช่ไหม”

น้ำเสียงนั้นเข้มขึ้น ทว่า ยูยะกลับงึมงำตอบออกไปอย่างนึกรำคาญ

“อืม…อยากจะทำอะไร ก็ตามใจคุณแล้วกัน…”

แต่พอสักพักเด็กหนุ่มก็ต้องขมวดคิ้วยุ่ง เมื่อเจ้าความรู้สึกที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ มันช่างแตกต่างออกไปจากทุกครั้งเสียเหลือเกิน

…ฝัน..ทำไม..ถึงรู้สึกแปลก ๆ เอ๋? ฝันจริง ๆ หรือ ….

เจ้าตัวค่อย ๆ ปรือตาขึ้นช้า ๆ และเมื่อเห็นเงาตะคุ่ม ดำ ๆ ของบางคนที่กำลังคร่อมอยู่บนร่างของเขา เด็กหนุ่มก็เตรียมแหกปากร้องออกมาสุดเสียง แต่บังเอิญร่างข้างบนไวกว่า เขารีบเอามือใหญ่ตะปบริมฝีปากบางนั่นไว้ทันที ก่อนจะเอ่ยเสียงดุ ๆ ด้วยความไม่พอใจ

“อะไรกัน นาโอกิ เธอเป็นคนอนุญาตฉันเองไม่ใช่งั้นหรือ แล้วจะมาโวยวาย อะไรตอนนี้กันหือ? ”

“..อะ..อาจารย์…ตัวจริง หรือเนี่ย”

ยูยะเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก หลังจากที่ริมฝีปากของเขาได้รับอิสระแล้ว

“อ้าว…แล้วที่คุยกันอยู่ได้ตั้งนานน่ะ ไม่รู้หรือยังไง”

ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ พอจะเข้าใจแล้วว่า ทำไมเด็กหนุ่มถึงตกปากรับคำเขาได้ง่าย ๆ แบบนี้

…หึ! เด็กหนอเด็ก นึกว่าฝันไปเองงั้นหรอกหรือ ไอ้เราก็นึกว่าจะใจอ่อนแล้วเสียอีก…

อยู่ดี ๆ ยูยะก็รู้สึกว่าหนาวเยือกขึ้นมาทันที ก่อนจะมารู้ตัวทีหลังว่า เสื้อผ้าที่เขาใส่ก่อนเข้านอนตอนนี้ มันอันตรธานหายไปจนหมดสิ้นแล้ว

“อะ…อาจารย์ เสื้อผ้าผมล่ะ”

ยูยะชะงักเมื่อมีเสียงกระแอมด้วยความไม่พอใจดังขึ้นเบา ๆ

“เอ่อ…มอร์เฟียซ คือเสื้อผ้าผม ไปไหนหมดแล้วล่ะครับ”

เด็กหนุ่มรีบเปลี่ยนสรรพนามเรียกเสียใหม่ ซึ่งก็สร้างความพอใจให้อีกฝ่ายพอสมควร

“ก็มันเกะกะ ขวางหู ขวางตา เลยจับถอดออกโยนทิ้งไว้แถว ๆ นี้นั่นล่ะ”

ชายหนุ่มตอบหน้าตาเฉย ทำเอายูยะถึงกับต้องบ่นพึมพำออกมาเบา ๆ

“…คนเอาแต่ใจตัวเอง…”

โชคร้ายของเด็กหนุ่มที่อีกฝ่ายดันเป็นคนหูดี เสียจนจับใจความคำพูดค่อย ๆ นั้นได้อย่างถนัดชัดเจน ผลก็คือเด็กหนุ่มถูกจูบหนัก ๆ เนิ่นนาน เสียจนแทบขาดใจเป็นการลงโทษฐานพูดไม่เข้าหู

“อื้ม….อืม….” เรียวลิ้นอุ่นชื้นสอดแทรกเข้าไปหาความหวานซ่านภายในปากของอีกฝ่าย และขณะที่ยูยะกำลังเคลิบเคลิ้มกับรสจูบแสนหวานที่ชายหนุ่มมอบให้อยู่นั้น เจ้าตัวก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อมือใหญ่ข้างหนึ่งย้ายไปลูบคลำอยู่แถวบริเวณสะโพกของเขา

“อะ…มะ…ไม่นะ…”

เด็กหนุ่มรีบผลักร่างข้างบนให้พ้นตัวเขาทันที อาการหวาดกลัวจนตัวสั่นของร่างข้างใต้ ทำให้มอร์เฟียซหยุดการกระทำทุกอย่างของเขาลงโดยอัตโนมัติ ยูยะยังไม่พร้อมที่จะให้เขาเข้าไปในร่างเล็ก ๆ นั่นตอนนี้ และดูเหมือนว่าเขาก็คงใจร้อนไปหน่อย เขาควรจะดำเนินตามขั้นตอนที่ตั้งใจไว้อย่างเคร่งครัด ถ้าเขายังไม่อยากจะสูญเสียเด็กหนุ่มคนนี้ไปจริง ๆ

“นาโอกิ…อย่ากลัวไปเลยนะ…ถ้าเธอยังไม่พร้อม ฉันก็จะไม่ทำ”

ยูยะ ซึ่งอยู่ในอาการหวาดหวั่น ค่อย ๆ คลายความกังวลไปทีละนิด เมื่ออ้อมแขนแข็งแกร่งโอบกระชับร่างของเขาเข้ามาแนบอก ก่อนจะจุมพิตแผ่วเบาทั่วทั้งใบหน้านั้นเป็นการปลอบขวัญ

“คืนนี้ ขอฉันนอนกอดเธอแบบนี้จะได้ไหม หือ นาโอกิ”

เสียงทุ้มนุ่มอ่อนโยนกระซิบข้าง ๆ ใบหู ยูยะหน้าแดงเล็กน้อย แล้วจึงพยักหน้ารับเบา ๆ พลางเบียดกายซุกตัวกับอกกว้างทีละนิด จนมอร์เฟียซ แอบอมยิ้ม ก่อนจะจูบหนัก ๆ ที่ขมับของเด็กหนุ่มด้วยความพอใจ

“เฮ่อ…ชื่นใจเหลือเกิน ถ้าทำตัวน่ารักแบบนี้ได้ตลอดก็ดีน่ะสิ ”

เงียบ ไม่มีเสียงตอบกลับอะไรทั้งสิ้น แต่ถ้าหากแสงสว่างในห้องนี้มีเพียงพอ ก็จะเห็นได้ว่า บัดนี้เด็กหนุ่มหน้าแดงขนาดไหน

ทว่า คนอย่างมอร์เฟียซ คาเตอร์ย่อมรู้ดีในข้อนั้น เพราะเสียงหัวใจจากร่างที่แนบชิดกันและกัน มันบ่งบอกถึงความรู้สึกในยามนี้ของผู้เป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดีที่สุด

“ราตรีสวัสดิ์ นาโอกิ …หลับฝันดีนะ เด็กน้อยของฉัน”

จุมพิตแผ่วเบา อ่อนโยนที่ตรงหน้าผาก และอ้อมกอดที่ถ่ายทอดไออุ่นของอีกฝ่าย ทำให้ยูยะซึ่งกำลังใช้นิ้วพันเส้นผมสีทองสลวยนั่นเล่น เริ่มเคลิ้มลงทีละนิด ก่อนที่จะหลับสนิทอย่างเป็นสุขในเวลาไม่นานนัก



“อืม…มอร์เฟียซ…”

แขนเรียวบางควานสะเปะสะปะหาร่างที่เคยอิงแอบซุกนอนตลอดคืน แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้วยุ่ง ทั้ง ๆ ที่หลับตา เมื่อรู้สึกได้ถึงความว่างเปล่าข้างกาย

…มอร์เฟียซ คาเตอร์หายไปแล้ว…

ยูยะลืมตามองด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มสงสัยทีละนิดว่า แท้จริงแล้วเหตุการณ์เมื่อคืนนั้น เป็นความฝันอีกหรืออย่างไร

... ไม่สิ มันไม่ใช่ความฝัน ก็มัน...

เด็กหนุ่มหน้าแดงระเรื่อ เมื่อก้มลงสำรวจตัวเอง แล้วพบกับสภาพเปลือยเปล่าของตน

...อย่างน้อยเขาก็จำได้หรอกนะว่าไม่ได้ถอดเสื้อผ้าก่อนเข้านอนน่ะ….

ร่างเล็กค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเตียง ก่อนจะก้มลงหยิบเสื้อผ้าที่วางกระจัดกระจายอยู่ตรงพื้นห้องขึ้นมาสวมใส่ให้เรียบร้อย แต่แล้วสายตาก็พลันสะดุดเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งวางไว้บนโต๊ะ ซึ่งมีหนังสือวางทับไว้อีกชั้นหนึ่ง

‘ฉันกลับออกไปตอนเช้ามืด เห็นเธอกำลังหลับสบายเลยไม่อยากปลุก เอาไว้เจอกันที่โรงเรียนนะ จาก... มอร์เฟียซ คาเตอร์’

ยูยะยิ้มให้กับกระดาษแผ่นนั้น ก่อนจะตรงไปหยิบผ้าขนหนูในตู้ และเดินฮัมเพลงไปที่ห้องอาบน้ำรวมชั้นล่างอย่างอารมณ์ดีผิดจากปกติ



ชั่วโมงเช้าของวันศุกร์ เป็นชั่วโมงคณิตศาสตร์ ซึ่งสอนโดย หลุยส์ ฟาเรียส หนุ่มใหญ่อารมณ์ดี วัย 45 ปี ชาวฝรั่งเศส แม้จะเป็นวิชาที่จัดว่ายาก หากแต่คนสอนมีศิลปะในการสอนพอที่จะทำให้เด็ก ๆ ไม่เบื่อ และสนุกในการเรียน ซึ่งวันนี้เด็ก ๆ ในห้อง ม.5 / Z ก็ตั้งใจรอเรียนกับอาจารย์ฟาเรียสผู้นี้ เหมือนเช่นปกติ เพราะส่วนใหญ่นอกจากเรื่องเรียนแล้ว ฟาเรียสก็มักจะมีเรื่องตลก ๆ มาคลายเครียดระหว่างเรียนให้เด็ก ๆ ฟังเสมอ

ทว่า ..

“นับจากนี้หนึ่งเดือนเป็นต้นไป อาจารย์ฟาเรียสจะไม่สามารถมาสอนพวกเธอได้ เนื่องจากท่านติดอบรมศึกษาดูงานต่างประเทศ ดังนั้น ฉันจึงมารับผิดชอบชั่วโมงคณิตศาสตร์แทนเขาไปก่อน อ้อ…แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะ วิชาประวัติศาสตร์ฉันก็ยังคงสอนพวกเธอตามปกติเหมือนเดิม”

ทั่วทั้งห้องเงียบกริบทันทีราวกับว่าสถานที่แห่งนี้ไม่มีใครอยู่เลยสักคนเดียว

…เรียนคณิตศาสตร์ กับคาเตอร์ ตลอดเดือน โอ้! ไม่! นรกชัด ๆ! …

แทบทุกคนในห้องต่างพากันคิดเช่นนั้น โดยเฉพาะยูยะซึ่งเหลือบมองชายที่ยืนอยู่หน้าห้องด้วยความกังวลหนักขึ้นไปอีก เพราะปกติเขาก็อ่อนวิชาคณิตศาสตร์อยู่แล้ว ขนาดฟาเรียสที่ว่าสอนดีจนเขาพอจะเข้าใจบ้าง คะแนนวิชานี้ของเขาก็ยังคงร่องแร่งอยู่ดี และยิ่งมาเจอคนดุ ๆ ชอบแกล้งชาวบ้าน อย่างมอร์เฟียซ คาเตอร์ มาสอนแทนด้วยล่ะก็ คะแนนคณิตศาสตร์เขาไม่ยิ่งดิ่งลงเหวไปมากกว่านี้หรอกหรือ

“เปิดไปหน้าที่ 147!” ไม่ต้องพูดพล่ามทำเพลง หรือแนะนำอะไรให้มันยืดเยื้อ เจ้าตัวจัดการเปิดตำรา และลงมือสอนทันที โดยที่นักเรียนทุกคนต่างพากันรีบเปิดหนังสือตามอย่างรวดเร็ว

“อืม…นาโอกิ ยูยะ ออกมาทำข้อที่ 5 ให้ทุกคนดูหน่อยสิ”

ยูยะสะดุ้งเฮือก เขาเกลียดการแก้โจทย์หน้าชั้นเรียนเป็นที่สุด เพราะยิ่งเขาคิดไม่ออก ก็เหมือนกับว่าเขาทำให้เพื่อน ๆ ที่เหลือต้องมาพลอยเสียเวลาไปด้วย

เด็กหนุ่มเดินออกมาหน้าชั้นด้วยใบหน้าซีด ๆ และขณะที่กำลังเดินผ่านร่างสูง เขาก็เหลือบมองชั่วแวบหนึ่ง แล้วก็ต้องไปสะดุดกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่าย

…คนบ้า! ตั้งใจแกล้งกันชัด ๆ เลยนี่นา! …

ยูยะหน้ามุ่ย ก่อนจะเริ่มลงมือแก้โจทย์ปัญหาข้อนั้นทีละนิด แล้วก็ไปสะดุดเอาตรงสมการช่วงสุดท้าย ที่ทำยังไงก็แก้ไม่ตกเสียที จนกระทั่งอาจารย์หนุ่มทักขึ้นมาในที่สุด

“หือ…นาโอกิ ความจริงเรื่องนี้เธอน่าจะเรียนไปแล้วนี่นา ทำไมถึงยังทำไม่ได้อีกล่ะ”

ยูยะสาบานได้เลยว่า เขาเห็นรอยยิ้มเย้าแหย่ของอีกฝ่าย ในขณะที่กำลังดุเขาอยู่ เด็กหนุ่มก้มหน้านิ่ง ก่อนจะกระซิบตอบเบา ๆ

“ขอโทษครับ คือผมทำไม่ได้”

มอร์เฟียซโบกมือไล่ให้อีกฝ่ายกลับเข้าไปนั่งที่ จากนั้นอาจารย์หนุ่มผมทอง จึงตรงไปที่กระดาน เขียนแก้สมการที่เหลืออย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินกลับมายังโต๊ะ พร้อมกับเอ่ยด้วยเสียงห้วนดังฟังชัดไปทั้งห้อง

“อาจารย์ฟาเรียส เอาผลการเรียนในวิชานี้ของพวกเธอมาให้ฉันดูแล้วซึ่งส่วนใหญ่ก็อยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ จะมีแค่บางคนเท่านั้น ที่ผลยังไม่เป็นที่น่าพอใจนัก

ยูยะนั่งหน้าจ๋อย เพราะนั่นย่อมหมายความว่าชายหนุ่มเจาะจงมายังเขาเต็ม ๆ คนเดียว

“เพราะฉะนั้น ในวันศุกร์หน้า เราจะมีการ Test เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาในการเรียนขึ้นบ้าง อ้อ! ไม่ต้องห่วงนะ คะแนนในครั้งนี้ จะรวมเข้ากับการสอบปลายภาคที่จะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนนี้ด้วย”

นั่นเป็นข่าวที่เลวร้ายในความคิดของยูยะเป็นอย่างมาก แล้วเวลาที่เหลืออีกแค่ไม่กี่วัน จะทำให้เขาท่องจำเจ้าพวกสูตรที่แสนจะเกลียดเข้าไส้ จับอัดลงสมองน้อย ๆ ของเขาได้ยังไงกันเล่า!

และแล้วมอร์เฟียซก็เริ่มต้นสอนตามแบบฉบับของเขา ซึ่งก็สร้างความแปลกใจให้กับทุก ๆ คนเป็นอย่างมาก เพราะชายหนุ่มสามารถอธิบายในบางเรื่องที่พวกเขาไม่เข้าใจได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ซึ่งจะว่าไปแล้วหากไม่ติดเรื่องการวางตัว หรือท่าทางที่น่าเกรงขามนั้น มอร์เฟียซสอนได้เข้าใจง่ายกว่าที่ฟาเรียส สอนพวกเขาเสียด้วยซ้ำไป

“เอาล่ะทุกคน วันนี้พอแค่นี้ แล้วก็อย่าลืมทำแบบฝึกหัดหน้า 150–155 มาส่งฉันพรุ่งนี้ด้วย เลิกเรียนได้!”

และขณะที่ทุกคนกำลังเตรียมเก็บข้าวของเพื่อย้ายลงไปเรียนวิชาพละที่โรงยิม มอร์เฟียซก็เดินตรงมายังโต๊ะของยูยะ ซึ่งกำลังหันไปคุยกับจิมมี่ข้าง ๆ โดยไม่ทันสังเกตว่าชายหนุ่มเดินเข้ามาหยุดอยู่ใกล้ ๆ กับเขาแล้วตอนนี้

“นาโอกิ ยูยะ”

ยูยะสะดุ้งเฮือก ก่อนจะหันกลับมามองคนข้าง ๆ ด้วยสีหน้าหวาด ๆ

“มะ…มีอะไรหรือครับอาจารย์”

“ผลการเรียนวิชาคณิตศาสตร์เธอย่ำแย่มาก เมื่อเทียบกับวิชาอื่น ๆ ที่อยู่ในเกณฑ์พอใช้ ดังนั้น ถ้าไม่อยากจะสอบตกในวิชาบังคับล่ะก็ ต่อไปนี้ ทุกเย็น หลังทานข้าว เธอจะต้องมาที่ห้องพักของฉัน เพื่อเรียนเสริมวิชาคณิตศาสตร์ วันละหนึ่งชั่วโมง เข้าใจไหม”

ยูยะนิ่งอึ้งไปพักใหญ่ขณะที่รอบข้างต่างพากันเงียบกริบ..ไร้การเคลื่อนไหว ใด ๆ ทั้งสิ้น

“หรือถ้าคนอื่นสนใจ จะมาเรียนด้วยกันกับนาโอกิ ฉันก็ไม่ขัดศรัทธาหรอกนะ”

เจ้าตัวเสริมต่อด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก ทุกคนที่เหลือพร้อมใจกันสั่นศีรษะปฏิเสธโดยไว โดยเฉพาะเพื่อนรักของเด็กหนุ่ม จิมมี่ ชไนเดอร์ ถึงกับตบบ่าให้กำลังใจเพื่อนของเขาเบา ๆ

“ง่า….ตั้งใจเรียนนะยูยะ”

ยูยะหันมามองหน้าเพื่อน ๆ ทีละคน ที่ต่างพากันหลบตาวูบ ทำไมนะ พอมีเรื่องเกี่ยวกับมอร์เฟียซ คาเตอร์ ขึ้นมาทีไร คนที่ซวยมักจะเป็นเขาคนเดียวเสมอ ยิ่งเรื่องคราวนี้ ถ้าอยู่เรียนอย่างเดียวก็จะไม่ว่าหรอก แต่ตัวอันตรายแบบนี้ ขืนปล่อยให้อยู่ด้วยกันสองต่อสอง มีหวังเขาจะต้องโดนลวนลามเข้าไม่วันใดก็วันหนึ่งแน่!



ณ โรงอาหารรวมของสถาบันอีเดน แผนกมัธยมปลาย

“ง่า…ยูยะ ขอโทษทีนะ เรื่องเรียนเสริมน่ะ คือฉันก็อยากจะไปด้วยกันกับนายหรอกนะ แต่ว่า..”

จิมมี่พยายามจะแก้ตัว ทว่า ยูยะก็ขัดขึ้นมาด้วยสีหน้าเนือย ๆ ทันที

“ไม่ต้องหรอก จิมมี่ ฉันเข้าใจดี อีกอย่าง คะแนนวิชานี้ของนายมัน ก็โอเค ไม่จำเป็นที่ต้องไปนั่งทนเรียนพิเศษอะไรกับฉันหรอก ฉันรู้ตัวดีว่าในบรรดา 15 คน ทั้งหมดนี่นะ ฉันมันเรียนห่วยที่สุด จนไม่น่าจะอยู่ห้อง Z เลยด้วยซ้ำ”

ว่าแล้วเจ้าตัวก็ทำหน้าจ๋อยอีกครั้ง จนเพื่อน ๆ ที่นั่งกินข้าวด้วย ต้องคอยพูดปลอบให้เด็กหนุ่มร่าเริงเหมือนเดิม

“ไม่เอาน่า นาโอกิ แต่วิชาอื่นนายก็ทำคะแนนได้ดีนี่นา ดูอย่างวิชาภาษาอังกฤษของ อาจารย์วิลเลียมอย่างไงล่ะ นายก็ทำได้ดี จนอาจารย์ชมเอาบ่อย ๆ ไม่ใช่หรือไง”

มิเชลเอ่ยขึ้นเป็นคนแรก ซึ่งคนอื่น ๆ ต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย รวมทั้งช่วยเสริมกันยกใหญ่

“ใช่ ๆ ขนาดวิชาประวัติศาสตร์โลกที่ว่ายาก นายก็ยังสอบผ่านได้เลย นี่นา”

จิมมี่รีบเสริมแต่ก็ต้องชะงักเมื่อสบกับสายตาดุ ๆ หลายคู่ที่จ้องมองมา

“มันก็แน่อยู่แล้วล่ะจิมมี่ มีใครบ้างล่ะที่จะกล้าเสี่ยงตกในวิชานี้ ถึงต่อให้รู้ว่าตัวเองป่วยใกล้จะตายเต็มทน ก็ต้องกระเสือกกระสนมาสอบให้ผ่านอยู่ดี ไม่มีใครคิดจะขอสอบซ่อมแบบตัวต่อตัวกับคาเตอร์หรอกนะ”

เหม่ยหลิงประชดใส่ ก่อนจะหันไปปลอบยูยะต่อไป

“นี่ยูยะ อย่าคิดมากไปเลยนะ จะว่าไปแล้ว คาเตอร์เขาก็สอนใช้ได้ เข้าใจง่ายดีออก อ่า…ถ้าตัดความน่ากลัวนั่นออกไปเสียอย่างเดียวล่ะนะ”

ยูยะยิ้มรับอ่อย ๆ สำหรับตอนนี้ เรื่องเรียนเสริมน่ะเขาไม่ค่อยกังวลเท่าใดนักหรอก แต่เรื่องที่ต้องกังวลมันอีกเรื่องต่างหากล่ะ

“ยังไงก็ขอให้โชคดีนะยูยะ”

“เอาใจช่วยนายเสมอนะนาโอกิ”

“สู้เขาล่ะเพื่อน!”

คำอวยพรและกำลังใจของเพื่อน ๆ แต่ละคน ทำให้ยูยะรู้สึกซาบซึ้งจนลืมเรื่องเมื่อตอนเช้าที่ทุกคนคิดเอาตัวรอดโดยไม่สนใจเขาไปเสียสนิท เด็กหนุ่มพยายามมองโลกในแง่ดีว่า บางทีมอร์เฟียซ คาเตอร์ อาจจะคิดตั้งใจสอนเขาจริง ๆ ก็ได้



--- TBC ---

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
Re: The Eden School.... Chp.5-6 (25 มิ.ย. 54)
«ตอบ #27 เมื่อ25-06-2011 13:53:20 »

อาจารย์ จะสอนพิเศษหรือจะทำอะไรกันแน่

 :o8: :o8:

ออฟไลน์ k00_eng^^

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 647
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-2
Re: The Eden School.... Chp.5-6 (25 มิ.ย. 54)
«ตอบ #28 เมื่อ25-06-2011 14:02:20 »

น่าสงสารนาโอกิอ่ะ
โดนอาจารย์แกล้งตลอดเรย o18

ออฟไลน์ w1234

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 626
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
Re: The Eden School.... Chp.5-6 (25 มิ.ย. 54)
«ตอบ #29 เมื่อ25-06-2011 15:14:39 »

อาจารย์จะสอน หรือทำไรหว่า :impress2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด