ฉันมีค่าแค่ไหน 13
“ท็อตจิกินข้าวเยอะอีกหน่อยสิ...พึ่งกินไปไม่กี่คำเองนะ”ก็มันไม่ค่อยหิว...นั่งเขี่ยข้าวในจานเล่นไปมาบอกให้รู้ว่าไม่อยากทานต่อและอิ่มแล้ว
“ฉันอิ่มแล้วสุหงิ...กินอีกไม่ไหวอะ สุหงิแหละกินต่อไป เดี่ยวนั่งอยู่ด้วยเป็นเพื่อน”อิ่มจะแย่...ก็มันกินได้แค่นี้อะ...
“ยังจะบอกว่าอิ่ม ทั้งที่กินไปไม่กี่คำ ผอมลงไปเยอะเลยนะท็อตจิ...สนใจตัวเองบ้างเถอะ”ฝ่ามือหนาลูบหัวเขาเบาๆด้วยความรู้สึกห่วงใยที่ส่งให้รับรู้...แต่เขาก็ทำได้แค่ก้มหน้าก้มตาพยักหน้าให้เท่านั้น
“อาทิตย์หน้าก็กลับบ้านกันแล้วใช่มั้ยสุหงิ...”เปลี่ยนเรื่องดีกว่า...ไม่รู้ว่าคนที่บ้าน...จะอยู่ให้ได้เห็นหน้าไหม..?...ทำไมยังใจร้ายกับเขาไม่เคยเปลี่ยน
เรื่องที่ก่อขึ้นก็ยังไม่ได้ขอโทษเลย...
“ถ้างานที่นี่ไม่มีปัญหาอะไร อาทิตย์หน้าเราก็กลับกันได้แล้วล่ะท็อตจิ...เบื่อเหรอ...?”ใบหน้าสวยงอหง่ำลงไปไม่ชอบใจที่อีกฝ่ายดูออก
เขามานั่งๆนอนๆและช่วยงานสุหงิโซแค่นิดๆหน่อยๆเท่านั้น...มันเป็นข้อตกลงระหว่างเขากับสุหงิโซ ซึ่งข้อตกลงและเหตุผลร้อยแปดข้อที่สุหงิโซเอ่ยอ้างนั้นล้วนเป็นผลดีต่อเขาทั้งสิ้น
ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลสุหงิโซไม่เคยให้เขาเข้าใกล้ดายได้อีก...
และดายก็ใจร้าย...ไม่เคยเข้ามาดู ไม่รักษาให้ ไม่พูดด้วย...ไม่โผล่หน้ามาให้เห็น หลบหน้าตลอดเวลา..คงเกลียดเขาจนไม่อยากเห็นหน้าไปแล้ว
ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องอยู่ที่นั้นต่อไป...
ไม่มีเหตุผลอะไร...ที่จะอธิบายให้ฟังว่าเขาทำร้ายตัวเองไปทำไมและเพื่ออะไร...
ไม่มีเหตุผลพอที่จะอยู่สู้หน้าได้...
เพราะเหตุผลของเขา...มันเป็นสิ่งที่ดายไม่เคยฟังจากเขาเลยซักครั้ง...
ระหว่างเขากับดายมันจบลงไปแล้ว...ไม่ซิไม่ใช่จบ...ในเมื่อเขากับดายไม่ได้เป็นอะไรกันมันจะจบได้ยังไง
ระหว่างเขากับดายมันไม่มีอะไรที่ต้องเกี่ยวข้องกันอีกต่างหาก ทุกสิ่งทุกอย่างมันเลิกแล้วต่อกันไปตั้งแต่วันนั้น...วันที่เขาเดินออกมาจากบ้านหลังนั้นพร้อมสุหงิโซ
ใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของบุรุษเพศ คิ้วสวยเรียวหนา แววตาคมกริบ เจ้าของบรรยากาศเถื่อนดิบและกดดัน ความเย็นชาอันแข็งกร้าวที่สะท้อนเงาของชายหนุ่มเด่นชัด...นี่มันเป็นตัวของเขาเองเหรอ...บรรยากาศที่สามารถรับรู้ได้ด้วยตัวเองมันมีมากมายขนาดนี้เลยเหรอ...?
แต่จะมีใครรู้บ้างความเย็นชาที่แข็งกร้าวนั้น...มันเป็นตัวตนที่เขาทุกข์ใจมันเป็นอีกด้านที่ทำให้เขาอ่อนแอและพ่ายแพ้...
5 เดือนแล้วซินะ...5 เดือนแล้ว...แต่ทุกวันนี้ก็ยังอยู่มาได้นี่น่า...อื่มม...ไม่ตายๆ
ดายฝืนยิ้มฝืดๆให้กับตัวเองผ่านกระจกใบใหญ่ในห้องน้ำ สลัดหัวไปมาไล่ความคิดฟุ้งซ่านเกี่ยวกับคนที่เขาไม่เคยคิดว่าจะปล่อยไปได้...
ในห้องนี้มีความทรงจำ...ที่มันไม่ค่อยสวยงามเกี่ยวกับคนๆนั้นอยู่มากมาย...เคยได้เห็นกันทุกวัน เคยได้นั่งดูว่าคนๆนั้นทำอะไรอยู่ในห้อง...เคยได้นอนกอดทุกคืน...และก็ทะเลาะกันตลอดเวลา...ภาพที่เขาทำร้ายคนๆนั้นและคนๆนั้นทำร้ายตัวเอง...มันไม่สวยงามเอาซะเลย แต่ให้ลืมไปง่ายๆ...พยายามทำมาตลอดมันยังไม่มีทีท่าว่าจะทำได้สำเร็จซักที..
มันไม่ใช่ง่ายๆเลยนะดาย...
ป่านนี้แล้ว..จะเป็นยังไงบ้าง...คงจะสบายดีนะ...คงจะมีรอยยิ้ม...คงจะมีเสียงหัวเราะ ทุกๆวันคงจะมีแต่ความสุข...อยู่กับสุหงิโซคงไม่มีอะไรให้ต้องเสียใจ...พี่ชายคงไม่มีทางทำให้ร้องไห้แน่ๆ...
ก็ดีแล้วนี่...ก็ดีแล้วดาย...มันดีสำหรับโทชิยะแล้ว...
“ดายไปเร็ว เดี๋ยวฉันสายวันนี้มีสอนเช้าด้วย”เจ้าของเสียงใสมาพร้อมกับการโผล่ใบหน้าเข้ามามองด้วยความเป็นห่วง
...ยังไงคาโอรุก็เป็นทั้งเพื่อนและคนสนิทข้างกายเขามาตั้งแต่เด็กๆ
“โทษทีๆ...เสร็จแล้วล่ะไปกันเถอะ...”เดินออกมาด้วยกัน คนที่เคยทำผิดอย่างเขาอย่างน้อยๆเขาก็ยังมีคาโอรุและป้ามาอิคอยอยู่เคียงข้างตลอดมา
ความรู้สึกผิดที่ต้องใช้เวลาเยียวยามันต้องการกำลังใจและความรู้สึกจากคนรอบกายคอยปลอบประโลม...ดีแล้วที่มันทำให้เขาอยู่มาได้…
“ไม่เป็นอะไรนะดาย...นายโอเค..?” จะไม่ให้คาโอรุรู้เป็นอันขาด ความรู้สึกผิดนั้นมันไม่ได้เบาบางหรือถูกบั่นทอนให้จางลงได้เลย จริงๆแล้วเขายิ่งอ่อนแอและเสียใจ
การมีเวลาให้ตัวเองได้อยู่กับตัวเองแล้วมองย้อนกลับไปมองสิ่งต่างๆที่เคยเกิดขึ้นมามันกลับทำให้เขารู้สึกผิดมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก...
“โอเคๆ...คาโอรุ...”ข่มความรู้สึกและกลั้นใจตอบรีบเดินนำอีกฝ่ายขึ้นรถไปก่อน...ก่อนที่คาโอรุจะรู้ว่าเขากำลังจะร้องไห้...เขาจะไม่มีทางให้ใครเห็นมันอีกแน่...
เรื่องของคนๆนั้นที่ไม่ว่าจะยังไงเขาก็ไม่มีทางลืมและตัดออกไปจากใจ...ปล่อยให้มันบั่นทอนความเข้มแข็งจนกลายเป็นคนอ่อนแอ...เจ็บปวดและทุกข์ทรมานกับมันเพียงลำพัง...
ใจแข็ง!
ใจแข็งกันจริงๆแต่ละคน!!
ทำไมเทวดาบนฟ้าไม่ชะโงกหน้าลงมาดูมนุษย์ตาดำๆอย่างเพื่อนเขาบ้างวะ!!
มัวแต่ไปเที่ยวจีบนางฟ้าองค์ใดอยู่!!
ปล่อยปะละเลยหน้าที่แล้วนะท่านเทวดา!!
เฮ้ย!!
“จอดหน้าตึกเนี่ยแหละดายนายรีบไปเถอะเดี๋ยวสายรถติด...ตอนเย็นเดี๋ยวฉันนั่งรถไฟกลับเองไม่ต้องมารับนะครับคุณท่าน”คาโอรุยิ้มล้อเลียนให้ดายได้ยิ้มบ้าง
แทบจะนับครั้งได้เลยนะไอ้การฉีกยิ้มและหัวเราะของเจ้านายแอนด์เพื่อนตัวร้ายของเขา...
จริงๆมันก็น่าจะนับครั้งได้แล้วล่ะเขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าดายหัวเราะครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่กัน
ตั้งแต่วันนั้นมา เขาไม่เคยเห็นใครจะบ้าและใจแข็งได้เท่าดายอีกแล้วจริงๆ
คาโอรุก้มลงเขียนอะไรหยุกหยิกบนกระดาษในมือ ถึงแม้จะเคยโกรธและเกลียดดายอยู่มาก...ถึงแม้ว่าตัวเขาเองจะเคยชอบโทชิยะอยู่มาก...แต่พอมาถึงวันนี้ วันที่ดายไม่เหลือใครเลย...เขากลับทิ้งดายไปไหนไม่ได้...ความเป็นเพื่อนเคยถูกเลี้ยงและเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ มันทำให้เขาต้องคอยปลอบและให้กำลังใจดาย...ไม่เคยตอกย้ำถึงความผิดของดาย
ในใจดายยังรู้สึกผิดอยู่มาก เขารู้...ปล่อยให้เวลาและความรู้สึกมันรักษาตัวดายเองดีที่สุด...
“ดาย...นี่นะ”แล้วก็ยัดมันใส่มือดายที่นั่งมองว่าเขากำลังทำอะไรอยู่
“ถ้ามันจะทำให้ดายหลับฝันดีบ้าง...”คาโอรุเดินยิ้มลงไปจากรถทันที แต่ก็ยังมิวายยกโทรศัพท์มือถือตัวเองขึ้นมาโชว์ให้ดายรู้ว่าที่เขาให้น่ะมันอะไร
“ไม่แน่นะดาย...บางทีโทชิยะก็อาจจะอยากได้ยินเสียงนายบ้างล่ะ...ใครจะรู้ไปแล้วดาย..ขอบคุณนะครับที่มาส่ง”
ดายยิ้ม...เขาเห็น...ให้ดายโทรหาโทชิยะจริงๆเถอะ...เขาเชื่อว่าตลอดสี่ห้าเดือนกว่ามานี่ ทั้งสองคนไม่เคยได้คุยกันอีกเลย...
ตั้งแต่เกิดเรื่อง...ทั้งๆที่เดินเข้าออกโรงพยาบาลทุกวันแต่ดายไม่เคยเข้าใกล้โทชิยะ...ไม่มองหน้า ไม่พูดด้วย ไม่สนใจ ทำเหมือนอีกฝ่ายไม่มีตัวตนอยู่บนโลกนี้...
ทั้งร่างกายและทั้งสภาวะจิตใจของโทชิยะถูกรักษาด้วยคุณหมอท่านอื่น...ที่ไม่ใช่ดาย
อาจจะดูว่าดายใจร้ายใจดำ...แต่สิ่งที่ดายทำเขารู้ว่าดายเจ็บ...
วันที่โทชิยะขึ้นรถออกไปจากบ้านพร้อมสุหงิโซดายไม่แม้จะเอ่ยลาและไปส่งทั้งๆที่เห็นว่าอีกฝ่ายมันร้องไห้ตาบวมแค่ไหน ร่างกายเจ้าหมอนั้นยังไม่แข็งแรงดีด้วยซ้ำดายก็ยังใจแข็งมองลงไปจากหน้าต่างห้องเพียงเท่านั้น แล้วก็ทำได้แค่มองจนรถมันวิ่งลับตาออกจากบ้านไป
เขาเห็นนะ...เจ็บปวดจะตาย ดวงตาคู่นั้นแดงกล่ำ เสียใจแค่ไหน...คงไม่อยากให้อีกฝ่ายรับรู้
เฮ้ย!!...นึกแล้วเขาก็ทำได้แค่นี้แหละ...พูดและช่วยไม่ให้ดายคิดมาก ทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว...
******************************************************************************
“ท็อตจิกินข้าวเยอะอีกหน่อยสิ...พึ่งกินไปไม่กี่คำเองนะ”เขามองดูร่างบางที่นั่งเขี่ยข้าวในจานเล่น อาการแบบนี้มันเห็นจนชินตาทุกวัน แต่โทชิยะก็ไม่เคยสนใจใยดีตัวเองซักนิด
“ฉันอิ่มแล้วสุหงิ...กินอีกไม่ไหวอะ สุหงิแหละกินต่อไป เดี่ยวนั่งอยู่ด้วยเป็นเพื่อน”ใบหน้าขาวเนียนดูมีน้ำมีนวลและน่ามองมากกว่าเก่าแต่...แววตาเศร้านี่...เมื่อไหร่มันจะหายไปซักที…ทั้งๆที่อยู่กับเขาก็ไม่มีความสุขเลยเหรอท็อตจิ...ทั้งๆที่มีเขาอยู่ด้วย
“ยังจะบอกว่าอิ่ม ทั้งที่กินไปไม่กี่คำ ผอมลงไปเยอะเลยนะท็อตจิ...สนใจตัวเองบ้างเถอะ”จะทำให้เป็นห่วงไปถึงไหน...
ไม่รู้เลยเหรอไง...ภาพวันนั้นยังติดตาเขาไม่หายไปไหน...ร่างขาวซีดที่จมอยู่กับกองเลือดส่งกลิ่นคาวคละคลุ้ง ดีเท่าไหร่ที่ยังประคองสติอยู่ได้ ดีเท่าไหร่ที่ยังพาไปโรงพยาบาลทันโชคดีเท่าไหร่ที่เขาไปทัน ขอบคุณพระเจ้า...ขอบคุณครับที่ยังไม่พรากชีวิตของคนๆนี้ไปจากเขา
เขารู้ท็อตจิเขารู้...แต่ขอเขาเห็นแก่ตัวหน่อยเถอะนะ ขอเพียงแค่เวลานี้เท่านั้น...ขอเพียงให้ได้อยู่ข้างๆ
“อาทิตย์หน้าก็กลับบ้านกันแล้วใช่มั้ยสุหงิ...”
ถามทำไม...เหงาเหรอ..?ทั้งๆที่เขาอยู่ข้างๆยังเหงาเหรอท็อตจิ...? มันเทียบไม่ได้เลยหรือไง..?
ไม่ว่าจะตอนไหนเขาก็ยังเทียบไม่ได้...ทำไม่ได้ซักที...
“ถ้างานที่นี่ไม่มีปัญหาอะไร อาทิตย์หน้าเราก็กลับกันได้แล้วล่ะท็อตจิ...เบื่อเหรอ...?” โทชิยะเดินกลับเข้าไปในห้องพร้อมกับใบหน้าหงอที่เหมือนกับเขาเดาใจถูก...ไม่ยอมหันมาพูดกับเขาอีก
นี่เขาทำผิดอะไรลงไปหรือเปล่า...?
เขาคงไม่ได้ทำอะไรที่ไปทำร้ายใครเข้าหรอกนะ
การที่เขาดึงตัวคนรักออกมาจากความชั่วร้ายของน้องชายนั้นมันก็เป็นเรื่องที่ถูกที่ควรแล้วนี่...
สองคนนี้ไม่ควรจะอยู่ด้วยกันอีก อยู่ไกลๆกันนั้นแหละดี...
อย่าให้ดายเข้าใกล้โทชิยะอีก...อย่าให้ดายมาทำร้ายโทชิยะได้อีก...
ทั้งร่างกายและความรู้สึกของโทชิยะ...มันต้องใช้เวลารักษา...
มันถูกต้องแล้ว มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องและเป็นสิ่งที่เขาควรทำที่สุด...
ตะ...แต่ทำไม
จนเวลาล่วงเลยเข้ามาหลายเดือนแล้วทำไมยังไม่ดีขึ้นเลยล่ะโทชิยะ...
เอาความรู้สึกไปผูกติดและยึดติดอยู่กับอะไรอยู่...หลงลืมว่ามีเขาที่ยังรักและเป็นห่วงอยู่มากๆไปแล้วเหรอ...เอาความรู้สึกของเขาเหล่านั้นไปทิ้งไว้ที่ไหนกัน!
เห็นนะ เขาเห็น...ทั้งที่น้องชายทำร้ายจนไม่เป็นผู้เป็นคน ทั้งๆที่ดายไม่เคยดูดำดูดี ทั้งๆที่ดายทำถึงขนาดนั้นแล้ว...ทำไม...ทำไมท็อตจิ...?
เขายอมเป็นคนเห็นแก่ตัว...ทั้งที่ร้องไห้ ทั้งที่รู้ว่าไม่อยากมาด้วย...แต่จะเป็นไปได้ยังไงที่จะให้ทนอยู่กับดายต่อไป...
เข้าใจเขานะท็อตจิ...เข้าใจเขา...ถึงการอยู่กับเขามันไม่มีความสุข แต่เขาคงทนให้กลับไปอยู่กับดายไม่ได้อีก...
“ไง...ไปดื่มกันมั้ยดาย...?”นึกเป็นห่วงขึ้นมา หลังจากที่ได้รู้ว่าต่างคนต่างก็แย่ทั้งคู่ ประจวบเหมาะกับวันนี้เขาว่างหลังจากที่ทำให้สุหงิโซไปโผล่ที่บ้านดายมาได้...เขาก็ไม่ได้ไปเยี่ยมเยือนดายอีกเลย
“หึ!...อยากไปด้วยวะ..แต่ขี้เกียจออกจากบ้านจังเลยเจ...ดื่มด้วยกันในนี้ได้มั้ยวะ”น้องชายต่างสายเลือดที่บ้างครั้งก็เหมือนเพื่อนแค่นยิ้มที่ดูซีดเซียวแถมยังอาการเครียดจนหน้านิ่วคิ้วขมวดนั้นส่งมาให้
เขาหันไปมองคาโอรุที่นั่งอยู่ตรงเค้าท์เตอร์ในห้องรับแขกพยักหน้าให้อีกฝ่ายไปที...นานๆได้มาเจอทีก็ทำให้สดชื่นไปอีกแบบ
“ได้เลยไอ้น้องชาย...ไปจัดมาอย่าให้เสีย”เจตอบพร้อมกับย้ายตัวเองลงไปนั่งฝั่งตรงข้ามโซฟาที่ดายนั่งอยู่
“ได้ยินแล้วใช่มั้ยคาโอรุ..รีบจัดไปอย่าให้ของขึ้น”ดายหันไปยิ้มพยักเพยิดกับเจ้าร่างบางที่มองหน้าเขาอยู่ก่อนแล้ว
“ได้ยินแล้ว...รอแป๊บ เดี๋ยวจัดให้...ไม่ให้เสียของครับ”คาโอรุตอบรับด้วยใบหน้าระบายไปด้วยรอยยิ้มล้อเลียน...เช่นเดียวกัน
“จัดมาเลย...กูเปรียวปากแล้ว”เขาไม่อยากรักษามารยาทแล้วมันไม่ชินก็คนเคยๆกันทั้งนั้น
“ครับคุณพี่ รอแป๊บหนึ่งนะคร๊าบบบ”คาโอรุขานตอบรับความต้องการของเขาออกมาทันทีเรียกเสียงหัวเราะชอบใจจากเขาได้ไม่น้อย
พึ่งรู้ว่าบ้านดายมีอะไรที่ทำให้ยิ้มไม่หุบได้…เมื่อก่อนก็มาบ่อยแต่ไม่เห็นจะเคยเจอ...หรือว่าเคยเจอ...แต่ไม่เคยสนใจ?
“เป็นไงบ้างวะ?”...ว่าจะไม่ถาม แต่ก็ดันปากไวถามออกไปจนได้...แต่ทำไมเขาไม่มองหน้าคนตอบล่ะ หันไปมองคาโอรุมันทำไม?+
“เป็นไง...ก็นี่ไง เป็นคนอยู่นี่ นั่งได้ยืนได้ กินได้ ดื่มได้ จะให้กูเป็นอะไร”ดายตอบเขาด้วยท่าทางยียวนพอกัน ได้ยินเสียงหัวเราะกิ๊กถูกใจของคาโอรุจนอดหันไปมองไม่ได้อีก
“เอ่อ!...ให้มันนั่งกินนอนกินได้ตลอดเถอะมึง!...กูล่ะเบื่อคนใจแข็งนัก!” เจประชดไปหนึ่งดอกด้วยความหมั่นไส้ดายพอกัน คนเขาอุตสาห์เป็นห่วง ได้ข่าวว่าไม่คบใครเลยนี่ ไม่โผล่หน้าออกไปหาเพื่อนคนไหนวันๆทำแต่งานหน้าดำคร่ำเครียด...
ก็ท่าทางแบบนั้น...ที่ไปดื่มกันครั้งสุดท้ายนั่น มันสำนึกผิดชัดๆ...สำนึกผิดไม่ว่า...ไอ้แววตาเศร้าๆไม่อะไรกับชีวิตนี่อีก...จะให้เรียกมันว่าอาการอะไรดีล่ะ
เป็นห่วงเค้า...ชอบเค้าเข้ายังไม่รู้ตัวเอง เอาเข้าไปดายเอ้ยมึง!!
“มึงว่าไงคาโอรุ...มึงว่าป่านนี้โทชิยะมันจะเป็นยังไงบ้างวะ...?”คว้าแขนลงมานั่งด้วยกันซะเลย...พึ่งรู้ว่ามันซงเหล้าอร่อยก็วันนี้นี่แหละ
“คุณเจ..กรุณาพูดให้มันสุภาพหน่อยเถอะครับ”คาโอรุหันไปมองดายแวบ...ไอ้ตัวเล็กมันไม่ได้สนใจกับคำพูดเขาหรอก มันก็แกล้งว่าไปงั้นแหละ
“ตอบไม่ตรงคำถาม...”
“ไม่รู้ ผมจะไปรู้ได้ยังไง อยากรู้คุณก็ถามดายดูซิ” 55+ ไอ้หน้าหวานข้างกายโยนให้ดายตอบซะงั้น...
อะๆ..ตกใจเลยมึง
แทบขำกลิ้งที่เห็นท่าทางดาย เหล้าในปากเกือบพุ่งมาโดนหน้าเขาแล้ว ...แค่เอ่ยชื่อ...มันก็มีอิทธิพลกับดายได้ขนาดนี้เชียว
หึๆๆ สนุกโว้ย ...เขาว่าเขามีอะไรทำที่สนุกๆเอาไว้เล่นแล้วล่ะ
“กูไม่รู้...ไม่ต้องมามองกูอย่างนั้น...มึงอยากรู้ก็โทรถามพี่สุหงิเอาดิ”ดายมันหันมาตอบพร้อมใบหน้าเหี้ยมๆของมัน โยนหัวโยนหางให้เขาเผลอรับสมอ้างที่มันเองก็อยากรู้แทบตาย
ดูมันทำหน้า...ทำหน้าซะยังกับไม่ใช่เรื่องของกู...อย่ามายุ่งในเรื่องที่ไม่เกี่ยวอะไรกะกูงั้นอะ
เอ่ออ..ให้มันใจแข็งไม่อยากรู้ได้ตลอดไปเถอะวะ!!
“โทรซักหน่อยก็ดีวะ ว่ามั้ยคาโอรุ คนมันเคยเห็นๆกันอยู่ ป่านนี้เป็นตายร้ายดียังไงบ้างก็ไม่รู้แม่งยิ่งขี้น้อยใจอยู่ด้วย ไอ้สุหงิก็นะพาไปอยู่แม่งซะไกลชิบ...ไปทำไมวะเยอรมัน!ไกลซะขนาดนั้นเกิดบ้าทำร้ายตัวเองขึ้นมาอีกใครจะไปเยี่ยมมันทันวะนั้น!”
ปากเขาก็บ่นไปตามเรื่องตามราวจริงไม่จริงเขาไม่รู้ แต่อยากให้มันสะกิดใครบางคนที่นั่งเก๊กหน้าขรึมไม่ทุกข์ไม่ร้อนนี่ได้บ้างล่ะ
“โทรซิครับคุณเจ ผมก็อยากรู้...เป็นห่วงท็อตจิ ไม่รู้จะลุกขึ้นมาทำร้ายตัวเองอีกหรือเปล่า?”ดีมากๆหนูน้อย...อยากเอามือไปลูบหัวคาโอรุมันแต่ก็กลัวจะโดนสวนกลับ เขาเลยได้แต่ยิ้มให้ไป
มองไปทางดายตอนนี้นั่งกระสับกระส่ายทำตัวไม่ถูก เอาแต่ดื่มลูกเดียว
“กูอ่ะ...มันไม่เท่าไหร่หรอกกับไอ้หน้าสวยนั้น..มึงจะให้กูโทรไปให้ไอ้สุหงิมันด่าเอาเหรอวะคาโอรุ...มันยิ่งหวงของมันอยู่”อันนี้เขาพูดตามความจริง เพื่อนเขามันหวงเจ้าสวยนามท็อตจินั้นยิ่งกว่าอะไร
“นั้นอะดิ...ผมลืมไปเลยคราวนั้นยังเล่นเอาดายคางเหลืองไปตั้งหลายวัน...”
“กูไม่ได้ยอมให้มันต่อยโว้ย!!...แม่งเล่นซัดตอนกูเผลอนี่!!”ดายมันรีบแย้งทันควัน
“แล้วนี่...ทางนู่นก็ไม่ส่งข่าวเลยเหรอ...?”ไม่รู้จะถามใครระหว่างดายและคาโอรุ...ดายนั่งเงียบๆไม่ตอบเขาแถมยังรีบหันไปมองทางอื่นอีก...
“ได้ยินแม่โทรไปคุยนะครับ...เห็นคุณสุหงิบอกแม่ว่าคลั่งอีกแล้ว...แต่จริงๆท็อตจิมันน่าจะหายแล้วนี่น่าดาย...แต่ทำไมยังไม่หายอีกล่ะ” ไอ้คำตอบก่อนหน้าไอ้ตัวเล็กมันหันมาตอบเขา แต่ไอ้ประโยคคำถามข้างหลังมันกลับหันไปถามดายซะงั้น...เอากับมัน...คาโอรุมันเข้าใจแหย่เจ้านายมันนะเรื่องอาการทางจิตของโทชิยะที่เจ้าหมอนั้นเป็น
“กูจะไปรู้ได้ไงล่ะ...กูไม่ได้รักษา..ดูแลกันยังไง...มึงอยากรู้ก็โทรไปถามพี่สุหงิเองคาโอรุ!”ดายเริ่มอารมณ์เสียใส่คาโอรุมันขึ้นมา ท่าทางหงุดหงิดหน้าเครียดขรึมมาเชียวไอ้นี่...แต่ท่าทีมันเห็นแล้วแทบอยากขำกลิ้ง
โด่...แล้วก็ทำเป็นไม่อยากรู้เรื่องของเจ้าหน้าสวยนั้น...ทั้งที่ๆในใจมันตอนนี้นั่งไม่ติดไปแล้ว
“เอ่อไม่ดีกว่า... ลืมไปว่ะว่าคนแถวนี้มันไม่อยากได้ยินคนชื่อนี้อีก...เอ่อๆ ขอโทษๆไม่พูดแล้ว...ดื่มๆดีกว่าคุณเจ...เรามาดื่มกัน” แล้วก็หันมายกแก้วให้กับเขาแทน ดายนั้นแทบจะจ้องทั้งคาโอรุและเขาให้ทะลุทะลวงไปถึงข้างใน
ดูตามันแทบจะกินเลือดกินเนื้ออยู่แล้ว
เฮ้ยยยยย++
น่าแปลกเนอะคนเรา...แปลกจริงๆ...ทำไมความรู้สึกมันช้าแบบนี้ว่ะ...หรือว่าความรู้สึกมันตายด้านไปแล้ว...
ใจแข็งให้มันได้ตลอดรอดฝั่งเถอะดายเอ้ย!
เฮ้ยย!!
จบตอน...
ทะแม่งมั้ย...?
ไปแล้ว...ขอบคุณท่านที่ให้การสนับสนุนมากๆเลยนะครับ