เพิ่งเข้ามาอ่านนะ
นิคน่ารักจังง
ตอนล่าสุดโหดร้าย
กายเลือดอาบเลย
55555555555555
เข้ามาฮาชื่อ เห็ดน้อยย กร๊ากกกกกกกกกกกกกกก
เห็ดน้อยยๆๆ เอาไป + นึง กร๊ากกกกซ์
^
^
^
ฮาด้วยคน
น่ารักดีออกกกกกก
ปล. มาต่อให้แล้วนะคะ
=========================================
Chapter : 27 เพราะเพียงเพื่อน...เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด เป็นสิ่งที่ผมไม่เข้าใจสาเหตุเลยจริงๆ ก่อนหน้านี้พวกมันก็คุยกันด้วยดี แต่พอผมออกไปคุยโทรศัพท์ กลับมาเท่านั้นแหละ ไหงเรื่องราวมันถึงได้กลับตาลปัตรเป็นเลวร้ายแบบนี้!
แถมผมยังต้องมาโดนลูกหลงจากการกระทำที่ไร้สติของพวกมันทั้งคู่อีก มันยังจะมีอะไรที่ซวยไปกว่านี้อีกไหม...?
ตอนนี้สมองผมมึนงงไปหมด อาการแล่นวาบทั่วทั้งศีรษะ... ภาพเบื้องหน้าเหมือนจะพร่ามัวไปชั่วขณะ ก่อนจะสามารถปรับโฟกัสได้อีกครั้ง...
เพิ่งจะรู้สึกตัวว่ากำลังนอนฟุบอยู่บนพื้น ...นี่หัวผมกระแทกกับอะไรเนี่ย? เจ็บชะมัด! ความเจ็บเริ่มมาแทนที่อาการมึนชาอย่างรวดเร็ว เจ็บมาก...เจ็บจนน้ำตาแทบไหล...
แต่ความโกรธอย่างเดียวเท่านั้น... ที่หยุดยั้งน้ำตาของผมเอาไว้
ผมค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้นยืน มือขวากุมศีรษะเอาไว้ด้วยความเจ็บปวด รู้สึกถึงความเปียกชื้นที่เหมือนจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สัมผัสกับฝ่ามือของผม
ผมเงยหน้าขึ้นกวาดตามองตัวต้นเหตุทั้งสองด้วยความเย็นชา ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกจากปากผมอีก ผมโกรธจริงๆ โกรธมาก...อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
พวกมันอยากจะตีกันต่อ ผมก็จะไม่ว่าอะไรอีก อยากจะทำอะไรผมก็จะไม่สนใจทั้งสิ้น! อยากจะไปตายที่ไหนผมก็จะไม่เข้าไปข้องเกี่ยวอีกแล้ว!
ผมก้าวเดินออกไปจากตรงนั้น โดยไม่สนใจคนทั้งสองนั้นอีก...
“กาย แกเลือดออกนะ ฉันว่าไปหาหมอ...”
“คุณกาย... ผมขอโทษ...”
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน!” ผมตวาดใส่พวกมันเสียงเย็น แล้วเดินโซเซขึ้นบันไดไปชั้นบน
“ฉันว่ารีบไปโรงพยาบาล...” ไอ้เรโอเข้ามาจะพยุงตัวผม
“อย่ามาแตะ!!” มันสะดุ้ง รีบเอามือออกจากตัวผมทันที
“คุณกายครับ...” นายนิคเรียกผมเสียงสั่น ผมหันไปมองหนุ่มฝรั่ง ก่อนจะหันมามองไอ้เรโอช้าๆ แล้วบอกกับพวกมันด้วยน้ำเสียงที่เฉียบขาดเอาจริง
“พวกแกอย่าทำให้ฉันโมโหไปมากกว่านี้นะ... ไปให้พ้นๆจากสายตาฉันซะ ฉันอยากอยู่คนเดียว!”
ผมปิดประตูห้องลงแล้วกดล็อค โดยที่พวกมันได้แต่ยืนหน้าซีดสลดอยู่หน้าห้องเท่านั้น เวลาที่ผมโกรธมากๆ ผมจะไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แม้กระทั่งบาดแผลของตนผมก็ไม่ได้สนใจ...
ก่อนหน้านี้น้องหยกโทรมาหาผม บอกว่าขึ้นฝั่งมาแล้ว กำลังแวะทานข้าวกันอยู่ เธอเลยโทรมาถามผมว่า ผมต้องการอะไรไหมเธอจะได้ซื้อมาเผื่อ ผมก็ปฏิเสธไปว่าผมทานกลางวันเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องการอะไร พอคุยกับน้องหยกเสร็จ กลับมาก็เห็นหมาบ้าสองตัวฟัดกันอย่างเอาเป็นเอาตาย
ผมงุนงงสับสนไปหมด ไม่เข้าใจจริงๆ ไม่เข้าใจอะไรเลย...
เหมือนมีคนจับผมโยนลงในม่านหมอกหนาทึบ จนมองไม่เห็นอะไร... ทำไมพวกมันถึงทะเลาะกัน เพราะอะไร? ไหนเรโอประกาศกร้าวกับผมว่าชอบนายนิค แล้วทำไมถึงต่อยตีกันได้? อะไรคือสาเหตุของเรื่องราว?
เหล่านี้เป็นคำถามที่ค้างคาใจผมยิ่งนัก แต่ถึงแม้ผมอยากจะรู้ ก็ไม่ใช่เวลานี้... เวลาที่ผมโกรธพวกมันอยู่
ผมล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยความอ่อนล้า ไม่รู้ว่าไปเอาแรงบ้ามาจากไหนถึงได้ลากสังขารมาถึงห้องนอนได้โดยไม่ล้มลงก่อน คงเป็นความโกรธละมั้ง ที่ฉุดให้ผมมานอนอยู่ตรงนี้คนเดียวได้
กลิ่นคาวเลือดกระทบจมูกผมอย่างเด่นชัด มันไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีเลย... มันทำให้ผมนึกถึงตอนที่เคยกรีดข้อมือ... เลือดมากมายกับกลิ่นคาวเลือดที่รุนแรง... ยังติดอยู่ในความทรงจำของผม ไม่ลืมเลือน...
ตอนนี้ผมไม่อยากจะลืมตามองมือที่เปื้อนเลือดกับหมอนสีขาวที่ผมกำลังกดหัวลงไปนี้เลย... มันคงไม่ใช่ภาพที่ดีนักหรอก รู้สึกเหมือนหน้าจะมืด คงเป็นเพราะอาการเสียเลือด แต่ความปวดมึนศีรษะยังคงรุนแรงชำแรกเข้ามาจนเนื้อตัวผมสั่นระริกไปหมด
ถึงแม้ว่าผมจะรู้ว่าตัวเองกำลังแย่ แต่ผมจะไม่เรียกร้องให้ตัวต้นเหตุทั้งสองมาช่วยผมหรอก!
ผมไม่อยากได้รับความช่วยเหลือจากพวกมัน ไม่ต้องการคนที่มันทำผมเจ็บ!
ปึงๆๆ!! เสียงทุบประตูห้องผมดังขึ้นอย่างเร่งร้อน ตามมาด้วยเสียงอ้อนวอนของนายนิค
“คุณกายครับเปิดประตูเถอะ ให้ผมเข้าไปดูคุณหน่อยนะครับ...คุณกาย...”
“คุณกายครับส่งเสียงตอบผมหน่อย! ได้โปรดเถอะ...”
ผมทำเป็นไม่ได้ยิน แต่เขาก็ยังเรียกไม่หยุด จนในที่สุด...ก็ค่อยๆเงียบเสียงไป ผมคิดว่าเขาคงท้อถอยแล้ว...
ตาผมเริ่มปิดลง หนังตาทั้งสองหนักอึ้งมาก ความง่วงกำลังกล้ำกลายมา...
แอ๊ด...
ผมได้ยินเสียงประตูเปิด แต่ร่างกายผมมันอ่อนล้าเกินกว่าจะหันไปมองดู ได้แต่สงสัยในใจเท่านั้น ว่าใครกำลังมา... แล้วเข้ามาได้อย่างไร?
ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆวิ่งเข้ามาหาผมที่นอนอยู่บนเตียง แต่ทิศทางที่มา ไม่ใช่จากประตูห้องนอน มันทำให้ผมยิ่งรู้สึกมึนงงกว่าเดิม
“คุณกาย!” ร่างผมถูกจับยกขึ้นอยากรวดเร็ว
เมื่อผมลืมตาขึ้นมา ก็เห็นใบหน้าที่ดูไม่สบายใจของนายนิคปรากฏขึ้น
“นาย...เข้ามาได้ยังไง...” ผมถามเสียงเบาหวิว
“ทางประตูระเบียง... ผมปีนขึ้นมา... แต่เพราะคุณรู้ไหม...คุณกำลังทำให้ผมเป็นบ้า! ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย...” เขาบอกเสียงสั่นน้ำตาเอ่อคลอเบ้า มือของเขาที่ลูบไล้แก้มผมอยู่ เย็นและสั่นเทาเหลือเกิน...
“รู้สึกก็ดี... จะได้รู้ว่าการไม่อยากให้คนที่เราแคร์ต้องมาเจ็บตัวมันเป็นยังไง”
เขาเงียบไป แววตาของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยคำขอโทษและความเสียใจ เพียงเท่านี้ก็พอ ผมไม่ต้องการอะไรอีก... ผมหลับตาลง ซุกตัวกับอ้อมอกที่มั่นใจว่าต้องปลอดภัยของชายหนุ่ม ไม่อยากคิดอะไรอีก...
แกร็ก! แอ๊ด...!!
คราวนี้เป็นเสียงประตูห้องนอนผมเปิดจริงๆ
"เฮ้ย! เข้ามาได้ไง!" สองเสียง ของคนที่ก่อนหน้านี้แทบจะตีกันตายโพล่งขึ้นมาพร้อมกัน
“ฉันไปขอกุญแจจากป้าใยแม่ไอ้ตั้มมา นายล่ะ” ไอ้เรโอบอกเสียงเรียบ
“ปีนระเบียง”
มันนิ่งเงียบไปกับคำตอบของนายนิค ก่อนจะถามขึ้นมา
“แล้วกายเป็นยังไงบ้าง?”
“อาการไม่ค่อยดีเลย... หน้าซีดมาก ฉันว่าเรารีบพาคุณกายไปโรงพยาบาลกันเถอะ ”
“งั้นนายรีบอุ้มมันลงมา ฉันจะไปสตาร์ทรถรอ” มันสั่งเสร็จสรรพ ก็รีบวิ่งออกไปทันที
การพูดคุยของพวกมันเหมือนกับว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกันมาก่อนด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าพวกมันไปเจรจาสงบศึกกันตั้งแต่ตอนไหน ถึงได้ให้ความร่วมมือกันอย่างกลมเกลียวถึงเพียงนี้
นายนิคช้อนตัวผมอุ้มขึ้นมา ผมรู้สึกเหมือนตัวเบาหวิวราวกับจะล่องลอยไป... เวียนหัวมากจนต้องยกมือกอดคอหนุ่มฝรั่งเอาไว้
“คุณกายครับ… อย่าเพิ่งหลับนะครับ เรากำลังจะไปหาหมอกันแล้ว ทนอีกนิดนะครับ” เขาบอกกับผมเสียงนุ่ม ก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากผมเบาๆ
เรโอติดเครื่องรอไว้ก่อนอยู่แล้ว โดยมีป้าใยนั่งคู่ด้านหน้าไปด้วย ให้ป้าใยเป็นคนบอกทางไปยังโรงพยาบาล ระหว่างทางนายนิคจะคอยเรียกผมแล้วพูดคุยไปด้วยตลอดทาง เหมือนกับไม่อยากให้ผมหมดสติไป ดวงตาของเขาสั่นไหวทุกครั้งที่จ้องมองผม จนผมรู้สึกได้ถึงความพะว้าพะวงในใจเขา
ไอ้เรโอคอยมองผมกับนายนิคผ่านกระจกมองหลังของรถตลอดเวลา สีหน้ามันราบเรียบมาก จนไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ... พอมันเห็นว่าผมกำลังมองมันอยู่ มันก็จะหลบตา แล้วหันไปคุยถามทางจากป้าใย
แต่เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่ผมจะมาใคร่ครวญถึงการกระทำของมัน เพราะยิ่งคิดมากเท่าไหร่ หัวสมองผมก็เหมือนกับจะระเบิดออกมา จนผมต้องหลับตากัดฟันข่มความเจ็บปวดเอาไว้...
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่ในที่สุดเราก็มาถึงโรงพยาบาล ร่างของผมถูกจับนอนบนเตียงเข็น ห้อมล้อมด้วยพยาบาลและแพทย์ สำนึกสุดท้ายที่ผมรู้สึกคือ... มือที่แสนอบอุ่นของนายนิคที่จับกระชับมือของผมเอาไว้แน่น...
แม้สติของผมจะหลุดลอยไป... แต่ความอบอุ่นจากสัมผัสนั้น ได้ถ่ายทอดความรู้สึกของเขาแผ่ซ่านลงในหัวใจของผมอย่างเด่นชัด...
=========================================