SF Singular-This Love By Heart Or Destiny//รักนี้..หัวใจหรือใครลิขิต
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: SF Singular-This Love By Heart Or Destiny//รักนี้..หัวใจหรือใครลิขิต  (อ่าน 39926 ครั้ง)

Jellio

  • บุคคลทั่วไป
อ่านเรื่องนี้แล้วมีความสุขจังค่ะ น่ารักมาก หวานมากๆ ชอบมากๆๆ  >w<

ออฟไลน์ pupuzaa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
อ่านไปเชิลไปอ่า :o8:

น่ารักอ่ะ :-[

ออฟไลน์ prettypearl

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
เขิลลลลอ่ะ

พี่ซินน่ารักเนอะ  โหมดอ้อน >.<

พี่นัทเท่มว๊ากกกก  รักและรออย่างมั่นคง ฮิฮิ้วววว

อยากอ่านต่อค่ะ  มันไม่จบแค่นี้ใช่ม้ายยยยยย  o18


ออฟไลน์ ✪PATTY✪

  • เมี๊ยวววว~
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
    • http://facebook.com/NKM.SNK
 :-[ น่ารัก


มันยังมิจบ ชิมิเคอะ  o18

ออฟไลน์ 13smblue

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ยิ่งอ่านก็ยิ่งชอบอ่ะค่ะ  :m1:

จะเป็นอะไรไหมระ ถ้าคิดว่ามันยังไม่ใช่ตอนจบ... :dont2:

ออฟไลน์ PoyPay

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 269
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
น่ารักจัง....
ซินอ้อนได้น่ารักสุดๆ.... คิคิคิ....

ออฟไลน์ forte

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
น่ารักมากกกกกกกกก ซินอ้อนได้น่ารักดี อยากเห็นจัง

แต่ท่าทางจะมีมาเฟียตาขวางจ้องเขม็งอยู่

ออฟไลน์ joko

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Short Fiction  Singular - This Love By Heart Or Destiny //  รักนี้....หัวใจหรือใครลิขิต //Part 2 .. MEET..

   ตอนนี้ผมอยู่หลังเวทีที่จัดในมุมของโถงโรงแรม ด้านหลังเวทีเป็นพื้นที่แคบ ๆ จัดที่นั่งสำหรับศิลปินและพิธีกร ตอนนี้ผมกำลัง ซ่อมแซมอุปกรณ์ประกอบฉากหน้าเวทีอยู่ ด้วยอะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้มันชำรุด แต่ผมต้องซ่อมให้ทันก่อนที่งานจะเริ่ม ผมกรีดคัทเตอร์ลงบนกระดาษสาสีแดงสด ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในการหุ้มโคมไฟรูปทรงหัวใจที่วางข้าง ๆ กัน

   “พี่ซิน ศิลปินเริ่มทยอยมาแล้วพี่ ผมว่าเค้าน่าจะต้องการพื้นที่ตรงนี้นะ แล้วเราจะไปทำตรงไหน” ผมหันไปมองโชค เด็กฝึกงานที่มาเป็นลูกมือผมวันนี้

   “อืม อีกนิดเดียวอ่ะโชค มาช่วยพี่ทากาวตามโครงลวดโคมไฟ แล้วก็เก็บอุปกรณ์ทุกอย่างยกเว้นโคมไฟกับกระดาษสา ที่เหลือที่จัดการเอง” ผมพยักหน้ารับรู้ก่อนจะออกคำสั่ง กับน้องฝึกงานที่มัวแต่ยืนตื่นเต้นอยู่

   “ครับพี่ หูย..พี่ซิน....โครตโชคดีอ่ะ วันนี้นะผมจะขอลายเซ็นพี่โย่งไปฝากแฟนให้ดู เห็นคลั่งมานานและ ถือว่าเป็นของขวัญวันวาเลนไทน์ พี่ว่าดีมะ”....ผมไม่ตอบ ได้แต่ยิ้มบาง ๆ ให้ ก่อนจะช่วยกันทำงานตรงหน้าให้เสร็จทันเวลา..  ความรักไม่ใช่สิ่งเลวร้าย ถึงผมจะเคยเจอความรักที่ไม่ลงตัว แต่ผมรู้ว่าไม่ใช่ผมคนเดียวที่พบเจอ สำหรับคนที่ทำใจยังไม่ได้ สิ่งนั้นคือฝันร้ายที่สุดในช่วงชีวิตนั้น แต่เมื่อเวลาผ่าน...กาลเวลามันก็ลบเลือนอะไรหลาย ๆ อย่าง จนฝันร้ายครั้งนั้นกลายเป็นแค่บทเรียนบทเรียนนึงในชีวิต  ผมไม่ได้เกลียดกลัวความรัก เพียงแต่ยังไม่พร้อม...หรืออาจจะยังไม่ถึงเวลา..และยังไม่เจอสิ่งที่ใช่ก็ได้

   “เสร็จซักที อ่ะ...โชคไปไหนละ” ผมหันรีหันขวางหาลูกทีม เพราะมีงานที่ต้องใช้ คือการเอาโคมไฟไปตั้งบนแท่นซึ่งมันยากสำหรับคนความสูงน้อยอย่างผม...งั้นลองเสียบไฟดูก่อนละกัน

   “ปลั๊ก บ้า!” พาลหงุดหงิดไปอีก เมื่อเต้าเสียบกับปลั๊กที่เสียบมันไม่สามัคคีกันซักนิด ผมพยายามกดตัวปลั๊กเสียบให้ชิดกันเพื่อที่จะได้เข้าไปในรูเสียบได้พอดีแต่ เหล็กมันแข็งจนกดไม่ลง.. (เข้าใจกันเปล่างิ ^ ^”) ยิ่งลนเมื่อมองนาฬิกาที่ข้อแขนตัวเอง เหลือเวลาอีกไม่มาก เพราะศิลปินเริ่มทยอยกันเข้ามาแล้ว

   “ บ้าจริง !...ปลั๊กอื่นก็ไม่ว่างด้วย.. อ๊ะ!!”

   “ผมช่วย”

   “...........”

   “น่าจะได้แล้ว ลองดูนะครับ”

   “อะ เอ่อ ครับ”  ผมสะดุ้ง...รีบละสายตาจากใบหน้าผู้เข้ามาช่วยเหลือ เปลี่ยนเป็นมองมือใหญ่ที่กำลังจะเสียบปลั๊กเพื่อลองโคมไฟสีแดงสด หลังจากที่รับปลั๊กเสียบ ที่ผมเผลอปล่อยให้อย่างง่ายดาย เพราะหลังจากเงยหน้าไปเจอหน้าคม ๆ นั่น ...สติก็เบลอไปชั่วขณะ...

   “เอ่อ..ขอบคุณครับ” ผมเอ่ย เมื่อแสงสว่างออกมาจากโคมไฟรูปหัวใจ จนบริเวณนั้นฉาบด้วยสีแดง  สวยจัง..เป็นความคิดเมื่อมองเห็นแสงสีแดงสาดทับร่างใหญ่ที่อยู่ข้าง ๆ และดูเหมือนเจ้าตัวจะพอใจในฝีมือการเสียบปลั๊กตัวเองอยู่ไม่น้อยโดยการหันมาส่งยิ้มให้....หัวใจของผมดันไปสนองตอบกับรอยยิ้มนั้นด้วยการเต้นไม่ปกติ  ผมรีบก้มหน้าก้มตาดึงปลั๊กออก แล้วคว้าโคมไฟเจ้าปัญหามาไว้ในอ้อมกอด

   “ไม่เป็นไรครับ เห็นคุณรีบ ๆ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว แล้วต้องเอาไปไว้ตรงนั้นรึเปล่าครับ แล้ว..เอ่อ..” ผมมองตามสายตาคนช่วยเหลือที่ไล่มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า หลังจากที่ชี้ถูกจุดที่ต้องเอาไปตั้ง ผมพยักหน้าก่อนจะแสดงสีหน้าออกมาให้รู้ว่าไม่ค่อยพอใจการมองแบบนี้เท่าไหร่

   “ฮ่ะ ฮ่า ๆๆ ขอโทษครับ ผมกำลังจะบอกว่าคุณไหวรึเปล่า” อึก!! เหมือนโดนว่าทางอ้อม..  ผมขมวดคิ้วเข้าด้วยกัน ตั้งใจจะช่วยหรืออะไรกันแน่  มองหน้าคมที่เลิกคิ้วถามผมเหมือนกำลังรอคำตอบอยู่

   “ไม่เป็นไรครับผมมีลูกทีมอยู่ ขอบคุณนะครับที่ช่วย” ผมชักเริ่มหงุดหงิดกับคนตรงหน้า เพราะหลังจากฟังคำตอบจากผมก็พยักหน้าเข้าใจ แต่มือใหญ่ก็เอื้อมมาดึงโคมไฟไปกอดไว้ซะเอง .....ยังไงกัน

   “ผมช่วย... คุณคอยดูละกันว่าโอเคมั๊ย...”

   “........” ผมตั้งสติได้ก็ได้แต่เดินตามมือกีตาร์หนุ่ม ....ที่ทำให้ใจผมเต้นแรงตั้งแต่เมื่อวาน และดูเหมือนเค้าจะไม่ได้สังเกตอาการอึ้ง ๆ เบลอ ๆ ของผม ที่ได้เจอเขาซักนิด... ก็ดีเหมือนกันเพราะผมยังมองหาโชคไม่เห็นเลย โทรศัพท์ก็เห็นวางอยู่ข้าง ๆ กล่องเครื่องมือด้วย..


   “ขอบคุณนะครับ เอ่อ..”

   “ผมนัทครับ”

   “ขอบคุณ คุณนัทครับ ถ้าไม่ได้คุณคงแย่” คำขอบคุณที่ออกมาจากใจจริง ๆ เพราะหลังจากเอาชิ้นงานไปตั้งก็เจอปัญหาอีก ปลั๊กตรงที่เสียบไฟดันไม่เข้าทั้งที่เมื่อวานทดลองแล้วโอเคทุกอย่าง ลำบากตั้งเดินปลั๊กมาใหม่ ซึ่งคนตรงหน้าผมก็กระตือรือร้นช่วยทุกอย่าง และอีกอย่างลูกมือผมไม่น่าจะผ่านฝึกงาน เพราะไม่เห็นเงาเลย

   “ไม่เป็นไรครับ” ริมฝีปากที่คลี่ยิ้ม ทำเอาใจผมกระตุกและปั่นป่วนขึ้นมาอีกแล้ว  อยากจะหยุดหายใจให้หัวใจมันหยุดเต้นซะเดี๋ยวนี้ เพราะเต้นแบบนี้ ดีไม่ดีคนที่ยืนยิ้มอยู่อาจจะได้ยินได้....

   “พี่ซิน !! ผมขอโทษพี่ ผมท้องเสียอ่ะ โอย..หมดแรง” ผมหันไปมองโชคที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา เหงื่อซึมตามใบหน้า.... มายืนหอบข้าง ๆ ผม พร้อมกับส่งสายตาอ้อนวอนสำนึกผิดมาให้

   “เออ..เสร็จแล้ว แล้วเป็นไงบ้าง” ผมมองหน้ามันแล้วอดที่จะหัวเราะไม่ได้แต่ก็ต้องกลั้นไว้เดี๋ยวมันจะหาว่าเยาะเย้ย... ท่าทางจะหนักจริง ๆ ผมหันไปยิ้มกว้างให้มันแทน

   “โหยพี่!! พรุนเลยอ่ะ” ผมได้แต่มองมันที่เดินหย่องแหย่ง ไปนั่งเก้าอี้ตัวที่ใกล้ที่สุด ซึ่งตอนนี้ศิลปินเต็มหลังเวทีแล้ว ผมหันมามองคนตรงหน้าที่กำลังมองผมอยู่เหมือนกัน

   “คุณนัทครับ”

   “.......” 

   “คุณนัท!” เป็นอะไร..มองหน้าผมซะนิ่งเชียว..

   “อะ เอ่อ ครับ” หน้าหล่อ ๆ ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะส่งยิ้มแหย ๆ ให้.....

   “ถ้ายังไง ขอบคุณอีกครั้งครับ ผมต้องขอตัวไปดูงานข้างนอกก่อน”

   “ครับ ไม่เป็นไร เอ่อ คุณ ซินใช่ไหมครับ เอ่อ คือ..”

   “ครับ ผมซิน มีอะไรรึเปล่าครับ” ผมถามคนที่เอ่ยชื่อผมแล้วทำอ้ำอึ้งเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด

   “ปะ เปล่าครับ... เชิญครับ” ... ยิ้มอย่างนี้อีกแล้ว.....เพราะความคิดผมรวน ๆ อยู่แล้วรึเปล่าทำให้รอยยิ้มนั่นมันบาดใจได้ขนาดนี้ ผมยิ้มให้ร่างสูงนั่นอีกครั้ง ก่อนจะหันหลังกลับทันทีเพราะรู้สึกว่าหน้าตัวเองเห่อร้อนขึ้นมาซะเฉย ๆ .....ผมต้องเป็นบ้าแน่ ๆ ถ้ายังอยู่ใกล้คน ๆ นี้อีก

   
   “ซิน ปอว่าซินเจอแล้วล่ะ ดีใจด้วยนะ” ปอ......มาได้ยังไง….

   “ปอว่าอะไร ...ซินเจออะไร” ผมถามคนที่เคยทำให้ผมเจ็บแทบบ้า ที่บัดนี้ยืนยิ้มให้ผมอยู่ตรงหน้า แต่ทำไมทุกอย่างมันเลือนรางนัก

   “เดี๋ยวซินก็รู้ ปอว่าแล้ว ว่าซินต้องเจอซักวัน ปอไปก่อนนะ ซินดูแลตัวเองด้วย ขอให้ซินมีความสุขกับสิ่งที่เหมาะและใช่สำหรับซิน”

   “ปอ... จะไปไหนน่ะ ..ปอ แล้วปอมาได้ยังไง ปอ ...รอซินก่อน” ผมไล่ตามแผ่นหลังบอบบางนั่นไป แต่ยิ่งวิ่งยิ่งไกล และก็ลับตาในที่สุด

   //  จะมีไหมซักคน มาเปลี่ยนชีวิตของฉัน.. เธอคือใคร
ที่จะรักจริง ไม่ทอดทิ้งกัน อยากจะรู้
จะมีไหมซักใจ จะได้เจอเธอ อยากรู้เธอคือใคร
ที่จะเป็นรักสุดท้าย ของฉันจริงๆสักที //  (เธอคือใคร – ETC)

   เสียงเพลงดังจากโทรศัพท์ไอโฟนสีดำที่วางอยู่ข้างหมอน ทำให้ผมสะดุ้งตื่น เหงื่อซึมตามไรผม และรู้สึกว่าฝันเมื่อซักครู่เหมือนจริงมาก เรื่องอะไรที่ผมจะต้องฝันถึงปออีก เพราะผมไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับเธอเลยช่วงนี้

   “ซินครับ” ผมกรอกเสียงแบบงุนงง หลังจากกดปุ่มรับสายไปแล้ว

   “ซินนี่เสกเพื่อนปอนะจำได้ไหม เรามีข่าวร้ายจะบอกว่ะ .....หวังว่าซินคงยังไม่ลืมปอนะ”

   “อืม ...” เสียงเสกดูเหมือนสั่น ๆ ....ผมครางรับเบา ๆ... ปอ...ผมไม่มีวันลืมแน่ ๆ

   “ปอประสบอุบัติเหตุ เสียชีวิตแล้วว่ะ ฮึก! แมร่งเมื่อวานมันยังโทรหาเรา คุยกันสนุกสนาน มันยังถามเลยว่าได้ข่าวซินมั่งเปล่า ...ไม่อยากเชื่อเลย” เสียงเครือของเพื่อนสมัยเรียนพร้อมกับคำบอกเล่า... ทำเอาผมนิ่งไป.....หัวใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ... อะไรกัน....ปอตายแล้ว....รู้สึกเย็นวูบไปทั้งตัว.. แต่ก็รับรู้ถึงหยาดเหงื่อที่ผุดออกมาตั้งแต่ตอนสะดุ้งตื่น........ความฝันเมื่อครู่ มันยังติดตาผมอยู่เลย...

   //ปอไปก่อนนะ ซินดูแลตัวด้วย //  เสียงปอยังชัดเจนในความรู้สึกของผมตอนนี้ ถึงแม้จะเป็นแค่ฝัน... น้ำตาผมไหลออกมา แต่ไม่มีเสียงสะอื้นอะไร…

   “ซิน ซิน ฟังเราอยู่รึเปล่า”

   “ฟังอยู่...แล้วยังไงต่อ ตอนนี้ศพปออยู่ที่ไหน”ผมพยายามทำเสียงให้เป็นปกติมากที่สุด

   “ญาติมันมารับไปแล้ว เห็นว่ารดน้ำศพพรุ่งนี้ วัด........ ตอนบ่าย 2 โมง ซินอโหสิให้มันนะ  เราไม่รู้ว่าเรื่องราวเมื่อก่อนมันเป็นยังไง แต่เราว่าปอยังห่วงใยซินเหมือนเดิม ยังไงซะ มันก็ไม่ได้อยู่กับเราแล้ว ถือว่าให้มันได้ไปสบาย แค่นี้ก่อน..ถ้าพรุ่งนี้ซินไปก็เจอกันที่งานนะ”

   “อืม” ผมตอบรับก่อนจะกดวางสาย แล้วค่อย ๆ วางโทรศัพท์ลง .....ปอ...ปอเป็นห่วงซินอยู่รึเปล่า ปอ....ยังเฝ้าดูซินอยู่ใช่มั๊ย…ยังเป็นกังวลกับเรื่องของซินซินะ ผมก้มหน้าซุกหัวเข่าตัวเองที่ตั้งชันขึ้นมา..

   “ฮึก ฮืออ ....ปอ..ฮืออ ปอไม่ต้องห่วงซินนะ ซินไม่เป็นไร ซินยังรู้สึกดี ๆ กับปอเหมือนเดิม  ฮึก ..ซินไม่เคยเกลียดปอเลย.. ซินอโหสิให้ปอทุกอย่าง ฮืออ ปอ..ได้ยินซินไหม ฮึก...หลับให้สบายนะเรื่องของซิน ไม่ต้องห่วง ฮืออ”



   ผมนอนร้องไห้จนหลับไป ทั้งที่จากกันตั้งนานแล้วทำไมผมถึงเสียใจได้มากมายขนาดนี้ อาจจะเป็นเพราะความฝันก่อนหน้านั้น มันจะผิดไหมถ้าผมจะคิดว่าปอยังไม่ลืมผมเหมือนกัน แต่ทำไมปอต้องบอกว่าผมเจอแล้ว ผมเจอะอะไร

   “บ้าน่ะสิ..” ผมรำพันกับตัวเองเบา ๆ ขณะที่ขับรถตรงไปที่วัด ที่เสกบอกเมื่อคืน ก็เมื่อครู่จู่ ๆ ก็มีหน้าของคน คนนึงลอยแว๊บเข้ามาในหัวสมอง คิดแล้วก็โมโหตัวเอง เหตุการณ์อย่างนี้ยังจะคิดถึงอยู่ได้....คิดถึง...คงไม่ใช่หรอก...

   ผมจอดรถไว้บริเวณที่ถูกจัดไว้ แล้วเดินเข้าไปในงาน เจอเพื่อนสมัยเรียนมัธยมหลายคนทั้งที่ยังติดต่อกันอยู่และที่ไม่ได้ติดต่อมานานแล้ว ผมติดงานทำให้มารดน้ำศพปอไม่ทันทั้งที่วันนี้ไม่มีกระจิตกระใจทำงานซักนิด แต่เป็นงานที่ทิ้งไม่ได้ต้องเข้าไปเคลียร์ก่อน ก่อนจะมาได้ก็ล่อเข้าไปเกือบ 4 โมงเย็น... เมื่อเดินเข้าไปในงานเพื่อไหว้ศพ... รู้สึกถึงลมเย็น ๆ ที่พัดผ่านผมไป

   //วู๊บบบ!!!//  ขนทั้งตัวผมพร้อมใจกันลุกเกรียวกันไปหมด เพราะลมเย็นเมื่อครู่หรือว่าเพราะอะไรก็แล้วแต่ ผมมองรูปที่ตั้งอยู่หน้าศพ..... รูปปอ...ที่มีรอยยิ้มสดใสเหมือนสมัยก่อนไม่มีผิด... ทำเอาผมรู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกที่ลำคอ น้ำตาเริ่มรื้นขึ้นมาอีกแล้ว....รู้สึกว่าตาเริ่มพล่าเพราะน้ำตาที่มาคลอ...

   หมับ!! “อ๊ะ!!” ผมตกใจ ที่จู่ ๆ ก็มีมือมาจับมือผมไว้ จนจะชักกลับ แต่มือที่จับกลับจับแน่นขึ้นอีกจนรู้สึกเจ็บแต่ไม่มาก...และแปลกใจ...เพราะความรู้สึกที่มีอีกอย่างคือ...ความอบอุ่นที่วิ่งเข้ามาบริเวณที่ถูกพันธนาการไว้ก่อนหน้านี้

   “ถ้าร้องไห้ คนตายจะไปไม่สงบนะครับ ไปไหว้ศพกันเถอะ” ผู้ชายในเชิ๊ตดำที่พูดคุยกับผมตอนนี้คือคนที่เคยแว๊บเข้ามาในความคิดผมเมื่อไม่นาน และเป็นคนเดียวกันกับคนที่จับมือผมไว้ ...มาได้ยังไงกัน..บังเอิญอีกแล้ว...นี่คือความคิดของผม....แปลกที่ความอบอุ่นนั้นทำให้น้ำตาผมที่ทำท่าจะไหลกลับหายไปได้ ผมยอมเดินตามมือที่ฉุดผมเดินเข้าไปหน้าศพ ก่อนจะปล่อยผมเป็นอิสระ... ผมไม่รู้ว่าคนในงานมองกันรึเปล่า ...เหมือนผมจะไม่ได้คิดอะไร.. กลับรู้สึกว่าเหมือนมันเป็นสิ่งที่ดี...ที่ได้เจอ.....

   “อ้าวนัทเป็นไงมั่ง ไม่เจอกันนาน แล้วนี่รู้จักกันเหรอ..” เสียงเสกดังขึ้น

   “อ่อ ก็เคยเจอกันในงาน ที่ซินเค้าไปจัดสถานที่น่ะ” เป็นนัทที่ตอบ ผมได้แต่ยิ้มให้เพื่อนที่เข้ามาทักเป็นระยะ บางคนก็หอบลูกหอบเต้ามาด้วยร้องไห้กระจองอแงบ้าง วิ่งเล่นซุกซนบ้าง.... มันก็มีความอบอุ่นในงานที่มีแต่ความซึมเศร้าอย่างนี้ได้เหมือนกัน...

   “งั้นก็ไม่ต้องแนะนำละ ซินรู้แล้วใช่ไหมว่านัทเป็นลูกพี่ลูกน้องกับปอน่ะ” เสกหันมาพูดคุยกับผม หลังจากมานั่งเก้าอี้ที่ทางเจ้าภาพจัดเตรียมไว้ โดยมีนัทนั่งทางด้านขวามือของผม

   “หึ.. เปล่าเราไม่รู้” ผมส่ายหน้าพร้อมกลับหันไปมองหน้านัทที่เหมือนกับกำลังสนใจคำสนทนาระหว่างผมกับเพื่อนสมัยเรียนอยู่

   “อ้าว เหรอ.. นัท..เรียนอีกที่น่ะแล้วก็เป็นลูกพี่ลูกน้องปอด้วย  ...ถ้ายังไงก็ทำความรู้จักกันไปก่อนนะ เดี๋ยวรับโทรศัพท์เพื่อนก่อน..เดี๋ยวมา เออ! แต่เรามีอะไรจะบอกนัท ซินน่ะแต่งเพลง ร้องเพลง.. อย่างนี้เลย” พูด...อย่างนี้เลย.. ด้วยการยกนิ้วโป้งให้ผม เสกรู้เพราะคลุกคลีอยู่กับพวกผมบ่อย ผมเคยอยู่วงประสานเสียงชื่อดัง และแต่งเพลงให้ทางโรงเรียนด้วย

   “ซินแต่งเพลงด้วยเหรอ พึ่งรู้นะเนี่ย..” แปลกคน... ก็พึ่งรู้จักกัน...พึ่งรู้ก็ไม่แปลกหรอก

   “แล้วซินไม่ร้อง ไม่แต่งเพลงแล้วเหรอตอนนี้” คนถาม ตั้งคำถามแต่ไม่มองหน้าผม ถ้าไม่ติดว่าตรงนี้มีผมที่ชื่อซินและกำลังคุยเรื่องนี้อยู่ คงได้ถามกันล่ะ ว่าถามผมรึเปล่า?

   “ อืม พอดีช่วงนี้ซินยุ่ง ๆ น่ะ ส่วนเพลงที่แต่งเก็บไว้ก็มีเหมือนกัน” ผมเผลอใช้สรรพนามแทนตัวเองด้วยชื่อโดยที่ไม่รู้ตัว

   “งั้นเหรอ อืมมม ทำไมซินไม่ลองไปเสนอทางค่ายเพลงดูล่ะ ซินอยากเป็นนักร้องรึเปล่า”

   “คือผมหมายถึง แค่เนื้อร้องและทำนองน่ะ” ผมรีบแก้ตัวและสรรพนาม เพราะเรื่องเป็นนักร้องเป็นแค่ความฝันลม ๆ ของผมเท่านั้น ผมไม่มีความกล้าพอที่จะไปยืนร้องเพลงแบบเดี่ยว ๆ ให้ใครฟังแน่ ๆ

   “งั้น จะว่าอะไรมั๊ย เอ่อ..ถ้านัทจะขอเป็นคนเรียบเรียงดนตรีและกีตาร์ให้เพลงของซิน....แล้วอีกอย่าง นัทอยากให้ซินแทนตัวเอง ว่าซินเหมือนเมื่อกี้ได้ไหม นัทว่ามันมันเหมาะกับซินดี”  ผมมองหน้ามือกีตาร์ตรงหน้าแบบงง ๆ กับคำร้องขอ รวมถึงสรรพนามที่นัทใช้แทนตัวเองด้วย มันก็รู้สึกดีเหมือนกันที่ได้ยินแบบนี้ นัทคงรู้สึกดีเหมือนกันใช่มั้ย ถ้าผมจะใช้สรรพนามแทนตัวเองด้วยชื่อ...ผมเรียกแทนตัวเองว่า ซิน กับคนที่สนิทด้วยเท่านั้น แต่ผมก็เผลอพูดกับผู้ชายคนนี้ไปแล้ว..

   “แล้วนัทมีเวลาเหรอ วงที่นัทเล่นดังจะตาย ต้องไปเล่นที่นั่นที่นู่นบ่อยแน่ ๆ” ผมหันไปถามคนที่มองผมอยู่เหมือนกัน.....ใจเต้นอีกแล้ว...อยู่ใกล้คนคนนี้แล้วเป็นแบบนี้ทุกทีโดยเฉพาะเวลาเจอสายตาที่มองมาที่ผม..คนเดียว..

   “เปล่า ...นัทไม่ได้อยู่วงนั้น แต่แค่ไปเล่นแบล็คอัพแทนมือกีตาร์ที่ติดธุระช่วงนั้นพอดีน่ะ”

   “จริงอ่ะ ไม่น่าเชื่อ...ออกจะเล่นเทพขนาดนั้น” ประโยคหลังกลายเป็นพึมพำคนเดียวซะอย่างงั้น

   “ซินว่าอะไรนะ” ผมเงยหน้าขึ้น แทบสะดุ้งก็ใบหน้าที่เรียกเสียงกรี๊ดจากสาว ๆ ในงานที่ผ่านมาได้ไม่น้อยหน้ากับนำร้องนำ มาอยู่ห่างจากหน้าผมไม่ถึงคืบ....จะยื่นหน้าเข้ามาทำไมเนี่ย....

   “เปล่า ซินแค่คิดว่านัทก็เล่นเก่งนิ ไม่มีใครมาติดต่อไปทำวงเลยเหรอ” รู้สึกว่าหน้าตัวเองเห่อร้อนขึ้นมาจนต้องรีบทำเป็นตั้งคำถามที่ไม่ได้ตรงกับที่คิดซักนิด....

   “อืม มี แต่นัทปฏิเสธ ไม่รู้สิใจมันไม่อยากทำกับใครอ่ะ อยากอิสระเพื่อรออะไรบางอย่าง  นัทก็ไม่รู้ว่ารออะไร แต่ก็รอจนถึงตอนนี้.....นัทอยากเห็นซินร้องเพลงอีกครั้งนะ”…. สายตาคมจ้องกลับมาที่ผมอีกครั้ง คราวนี้ผมเผลอสบตาคู่นั้นโดยบังเอิญและไม่ได้หลบเหมือนเคย หรือเป็นเพราะไม่อยากหลบ นัทเคยได้ยินผมร้องเพลงเหรอ..แล้วทำไมผมไม่เคยรู้จักผู้ชายคนนี้มาก่อน ...เป็นผมที่เสสายตาออกจากหน้าหล่อ ๆ นั่น..หันไปโฟกัสที่รูปปอ ที่เหมือนกำลังส่งยิ้มให้ผมอยู่ เพราะอะไรกันนะปอ.... มีความรู้สึกเหมือนปอรู้เรื่องทุกอย่างด้วย..... ทำไมปอไม่บอกอะไรซินเลย....แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน ก็แค่...ความบังเอิญใช่ไหม....







ออฟไลน์ joko

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Short Fiction  Singular -This Love By Heart Or Destiny // รักนี้....หัวใจหรือใครลิขิต - End 8/6/11


   “นัท ซินว่าตรงนี้น่าจะซอร์ฟลงกว่านี้ดีไหม”

   “ซินว่าดีไหมล่ะ”

   “นัท ก็ซินถามนัทนี่ไง!!”

   “ซินก็หงุดหงิดไปได้ นัทก็คิดอยู่ งั้นลองเล่นอีกทีนะ”

   คงงงกันใช่ไหมครับว่าพวกผมเถียงอะไรกัน คงไม่เคยเห็นคนสวยเหวี่ยงใช่ไหม ครับ คนสวย ฟังไม่ผิด ก็คนตัวเล็ก ๆ หน้าหวาน ๆ ที่ตอนนี้ยืนทำหน้าพริ้ม โยกหัวน้อย ๆ ตามจังหวะดนตรีของผม หลังจากที่โดนผมกวนไปก่อนหน้านั้น ผม นัท ครับ คงจะสงสัยกันล่ะสิว่ามาถึงจุดนี้ได้ยังไง ก็หลังจากที่ผมเสนอตัวเองรับหน้าที่ใส่เสียงดนตรีให้กับเนื้อเพลงและเสียงเพราะ ๆ ของร่างเพรียวนี่ ทั้งที่ตอนแรกไม่คิดว่าซินจะตกลงด้วยซ้ำ กลัวว่าจะงง ทำไมผมต้องมาใส่ใจสนใจอะไรกับเขามากมาย จริง ๆ ผมไม่ใช่ว่าพึ่งจะรู้จักซินตอนนี้หรอกครับ


   “ปอใช่มั้ย มากับใครครับ ไมมานั่งคนเดียว ” ผมเดินเข้ามาทักลูกพี่ลูกน้องตัวเองที่นั่งเก้าอี้ในสวนสาธารณะแห่งนึง ที่สำคัญเจ้าของชื่อนั่งทำหน้าหงิกเหมือนโกรธใครมา

   “อ้าว..นัท ..มากับซิน เอ่อ..แฟนปอน่ะค่ะ” ใบหน้าใส น่ารัก หันมาทักผมด้วยสีหน้าแปลกใจที่เห็นที่นี่ จริง ๆ แล้วผมมาหาทำเล นั่งซ้อมกีตาร์เพื่อลงแข่งขัน เพื่อนแนะนำให้มาที่นี่เพราะค่อนข้างสงบซึ่งตรงสเปคผมพอดี

   “อ้าเหรอ แล้วแฟนปอไปไหนแล้วอ่ะ แล้วไมต้องมานั่งหน้าหงิกอยู่นี่ล่ะคับ” ผมกับปอเคยเจอกันไม่กี่ครั้ง ถือว่าไม่ได้สนิทอะไรด้วยซ้ำเพราะปอพึ่งย้ายมาจากทางเหนือ มาต่อ ม. ปลายที่กรุงเทพได้ไม่นานแต่เรียนคนละที่กับผม

   “ก็แฟนปออ่ะงี่เง่า ชวนไปร้องคาราโอเกะกับเพื่อนปอก็ไม่ไป เราก็เห็นว่าชอบร้องเพลง รู้งี้ไม่ชวนให้เสียรมณ์ หรอก ป่านนี้นั่งวาดรูปฮัมเพลงสบายใจไปแล้วมั๊ง” 

   “แล้วนัทมาไงอ่ะคะ”

   “อ่อ นัทมาหาที่ซ้อมกีตาร์น่ะ เพราะนัทสมัครแข่งดนตรีไว้น่ะ ..งั้นนัทไปก่อนนะไว้เจอกันใหม่” หน้าใส ๆ พยักหน้าให้ผมทั้งที่ยังทำหน้าค้อน ๆ อยู่

   ผมเดินห่างจากปอมาไม่มาก  มีคนวิ่งออกกำลังกายไม่กี่คน ผมเลือกนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ตัวยาวสีฟ้าอ่อนที่มีพนักผิง ข้าง ๆ เป็นพุ่มไม้ดัด ที่บังตัวผมได้มิด ผมเริ่มซ้อมกีตาร์  และทุกครั้งที่ผมอยู่กับคู่หูของผม นั่นเท่ากับว่าในโลกนี้ตอนนี้มีแค่ผมกับไอ้ตัวหลายสายนี่แหละ





   เสียงนุ่ม ๆ หวาน ๆ ในฉบับผู้ชายขับขานเพลงสบาย ๆ แต่ความหมายที่ทำเอาผมใจเต้นได้ ผมไม่รู้ตัวว่าตัวเอง เผลอตั้งสายกีตาร์ตัวโปรดและบรรเลงนิ้วตามจังหวะเสียงเพลงนั้นได้จนจบได้ยังไง  เพลงนี้ผมเคยเล่น...ทำให้มันเป็นไปเองโดยอัตโนมัติ.... เพราะ...เสียงที่สามารถดึงดูดผู้คนได้ คงไม่ใช่แค่ผมคนเดียวหรอก ถ้าคนอื่นมาได้ยินด้วย คงจะเป็นคล้าย ๆ ผมแน่ ๆ

   “เพราะจัง!!!”   

   “อ้าวปอ” ผมหันไปตามเสียงทัก ก็เห็นปอยืนยิ้มแฉ่งให้ผมอยู่

   “ไม่คิดว่าเสียงกีตาร์นัทกับเสียงซินจะเข้ากันได้ขนาดนี้อ่ะ” ปอดูท่าทางจะปลื้มมาก ๆ ซะด้วย

   “ซิน?”

   “ใช่ค่ะ ซิน แฟนปอเอง นั่งหลังพุ่มไม้นั่นแหละ คงใส่หูฟัง ฟังเพลง แล้วก็วาดรูปด้วย เป็นอย่างนี้แหละเวลาซินอยู่กับอะไรพวกนี้นะ ไม่ค่อยจะสนใจอะไรหรอก เดี๋ยวปอจะแนะนำให้รู้จักนะ” ปอพูดเสร็จแล้วเดินอ้อมพุ่มได้ดัดข้าง ๆ ผมไปอีกฟากนึง พึ่งจะนึกได้ก็ตอนนี้แหละว่าถ้าแฟนปอไม่ใส่หูฟังและอยู่ในภวังค์อย่างปอว่า ผมคงโดนด่าแน่ เพราะอีกคนกำลังวาดรูปอยู่ด้วย แต่ก็แปลกคนที่วาดรูปไปด้วย ยังร้องเพลงดังขนาดนี้ ...หรือไม่...ผมอาจจะตั้งใจฟังเกินไป...

   “ซิน ..ซิน..ปอมีใครจะแนะนำให้รู้จัก” เสียงใส ๆ เรียกแฟนตัวเอง ทั้งที่ผมยังไม่ได้ขยับเดินตามไป

   “อืมแป๊บนะปอ” เสียงนุ่ม ๆ บอกปอให้รอ เพราะผมได้ยินเสียงริงโทนโทรศัพท์ คงจะรับโทรศัพท์ก่อน ผมลุกขึ้นเดินออกไปหาปอ แต่อีกคนกลับไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว .....สายตามองบุคคลที่พึ่งหันหลังเดินออกไป ร่างบาง ๆ ที่มองจากด้านหลังไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นผู้ชาย ผิวขาว ๆ ที่โผล่พ้นจากเสื้อยืดแขนสั้น....น่ามอง..........แค่ชั่ววินาทีที่เจ้าของร่างเล็กนั่นหันแค่หน้ากลับมาเพื่อปัดใบไม้ที่ล่วงลงตรงบ่าตัวเองพอดี แต่ผมกลับจดจำใบหน้าน่ารัก จิ้มลิ้มนั่นได้ทันทีที่เห็น รวม ๆ แล้วคน คนนี้ สามารถสะกดทั้งสายตาและจิตใจผมได้เวลาไม่นาน ทั้งที่ยังไม่ได้พูดคุยกันด้วยซ้ำ…นี่น่ะเหรอแฟนปอ ..

   “ซินอ่ะ นานจัง คงคุยกับม๊าอ่ะ ต้องคุยนานแน่เลย.. ม๊าซินนะห๊วงห่วงลูกชาย แต่ก็ไม่แปลกหรอก ก็ซินเป็นอย่างนี้....เฮ่อ !! นัทรู้ไหมเวลาปอไปไหนกับซินนะ ไม่โดนถามก็โดนแซวว่ามากับน้องสาวเหรอ เดี๋ยวนี้คบทอมแล้วเหรอ หรือกวน ๆ หน่อยก็ เดี๋ยวนี้คบเพื่อนสาวแล้วเหรอ ปอรู้ว่าซินอ่ะดีมากเลย จนบางทีปอก็รู้สึกไม่ดี”..... เสียงใสเจื้อยแจ้วให้ฟัง ผมก็ว่าไม่แปลกนะที่เหตุการณ์จะเป็นอย่างนี้ และดูท่าปอจะคิดหนักกับเรื่องนี้มากอยู่  ถ้าเป็นผมถ้าขึ้นชื่อว่าแฟน หรือคนที่เรารัก เขาจะเป็นยังไง แต่ถ้าเขาดีกับเราและรักเราเหมือนกัน คนคนนั้นมีค่าในสายตาผมเสมอ คงไม่เก็บมาคิดให้มากมายกับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องแบบนี้ แต่ความคิดคนเราก็ไม่เหมือนกันผมเข้าใจ ปอก็เป็นอีกคนที่อาจจะมองความรักไปคนละมุมกับผม และอาจจะคนละมุมกับอีกคนที่รู้ตัวหรือเปล่าว่าทำให้แฟนตัวเองหนักใจเพราะรูปร่างหน้าตัวเองเป็นแบบนี้

   “แล้วนัทไม่มาแฟนมาเที่ยวด้วยล่ะ” ปอละสายตาจากแฟนตัวเองแล้วหันมาหาผม

   “ยังหรอก นัทยังไม่มี”

   “จริงอ่ะ โห..หน้าตาอย่างนัทเนี่ยนะ” ใบหน้าน่ารักหันมาทำตาโตใส่ผมซะงั้น

   “อืม นัทคงมีเวลาให้เขาไม่มากพอหรอกตอนนี้ เอาไว้ก่อนละกัน นัทยังสนุกกับเพื่อนกับสิ่งที่นัทรักอยู่เลย” ผมตอบไปตามจริง ไม่ใช่ว่าไม่มีใครเข้ามา มากมายแต่ไม่ใช่ และยังไม่อยากจะใช่กับใครตอนนี้

   “นั่นสินะ อิจฉานัทจัง”

   “หือ.. ทำไมปอว่างั้นล่ะ” ผมมองหน้าของลูกพี่ลูกน้องที่ตัวเองที่พูดอะไรแปลก ๆ ออกมา

   “บอกตรง ๆ นะว่าตอนนี้ปอรู้สึกกับซินแค่เพื่อนเท่านั้นเอง ซินเป็นคนดี ดีทุกอย่างทั้งที่ตอนแรกก็รู้สึกดีที่ซินเป็นของซินอย่างนี้ แต่พอนาน ๆ เหมือนว่าไม่ใช่สำหรับปออ่ะ นัทคงว่าปอเป็นคนไม่ดีซินะที่คิดอย่างนี้ แต่ปอก็ทำอะไรไม่ได้... ถ้าจะบอกซินไปตรง  ๆ  ซินต้องเสียใจมาก ๆ เลยล่ะ เพราะปอรู้ว่าซินรักปอมาก ปอผิดเองที่ใจปอมันไม่มั่นคงและรวนเรอย่างนี้ บอกตรง ๆ ตอนนี้ปอไม่รู้ว่าจะไปกับซินได้แค่ไหน.....ขอโทษนะนัทที่ปอเล่าอะไรแบบนี้ให้ฟัง”

   “...............”

   “...ปอ....” ผมสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะพูดต่อ

   “ถ้าปอจะปล่อยซิน นัทขอนะ”

   “นัท!!!.....นี่นัทเป็น”  ผมไม่รู้ว่าตัวเองเผลอพูดอะไรออกไป แค่ได้ยินคำบอกเล่าออกจากปากของปอ เหมือนผมกำลังเข้าใจความรู้สึกเจ็บปวดที่จะเกิดกับร่างเล็ก ๆ นั่น...ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น....อยากปกป้อง...ถ้าเป็นผม ซินจะไม่ต้องเจ็บปวดแน่ ๆ ...ความรู้สึกที่แว๊บเข้ามา.... แม้จะตกใจในความคิดตัวเอง แต่ผมไม่ใช่คนที่จะไม่ยอมรับความจริงที่จะต้องเป็นไป...

   “..เปล่า.. นัทไม่ได้เป็น.....ในเมื่อปอเข้าใจคำว่า ไม่ใช่ ว่ามันเป็นยังไง ปอคงจะเข้าใจคำว่า ใช่ สินะว่ามันเป็นยังไง นั่นแหละที่นัทเป็น”

   “อืม...” ปอครางรับเบา ๆ แล้วก้มหน้ามองพื้น ผมไม่รู้ว่าปอคิดยังไง ..แต่ผมคิดอย่างนั้นจริง ๆ ...ก็แค่นั้นแหละ คนเราถ้าลองใช่  คงจะจูนกันไม่ยาก และที่เหลือก็ขึ้นอยู่ที่หัวใจเท่านั่นว่าจะมั่นคงต่อกันแค่ไหน ก็คงเหมือนกับที่ปอเป็นอยู่ ก็แค่ใจปอไม่มั่นคง แคร์กับสิ่งรอบตัวมากเกินไปจนลืมความสุขที่เคยได้รับจากอีกฝ่าย และจะลืมความสุขของตัวเองในที่สุด...คำว่า ใช่ สำหรับผมมันอาจจะเร็วไป และไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงคิดได้ถึงขนาดนี้ แต่ผมก็ซื่อตรงกับความรู้สึกตัวเองเสมอ

   “นัทไปก่อนนะ พอดีนึกได้ว่ามีธุระน่ะ”

   “ค่ะ แล้วเจอกัน” ปอหันมาพยักหน้าพร้อมกับหันไปมองอีกคนที่ยังไม่มีท่าทีว่าจะเลิกรากับเครื่องมือสื่อสารในมือ

   “นัท.... คิดอยู่ไหมว่าปอควรปล่อยซินไป....ถ้าถึงวันที่ปอกล้าพอ ปอจะบอกนัทนะ และหวังว่านัทคงทำได้อย่างที่ตัวเองพูด ถึงปอกับซินไม่ใช่แฟนกัน แต่ปอก็ยังรักซินเสมอแม้จะในฐานะเพื่อนก็ตาม”

   ผมไม่ได้พูดอะไรอีก..สาวท้าวเดินออกมาจากตรงนั้นทันที หลังจากนั้นไม่นานปอก็โทรหาผมบอกข่าวคราวที่เธอบอกเลิกซิน ถามว่าผมรู้สึกยังไง ไม่ได้ดีใจซักนิด แปลกที่ผมไม่เคยได้รับความรู้สึกอกหักหรือเสียใจกับเรื่องแบบนี้ แต่กลับเหมือนรับรู้ได้ว่าซินรู้สึกยังไง  ตอนนี้ผมคงทำอะไรไม่ได้ ....ก็แค่ภาวนาขอให้คนคนนั้นเข้มแข็ง และมีชีวิตที่ก้าวผ่านช่วงเวลานั้นได้เร็วที่สุด  ผมยังไม่อยากเข้าไปหาซินตอนนี้ด้วยอะไรหลาย ๆ อย่าง ผมต้องเตรียมตัวในการเรียนต่อซึ่งมุ่งมั่นที่จะเข้าคณะและมหาลัยที่ผมฝันให้ได้ และก็ทำได้ในที่สุด ผมมีเรียนและกิจกรรมค่อนข้างเยอะ ทำให้อะไรหลาย ๆ อย่างเลือนรางไป รวมถึงขาดการติดต่อกับปอด้วย แต่สิ่งที่ผมไม่มีวันลืมคือ คนที่ทำให้ผมรอ รออะไรไม่รู้.. แต่เหมือนอะไรคอยกระซิบบอกผมตลอดเวลาว่าสิ่งที่ผมเผ้ารอ จะไม่สูญเปล่า.... จนถึงตอนที่ผมเจอซินในงานที่ผมไปเล่นแบล็คอัพให้วงดังวงนึง... ผมจำซินได้ไม่ยาก หน้าตาซินเปลี่ยนไปไม่มาก จากแก้มป่อง ๆ เรียวลงทำให้ใบหน้าดูหวานซึ้งขึ้นไปอีก ผมยาวสลวยดำขวับ ยาวจนถึงกลางหลัง ใบหน้ายามเหม่อมอง ยังมีแววของความเศร้าฉายให้เห็น ในวินาทีที่ซินหันขึ้นมามองผม และมีความรู้สึกเหมือนถูกจ้อง ผมแทบหยุดหายใจ แต่รอยยิ้มและแววตาที่จ้องมองกลับไปมันเป็นไปโดยอัตโนมัติ
   
   จากวันที่ตกลงทำเพลงด้วยกัน ผมกับซินก็ใกล้ชิดกันมากขึ้น ผมจึงเล่าเรื่องที่ผมเคยเจอซินให้ฟัง ดูเหมือนซินจะจำไม่ค่อยได้เท่าไหร่ (พึ่งมารู้ทีหลังว่าซินเป็นคนขี้ลืมเป็นที่สุด)  แต่ผมเล่าแค่บางเรื่องเท่านั้นไม่รวมเรื่องที่ผมตกลงกับปอเอาไว้...... ซินก็ยังทำงานเหมือนเดิม แต่รับงานน้อยลง ซึ่งทางหัวหน้างานซินดูเหมือนจะยอมรับได้  เพราะที่ผ่านมาซินทำงานมากกว่าคนอื่นมาตลอด เป็นเพราะงานที่ผ่านซินค่อนข้างเป็นที่พอใจของลูกค้า และผมว่าเจ้าตัวก็ไม่ต้องการเวลาว่างให้ตัวเองด้วย.....

   “นัท ซินหิวข้าวแล้วอ่ะ ไปกินข้าวกัน” 

   “อืม แป๊บดิ นัทแกะเพลงนี้ก่อน” ตอนนี้เราสองคนอยู่บ้านผม เพราะไม่มีคนอยู่ทำให้เรามีสมาธิทำงานกันได้ ผมก้มมองโน้ตเพลงตรงหน้าไม่ได้เงยหน้ามองคนที่ยืนง็องแง๊งข้าง ๆ

    เมื่อได้รู้จักกันจริง ๆ ผมก็พึ่งรู้ว่าซินเป็นยังไง ภายใต้หน้าตาสวยน่ารักติดหยิ่งนิด ๆ เหมือนคนเข้มแข็งไม่ต้องพึ่งพาใคร และดูเหมือนจะอยู่ได้ด้วยตัวเองเสมอ กลายเป็นคนที่อ่อนไหวง่าย และขี้งอน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมลำบากใจอะไร เพราะซินเป็นคนตั้งใจทำงาน มีเหตุผล (กับคนอื่น)   ความที่เป็นอ่อนไหวทำให้ผมนึกไม่ออกว่าซินผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ยังไง  ซินเป็นคนที่พึ่งพาได้ตอนที่ผมอ่อนแอหรือมีปัญหา ความผูกพันธ์มันเพิ่มในใจผมเรื่อย ๆ โดยที่ไม่รู้เลยว่าซินรู้สึกยังไง แต่ทุกครั้งที่ซินชอบเอาแต่ใจตัวเองกับผม หรือไร้เหตุผลในเรื่องเล็ก ๆน้อย ๆ  ทั้งที่ซินไม่เคยเป็นกับคนอื่น ทำให้ผมคิดไปเองว่าสำหรับซินผมคือคนพิเศษเหมือนกัน..... ซินอยู่กับปอจะเป็นอย่างนี้หรือเปล่านะ แต่ปอไม่เคยเล่านิว่าซินทำตัวน่ารักได้ขนาดนี้ ^ ^ ..... ตอนนี้เราตั้งใจจะทำเดโมไปเสนอค่ายเพลงกัน เพลงที่ซินแต่ง เสียงที่ซินร้อง รวมถึงตัวซินเองมันมัดใจผมไว้แน่นจนไม่อยากที่จะเดินไปจากตรงที่ยืนอยู่เลย

   “ก็ซินหิวนิ ...เนื้อเพลงมัน..ไม่หายไป..ไหนซักหน่อย” ...บ่นครับบ่น เหมือนจะพูดกับตัวเองแต่แอบให้ผมได้ยิน ซินนั่งอยู่โซฟาข้างหลังผม คงไม่เห็นหรอกว่าผมแอบยิ้ม แต่ทำเป็นไม่ได้ยินซักหน่อย

   “นา  ท  หิ ว อือ..” เสียงหวิว ทำให้ผมหันไปมองซิน หลังจากที่ผมแกล้งไม่ได้ยินเสียงบ่นง๊องแง้งนั่นซักพัก แต่...

   “ซิน!!” ผมรีบลุกไปหาร่างบาง ๆ ที่ตอนนี้ล้มตัวนอนตะแคงบนโซฟา ผมยาวสวยส่วนที่โผล่พ้นขอบเบาะหนาทิ้งตัวลงจนจะละพื้น  โซฟาไม่มีพนักพิงตัวใหญ่กว่าตัวซินมากอยู่ ตาหลับพริ้ม ทั้งที่ขาส่วนล่างยังหย่อนลงจากโซฟาอยู่...อย่าบอกนะว่าหิวจนเป็นลมไปแล้ว..

   “ซินเป็นอะไร!!”

   “ฟี้.. งืม อือ ++ หิ ว ฟี้+”

   “..0_0 “   หลับ .....

   “ หึ หึ ..ตกลงยังไงเนี่ย ฮึ หิวหรือง่วงเอาซักอย่าง” อดที่ขำคนตัวเล็กนี่ไม่ได้ ทั้งที่บ่นว่าหิว หิว แต่พอหัวแตะเบาะนุ่มก็หลับได้อย่างง่าย ๆ เมื่อคืนคงเอางานมาทำที่บ้านล่ะสิ  ผมไม่ได้ปลุกซิน ได้แต่ช้อนร่างบางตรงหน้าแล้วขยับให้นอนในท่าที่สบาย เดินไปเบาแอร์และหาผ้ามาห่มให้....... ผมนั่งลงข้าง ๆ โซฟาที่มีซินนอนหลับตานิ่งอยู่ ปกติซินเป็นตื่นง่าย แต่ก็แปลกที่ผมอุ้มขนาดนี้กลับยังนิ่ง แสดงว่าง่วงมากจริง ๆ ...ผมเอื้อมมือไปปัดเส้นผมสวยที่ระหน้าขาว ๆ นั่นออก อดไม่ได้ที่จะไล้มือตามแก้มใส  ผมใช้นิ้วโป้งเขี่ยแก้มนุ่มเบา ๆ

   “เฮ่อ! ถ้าเราใจตรงกัน ก็คงไม่ต้องเป็นแค่เพื่อนสนิทอย่างนี้สินะ.... ฝันดีนะครับนางฟ้าของนัท” ผมปล่อยมือจากแก้มนุ่ม กะว่าจะไปโทรสั่งข้าวเข้ามาไว้ เผื่อตื่นขึ้นมาโมโหหิว หาว่าเป็นเพราะผมทำให้ตัวเองหลับจนไม่ได้กินข้าวอีก

   หมับ!!! หือ.. ผมรีบหันไปมองมือที่โดนมือเล็ก ๆ จับไว้ อย่าบอกนะว่าซินยังไม่หลับ ...แต่ก็ไม่ได้ลืมตานี่นา เป็นอะไรหรือเปล่าจับซะแน่นเลย

   “ม๊า..กอด ..ซินหน่อย หนาวว…” เสียงงัวเงียแทบจะฟังไม่รู้เรื่อง

   “ซิน นี่นัทนะ ไม่ใช่ม๊าซักหน่อย ปล่อยก่อนนะเดี๋ยวนัทไปเอาผ้าห่มมาให้อีก” ผมอดยิ้มกับท่าทางคนตัวเล็กไม่ได้ ผมค่อยแกะมือนุ่ม ๆ ออกจากมือตัวเอง แต่...

   “ม๊าไม่รักซิน กอด ม๊ากอดซินน้า”  นอกจากไม่ปล่อยแล้วยังจับแน่นขึ้นอีก คราวนี้ยังแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาอีกด้วยการทำปากยื่น คิ้วขมวดเข้าหากัน ทั้งที่ตาก็ยังหลับอยู่ ...นี่ละเมอแล้วน่ารักขนาดนี้ สาบานเลยว่าผมจะไม่ให้ซินมาหลับที่บ้านอีก ...หึ่ย!!  จะเกินไปแล้วนะซิน...

   “คร๊าบ ม๊าก็ม๊า  ตื่นมาอย่าโวยวายแล้วกัน” ช่วยไม่ได้ครับผมต้องยอมล้มตัวนอนลงข้าง ๆ ซิน ต้องขอบคุณคุณแม่หรือเปล่าที่เลือกซื้อโซฟาตัวใหญ่อย่างนี้มา

   “...รัก.. นา ท.. นะ..”....หือ.???...ฟังไม่รู้เรื่อง 

   “..ฮะ..ซินว่าอะไรนะ... อ๊ะ!! ”  ยกหัวขึ้นถามคนหลับ แต่สิ่งที่ได้หลับกลับมาคือซินขยับตัวหันหน้าเข้าหาผม แขนเรียวเล็กยกมากอดเอวและหน้าจิ้มลิ้มซุกเข้ากับอกของผม เพราะหนาวรึเปล่า ปกตินอนกับม๊าอย่างนี้รึไง.. ผมช้อนศรีษะเล็กแล้ววางแขนตัวเองลงไปแทนที่ก่อนที่จะค่อยวางหัวของคนตัวเล็กให้หนุนแขนผม แล้ววาดแขนอีกข้างกอดเอวบางตอบ...

   “เฮ่อ!!.. ทิวาสวัสดิ์ครับคนดี”  ผมหลับตาลง  เพราะได้กอดตัวบาง ๆ นุ่ม ๆ ได้กลิ่นผมหอมกรุ่นที่อยู่ตรงจมูกผมพอดี แอบก้มสูดความหอมจากกลุ่มผมนุ่มเบา ๆ .....เริ่มง่วงแล้วครับ

   “ อือ..เกาะ บอก ว่า รัก..นัท งายยย” .....หือ..  ละเมออีกแล้ว ฟังไม่ได้ศัพท์..... หนาวรึเปล่า..... ผมได้แต่กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น แล้วก็เข้าสู่นิทราตามคนในอ้อมกอด ? ไปในที่สุด.....


ออฟไลน์ penda

  • ~~^v^~~
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
พี่ซินน่ารักที่สุด  ทำไมพี่นัทไม่ฟังดีๆล่าาา
(แอบเซ็ง  555+)

 :L2: :pig4: :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






Sugar_Love

  • บุคคลทั่วไป
Short Fiction  Singular -This Love By Heart Or Destiny // รักนี้....หัวใจหรือใครลิขิต // ห่วง*หวง

   “ วันนี้ถ้าได้รางวัล แล้วเรามาฉลองกันสองคนนะที่บ้านซิน ซินจะทำกับข้าวที่นัทชอบด้วยล่ะ”

   “คร๊าบบ แล้วแต่คุณซินครับ ว่าแต่พร้อมยัง... พร้อมไหมครับ”

   นั่นคือเหตุการณ์ก่อนที่ทั้งคู่จะเข้าก้าวลงจากรถตู้ของบริษัท ผ่านมาเกือบปีที่ทั้งสองได้เป็นกลุ่มนักร้อง Duo ตามที่ฝันกันไว้ในนาม ….Singular.. ชื่อวงที่ทั้งคู่ช่วยกันคิด และเป็นประเด็นให้ถามกันทุกครั้งที่ออกสื่อ คำตอบที่ได้รับกลับไปเป็นเพียงภาพรวม..... ความหมายจริง ๆ ก็แค่ทั้งคู่คิดว่าชื่อนี้น่ะ ใช่ แค่นั่นเอง.... Singular ได้รับความนิยมอย่างมากจนเหมือนฝัน ทุกวันที่ผ่านมีความสุขกับการได้ทัวร์เล่นดนตรี ร้องเพลงในที่ต่าง ๆ มีแฟนคลับตามอย่างเหนียวแน่น ความสัมพันธ์และความรู้สึกก็ยังเหมือนเดิม ใส่ใจกันมากขึ้นเพราะต้องทำงานทุกวันแทบจะไม่มีเวลาพักผ่อน แต่ด้วยกำลังใจจากแฟนคลับ จากครอบครัว และที่สำคัญ....จากกันและกัน......

   “เหมือนฝันอ่ะนัท” ระหว่างทางเดินกลับเข้าหลังเวที หลังจากรับรางที่สองในการประกาศผลรางวัลที่ถือว่าเป็นรางวัลแห่งเกรียติยศ 

   “เหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่ฝันหรอก..นี่ไง” มือหนาเอื้อมมือไปจับมือเล็กไว้พร้อมกับกระชับให้แน่นตั้งใจบอกให้ร่างบางข้าง ๆ นี่รู้ว่าทุกสิ่งจับต้องได้ ไม่ใช่แค่ฝัน

   “อืม จริงด้วย นี่ไง คิก! อิอิ” ปากสวยคลี่ยิ้มกว้างให้เพื่อนร่วมวง ขยับมือออกจากมือหนาแล้วเอื้อมมือไปหยิกแก้มคนตัวสูงข้าง ๆ เบา ๆ พร้อมกับหัวเราะชอบใจ จนคนที่ถูกทำร้ายเบา ๆ อดหัวเราะตามไม่ได้...มีความสุข แค่รู้สึกว่าความหอมหวานมันอวลอยู่ข้าง ๆ ตัวของทั่งคู่

   “ดีใจด้วยนะ เยี่ยมจริงโว๊ย !!!” เสียงนักร้องรุ่นพี่ร่วมค่ายที่อยู่หลังเวทีดังขึ้น ทำให้ทั้งคู่หันไปยิ้มให้ก่อนจะเดินไปนั่งเก้าอี้บริเวณเดียวกัน หลังจากที่เดินพ้นซอยเล็ก ๆ ที่เชื่อมต่อระหว่างหน้าเวทีและห้องพักศิลปิน

   “เก่งจริงนะตัวแค่นี้”

   “โห่ พี่แตมป์ ชมซินคนเดียวเลย แมร่งโคตรน้อยใจ” นัททำท่าโอดครวญหลังจากที่เห็นแสตมป์ลุกขึ้นมายืนข้างซินที่นั่งอยู่พร้อมกับยกมือขึ้นขยี้ผมคนตัวเล็ก พูดเหมือนไม่คิดอะไรนอกจากแกล้งน้อยใจ แต่จริง ๆ แล้ว...ไม่ชอบ..ไม่อยากให้จับ....

   “อ้าวไอ้นี่ ก็บอกสิว่าอยากให้ชม เก่งโว๊ย พ่อกีตาร์แมน พ่อเด็กแจ๊ส..พอใจยัง” เมื่อเห็นรุ่นน้องหน้าหล่อทำท่าน่าถีบ ทำหน้างอน ๆ ก็ชมเหน็บไปดอกนึง ...ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเป็นยังไง แค่ไม่รู้ว่าต่างคนต่างยังไม่รู้ในความรู้สึกของตัวเอง หรือไม่ให้อีกคนรับรู้ถึงความรู้สึกของตนกันแน่ เขาไม่ได้รังเกียจเรื่องอย่างนี้ และที่สำคัญทั้งสองคนเคมีเข้ากันได้อย่างไม่น่าเกียจเลย ยังไงดีล่ะคงจะไม่แปลกถ้าจะใช้คำว่า เหมือนเกิดมาเพื่อกัน และสามารถเติมเต็มกันได้ในเกือบทุกเรื่อง และที่สำคัญความรักไม่ใช่สิ่งที่น่ารังเกียจ มันเป็นสิ่งที่สวยงามถ้าเข้าใจซึ่งกันและกัน

   “คร๊าบ ขอบคุณครับ ของมันแน่ ฮ่า ๆๆๆ” 

   “เออ เสร็จงานแล้ว บอสนัดเลี้ยงนะโว๊ย ไม่ไปไม่ได้ เตรียมตัวกันด้วย” แสตมป์บอกก่อนจะเดินออกไปรับโทรศัพท์ที่ดังขึ้น

   “เอาไงอ่ะนัท ไปเปล่า” ใบหน้าน่ารักหันมาทำหน้ายู่ถามเพื่อนร่วมวง เป็นสัญญาณบอกกลาย ๆ ว่าตัวไม่อยากไป และก็ไม่ต้องการให้คนตรงหน้าไปด้วย

   “ได้ไงล่ะซิน บอสสั่งไว้ว่าไม่ไปไม่ได้นิ  แล้วที่เลี้ยงน่ะของเรานะ”

   “คนเยอะแน่ ๆ ว่าจะไปฉลองกันสองคนที่บ้านซักหน่อย”

   “ไม่เป็นไรถ้าซินไม่ชอบก็ไปแป๊บเดียวแล้วเราก็ขอตัวกลับไง  ไปฉลองกันสองคนที่บ้านซินไง บอสคงเข้าใจเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้วนี่” หันไปพูดหว่านล้อมคนที่ไม่ชอบเข้าสังคมซักหน่อย งานนี้เลี้ยงก็รางวัลของพวกเค้าไม่ไปก็น่าเกลียด มองคนตัวเล็กข้าง ๆ ที่ยังคิ้วขมวดไม่หาย

   “ก็ได้.. แต่นัทสัญญานะว่าจะกลับกับซิน ซินเตรียมของไว้ตั้งเยอะ กะว่าได้หรือไม่ได้รางวัลก็จะฉลองล่ะ”

   “ครับผ๊ม” รับปากเสียงหนักแน่น ให้คนหน้าหวานมั่นใจ อย่างนี้ค่อยเห็นรอยยิ้มสวย ๆ หน่อย

   หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ทั้งคู่ก็ขึ้นรถตู้มาที่ผับหรู ตามที่นัดกันไว้ บรรยากาศภายในร้านค่อนข้างคึกคัก และแสงสว่างที่มีน้อยทำให้ดูไม่ออกว่าใครเป็นใคร บอสก็ช่างเลือกได้ไม่เข้ากับการเลี้ยงฉลองซักนิด

   “เหม็นมากเปล่า” นัทหันมาถามคนข้าง ๆ ที่ย่นจมูกทันทีที่เดินเข้ามาภายในร้าน แค่เขาเองยังฉุนกับกลิ่นเหล้ากลิ่นบุหรี่จนรู้สึกแสบจมูก แล้วคนตัวเล็กข้าง ๆ นี่ล่ะ...

   “เหม็น แต่เดี๋ยวคงชิน ไปเถอะ นั่นไง” ทั้งคู่เดินไปที่โต๊ะที่มีเพื่อนร่วมค่ายที่ค่อนข้างสนิทกันรวมถึงบอสใหญ่ของค่ายนั่งรออยู่

   “มา ๆ  นัทซิน มานั่งข้างบอสนี่” เมื่อเดินไปถึงโต๊ะ บอสก็เรียกไปนั่งข้าง ๆ ที่เหมือนเว้นที่ว่างไว้ พูดงั้นแต่พอเดินไปถึงโต๊ะจริงๆ กลับดึงแต่มือซินไปนั่งข้าง ๆ  นัทจึงนั่งลงตรงข้ามกัน เป็นอย่างนี้แหละมักจะได้รับความรักและเอ็นดูจากคนรอบข้างเสมอ...ทำให้นัทต้องทำใจให้ชินที่พยายามจะไม่หวง มากไปกว่าทำเป็นห่วง...

   งานฉลองดำเนินไปเรื่อย ๆ พร้อมกับดีกรีของคนในวงก็สูงขึ้นเช่นกัน รวมถึงร่างสูงที่นั่งชนเอาชนเอากับแตมป์ ทั้งที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะไม่มากมาย แค่เป็นพิธี แต่ทุกครั้งที่มองไปที่คนร่างบางตรงข้าม ก็มีแต่คนหันไปคุยด้วยจะเรื่องอะไรก็แล้วแต่....คนตรงหน้าไม่เคยปฏิเสธ ที่จะถ่ายรูปคู่ ให้กอดคอ  จับมือถือแขน ด้วยจุดประสงค์ที่ใช่หรือไม่ใช่ ก็ทำให้นัทรู้สึกว่า ทำไมต้องวางใจใครไปทั่วแบบนั้น รวมถึงบอสใหญ่ที่มือหนา ๆ นั่นจ้องแต่จะโอบเอวบาง ๆ ทุกครั้งที่มีโอกาส ซินปฏิเสธใครไม่เป็นเขารู้ และรู้ตัวไม่ควรคิดเล็กคิดน้อยอย่างนี้ แต่มันช่วยไม่ได้ยิ่งดีกรีมากขึ้น ความคิดยิ่งหยุดไม่ได้ สายตาเริ่มนิ่งจับจ้องซินมากขึ้น

   “เฮ๊ย ไอ้เด็กแจ๊ส ใจเย็น นั่นบอสนะเว่ยเฮ๊ย” รุ่นพี่ตัวใหญ่ข้าง ๆ ต้องสะกิดทันทีที่สายตารุ่นน้องหน้าหล่อเริ่มขวาง และมองไปตรงหน้าไม่วางตา….จะว่าไปแล้ว อีกคนก็ไม่รู้จักระวังตัวอะไร มองโลกในแง่ดีตลอด จะรู้ตัวหรือเปล่าว่าใครคิดจะทำอะไรตัวเองบ้าง

   “ม่ะ ชนพี่แตมป์ ร้านไม่เลิก ไม่ต้องกลับ!”

   “มาแล้วเมร่ง! อารมณ์ตี๋ใหญ่... มาชน!” จำเป็นต้องหันแก้วไปชน ก็ดีกว่าให้มันไปนั่งมองหน้าบอสตาขวาง ไอ้นี่เวลาเมาแล้ววิญญาณมาเฟียชอบเข้าสิง

   
   “ จะห้าทุ่มแล้ว” คนตัวเล็กบอกกับตัวเอง เมื่อล้วงไอโฟนขึ้นมาดูเวลา หลังจากขอตัวเข้าห้องน้ำเมื่อครู่ รู้สึกอึดอัดจัง แต่จะแสดงออกอะไรมากก็ไม่ดี นัทก็ไม่ยอมสนใจเลย เอาแต่กินเหล้าแล้วก็บอกว่าจะไม่มาก

   “เฮ่อ!!  อ้าวนัท” เงยหน้าขึ้นมองกระจกขณะที่กำลังล้างมือ ร่างสูงก็เดินเข้ามาพอดี หน้าที่แดงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ท่าเดินก็รู้ว่าสติไม่ได้เหมือนเดิมเท่าไหร่

   “นัท กลับได้ยังอ่ะ ซินอยากกลับแล้ว” เมื่อร่างสูงหันมามอง ก็รีบบอก เพราะถ้าไปชวนในวง คงไม่เหมาะเท่าไหร่

   “พึ่งอยากกลับเหรอ... แต่นัทยังไม่กลับ” เสียงขึม และสีหน้าไม่แสดงอะไรออกมา ทำให้ซินชะงักมือที่กำลังถูกันหันไปมองหน้าคนร่างสูงที่เดินเข้าห้องน้ำห้องนึงไป

   จากเหตุการณ์ในห้องน้ำ คนที่เอาแต่ชนแก้วก็ไม่ได้หันมาสนใจคนที่นั่งกระสับกระส่ายอยากกลับบ้านใจจะขาด ไม่อยากอยู่แล้ว..... ความน้อยใจถาโถมเข้ามาในใจ ทั้งที่สัญญากันไว้แล้วว่าจะกลับไปฉลองกันสองคน

   “ซินเป็นอะไร รึเปล่าอยากกลับบ้านไหม เดี๋ยวบอสให้คนไปส่ง”

   “ไม่เป็นไรครับ ซินจะกลับเอง ไม่ต้องลำบากใครด้วย!!!” ประโยคท้ายตั้งใจพูดให้ดัง และหันหน้าไปหาคนที่กำลังแซวสาวชงเหล้ากันอยู่ แต่ก็ยังไม่ได้รับความสนใจอยู่ดี.....ว่าแล้วก็ลุกออกมาทันที มือเรียวรีบกดโทรศัพท์หาบุพการี

   “ไม่สนใจแล้ว นัทบ้า ฮึ! กลับเองก็ได้ อึก ..ฮึก! ทั้งที่สัญญากันไว้แล้ว ฮึก! บ้าที่สุด”  น้ำตาที่พาลจะไหลออกมาแต่ก็ต้องกลั้นไว้ เดี๋ยวม๊ากับป๊ามาจะเป็นเรื่องใหญ่อีก และยังไม่มีท่าทีว่าคนตัวใหญ่จะตามออกมาซักนิด ยิ่งเพิ่มทวีความน้อยใจมากขึ้น นัทไม่เคยเป็นอย่างนี้เลย ทุกทีต้องตามง้อเสมอ.....

   ไม่นานป๊าก็เป็นคนขับรถมารับ ถามไถ่นิดหน่อย แต่ก็บอกปัดไปว่าตัวเองง่วงนอนแล้ว แต่แค่อาการที่แสดงออกกับคำพูดมันสวนทางกัน คนเป็นพ่อทำไมจะดูไม่ออกว่าเป็นอะไร เพราะเรื่องที่ลูกชายจะเป็นอย่างนี้ก็มีไม่กี่เรื่อง และมันเป็นเรื่องที่เจ้าตัวต้องแก้ปัญหาเอง



   “ฮึก ฮืออ ไอ้บ้า ฮือ ไอ้คนไม่รักษาสัญญา ไอ้มาเฟียนิสัยเสีย!” ทั้งเสียงสะอื้นและคำกร่นด่าที่พรั่งพรูออกจากปากเล็กที่ตอนนี้นอนคว่ำหน้ากับหมอนบนที่นอนนุ่มในห้องตัวเอง ว่าจะไม่ร้อง แต่มันก็ทนไม่ไหว ยิ่งไม่เห็นเงา โทรศัพท์ที่หวังว่าจะโทรหาก็ไม่มีวี่แวว .........อย่างนี้ทุกทีสินะถ้าเป็นเรื่องนัท

   วันนี้ทั้งคู่มีงานที่ผับแห่งนึง ช่วงกลางวันจึงมีเวลาว่าง ซินเลือกที่จะนอนต่อหลังจากลุกขึ้นมาอาบน้ำกินข้าวตอนเช้าเพราะเมื่อคืนนอนร้องไห้จนหลับไปเลย ยังถูกทักว่าตาบวม เลยต้องแก้ตัวว่าเมื่อคนเผลอกินเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอลล์ก็เลยแพ้รึเปล่า ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เกือบบ่ายแล้ว เปิดตู้เย็นกินนมเห็นผักผลไม้ของที่เตรียมไว้เมื่อคีนยิ่งโมโหอยากจะเอาไปโยนทิ้งซะให้หมดจะได้หายแค้นไอ้คนหน้าหล่อแต่ผิดกฎหมายนั่น แฟนคลับจะรู้ไหมนะว่ามันผิดกฎหมายทั้งหน้าตาและนิสัยนั่นแหละ แต่ก็เสียดายของเก็บไว้แล้วกัน

   “เมี๊ยว ๆๆ” เสียงเรียกจากเจ้าแมวตัวอ้วน ที่เพื่อนร่วมวงมักจะทักทุกทีที่มาบ้านว่า แมวหรือหมู เดินเข้ามาเอาขนนุ่ม ๆ มาพันแข้งพันขาจนบางครั้งเกือบจะเหยียบกันขี้แตกเลยทีเดียว

   “ว่าไงคุณดาว วันนี้ไม่ออกไปหาเพื่อนเหรอ” คุณดาว แมวตัวโปรดที่มักจะหายไปตอนกลางวันและกลับเข้าบ้านตอนเย็น ม๊าบอกว่ามันชอบไปเล่นกับแมวข้างบ้าน..มันไปเล่นอะไรกัน??

   “เมี๊ยว ๆ” เหมือนจะเป็นคำตอบที่ฟังไม่เข้าใจ อุ้มเจ้าขนปุยขึ้น แล้วเดินไปนั่งที่โซฟาตัวยาวหน้าทีวี มือเรียวกดรีโมทเปิดทีวี เปลี่ยนช่องเรื่อย ๆ  มือเล็กลูบหัวลูบตัวเจ้าตัวอ้วนที่นอนบนตัก เนื้อหาสาระในทีวีไม่ได้เข้าในหัวสมองซักนิดเมื่อสิ่งที่คอยแว๊บเข้ามากวนใจ ทำให้คิ้วเรียวต้องขมวดเข้าหากันตลอด

   “ฮึ่ย ไอ้บ้า! ไอ้แบดแบด ไอ้หน้าเป็ด ไอ้กีตาร์มาเฟีย ไอ้หน้าง่วง ไอ้ขี้เมา! อะ! อ้าวไปไหนอ่ะคุณดาวว ? อยู่เป็นเพื่อนซินก่อนซิ... อะไรวะ ใคร ๆ ก็ไม่รัก โฮ่ย!!” ปากเล็กบ่น มือก็เริ่มลูบเจ้าหน้าขนบนตักแรงขึ้นจนมันทนไม่ไหว กระโดดหนีไป เห็นอย่างนั่นหน้าจิ้มลิ้มก็เริ่มยุ่ง หงุดหงิดจนต้องเอามือขยี้หัวตัวเอง ผมนุ่มตุปัดตุเป๋ไม่เป็นทรง และสบถออกมาเพื่อระบายอารมณ์

   “ฉายานัทมีแค่นั้นเหรอ?”

   “ยัง แต่นึกไม่ออก..  เฮอะ เฮ๊ย !นัท !มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”

   “มายืนตั้งแต่คุณซินเริ่มด่าผมนั่นแหละครับ” มาเฟียหน้าหล่อ ถือวิสาสะที่มาบ่อยเดินมานั่งข้าง ๆ คนที่กำลังงงอยู่

   “มาทำไม ! ที่นี่ไม่เหล้าให้กินหรอก” เมื่อตั้งสติได้ก็เริ่มเข้าโหมด ...งอน

   “คร๊าบ นัทไม่ได้มากินเหล้า แต่มากินข้าว”..... หลังจากเมื่อคืน ซินออกมา เขาเดินตามออกมาแต่ไม่ได้เดินไปหา เขาไม่ไว้ใจ วางใจใครทั้งนั้น ยอมรับว่าไร้เหตุผลไปบ้าง แต่เหล้าเข้าปากนิสัยความยับยั้งชั่งใจก็เปลี่ยนไปได้ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นสัญญากันไว้แล้วว่าจะเพลา ๆ เรื่องเหล้าเรื่องเที่ยวลง แต่ซินก็ผิดที่ไม่รู้จักปฏิเสธปล่อยให้คนอื่นมาล่วงเกินได้ ป่านนี้ก็คงไม่รู้ตัวหรอก... หลังจากเห็นซินขึ้นรถที่ป๊ามารับกลับเรียบร้อย เขาก็ขอตัวกลับทันที เมื่อถึงบ้านก็เอาแต่นั่งจ้องโทรศัพท์ว่าจะเอายังไงดี แต่อาการกรึ่ม ๆ ทำให้นั่งมองได้ไม่นาน ก็ต้องหลับไปในห้องรับแขก แม่มาปลุกอีกทีก็เกือบเที่ยง และบอกว่าม๊าซินโทรหา ทำให้ต้องรีบโทรกลับ.... ได้ความว่า เย็นนี้ให้เขาไปรับซินด้วย เพราะป๊ากับม๊าติดธุระและยังไม่ได้บอกซินไว้.....ถูกถามว่ามีอะไรกัน ทะเลาะอะไรกันรึเปล่า ม๊าเข้าไปปลุกเมื่อเช้า ก็เห็นนอนทั้งชุดเมื่อคืน ลุกขึ้นมากินข้าวก็ไม่พูดไม่จา ตาบวมเชียว บอกว่เผลอกินเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์เข้าไป........ วางสายจากม๊าก็รีบไปอาบน้ำแต่งตัวและบึ่งรถมาที่นี่ ....เครื่องดื่มอะไรของซิน มีแอลกอฮอล์ เห็นนั่งจิบแต่น้ำเปล่า เฮ่อ! ถ้าเขาเดาไม่ผิดก็คงนอนร้องไห้ขี้มูกโป่งทั้งคืนแน่ ๆ.....  มาถึงก็เห็นคนตัวเล็กนั่งประนามเขาอยู่ แล้วยังทำท่าอะไรน่าขำ แต่ไม่ได้เดี๋ยวจะไปกันใหญ่ แค่นี้ก็ปั้นปึ่งประชดประชันไม่หวาดไม่ไหวละ

   “ข้าวอะไร ไม่มีหรอกซินกินหมดแล้ว” นั่นไงบทจะงอน ก็พูดอะไรได้น่าหัวเราะ กินหมดแล้วนี่นะ ตัวแค่เนี๊ยะ

   “แล้วกัน นัทอุตส่าห์ไม่กินอะไรตั้งแต่เมื่อคืน หิวจะแย่”

   “กินเหล้าไม่อิ่มเหรอ เห็นกระดกไม่วางแก้ว อิ่มตาอิ่มใจ สาวเสริฟก็สวยจะตาย” ทำไมจะไม่เห็นว่าไปซงไปแซวแม่สาวอกอึ๋มนั่นน่ะ

   “ฮ่า ๆๆ พูดเหมือนหึงอ่ะ” เอาซะหน่อย เห็นหน้ายุ่ง ทำปากยื่นประชดประชันแล้วมันน่านัก....

   “บ้าดิ!ใครจะหึงกัน โมโหต่างหาก” ว่าไม่หึงแต่ทำไมรู้ว่าหน้าตัวเองมันเห่อร้อนขึ้นมาดื้อ ๆ

   “ครับ ๆ ....นัทขอโทษนะ ได้ไหม” ต้องรีบอ่อนลงไม่งั้นคงบานปลายกว่านี้แน่ ก็ตั้งใจมาเพื่อทำอย่างนี้นี่

   “...................”

   “ซิน แต่ซินก็ผิดนะ”

   “ซินผิดอะไร!”  รีบโต้กลับทันทีที่รู้สึกว่าถูกกล่าวหา นี่เขาต้องยืนรอป๊าหน้าผับคนเดียว ใครต่อใครก็พากันมอง แล้วต้องกลับมานอนร้องไห้ จนม๊าทักว่าตาบวม นี่เค้าผิดรึไง คิดแล้วมันน่าน้อยใจมั๊ยล่ะ...

   “ซิน...เอ่อ เฮ่อ!!” อยากจะตบปากตัวเองซักร้อยครั้งจริง ๆ ในที่สุดก็หลุดปากจนได้ แล้วดูหน้าสวย ๆ ตอนนี้สิหันมาคาดคั้นเค๊า แล้วที่สำคัญตาเริ่มแดง ๆ อีกแล้ว

   “ซิน...นัทเป็นห่วงซินนะ ซินยอมให้ใครต่อใครมาแตะเนื้อต้องตัว ยอมให้กอด ยอมให้โอบ ถึงแม้จะเป็นบอส แต่ซินไม่รู้สึกอึดอัดบ้างเหรอ ซินเคยรู้บ้างไหมว่าคนอื่นเค้าคิดยังไงกับตัวเอง นัทไม่รู้ว่าสิ่งที่นัทคิดใช่ หรืออาจจะไม่ใช่ แต่บางครั้งซินปฏิเสธหรือแสดงออกบ้างว่าสิ่งที่เขาทำมันไม่ใช่อ่ะ” ยาวเลยทีนี้ ได้พูดแล้วหยุดไม่ได้....

   “ฮึก ! ฮึ ฮึก!” อ้าวซวยแล้วไง ไอ้นัท!

   “ฮึก.. แล้ว..นัท.สนใจซินเหรอ ฮือ..ทั้ง ที่เดิน เข้าไปด้วยกัน ฮึก แต่นัทก็ไปนั่งกับ พี่แตมป์ ฮึก ปล่อยให้ซินไปนั่งกลับ บอส ..นัท ก็รู้ ว่า ซิน เป็นคน อืออ ขี้ เกรงใจ ไม่กล้า ปฏิเสธ...ซ้ำ ยังลืม สัญญาด้วย ซินอุตส่าห์ ฮึก ดีใจที่จะ ได้ ฉลอง กัน ฮือ แค่ สองคน แต่นัท ก็ผิด.ฮืออ สัญญา มัวแต่ สนใจ แต่เหล้า..แล้วก็หลี ผู้หญิง ซินอึด อัด  แล้วยังไงล่ะ ฮึก อยากกลับบ้านก็ กลับ ไม่ได้ ฮึก ฮืออ นัทบ้า..ยัง มาว่าซิน ฮือ ผิดอีก”

   “ซิน เฮ่อ!” ....หมดทุกคำพูด...

   นั่นสินะ ทำไมเขาถึงลืม... ว่าทุกทีต้องทำยังไง เพราะเห็นว่าเป็นบอสทุกอย่างเลยรวนไปหมด เพราะเกรงใจที่เป็นบอส .....ได้ยินอย่างนี้เขาถึงนึกได้ว่าเขาต้องเป็นคนปกป้องซินซินะ.... ต้องเป็นเขาที่จะต้องเข้าไปพาซินออกมา..ไม่ใช่นั่งรอให้ซินเดินออกมาหา..

   “ซิน.....นัทขอโทษ” เอ่ย..... ขอโทษ.....พร้อมกับดึงคนที่นั่งสะอื้นอยู่เข้ามาในอ้อมกอด ซินไม่ได้ขัดขืน ซุกหน้าเข้าที่บ่าใหญ่  ยิ่งอยู่ในอ้อมกอดก็ยิ่งสะอื้นหนัก เหมือนอารมณ์เมื่อคืนยัง่ไม่จบ...

   “ฮึก ..ฮือ นาทบ้า” เสียงอู้อี้ในอ้อมกอด ทำให้ต้องเอื้อมมือขึ้นลูบศรีษะเล็กเบา ๆ และลูบหลังที่สั่นน้อย ๆ ตามแรงสะอื้น

   “คร๊าบบ ๆ บ้าก็บ้า เอาเป็นว่านัทผิดเองเนอะ..... นัทขอโทษ ต่อไปนัทจะไม่ผิดสัญญา  หยุดร้องนะครับ...เฮ่อ ~ หิวจังเลย ไม่ได้กินอะไรเลย  แล้วคนที่สัญญาว่าจะทำของที่นัทชอบให้กิน ยังจะอยากทำอยู่ไหมน้อ...อยากกินจัง ว่าไงครับ” พูดพร้อมกับใช้มือหนาดันไหล่คนที่เริ่มนิ่ง เพราะกำลังฟังเขาออกจากบ่าตัวเอง ให้มือปาดน้ำตาออกจากดวงหน้าสวย ๆ ...เห็นอย่างนี้แล้วไม่กล้าพูดอะไรต่อ

   “ก็ ต้อง ช่วยกันทำ อ่ะ” เสียงยังสั่นอยู่ แต่แค่ได้อยู่ในอ้อมกอดอุ่น ๆ ฟังคำขอโทษและรับรู้ได้ด้วยคำพูดก่อนหน้านั้นว่านัทก็เป็นห่วงเขาเหมือนกัน ความโกรธในใจก็หายไปหมด แต่ก็ยังฟร์อมไว้ก่อน...

   “ครั๊บ ผม!  นัทพร้อมแล้ว ป่ะ” ยืนขึ้นเต็มความสูงก่อนจะฉุดมือเล็กลุกขึ้นด้วย....

   “นัท” นอกจากจะไม่ลุกแล้ว ยังฉุดแขนเขาไม่ให้เดินไปไหนด้วย...

   “ซิน ขอโทษ เหมือนกันที่ทำให้นัทลำบากใจ ต่อไปซินสัญญาว่าจะดูแลตัวเอง และระวังตัวเองมากกว่านี้” ก้มหน้าก้มตาพูดทั้งที่มือยังจับมือใหญ่อยู่

   “รับทราบครับ ป่ะไปได้ยัง หิวจนไส้จะบิดแล้วเนี่ย” ซินก็คือซินจะดื้อจะเอาแต่ใจกับเขายังไง สุดท้ายก็จะคิดได้ด้วยตัวเองเสมอว่าต้องทำตัวยังไง ..แล้วอย่างนี้จะ....ไม่ให้รักได้ไง....ไม่ว่าตอนนี้หรือจากนี้ไปจะอยู่ในฐานะไหน....ความรักความห่วงใยก็จะเป็นอย่างนี้ต่อเรื่อย ๆ

dragon3oyd

  • บุคคลทั่วไป
ง๊าา น่าร๊ากกก >"<~

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10

ออฟไลน์ himecrazy

  • Alon€ In th€ DarK
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0
 :o8: :-[  หวานนนนนนนนน  มากกกกกกกกกกกกก   :กอด1:คนแต่งทีนึงค่ะ เขียนออกมาได้น่ารักมากๆเลย

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
ช่วงหลังๆ ซิน เริ่มเคะมากมาย

ออฟไลน์ nomo9

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
555 ค่อยชุ่มชื้นหัวใจหน่อย ^_^

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
หุหุหุ น่ารัก อิอิิ

ออฟไลน์ PoyPay

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 269
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
น่ารักตลอด... น่ารักที่สุด... มาแบบเป็นชุด... หยุดความน่ารักไม่อยู่.... คิคิคิ...

Sugar_Love

  • บุคคลทั่วไป
ช่วงหลังๆ ซิน เริ่มเคะมากมาย
5555 คิดอยู่เหมือนกันว่า ทำไมแต่งไปแต่งมา ซินเคะ เข้าเรื่อย ๆ ฟระ งงตัวเอง

ตอนหน้าก็จะจบแล้วขอบคุณทุกคนที่ติดตาม ทั้งที่ชอบและไม่ชอบ ทั้งที่หลงเข้ามา หรืออะไรก็แล้วแต่
ทั้งที่รีพายและไม่รี ยังไงก็ขอบคุณค่ะ .....กำลังแต่งตอนจบอยู่เน้อ... :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-06-2011 20:04:50 โดย Sugar_Love »

golfgab

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักมากครับ ไม่แต่งแบบ ยาว ๆ เหรอครับ จะได้คิดตามอ่าน นาน ๆ
ขอบคุณสำหรับเรื่องดี ๆ ที่มีมาให้ อ่านนะครับ รอติดตามผลงานนะครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






golfgab

  • บุคคลทั่วไป
 :z2:  อย่าเพิ่ง รีบ จบ เลยครับ  อย่าอ่าน ๆ นาน กว่านี้ จะเป็นไปได้เปล่าครับ  :z2:


เป็นกำลังใจให้กับเรื่องดี ๆ นะครับ :3123:

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
น้องซินน่ารักมากกกกก นัทอ่ะเหล้พาเป๋แระ
รออ่านตอนจบแบบน่ารักๆ หวานๆอยู่นะคะ

ออฟไลน์ pp_song

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 863
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
กรี๊ดด!!! นัทซิน  :-[ น่ารักโคตร

ออฟไลน์ ku_nan_jung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 66
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ prettypearl

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
เขิลลลล...แทนวุ้ย  :-[

ออฟไลน์ pupuzaa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
หวานนนนนนนนนนนนนนนนน :o8:

kwa

  • บุคคลทั่วไป
โอยยยย น่ารักไม่เบาเลยค่ะเรื่องนี้
อ่านไปก็ยิ้มไป ชอบบบบจัง
+1 ให้คนแต่งค่ะ ^^

ออฟไลน์ kan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
    • http://twitter.com/BMW_CHO
น่ารักมากมาย อ่านไปก้อเขินไป   :-[

ใกล้จบแล้วหรอคะ เร็วจัง

ออฟไลน์ Anglerella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น้องซินน่ารักอ่ะ ชอบน้องซินโหมดขี้อ้อนน่ารัก :-[
ทั้งหมดทั้งมวลน้องซินไม่ผิดอิมาเฟียแหละผิด เคป่ะ  :m20:

ออฟไลน์ pizza2011

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
โอ๊ยยย
น่ารักเกิน  พี่นัทโอ๋พี่ซินได้อีก
พี่วินนี่ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรเลยอ่ะ
ถ้าคราวหน้าพี่นัททำอย่างนี้อีกจะโดดไปกัดหูคนเเต่งเลย 55+

มาต่อนะ  รออ่านอยู่

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด