SF Singular-This Love By Heart Or Destiny//รักนี้..หัวใจหรือใครลิขิต
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: SF Singular-This Love By Heart Or Destiny//รักนี้..หัวใจหรือใครลิขิต  (อ่าน 39913 ครั้ง)

Sugar_Love

  • บุคคลทั่วไป
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ด
 เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วย

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน

ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


                       ************************************

ชี้แจงค่ะ....เรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งเอง เป็นเหตุการณ์สมมุติทั้งสิ้น ไม่มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง และไม่มีเจตนาจะทำให้กลุ่มศิลปินเสื่อมเสียนะคะ  และการกระทำการใด ๆ ในอาชีพต่าง ๆ ที่จะกล่าวและมีอยู่ในเนื้อเรื่อง เป็นการครีเอทของผู้แต่งเอง (มั่วเอง)  ค่ะ :pig4:                    :pig2: :pig2:



   “ ซินเราคบกันมา 3 ปีแล้ว... เร็วเหมือนกันเนอะ..” เสียงหวานพูดก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วพ่นออกโดยการเป่าปาก ไม่ว่าสิ่งที่ทำจะเพราะว่าอะไร แต่ผมกลับรู้สึกหนักอึ้งกับคำของคนขึ้นชื่อว่าแฟนกำลังจะพูดออกมา ผมเลือกที่จะนิ่งและตั้งใจฟังที่สุด

   “ เราเลิกกันเถอะ ปอรู้สึกว่าปอรู้สึกไม่เหมือนเดิมแล้ว เราเป็นเพื่อนกันนะ” มันก็เป็นไปตามที่ผมคิดนี่นา เหมือนไม่รู้สึกอะไร เหมือนไม่เจ็บ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่ ....มันเจ็บจนชาไปทั้งตัว ชาไปทั้งหัวใจ แต่อีกไม่นานที่อาการชาหายไปมันคงจะปรากฏสินะความเจ็บปวดที่ต้องเผชิญ...อยู่คนเดียว

   “ ซินไม่ดีปอก็ไปเถอะ”  คงพูดได้แค่นี้ เพราะรักถึงยอม เพราะรักถึงปล่อย ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองไม่ดียังไงสำหรับปอ และจะต้องทำยังไงถึงจะดีเพราะที่ผ่านมาผมทำดีที่สุดแล้ว ซักวันผมคงจะได้รู้ว่าผมดีสำหรับใครซักคน

   “ ซิน เราเป็นเพื่อนกันได้นะ ซินดีทุกอย่าง บางอย่างที่ดีเกินไปมันทำให้ปออึดอัด ซินเข้าใจไหม บางครั้งสิ่งที่ซินคิดว่าใช่ น่าจะใช่ หรือควรจะใช่ มันอาจจะไม่ใช่และไม่เหมาะสำหรับซินก็ได้”

   ผมมองตามเรือนผมสวยที่สะบัดตามแรงเดิน มองตามแผ่นหลังของคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเคยเป็นแฟน อีกนานแค่ไหนผมถึงจะลืมเธอ อีกนานแค่ไหนที่จะหยุดเสียใจ คำที่เธอพูด ผมรับฟัง แต่ก็ไม่เข้าใจความหมายของเธอซักนิด

         **********************************

   “ซิน เฮ๊ย ! ซิน”

   “คะ ครับ พี่ภู” ผมสะดุ้งตามแรงเขย่าที่หัวไหล่ ....เป็นอย่างนี้ทุกที ทุกครั้งที่ปล่อยอารมณ์จะมีเรื่องนี้แว่บเข้ามาตลอด  ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเป็นเพียงความหลัง ความเจ็บที่เรียกได้ว่าเจียนตายหายดีแล้ว แต่มันเป็นความเจ็บที่ผมจะจำไปตลอดชีวิต เพราะเป็นครั้งแรกและสุดท้ายหลังจากนั้น

   “เหม่อไรวะ ไม่สบายรึเปล่า” ผู้จัดการบริษัทผม คุณภูมรินทร์ หรือพี่ภูของพวกเรา แกเป็นคนอัธยาศัยดีและเป็นคนสกรีนงานพวกเราทั้งหมด บริษัทผมเป็นบริษัทกราฟฟิค ดีไซน์ เป็นบริษัทเล็ก ๆ แต่ชิ้นงานขึ้นชื่อว่าออกจากบริษัทล้วนแต่คุณภาพทั้งนั้น และลูกค้าส่วนมากเป็นลูกค้าประจำและขาจรเข้ามาก็จะมาเป็นลูกค้าประจำกันทีหลังทุกที .....ผมไม่ได้ชมบริษัทตัวเองนะครับ  ^_^

   “เปล่าครับพี่ เอ่อ นี่ครับแผนงานทั้งหมดที่จะเริ่มลงมืออาทิตย์หน้าครับพี่” ผมยื่นแผ่นงานที่วางแปลนงานที่จะจัดขึ้นที่โรงแรมแห่งหนึ่ง เป็นการจัดต้อนรับ วาเลนไทน์ ที่จะถึง เทศกาลที่หนุ่มสาวมีคู่ต่างพากันดีใจไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ และคนที่ยังไม่มีคู่ก็หวังว่าจะมีในวันนี้ แต่สำหรับผมคงเป็นวันทำงานอีกวันที่ผ่านเข้ามาและผ่านไปเหมือนทุก ๆ วัน

   “อืม ส่งเมลล์ไฟล์งานให้พี่ด้วยนะ คืนนี้พี่ดูให้ แต่พี่เชื่อฝีมือระดับซินแล้วไม่น่าพลาด” พี่ภูหยิบแผ่นงานขึ้นดู พูดแล้วตบบ่าผมเบา ๆ

   “เอ้อ ซิน!”

   “ครับพี่” ผมเงยหน้ามองหัวหน้างานที่ยืนเต็มความสูงตรงหน้าโต๊ะทำงาน

   “พี่จะบอกเราว่า...อย่าเหม่อมาก พวกข้าง ๆ มันไม่เป็นอันทำงาน ควบคุมฟีโรโมนนิดนึง”  ผมหันรีบรีหันขวางมองไปข้าง ๆ ตามสายตาพี่ภู

   “โห่ !!!!!! พี่ภู” เสียงโห่จากรอบด้าน ทำให้ผมยิ้มได้

   “จะบอกมันทำมัยเนี่ย ไม่ให้พวกผมมองซินจะให้ผมมองป้าแอ๊บเหรอคร๊าบบบ มองนิดมองหน่อยไม่ได้เชียว” เสียงบอลเพื่อนร่วมงานดังขึ้น พร้อมกับเสียงเชียร์จากเพื่อนร่วมงานอีกหลายคนในอ๊อฟฟิต

   “มองฉันแล้วจะตายเหรอห๊ะ ไอ้บอล ได้นี่กวนตีน” แรงส์ ...จริง ๆ แล้วพี่แกชื่อแอ้ อายุก็สามสิบปลาย ๆ แต่แกชอบแอ๊บเด็ก ใส่เหล็กดัด บิ๊กอาย ติดกิ๊บลายการ์ตูนน่ารัก แล้วอะไรอีกสารพัดที่เด็กวัยรุ่นชอบทำ แกก็ทำได้หมด มันก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไรมากมายหรอกครับ พวกมันก็กวนตีนแกไปอย่างนั้นอย่างที่แกบอก

   “ไม่ได้ไม่ให้มองเว๊ย !! มองได้แต่งานต้องเสร็จ เดี๋ยวเถอะมึงเดี๋ยวกูให้อีแนทจัดซักสองดอก เอาให้คางเหลืองเลย” คำพูดมึงกูเป็นปกติของแก เพราะพวกเราค่อนข้างสนิทกันมาก แต่ผมก็แปลกใจที่ไม่มีใครพูดมึงกูกับผมซักคน อาจเป็นเพราะผมไม่ได้พูดด้วยแหละ คนอื่นเลยไม่กล้าพูดคำหยาบอะไรมากมายกับผม ส่วนแนทที่พี่ภูสมอ้างเป็นหนุ่มสาวแตกเป็นสีสันของอ๊อฟฟิตเราเลย แต่วันนี้รู้สึกว่าจะลาป่วย

   “ผมกัดลิ้นตัวเองตายแน่ ๆ พี่..แต่ถ้าเป็นซินนะผมจะกัดลิ้นซินว่ะ ฮ่า ๆๆๆๆ” ยังไม่เลิก....

   “เกินไปละ...ซินไม่ใช่หนังโป๊หน่ะพี่ จะได้มานั่งดูกัน” ผมหันไปพูดกับพวกมัน ที่ทำหน้าสลดอย่างหน้าตายทันทีที่ผมถลึงตาใส่ ก่อนจะเงยหน้ามองหัวหน้าที่ยังอยู่ที่เดิม ผมรู้ว่าทุกคนชอบแกล้งชอบแหย่ผม เพราะพวกเค้าเคยบอกว่าผมยิ้มดีกว่าทำหน้าเศร้าเหม่อ ๆ เป็นไหน ๆ ผมก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าฟิวนั้นออกมาตอนไหน คงจะออกมาจากอารมณ์เหมือนเมื่อตะกี้ละมั๊ง

   “พี่ว่าเอ็งมันฟินาเล่ ได้อารมณ์กว่าหนังโป๊ว่ะซิน อิอิอิ พี่ยังมองเลย” เอากับแกสิพี่แอ๊บ เอ๊ย! พี่แอ้
ผมได้แต่ส่ายหัว ผมชินแล้วครับกับเหตุการณ์แซว ๆ กันอย่างนี้ แล้วพวกนี้ก็รับสมอ้างเรื่องการทำมิดีมิร้ายลวนลามผมทางสายตาตลอด ทั้งที่จริง ๆ ก็ไม่ขนาดนั้น พี่ภูแกไม่อยากให้พวกเราเครียดกันมาก และเพื่อนร่วมงานทุกคนก็จริงใจ และ เป็นเพื่อนที่ดีทีเดียว




   “ เป็นยังไงมั่งซิน โอเคมั๊ย” ผมเงยหน้ามองบุคคลที่เข้าทักทาย หลังจากเก็บรายละเอียดงานภายในบริเวณส่วนที่รับผิดชอบเรียบร้อยแล้ว สถานที่ก็เป็นบริเวณโถงชั้นล่างของโรงแรมหน้าล็อบบี้ต้อนรับซึ่งเป็นบริเวณกว้างพอสมควรมีการตั้งเวทีการแสดงและจัดเป็นอาหารแบบบุฟเฟท์ ซึ่งงานนี้เป็นโปรโมชั่น จัดเพื่อต้อนรับทัวร์และนักท่องเที่ยวที่เข้าพักในช่วงวาเลนไทน์นี้ ซึ่งดูแล้ว ลูกค้าเดินเข้าออกจำนวนไม่น้อยเลย ไม่งั้นคงไม่ลงทุนขนาดนี้แน่

   “ ก็ดีครับพี่ภู  พึ่งเก็บรายละเอียดเสร็จพอดี”

   “อืม ....น่าจะโอเคนะ..ไม่น่ามีปัญหา เอาเป็นว่าพี่เชื่อใจซิน เพราะอีกเดี๋ยวเจ้าของงานจะเข้ามาดูเองด้วย เห็นว่าจะพาศิลปินที่จะขึ้นเวทีมาซ้อมด้วย ถ้ายังไงซินอยู่กับพี่ก่อนละกัน” พี่ภูหันดูรอบ ๆ บริเวณงานก่อนที่จะหันมาพูดกับผม

   “ครับพี่” ผมรับคำก่อนจะหันไปหาน้องทีมงานที่มาช่วยอีก 2 คน ให้เก็บของไว้ก่อน

   ผมหันไปมองตาเสียงพูดคุยที่ดังเข้ามาเรื่อย ๆ จากด้านนอกคาดว่าบรรดาเจ้าของงานน่าจะมากันแล้ว  กลุ่มคนจำนวนหนึ่งเดินเข้ามากอ่น มีกลุ่มคนที่เดินมาทีหลังน่าจะเป็นกลุ่มศิลปินเพราะมีหอบหิ้วกีตาร์และอุปกรณ์มาด้วย มีหลายคนที่ผมรู้จักเพราะค่อนข้างดัง

   “สวัสดีครับคุณไพบูลย์” หันละสายตาจากกลุ่มคนที่เดินมาทีหลัง กลับมามองคนที่เดินเข้ามา และพี่ภูกำลังทักทายอยู่ ชายหนุ่มท่าทางสำอางและดูภูมิฐาน คนนี้รึเปล่าที่เป็นเจ้าของงาน

   “สวัสดีครับ คุณภูมิรินทร์ เป็นยังไงครับ”

   “ ก็โอเคครับ งานเสร็จแล้วพึ่งเก็บรายละเอียดเสร็จเมื่อซักครู่ เดี๋ยวถ้าซ้อมเตรียมกันเสร็จแล้วจะให้น้องตรวจรายละเอียดกันอีกรอบ ถ้ายังไงคุณไพบูลย์เดินดูก่อนนะครับ” พี่ภูพูดคุยโต้ตอบกับคนที่ผมเริ่มมั่นใจว่าเป็นเจ้าของงาน ก่อนที่สายตาของคนมาใหม่จะพาดมองมาที่ผม

   “อ่อ นี่ซินครับ เป็นคนครีเอทงานครั้งนี้ และคงจะเป็นตัวแทนผมดูแลจนงานเสร็จได้ ซินนี่คุณไพบูลย์เจ้าของโรงแรม Grand Asia”

   “สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้พร้อมกับกล่าวทักทาย

   “อ้อ คนนี้เอง ..อืม....ครับผมไพบูลย์ครับ จากที่ดูผ่าน ๆ และภาพรวมแล้ว ผมพอใจนะครับลงตัวดีไม่มากและน้อยไป  ดูดีมากสมคำล่ำลือครับ หวังว่าโอกาสหน้าคงได้ร่วมงานกันอีกนะครับ คุณซิน” อืม....กับคำชมที่ได้รับทำให้ผมงงอยู่พอสมควร แต่ก็ดีแล้วที่เค้าพอใจ ผมขอตัวออกมาจากตรงนั้นเพราะต้องมาดูน้องทีมงานเก็บอุปกรณ์ และรู้สึกอึดอัดแปลก ๆ

   ผมกับน้องทีมงานเก็บอุปกรณ์เรียบร้อยแล้วรอแต่พี่ภู ที่กำลังพาเจ้าของงานเดินดูนู่นนี่  ผมนั่งลงตรงโซฟามุมติดกระจกโรงแรม ที่ข้างนอกเป็นน้ำตก น้ำใสแจ๋ว มองแล้วสบายตาดีผมเผลอมองปลาคราฟตัวใหญ่ว่ายไปมาอยู่นานพอสมควร ก่อนจะหันมาสนใจบนเวทีเพราะมีเสียงเครื่องดนตรีดังขึ้นมาเป็นระยะ คงกำลังเซ็ตกันอยู่ พูดถึงเรื่องร้องเพลงผมเป็นคนนึงที่ชอบในเสียงดนตรีมาก แต่เล่นเครื่องดนตรีไม่เป็น มีหลายเพลงที่ผมแต่งเล่น ๆ เก็บไว้เป็นเพลงของตัวเองโดยแรงบันดาลใจก็จากทุกสิ่ง รอบ ๆ ตัวรวมถึงเหตุการณ์สะเทือนใจครั้งนั้น ทำให้เพื่อน ๆ มองว่าผมเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง อาจจะเป็นอย่างนั้น แค่เนื้อร้องกับทำนอง มันก็ทำให้ผมมีความสุขเวลาอยู่กับพวกมัน ผมยังคิดขำ ๆ ว่าซักวันผมจะมีโอกาสเป็นนักร้องบ้างรึเปล่า ไม่ได้อยากดัง แต่อยากถ่ายทอดสิ่งที่ผมกำลังคิดและเผชิญกับคนอื่นบ้าง ให้เขาได้รู้บ้างว่าไม่ได้มีเพียงพวกเค้า ที่กำลังคิดสิ่งนั้น ๆ อยู่

   อินโทรเพลงขึ้นคุ้นหูจากนักร้องดังที่ได้คิวขึ้นซ้อมกลุ่มแรก เพลงนี้ผมได้ยินบ่อย ๆ จากการเปิดที่โต๊ะทำงานของเพื่อนร่วมอ๊อฟฟิต โดยเฉพาะโต๊ะพี่แอ้ ที่พี่แกกรี๊ดกร๊าดเป็นพิเศษแกจะรู้รึเปล่านะว่าวงนี้ขี้นเล่นในงานนี้ด้วย  เสียงเพลงบรรเลงขึ้นพร้อมกับเสียงร้องทุ้ม ก็เพราะดี............. แต่.....สิ่งที่สะกดผมให้มองและนิ่งฟังคือเสียงกีตาร์.... ร่างสูงโปร่งที่ยืนพรมนิ้วเรียวบนเส้นสายของเครื่องดนตรี  ใบหน้าหล่อไม่แพ้กันกับนักร้องมีรอยยิ้มที่มุมปาก....มีความสุข....นั่นคือสิ่งที่ผมสัมผัสได้ เสียงดนตรีที่มาจากนิ้วเรียวนั่นวิ่งเข้าโสตประสาทของผม เหมือนทั้งวงมีแค่เค้ากับกีตาร์ .... แต่สิ่งที่ผมรู้สึกได้มากกว่านั้น คือคำร้องและทำนองเพลงที่ผมเคยแต่งไว้ก่อนหน้านี้ มันกำลังบรรเลงไปกับดนตรีแนวแจ๊สเพราะ ๆ จากมือกีตาร์ตรงหน้า...คุ้นเคย..เข้ากันได้ทั้งที่มันคนละเพลงกับที่เจ้าของเสียงดนตรีนั้นกำลังบรรเลงอยู่..ใบหน้าคมเงยหน้ามองตรงมา ถ้าผมคิดไม่ผิดผมกำลังถูกจ้องตอบใช่ไหม............สบตาคมเหมือนมีแรงดึงดูดจากที่ไหนซักแห่งสติผมกำลังปั่นป่วนกับดวงตาคู่นั้น.............อืม...ผ่านมาเนิ่นนานเท่าไหร่นะ....ได้พบซักที....คนที่เป็นอีกครึ่ง…สิ่งที่ใช่และเหมาะสม..

“ซิน ซิน...ซิน!!”

   “อ๊ะ!! พี่ภู!!” ผมสะดุ้งจากภวังค์ที่กำลังดึงผมไปไหนต่อไหน ทั้งที่ผมไม่รู้ตัว

   “เหม่อตลอด ไปเถอะ เรียบร้อยแล้วพรุ่งนี้คุณไพบูลย์เค้าให้เราแสตนด์บายตอนบ่าย เพราะงานจะเริ่ม 4 โมงเย็น” ผมพยักหน้ารับคำหัวหน้างาน ทั้งที่หัวใจยังเต้นแรง...เต้นแรงจนตัวเองยังตกใจ เพราะความคิดตัวเองเมื่อครู่ก่อนที่จะสะดุ้งกับเสียงพี่ภู .... มันอะไรกัน !!  ผมไม่ทางคิดอย่างนั้นแน่.. แล้วสิ่งที่วิ่งริ้วเข้ามาในจิตใต้สำนึกจนดังก้องในหัวผมเมื่อครู่มันคืออะไรกัน...

                                  *************************
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-06-2011 23:52:53 โดย Sugar_Love »

Sugar_Love

  • บุคคลทั่วไป
  โฮ่ะ ๆๆ ตัดสินใจลงจนได้ หลังจากจบไปสองเรื่องก็แต่ง เรื่องนี้ไว้
แฮ่ะ ๆๆ สนองนิสตัวเองนิดหน่อยอ่ะค่ะ ชอบไม่ชอบ
ก็ติติง ติเตียน ถากถางกันได้ค่ะ เวิ่นเว้อ ฟินนาเล่ จนทนไม่ไหวแย้วววว
ถ้า Fc คนไหนไม่ปลื้มก็ขอโทษด้วยนะคะ
  เรื่องสั้นค่ะ ไม่กี่ตอนก็คงบ๊าย บาย เพราะมากไปคงไม่งามเนอะ  :กอด1:

ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2
 Singular น่ารักตลอด :o8:

ออฟไลน์ cynthia

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
แอร๊ยยยย

ชอบค่ะ~~~!!  ภาษาสวยมากก > <!!

รอตอนต่อนะคะ :-[


ออฟไลน์ hikikomori

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 626
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-4
อิอิ  แต่งได้น่ารักดีค่ะ
ชอบที่พี่ซินเป็นคนนำเรื่องมั่ง

รอตอนหน้าจ้า :bye2:

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
น่ารักค่ะ
ชอบค่ะ เพิ่งได้เห็นลุคน้องซินเป็นหนุ่มทำงานออฟฟิศ

ออฟไลน์ kp

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 544
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-3
ทำได้ดีมาก
แต่งได้เป็นธรรมชาติดี
อ่านแล้วรู้สึกรัก ซิงกูลาร์ มากมาย

RomeO_C_Leng

  • บุคคลทั่วไป
55555


ชอบบบบบบบบบครับบบบบบบบบบบ



จิ้นได้อีกกกกน่ะ ฮ่าฮ่า

Jellio

  • บุคคลทั่วไป
ชอบค่ะ ภาษาสวย เนื้อเรื่องน่าติดตาม

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
ท่วงทำนองในการเขียน ภาษา ลีลา ยอดเยี่ยมเหมือนเดิม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ maio2000

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 203
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
 ชอบมาก เขียนบรรยายได้แบบ เห็นภาพเลย ชอบตอนที่ฟังเสียงดนตรี
แล้วค้างเจอคนอีกครึ่งหนึ่งอ่ะ น่ารักมาก เสียดายพี่ๆยังไม่ได้คุยกันอ่ะ
อยากอ่านต่อมากๆๆ มาค้างซะ o13

Sugar_Love

  • บุคคลทั่วไป
Singular น่ารักตลอด :o8:
  ช่ายแว้ววว  :o8:

แอร๊ยยยย

ชอบค่ะ~~~!!  ภาษาสวยมากก > <!!

รอตอนต่อนะคะ :-[


ขอบคุณค่ะ  :กอด1:

อิอิ  แต่งได้น่ารักดีค่ะ
ชอบที่พี่ซินเป็นคนนำเรื่องมั่ง

รอตอนหน้าจ้า :bye2:
  จร๊า อย่าลืมติดตามต่อเน้อ  :L2:

น่ารักค่ะ
ชอบค่ะ เพิ่งได้เห็นลุคน้องซินเป็นหนุ่มทำงานออฟฟิศ
จะแต่งเป็นโมเมนต์น่ารัก ๆ ก็มีเยอะแล้วอ่ะ ก็เลยได้แนวนี้มา ขอบคุณค่ะ  :L1:

ทำได้ดีมาก
แต่งได้เป็นธรรมชาติดี
อ่านแล้วรู้สึกรัก ซิงกูลาร์ มากมาย
  ชื่นจัยที่ซู้ดดดด  :กอด1:

55555


ชอบบบบบบบบบครับบบบบบบบบบบ



จิ้นได้อีกกกกน่ะ ฮ่าฮ่า
  จิ้น เลย จิ้น จิ้น  555  :pig4:

ชอบค่ะ ภาษาสวย เนื้อเรื่องน่าติดตาม
ขอบคุณค่ะ ก็พยายามแต่งให้เนียนที่สุดคร่า  :กอด1:

ท่วงทำนองในการเขียน ภาษา ลีลา ยอดเยี่ยมเหมือนเดิม
ขอบคุณค่ะที่ััยังติดตามกันอ ยู่เห็นตั้งแต่เรื่องที่ผ่านมา ชื่นจัยที่สุด :กอด1:

ชอบมาก เขียนบรรยายได้แบบ เห็นภาพเลย ชอบตอนที่ฟังเสียงดนตรี
แล้วค้างเจอคนอีกครึ่งหนึ่งอ่ะ น่ารักมาก เสียดายพี่ๆยังไม่ได้คุยกันอ่ะ
อยากอ่านต่อมากๆๆ มาค้างซะ o13
ดีจัยค่ะที่ชอบ ตอนหน้าก็ได้คุยกันละค่ะ  :กอด1:








Sugar_Love

  • บุคคลทั่วไป
Short Fiction  Singular - This Love By Heart Or Destiny //  รักนี้....หัวใจหรือใครลิขิต //Part 2 .. MEET..

   ตอนนี้ผมอยู่หลังเวทีที่จัดในมุมของโถงโรงแรม ด้านหลังเวทีเป็นพื้นที่แคบ ๆ จัดที่นั่งสำหรับศิลปินและพิธีกร ตอนนี้ผมกำลัง ซ่อมแซมอุปกรณ์ประกอบฉากหน้าเวทีอยู่ ด้วยอะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้มันชำรุด แต่ผมต้องซ่อมให้ทันก่อนที่งานจะเริ่ม ผมกรีดคัทเตอร์ลงบนกระดาษสาสีแดงสด ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในการหุ้มโคมไฟรูปทรงหัวใจที่วางข้าง ๆ กัน

   “พี่ซิน ศิลปินเริ่มทยอยมาแล้วพี่ ผมว่าเค้าน่าจะต้องการพื้นที่ตรงนี้นะ แล้วเราจะไปทำตรงไหน” ผมหันไปมองโชค เด็กฝึกงานที่มาเป็นลูกมือผมวันนี้

   “อืม อีกนิดเดียวอ่ะโชค มาช่วยพี่ทากาวตามโครงลวดโคมไฟ แล้วก็เก็บอุปกรณ์ทุกอย่างยกเว้นโคมไฟกับกระดาษสา ที่เหลือที่จัดการเอง” ผมพยักหน้ารับรู้ก่อนจะออกคำสั่ง กับน้องฝึกงานที่มัวแต่ยืนตื่นเต้นอยู่

   “ครับพี่ หูย..พี่ซิน....โครตโชคดีอ่ะ วันนี้นะผมจะขอลายเซ็นพี่โย่งไปฝากแฟนให้ดู เห็นคลั่งมานานและ ถือว่าเป็นของขวัญวันวาเลนไทน์ พี่ว่าดีมะ”....ผมไม่ตอบ ได้แต่ยิ้มบาง ๆ ให้ ก่อนจะช่วยกันทำงานตรงหน้าให้เสร็จทันเวลา..  ความรักไม่ใช่สิ่งเลวร้าย ถึงผมจะเคยเจอความรักที่ไม่ลงตัว แต่ผมรู้ว่าไม่ใช่ผมคนเดียวที่พบเจอ สำหรับคนที่ทำใจยังไม่ได้ สิ่งนั้นคือฝันร้ายที่สุดในช่วงชีวิตนั้น แต่เมื่อเวลาผ่าน...กาลเวลามันก็ลบเลือนอะไรหลาย ๆ อย่าง จนฝันร้ายครั้งนั้นกลายเป็นแค่บทเรียนบทเรียนนึงในชีวิต  ผมไม่ได้เกลียดกลัวความรัก เพียงแต่ยังไม่พร้อม...หรืออาจจะยังไม่ถึงเวลา..และยังไม่เจอสิ่งที่ใช่ก็ได้

   “เสร็จซักที อ่ะ...โชคไปไหนละ” ผมหันรีหันขวางหาลูกทีม เพราะมีงานที่ต้องใช้ คือการเอาโคมไฟไปตั้งบนแท่นซึ่งมันยากสำหรับคนความสูงน้อยอย่างผม...งั้นลองเสียบไฟดูก่อนละกัน

   “ปลั๊ก บ้า!” พาลหงุดหงิดไปอีก เมื่อเต้าเสียบกับปลั๊กที่เสียบมันไม่สามัคคีกันซักนิด ผมพยายามกดตัวปลั๊กเสียบให้ชิดกันเพื่อที่จะได้เข้าไปในรูเสียบได้พอดีแต่ เหล็กมันแข็งจนกดไม่ลง.. (เข้าใจกันเปล่างิ ^ ^”) ยิ่งลนเมื่อมองนาฬิกาที่ข้อแขนตัวเอง เหลือเวลาอีกไม่มาก เพราะศิลปินเริ่มทยอยกันเข้ามาแล้ว

   “ บ้าจริง !...ปลั๊กอื่นก็ไม่ว่างด้วย.. อ๊ะ!!”

   “ผมช่วย”

   “...........”

   “น่าจะได้แล้ว ลองดูนะครับ”

   “อะ เอ่อ ครับ”  ผมสะดุ้ง...รีบละสายตาจากใบหน้าผู้เข้ามาช่วยเหลือ เปลี่ยนเป็นมองมือใหญ่ที่กำลังจะเสียบปลั๊กเพื่อลองโคมไฟสีแดงสด หลังจากที่รับปลั๊กเสียบ ที่ผมเผลอปล่อยให้อย่างง่ายดาย เพราะหลังจากเงยหน้าไปเจอหน้าคม ๆ นั่น ...สติก็เบลอไปชั่วขณะ...

   “เอ่อ..ขอบคุณครับ” ผมเอ่ย เมื่อแสงสว่างออกมาจากโคมไฟรูปหัวใจ จนบริเวณนั้นฉาบด้วยสีแดง  สวยจัง..เป็นความคิดเมื่อมองเห็นแสงสีแดงสาดทับร่างใหญ่ที่อยู่ข้าง ๆ และดูเหมือนเจ้าตัวจะพอใจในฝีมือการเสียบปลั๊กตัวเองอยู่ไม่น้อยโดยการหันมาส่งยิ้มให้....หัวใจของผมดันไปสนองตอบกับรอยยิ้มนั้นด้วยการเต้นไม่ปกติ  ผมรีบก้มหน้าก้มตาดึงปลั๊กออก แล้วคว้าโคมไฟเจ้าปัญหามาไว้ในอ้อมกอด

   “ไม่เป็นไรครับ เห็นคุณรีบ ๆ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว แล้วต้องเอาไปไว้ตรงนั้นรึเปล่าครับ แล้ว..เอ่อ..” ผมมองตามสายตาคนช่วยเหลือที่ไล่มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า หลังจากที่ชี้ถูกจุดที่ต้องเอาไปตั้ง ผมพยักหน้าก่อนจะแสดงสีหน้าออกมาให้รู้ว่าไม่ค่อยพอใจการมองแบบนี้เท่าไหร่

   “ฮ่ะ ฮ่า ๆๆ ขอโทษครับ ผมกำลังจะบอกว่าคุณไหวรึเปล่า” อึก!! เหมือนโดนว่าทางอ้อม..  ผมขมวดคิ้วเข้าด้วยกัน ตั้งใจจะช่วยหรืออะไรกันแน่  มองหน้าคมที่เลิกคิ้วถามผมเหมือนกำลังรอคำตอบอยู่

   “ไม่เป็นไรครับผมมีลูกทีมอยู่ ขอบคุณนะครับที่ช่วย” ผมชักเริ่มหงุดหงิดกับคนตรงหน้า เพราะหลังจากฟังคำตอบจากผมก็พยักหน้าเข้าใจ แต่มือใหญ่ก็เอื้อมมาดึงโคมไฟไปกอดไว้ซะเอง .....ยังไงกัน

   “ผมช่วย... คุณคอยดูละกันว่าโอเคมั๊ย...”

   “........” ผมตั้งสติได้ก็ได้แต่เดินตามมือกีตาร์หนุ่ม ....ที่ทำให้ใจผมเต้นแรงตั้งแต่เมื่อวาน และดูเหมือนเค้าจะไม่ได้สังเกตอาการอึ้ง ๆ เบลอ ๆ ของผม ที่ได้เจอเขาซักนิด... ก็ดีเหมือนกันเพราะผมยังมองหาโชคไม่เห็นเลย โทรศัพท์ก็เห็นวางอยู่ข้าง ๆ กล่องเครื่องมือด้วย..


   “ขอบคุณนะครับ เอ่อ..”

   “ผมนัทครับ”

   “ขอบคุณ คุณนัทครับ ถ้าไม่ได้คุณคงแย่” คำขอบคุณที่ออกมาจากใจจริง ๆ เพราะหลังจากเอาชิ้นงานไปตั้งก็เจอปัญหาอีก ปลั๊กตรงที่เสียบไฟดันไม่เข้าทั้งที่เมื่อวานทดลองแล้วโอเคทุกอย่าง ลำบากตั้งเดินปลั๊กมาใหม่ ซึ่งคนตรงหน้าผมก็กระตือรือร้นช่วยทุกอย่าง และอีกอย่างลูกมือผมไม่น่าจะผ่านฝึกงาน เพราะไม่เห็นเงาเลย

   “ไม่เป็นไรครับ” ริมฝีปากที่คลี่ยิ้ม ทำเอาใจผมกระตุกและปั่นป่วนขึ้นมาอีกแล้ว  อยากจะหยุดหายใจให้หัวใจมันหยุดเต้นซะเดี๋ยวนี้ เพราะเต้นแบบนี้ ดีไม่ดีคนที่ยืนยิ้มอยู่อาจจะได้ยินได้....

   “พี่ซิน !! ผมขอโทษพี่ ผมท้องเสียอ่ะ โอย..หมดแรง” ผมหันไปมองโชคที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา เหงื่อซึมตามใบหน้า.... มายืนหอบข้าง ๆ ผม พร้อมกับส่งสายตาอ้อนวอนสำนึกผิดมาให้

   “เออ..เสร็จแล้ว แล้วเป็นไงบ้าง” ผมมองหน้ามันแล้วอดที่จะหัวเราะไม่ได้แต่ก็ต้องกลั้นไว้เดี๋ยวมันจะหาว่าเยาะเย้ย... ท่าทางจะหนักจริง ๆ ผมหันไปยิ้มกว้างให้มันแทน

   “โหยพี่!! พรุนเลยอ่ะ” ผมได้แต่มองมันที่เดินหย่องแหย่ง ไปนั่งเก้าอี้ตัวที่ใกล้ที่สุด ซึ่งตอนนี้ศิลปินเต็มหลังเวทีแล้ว ผมหันมามองคนตรงหน้าที่กำลังมองผมอยู่เหมือนกัน

   “คุณนัทครับ”

   “.......” 

   “คุณนัท!” เป็นอะไร..มองหน้าผมซะนิ่งเชียว..

   “อะ เอ่อ ครับ” หน้าหล่อ ๆ ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะส่งยิ้มแหย ๆ ให้.....

   “ถ้ายังไง ขอบคุณอีกครั้งครับ ผมต้องขอตัวไปดูงานข้างนอกก่อน”

   “ครับ ไม่เป็นไร เอ่อ คุณ ซินใช่ไหมครับ เอ่อ คือ..”

   “ครับ ผมซิน มีอะไรรึเปล่าครับ” ผมถามคนที่เอ่ยชื่อผมแล้วทำอ้ำอึ้งเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด

   “ปะ เปล่าครับ... เชิญครับ” ... ยิ้มอย่างนี้อีกแล้ว.....เพราะความคิดผมรวน ๆ อยู่แล้วรึเปล่าทำให้รอยยิ้มนั่นมันบาดใจได้ขนาดนี้ ผมยิ้มให้ร่างสูงนั่นอีกครั้ง ก่อนจะหันหลังกลับทันทีเพราะรู้สึกว่าหน้าตัวเองเห่อร้อนขึ้นมาซะเฉย ๆ .....ผมต้องเป็นบ้าแน่ ๆ ถ้ายังอยู่ใกล้คน ๆ นี้อีก

   
   “ซิน ปอว่าซินเจอแล้วล่ะ ดีใจด้วยนะ” ปอ......มาได้ยังไง….

   “ปอว่าอะไร ...ซินเจออะไร” ผมถามคนที่เคยทำให้ผมเจ็บแทบบ้า ที่บัดนี้ยืนยิ้มให้ผมอยู่ตรงหน้า แต่ทำไมทุกอย่างมันเลือนรางนัก

   “เดี๋ยวซินก็รู้ ปอว่าแล้ว ว่าซินต้องเจอซักวัน ปอไปก่อนนะ ซินดูแลตัวเองด้วย ขอให้ซินมีความสุขกับสิ่งที่เหมาะและใช่สำหรับซิน”

   “ปอ... จะไปไหนน่ะ ..ปอ แล้วปอมาได้ยังไง ปอ ...รอซินก่อน” ผมไล่ตามแผ่นหลังบอบบางนั่นไป แต่ยิ่งวิ่งยิ่งไกล และก็ลับตาในที่สุด

   //  จะมีไหมซักคน มาเปลี่ยนชีวิตของฉัน.. เธอคือใคร
ที่จะรักจริง ไม่ทอดทิ้งกัน อยากจะรู้
จะมีไหมซักใจ จะได้เจอเธอ อยากรู้เธอคือใคร
ที่จะเป็นรักสุดท้าย ของฉันจริงๆสักที //  (เธอคือใคร – ETC)

   เสียงเพลงดังจากโทรศัพท์ไอโฟนสีดำที่วางอยู่ข้างหมอน ทำให้ผมสะดุ้งตื่น เหงื่อซึมตามไรผม และรู้สึกว่าฝันเมื่อซักครู่เหมือนจริงมาก เรื่องอะไรที่ผมจะต้องฝันถึงปออีก เพราะผมไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับเธอเลยช่วงนี้

   “ซินครับ” ผมกรอกเสียงแบบงุนงง หลังจากกดปุ่มรับสายไปแล้ว

   “ซินนี่เสกเพื่อนปอนะจำได้ไหม เรามีข่าวร้ายจะบอกว่ะ .....หวังว่าซินคงยังไม่ลืมปอนะ”

   “อืม ...” เสียงเสกดูเหมือนสั่น ๆ ....ผมครางรับเบา ๆ... ปอ...ผมไม่มีวันลืมแน่ ๆ

   “ปอประสบอุบัติเหตุ เสียชีวิตแล้วว่ะ ฮึก! แมร่งเมื่อวานมันยังโทรหาเรา คุยกันสนุกสนาน มันยังถามเลยว่าได้ข่าวซินมั่งเปล่า ...ไม่อยากเชื่อเลย” เสียงเครือของเพื่อนสมัยเรียนพร้อมกับคำบอกเล่า... ทำเอาผมนิ่งไป.....หัวใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ... อะไรกัน....ปอตายแล้ว....รู้สึกเย็นวูบไปทั้งตัว.. แต่ก็รับรู้ถึงหยาดเหงื่อที่ผุดออกมาตั้งแต่ตอนสะดุ้งตื่น........ความฝันเมื่อครู่ มันยังติดตาผมอยู่เลย...

   //ปอไปก่อนนะ ซินดูแลตัวด้วย //  เสียงปอยังชัดเจนในความรู้สึกของผมตอนนี้ ถึงแม้จะเป็นแค่ฝัน... น้ำตาผมไหลออกมา แต่ไม่มีเสียงสะอื้นอะไร…

   “ซิน ซิน ฟังเราอยู่รึเปล่า”

   “ฟังอยู่...แล้วยังไงต่อ ตอนนี้ศพปออยู่ที่ไหน”ผมพยายามทำเสียงให้เป็นปกติมากที่สุด

   “ญาติมันมารับไปแล้ว เห็นว่ารดน้ำศพพรุ่งนี้ วัด........ ตอนบ่าย 2 โมง ซินอโหสิให้มันนะ  เราไม่รู้ว่าเรื่องราวเมื่อก่อนมันเป็นยังไง แต่เราว่าปอยังห่วงใยซินเหมือนเดิม ยังไงซะ มันก็ไม่ได้อยู่กับเราแล้ว ถือว่าให้มันได้ไปสบาย แค่นี้ก่อน..ถ้าพรุ่งนี้ซินไปก็เจอกันที่งานนะ”

   “อืม” ผมตอบรับก่อนจะกดวางสาย แล้วค่อย ๆ วางโทรศัพท์ลง .....ปอ...ปอเป็นห่วงซินอยู่รึเปล่า ปอ....ยังเฝ้าดูซินอยู่ใช่มั๊ย…ยังเป็นกังวลกับเรื่องของซินซินะ ผมก้มหน้าซุกหัวเข่าตัวเองที่ตั้งชันขึ้นมา..

   “ฮึก ฮืออ ....ปอ..ฮืออ ปอไม่ต้องห่วงซินนะ ซินไม่เป็นไร ซินยังรู้สึกดี ๆ กับปอเหมือนเดิม  ฮึก ..ซินไม่เคยเกลียดปอเลย.. ซินอโหสิให้ปอทุกอย่าง ฮืออ ปอ..ได้ยินซินไหม ฮึก...หลับให้สบายนะเรื่องของซิน ไม่ต้องห่วง ฮืออ”



   ผมนอนร้องไห้จนหลับไป ทั้งที่จากกันตั้งนานแล้วทำไมผมถึงเสียใจได้มากมายขนาดนี้ อาจจะเป็นเพราะความฝันก่อนหน้านั้น มันจะผิดไหมถ้าผมจะคิดว่าปอยังไม่ลืมผมเหมือนกัน แต่ทำไมปอต้องบอกว่าผมเจอแล้ว ผมเจอะอะไร

   “บ้าน่ะสิ..” ผมรำพันกับตัวเองเบา ๆ ขณะที่ขับรถตรงไปที่วัด ที่เสกบอกเมื่อคืน ก็เมื่อครู่จู่ ๆ ก็มีหน้าของคน คนนึงลอยแว๊บเข้ามาในหัวสมอง คิดแล้วก็โมโหตัวเอง เหตุการณ์อย่างนี้ยังจะคิดถึงอยู่ได้....คิดถึง...คงไม่ใช่หรอก...

   ผมจอดรถไว้บริเวณที่ถูกจัดไว้ แล้วเดินเข้าไปในงาน เจอเพื่อนสมัยเรียนมัธยมหลายคนทั้งที่ยังติดต่อกันอยู่และที่ไม่ได้ติดต่อมานานแล้ว ผมติดงานทำให้มารดน้ำศพปอไม่ทันทั้งที่วันนี้ไม่มีกระจิตกระใจทำงานซักนิด แต่เป็นงานที่ทิ้งไม่ได้ต้องเข้าไปเคลียร์ก่อน ก่อนจะมาได้ก็ล่อเข้าไปเกือบ 4 โมงเย็น... เมื่อเดินเข้าไปในงานเพื่อไหว้ศพ... รู้สึกถึงลมเย็น ๆ ที่พัดผ่านผมไป

   //วู๊บบบ!!!//  ขนทั้งตัวผมพร้อมใจกันลุกเกรียวกันไปหมด เพราะลมเย็นเมื่อครู่หรือว่าเพราะอะไรก็แล้วแต่ ผมมองรูปที่ตั้งอยู่หน้าศพ..... รูปปอ...ที่มีรอยยิ้มสดใสเหมือนสมัยก่อนไม่มีผิด... ทำเอาผมรู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกที่ลำคอ น้ำตาเริ่มรื้นขึ้นมาอีกแล้ว....รู้สึกว่าตาเริ่มพล่าเพราะน้ำตาที่มาคลอ...

   หมับ!! “อ๊ะ!!” ผมตกใจ ที่จู่ ๆ ก็มีมือมาจับมือผมไว้ จนจะชักกลับ แต่มือที่จับกลับจับแน่นขึ้นอีกจนรู้สึกเจ็บแต่ไม่มาก...และแปลกใจ...เพราะความรู้สึกที่มีอีกอย่างคือ...ความอบอุ่นที่วิ่งเข้ามาบริเวณที่ถูกพันธนาการไว้ก่อนหน้านี้

   “ถ้าร้องไห้ คนตายจะไปไม่สงบนะครับ ไปไหว้ศพกันเถอะ” ผู้ชายในเชิ๊ตดำที่พูดคุยกับผมตอนนี้คือคนที่เคยแว๊บเข้ามาในความคิดผมเมื่อไม่นาน และเป็นคนเดียวกันกับคนที่จับมือผมไว้ ...มาได้ยังไงกัน..บังเอิญอีกแล้ว...นี่คือความคิดของผม....แปลกที่ความอบอุ่นนั้นทำให้น้ำตาผมที่ทำท่าจะไหลกลับหายไปได้ ผมยอมเดินตามมือที่ฉุดผมเดินเข้าไปหน้าศพ ก่อนจะปล่อยผมเป็นอิสระ... ผมไม่รู้ว่าคนในงานมองกันรึเปล่า ...เหมือนผมจะไม่ได้คิดอะไร.. กลับรู้สึกว่าเหมือนมันเป็นสิ่งที่ดี...ที่ได้เจอ.....

   “อ้าวนัทเป็นไงมั่ง ไม่เจอกันนาน แล้วนี่รู้จักกันเหรอ..” เสียงเสกดังขึ้น

   “อ่อ ก็เคยเจอกันในงาน ที่ซินเค้าไปจัดสถานที่น่ะ” เป็นนัทที่ตอบ ผมได้แต่ยิ้มให้เพื่อนที่เข้ามาทักเป็นระยะ บางคนก็หอบลูกหอบเต้ามาด้วยร้องไห้กระจองอแงบ้าง วิ่งเล่นซุกซนบ้าง.... มันก็มีความอบอุ่นในงานที่มีแต่ความซึมเศร้าอย่างนี้ได้เหมือนกัน...

   “งั้นก็ไม่ต้องแนะนำละ ซินรู้แล้วใช่ไหมว่านัทเป็นลูกพี่ลูกน้องกับปอน่ะ” เสกหันมาพูดคุยกับผม หลังจากมานั่งเก้าอี้ที่ทางเจ้าภาพจัดเตรียมไว้ โดยมีนัทนั่งทางด้านขวามือของผม

   “หึ.. เปล่าเราไม่รู้” ผมส่ายหน้าพร้อมกลับหันไปมองหน้านัทที่เหมือนกับกำลังสนใจคำสนทนาระหว่างผมกับเพื่อนสมัยเรียนอยู่

   “อ้าว เหรอ.. นัท..เรียนอีกที่น่ะแล้วก็เป็นลูกพี่ลูกน้องปอด้วย  ...ถ้ายังไงก็ทำความรู้จักกันไปก่อนนะ เดี๋ยวรับโทรศัพท์เพื่อนก่อน..เดี๋ยวมา เออ! แต่เรามีอะไรจะบอกนัท ซินน่ะแต่งเพลง ร้องเพลง.. อย่างนี้เลย” พูด...อย่างนี้เลย.. ด้วยการยกนิ้วโป้งให้ผม เสกรู้เพราะคลุกคลีอยู่กับพวกผมบ่อย ผมเคยอยู่วงประสานเสียงชื่อดัง และแต่งเพลงให้ทางโรงเรียนด้วย

   “ซินแต่งเพลงด้วยเหรอ พึ่งรู้นะเนี่ย..” แปลกคน... ก็พึ่งรู้จักกัน...พึ่งรู้ก็ไม่แปลกหรอก

   “แล้วซินไม่ร้อง ไม่แต่งเพลงแล้วเหรอตอนนี้” คนถาม ตั้งคำถามแต่ไม่มองหน้าผม ถ้าไม่ติดว่าตรงนี้มีผมที่ชื่อซินและกำลังคุยเรื่องนี้อยู่ คงได้ถามกันล่ะ ว่าถามผมรึเปล่า?

   “ อืม พอดีช่วงนี้ซินยุ่ง ๆ น่ะ ส่วนเพลงที่แต่งเก็บไว้ก็มีเหมือนกัน” ผมเผลอใช้สรรพนามแทนตัวเองด้วยชื่อโดยที่ไม่รู้ตัว

   “งั้นเหรอ อืมมม ทำไมซินไม่ลองไปเสนอทางค่ายเพลงดูล่ะ ซินอยากเป็นนักร้องรึเปล่า”

   “คือผมหมายถึง แค่เนื้อร้องและทำนองน่ะ” ผมรีบแก้ตัวและสรรพนาม เพราะเรื่องเป็นนักร้องเป็นแค่ความฝันลม ๆ ของผมเท่านั้น ผมไม่มีความกล้าพอที่จะไปยืนร้องเพลงแบบเดี่ยว ๆ ให้ใครฟังแน่ ๆ

   “งั้น จะว่าอะไรมั๊ย เอ่อ..ถ้านัทจะขอเป็นคนเรียบเรียงดนตรีและกีตาร์ให้เพลงของซิน....แล้วอีกอย่าง นัทอยากให้ซินแทนตัวเอง ว่าซินเหมือนเมื่อกี้ได้ไหม นัทว่ามันมันเหมาะกับซินดี”  ผมมองหน้ามือกีตาร์ตรงหน้าแบบงง ๆ กับคำร้องขอ รวมถึงสรรพนามที่นัทใช้แทนตัวเองด้วย มันก็รู้สึกดีเหมือนกันที่ได้ยินแบบนี้ นัทคงรู้สึกดีเหมือนกันใช่มั้ย ถ้าผมจะใช้สรรพนามแทนตัวเองด้วยชื่อ...ผมเรียกแทนตัวเองว่า ซิน กับคนที่สนิทด้วยเท่านั้น แต่ผมก็เผลอพูดกับผู้ชายคนนี้ไปแล้ว..

   “แล้วนัทมีเวลาเหรอ วงที่นัทเล่นดังจะตาย ต้องไปเล่นที่นั่นที่นู่นบ่อยแน่ ๆ” ผมหันไปถามคนที่มองผมอยู่เหมือนกัน.....ใจเต้นอีกแล้ว...อยู่ใกล้คนคนนี้แล้วเป็นแบบนี้ทุกทีโดยเฉพาะเวลาเจอสายตาที่มองมาที่ผม..คนเดียว..

   “เปล่า ...นัทไม่ได้อยู่วงนั้น แต่แค่ไปเล่นแบล็คอัพแทนมือกีตาร์ที่ติดธุระช่วงนั้นพอดีน่ะ”

   “จริงอ่ะ ไม่น่าเชื่อ...ออกจะเล่นเทพขนาดนั้น” ประโยคหลังกลายเป็นพึมพำคนเดียวซะอย่างงั้น

   “ซินว่าอะไรนะ” ผมเงยหน้าขึ้น แทบสะดุ้งก็ใบหน้าที่เรียกเสียงกรี๊ดจากสาว ๆ ในงานที่ผ่านมาได้ไม่น้อยหน้ากับนำร้องนำ มาอยู่ห่างจากหน้าผมไม่ถึงคืบ....จะยื่นหน้าเข้ามาทำไมเนี่ย....

   “เปล่า ซินแค่คิดว่านัทก็เล่นเก่งนิ ไม่มีใครมาติดต่อไปทำวงเลยเหรอ” รู้สึกว่าหน้าตัวเองเห่อร้อนขึ้นมาจนต้องรีบทำเป็นตั้งคำถามที่ไม่ได้ตรงกับที่คิดซักนิด....

   “อืม มี แต่นัทปฏิเสธ ไม่รู้สิใจมันไม่อยากทำกับใครอ่ะ อยากอิสระเพื่อรออะไรบางอย่าง  นัทก็ไม่รู้ว่ารออะไร แต่ก็รอจนถึงตอนนี้.....นัทอยากเห็นซินร้องเพลงอีกครั้งนะ”…. สายตาคมจ้องกลับมาที่ผมอีกครั้ง คราวนี้ผมเผลอสบตาคู่นั้นโดยบังเอิญและไม่ได้หลบเหมือนเคย หรือเป็นเพราะไม่อยากหลบ นัทเคยได้ยินผมร้องเพลงเหรอ..แล้วทำไมผมไม่เคยรู้จักผู้ชายคนนี้มาก่อน ...เป็นผมที่เสสายตาออกจากหน้าหล่อ ๆ นั่น..หันไปโฟกัสที่รูปปอ ที่เหมือนกำลังส่งยิ้มให้ผมอยู่ เพราะอะไรกันนะปอ.... มีความรู้สึกเหมือนปอรู้เรื่องทุกอย่างด้วย..... ทำไมปอไม่บอกอะไรซินเลย....แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน ก็แค่...ความบังเอิญใช่ไหม....






ออฟไลน์ PoyPay

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 269
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
มาขอติดตามอ่านเรื่องนี้ด้วยคนนะคะ.... ^_^ ....

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องราวน่ารักดีจ้ะ
นัทแอบรู้จักซินมาก่อนเหรอ

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
นัทพูดเหมือนเคยรู้จักซินมาก่อนเลย...

ออฟไลน์ ✪PATTY✪

  • เมี๊ยวววว~
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
    • http://facebook.com/NKM.SNK

ออฟไลน์ sasa

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1008
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-2
ตาม ๆๆ อ่านด้วยคน

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
ทายว่า นัทต้องเคยรู้จักและเห็นซินร้องเพลงมาก่อนแน่ๆ อิอิ

ออฟไลน์ forte

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
เรื่องน่าติดตามมากกกกกกกกกกกอ่ะ

นัทต้องรู้จักซินผ่านทางปอมาแล้วแน่เลย... แล้วปอก็ต้องรู้ด้วยถึงได้หลีกทางให้ หุๆๆ ทั้งหมดเป็นการคาดเดาล้วนๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ TPFJD

  • YunJae siNut
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 261
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
"พวกกูแค่โอ๋ แต่มึงนั้นแหละทั้งโอ๋ทั้งตามใจ"
อ๊ากกก ฟิคทำเราคลั่ง
ชอบประโยคนี้มากเลย กดไลท์ล้านรอบ  :z13: :z13:
 :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ Nutsuki.

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ชอบค่า เนื้อเรื่องน่ารักๆ
บรรยายสนุกดีค่ะ ชอบๆ


Sugar_Love

  • บุคคลทั่วไป
Short Fiction  Singular -This Love By Heart Or Destiny // รักนี้....หัวใจหรือใครลิขิต - End 8/6/11


   “นัท ซินว่าตรงนี้น่าจะซอร์ฟลงกว่านี้ดีไหม”

   “ซินว่าดีไหมล่ะ”

   “นัท ก็ซินถามนัทนี่ไง!!”

   “ซินก็หงุดหงิดไปได้ นัทก็คิดอยู่ งั้นลองเล่นอีกทีนะ”

   คงงงกันใช่ไหมครับว่าพวกผมเถียงอะไรกัน คงไม่เคยเห็นคนสวยเหวี่ยงใช่ไหม ครับ คนสวย ฟังไม่ผิด ก็คนตัวเล็ก ๆ หน้าหวาน ๆ ที่ตอนนี้ยืนทำหน้าพริ้ม โยกหัวน้อย ๆ ตามจังหวะดนตรีของผม หลังจากที่โดนผมกวนไปก่อนหน้านั้น ผม นัท ครับ คงจะสงสัยกันล่ะสิว่ามาถึงจุดนี้ได้ยังไง ก็หลังจากที่ผมเสนอตัวเองรับหน้าที่ใส่เสียงดนตรีให้กับเนื้อเพลงและเสียงเพราะ ๆ ของร่างเพรียวนี่ ทั้งที่ตอนแรกไม่คิดว่าซินจะตกลงด้วยซ้ำ กลัวว่าจะงง ทำไมผมต้องมาใส่ใจสนใจอะไรกับเขามากมาย จริง ๆ ผมไม่ใช่ว่าพึ่งจะรู้จักซินตอนนี้หรอกครับ


   “ปอใช่มั้ย มากับใครครับ ไมมานั่งคนเดียว ” ผมเดินเข้ามาทักลูกพี่ลูกน้องตัวเองที่นั่งเก้าอี้ในสวนสาธารณะแห่งนึง ที่สำคัญเจ้าของชื่อนั่งทำหน้าหงิกเหมือนโกรธใครมา

   “อ้าว..นัท ..มากับซิน เอ่อ..แฟนปอน่ะค่ะ” ใบหน้าใส น่ารัก หันมาทักผมด้วยสีหน้าแปลกใจที่เห็นที่นี่ จริง ๆ แล้วผมมาหาทำเล นั่งซ้อมกีตาร์เพื่อลงแข่งขัน เพื่อนแนะนำให้มาที่นี่เพราะค่อนข้างสงบซึ่งตรงสเปคผมพอดี

   “อ้าเหรอ แล้วแฟนปอไปไหนแล้วอ่ะ แล้วไมต้องมานั่งหน้าหงิกอยู่นี่ล่ะคับ” ผมกับปอเคยเจอกันไม่กี่ครั้ง ถือว่าไม่ได้สนิทอะไรด้วยซ้ำเพราะปอพึ่งย้ายมาจากทางเหนือ มาต่อ ม. ปลายที่กรุงเทพได้ไม่นานแต่เรียนคนละที่กับผม

   “ก็แฟนปออ่ะงี่เง่า ชวนไปร้องคาราโอเกะกับเพื่อนปอก็ไม่ไป เราก็เห็นว่าชอบร้องเพลง รู้งี้ไม่ชวนให้เสียรมณ์ หรอก ป่านนี้นั่งวาดรูปฮัมเพลงสบายใจไปแล้วมั๊ง” 

   “แล้วนัทมาไงอ่ะคะ”

   “อ่อ นัทมาหาที่ซ้อมกีตาร์น่ะ เพราะนัทสมัครแข่งดนตรีไว้น่ะ ..งั้นนัทไปก่อนนะไว้เจอกันใหม่” หน้าใส ๆ พยักหน้าให้ผมทั้งที่ยังทำหน้าค้อน ๆ อยู่

   ผมเดินห่างจากปอมาไม่มาก  มีคนวิ่งออกกำลังกายไม่กี่คน ผมเลือกนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ตัวยาวสีฟ้าอ่อนที่มีพนักผิง ข้าง ๆ เป็นพุ่มไม้ดัด ที่บังตัวผมได้มิด ผมเริ่มซ้อมกีตาร์  และทุกครั้งที่ผมอยู่กับคู่หูของผม นั่นเท่ากับว่าในโลกนี้ตอนนี้มีแค่ผมกับไอ้ตัวหลายสายนี่แหละ





   เสียงนุ่ม ๆ หวาน ๆ ในฉบับผู้ชายขับขานเพลงสบาย ๆ แต่ความหมายที่ทำเอาผมใจเต้นได้ ผมไม่รู้ตัวว่าตัวเอง เผลอตั้งสายกีตาร์ตัวโปรดและบรรเลงนิ้วตามจังหวะเสียงเพลงนั้นได้จนจบได้ยังไง  เพลงนี้ผมเคยเล่น...ทำให้มันเป็นไปเองโดยอัตโนมัติ.... เพราะ...เสียงที่สามารถดึงดูดผู้คนได้ คงไม่ใช่แค่ผมคนเดียวหรอก ถ้าคนอื่นมาได้ยินด้วย คงจะเป็นคล้าย ๆ ผมแน่ ๆ

   “เพราะจัง!!!”   

   “อ้าวปอ” ผมหันไปตามเสียงทัก ก็เห็นปอยืนยิ้มแฉ่งให้ผมอยู่

   “ไม่คิดว่าเสียงกีตาร์นัทกับเสียงซินจะเข้ากันได้ขนาดนี้อ่ะ” ปอดูท่าทางจะปลื้มมาก ๆ ซะด้วย

   “ซิน?”

   “ใช่ค่ะ ซิน แฟนปอเอง นั่งหลังพุ่มไม้นั่นแหละ คงใส่หูฟัง ฟังเพลง แล้วก็วาดรูปด้วย เป็นอย่างนี้แหละเวลาซินอยู่กับอะไรพวกนี้นะ ไม่ค่อยจะสนใจอะไรหรอก เดี๋ยวปอจะแนะนำให้รู้จักนะ” ปอพูดเสร็จแล้วเดินอ้อมพุ่มได้ดัดข้าง ๆ ผมไปอีกฟากนึง พึ่งจะนึกได้ก็ตอนนี้แหละว่าถ้าแฟนปอไม่ใส่หูฟังและอยู่ในภวังค์อย่างปอว่า ผมคงโดนด่าแน่ เพราะอีกคนกำลังวาดรูปอยู่ด้วย แต่ก็แปลกคนที่วาดรูปไปด้วย ยังร้องเพลงดังขนาดนี้ ...หรือไม่...ผมอาจจะตั้งใจฟังเกินไป...

   “ซิน ..ซิน..ปอมีใครจะแนะนำให้รู้จัก” เสียงใส ๆ เรียกแฟนตัวเอง ทั้งที่ผมยังไม่ได้ขยับเดินตามไป

   “อืมแป๊บนะปอ” เสียงนุ่ม ๆ บอกปอให้รอ เพราะผมได้ยินเสียงริงโทนโทรศัพท์ คงจะรับโทรศัพท์ก่อน ผมลุกขึ้นเดินออกไปหาปอ แต่อีกคนกลับไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว .....สายตามองบุคคลที่พึ่งหันหลังเดินออกไป ร่างบาง ๆ ที่มองจากด้านหลังไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นผู้ชาย ผิวขาว ๆ ที่โผล่พ้นจากเสื้อยืดแขนสั้น....น่ามอง..........แค่ชั่ววินาทีที่เจ้าของร่างเล็กนั่นหันแค่หน้ากลับมาเพื่อปัดใบไม้ที่ล่วงลงตรงบ่าตัวเองพอดี แต่ผมกลับจดจำใบหน้าน่ารัก จิ้มลิ้มนั่นได้ทันทีที่เห็น รวม ๆ แล้วคน คนนี้ สามารถสะกดทั้งสายตาและจิตใจผมได้เวลาไม่นาน ทั้งที่ยังไม่ได้พูดคุยกันด้วยซ้ำ…นี่น่ะเหรอแฟนปอ ..

   “ซินอ่ะ นานจัง คงคุยกับม๊าอ่ะ ต้องคุยนานแน่เลย.. ม๊าซินนะห๊วงห่วงลูกชาย แต่ก็ไม่แปลกหรอก ก็ซินเป็นอย่างนี้....เฮ่อ !! นัทรู้ไหมเวลาปอไปไหนกับซินนะ ไม่โดนถามก็โดนแซวว่ามากับน้องสาวเหรอ เดี๋ยวนี้คบทอมแล้วเหรอ หรือกวน ๆ หน่อยก็ เดี๋ยวนี้คบเพื่อนสาวแล้วเหรอ ปอรู้ว่าซินอ่ะดีมากเลย จนบางทีปอก็รู้สึกไม่ดี”..... เสียงใสเจื้อยแจ้วให้ฟัง ผมก็ว่าไม่แปลกนะที่เหตุการณ์จะเป็นอย่างนี้ และดูท่าปอจะคิดหนักกับเรื่องนี้มากอยู่  ถ้าเป็นผมถ้าขึ้นชื่อว่าแฟน หรือคนที่เรารัก เขาจะเป็นยังไง แต่ถ้าเขาดีกับเราและรักเราเหมือนกัน คนคนนั้นมีค่าในสายตาผมเสมอ คงไม่เก็บมาคิดให้มากมายกับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องแบบนี้ แต่ความคิดคนเราก็ไม่เหมือนกันผมเข้าใจ ปอก็เป็นอีกคนที่อาจจะมองความรักไปคนละมุมกับผม และอาจจะคนละมุมกับอีกคนที่รู้ตัวหรือเปล่าว่าทำให้แฟนตัวเองหนักใจเพราะรูปร่างหน้าตัวเองเป็นแบบนี้

   “แล้วนัทไม่มาแฟนมาเที่ยวด้วยล่ะ” ปอละสายตาจากแฟนตัวเองแล้วหันมาหาผม

   “ยังหรอก นัทยังไม่มี”

   “จริงอ่ะ โห..หน้าตาอย่างนัทเนี่ยนะ” ใบหน้าน่ารักหันมาทำตาโตใส่ผมซะงั้น

   “อืม นัทคงมีเวลาให้เขาไม่มากพอหรอกตอนนี้ เอาไว้ก่อนละกัน นัทยังสนุกกับเพื่อนกับสิ่งที่นัทรักอยู่เลย” ผมตอบไปตามจริง ไม่ใช่ว่าไม่มีใครเข้ามา มากมายแต่ไม่ใช่ และยังไม่อยากจะใช่กับใครตอนนี้

   “นั่นสินะ อิจฉานัทจัง”

   “หือ.. ทำไมปอว่างั้นล่ะ” ผมมองหน้าของลูกพี่ลูกน้องที่ตัวเองที่พูดอะไรแปลก ๆ ออกมา

   “บอกตรง ๆ นะว่าตอนนี้ปอรู้สึกกับซินแค่เพื่อนเท่านั้นเอง ซินเป็นคนดี ดีทุกอย่างทั้งที่ตอนแรกก็รู้สึกดีที่ซินเป็นของซินอย่างนี้ แต่พอนาน ๆ เหมือนว่าไม่ใช่สำหรับปออ่ะ นัทคงว่าปอเป็นคนไม่ดีซินะที่คิดอย่างนี้ แต่ปอก็ทำอะไรไม่ได้... ถ้าจะบอกซินไปตรง  ๆ  ซินต้องเสียใจมาก ๆ เลยล่ะ เพราะปอรู้ว่าซินรักปอมาก ปอผิดเองที่ใจปอมันไม่มั่นคงและรวนเรอย่างนี้ บอกตรง ๆ ตอนนี้ปอไม่รู้ว่าจะไปกับซินได้แค่ไหน.....ขอโทษนะนัทที่ปอเล่าอะไรแบบนี้ให้ฟัง”

   “...............”

   “...ปอ....” ผมสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะพูดต่อ

   “ถ้าปอจะปล่อยซิน นัทขอนะ”

   “นัท!!!.....นี่นัทเป็น”  ผมไม่รู้ว่าตัวเองเผลอพูดอะไรออกไป แค่ได้ยินคำบอกเล่าออกจากปากของปอ เหมือนผมกำลังเข้าใจความรู้สึกเจ็บปวดที่จะเกิดกับร่างเล็ก ๆ นั่น...ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น....อยากปกป้อง...ถ้าเป็นผม ซินจะไม่ต้องเจ็บปวดแน่ ๆ ...ความรู้สึกที่แว๊บเข้ามา.... แม้จะตกใจในความคิดตัวเอง แต่ผมไม่ใช่คนที่จะไม่ยอมรับความจริงที่จะต้องเป็นไป...

   “..เปล่า.. นัทไม่ได้เป็น.....ในเมื่อปอเข้าใจคำว่า ไม่ใช่ ว่ามันเป็นยังไง ปอคงจะเข้าใจคำว่า ใช่ สินะว่ามันเป็นยังไง นั่นแหละที่นัทเป็น”

   “อืม...” ปอครางรับเบา ๆ แล้วก้มหน้ามองพื้น ผมไม่รู้ว่าปอคิดยังไง ..แต่ผมคิดอย่างนั้นจริง ๆ ...ก็แค่นั้นแหละ คนเราถ้าลองใช่  คงจะจูนกันไม่ยาก และที่เหลือก็ขึ้นอยู่ที่หัวใจเท่านั่นว่าจะมั่นคงต่อกันแค่ไหน ก็คงเหมือนกับที่ปอเป็นอยู่ ก็แค่ใจปอไม่มั่นคง แคร์กับสิ่งรอบตัวมากเกินไปจนลืมความสุขที่เคยได้รับจากอีกฝ่าย และจะลืมความสุขของตัวเองในที่สุด...คำว่า ใช่ สำหรับผมมันอาจจะเร็วไป และไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงคิดได้ถึงขนาดนี้ แต่ผมก็ซื่อตรงกับความรู้สึกตัวเองเสมอ

   “นัทไปก่อนนะ พอดีนึกได้ว่ามีธุระน่ะ”

   “ค่ะ แล้วเจอกัน” ปอหันมาพยักหน้าพร้อมกับหันไปมองอีกคนที่ยังไม่มีท่าทีว่าจะเลิกรากับเครื่องมือสื่อสารในมือ

   “นัท.... คิดอยู่ไหมว่าปอควรปล่อยซินไป....ถ้าถึงวันที่ปอกล้าพอ ปอจะบอกนัทนะ และหวังว่านัทคงทำได้อย่างที่ตัวเองพูด ถึงปอกับซินไม่ใช่แฟนกัน แต่ปอก็ยังรักซินเสมอแม้จะในฐานะเพื่อนก็ตาม”

   ผมไม่ได้พูดอะไรอีก..สาวท้าวเดินออกมาจากตรงนั้นทันที หลังจากนั้นไม่นานปอก็โทรหาผมบอกข่าวคราวที่เธอบอกเลิกซิน ถามว่าผมรู้สึกยังไง ไม่ได้ดีใจซักนิด แปลกที่ผมไม่เคยได้รับความรู้สึกอกหักหรือเสียใจกับเรื่องแบบนี้ แต่กลับเหมือนรับรู้ได้ว่าซินรู้สึกยังไง  ตอนนี้ผมคงทำอะไรไม่ได้ ....ก็แค่ภาวนาขอให้คนคนนั้นเข้มแข็ง และมีชีวิตที่ก้าวผ่านช่วงเวลานั้นได้เร็วที่สุด  ผมยังไม่อยากเข้าไปหาซินตอนนี้ด้วยอะไรหลาย ๆ อย่าง ผมต้องเตรียมตัวในการเรียนต่อซึ่งมุ่งมั่นที่จะเข้าคณะและมหาลัยที่ผมฝันให้ได้ และก็ทำได้ในที่สุด ผมมีเรียนและกิจกรรมค่อนข้างเยอะ ทำให้อะไรหลาย ๆ อย่างเลือนรางไป รวมถึงขาดการติดต่อกับปอด้วย แต่สิ่งที่ผมไม่มีวันลืมคือ คนที่ทำให้ผมรอ รออะไรไม่รู้.. แต่เหมือนอะไรคอยกระซิบบอกผมตลอดเวลาว่าสิ่งที่ผมเผ้ารอ จะไม่สูญเปล่า.... จนถึงตอนที่ผมเจอซินในงานที่ผมไปเล่นแบล็คอัพให้วงดังวงนึง... ผมจำซินได้ไม่ยาก หน้าตาซินเปลี่ยนไปไม่มาก จากแก้มป่อง ๆ เรียวลงทำให้ใบหน้าดูหวานซึ้งขึ้นไปอีก ผมยาวสลวยดำขวับ ยาวจนถึงกลางหลัง ใบหน้ายามเหม่อมอง ยังมีแววของความเศร้าฉายให้เห็น ในวินาทีที่ซินหันขึ้นมามองผม และมีความรู้สึกเหมือนถูกจ้อง ผมแทบหยุดหายใจ แต่รอยยิ้มและแววตาที่จ้องมองกลับไปมันเป็นไปโดยอัตโนมัติ
   
   จากวันที่ตกลงทำเพลงด้วยกัน ผมกับซินก็ใกล้ชิดกันมากขึ้น ผมจึงเล่าเรื่องที่ผมเคยเจอซินให้ฟัง ดูเหมือนซินจะจำไม่ค่อยได้เท่าไหร่ (พึ่งมารู้ทีหลังว่าซินเป็นคนขี้ลืมเป็นที่สุด)  แต่ผมเล่าแค่บางเรื่องเท่านั้นไม่รวมเรื่องที่ผมตกลงกับปอเอาไว้...... ซินก็ยังทำงานเหมือนเดิม แต่รับงานน้อยลง ซึ่งทางหัวหน้างานซินดูเหมือนจะยอมรับได้  เพราะที่ผ่านมาซินทำงานมากกว่าคนอื่นมาตลอด เป็นเพราะงานที่ผ่านซินค่อนข้างเป็นที่พอใจของลูกค้า และผมว่าเจ้าตัวก็ไม่ต้องการเวลาว่างให้ตัวเองด้วย.....

   “นัท ซินหิวข้าวแล้วอ่ะ ไปกินข้าวกัน” 

   “อืม แป๊บดิ นัทแกะเพลงนี้ก่อน” ตอนนี้เราสองคนอยู่บ้านผม เพราะไม่มีคนอยู่ทำให้เรามีสมาธิทำงานกันได้ ผมก้มมองโน้ตเพลงตรงหน้าไม่ได้เงยหน้ามองคนที่ยืนง็องแง๊งข้าง ๆ

    เมื่อได้รู้จักกันจริง ๆ ผมก็พึ่งรู้ว่าซินเป็นยังไง ภายใต้หน้าตาสวยน่ารักติดหยิ่งนิด ๆ เหมือนคนเข้มแข็งไม่ต้องพึ่งพาใคร และดูเหมือนจะอยู่ได้ด้วยตัวเองเสมอ กลายเป็นคนที่อ่อนไหวง่าย และขี้งอน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมลำบากใจอะไร เพราะซินเป็นคนตั้งใจทำงาน มีเหตุผล (กับคนอื่น)   ความที่เป็นอ่อนไหวทำให้ผมนึกไม่ออกว่าซินผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ยังไง  ซินเป็นคนที่พึ่งพาได้ตอนที่ผมอ่อนแอหรือมีปัญหา ความผูกพันธ์มันเพิ่มในใจผมเรื่อย ๆ โดยที่ไม่รู้เลยว่าซินรู้สึกยังไง แต่ทุกครั้งที่ซินชอบเอาแต่ใจตัวเองกับผม หรือไร้เหตุผลในเรื่องเล็ก ๆน้อย ๆ  ทั้งที่ซินไม่เคยเป็นกับคนอื่น ทำให้ผมคิดไปเองว่าสำหรับซินผมคือคนพิเศษเหมือนกัน..... ซินอยู่กับปอจะเป็นอย่างนี้หรือเปล่านะ แต่ปอไม่เคยเล่านิว่าซินทำตัวน่ารักได้ขนาดนี้ ^ ^ ..... ตอนนี้เราตั้งใจจะทำเดโมไปเสนอค่ายเพลงกัน เพลงที่ซินแต่ง เสียงที่ซินร้อง รวมถึงตัวซินเองมันมัดใจผมไว้แน่นจนไม่อยากที่จะเดินไปจากตรงที่ยืนอยู่เลย

   “ก็ซินหิวนิ ...เนื้อเพลงมัน..ไม่หายไป..ไหนซักหน่อย” ...บ่นครับบ่น เหมือนจะพูดกับตัวเองแต่แอบให้ผมได้ยิน ซินนั่งอยู่โซฟาข้างหลังผม คงไม่เห็นหรอกว่าผมแอบยิ้ม แต่ทำเป็นไม่ได้ยินซักหน่อย

   “นา  ท  หิ ว อือ..” เสียงหวิว ทำให้ผมหันไปมองซิน หลังจากที่ผมแกล้งไม่ได้ยินเสียงบ่นง๊องแง้งนั่นซักพัก แต่...

   “ซิน!!” ผมรีบลุกไปหาร่างบาง ๆ ที่ตอนนี้ล้มตัวนอนตะแคงบนโซฟา ผมยาวสวยส่วนที่โผล่พ้นขอบเบาะหนาทิ้งตัวลงจนจะละพื้น  โซฟาไม่มีพนักพิงตัวใหญ่กว่าตัวซินมากอยู่ ตาหลับพริ้ม ทั้งที่ขาส่วนล่างยังหย่อนลงจากโซฟาอยู่...อย่าบอกนะว่าหิวจนเป็นลมไปแล้ว..

   “ซินเป็นอะไร!!”

   “ฟี้.. งืม อือ ++ หิ ว ฟี้+”

   “..0_0 “   หลับ .....

   “ หึ หึ ..ตกลงยังไงเนี่ย ฮึ หิวหรือง่วงเอาซักอย่าง” อดที่ขำคนตัวเล็กนี่ไม่ได้ ทั้งที่บ่นว่าหิว หิว แต่พอหัวแตะเบาะนุ่มก็หลับได้อย่างง่าย ๆ เมื่อคืนคงเอางานมาทำที่บ้านล่ะสิ  ผมไม่ได้ปลุกซิน ได้แต่ช้อนร่างบางตรงหน้าแล้วขยับให้นอนในท่าที่สบาย เดินไปเบาแอร์และหาผ้ามาห่มให้....... ผมนั่งลงข้าง ๆ โซฟาที่มีซินนอนหลับตานิ่งอยู่ ปกติซินเป็นตื่นง่าย แต่ก็แปลกที่ผมอุ้มขนาดนี้กลับยังนิ่ง แสดงว่าง่วงมากจริง ๆ ...ผมเอื้อมมือไปปัดเส้นผมสวยที่ระหน้าขาว ๆ นั่นออก อดไม่ได้ที่จะไล้มือตามแก้มใส  ผมใช้นิ้วโป้งเขี่ยแก้มนุ่มเบา ๆ

   “เฮ่อ! ถ้าเราใจตรงกัน ก็คงไม่ต้องเป็นแค่เพื่อนสนิทอย่างนี้สินะ.... ฝันดีนะครับนางฟ้าของนัท” ผมปล่อยมือจากแก้มนุ่ม กะว่าจะไปโทรสั่งข้าวเข้ามาไว้ เผื่อตื่นขึ้นมาโมโหหิว หาว่าเป็นเพราะผมทำให้ตัวเองหลับจนไม่ได้กินข้าวอีก

   หมับ!!! หือ.. ผมรีบหันไปมองมือที่โดนมือเล็ก ๆ จับไว้ อย่าบอกนะว่าซินยังไม่หลับ ...แต่ก็ไม่ได้ลืมตานี่นา เป็นอะไรหรือเปล่าจับซะแน่นเลย

   “ม๊า..กอด ..ซินหน่อย หนาวว…” เสียงงัวเงียแทบจะฟังไม่รู้เรื่อง

   “ซิน นี่นัทนะ ไม่ใช่ม๊าซักหน่อย ปล่อยก่อนนะเดี๋ยวนัทไปเอาผ้าห่มมาให้อีก” ผมอดยิ้มกับท่าทางคนตัวเล็กไม่ได้ ผมค่อยแกะมือนุ่ม ๆ ออกจากมือตัวเอง แต่...

   “ม๊าไม่รักซิน กอด ม๊ากอดซินน้า”  นอกจากไม่ปล่อยแล้วยังจับแน่นขึ้นอีก คราวนี้ยังแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาอีกด้วยการทำปากยื่น คิ้วขมวดเข้าหากัน ทั้งที่ตาก็ยังหลับอยู่ ...นี่ละเมอแล้วน่ารักขนาดนี้ สาบานเลยว่าผมจะไม่ให้ซินมาหลับที่บ้านอีก ...หึ่ย!!  จะเกินไปแล้วนะซิน...

   “คร๊าบ ม๊าก็ม๊า  ตื่นมาอย่าโวยวายแล้วกัน” ช่วยไม่ได้ครับผมต้องยอมล้มตัวนอนลงข้าง ๆ ซิน ต้องขอบคุณคุณแม่หรือเปล่าที่เลือกซื้อโซฟาตัวใหญ่อย่างนี้มา

   “...รัก.. นา ท.. นะ..”....หือ.???...ฟังไม่รู้เรื่อง 

   “..ฮะ..ซินว่าอะไรนะ... อ๊ะ!! ”  ยกหัวขึ้นถามคนหลับ แต่สิ่งที่ได้หลับกลับมาคือซินขยับตัวหันหน้าเข้าหาผม แขนเรียวเล็กยกมากอดเอวและหน้าจิ้มลิ้มซุกเข้ากับอกของผม เพราะหนาวรึเปล่า ปกตินอนกับม๊าอย่างนี้รึไง.. ผมช้อนศรีษะเล็กแล้ววางแขนตัวเองลงไปแทนที่ก่อนที่จะค่อยวางหัวของคนตัวเล็กให้หนุนแขนผม แล้ววาดแขนอีกข้างกอดเอวบางตอบ...

   “เฮ่อ!!.. ทิวาสวัสดิ์ครับคนดี”  ผมหลับตาลง  เพราะได้กอดตัวบาง ๆ นุ่ม ๆ ได้กลิ่นผมหอมกรุ่นที่อยู่ตรงจมูกผมพอดี แอบก้มสูดความหอมจากกลุ่มผมนุ่มเบา ๆ .....เริ่มง่วงแล้วครับ

   “ อือ..เกาะ บอก ว่า รัก..นัท งายยย” .....หือ..  ละเมออีกแล้ว ฟังไม่ได้ศัพท์..... หนาวรึเปล่า..... ผมได้แต่กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น แล้วก็เข้าสู่นิทราตามคนในอ้อมกอด ? ไปในที่สุด.....

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด
น้องซินน่ารัก อ้อนได้น่ารักมาก

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
หูย...เหตุการณ์ตอนนี้ทั้งน่ารัก ทั้งหวานเหมือนชื่อผู้แต่งเลยล่ะ
น้องซินน่ารักมากกกกกกกก

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
ขี้อ้อนจริงๆ
เวลาอ่านแล้วนึกถึงตัวเป็นๆ ว่าจะขนาดนี้มั้ย 555

mamaUM

  • บุคคลทั่วไป
น่าร๊าก =]

พี่ซิน อ้อน เก่งอ่ะ ^^

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
ซินน่าร๊ากกกกกอ่ะ...

น่ารักไม่ไหวแล้ว...
(รู้ทั้งรู้ว่าเรื่องแต่ง แต่ก็แอบคิดว่าเรื่องจริงไปแล้ว...ฮาาา)

dragon3oyd

  • บุคคลทั่วไป
“ อือ..เกาะ บอก ว่า รัก..นัท งายยย”

งื๊ออออออออออ รอตอนต่อไปปปปปปปปปปปปปปป

ออฟไลน์ maio2000

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 203
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
 :z3: อย่า end แค่นี้ซิค่ะ มาต่อน่ะๆๆ
ซินอ้อนน่ารักมากๆ แกล้งเป็นหลับหรือเปล่านเนี่ยซิน
พี่นัทก็ดูแลพี่ซินดีๆนะ ไงอยากให้เป็นจริงเนี่ย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด