ตอนที่ ๙ตอนนี้ ๔ คนนั่งล้อมวงเตาหมูกระทะที่ถูกจัดเตรียมโดยผม ข้างซ้ายผมคือพี่เป้ ข้างขวาคือพี่โจ ฝั่งตรงข้ามผมคือ ใครก็ไม่รู้
“ติณ นี้พี่ปีย์ พี่ของ เป้” อ๋อ พี่ของพี่เป้ ผมยกมือไหว้ แกก็รับไหว้ แต่ทำไมทำหน้าดุจัง ผมพอสนุกบ้างก็ทีมันมีเหล้าแค่นั้นแหละ พี่โจกับพี่ปีย์คุยกันอย่างสนุกสนาน สวนผมตั้งหน้าตั้งหน้ากินอย่างไม่สนใจใคร ส่วนพี่เป้ นั่งเงียบ ๆ ยิ้มเป็นบางครั้งที่หันมามองผม พอเหล้าหมดไป ๑ ขวด ขวดที่สองก็ถูกเปิดอีก จนผมกินอิ่มแล้วก็เตรียมตัวที่จะกลับ
“พี่โจ ผมกลับก่อนนะอิ่มแล้ว”
“เดี๋ยวสิ กินเหล้าให้หมดก่อน เปิดทิ้งไว้มันไม่อร่อย”
“อืม”
“อย่ามาเรื่องมาก กินๆไป แค่นี้อย่าโวยวาย”
“ใช่ ขนาดข่มขืนน้องพี่ พี่ยังไม่ว่าอะไรเลย” ข่มขืนใครข่มขืนวะ
“พี่ ผมไปข่มขืนใคร” ผมรีบหันกลับไปเถียงพี่ปีย์
“อ้าววันนั้นข่มขืนไอ้เป้น้องพี่อะ จำไม่ได้เหรอหรือว่าความจำปลาทอง”
“พี่ปีย์ ติณไม่ได้ข่มขืนนะ” ใช่ๆ มึงต้องแก้ตัวแทนไปเลยไอ้พี่เป้
“ไม่ได้ข่มขืนแล้วว่าเขาเรียกว่าอะไร สภาพมึงยับเยินขนาดนั้น ทั้งไหล่ อก คอ แม้แต่ตูดมึงมีแต่เลือด กูต้องเอามึงไปฝากบ้านเพื่อนกูตั้งนานกว่ามึงจะเกือบปกติ” พี่ปีย์ย้ำคำว่า เกือบปกติมากกกกกก
“หรือจริง ๆ มึงชอบซาดิสวะ ไอ้เป้” พี่เป้หน้าแดงยิ่งขึ้นกว่าเดิมอ้าว นั้น ๆ คีบหมู คีบหมาผิดไปหมด ๕๕๕ จริง ๆ มองไปพี่เป้ มันก็น่ารักนะยิ่งอายๆ แบบนี้ เฮ้ยๆๆๆ ไม่ใช่แล้วไอ้ติณนั้นผู้ชายนะโว้ย
“กูถามมึงจริง ๆ เป้ ไอ้นี้มันมีดีอะไรมึงถึงหลงมันนักมันหนา กูเห็นมีทั้งผู้หญิงผู้ชายมารุมตอมมึงหึ่งๆ มึงยังไม่สนใจเลย” สงสัยพี่เป้จะไม่ใช่คน โดนตอมหึ่งๆ
“อีกอย่างมันก็เป็น.....”
“เด็กขายตัวพี่พูดไปเลย” ผมสวนตอบพี่ปีย์ ไม่แคร์ครับชินกับคำ ๆนี้ ผมก็อยากได้ยินจากปากพี่เป้เหมือนกันว่าทำไมถึงทนผมได้
“ไอ้ติณ จุ๊ๆๆ” พี่โจจุ๊ปากเชิงปรามผมที่พูดออกไปแบบนั้น
“ไม่รู้” นั้นยังตั้งหน้าตั้งตาเขี่ยหมูอยู่นั้น
“ถึงแม้วันนี้ติณมันจะอยากรักมึง แต่กูก็ไม่สนับหนุนนะ ถ้าพ่อกับแม่รู้มึงจะทำยังไง อีกอย่างคนที่อยู่บนทางเดินแบบนี้จะรักใครจริงซักคน”
ผมอยากจะเถียงมากมาย แต่ผมรู้ตัวเองดีว่าถ้าผมเถียงแล้วผมจะฉุดอารมณ์ไม่อยู่และพาลทำให้คนอื่นที่ยังไม่รู้เรื่องนี้พลอยระเคะระคาย อีกอย่างใครว่าผมไม่รักใครจริง แนนไง ผมรักของผม เฮ้อ เรื่องรักแบบชายหญิง พวกเกย์แบบพวกนั้นไม่มีใครเข้าใจ ผมยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มเพียวๆ อีกหลายแก้ว ผมรู้สึกตัวว่าวันนี้ผมเมามาก แต่ก็ฝืนนั่ง ฝืนกับพวกพี่โจ จนเหล้าหมด และแล้วสุดท้ายผมก็ วิ่งไปอ้วกคราบบบบบบบบ
“อ้วกกกกกกกกกกกกก” ตอนนี้รู้สึกว่ากมูกระทะที่ผมกินเมื่อกี้มันไหลออกมาจนหมด ตอนนี้ผมอ้วกอยู่ใต้ต้นมะม่วงหน้าบ้านพี่โจ กูจะตายไหมเนี๊ญะ
“เป็นไงบ้าง” ผมจำเสียงนี้ได้ พี่เป้เดินทางนั่งลูบที่หลังผม อ้วกกกกกกกกกกกกกกกก เดี๋ยวพี่ยังตอบไม่ได้ เพราะหมูกระทะยังออกไม่หมด
“น้ำบ้วนปากซะ” พี่เป้ยื่นน้ำมาให้ผม
“อืม” ผมรับน้ำมาแต่ก็ยังไม่ออกปากคำว่าขอบใจ
“ผมกลับไปนอนนะพี่ ไม่ไหวแล้ว” ผมเดินออกไปโดยไม่ฟังคำตอบ
“ติณ พรุ่งนี้ไปเที่ยวกับพวกพี่ได้ไหม” ผมหยุดฟังซักแป๊ป แล้วหันหลังกลับเดินไปลากพี่เป้ให้พี่เป้เดินตามผมออกมา
“ติณ จะพาพี่ไปไปไหน” ผมยังไม่ตอบแต่ยิ่งพาพี่เป้เดินห่างจากบ้านผมกับบ้านพี่โจไกลออกมาเรื่อยๆ
“ติณ พี่กลัว ติณ” ฮึๆๆ มึงจะกลัวอาไร ตามมาหากูถึงที่นี้ มึงยังไม่กลัวเลย ผมลากพี่เป้ออกมาจนถึงทุ่งนาท้ายหมู่บ้าน ที่มือสนิท เงียบสงัด ผมพาพี่เป้ มายืนที่หน้าทุ่งหน้าแห่งหนึ่ง
“มึงเห็นนาผืนนี้ไหม”
“เห็น ทำไม”
“นาของกู แต่มันกำลังจะไม่ใช่” ผมมองไปยังผืนนาอีกครั้ง มันไม่ได้ใหญ่มากมายแต่มันคือทุกอย่างของครอบครัวผม
“ทำไมมันจะไม่ใช่ของติณละ”
“เพราะมันกำลังจะโดนยึด” ผมพูดเบาๆ กับพี่เป้ นี้อาจจะเป็นครั้งแรกที่ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่เกือบจะร้องไห้
“พี่คิดเหรอว่าผมอยากขายตัว ฮึๆๆ จะมีซักกี่คนที่มีความคิดว่าการขายตัวเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าผมไม่ทำ พ่อผมก็จะตาย ที่นาผมก็จะถูกยึด” พูดเสร็จผมก็ร้องไห้ออกมา แต่ไม่สิผมต้องรีบเช็ด จะให้มันเห็นน้ำตาผมไม่ได้
“แล้วมันไม่มีวิธีอื่นเหรอ”
“๕๕๕๕ วิธีอื่นเหรอ พี่บอกผมหน่อย ทำอะไร ทำงานล้างจานเหรอ ได้วันละ๑๓๐ เดือนละ ๓๙๐๐ แต่พ่อผมต้องไปโรงพยาบาลทุกเดือน เดือนไหนใช้เงินไม่ต่ำกว่า ๑๕๐๐๐ แล้วผมล้างจานมันจะพอไหม พ่อผมผ่าตัดใช้เงินไปกว่า ๓๐๐๐๐๐ ต้องเอาที่นาไปจำนอง แล้วผ่อนทุกเดือน แล้วถ้าผมทำงานสุจริตผมจะได้เงินมากเท่านี้ไหม อย่า่งน้อยผมก็ไม่ได้ขายยาบ้า เสพยาอี ผมรู้ว่ามันไม่ดีกับการที่ต้องขายตัวแล้วพี่มีวิธีอื่นไหมละ ผมไม่ได้รวยเหมือนพี่ หรือเหมือนใครๆ ถ้าวันนี้พ่อพี่ป่วยพี่ก็คงไม่เดือดร้อนใช่ไหม พาไปโรงพยาบาลแล้วรอจ่ายเงิน แล้วผมละ พาพ่อไปโรงพยาบาลแล้วรอว่าบิลจะออกมาเท่าไร มีเงินพอไหม ๕๕๕๕ นี้เหรอที่ทุกคนมักจะถามผมว่าทำไมไม่หางานทำอย่างอื่น”
“ติณ” แล้วจะร้องไห้ทำไม นี้มันเรื่องของโผม
“ฉะนั้นถ้าพี่รักผมจริงก็อย่าได้ใส่ใจผมอีกเลย เพราะผมคงอยู่ในวงการนี้อีกนาน แต่มันคงไม่นานเกินไปผมมีแฟน และแฟนคนนั้นก็รักผมมาก ผมไม่อยากให้แฟนผมต้องเสียใจที่ต้องมารู้ว่าแฟนของตัวเองขายตัว พี่ยังมีอนาคต อย่ามาจมอยู่กับผมเลย ผมไม่ได้มีอะไรดี”
“ติณ” พี่เป้พูดเสร็จก็ฉุดผมนั่งลงบนคันนา
“พี่ก็ไม่ได้มีดีอะไร แค่บ้านรวยแค่นั้น พี่ชอบติณ ไม่สิ พี่รักติณนะ”
“รักเหรอ เราเพิ่งรู้จักกัน แล้วผมก็ทำไม่ดีกับพี่ไว้มากมาย พี่ยังพูดว่ารักผมเหรอ”
“ใช่” พี่เป้พูดพร้อมกับมองไปที่ผืนนาของผม สายตาของพี่เป้ทอดไปไกลแสนไกล จนไม่รู้ว่าสายตาพี่เป้ สิ้นสุดตรงไหน ผมพัดปลายผมของพี่เป้ จนเปิดให้เห็นดวงตาที่กลมโต แววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความสดใส พี่เป้คิดอะไรอยู่นะ