มาแล้วจ้าทุกคน.... แบบว่าหายไปนาน มาอ่านกันยาวๆ ก็อย่าบ่นแล้วกัน 
ตอนที่ 5 กีฬาในรถ?
เอ่อ...ก็ไม่เลวนักหรอกนะ ลิ้นกระต่ายอ่ะ มันทำให้เคลิ้มได้ไม่ยาก แต่จะให้มาทำอะไรกันในที่แบบนี้มันก็เกินไปหน่อย...
พลั่ก..... ผมออกแรงผลักไอ้หื่นนั่นโดยไว ไม่ยินยอมให้มันมารุกล้ำอธิปไตยผมอีก ถ้ามีใครเกิดผ่านมาเห็นผมกับตุลย์โจ๊ะพรึมๆ กันในรถล่ะก็จบเห่!!
ผมไม่อยากดังในชั่วข้ามคืน!!!
“สัดตุลย์ มึงปล่อยกูด่วน!!! ในห้องน้ำว่ากล้าแล้วมึงคิดจะเอากะกูในรถอีกเนี่ยนะ ถ้าใครผ่านมาเห็นจะทำไง” โวยวายอีกครั้งย่นคิ้วทำหน้าขึงขังใส่ไอ้กระต่ายยักษ์ขนดำตรงหน้า
“ช่างแม่ง ใครอยากเห็น อยากดูก็เรื่องของมัน” เยะเข้.....
“ไอ้โรคจิต ไอ้หน้าด้าน ปล่อยกูเลย” โวยวาย ทั้งผลักทั้งถีบพัลวัน
“เลิกโวยวายเหมือนผู้หญิงสักทีได้ไหม รู้ไหมว่ามันน่ารำคาญ” ไอ้ห่า หาว่ากูเหมือนผู้หญิง “สงบปากสงบคำ ทำตัวว่าง่ายหน่อยไม่เป็นหรือไง”
“ก็มึงจะปล้ำกูในที่แบบนี้นี่จะให้กูว่าง่ายลงเข้าไปได้ยังไง ไอ้สัด!!”
“อืม.... ไม่พอใจในสถานที่ว่างั้น มึงอยากไปไหน รีสอร์ทหรูๆ หรือโรงแรมห้าดาวล่ะถึงจะดี” ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้นโว้ย..... มันอยู่ที่กาลเทศะความเหมาะสมต่างหาก ไอ้ฟายยยยยยยยย
“ที่ไหนก็ไม่ดีทั้งนั้น ปล่อย...แล้วพากูกลับบ้านเดี๋ยวนี้!!”
“เห็นไหม? มึงน่ะมันเรื่องมาก ที่นี่ก็ไม่ได้ ที่นั่นก็ไม่ดี กูรู้...คนอย่างมึงน่ะ ชอบถูกบังคับมากกว่าการตามใจ” สันขวาน!! กูว่ามึงอ่ะแหละที่ไม่ชอบการตามใจแต่ชอบการบังคับ ไอ้เชี่ย!!!!
การเจรจาเริ่มไม่เป็นผล เห็นทีผมคงต้องหาทางช่วยตัวเองดีที่สุด
กึก! พรืดดดดดดดดด
ผมเปิดประตูรถที่พิงอยู่ออก หลังที่เอนพิงทำมุมมากกว่าเก้าสิบองศาทำให้ไม่สามารถทรงตัวได้ เมื่อประตูเปิดกว้างผมเลยหงายหลังลงไปข้างล่าง
“เฮ้ย!!” ไอ้ตุลย์ร้องอย่างตกใจรีบเอามือคว้าคอผมไว้ไม่ให้หงายเงิบลงไปโหม่งพื้นโลก แล้วรั้งให้ขึ้นมานั่งเอนกายพิงเบาะ เมื่อไม่มีร่างใหญ่กดทับดังเก่า ผมก็พยายามตะเกียกตะกายออกจากตัวรถได้สำเร็จ
“มึงขึ้นรถมาเลย จะไปไหน” ไอ้ตุลย์ทำเสียงโหด
“ไม่ขึ้น ขึ้นไปมึงก็ปล้ำกู กูนอนที่ร้านก็ได้”
“หึ...ดี!! มึงไม่ขึ้นรถ กูปล้ำมึงในร้านก็ได้” ไอ้ตุลย์ยิ้มเจ้าเล่ห์ ส่วนผมได้แต่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ถอนใจเฮือกใหญ่แล้วเดินอ้อมตัวรถไปนั่งที่ที่นั่งข้างคนขับ หลังจากนั้นไอ้ตุลย์ก็ยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วกลับไปประจำตำแหน่งคนขับรถ
ระหว่างทางผ่านเซเว่น ผมก็เอ่ยขึ้นมาเรียบๆ
“เออ.... แวะเซเว่นซื้อของหน่อยสิ” ไอ้ตุลย์จอดรถหน้าเซเว่น ผมเปิดประตูรถเตรียมจะออกไป แต่มันจับแขนผมไว้ก่อน
“มึงจะซื้ออะไร?”
“เสือก!!” เต็มปากเต็มคำ มันกลอกตาเซ็งๆ เปิดกระเป๋าเงิน แล้วยื่นบัตรสมาร์ทเพิร์ซของเซเว่นมาให้ พร้อมเงินสดอีกสามพัน
“พอป่ะ” ทีนี้เชื่อหรือยังว่าตุลย์มันฟุ่มเฟือยแล้วก็อวดรวยจริงๆ
“มึงจะให้กูไปเหมาร้านเขาหรือไงไอ้บ้า”
“มึงแหละบ้า เกิดมึงนึกครึ้มอยากดื่มเหล้าขึ้นมา เรดหรือแบล็กก็ปาเข้าไปขวดละเป็นพัน ไม่รวมมิกเซอร์อีก”
“โง่แล้วอวดฉลาด เลยเที่ยงคืนแล้วเขาคงจะขายเหล้าให้พ่อมึงมาลากเข้าตารางหรอก ไม่ใช่ผับนะ”
“เออกูลืม ช่างเถอะ ใช้ไม่หมดก็ไม่เป็นไร เติมทิ้งไว้ก็ไม่บูดหรอกเงินน่ะ” ก็ไม่อยากจะรับให้เสียศักดิ์ศรี แต่คนอย่างไอ้ตุลย์เอาแต่ใจจะตายห่า ไม่เอามันก็หาเรื่องบังคับอีกจนได้แหละครับ ดีเหมือนกัน ถือว่าพกธนาคารเคลื่อนที่มาด้วย อย่างน้อยไอ้บ้านี่ก็มีประโยชน์อยู่บ้าง
ที่จริงแล้วตั้งใจจะซื้อเค-วายกับถุงยางเท่านั้นแหละครับ (อย่าคิดว่าผมอยากจะมีอะไรกับมันอีก แต่ถึงจะอยากหรือไม่อยาก ถ้าลองไอ้กระต่ายหื่นมันอยากแล้วผมจะหนีมันพ้นไหม อย่างน้อยหาตัวช่วยกลับไปให้เจ็บน้อยลงก็ยังดี) แต่ไหนๆ ได้ตังค์มาแล้วก็ต้องใช้ให้เป็นจริงไหมครับ เสียดายเซเว่นไม่มีรถเข็นไม่งั้นคงเลือกซื้อเพลินกว่านี้ ดังนั้นนอกจากของที่ตั้งใจจะซื้อตั้งแต่แรก ผมก็ซื้อของกินทั้งข้าวกล่อง ขนมปัง แยม นม น้ำดื่ม และอื่นๆ แต่ก็ยังใช้สามพันของมันไม่หมดอยู่ดีครับ
เดินกลับมาเปิดประตูที่เบาะหลังวางของแล้วยัดตัวเองเข้าไปเสร็จสรรพ ไอ้ตุลย์ซึ่งเพิ่งตื่น บิดขี้เกียจแล้วขมวดคิ้วหันมามองผม
“นั่งหลังทำไม” มันถามด้วยเสียงแสดงความหงุดหงิดเล็กน้อย
“ขนาดมึงยังง่วงจนหลับไป กูจะง่วงอยากนอนบ้างไม่ได้หรือไง” บอกแล้วก็เอนกายนอนราบไปกับเบาะท้ายรถ ไอ้ตุลย์ยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา
“มึงเล่นซื้อของตั้งสี่สิบนาที จะไม่ให้กูหลับได้ยังไง ดีเท่าไรแล้วที่กูไม่ออกไปตาม ไม่งั้นมึงเจอดีแน่” ไม่รู้หรอกครับว่าไอ้คำว่า “เจอดี” เนี่ยมันดีจริงหรือเปล่า แต่ก็ถือว่า ผมผ่านช่วงวิกฤตินั้นมาได้แล้วล่ะ รอดตัวไปครับ แหะๆ
“เอาน่า... ไปเถอะ กูของีบแบบสบายๆ หน่อยไม่ได้หรือไง” บอกมันกลับไปแล้วหลับตาลง เงียบ...ไม่มีเสียงตอบ ไม่นานก็ได้ยินเสียงสตาร์ทรถและรถออกตัวอย่างแผ่วเบา
เสียงเครื่องยนต์ดับลงตามมาด้วยเสียงเปิดประตูด้านคนขับซึ่งเป็นทิศที่ผมหันศีรษะไปพอดี
“ถึงบ้านแล้ว ตื่นเถอะลงมานอนในบ้านดีกว่า” เสียงตุลย์อ่อนโยนกว่าครั้งไหนๆ พอได้ยินคำว่าบ้าน ความคิดของผมก็ล่องลอยไปถึงเตียงนุ่มๆ พยายามเปิดเปลือกตาอันหนักอึ้งแล้วลุกขึ้นนั่ง
แต่เอ๊ะ..... บ้านเหรอ? บ้านจริงๆ ด้วย ไอ้ตุลย์พาผมกลับมาที่บ้าน....ของมัน
“ทำไมพากูมาที่นี่ ทำไมไม่พาไปส่งที่หอ”
“อ้าว มึงไม่ได้บอกให้กูไปส่งที่หอมึงนี่ มึงบอกให้กูพามึงกลับบ้าน” เอาเข้าไป กูพลาดแล้ว
“กวนตีน!! กูจะกลับบ้านกู”
“ที่นี่แหละบ้านมึง บ้านกูก็เหมือนบ้านมึงแหละ” เหอะ!!
“ไม่เอา กูจะกลับบ้าน...เอ๊ยหอกู”
“หึ... งอแงเป็นเด็กไปได้ ลงมาเถอะน่า หอมึงอยู่ตั้งไกล กูง่วงจะตายห่าก่อนจะพาไปถึงหอมึงกูพามึงไปนอนเป็นผีเฝ้าถนนก่อนพอดี” แก้ตัวน้ำขุ่นๆ
“ไม่เป็นไร งั้นมึงเข้าบ้านไปเถอะ กูนอนในรถนี่ล่ะ” กูไม่ยอมเดินทางไปสู่สมรภูมิรบขึ้นสังเวียนชกอีกรอบแน่ๆ
“กลัวเหรอ” ไอ้ตุลย์ยิ้ม ช่างเป็นยิ้มที่ผมโคตรเกลียดเพราะมันไม่จริงใจเลยสักนิด
“กลัวอะไร” ทำเป็นไม่รู้เดียงสา ทั้งๆ ที่ความจริงก็กลัวจริงๆ นั่นแหละ
“กลัวมึงลงจากรถไปแล้วกูจะทำอะไรมึงอีกใช่ไหม” โห... ไอ้กระต่ายมันเรียนวิชาอ่านใจมาเหรอวะ
“หรือมึงจะบอกกูว่ามึงจะไม่ทำล่ะ” ผมยิ้มให้มันทันทีอย่างดีใจ ไม่ว่าเหตุผลนั้นคือมันง่วงหรือนึกสงสารผมขึ้นมาก็ตาม แต่มันกลับส่ายหน้ากลับมาเป็นคำตอบ
“ไม่อ่ะ...บอกตามตรงว่ามึงคิดถูก” เชี่ยแล้ว!! ผมหุบยิ้ม
“งั้นกูไม่ลง” ผมบอกแล้วเอนกายหันศีรษะไปอีกทาง นอนมันบนรถนี่แหละวะ
“มึงมันดื้อ....” ไอ้ตุลย์กล่าวหา ขณะแทรกกายขึ้นมานั่งบนรถเบียดกับก้นผม “คิดจะลองดีกับกูใช่ไหม มึงคิดว่า มึงไม่ลงจากรถแล้วกูทำอะไรมึงไม่ได้เหรอ?” มันถามแล้วโน้มกายลงเท้าแขนคร่อมร่างผม ผมตาโตใส่มันทันที
“บนรถก็ตื่นเต้นดีนะ หรือว่าไง?” ตายห่า... แน่ใจนะว่ามึงถามความคิดเห็นกู?!! ถ้ามึงถามจริงมึงก็น่าจะรอให้กูตอบหน่อย ไม่ใช่โน้มใบหน้าลงมาทันทีแบบนี้!
ผมรีบยกมือขึ้นผลักใบหน้าของมันไว้ไม่ให้เข้าใกล้ หากแต่ก็ไร้ผล
จ๊วบ!! โอ้แม่เจ้า.....มันจูบแก้มผมเต็มๆ ผมกระพริบตาปริบๆ จ้องตามัน เหมือนจะบอกว่า อย่านะโว้ย อีกฝ่ายจ้องตาผมกลับด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วกดริมฝีปากลงมาปิดกลีบปากของผมหนักๆ สอดแทรกปลายลิ้นซอกซอนหาความหวาน ... การที่ผมยอมให้มันจูบดีๆ ซ้ำยังตอบสนองกลับไปด้วยนั้นไม่ได้เกิดจากความเต็มใจเลยสักนิด และไม่ได้รู้สึกยินดีปรีดาแต่อย่างใด มันเกิดขึ้นเพราะอารมณ์มันพาไปจริงๆ นะครับ ขอให้เชื่อทีเถอะ!
ผมไต่แขนขึ้นไปโอบลำคอมันโดยไม่รู้ตัว เคลิบเคลิ้มไปกับทุกสัมผัสหวามที่มันมอบให้
“กะ....กูว่า เราออกไปข้างนอกดีกว่านะ” ด้วยความที่เราสองคนออกจะตัวยาว เอ๊ย ตัวสูงกันเกินไปหน่อย แม้รถจะกว้างพอสมควรก็ยังดูแคบอยู่ดีเมื่อคิดว่าจะเล่นกีฬาในร่มที่ไอ้ตุลย์กำลังจะแปลงให้เป็นกีฬาในรถอีกอย่าง
“ไม่ทันแล้ว ตอนกูให้โอกาสมึงเลือก มึงก็ดื้อด้านดีนัก ตอนนี้กูตัดสินใจแล้วว่าต้องที่นี่ มึงก็ไม่มีสิทธิ์เลือก” เหรอ? มึงให้กูเลือกตอนไหนวะไอ้กระต่ายเอาแต่ใจ ถ้ากูเลือกได้จริง กูอยากจะเลือกไม่ต้องเอากะมึงดีกว่า ไอ้เชี่ย...... TT_TT ได้แต่พร่ำด่ามันในใจซ้ำไปซ้ำมาขณะที่มันพยายามจะดึงกางเกงยีนออกไปพ้นตัวผมแล้วเริ่มปลุกเร้าเพิ่มความต้องการให้น้องชายของผมช้าๆ จนมันเป็นโรคติดต่อมายังตัวพี่ที่เกิดนึกอยากเอาน้ำออกอีกรอบตามไปด้วย กูพลาดอีกแล้ว!!
ช่างเถอะ อีกสักรอบคงไม่ตายหรอกมั้ง คิดอย่างปลงๆ ขณะที่มันกำลังจัดการกับเสื้อผ้าตัวเองผมก็ตะแคงกายลงไปคุ้ยหาของในถุงเซเว่น
“ตุลย์....” พอมันพร้อมแล้วผมก็ยื่นของสองอย่างที่ซื้อมาไปให้มัน
“โห....นี่มึงเข้าเซเว่นเพื่อไปซื้อไอ้เนี่ยมาเหรอ เตรียมพร้อมว่ะ แบบนี้จะมาบอกว่ามึงไม่เต็มใจไม่ได้แล้ว” ไอ้เชี่ย!!
“สัดเอ๊ย.... ปรักปรำกู เขาเรียกว่าป้องกันตัวโว้ย....มึงคิดว่ากูเป็นพระอิฐพระปูนหรือไง กูไม่ได้เป็นกามตายด้านนี่จะได้ไม่รู้สึกรู้สาเวลาถูกปลุกอารมณ์ แล้วก็ไม่ได้เป็นโรคเหน็บชาด้วยเวลาโดนแทงจะได้ไม่เจ็บไม่แสบ” บอกมันไปตรงๆ อย่าได้อ้อมค้อม เพราะไอ้ตุลย์มันทั้งกวนตีนทั้งเข้าใจอะไรยาก
“เหรอ... แล้วใช้ยังไงวะเนี่ย กูไม่เคยใช้ว่ะ ทำให้ดูหน่อยสิ” ทำเป็นไร้เดียงสานะมึง กูรู้ว่ามึงอยากแกล้งกู ไอ้โรคจิต
“หันตูดมาดิ เดี๋ยวทำให้ดู” กวนตีนมันกลับไป ถ้าได้มีเมียแบบไอ้ตุลย์คงน่าภาคภูมิใจดีพิลึก!!
“ทะลึ่งแล้วไง กูว่าไม่ต้องหรอกว่ะ เสียเวลา ถ้ามึงกะกูจะเป็นโรคติดต่อก็คงติดไปตั้งนานแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกซะหน่อยที่เสียบสด”
“ห่านี่ ก็เริ่มจากครั้งนี้เป็นครั้งแรก แล้วก็ทำให้เป็นนิสัยสิ”
“เหรอ....นี่มึงชวนกูให้เอากับมึงบ่อยๆ แบบอ้อมๆ หรือเปล่าวะ” โห ไอ้นี่....ช่างคิดวุ้ย
“ไม่ใช่!!” รีบปฏิเสธทันควัน จนมันต้องกลั้นหัวเราะ “ก็ถึงกูบอกว่าไม่ มึงก็จะทำอยู่ดีนี่ ต่อไปวันข้างหน้าเกิดมีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เผื่อมึงเป็นเอดส์ขึ้นมากูจะได้ไม่พลอยซวยไปด้วย”
“คงไม่หรอก.... เพราะกูก็เพิ่งจะสดกับมึงคนแรกนี่แหละ และก็ไม่คิดจะทำกับคนอื่นอีกหรอก”
“น่าเชื่อถือดีนี่....” ประชดประชันมันกลับไป จ้างให้ก็ไม่เชื่อ....
“ที่จริงแล้วกูอยากจะใช้นะ แต่บังเอิญกูไม่ได้พกว่ะ แล้วมึงก็เร้าอารมณ์กูมากซะจนกูทนไม่ไหวทุกทีจนลืมนึกถึง ซึ่งกับคนอื่นกูไม่กล้าเสี่ยงตายมักง่ายแบบนี้หรอก”
“แล้วมึงไม่กลัวกูเป็นโรคอะไรขึ้นมาเหรอ?” ยิ้มอย่างกวนประสาทกลับไปให้มันครับ
“กลัวทำไม อย่างมากก็แค่ตาย ดีซะอีก.... ถ้าเรารู้ว่าเราจะตายวันตายพรุ่ง เราจะใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่ามากขึ้น แล้วถ้ามึงเป็นต้นเหตุให้กูเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ กูจะจัดการเอามึงเป็นการเอาคืน ทบต้นทบดอกแน่ๆ...
เพราะฉะนั้น.... กูขอสั่ง ต่อไปมึงห้ามไปมีอะไรกับคนอื่นอีก” อ้าววววววว เฮ้ย ไอ้กระต่ายฮิตเล่อร์!
“มึงมีสิทธิ์อะไรมาสั่งกู” ถามกลับไปเสียงขุ่น
“สิทธิ์ของความเป็นผัวมึงไง” ตอบกลับมาทันทีเต็มปากเต็มคำ “หรือว่ามึงจะเถียงว่าไม่ใช่ กูจะได้รีบตอกรีบย้ำให้มึงยอมรับความจริงซะเดี๋ยวนี้” กัดฟันกรอดอย่างเคียดแค้น