มาต่อให้แล้วนะ อ่านแล้วช่วยกันเม้นท์ให้คุณเท็นเจ้าของเรื่องกันหน่อย จะได้มีกำลังใจเขียนออกมาอีก ช่วยๆ กันส่งกำลังใจ

ตอนนี้แอบเห็นคุณเท็นมีส่งเรื่องใหม่แล้ว ไว้จะเอามาฝากกัน

คุณเท็นเข้ามาแล้ว ส่งเสียงทักทายให้คนอ่านชื่นใจกันบ้างนะ
รักนี้ต้องลองดูหน่อย ตอนที่ 2
“ทำไมมันซวยอย่างนี้วะ” ภานุเดินบ่นงึมงำ วันนี้เป็นวันปกติที่ต้องไปตามล่าลายเซ็นจากพี่รหัสของเขา
นึกถึงคนตัวเล็กกว่าแล้วเขาเองยังไม่อยากจะเชื่อเลย พี่รหัสร่างบางน่ารักนั่น ร้ายกาจไม่ใช่เล่น วิ่งก็เร็ว
แถมตาดีอีกต่างหาก เห็นเขาก่อนทุกทีเวลาที่ไปขอลายเซ็น แถมวิ่งเร็วมาก ๆ ขาเขาว่ายาวแล้วแต่ไม่เคยวิ่งทันพี่ข้าวโพดซะที
ก็พอจะเข้าใจอยู่หรอกนะว่าโกรธที่ไปทักอย่างนั้นตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน แต่ก็ไม่เห็นต้องโกรธขนาดแกล้งได้เช้าเย็นเลยนี่นา ภานุเดินคิดไปเรื่อย
วันนี้มันวันซวยอะไรไม่รู้ เช้ามาฝนก็ตก รองเท้าที่ตากไว้ก็เปียก ต้องเอารองเท้าผ้าใบคู่เก่ามาใส่ แถมเดินออกมาในซอยแถวบ้านก็ดันเดินตกหลุมเหยียบโคลนซะ เลอะเทอะ ร่มก็ไม่ได้เอามา เปียกฝนอีกต่างหาก แล้วนี่ยังถึงวันที่ต้องไปเล่นวิ่งไล่จับกับรุ่นพี่อีก ไม่รู้ว่าวันนี้จะมีกลเม็ดอะไรมาแกล้งเขาอีก
เป็นอย่างนี้มาครึ่งปีแล้ว ก็ยอมรับอยู่หรอกว่าแรก ๆ ก็อึดอัดใจอยู่บ้าง แต่พอนานไป กลับกลายเป็นเรื่องสนุกซะได้ ได้เห็นหน้าหวาน ๆ ที่แกล้งเขา เกือบทุกวัน วันไหนไม่เห็นหน้าเหมือนมันขาดอะไรไป ชีวิตที่เอาแต่เรียนของเขา มีสีสันขึ้น มันสนุกแบบแปลก ๆ บอกไม่ถูก
เขาโรคจิตหรือเปล่านะ ที่ชอบให้คนตัวเล็กกว่านั้นแกล้ง คิดไปคิดมา ก็แปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกัน
******************************
ร่างเล็ก ๆ ที่ปีนขึ้นไปบนโต๊ะหินข้างสระน้ำ กำลังพยายามเอื้อมมือไปดึงมะม่วงสุกที่ห้อยลงมาอย่างทุลักทุเล ทั้งเขย่งขาทั้ง อะไรก็แล้วแต่ก็เอื้อมไม่ถึงซะที บริเวณนี้ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านนักเป็นที่ที่เหมาะกับการมาแอบงีบหลับ ระหว่างรอเรียนคาบวิชาต่อไปของร่างบางเป็นอย่างดี
วันนี้ถือฤกษ์งามยามดี ที่ไอ้มะม่วงลูกนี้มันสุกพอดี เลยกะว่าจะต้องเก็บให้ได้ซะหน่อย ที่จริงร่างเล็ก ๆ นั้นไม่มีความจำเป็นต้องปีนขึ้นไปทำอะไรขนาดนั้นก็ได้ แต่ด้วยความซุกซน และความพยายามแบบแปลก ๆ ของตัวเอง จึงทำให้ร่างบางตะเกียกตะกายปีนขึ้นไปบนโต๊ะเพื่อจะเก็บมะม่วงสุกลูกนั้นให้ได้
โดยที่ไม่ได้ทันสังเกตเลยว่ามีใครเดินเข้ามาใกล้ ๆ ภานุยืนขยับแว่นไปมา จะทักเลยดีมั้ย หรือว่าจะรอให้พี่เขาเก็บมะม่วงเสร็จก่อน ถ้าเกิดเก็บไม่ได้ขึ้นมาเดี๋ยวก็มาพาลโกรธอีก หรือจะทักเลย เพราะเดี๋ยวพี่เขารู้ตัวก็หนีไปอีก หรือว่าจะ...................................ภานุมัวแต่คิดไปคิดจนกระทั่ง
“เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย ตก แล้วววววววว” ร่างเล็กเอียงซ้ายเอียงขวาเนื่องจากยืนที่ขอบโต๊ะ โต๊ะมันกำลังจะพลิกคว่ำ ไม่น่าขึ้นมาเลย เพราะไอ้มะม่วงลูกเดียวแท้ ๆ ตายแน่กู ร่างบางหลับตาแน่น พยายามตะเกียกตะกายก่อนจะกลิ้งตกลงมา
“ตุ๊บ” ข้าวโพดหลับตาแน่น หล่นลงมาปะทะกับอะไรสักอย่าง ร่างเล็กยอมรับความเจ็บแต่โดยดี แต่......ไม่ยักกะเจ็บแฮะ อ้าว.... เฮ้ย ทับใครอยู่วะเนี่ย
ร่างเล็กเหลียวไปมองร่างที่อยู่ด้านล่าง
“โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยย ” ภานุร้องลั่น เมื่อร่างเล็กนั้นตกลงมาทับทั้งตัว มันไม่เจ็บขนาดนั้น แต่มันจุกมากกว่าที่คิด ดีที่ความสูงแค่นี้ไม่งั้นเขาคงโดนทับแบบแน่ ๆ
“ไอ้หนุ่ม เอ็งเองเหรอ” ร่างบางอุทานก้มมองร่างที่อยู่ข้างใต้ ก่อนพยายามจะตะเกียกตะกายลุกขึ้น แต่ช้ากว่าร่างหนานั้นแล้ว ภานุใช้แรงที่เหลืออยู่กอดรัดร่างบางจากด้านหลังแน่น ร่างเล็กดิ้นขลุกขลักอยู่ในวงแขนแกร่งนั้นไปมา เพื่อให้หลุดจากการกอดรัดของร่างหนา
“เอ็งจะทำไรวะ มากอดข้าทำไมเนี่ย” ริมฝีปากบาง แหกปากโวยวาย ดิ้นรนจะออกจากอ้อมแขนของร่างสูงให้ได้
“เดี๋ยวพี่ข้าวโพดหนีอีกอ่ะ” ภานุยิ่งกอดแน่นเข้าอีก แว่นตาหล่นหายไปทางไหนแล้วไม่รู้ ตอนนี้ตาเขาเบลอจนมองอะไรแทบไม่เห็น ถ้าไม่รีบคว้าร่างเล็กนี้ไว้ เดี๋ยวต้องวิ่งหนีเขาอีกแน่ ๆ ใบหน้าคมนั้นเอียงเข้าหาเสียงที่ได้ยิน เขาเห็นไม่ชัดแต่คงเป็นหน้าพี่ข้าวโพดแน่
“ข้าไม่หนีหรอกเว้ย ปล่อยข้าเดะ” ร่างเล็กโวยวายไม่เลิก
“ผมไม่เชื่อหรอก พอบอกไม่หนีทีไร ผมก็เห็นหนีทุกที” ภานุไม่ยอมแพ้ ร่างบางนั้นยังคงดิ้นรนต่อไป พร้อมกับที่ร่างสูงก็ไม่ยอมปล่อยให้เป็นอิสระ ร่างเล็กพยายามดิ้นแต่ร่างสูงก็ฉุดรั้งไว้ ต่างคนต่างสู้แรงกัน กอดรัดกันไปมาจนเหนื่อยหอบกันทั้งคู่
“ข้าไม่ดิ้นแล้ว ปล่อยซะทีซิวะ” ร่างบางหยุดนิ่งหอบหายใจหนัก หันหน้าไปหาร่างที่กอดรัดอยู่ด้านหลัง
จังหวะเดียวกับที่ภานุก้มหน้าลงพอดี เลยกลายเป็นว่าริมฝีปากบางนั้นหันไปชนกับริมฝีปากของเจ้าของร่างด้านหลังเข้าพอดี
“อ๊ะ” เสียงอุทานเบา ๆ ของร่างเล็ก ก่อนที่ใบหน้าหวานนั้นจะผละออก
ถึงจะมองไม่เห็นชัดนัก แต่ภานุก็รับรู้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ร่างสูงหยุดชะงักไปชั่วขณะ เมื่อกี้ไม่ผิดแน่ แม้จะเพียงเสี้ยววินาที แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงริมฝีปากของร่างบางในอ้อมแขน หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะขึ้นมากระทันหัน มันตื่นเต้นอะไรกันบอกไม่ถูก
ซึ่งก็ไม่ต่างจากร่างเล็ก ๆ นั้น ใบหน้าเนียนขาวแดงก่ำขึ้นมาทันที ถึงจะรู้ว่าเป็นเหตุบังเอิญก็เถอะ แต่ว่ามัน……
“ปะ ปะปล่อยได้ยัง” ร่างเล็กเสียงตะกุกตะกัก ลมหายใจไม่เป็นจังหวะ
“เอ่อ อะ คะ ครับ” พอกับภานุที่เกิดอาการเดียวกัน เขายอมปล่อยร่างเล็ก นั้นง่าย ๆ พร้อมกับควานหาแว่นที่หล่นอยู่ข้างตัวมาใส่
ข้าวโพดลุกขึ้น ก้มหน้าก้มตาปัดฝุ่นตามตัวซ่อนใบหน้าแดงซ่านนั้นไว้ ก่อนจะเอ่ยถามร่างสูงที่ลุกขึ้นพร้อมกัน
“ไหนสมุดล่ะ จะให้เซ็นตรงไหน” ร่างบางเอ่ยถาม
“เดี๋ยวแปปนึงครับ” ภานุควานหาสมุดเล่มเล็กพร้อมปากกา ที่ใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ
“ช้าจริง” ร่างเล็ก บ่นเสียงเบา ตอนนี้เขาไม่ได้มองหน้าภานุเลย เอาแต่ก้มหน้าก้มตามองพื้น
“นี่ครับ” ภานุยื่นสมุดเล่มเล็กพร้อมกับปากกาให้กับร่างบาง
มือเรียวขาวนวล เซ็นชื่อหวัดไปหวัดมาสองสามครั้งก่อนจะส่งสมุดกลับคืนร่างสูงแต่โดยดี
“พี่เอวเล็กจัง แถมตัวหอมด้วย ใช้น้ำหอมอะไรเหรอพี่” ภานุหลุดปากพูดไปตามซื่อ เมื่อสักครู่ที่เขากอดรัดร่างเล็กนั้นทำให้ได้รู้ว่า ทั้งเอวทั้งหลังมันเล็กบางไปหมด ผิวเนื้อเนียนขาว อย่างกับไม่ใช่ผู้ชายเหมือนกับเขาแน่ะ แถมตัวยังหอมอีกต่างหาก เขาสูดกลิ่นหอมจากเจ้าของร่างเล็กบางนั้นเต็ม ๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ กลิ่นหวาน ๆ เหมือนกลิ่นผลไม้ มันหอมชื่นใจดีเหลือเกิน
“พูดบ้าอะไรของเอ็งวะ ฟังไม่รู้เรื่อง” ร่างเล็กเสมองไปทางอื่น เขาได้ยินชัดเจนแต่แกล้งพูดไปอย่างนั้น หัวใจยังเต้นไม่หยุด
“ก็ผมบอกว่าพี่ตัวหะ” ภานุยังพูดไม่ทันจบ ร่างเล็กก็โบกมือไล่ทันที
“ไม่ต้องพูดแล้ว ข้าจะขึ้นเรียนแล้ว เอ็งก็รีบไปขึ้นเรียนซะที” ร่างเล็กถือโอกาสผละหันหลังเดินห่างจากร่างสูงทันที
“อะไรอ่ะพี่ โกรธอะไรผมอีกเนี่ย พี่” ภานุไม่เข้าใจรีบเดินตามร่างเล็กนั้น
“ไม่ได้โกรธเว้ย เอ็งก็รีบไปซะที ข้าจะไปแล้ว” ข้าวโพดรีบวิ่งหนี ไม่ให้หนีได้ไงอ่ะ ก็ตอนนี้หน้ามันแดงจนบอกไม่ถูกแล้ว ขืนให้เห็นได้อายกันพอดี แต่ไอ้เจ้าบ้านั่นยังวิ่งตามมาอีก อะไรของมันวะ
“อย่าตามมานะเว้ย ถ้าเอ็งตามมาคราวหน้าข้าไม่เซ็นชื่อให้แน่” ร่างเล็กตะโกนไล่หลังกลับมา
ภานุหยุดเท้าทันที เขากลัวว่าพี่รหัสคนสวยจะไม่เซ็นสมุดให้
แต่ที่มากกว่านั้น เมื่อกี้มันอะไรอ่ะ เกิดมาไม่เคยเป็น ใจมันสั่น หน้ามันชา ปฏิกิริยาอะไรวะ ช่วงเวลาที่ริมฝีปากบางแตะที่ริมฝีปากเขานั้น เหมือน ทุกอย่างมันหยุดอยู่กับที่ มือหนาแตะเบา ๆที่ริมฝีปากของตัวเอง
“พี่ข้าวโพด แกล้งอะไรผมอีกเนี่ย” ภานุบ่นงึมงำ เสียงหัวใจเต้นดังเหมือนจะหลุดออกมาให้ได้