เขาบอกว่าเวลาที่คนเรามีความทุกข์ มักจะชอบหาที่พึ่งทางใจมาช่วยทำให้ใจสงบ คนที่นับถือศาสนาพุทธก็คงเลือกที่จะเข้าวัดทำบุญสินะ แต่ในเมื่อผมเป็นคริสต์ งั้นผมก็ต้องเข้าโบสถ์ในวันอาทิตย์เพื่อให้พระเจ้าช่วยชำระล้างจิตใจผมสิ
แต่มันไม่ได้ผลหรอก...ผมเคยลองมาแล้ว
ตอนที่ผมเลิกกับพี่ตังค์ใหม่ๆ ผมฟุ้งซ่าน จิตตก รู้สึกผิดบาปเป็นที่สุด การเข้าโบสถ์ไม่ได้ช่วยทำให้จิตใจผมดีขึ้น หรืออาจจะเป็นเพราะผมเป็นคนกิเลสหนาเกินไปนะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ในที่สุดแล้วสิ่งที่ช่วยกอบกู้จิตใจผมได้ ก็คือระยะเวลา... ระยะเวลาที่ช่วยทำให้ผมลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ผมเกริ่นมาเสียยืดยาวจนคุณอาจจะสงสัยว่าผมอยากจะพูดอะไรกันแน่.. ให้คุณลองย้อนกลับไปอ่านข้างบนนะครับ ว่าผมพูดถึงอะไรไปบ้าง แต่หากคุณยังไม่เข้าใจ ผมก็จะอธิบายให้ฟัง
ผมพูดถึงเวลาที่ผมมีปัญหา ผมทุกข์ใจ ผมนอยด์(แดก)
และผมพูดถึงเรื่องในอดีต เรื่องของผมกับคนรักเก่าของผม...
ใช่ครับ วันนี้ผมกำลังเครียด เครียดเรื่องอดีต แต่ไม่ใช่อดีตของผมหรอก
แต่เป็นอดีตของณัฐ...
ผมกำลังสงสัยว่า ผมเองต้องใช้เวลาที่นานมากในการลืมความรักครั้งเก่า ถึงแม้ว่าผมจะเป็นฝ่ายที่เลือกปล่อยมือแล้วเดินจากมาเอง ผมก็ยังคงนึกถึงมันอยู่ดี สงสัยคงเพราะผมเป็นคนเลือดกรุ๊ปโอ เขาว่ากันว่าคนเลือดกรุ๊ปโอมักจะชอบนึกถึงเรื่องในอดีต และด้วยสันดานของคนเป็นมนุษย์ ที่มักจะชอบคิดว่าถ้าตัวเองเป็นแบบนี้ คนอื่นก็จะต้องเป็นเหมือนตัวเองไปด้วย
ผมคิดว่าณัฐเคยนึกถึงเรื่องราวในอดีตไหม? ผมสงสัยว่าณัฐเคยติดต่อไปหาคนเก่าของเขาบ้างไหม? ผมอยากรู้ว่าณัฐเคยไปหาหรือไปเยี่ยมลูกเขาบ้างไหม?
ครับ... ผมยอมรับ...ตอนนี้ผมกำลังน้อยใจ...
น้อยใจกับเรื่องที่มันเกิดขึ้นเมื่อวาน...
....
...
..
.
.
“อะ...อื๊อ! ณัฐ เบาๆสิ..” ผมจิกเล็บลงที่ไหล่ของคนที่กำลังขยับร่างกายอยู่บนตัวผมตอนนี้ จังหวะการสอดประสานของเรารุนแรงและเร่งเร้าจนผมแทบจะทนไม่ไหวและต้องระบายอารมณ์ไปที่ร่างกายของณัฐ
“ฮื้อ!!” และณัฐก็แกล้งผมโดยการถอยออกห่างและกระแทกกลับมาจนสุด ผมกัดริมฝีปากแล้วจ้องณัฐเขม็ง ในใจแอบเคืองที่เขาคอยจะเอาแต่เป็นฝ่ายคุมเกมส์และกลั่นแกล้งผม พอผมจะขอเป็นฝ่ายทำให้เขาบ้างก็ไม่ค่อยจะยอม เพราะกลัวโดนผมเอาคืนน่ะสิ ไอ้คนบ้า!
“ฟี่ครับ..กอดณัฐหน่อย..” ผมยกแขนโอบรอบคอเขาไว้แน่น ณัฐขอมาแบบนี้ผมก็ต้องทำให้สิ หยดเหงื่อจากแก้มณัฐแปะลงมาตรงปลายจมูกผม ผมชอบเวลาที่ณัฐอยู่ข้างบนจัง เพราะมันจะทำให้ผมเห็นร่างกายของเขาได้ชัดทุกส่วน ผมไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกคลั่งไคล้ที่ผมมีให้กับเขาว่ายังไงดี เพราะมันคงไม่มีคำไหนบอกความรู้สึกของผมได้หมดหรอก
ผมมักจะลมหายใจขาดห้วงเสมอเวลาที่เห็นณัฐ
และยิ่งหายใจไม่ค่อยออกเวลาที่เห็นณัฐเปลือยกายโชว์บอดี้ฟิตๆของเขา
แน่นอนว่าผมยิ่งแทบขาดใจไปเลยเมื่อบอดี้ที่ผมคลั่งไคล้นั้นกำลังนัวเนียกอดรัดฟัดเหวี่ยงอยู่กับผมแบบตอนนี้!
“ณัฐ อื๊อ อะ...อ๊ะ!” ผมรู้สึกได้ถึงจังหวะการขยับที่เร็วและแรงมากขึ้นของณัฐ ข้างในของผมมันรู้สึกถึงสัมผัสของณัฐมากมายเหลือเกิน
TRrrr… TRrrr…
แม่ง....ใครโทรมาครับเนี่ย... โทรศัพท์ผมนี่หว่า แต่ช่างเหอะ เดี๋ยวผมโทรกลับก็ได้
TRrrr… TRrrr…
มันยังไม่ยอมวาง!
TRrrr… TRrrr…
“รับก่อนไหมฟี่?” ณัฐหยุดการกระทำแล้วพักถามผม ผมจึงพยักหน้ารับและเตรียมคำด่าไอ้คนที่โทรมาไว้ในใจ ณัฐถอนกายออกจากตัวผมแล้วเดินไปหยิบโทรศัพท์มาให้ ผมนอนมองก้นแน่นๆนั้นขยับไปมาตามจังหวะเดินอย่างเพลินใจแป๊บเดียวโทรศัพท์ก็ถูกยื่นมาตรงหน้าผมแล้ว
‘พี่ตังค์โทรมาทำไม??’ ผมขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจพอเห็นเบอร์โทรเข้า
“รับสิฟี่ ถามว่าเขาโทรมาทำไม” โอ้ว...เสียงเข้มเป็นกาแฟอเมริกาโน่เลยครับ ไม่ใส่น้ำตาลมาสักนิด
“งือ... ไม่อยากรับเลย” ผมลังเลจัง เขาไม่โทรมาหาผมหรอกถ้าไม่มีเรื่องจะรบกวน
“รับสาย แล้วบอกว่าอยู่กับแฟน ไม่ว่างคุย” ผมแอบอึ้งนิดนึง ณัฐเอาจริงเหรอ?
“....” ยังไงดีหว่า ถ้าทำอย่างที่ณัฐพูด มันก็จะโหดร้ายไปไหม? แต่ถ้าผมไม่รับเขาก็คงโทรมาอีก..
“จะรับไหมฟี่ ถ้าไม่รับ ณัฐจะรับเองนะ” พอณัฐว่างั้นผมก็เลยรีบรับสายเลยครับ ไอ้พี่ตังค์เฮงซวย ทำไมโทรมาตอนนี้วะ
“ครับ”
/ฟี่...ทำอะไรอยู่...กว่าจะรับสายได้../
“เอ่อ คือ...ฟี่อยู่กับแฟนครับ ไม่สะดวกคุย”
/อ้าว..ยังงั้นเหรอ..งั้น...พี่ขอโทษนะ...แค่นี้แหละ/
ครับ...แค่นั้นเอง แล้วเขาก็วางสายไป ผมว่างานนี้เขาคงไม่โทรมาอีกแล้วแหละครับ...ผมสงสารพี่เขาขึ้นมาแวบหนึ่งในใจ แต่แล้วก็สลัดความคิดเพ้อเจ้อนั่นออกไป เวลานี้ผมอยู่กับณัฐ จึงไม่ใช่เรื่องที่ผมจะมาคิดถึงคนอื่น
“ฟี่...” ณัฐเรียกชื่อผมเบาๆแล้วขยับเข้ามากอดผม ผมชอบซุกหน้าไว้กับอกของณัฐแล้วดมกลิ่นของณัฐ จากนั้นเราสองคนก็ดำเนินเรื่องราวกันต่อจากตอนแรก และพอดึกหน่อยณัฐก็กลับบ้านไป...
แล้วผมก็อยู่คนเดียว...
ถามว่าทำไมณัฐต้องกลับบ้านเหรอครับ ทำไมณัฐไม่ค้างเหรอครับ...
ก็แม่ณัฐเขาอยู่คนเดียว พ่อณัฐเขาไปทำงานกะกลางคืน...ณัฐจึงต้องกลับไปอยู่เป็นเพื่อนแม่เขาไง
ผมก็เลยต้องนอนคนเดียว
รู้ไหมครับว่าการที่ต้องนอนอยู่ท่ามกลางกลิ่นกายของคนรักที่หลงเหลืออยู่บนที่นอนนั้นมันช่างทรมาน ผมได้กลิ่นเขา ผมรู้สึกถึงไออุ่นของเขา แต่ผมไม่อาจสัมผัสเขาได้
ผมช่างเป็นคนที่ไม่รู้จักพอ ทั้งที่ผมเองก็ได้รับความรักจากเขามามากแล้ว แต่ผมก็ยังไม่พอ ผมอยากจะเหนี่ยวรั้งณัฐให้อยู่กับผมไปตลอด... ก็ผมเหงานี่นะ...
เวลาที่ผมอยู่คนเดียวโดยไม่มีเขา ผมมักจะคิดฟุ้งซ่าน คิดโน่นนี่ไร้สาระ คิดอะไรที่มันบั่นทอนจิตใจของผม บางครั้งผมก็พยายามที่จะไม่คิด แต่ด้วยนิสัยเดิมของผมที่เป็นมาแต่ไหนแต่ไรทำให้ผมห้ามความคิดไม่ได้ และสุดท้ายมันก็มาบั่นทอนจนจิตใจผมเจ็บปวด
ผมอยากจะรู้... ว่าเวลาที่ณัฐอยู่บ้าน หรือเวลาที่ไม่ได้อยู่กับผม...
เขาทำอะไร...
ณัฐได้รับรู้ในทุกเสี้ยวชีวิตของผม ได้รู้จักกับทุกคนในชีวิตผม แต่ผมไม่รู้ ไม่เคยได้รับรู้ชีวิตในเสี้ยวนั้นของเขา ไม่เคยไปบ้านเขา ไม่เคยได้สัมผัสชีวิตในด้านนั้นของเขาเลยแม้สักครั้ง
ผมช่างต่างจากที่ผู้หญิงคนนั้นได้รับรู้...
ผมคิดอิจฉาหล่อน ที่ได้เคยร่วมใช้ชีวิตกับเขา ได้ตื่นนอนพร้อมเขาทุกเช้า ได้เห็นหน้าเขาก่อนนอนทุกคืน...
แล้วคนที่เคยอยู่ด้วยกันมาตั้งนาน รู้จักกันมาตั้งนาน เขาจะติดต่อหากันไหม เขาจะคิดถึงกันไหม?
ณัฐจะโทรไปหาเขาเวลาลับหลังผมบ้างไหม?
แค่ผมคิดน้ำตาก็ไหลแล้วครับ ผมไม่ชอบร้องไห้เลย มันไม่ทำให้อะไรดีขึ้น แต่ผมก็ห้ามน้ำตาไมได้ ผมกำลังเสียใจ เสียใจกับเรื่องที่ตัวเองนึกขึ้นมาเอง แล้วมันก็มาทำร้ายจิตใจผมเอง ผมรู้ว่าผมไม่เควรคิดเองเออเองโดยไม่ถามเขา
แต่คุณนึกออกไหม ตามนิสัยของณัฐ เขาเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูง เขาคงไม่มีทางเมินเฉยไม่ใส่ใจเรื่องลูกของเขาได้หรอก ผมจึงเชื่อว่าเขาต้องติดต่อไปหากันบ้างอยู่แล้ว แต่ปัญหาคือทำไมเขาไม่เคยเล่าให้ผมฟังบ้างเลย ทั้งที่เขาบอกว่ามีอะไรก็จะเล่าให้ผมฟัง แต่เขาไม่เคยพูดถึงมันเลย
ผมเคยอ่านนิยายเรื่องหนึ่ง ในเรื่องมีคู่สามีภรรยาที่สมกันทุกด้าน ภรรยาแสนสวยและสามีรูปหล่อ ภรรยาทำทุกอย่างเพื่อให้สามีพึงพอใจและรักเธอมากๆ แต่ถึงอย่างนั้น แม้ว่าทั้งคู่จะอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข ก็ยังมีเรื่องหนึ่งที่รบกวนจิตใจของคนที่เป็นภรรยามาตลอดระยะเวลากว่าสิบปีที่ได้อยู่ร่วมกัน
มันคือเรื่องคนรักเก่าของสามี ผู้หญิงที่เป็นคนแรกของสามีเธอ และเป็นเซ็กส์ครั้งแรกของสามี...
ภรรยารู้ดีว่าสามีเลิกกับผู้หญิงคนนั้นมานานแล้ว แต่เธอก็ยังครุ่นคิดเสมอ ว่าสามีของเธอเคยคิดถึงคนรักเก่าบ้างไหม และแล้วความกังวลของภรรยาก็เพิ่มมากขึ้น เมื่อคนรักเก่าของสามีย้ายกลับมาอยู่ที่เมืองนี้ เมืองเดียวกันกับที่เธอและสามีอาศัยอยู่
ภรรยาเห็นคนรักเก่าของสามีแล้วก็นึกลำพองใจ ผู้หญิงคนนั้นสวยสู้เธอไม่ได้ มีดีสู้เธอไม่ได้ แต่ประสาผู้หญิงก็คิดมากไม่เปลี่ยน ถึงภรรยาจะสวยแค่ไหน แต่ผู้หญิงคนนั้นก็เคยเป็นคนที่สามีเธอเคยคบมา และยิ่งตอนนี้สามีของเธอก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องคนรักเก่า นั่นยิ่งทำให้เธอกังวล เพราะเธอไม่รู้ว่าสามีคิดอะไรอยู่ในใจ...
ผมอ่านแล้วผมก็ไม่เข้าใจว่าคนที่เป็นภรรยาจะคิดมากอะไรนักหนา คนเขาเลิกกันไปตั้งนานแล้วก็คงลืมกันไปบ้างแหละ ผมคิดแบบนั้นจนผมมาเจอกับตัวเองนี่แหละครับ ผมถึงได้เข้าใจความรู้สึกของภรรยาแสนสวย แม้ว่าเธอจะมีดีทุกอย่าง เธอสวย เธอเป็นแม่ของลูกเขา เธอรักเขามาก แต่เธอก็ยังกังวลว่าสามีจะกลับไปหาคนรักเก่า
คนที่ไม่เคยเจอเองกับตัว จะไม่มีทางเข้าใจหรอกครับ...
ไม่ใช่ว่าผมไม่ไว้ใจ แต่ผมแค่หวงและหึง ผมแค่กลัวว่าผู้หญิงคนนั้นอาจจะอยากเอาณัฐกลับไปเป็นของเธอ เหมือนกับที่ภรรยากลัวว่าคนรักเก่าจะมาทวงสามีของเธอไป
ผมคิด...คิดซ้ำไปซ้ำมา... คิดแล้วร้องไห้ ร้องไห้จนผมหมดแรงแล้วก็หลับไป...
นั่นแหละครับ...เรื่องเมื่อวาน เมฆฝนในใจผมมันตั้งเค้าทะมึนยาวนานมาจนวันนี้ แถมตอนเช้าพอผมมาทำงานก็เจอคนปากมอมเป็นคนแรกเลย
“ฟี่ หน้ามึง...โทรมมาก” ผมใช้หางตาเหล่มองคนที่ทักผมด้วยความหงุดหงิด มันไม่รู้บ้างหรือไงว่าเรื่องอะไรควรพูด เรื่องอะไรไม่ควรพูด
“ใครเขาจะเหมือนมึงละทัช หน้าเหียกมาทำงานได้ทุกวัน” ผมพูดไปงั้นแหละครับ ไอ้ทัชมันก็ไมได้ขี้เหร่อะไร แต่ไม่หล่อเท่าณัฐของผมแค่นั้นเอง หึหึ
“วาจาแรงมาก...เอางานมึงไป กูไม่กวนใจมึงละ” ไอ้ทัชวางเอกสารประกอบงานชิ้นใหม่ไว้ที่โต๊ะผมแล้วก็เดินกลับไปนั่งที่เดิม ผมหยิบเอกสารมาพลิกๆดูก็เห็นว่า ไม่ใช่งานเร่งอะไรนัก ผมเลยเลือกงานชิ้นที่ดูน่าสนใจมาทำก่อน
ผมรู้ตัวอีกที่ก็ตอนที่ทัชมาสะกิดผมให้ไปกินข้าวเที่ยง ผมทำงานเพลินจนไม่ได้มองนาฬิกาอีกแล้ว
“ไปกินข้าวกัน ทำงานไม่รู้เวล่ำเวลานะมึงอะ” มันว่าผมอีกครับ
“จะกินอะไร” ผมยังคิดไม่ออกเลยว่าจะกินอะไรดี ลองถามมันดู เผื่อว่าไอ้ทัชจะมีไอเดียดีๆ
“กูอยากกินตามสั่ง จะกินกะเพราไข่เยี่ยวม้า” มันพูดแล้วก็เดินนำเข้าไปในร้านอาหารตามสั่งเจ้าประจำของมัน
“เออ ความคิดดี งั้นกูเอาเหมือนมึงนะทัช” เราสองคนนั่งคุยโน่นนี่ไปเรื่อยเปื่อยจนอาหารมาเสิร์ฟ พอผมจะตักข้าวเข้าปาก ไอ้ทัชก็ถามผมเสียงเรียบ
“มึงมีปัญหาอะไรหรือเปล่าฟี่”
“หือ?”
“กูรู้สึกนะ มึงเงียบๆ ชิ้นงานมึงก็ดูทึมๆ ถ้ามึงไม่ได้เป็นอะไรมึงไม่มีทางแสดงออกแบบนี้หรอก” ไอ้ทัชถามผมด้วยท่าทางที่เหมือนถามเรื่องดินฟ้าอากาศ มันถามเหมือนไม่ได้ต้องการคำตอบ แต่ผมรู้ว่ามันก็อยากรู้ว่าผมเป็นอะไร
“...กูแค่คิดมากนิดหน่อย...”
“แล้วมึงคิดมากเรื่องเกี่ยวกับอะไรล่ะ”
“เรื่อง...ณัฐ..” ผมตอบแล้วทอดสายตาลงมองจานข้าว หวังว่าการนับเม็ดข้าวจะกลั้นไม่ให้น้ำตาผมหยดลงมาได้
“อืม...มึงเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร มีอะไรไม่เข้าใจกันทำไมไม่คุยไม่บอก”
“...” ผมยังคงนิ่ง...วันนี้ไอ้ทัชดูพึ่งพาได้
“ขนาดเรื่องมึงกับไอ้เม้ง มึงยังไม่เล่าเลยนะ” ผมเงยหน้าสบตาไอ้ทัชด้วยความแปลกใจ นี่มันรู้?
“เม้งบอกเหรอ?”
“อืม มันมาเล่าให้กูฟัง กูก็ตกใจนิดนึงอะนะ แต่กูเข้าใจมัน ก็มึงน่ารักจะตาย เชื่อมั้ย แรกๆที่รู้จักกันกูไม่อยากจะคิดเลยนะว่ามึงเป็นผู้ชาย ดูหน้ามึงสิ หวานซะขนาดนี้”
“กูจะบอกณัฐ” ผมหรี่ตามองไอ้ทัชอย่างระแวง หวังว่ามันคงไม่คิดชั่วกับผม...
“เฮ้ยอย่า แฟนมึงขี้หึงสัด! และกูไม่ได้คิดอะไรกับเพศเดียวกันด้วยเว้ย ไม่ใช่แนวกู” ไอ้ทัชโบกมือห้ามเป็นพัลวันเลยครับ แล้วมันก็กำชับว่าห้ามบอกณัฐเรื่องที่มันชมว่าผมน่ารักอีกหลายรอบ
“มึงอย่าเก็บเรื่องไว้กับตัว มีอะไรก็ต้องถามต้องเล่าบ้าง มึงไม่ได้ตัวคนเดียวนะฟี่”
“อืม...” ผมซึ้งใจขึ้นมาทันทีที่เห็นว่าเพื่อนห่วงผมแค่ไหน แต่แล้วผมก็เปลี่ยนความคิดทันทีเมื่อได้ยินประโยคต่อไปของไอ้ทัช...
“ถ้าไม่มีมึง กูก็อู้งานไม่ได้ ถ้ามึงเครียดจนป่วยต้องลางาน กูก็ต้องทำงานแทนมึงน่ะสิ” ไอ้เพื่อนเหี้ย...
“เออฟี่ มึงรู้เรื่องจูนยัง” ผมหันหน้าไปมองไอ้ทัชอย่างสงสัย เรื่องจูน? หมายความว่ายังไง?
“เรื่องอะไร”
“ก็เรื่องจูนกับคิงเพื่อนมึงอะ”
“หา?? ทำไมวะ ไอ้คิงมีอะไรกับจูน”
“เห็นว่ากำลังดูๆกัน”
“อ้าว ไหงไปถึงขั้นนั้นได้อะ” ผมถามเสียงสูงด้วยความแปลกใจ นี่ผมมัวแต่คิดมากเรื่องตัวเองจนไม่เป็นอันเข้าสังคมกับเพื่อนฝูงเลยเหรอ
“ไม่รู้เหมือนกัน กูเองก็บังเอิญไปเจอสองคนนั้นที่เจเจ พอตอนกลางคืนกูเลยโทรไปถามจูนมา มันก็บอกว่าลองคบๆดู เพราะเห็นว่าคิงมั่นคงมาตลอด เคยชอบมันยังไง ก็ยังชอบมันยังงั้น” ผมพยักหน้าเห็นด้วย ในที่สุดความพยายามของไอ้คิงก็สำเร็จสินะ
ในเวลาหลังเลิกงานที่ทุกคนกลับกันไปหมดแล้ว ผมมานั่งคิดทบทวนถึงเรื่องเพื่อนสองคนที่ผมได้ฟังจากปากไอ้ทัช ผมเองดีใจที่เพื่อนสนิทของผมจะได้มาลงเอยกัน จูนเป็นคนดี และคิงก็เป็นคนดี
ความมั่นคงยังงั้นเหรอ?
จูนลองให้โอกาสคิงแม้ว่าเธอจะไม่เคยรู้สึกชอบคิงเลย แต่เพราะว่าคิงมั่นคงกับเธอยังงั้นเหรอ?
ผมคิดว่าบางทีการที่เราจะคบกับใครสักคน เหตุผลมันก็ไม่ได้เริ่มมาจากความรัก มันอาจจะเป็นการคบกันเพราะเห็นแก่ความดี คบเพราะสงสาร คบเพราะเห็นใจ ฯลฯ
แล้วณัฐคบผมเพราะอะไร??
TRrrr… TRrrr…
“ว่าไงครับ” ผมรับสายอย่างรวดเร็ว เหมือนว่าใจเราจะสื่อถึงกันนะครับ หรือมันอาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญผมก็ไม่รู้ แต่ว่าเวลาที่ผมกำลังคิดถึงเขา หรือเขากำลังคิดถึงผม ใจเราสองคนมักจะตรงกันเสมอ บางทีผมกำลังจะพิมพ์เมสเสจไปหาเขา เขาก็จะโทรมาหาผมพอดี
/ยังไม่กลับบ้านเหรอครับ?/
”กำลังจะกลับแล้ว”
/แล้วจะไปไหนหรือเปล่า?/
“ไม่หรอก ว่าจะกลับบ้านเลย” ผมรู้ว่าณัฐอยากให้ผมไปหา แต่ในสภาพอารมณ์แบบนี้ ผมไม่อยากจะไปเจอผู้คนเยอะๆ ผมกลัวตัวเองจะไปทำตัวมืดมนจนคนอื่นหดหู่ตามเปล่าๆครับ
/เหรอ.../
“งั้นแค่นี้ก่อนนะ ฟี่กลับบ้านก่อน”
/อืม/
ผมว่าณัฐเขาต้องรู้สึกได้ครับ ว่าผมแปลกไป พนันได้เลยว่าคืนนี้ณัฐต้องมากดออดบ้านผมไวกว่าปกติแน่นอน...
----------------------------- To Be Continue -----------------------------
ปล1. รู้สึกว่าตอนนี้แต่งออกมาเองก็มึนเอง ถ้าคุณผู้อ่านคิดว่าติดขัดตรงไหนก็บอกได้เลยนะคะ บีจะได้นำไปปรับแก้
ปล2. เรื่องนี้ตอนหลังต้องแฮปปี้แน่ค่ะ เรื่องหื่นก็แน่นอนค่ะ เพราะคาแรคเตอร์ของณัฐเป็นคนที่ขยันทำการบ้านอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ขอหื่นทีละนิด เพราะมาม่ามันมากกว่านิ > <