The Space [ช่องว่าง] จบแล้วค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Space [ช่องว่าง] จบแล้วค่ะ  (อ่าน 119675 ครั้ง)

บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 8 (20/5/2011)
«ตอบ #90 เมื่อ22-05-2011 15:31:01 »

เมื่อไหร่พระเอกจะเกิดคะ  :z3:


ไม่บอกค่ะ 55+

บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
ช่องว่างหมายเลข 9
«ตอบ #91 เมื่อ22-05-2011 15:34:06 »



วันเวลาที่หมุนเวียนไปเรื่อยๆพาให้ฤดูกาลเปลี่ยนผัน จากฤดูฝนย่างเข้าสู่ฤดูหนาว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คนเหงาไม่สมควรโดดเดี่ยวมากที่สุด เพราะอะไรน่ะเหรอครับ? ก็เพราะว่าไอ้อากาศที่หนาวเย็นเนี่ย นอกจากมันจะบาดผิวเนื้อของเราให้แห้งแตกแล้ว ความหนาวมันยังกัดกินเข้าไปถึงในหัวใจของเรายามที่เราเห็นคู่รักเดินโอบกันมาน่ะสิ...
 
นับตั้งแต่วันที่ณัฐลาออกไป ผมก็เปลี่ยนปฏิทินไปหกรอบแล้ว แม้เวลาจะผ่านไปนาน แต่ความรู้สึกของผมมันก็ไม่เคยหมดหรือเปลี่ยนไป บางครั้งเวลามาทำงาน ผมก็ยังมองหาเขา เชอรี่ได้เจอณัฐบ้างเวลาที่ณัฐแวะมายืมหนังสือ แต่ผมเจอแค่สองสามครั้งเอง ณัฐผมยาวขึ้น ทำให้ดูเซอร์กว่าเดิม แต่ผมชอบตอนเขาผมสั้นมากกว่าแฮะ

ที่สำคัญ ทุกครั้งที่ผมเจอณัฐ เขามาคนเดียว และไม่เคยพูดถึงเรื่องครอบครัวเขาเลย บางทีอาจะเป็นเพราะผมกับเขาห่างกัน จนกลายเป็นเพียงคนรู้จักกันไปแล้วก็ได้... ผมจึงไม่กล้าถามไถ่เรื่องส่วนตัวของเขาอีก

ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่เคยละความพยายาม ผมพยายามมองหาณัฐในทุกที่ๆผมคิดว่าเขาน่าจะไป มันเหมือนเป็นสัญชาติญาณใหม่ของผม ที่จะสอดส่ายสายตามองหาคนที่เคยเติมเต็มหัวใจผมได้ บางทีที่โชคดีหน่อย ผมก็จะได้เจอเขาแบบผ่านๆ ไอ้ที่ผมคิดว่าถ้าเราไม่เจอกัน ไม่อยู่ใกล้กัน ผมอาจจะตัดใจได้ เอาเข้าจริงแล้วผมทำไม่ได้ด้วยซ้ำ ก็ดูสิ ผมยังนึกถึงเขาเสมอเลย

แต่แล้วโอกาสที่ผมจะได้เจอเขาก็ลดน้อยลงไปอีก เมื่อผมต้องลาออกจากงานพิเศษ เพราะต้องฝึกงานและทำโปรเจ็คท์จบ ผมยุ่งจนหัวหมุน ชีวิตวันๆอยู่แต่ที่ฝึกงาน มหาวิทยาลัย อพาร์ทเมนท์ ไม่มีเวลาจะเถลไถลไปที่อื่นเสียด้วยซ้ำ เรื่องความสัมพันธ์ของผมกับณัฐก็กลายเป็นแค่คนที่เคยรู้จักกัน เวลาที่บังเอิญเจอกันในร้านหนังสือ หรือแถวนั้น ผมกับเขาแค่ทักทายกันประสาเพื่อนเก่า มีเพียงรอยยิ้มและถ้อยคำเอื้ออาทร ผมไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้สัมผัสเขาเหมือนที่เคยทำ และผมก็ได้เรียนรู้อย่างหนึ่ง ว่าเราสองคนคงเป็นเหมือนเส้นขนานที่ไม่มีทางมาบรรจบกันได้...


สองปีผ่านไป...

“พี่ตังค์ ผมกำลังไปนะ รอที่นั่นแหละ” ผมวางสายแล้วยัดโทรศัพท์กลับเข้าไปในกระเป๋ากางเกงสแล็คขายาว วันนี้งานมีปัญหานิดหน่อยทำให้เสร็จช้า ก็ไอ้ลูกค้าจอมจุกจิกน่ะสิ ที่สั่งให้ผมปรับโน่นนี่ไม่เลิกราจนผมเกือบจะเอาแล็ปท๊อปฟาดกบาลเข้าให้

ผมขึ้นรถตู้ไปยังสถานที่ที่ผมนัดกับคนรักเก่าเอาไว้ พี่ตังค์เพิ่งย้ายจากสุราษฯมาได้ไม่กี่เดือน เขาบอกกับผมว่าคราวนี้จะมาประจำที่กรุงเทพสองเดือน แล้วก็จะย้ายไปทางภาคเหนือ พอมีโอกาสเราเลยนัดไปเจอกันก่อนที่พี่ตังค์จะย้ายไปอีก

“พี่เริ่มรู้สึกอยากจะอยู่ประจำที่แล้วแหละฟี่” ผมเงยหน้ามองพี่ตังค์ด้วยความประหลาดใจ ใบหน้าขาวนวลบ่งบอกความเป็นลูกเสี้ยวจีนดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ผมไม่ได้ตอบรับหรือแสดงความเห็นใดๆกับคำพูดนั้นของเขา
“นายจะไม่ถามพี่หน่อยเหรอว่าทำไมพี่ถึงพูดแบบนั้น”
“ไม่หรอกครับ มันก็คงเป็นเหตุผลส่วนตัวของพี่...” ผมไม่ได้หมายความอย่างที่ผมพูด ผมรู้ ไม่ใช่ไม่รู้ว่าพี่ตังค์น่ะอยากจะกลับมาคืนดีกับผม แต่ผมไม่ได้ต้องการแบบนั้น
“พี่อยากกลับมาเป็นเหมือนเดิมกับนายนะฟี่” อา...เขายังดันทุรังที่จะพูด ทำไมคนๆนี้ถึงไม่เคยเรียนรู้มารยาททางสังคมเลยนะ
ผมไม่ชอบคนที่พูดไม่รู้เรื่อง ผมไม่ชอบคนที่เอาแต่คิดจะแก้ไขเรื่องในอดีต ผมไม่ชอบคนที่ย่ำอยู่กับที่ ผมไม่ชอบคนที่ไม่ยอมก้าวไปข้างหน้า ผมไม่รู้ว่าสาเหตุที่พี่ตังค์อยากกลับมาคบกับผมคืออะไร เขาจะรักผมจริง หรือเขาหาใครอื่นไม่ได้แล้ว ? ไม่ว่าสาเหตุมันจะเป็นอะไรก็ตาม ผมไม่เคยคิดจะกลับไปคบกับเขาแม้แต่น้อย...
“พี่ตังค์ครับ ถ้าผมรู้ว่าเรามาเจอกันครั้งนี้มันจะทำให้ผมต้องมานั่งฟังพี่พูดถึงแต่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ละก็ ผมจะไม่มาเจอพี่ให้เสียเวลาหรอกครับ” ผมวางแบงค์ร้อยไว้บนโต๊ะกาแฟแล้วเดินออกมา ปล่อยให้ผู้ชายคนนั้นนั่งเอ๋ออยู่คนเดียวที่โต๊ะ  ส่วนตัวผมขอกลับไปพักผ่อนให้หายปวดประสาทจะดีกว่า

ที่อยู่ใหม่ของผมเป็นทาวน์เฮาส์ที่มีโครงสร้างแบบโมเดิร์นตามที่ผมใฝ่ฝัน สาเหตุที่ผมไม่ซื้อรถ เพราะผมอยากมีบ้าน ผมเบื่อที่ต้องเสียเงินเช่าอพาร์ทเมนท์ทุกเดือนทั้งที่เราสามารถเอาเงินค่าเช่ามาผ่อนบ้านได้เลยด้วยซ้ำ บ้านหลังนี้อาของผมใจดีช่วยค้ำประกันและให้ผมยืมเงินดาวน์ ผมเอาเงินเก็บตั้งแต่สมัยที่ผมทำงานพิเศษมาตกแต่งบ้านให้เป็นวิมานของผม ส่วนเรื่องรถน่ะ บริการขนส่งสาธารณะมีเยอะแยะไป ไม่อยากนั่งรถเมลล์ก็นั่งรถตู้สิครับ ไม่ต้องขับเองด้วย

ผมเดินไปที่โต๊ะกินข้าวสำหรับหกคนซึ่งผมเอาแล็ปท๊อปมาตั้งไว้ ผมเปิดเครื่องแล้วเดินไปหาอะไรเย็นๆมาดื่มแก้หงุดหงิด ช่วงนี้ผมติดน้ำอัดลมเป็นบ้า ต้องมีเป๊ปซี่ติดบ้านไว้เป็นลังเลยแหละครับ ไอ้ทัชมันบอกว่าสักวันกระเพาะผมคงทะลุเพราะดื่มเป๊ปซี่แทนข้าว

ประตูกระจกบานใหญ่ถูกเปิดออกเพื่อให้ลมพัดเข้ามา ผมชอบหิ้วแล็ปท๊อปไปนั่งเล่นตามส่วนต่างๆในบ้านแล้วแต่ผมจะพอใจว่าวันนี้อยากนั่งตรงไหน วันนี้เป็นคิวของโต๊ะกินข้าวสุดรักที่ผมขอให้ที่บ้านเม้งช่วยประกอบให้ในราคาพิเศษ

อันดับแรกที่ผมต้องทำคือเช็คเฟสบุ๊ค ผมเพิ่งจะมาติดไอ้เฟสบุ๊คนี่ช่วงประมาณปีสี่ ช่วงที่ผมไม่ค่อยได้เจอกับเชอรี่ เธอจึงบังคับให้ผมเล่น เพื่อที่ว่า ‘เชอรี่จะได้คุยกับฟี่ผ่านทางนี้ได้’

หน้าเพจเฟซบุ๊คแจ้งเตือนว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ผมคลิกดูข่าวคราวอัพเดทของเพื่อนๆ เชอรี่โพสสเตตัสบอกว่าวันนี้เจอหนุ่มหล่อหน้าตาน่ารักมาก ไอ้ทัชก็ไปโพสของเชอรี่ต่อว่า ทำไมนอกใจทัชละครับ ผมอ่านไปก็นั่งหัวเราะไป และในขณะที่กำลังเพลินๆอยู่นั้น ผมก็เหลือบไปเห็นคำขอเพิ่มเป็นเพื่อนที่เด้งขึ้นมาใหม่พอดี ผมคลิกไปดูว่าใครกันนะที่ขอผมเป็นเพื่อน...

นี่สินะ... ที่เรียกว่าฟ้าหลังฝน...
ผมตอบรับคำขอเป็นเพื่อนนั้นอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของคนบนหน้าจอนั้นดูเปลี่ยนแปลงไปพอควร นานเท่าไรแล้วแล้วนะที่เราไม่ได้เจอกัน ครึ่งปี หนึ่งปี ไม่สิ หนึ่งปีครึ่งต่างหาก... ผมไม่รู้ว่าคนอื่นๆที่เขาต้องห่างกันนั้นจะไม่ได้พบเจอกันนานแค่ไหน อาจจะมากกว่าผม อาจจะเป็นสิบปี แต่สำหรับผมกับเขา ระยะเวลาเพียงหนึ่งปีครึ่งช่างนานเหลือเกิน ครั้งสุดท้ายที่เราเดินสวนกันและได้พูดคุยแค่สองประโยคนั้นมันก็ไม่ต่างจากไม่ได้พบกันหรอก

‘ณัฐดูโตขึ้นมากเลย...’ ผมพิจารณาใบหน้าในอัลบั้มรูปของเขา ไม่มี... ไม่มีรูปครอบครัวหรือลูก มีแต่รูปของเขา สถานที่ที่เขาไป รูปเขากับเพื่อนๆ

น้ำตาผมเกือบไหลในขณะที่มองดูรูปเขา ผมไม่ได้เศร้า ตรงข้ามกันผมดีใจด้วยซ้ำ แต่บางครั้งเมื่อมนุษย์รู้สึกตื้นตันมากๆก็ไม่แปลกนี่นาถ้าเราจะอยากร้องไห้ บางรูปณัฐดูเซอร์ ผมยาว ไว้หนวด อิมเมจผิดไปจากที่ผมรู้จักเลย แต่รูปปัจจุบันล่าสุด ณัฐตัดผมสั้นเรียบร้อย จมูกโด่ง ดวงตาคม และไรหนวดจางๆ ผมคิดว่าถ้าผมโรคจิตเข้าขั้นอาจจะจูบลงไปบนหน้าจอแล็ปท๊อปเลยด้วยซ้ำ

ตึงตึ๊ง~

เสียงที่ผมไม่คุ้นเคยดังจากแล็ปท๊อปผมพร้อมกับที่หน้าจอเล็กๆผุดจากมุมล่างขวาของหน้าจอ มันคือระบบแชทของเฟสบุ๊คซึ่งผมไม่ค่อยได้ใช้งานฟังก์ชันนี้เท่าไร ก็ผมไม่ชอบแชทน่ะ มีอะไรโทรคุยดีกว่าไหม?

แต่กรณีนี้ กับคนนี้ ณ เวลานี้ ถ้าผมไม่พิมพ์ตอบกลับไป ผมว่าผมไปตายให้หนอนแดกดีกว่า...(ขอโทษนะครับถ้าผมหยาบคาย)

Nat Says: ...หวัดดีครับ
Toffy Says: อืม หวัดดีเช่นกัน
Nat Says: นึกว่าจะไม่ทักตอบซะแล้ว
Toffy Says: ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ
Nat Says: ไม่รู้สิ เราไม่ได้เจอกันนานแล้ว ณัฐคิดว่าอาจจะลืมณัฐไปแล้ว
Toffy Says: บ้าแล้ว ใครจะลืมได้ละ
Nat Says: แสดงว่าณัฐยังสำคัญอยู่สินะ 
Toffy Says: 555+ ได้ทีเอาใหญ่
Nat Says: แล้วตอนนี้ทำอะไรอยู่ครับ
Toffy Says: ก็เพิ่งกลับจากที่ทำงาน แล้วก็มานั่งเล่นเน็ตที่บ้าน
Nat Says: หืม... ไม่เจอกันแป๊บเดียว ทำงานซะแล้ว
Toffy Says: แป๊บเดียวอะไร ตั้งปีครึ่งนะ
Nat Says: เออเนอะ มานึกดูก็นานเหมือนกัน
Toffy Says: ก็ใช่สิ ตั้งแต่ณัฐออกไป ฟี่ก็ทำงานที่ร้านพี่แก๊บต่ออีกพักหนึ่งก็ต้องลาออกมาฝึกงาน แล้วก็ทำโปรเจคท์
Nat Says: เหนื่อยแย่เลย
Toffy Says: ไม่หรอก มีอะไรทำดี

ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าการแชทมันจะเพลิดเพลินดีเหมือนกัน หรือมันอาจจะขึ้นอยู่กับตัวบุคคลที่เราคุยด้วยกันแน่นะ...

Nat Says: เรียกแทนตัวเองว่า ‘ฟี่’ น่ารักจัง

ผมนิ่งไปชั่วขณะ ณัฐบอกว่าผมน่ารัก ผมไม่รู้ว่าณัฐจะคิดอะไรหรือเปล่า แต่ผมน่ะคิดไปไกลแล้วนะ!!

Toffy Says: งั้นกลับไปแทนตัวเองว่าพี่ดีไหม?
Nat Says: เอาตามตรงนะ ไม่ดีหรอก

ผมใจชื้นขึ้นมาเลยครับ ผมไม่อยากเป็นพี่ของณัฐ ผมอยากให้เราเป็นแค่เพื่อนธรรมดากันมากกว่านี่นา ผมเลยลองหยั่งเชิงดูว่าถ้าผมจะเปลี่ยนสรรพนามเวลาคุยกับเขาเนี่ย เขาจะโอเคมั้ย

Toffy Says: งั้นจะเลิกเรียกแทนตัวเองว่าพี่นะ แล้วณัฐก็ห้ามเรียกเราว่าพี่ด้วย
Nat Says: อื้อ ได้สิ > <
Toffy Says: แล้วตอนนี้ณัฐทำงานที่ไหนละ แล้วเรียนเป็นไงบ้าง
Nat Says: ก็ใกล้จะจบแล้วครับ ส่วนตอนนี้ทำงานอยู่ที่คอฟฟี่ช็อปของพี่ชายเพื่อน
Toffy Says: โอ้ แล้วชงกาแฟเป็นมั้ย
Nat Says: เป็นสิ ลองมาชิมๆ
Toffy Says: ที่ไหนเหรอ
Nat Says: แถวสยามครับ ณัฐทำอร่อยนะ
Toffy Says: งั้นต้องเลี้ยงนะ ถ้าอร่อยจริงถึงจะไปอุดหนุนบ่อยๆ
Nat Says: ได้เลย 55+
Nat Says: แล้วตอนนี้ฟี่ย้ายที่อยู่แล้วเหรอ
Toffy Says:ใช่ๆ ซื้อบ้านแล้วแหละ
Nat Says: จริงสิ!! ดีจังเลย แถวไหนเหรอครับ
Toffy Says: แถว XXX แหละ มันอยู่ในเมือง เดินทางสะดวกดี

แล้วผมก็คุยเรื่องราวจิปาถะเรื่อยเปื่อยกับณัฐ ผมได้รู้เรื่องของเขาหลายอย่าง ทั้งเรื่องที่เขาไปทำคอลเซ็นเตอร์ได้เกือบปีแล้วก็ย้ายมาเป็นคนขายกาแฟ(ณัฐบอกให้ผมเรียกแบบนั้น) ตอนนี้ชีวิตณัฐก็แฮปปี้ดี เรียนปีสาม สอบตกบ้างอะไรบ้าง

แต่ผมยังมีเรื่องสำคัญอีกเรื่องที่อยากรู้...

Toffy Says: แล้วแฟนณัฐเป็นไงบ้าง สบายดีไหม?
Nat Says: เหอะๆ คงไม่สบายเท่าไรหรอกครับ
Toffy Says: ? มีปัญหาเหรอ?
Nat Says: คือว่าตอนนี้เราแยกกันอยู่มานานแล้ว
Toffy Says: !!!
Nat Says: เรามีปัญหากันบ่อยอย่างที่เคยเล่าให้ฟี่ฟัง มาลองคิดดูแล้วมันไปกันไม่ได้จริงๆ
Toffy Says: แล้วเรื่องลูก?
Nat Says: นั่นละประเด็น ณัฐขอเลิกกับเขา แล้วแฟนณัฐเขาก็บอกว่าถ้าเลิกกันก็ไม่ต้องมาเจอลูก
Toffy Says: อ้าว ทำไมอย่างนั้นละ
Nat Says: ณัฐคิดว่าเขาก็คงโกรธเหมือนกัน และก็คงไม่อยากเห็นหน้า ตอนนี้ก็เลยห่างๆกันดีกว่า
........
.....
...
..
.
ผมจำเรื่องราวที่เราคุยกันคร่าวๆได้แค่นั้น เพราะหลังจากนั้นแล้วผมก็สติหลุด คิดสะระตะวุ่นวายไปหมด ทำไมผมถึงกลับมาเป็นแบบนี้อีกแล้ว ทำไมผมถึงวุ่นวายใจเพราะณัฐอีกครั้ง สรุปแล้วเวลาที่ไม่เจอกันไม่ได้ทำให้ผมเปลี่ยนใจได้เลยเหรอ?

ดีนะ ที่คืนนี้เป็นวันศุกร์ แล้วพรุ่งนี้ผมไม่ต้องไปทำงาน เพราะผมไม่มีกะจิตกะใจจะทำอย่างอื่นเลยสักนิด...
ผมคิดวนไปวนมาแต่เรื่องของณัฐ ผมจะถือว่าตอนนี้สวรรค์ให้โอกาสผมได้มั้ย?

----------------------------- To Be Continue -----------------------------


ปล. ขอโทษที่ให้รอนานค่ะ กอดทุกคนที่มาช่วยดันและเมนท์นะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 9 (22/5/2011)
«ตอบ #92 เมื่อ22-05-2011 15:46:24 »

รักของฟี่นี่เหมือนบาปรักเลย
เป็นหนี้ตกค้าง ตัดใจไม่ได้ซะที
อดเอาใจช่วยไม่ได้ อยากให้ฟี่มีคนรักที่ฟี่รักจริงๆ

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 9 (22/5/2011)
«ตอบ #93 เมื่อ22-05-2011 15:52:35 »

การรักใครซักคนนี้ แม้จะเป็นการแอบรักข้างเดียว มันก็ลืมยากพอสมควรนะ
ต่อไปนี้จะเป็นโอกาสของฟี่จริงๆรึเปล่า
หวังว่าเรื่องราวของฟี่ใกล้จะสว่างเข้าไปทุกทีแล้วนะจ๊ะ

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 9 (22/5/2011)
«ตอบ #94 เมื่อ22-05-2011 19:34:12 »

หวังว่าณัฐคงไม่ใช่พระเอกนะ :เฮ้อ:

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 9 (22/5/2011)
«ตอบ #95 เมื่อ22-05-2011 19:43:52 »

อยากรู้ว่าณัฐคิดอะไรกับฟี่บ้างไหม สงสารฟี่อ่า  :call:

natty _lovelove

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 9 (22/5/2011)
«ตอบ #96 เมื่อ22-05-2011 19:44:44 »

เข้ามาเป็นกำลังให้ท๊อฟฟี่

คุณบีด้วยค่ะ :3123:

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 9 (22/5/2011)
«ตอบ #97 เมื่อ22-05-2011 19:47:26 »

เฮ้ออออ  :serius2:
จะเอาคนใหม่ จะเอาคนใหม่ :z3: 5555

ออฟไลน์ rellachulla

  • iiRita♥World Behind My Wall♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-8
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 9 (22/5/2011)
«ตอบ #98 เมื่อ22-05-2011 19:57:17 »

ยังคงสงสารฟี่อยู่
นัทไม่เคยมีฟี่อยู่ในหัวใจอยู่แล้ว
แล้วอยู่ๆ จะมามีใจ มันยังไงๆ อยู่นะ
รออ่านตอนต่อไปจ้า

stupidchild

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 9 (22/5/2011)
«ตอบ #99 เมื่อ22-05-2011 22:58:34 »

เวลาผ่านไปแค่ไหน มันเปลี่ยนใจกันยากจัง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 9 (22/5/2011)
« ตอบ #99 เมื่อ: 22-05-2011 22:58:34 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 9 (22/5/2011)
«ตอบ #100 เมื่อ23-05-2011 23:24:11 »

กด Like แรงๆเลย อิอิ อยากอ่านต่ออย่างแรง อยากรู้จังว่าหลังจากนี้จะเป็นไปยังไงต่อ
อยากให้คู่ได้ลงเอยกันจัง จะคอยอ่านต่อน๊า

บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 9 (22/5/2011)
«ตอบ #101 เมื่อ24-05-2011 08:25:23 »



จอกันเย็นนี้นะค้า!!!



ออฟไลน์ 4559

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3978
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-8
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 9 (22/5/2011)
«ตอบ #102 เมื่อ24-05-2011 09:28:12 »

ฟี่ไม่คิดจะเจอคนใหม่เลยหรอ

ออฟไลน์ rellachulla

  • iiRita♥World Behind My Wall♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-8
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 9 (22/5/2011)
«ตอบ #103 เมื่อ24-05-2011 09:44:11 »

รอจ้า
เมื่อไรเนื้อคู่ฟี่จะมานะ
หวังว่าคงไม่ใช่ณัฐ นะ ฮือออออ

ออฟไลน์ -~iK@iZ_KunG~-

  • Tomorrow Never Die!!!
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-2
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 9 (22/5/2011)
«ตอบ #104 เมื่อ24-05-2011 10:51:10 »

เข้ามาเชียร์ณัฐครับ อิอิ

บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
ช่องว่างหมายเลข 10
«ตอบ #105 เมื่อ24-05-2011 17:16:14 »



ผมมีความเชื่ออย่างหนึ่งที่ช่วยฉุดรั้งให้ผมทนอยู่กับความเจ็บปวดได้ไม่ว่ามันจะถาโถมเข้ามาในชีวิตผมกี่ครั้งก็ตาม ผมยึดถือประโยคที่ว่า “ความไม่แน่นอนเป็นสิ่งที่แน่นอนที่สุด” ไม่ว่าเรื่องใดๆ เหตุการณ์ใดๆ มันก็มีความไม่แน่นอนอยู่เสมอ ทุกครั้งที่เกิดเรื่องดีๆกับผม ผมก็จะยึดถือคตินี้เตือนใจตัวเองไว้เสมอ ว่าอย่าหลงระเริงกับความสุขมากเกินไป ใครจะรู้ละครับ ว่าบางทีที่ผมกำลังมีความสุขอยู่แบบนี้ วันพรุ่งนี้ทุกอย่างอาจกลับตาลปัตร ความทุกข์อาจถาโถมมาจนผมตั้งตัวไม่ทันก็เป็นได้

ที่จู่ๆผมก็พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา มันก็เพราะว่าผมกำลังมีความสุขน่ะสิ โลกของผมกำลังหมุนไปโดยมีความสุขเป็นจุดศูนย์กลาง และในความสุขนั้นก็มีคนที่ชื่อว่า ‘ณัฐ’ นั่งอยู่ตรงกลาง แต่มันจะมีประโยชน์อะไรถ้าผมเอาแต่มองอยู่ห่างๆแบบนี้ จะมีประโยชน์อะไรถ้าผมไม่ได้เห็นหน้าเขา จะมีประโยชน์อะไรถ้าผมไม่ได้พิสูจน์ความรู้สึกตัวเอง ว่ายังชอบณัฐเหมือนเดิมไหม...

ผมก็เลยชวนณัฐไปดูหนังครับ...

ให้ตายเถอะ คุณรู้ไหมว่าวันนั้นผมแทบบ้า ผมทำตัวเหมือนสาวน้อยออกเดทครั้งแรก ผมค้นเสื้อผ้าออกมาจนหมดตู้ เลือกชุดนั้นชุดนี้ไม่จบสิ้น นั่งจ้องหน้ากระจกเป็นชั่วโมงเพื่อสำรวจว่าตัวเองเพอร์เฟคท์หรือยัง จนผมเริ่มรู้สึกว่าถ้าผมยังไม่หยุดคลุ้มคลั่งผมคงไปตามนัดไม่ทันแน่ๆ

ผมไปถึงก่อน ก็เลยฆ่าเวลาโดยการเดินเล่นแถวๆนั้น ไปยืนอ่านนิตยสารฟรีได้พักหนึ่งณัฐก็โทรมา ผมหันไปมองรอบตัวแต่ก็ไม่เห็น พอผมกดรับแล้วพูดฮัลโหลเท่านั้นแหละ ผมก็เห็นณัฐก็ขึ้นลิฟต์มาพอดี

และมันก็เกิดอีกแล้วครับ อาการโลกหยุดหมุนของผม...

ผมอึ้งไปแวบหนึ่งเมื่อเห็นเขา พระเจ้า.... นี่ท่านกำลังเล่นตลกอะไรกับผมหรือเปล่า ทำไมท่านถึงส่งคนแบบนี้ลงมาให้ผมได้พบเจอแต่ไม่ได้ครอบครอง ทำไมท่านถึงสร้างให้เขามีรอยยิ้มที่สดใสแบบนั้น ทำไมท่านถึงทำให้ผมไม่อาจละสายตาไปจากเขาได้แม้เพียงนิด...

ผมอยากจะร้องไห้เป็นบ้า...

“รอนานมั้ย” ผมเงยหน้ามอง ‘ณัฐ’ คนใหม่ ณัฐคนที่ผมไม่ได้เจอมาเป็นปี ณัฐดูโตขึ้นจริงๆ เหมือนจะสูงขึ้น ตอนนี้ผมต้องแหงนหน้ามองเขาแล้ว ณัฐคนนี้ดูมีเนื้อหนังขึ้นมา ดูแข็งแรง ดูสมเป็นชายหนุ่มมากขึ้น ผมไม่รู้ว่าจะเอามือไม้ไปไว้ตรงไหนดี ทำไมผมถึงเกิดอาการทำตัวไม่ถูกแบบนี้นะ...

“ไม่นานหรอก ฟี่ก็เพิ่งมาเหมือนกัน..” โอะ.. ทำไมผมทำตัวหน่อมแน้มแบบนั้นละ มาเรียกตัวเองว่า ฟ่ง ฟี่ อะไรเนี่ยยยยยย!!!
“กินอะไรมาหรือยัง หิวมั้ย” ผมส่ายหน้าตอบ เพราะตอนนี้ผมโคตรอิ่มเลยครับ อิ่มอกอิ่มใจ(อ้วกกกก)
“แต่ณัฐหิวหละ ไปหาไรกินกันเถอะ” ว่าแล้วเจ้าตัวก็เดินตรงดิ่งไปร้านราเมนทันที ผมอมยิ้มนิดๆเมื่อเห็นว่าเขายังเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน... ไอ้เรื่องมัดมือชกเนี่ย...

ผมมองอาหารบนโต๊ะแบบอึ้งๆ นี่ผมจะกินเข้าไปหมดหรือ ณัฐเล่นสั่งมาซะถล่มทลายแบบนี้ ทั้งบะหมี่เย็นของณัฐ บะหมี่เย็นทรงเครื่องของผม ทาโกะยากิ เกี๊ยวซ่า ชูมัย ชาฮั่น โอย....แค่เห็นผมก็อิ่มแล้วละ
“ฟี่ อ้าปาก” ผมทำตามไปโดยไม่ทันตั้งตัว แล้วเกี๊ยวซ่าครึ่งชิ้นก็เข้ามาอยู่ในปากผม ผมตั้งตัวไม่ติด เมื่อกี้ถ้าผมไม่ได้ฝันไปมันก็เป็นเรื่องจริงใช่ไหม ที่ณัฐคีบเกี๊ยวซ่าใส่ปากผมน่ะ
“ชอบกินน้อย กินยังกะแมวดม ถึงได้ผอมแบบนี้ไง”
“ไม่ได้ผอมนะ แค่ตัวเล็ก..” ผมขมวดคิ้วเมื่อผมถูกว่า เรื่องอะไรผมจะยอมให้มากล่าวหาผมแบบนี้ละ ผมแค่กินน้อยแล้วก็คอยจะลืมกินแค่นั้นเอง
“ไม่ต้องมาเถียง อ้าปาก” ณัฐไม่ฟังผมเลยครับ ยังยืนยันจะลำเลียงเกี๊ยวซ่าเข้ากระเพาะผมให้หมดจานอยู่เหมือนเดิม
“หึ๊ ไม่เอาแล้วละ อิ่มแล้ว” ผมส่ายหน้า ก็ไม่อยากกินแล้วนะครับ
“อีกคำนะครับ นะ” ง่า... พูดแบบนี้ผมยอมกินก็ได้..

และแล้วผมก็กินเกี๊ยวซ่าที่ณัฐป้อนให้จนหมดจาน ตอนเดินไปโรงหนังผมนึกว่าจะอ้วกออกมาเพราะอิ่มเกินขนาดด้วยซ้ำ แต่ก็แปลกแฮะ ผมแค่รู้สึกแน่นๆ แต่ก็ไม่ได้อิ่มโอเวอร์อะไรมากมาย น่าแปลกที่ผมกินได้เยอะขนาดนั้นจริงๆนะ

ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าวันนั้นผมดูหนังเรื่องอะไร เหมือนว่าหนังมันจะไม่สนุกด้วยซ้ำ ผมเอาแต่นึกถึงเรื่องของคนที่นั่งข้างผมตอนนี้ ใกล้จนผมได้กลิ่นของเขา ใกล้จนผมรู้สึกถึงลมหายใจของเขา ใกล้เสียจนสมองผมอื้ออึงไปหมด

ตอนที่หนังจบ แล้วเราต้องออกจากโรงหนัง ผมรู้สึกเสียดายเหลือเกิน เราพูดคุยกันไปเรื่อยเปื่อยจนมาถึงป้ายรถเมลล์ ผมยังขึ้นรถสายเดียวกับเขาอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่ว่าผมจะลงก่อนสองป้ายเท่านั้น ผมกำลังจำใจมองหารถตู้ทั้งที่ยังไม่อยากกลับ

“ฟี่ นั่งรถเมลล์ได้หรือเปล่า” จู่ๆณัฐถามขึ้นมาเฉยๆ ผมเลยหันไปมองเข้าด้วยความสงสัย
“ทำไมถามงั้นละ เห็นฟี่เป็นพวกไฮโซนั่งรถเมลล์ไม่เป็นงั้นเหรอ”
“เปล่าๆ ณัฐแค่อยากจะบอกว่า ถ้าฟี่นั่งรถเมลล์ได้ เรานั่งรถเมลล์กลับกันมั้ย”
“ฮื้ม? นึกยังไงเนี่ย” ผมขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจที่เขาพูด
“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่...”
“แค่?”
“แค่ไม่อยากให้ถึงไวน่ะ” ณัฐพูดจบแล้วณัฐก็ยิ้ม ยิ้มแบบ...แบบ...แบบหวานๆ...น่ะครับ...


ทุกคนครับ ตอนนี้ไอ้ฟี่มานอนตายที่บ้านแล้วครับ กลับมาถึงได้ยังไงไม่รู้ แต่ที่รู้แน่คือตอนนี้ผมนอนตาค้างอยู่บนที่นอน จะหลับก็หลับไม่ลง น่าแปลกนะครับ ตอนที่นั่งรถเมลล์กลับมาอย่างที่ณัฐเสนอแล้ว ปรกติเวลานั่งรถผมจะไม่ชอบให้รถติด อยากจะถึงบ้านเร็วๆ แต่มาวันนี้ผมอยากให้มันถึงช้าๆ อยากจะให้ช่วงเวลาในตอนนั้นคงอยู่ไปยาวนาน ผมนอนนึกถึงช่วงเวลาที่ผมได้รู้จักกับณัฐมา ตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมเห็นเขามาจนวันนี้ก็สี่ปีได้แล้ว

ผมไม่เคยเก็บความรู้สึกเวลาผมชอบใครไว้นานขนาดนี้มาก่อน ถ้าผมถูกใจใครผมก็จะไม่รีรอเลย แต่กับณัฐ มันเป็นอะไรที่ผมบอกไม่ถูก บางครั้งผมก็อยากบอกกับเขา แต่พอเอาเข้าจริงผมก็ทำไม่ได้ จนเวลามันผ่านมาจนป่านนี้ ความรู้สึกของผมก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม ผมหลับตาแล้วนึกถึงใบหน้าของณัฐตอนที่คีบเกี๊ยวซ่าให้ผม นึกถึงตอนที่ณัฐบอกกับผมว่าไม่อยากให้ถึงบ้านไว

 ถ้าหากผมไม่ได้หลงตัวเอง หากว่าผมไม่ได้คิดไปเอง หากว่าผมไม่ได้รู้สึกไปเองคนเดียว ผมจะทึกทักเอาได้ไหม ว่าบางทีณัฐก็อาจจะรู้สึกไม่แตกต่างจากผม...

ผมมีสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อน มันคือเรื่องท่าทีของณัฐ ผมไม่รู้ว่าผมหลงตัวเองหรือเปล่า แต่มันตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วที่ผมมักจะสังเกตได้ ว่าบางครั้งณัฐก็ปฏิบัติกับผมต่างจากคนอื่น ณัฐไม่สนิทกับคนอื่นและเล่าเรื่องของตัวเองให้คนอื่นฟัง...เหมือนที่มักจะเล่าให้ผมฟัง...

แต่พอผมกำลังคิดเข้าข้างตัวเอง กำลังจะคิดว่าเขาคงมีใจให้ผมบ้าง มันก็จะมีบางอย่างมาดลใจผม มายับยั้งให้ผมหยุดคิด บางอย่างคอยกรอกหูผมว่าณัฐเขาก็ดีกับทุกคนเท่ากันแหละ บางอย่างที่เรียกว่า ‘ความละอาย’...

แล้ววันนี้ละ... วันนี้ที่สถานะของณัฐไม่เหมือนเมื่อก่อน ผมจะสามารถทำอะไรได้ไหม ผมจะทำให้ทุกสิ่งก้าวหน้าไปมากกว่านี้ได้ไหม มันจะผิดไหม ผมจะกลายเป็นคนที่ไปทำให้ชีวิตของเขาแตกร้าวหรือเปล่า เขาจะรังเกียจผมไหมถ้าเขารู้ว่าผมคิดอย่างไรกับเขา ผมจะทำลายความเชื่อใจของเขาที่มีให้ผมหรือเปล่า...

ผมคิดมากจนผมหลับไปโดยไม่รู้ตัว

หลังจากวันนั้นเราไม่ได้โทรหาหรือสานต่อความสัมพันธ์ใดๆอีก เราพูดคุยแล้วก็ทักทายกันในแชทแต่ไม่เคยโทรหากัน ผมไม่กล้าโทร ผมไม่รู้ว่าถ้าผมโทรไปแล้วจะบอกว่าอะไร ผมจะคุยอะไร ผมโทรหาเขาทำไม แล้วถ้าผมโทรไป แล้วเขาไม่อยากคุยกับผมล่ะ...

แต่คนธรรมดาอย่างผมจะห้ามความรู้สึกได้ไหวงั้นเหรอ สุดท้ายผมก็ตัดสินใจลองโทรหาเขา เสียงรอสายดังอยู่นาน แต่ละครั้งที่มันดัง ‘ตู๊ด’ ก็เหมือนดึงพลังชีวิตผมไปด้วย แค่การรอให้คนรับสายทำไมมันถึงตื่นเต้นแบบนี้นะ

/สวัสดีครับ/ เสียงนุ่มๆของณัฐทักมาเหมือนที่เคย ผมหลับตาแล้วยิ้ม นึกออกเลยว่าโทนเสียงแบบนี้เขาคงกำลังยิ้ม
“เอ่อ...หวัดดี ทำอะไรอยู่เหรอ”
/เลิกงานแล้ว ก็เลยมาดูไลฟ์ครับ/ อ่า...มิน่าละ เสียงดังเชียว..ผมได้ยินเสียงจ้อกแจ้ก เสียงคนพูดคุยเต็มไปหมดเลย
“เหรอ..” แล้วจู่ๆผมก็รู้สึกเหมือนรอบตัวผมหม่นหมองลงทันที...ณับอยู่ในโลกของเขา...
/ฟี่มีอะไรหรือเปล่า/ น้ำเสียงของเขายังคงออ่นโยน ผมส่ายหัวแล้วก็คิดได้ว่าเขาไม่เห็นหน้าผมนี่นะ...
“ไม่มีหรอก แค่โทรมาหาเฉยๆ แค่นี้นะ..” ผมแอบหวังนิดๆว่าเขาจะพูดว่าอย่าเพิ่งวาง
/อื้อ บายครับ/ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้...

ผมนอนกอดหมอนอยู่บนเตียง กลิ้งไปกลิ้งมาก็หงุดหงิด นึกโมโหตัวเองที่หน้าด้านโทรไปหาเขา ทั้งที่ผมไม่ได้เป็นอะไรกับเขาสักหน่อย ทั้งที่เราเป็นแค่เพื่อน แค่คนรู้จักกัน ผมไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้สึกน้อยใจด้วยซ้ำ ผมละเกลียดนักไอ้ความรู้สึกแบบนี้...

ผ่านไปอีกหลายวันเราก็ยังเป็นเหมือนเดิม ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างยังคงดำเนินไปตามปรกติ  ไม่มีอะไรหวือหวา ผมได้แต่เฝ้าดูเฟซบุ๊คของเขาว่ามีการอัพเดทหรือเปลี่ยนแปลงไปยังไงบ้าง ทุกครั้งที่เห็นเขาอัพสเตตัสใหม่ ผม ก็จะนั่งยิ้ม แค่ได้เฝ้ามองมันก็คงเพียงพอแล้วละ หวังว่านี่คงไม่ได้แปลว่าผมโรคจิตใช่ไหมครับ...

“จ๊ะเอ๋!!”
“เฮ้ย!” ผมสะดุ้งโหยงแล้วอุทานเสียงดัง หนังสือการ์ตูนในอ้อมแขนหล่นตุบลงพื้นจนหมด ผมหันไปมองไอ้คนบ้าที่มันมาแกล้งผม ไม่ผิดครับ เสียงนี้มีคนเดียวเท่านั้นเอง
“ณัฐ หัวใจจะวาย คนกำลังใช้สมาธิไม่เห็นเหรอ” ผมมองคนหน้าทะเล้นที่ช่วยผมเก็บหนังสือไปขำไปอย่างหมั่นไส้ สนุกสินะ แกล้งผมได้แบบนี้
“แหมๆ อ่านการ์ตูนนี่ต้องใช้สมาธิมากเลยเนอะ” ผมมองคนกวนประสาทตาขวาง ทำไมณัฐมันต้องกวนประสาทผมด้วยนะ ไอ้ความทะลึ่งทะเล้นขี้เล่นของเขาเนี่ยไม่เคยเปลี่ยนเลยสักนิด นานแค่ไหนก็ยังหน้าระรื่นเหมือนเดิม... เหมือนความรู้สึกของผมเลยนะ ที่มันยังเหมือนเดิม...
“แล้วนี่ฟี่มายืมการ์ตูนเหรอ” ผมพยักหน้า ในใจคิดว่าโคตรโชคดีเลยว่ะที่มาวันนี้และตอนนี้ ได้เจอหน้าแบบฟลุ้คๆ ซะอย่างนั้น
“มายังไงเนี่ย”
“มากับน้องฟิโอเร่”
“แหม นึกว่าไม่ได้เอารถมา จะไปส่งสักหน่อย” ผมหันควับ อะไรนะ ณัฐบอกว่าจะไปส่งผม???
“ทำไมต้องมองณัฐแบบนั้นล่ะ คิดว่าณัฐขี้โม้ละเซ่”
“เหอะ ใครจะไปรู้ละณัฐ ก็ตัวเองอะ ขี้แกล้ง ชอบหลอกจะตาย”
“แหมๆ ณัฐก็พูดจริงเป็นนะ ว่าแต่ฟี่กินข้าวหรือยัง”  ผมส่ายหัว กลับจากที่ทำงานมาก็ดิ่งมาร้านหนังสือเลย
“งั้นไปหาข้าวกินกันนะ”

ตลกไหมครับ แค่ประโยคเดียวสั้นๆ ผมก็โอนอ่อนผ่อนตามเขาไปทันที ทั้งๆที่ยังไม่รู้สึกอยากกินอะไรเลยด้วยซ้ำ ผมเชื่อว่าเรื่องแบบนี้คนอื่นเขาก็คงเคยเป็นกัน ความรู้สึกแบบที่ยอมทำตามที่คนๆหนึ่งบอกอย่างไม่มีเงื่อนไข แต่สำหรับผมมันเป็นอะไรที่แปลกใหม่มากๆ เพราะผมไม่เคยมีคนที่ทำให้ผมรู้สึกว่าอยากทำทุกอย่างเพื่อเขาขนาดนี้ ผมแค่อยากให้ณัฐมีความสุข...

ณัฐชวนผมไปนั่งกินขนมจีนร้านป้าเจ้าประจำสมัยที่ผมยังอยู่แถวๆนี้ ตอนแรกณัฐตั้งใจจะมาตะลุยกินแต่ของหวาน ทั้ง
น้ำแข็งไสและบัวลอย แต่พอณัฐเห็นผมกินขนมจีนน้ำยาป่า ก็เลยสั่งตามผมมาอีกจานหนึ่ง
“ไอ้น้ำยาป่าเนี่ย มันใส่ปลาร้าใช่มั้ยฟี่” ณัฐตักขนมจีนใส่ปากแล้วทำจมูกฟุดฟิด
“อื้อ ณัฐกินปลาร้าได้ไม่ใช่เหรอ” ผมเงยหน้ามองณัฐอย่างแปลกใจ อย่าบอกนะว่าผมจำผิด
“กินได้ๆ คือณัฐได้กลิ่นไง ก็เลยลองถามดู”
“วันนี้ณัฐเลิกงานไวเหรอ ธรรมดาเวลานี้ไม่เคยเจอณัฐที่ร้านเลยนะ”
“ก็ปรกติแหละครับ แต่เหมือนว่ารถไม่ค่อยติด”
“ก็โรงเรียนปิดเทอมแล้วนี่นา” ผมรู้สึกว่าเราเหมือนเป็นแฟนกันเลยครับ ผมอิ่มอกอิ่มใจยังไงไม่รู้ วันนี้ขนมจีนป้าเลยอร่อยเป็นพิเศษไปเลย
เรานั่งกินกันไปเรื่อยๆ ณัฐกินขนมหวานต่ออีกสองถ้วยโดยบังคับให้ผมช่วยกินด้วย เสร็จแล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้าน พอผมไปถึงบ้านผมก็เอารถเข้าในที่จอดรถ พอไขกุญแจเข้าบ้านได้โทรศัพท์ผมก็ดังขึ้นมา ผมเห็นเบอร์ที่โทรมาแล้วก็รีบกดรับ
“ว่าไง”
/ถึงบ้านแล้วเหรอ/ ผมคิดไปเองหรือเปล่าว่าเสียงเขาฟังดูอ้อนๆนะ?
“อื้อ เพิ่งถึงเนี่ยแหละ แล้วณัฐก็โทรมา”
/ฟี่.../
“หืม?”
/เปล่า..ไม่มีอะไรหรอก/
“เอ๊า ซะงั้นแหละ”
/นี่ๆ วันนี้ณัฐมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง/
.......
...
..
.

นั่นนับเป็นครั้งแรกของการสนทนาทางโทรศัพท์มือถือระหว่างผมและณัฐที่ยาวกว่าสิบนาที เราคุยกันสัพเพเหระมากมาย จนวางสายก็ยังไปคุยต่อในแชท
และนั่นก็ทำให้ผมติดนิสัยอย่างหนึ่งที่เวลาเข้าเฟสบุ๊คแล้ว ก็มักจะเปิดดูว่าณัฐออนไลน์หรือเปล่า แต่ส่วนมากจะไม่ทันหรอก แค่ผมออนปุ๊บเขาก็ทักปั๊บแล้ว ไม่รู้ว่าทำได้ยังไงน้า... ณัฐทำให้ผมอิ่มเอมใจจนลืมคติประจำใจของผมเองเสียสนิท
คติประจำใจผมที่ว่า “ความไม่แน่นอนเป็นสิ่งที่แน่นอนที่สุด” .....


----------------------------- To Be Continue -----------------------------

ปล.ขอให้มีความสุขในการอ่านนะคะ  :music:

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 10 (24/5/2011)
«ตอบ #106 เมื่อ24-05-2011 20:54:04 »

ทำไมมันได้กลิ่นมาม่าลอยมาเรื่อยๆ >"<
บวกให้ค่ะ รออ่านต่อ

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 10 (24/5/2011)
«ตอบ #107 เมื่อ24-05-2011 21:36:14 »

อ่านตอนนี้แล้วแอบเห็นอนาคตของตัวละครที่ชื่อว่า ฟี่เลย TT
ทำไมคนแต่งใจร้ายกับคนอ่าน และฟี่ขนาดนี้นะ กลัวๆๆๆ

ออฟไลน์ rellachulla

  • iiRita♥World Behind My Wall♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-8
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 10 (24/5/2011)
«ตอบ #108 เมื่อ24-05-2011 21:48:25 »

ถึงตอนนี้ อารมณ์เค้ายังเหงา เศร้าๆ อยู่เลย
เริ่มไม่อยากให้ฟี่ไปพัวพันกับณัฐแล้วอ่ะ

ฮือออ ปาดน้ำตา วิ่งจากไปทำตุ๊กตาวูดู จิ้มๆๆๆๆ ณัฐ ก๊ากกก
อย่ามายุ่งกับฟี่น่ะ

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 10 (24/5/2011)
«ตอบ #109 เมื่อ24-05-2011 21:49:34 »

อ่านมาถึงตรงนี้แล้วคงไม่หวังถึงกับให้ฟี่มีความสุขตอนจบหรอก
เอาเป็นว่าอย่าโดนหลอกจนเสียผู้เสียคนไปก็พอแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 10 (24/5/2011)
« ตอบ #109 เมื่อ: 24-05-2011 21:49:34 »





ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 10 (24/5/2011)
«ตอบ #110 เมื่อ25-05-2011 00:06:00 »

ไม่อยากให้ณัฐเป็นพระเอกอ่ะ   :z3:
มีเมียมีลูกอยู่แล้วทั้งคน  ปล่อยมันไปเหอะว่ะฟี่เอ๊ย  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ jojobuffy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 792
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-4
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 10 (24/5/2011)
«ตอบ #111 เมื่อ25-05-2011 01:25:20 »

มาให้สุขแล้วก้ออสุดม้าย ทำให้เจียนตายทั้งเป็นอีกครั้ง

lolilo

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 10 (24/5/2011)
«ตอบ #112 เมื่อ25-05-2011 01:26:29 »

ทำไมมันมืดมนหมดหมอง(ข)มุก(ข)มัว ,, โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยย
ไม่ไหวๆ สงสาร ฟี่ กลับไปซบอก น้องเขื่อน สักครู่ถ้าจะดี TT"

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 10 (24/5/2011)
«ตอบ #113 เมื่อ25-05-2011 09:19:24 »

อ่านแล้วกดดันอ่ะ
อยากให้ฟี่มีความสุข แต่ความสุขของฟี่ = ณัฐ
ซึ่งมันหาความแน่นอนไม่ได้เลย
ไม่ใช่ว่าณัฐไม่ดี  ณัฐออกจะชอบฟี่ แต่มันไม่มากพอจะทำให้ฟี่มีความสุข
เหมือนลมเย็นๆ พัดมาวูบนึงแล้วก็ไป ชีวิตที่เหลือจะทำไงล่ะ T_T

ออฟไลน์ tarkung

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 997
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 10 (24/5/2011)
«ตอบ #114 เมื่อ25-05-2011 12:45:58 »

คนเขียนขยันลงจังเลยชอบๆ

เรื่องนี้ยังเดาไม่ออกว่าจะจบแบบไหนนะ แล้วณัฐรักฟี่ไหม จะเป้นแฟนกันไหม

บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 10 (24/5/2011)
«ตอบ #115 เมื่อ25-05-2011 17:13:59 »

วันนี้ไม่ลงนะคะ แต่สัญญาค่ะ ว่าพรุ่งนี้ท้องฟ้าสดใส (หรือเปล่านะ  :teach:)

รักทุกคนค่ะ  :L2:

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 10 (24/5/2011)
«ตอบ #116 เมื่อ25-05-2011 19:52:50 »

สดใสจริงเปล่าอ่ะะะะะะ o18

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 10 (24/5/2011)
«ตอบ #117 เมื่อ26-05-2011 01:58:15 »

วันนี้ไม่ลงนะคะ แต่สัญญาค่ะ ว่าพรุ่งนี้ท้องฟ้าสดใส (หรือเปล่านะ  :teach:)

รักทุกคนค่ะ  :L2:
แล้วจะมานั่งเฝ้าคอมรอจ้า

บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
ช่องว่างหมายเลข 11
«ตอบ #118 เมื่อ26-05-2011 17:21:29 »



คุณเคยเป็นไหมที่รู้ว่าขนมหวานสีสันยั่วยวนใจที่อยู่ตรงหน้านั้นอาจจะทำให้ฟันของคุณผุได้หมดปาก แต่คุณก็ยังอยากที่จะกระโดดเข้าไปลิ้มลองรสชาติของขนมหวานนั้น แม้ว่าคุณจะถอยออกมาให้ห่างจากมัน แต่ก็เหมือนว่ามันกำลังโบกมือเรียกให้คุณเข้าไปใกล้ พอคุณปิดตาเพื่อที่จะได้ไม่เห็นมัน มันก็ส่งเสียงเรียกให้คุณไปลองชิม

ผมทำแล้วทุกวิถีทางที่จะหยุดความรู้สึกของผมไม่ให้เตลิดมากไปกว่านี้ ผมลองทำงานยุ่งๆ เลิกงานมืดๆ จะได้ไม่เหลือเวลาไปพบเจอกับณัฐ แต่ไอ้หัวใจเจ้ากรรมของผมมันก็ก่อกบฎ ยังหาทางไปกินข้าวและพูดคุยกันจนได้

แม้กระทั่งลองมองคนอื่น ผมก็ทำแล้ว แต่มันไม่ได้ผล ผมไม่เห็นจะรู้สึกกับคนอื่นเหมือนตอนที่ผมเจอณัฐครั้งแรกเลย ขนาดผมลองนึกทบทวนถึงแฟนๆเก่าของผม ผมก็จำได้ว่าไม่เคยรู้สึกกับใครเหมือนที่รู้สึกกับณัฐ จนตอนนี้ผมเริ่มเหลืออดกับความรู้สึกตัวเอง ในเมื่อผมห้ามหัวใจผมไม่ได้ ผมก็ขอปล่อยมันไปตามยถากรรมจะดีกว่า ผมเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าความรู้สึกที่ผมมีให้ณัฐมันจะไปสิ้นสุดที่จุดไหน...

ผมยืนมองหน้าร้านขายกาแฟสดแบบอึ้งๆ หน้าร้านเต็มไปด้วยผู้คนทั้งหญิงและชาย วันนี้ณัฐชวนให้ผมลองมาเที่ยวร้านกาแฟที่เขาทำงานอยู่ สภาพร้านที่กินพื้นที่สองบล็อก ตกแต่งโดยใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ที่ทำให้ดูเหมือนว่าเป็นของเก่า มีลวดลายของต้นกาแฟระบายอยู่ตามพื้นผิวดูแล้วเข้ากัน หน้าร้านมีชั้นวางของที่ระลึกเช่นโปสการ์ดและพวงกุญแจที่ดูแล้วคงไม่ได้มีจุดประสงค์เรื่องการขายเพียงอย่างเดียว แต่มันดูเหมือนกับเป็นส่วนหนึ่งของการตกแต่งร้านมากกว่า
“รับอะไรดีครับ” คนในร้านคงคิดว่าผมเป็นลูกค้า ผมยืนลังเลว่าจะเอายังไงดี แล้วก็ตัดสินใจบอกว่าผมมาหาณัฐ
“เอ่อ...คือว่าผมมาหาณัฐครับ” พอผมบอกไปอย่างนั้น ทั้งพนักงานในร้านและคนที่ยืนอยู่ด้านนอกก็ทำหน้าอ๋อ
“ณัฐไปห้องน้ำ เดี๋ยวก็มา นั่งรอก่อนได้ครับ” พนักงานในร้านคนเดิมที่ทักผมเชื้อเชิญให้ผมนั่ง ผมมองเก้าอี้ไม้สีขาวหน้าร้านที่ตั้งเรียงรายอยู่แล้ว ผมเลือกที่จะนั่งตัวนอกสุด เพราะดูท่าแล้วบรรดาคนที่อยู่หน้าร้านจะเป็นคนรู้จักของพนักงานที่นี่ ผมลอบมองและคอยฟังที่คนพวกนั้นพูดคุย เรื่องสัพเพเหระติดจะทะลึ่งตึงตังแต่ก็ชวนให้หัวเราะดังมาเรื่อยๆ ผมนั่งอยู่ไม่นานร่างของคนที่ผมคุ้นเคยก็เดินมา ณัฐยิ้มกว้างให้ผมแล้วเดินมาหยุดตรงหน้า
“มานานหรือยังฟี่” ผมก้มหน้าแล้วส่ายหัว ผมไม่มีทางเงยหน้าตอนนี้แน่ๆ ทำไมน่ะเหรอ เพราะผมไม่อยากจะสติแตกน่ะสิ ณัฐก็แต่งตัวเหมือนปรกติ ผมก็ทรงเดิม ดูยังไงก็เป็นณัฐคนเดิม แต่คงเพราะว่าเป็นณัฐที่กำลังทำงาน ทำให้ณัฐดูแปลกตาไป และผมก็ชอบมันซะด้วย ถ้าผมจ้องมองณัฐมากกว่านี้ ต้องทนไม่ไหวแน่นอน
“มานี่สิ” ณัฐกวักมือให้ผมเดินตามไปที่เคาเตอร์ พนักงานคนอื่นหันมาสนใจผม แต่ละคนดูเป็นคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์ดีกันทั้งนั้น ณัฐแนะนำให้ผมรู้จักกับเจ้าของร้านชื่อพี่โอ ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่ทักผมในตอนแรก และแฟนของพี่โอ ชื่อว่าพี่เป็ด กับน้องหมิวที่เป็นพนักงานอีกคน ผมยกมือสวัสดีพี่ๆที่อายุมากกว่าผม ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า แต่ทำไมสายตาของพวกพี่เขาถึงมองผมแบบกรุ้มกริ่มยังไงไม่รู้
“กินอะไรมั้ย เดี๋ยวณัฐทำให้”
“เอาลาเต้ หวานๆแล้วกัน”
“โอเค รอแป๊บนะ” ผมมองตามณัฐที่เดินเข้าไปหลังเคาเตอร์ ร่างสูงของเขาหยิบจับอุปกรณ์อย่างคล่องแคล่ว ผมมองตั้งแต่แขนของเขาที่กดเปิดเครื่องบดกาแฟ มือเขาที่หยิบขวดนมข้นหวาน ไหล่ของเขาที่สั่นเบาๆขณะคนกาแฟ ผมมองทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนกับว่ามันเป็นความฝัน สถานการณ์ที่ผมไม่เคยได้คิดมาก่อนว่าตัวเองจะมาอยู่ ณ จุดนี้ได้ ผมยกมือขึ้นมาแตะตรงหน้าอกตัวเองเบาๆ หัวใจของผมกำลังเต้นอยู่ข้างใน ความรู้สึกแบบที่ผมบอกไม่ถูกนี้คืออะไรกันนะ

“ทำงานเหนื่อยมั้ย” ผมถามขึ้นมาตอนที่เรากำลังจะกลับ ณัฐยิ้มให้ผมแล้วก็บอกว่าไม่เหนื่อย ทำงานที่นี่มันก็ดูสนุกสนานจริงๆแหละ เพราะว่าพี่ๆที่นี่อัธยาศัยดีแล้วก็ฮามาก ขนาดผมไม่ได้เข้าไปร่วมสนทนากับเขานะ เขายังคุยโน่นนี่แล้วลากผมไปเอี่ยวด้วยได้ โดยเฉพาะพี่โอที่ชอบพูดเรื่องทะลึ่งตลกๆนั่นละตัวดี พอเห็นผมเขินหน่อยแกก็เลยเล่าใหญ่เลย ยิ่งช่วงเย็นๆที่พี่เป็ดแฟนแกกับน้องหมิวกลับบ้านแล้ว แกยิ่งเฮฮาใหญ่ (ประสาคนกลัวเมีย)
“ฟี่เบื่อหรือเปล่า”
“หึ ไม่หรอก พวกพี่เขาฮาดี”
“อ๊ะ รถมาแล้ว” ณัฐชี้ไปที่รถตู้สายที่วิ่งผ่านบ้านพวกเรา ตอนที่ณัฐเดินนำหน้าผมไป ผมมองมือของเขาจากด้านหลังแล้วก็แอบคิดขึ้นมาอย่างหนึ่ง

ถ้ามือใหญ่ๆนั้นกุมมือผมแล้วเดินไปด้วยกันคงดีไม่น้อย...

ณัฐเดินนำไปเปิดประตูรถตู้ไว้แล้วให้ผมขึ้นไปก่อน ที่นั่งเบาะคู่ว่างพอดีผมเลยเดินไปนั่งริมหน้าต่างแล้วณัฐก็เดินมานั่งข้างๆผม ที่นั่งยวบลงเพราะรับน้ำหนัก ผมรู้สึกได้ถึงทุกอย่างรอบตัว ทั้งอากาศที่เสียดสีกับผิวผมเมื่อณัฐเดินมานั่งข้างๆ กลิ่นหอมๆจากตัวของณัฐรวมถึงกลิ่นเหงื่อ กลิ่นโรลออน รู้สึกถึงไฟฟ้าสถิตย์เมื่อข้อศอกของเราแตะกัน ความวูบวาบในรถตู้ที่ต้องใกล้ชิดกันทำให้ผมหายใจได้ไม่ทั่วท้อง ผมพยายามนึกถึงเรื่องแย่ๆ เรื่องเฮงซวยต่างๆ แต่มันก็ไม่ได้ผลเมื่ออยู่กับณัฐ ณัฐเป็นแสงสว่างที่ทำให้ความมืดมนของผมเบาบางลงไป ผมหลับตาไล่ความรู้สึกที่ไม่ดีให้หมด เมื่อเปลือกตาบนของผมแตะเปลือกตาล่าง ผมก็รู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก จนเผลอหลับไปเมื่อไรก็ไม่รู้

‘อุ่นจัง...’ ผมยังคงหลับตา แต่ผมรู้สึกตัว รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นใกล้ตัว มือใหญ่ที่กุมมือผมไว้แนบแน่น...

มือ
ใหญ่
กุม
มือ
ผม
.
.
.

‘เฮ้ย!! มือ’ ผมสะดุ้งทั้งที่ยังหลับ สัมผัสที่มือของผมบอกว่ากำลังกุมมือกับณัฐอยู่ ไม่สิ... ต้องบอกว่าณัฐกุมมือของผมอยู่... นิ้วของเราสอดประสานกันและฝ่ามือของเราก็ประกบกัน อุณหภูมิจากมือของณัฐถ่ายทอดมาสู่ผมโดยตรง ผมไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆเราถึงจับมือกันได้ บางทีตอนที่ผมเผลอหลับไปผมอาจจะละเมอไปจับมือณัฐเอง แล้วณัฐก็เลยเกรงใจผมจึงไม่กล้าแกะมือผมออกก็เป็นได้

ผมกำลังฉวยโอกาส ทั้งที่ผมรู้สึกตัวแล้ว แต่ผมไม่ลืมตา ผมยังคงหลับตาเอาไว้ และปล่อยให้ณัฐประคองมือผมไว้แบบนั้น ผมรู้สึกตื่นเต้น วูบวาบ อารมณ์ของผมไม่คงที่ เพียงแค่การจับมือเท่านั้น แต่ผมรู้สึกเหมือนว่ามันเป็นอะไรที่มากมายเหลือเกิน ความรู้สึกสารพัดตีกันอยู่ในหัวผม ผมรู้ว่าตัวเองไม่ใช่วัยรุ่น ไม่ใช่เด็กๆที่แอบชอบใครและตื่นเต้นแค่เพียงได้เห็นหน้าคนที่ชอบ ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะดูไร้เดียงสาขนาดนี้ แต่ตอนนี้ผมกำลังเป็นแบบนั้น...

อยากให้เวลานี้ยาวนานไปตลอดเหลือเกิน...
ทำไมผมถึงได้มีความสุขแบบนี้นะ..ทำไม ทำไม ทำไม

ก่อนที่รถตู้จะถึงที่หมาย ผมแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องและค่อยๆชักมือออกมาปิดปากตอนหาว หันไปมองณัฐก็เห็นว่าหน้าเขาดูสะลึมสะลือ ณัฐคงหลับเหมือนกัน
“ถึงแล้วเหรอฟี่” เสียงณัฐตอนที่เพิ่งตื่นฟังดูแหบและห้าวกว่าเดิม ผมพยักหน้าแล้วยิ้มให้เขา พอผมตั้งใจว่าจะลุกออกไปนั่งตรงริมนอกณัฐก็นั่งขวางไว้ ผมคิดว่าณัฐคงขยับไม่ได้เพราะขาเขายาว แต่พอหันไปมองณัฐก็เห็นว่าเขาจ้องผมตอบกลับมา แววตาของเขามีบางอย่างที่บ่งบอกถึงความตั้งใจจริง แววตาที่ผมปฏิเสธมันไม่ได้
“ณัฐ เดี๋ยวฟี่จะต้องลงแล้วนะ ณัฐขยับมานั่งข้างในได้มั้ย?”
“ฟี่จะลงแล้วเหรอ”
“อื้อ ก็บ้านฟี่อยู่แถวนี้นี่”
“ฟี่อยากลงจริงๆเหรอ”
“...” ผมเงียบ ผมไม่รู้ว่าเขาต้องการสื่ออะไร เขาเองก็เงียบ จวบจนใกล้จะถึงป้ายของผมณัฐก็ขยับให้ผมเดินออก
“บ๊ายบายนะฟี่” ผมโบกมือกลับให้ณัฐแล้วเดินลงจากรถตู้ไปอย่างสับสน...

อะไรกันนะ
มันคืออะไร...

“ฟี่~” เชอรี่เดินเข้ามาเกาะแขนผมแล้วเรียกเสียงหวาน เธอพยายามออดอ้อนหลังจากที่รู้ว่าผมนั่งรอเธออยู่หน้าเซ็นทรัลเวิลด์มาเกือบครึ่งชั่วโมง
“ขอโทษที่เลทนะจ๊ะ เดี๋ยวเชอรี่พาไปเลี้ยงฟูจินะ” ผมยิ้มๆแล้วยกแขนโอบไหล่เธอ เชอรี่เพิ่งทำโอทีเสร็จเลยเลท ผมเองก็ไม่ได้รีบไปไหนเลยไม่ได้โกรธเคืองอะไร แต่แกล้งสักหน่อยก็น่าจะดี
“ดีเลย ฟี่อยากกินปลาดิบชุดใหญ่”
“ฮ้า! ชุดเล็กได้มั้ย ชุดใหญ่มันแพงไปน้า!!” แล้วเชอรี่ก็โวยวายตามที่คาด ผมทำเป็นไม่ได้ยินแล้วเดินนำเธอเข้าร้านอาหารญี่ปุ่นไปเลย

“สรุปก็คือตอนนี้ฟี่รู้สึกว่าท่าทีของณัฐแปลกไป?” ผมคีบปลาดิบใส่ปากแล้วพยักหน้าตอบเธอ วันนี้เป็นวันสุดสัปดาห์ที่เรานัดมาพบปะกันหลังเลิกงาน ผมเล่าเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นให้เชอรี่ได้ฟัง เธอฟังผมเล่าอย่างตั้งอกตั้งใจแล้วก็ทำตาโต อาหารที่สั่งมาก็ไม่ยอมแตะ เชอรี่ให้ความสำคัญกับเรื่องของผมเหมือนว่ามันเป็นเรื่องของเธอด้วยเช่นกัน
“แล้วฟี่รู้สึกยังไง”
“ฟี่ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลยนะเชอรี่ เวลาที่อยู่กับณัฐ เขามักจะทำให้ฟี่มีความรู้สึกแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเสมอเลย เชอรี่คิดดูสิ แค่จับมือน่ะ มันก็ทำให้ฟี่ตื่นเต้นขนาดนั้นเลยนะ” ผมพูดออกไปยาวยืดแล้วก็แปลกใจกับตัวเอง นี่ผมกำลังนั่งพูดความรู้สึกให้คนอื่นฟังงั้นเหรอ...พิลึกเป็นบ้า
“ฮืม...เชอรี่เข้าใจจ้ะ”
“แต่มันไม่ใช่แค่นั้นนะเชอรี่ บางทีเวลาฟี่มีความสุขมากๆ ฟี่ก็จะคิดถึงเรื่องแฟนกับลูกของณัฐ ถึงเขาจะบอกว่าห่างกันแล้ว แต่เชอรี่นึกออกมั้ยว่ามันก็ต้องมีสายสัมพันธ์ที่ตัดไม่ขาดอยู่ดีแหละ ฟี่ไม่รู้ว่าที่ฟี่ทำลงไปมันจะทำร้ายจิตใจของใครหรือเปล่า”
“ฟี่...” เชอรี่ยื่นมือมากุมมือผมไว้แล้วบีบเบาๆ เธอยิ้มแล้วเธอก็พูดกับผม
“เชอรี่ตอบให้ฟี่ไม่ได้หรอกนะ ทางเดียวที่ฟี่จะรู้ในสิ่งที่ฟี่สงสัยได้ คือฟี่ต้องถามใจตัวเอง และต้องพูดคุยกับณัฐ ถ้าฟี่สงสัยอะไร ถ้าฟี่อยากรู้อะไร ฟี่ต้องถามไปตรงๆ”
“อืม..” ผมก้มหน้า คิ้วทั้งสองข้างขมวดชนกัน คืนนั้นก่อนที่เราจะแยกย้ายกันกลับบ้าน เชอรี่พูดประโยคหนึ่งกับผม ประโยคที่ทำให้ผมยิ้มไปตลอดเวลาที่อาบน้ำ

‘แต่ฟี่รู้ไว้อย่างหนึ่งนะ คนเราจะไม่สัมผัสตัวคนอื่นอย่างใกล้ชิดหรอก ถ้าไม่ได้รู้สึกดีด้วยน่ะ ขนาดเชอรี่ยังไม่เคยรู้สึกอยากจับมือแบบแนบแน่นกับผู้ชายที่ไม่รู้สึกชอบเลยนะจ๊ะ’

ผมคิดไปว่าอย่างน้อยณัฐคงมีความรู้สึกดีๆให้ผม ผมยิ้มแล้วก็ยิ้มอีก ผมยิ้มจนเมื่อยปาก จนตอนที่ผมคิดว่าปากผมจะฉีกแล้วนั้นก็มีเมสเสจส่งเข้ามือถือของผม พอผมเปิดอ่านผมก็เพ้อไปเลยจนเช้า

-คิดถึงจัง... ฝันดีครับ-
From  Nat


----------------------------- To Be Continue -----------------------------

ปล.1 สั้นนิดนึงนะคะ แต่จะชดเชยให้ตอนหน้าแทน  :sad4:
ปล.2 เพิ่งเขียนเสร็จเลยค่ะ เจอคำผิดแจ้งหน่อยนะค้า  :pig4:

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนท
«ตอบ #119 เมื่อ26-05-2011 17:35:34 »

แน่ใจหรอฟี่ ว่านัทมันทำให้ตัวฟี่สว่างขึ้นอ่ะ
ทำไมเรารู้สึกว่า ฟี่มืดมนลงกว่าเดิมล่ะ?   :เฮ้อ:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด