The Space [ช่องว่าง] จบแล้วค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Space [ช่องว่าง] จบแล้วค่ะ  (อ่าน 119651 ครั้ง)

ออฟไลน์ rellachulla

  • iiRita♥World Behind My Wall♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-8
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 11 (26/5/2011)
«ตอบ #120 เมื่อ26-05-2011 18:23:08 »

หวานๆ แบบเจ็บจี๊ดๆ ไงมิรู้ค่า
ฮีก ฮีก

stupidchild

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 11 (26/5/2011)
«ตอบ #121 เมื่อ26-05-2011 19:41:17 »

รู้สึกว่ามันสลัวๆมากขึ้น จากที่มืดมนมานานนนนนนนนนนนนนนนนนนน

natty _lovelove

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 11 (26/5/2011)
«ตอบ #122 เมื่อ26-05-2011 19:45:08 »

มันหวานๆๆนะ

แต่หม่นๆๆๆๆมากกว่าอ่ะ

เฮ้อ

ออฟไลน์ jojobuffy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 792
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-4
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 11 (26/5/2011)
«ตอบ #123 เมื่อ26-05-2011 20:06:47 »

ความคิดเหมือนรีบน

สุขแบบอมทุกข์ เซ้าๆๆ

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 11 (26/5/2011)
«ตอบ #124 เมื่อ26-05-2011 20:55:56 »

โอย กลัวใจยังไงไม่รู้ ณัฐเอาไงก็เอาเหอะ >.<

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 11 (26/5/2011)
«ตอบ #125 เมื่อ26-05-2011 21:07:24 »

มันเหมือนมีสัญญาณเตือนอยู่ตลอดเวลาว่า ลางร้ายกำลังมาเยือน!!!!!
ยิ่งอ่านยิ่งกดดันอะว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ชั้นจะเชื่อใจผู้ชายที่เคยทำ ญ ท้องแล้ว
ก็ไม่ได้มีความรับผิดชอบต่อคนรักในฐานะสามีได้ไหมนะ ลุ้น
แล้วจะรออ่านต่อน๊า

ออฟไลน์ rellachulla

  • iiRita♥World Behind My Wall♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-8
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 11 (26/5/2011)
«ตอบ #126 เมื่อ27-05-2011 08:59:16 »

วันนี้มาม๊ายยย
มารอจ้า

ออฟไลน์ 4559

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3978
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-8
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 11 (26/5/2011)
«ตอบ #127 เมื่อ27-05-2011 10:07:10 »

ฟี่ลุย

บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 11 (26/5/2011)
«ตอบ #128 เมื่อ27-05-2011 12:15:19 »



เย็นนี้เจอกันค่ะ คาดว่าเรื่องคงจะยาวยืดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ขอให้ทุกคนทำใจร่มๆไว่ก่อนนะคะ เผื่ออ่านตอนเย็นแล้วเกิดอารมณ์อยากเอาเมาส์ฟาดหัวบี 555+
แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม อยากให้ทุกคนเคารพการตัดสินใจของฟี่ด้วยนะคะ เพราะบีเชื่อว่าคนเราก็มีความคิดเห็นต่างกันไป
บางทีเรื่องที่เราเห็นเป็นทางขวา ก็อาจจะมีคนคิดทางซ้ายก็ได้ ใครจะไปรู้ เนอะ ^^


ออฟไลน์ rellachulla

  • iiRita♥World Behind My Wall♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-8
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 11 (26/5/2011)
«ตอบ #129 เมื่อ27-05-2011 12:34:59 »

รอจ้าบีบี
เค้ากลัวอ่ะ กลัวใจบีบีแหละ
ง๊ากกกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 11 (26/5/2011)
« ตอบ #129 เมื่อ: 27-05-2011 12:34:59 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 11 (26/5/2011)
«ตอบ #130 เมื่อ27-05-2011 13:13:38 »

เฮ้อ ความรักกกกกกก  :เฮ้อ:

A_ay

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 11 (26/5/2011)
«ตอบ #131 เมื่อ27-05-2011 13:47:39 »

*เขินนน :impress2:

ฟี่น่ารักว่ะ :o8:

อย่ามาม่าเลยน้า :man1:



บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
ช่องว่างหมายเลข 12
«ตอบ #132 เมื่อ27-05-2011 17:26:49 »


ระวัง!!
ทำใจร่มๆก่อนอ่าน


ช่วงนี้ผมกำลังจำศีลครับ...
อย่าเพิ่งตกใจคิดว่าผมกลายพันธุ์เป็นหมีไปแล้วนะ การจำศีลของผมคือการลาพักร้อน เก็บตัว และไม่ออกไปปรากฎตัวในที่สาธารณะมากนัก รวมถึงไม่ไปเจอกับใครบางคนด้วย...

เพราะผมกำลังต้องการให้สมองโล่ง เพื่อจะได้คิดอะไรๆให้ถี่ถ้วนและเป็นเรื่องเป็นราว สถานการณ์ระหว่างผมกับณัฐเป็นอะไรที่ซับซ้อน เราปฏิบัติต่อกันเหมือนคนที่กำลังคบหาดูใจ แต่ว่าไม่มีการพูดออกมาเป็นเรื่องราว บางทีผมก็คิดไปว่าผมคงเป็นคนสำคัญสำหรับเขา แต่มันก็ไม่ได้มีการพูดอะไรออกมาจากปากเขาเลย ผมครุ่นคิดถึงแต่เรื่องนี้มาเป็นวันที่สองแล้ว ผมหลบเลี่ยงณัฐแล้วบอกกับเขาว่างานผมยุ่งมาก ต้องทำโอทีทุกคืน แต่ถ้าผมหลบเขาไปเป็นวันที่สาม ผมเชื่อว่าเขาต้องระแคะระคายในความเปลี่ยนไปของผมแน่นอน

ผมตัดสินใจไปหาคนที่ผมคิดว่าจะช่วยผมได้...

“อ้าวฟี่ จะมาทำไมไม่บอกอาก่อนละ อาจะได้เตรียมกับข้าวไว้ให้” ผมมองหญิงสาวร่างเล็กบอบบางตรงหน้าแล้วเดินเข้าไปกอด กลิ่นหอมจากตัวของอาผึ้งยังคงทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นเสมอ ผมหอมแก้มเธอดังฟอดแล้วเสียงหัวเราะของอาผึ้งก็ดังสดใสเหมือนเด็กสาว กาลเวลาไม่ได้ทำให้อาผึ้งของผมงดงามน้อยลงไปเลย
“อะไรฟี่ก็กินได้ครับ อาผึ้งทำอร่อยทุกอย่างแหละ”
“แหม นานๆมาทีละปากหวาน แต่ชอบปล่อยให้อาอยู่คนเดียวนักแหละ” อาผึ้งเหน็บแนมผมแต่ก็หันมาจูงมือผมเข้าไปในบ้าน บ้านเดี่ยวหลังน้อยสีขาว รอบบ้านเต็มไปด้วยต้นไม้ร่มรื่น ผมอยู่ที่นี่ตั้งแต่อายุ 7 ขวบจนจบมัธยมปลายผมก็ย้ายไปอยู่ข้างนอก อาผึ้งคนที่คอยเลี้ยงดูผมมาตั้งแต่ตอนนั้นคือญาติคนเดียวที่ผมเหลืออยู่...ญาติที่ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน...

ผมมองรูปบนผนังบ้าน รูปโทนสีขาวดำในกรอบรูปสีดำดูมีรสนิยม ใบหน้าของคนบนรูปส่วนมากก็จะเป็นผมตอนเด็กๆและอาผึ้ง และอีกคนหนึ่ง... พ่อของผม...
“อามีความสุขดีหรือเปล่าครับ” อาผึ้งหันมามองผมแล้วทำหน้างงๆ ผมเปลี่ยนเป็นฝ่ายดึงอามานั่งที่โซฟาตัวโปรดของอาแทน ผมนั่งลงแล้วกุมมืออาเอาไว้ ผมสงสัยเหลือเกิน สงสัยว่าเหตุใดผู้หญิงตัวเล็กๆที่แสนเปราะบางคนนี้จึงยึดมั่นในความรักเหลือเกิน
“ฟี่ไม่เคยเข้าใจมาก่อนเลย ว่าทำไมอาถึงได้ยึดมั่นกับพ่อขนาดนั้น พ่อก็ตายไปตั้งนานแล้ว ทำไมอาถึงไม่ลองมองคนอื่น อาไม่เหงาเหรอครับ” ผมถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ใบหน้าของผู้หญิงตรงหน้าผมดูอ่อนโยนและแสนดี ผมอยากให้เธอมีความสุขมากๆ
“ฟี่... อาไม่รู้หรอกนะลูก ว่าฟี่ไปเจอเรื่องอะไรมา แต่ไหนแต่ไรฟี่ไม่เคยที่จะปริปากพูดเรื่องนี้กับอา แต่ในเมื่อฟี่พูดขึ้นมาแล้ว อาก็จะบอกว่าที่อาอยู่คนเดียวไม่ใช่เพราะอารู้สึกผิด อาไม่ได้ลงโทษตัวเองให้โดดเดี่ยวไปจนตาย เพียงแต่อาเลือกเอง อาเลือกที่จะอยู่คนเดียว ฟี่รู้มั้ยลูก ว่าไม่มีใครที่จะเข้ามาแทนที่พ่อของฟี่ในหัวใจของอาได้เลยนะ...” อาผึ้งบีบมือผมแน่นแล้วจ้องตาผม ผมมองเข้าไปในดวงตาของอาผึ้งซึ่งมีแต่ความจริงปรากฎอยู่ ผมก้มหน้าซบบ่าของอาแล้วน้ำตาผมก็ไหล... ผมนึกถึงเรื่องเมื่อตอนที่ผมเจ็ดขวบ ตอนที่ผมย้ายมาอยู่ที่บ้านนี้...

ราวๆ 16 ปีก่อน..
'ท๊อฟฟี่ สวัสดีอาผึ้งสิลูก' ชายหนุ่มวัยยี่สิบกว่าๆหน้าตาหล่อเหลากำลังคะยั้นคะยอลูกชายตัวเล็กให้ไหว้ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างกัน ท๊อฟฟี่เหลือบมองหญิงสาวที่ยิ้มแย้มอ่อนโยน เธอดูใจดี และเธอก็ดูสวยกว่าแม่ของท๊อฟฟี่เสียอีก แต่นั่นไม่มีทางทำให้ท๊อฟฟี่ใจอ่อนหรอก เพราะผู้หญิงคนนี้ทำให้แม่ของท๊อฟฟี่ต้องโดดเดี่ยว ทำให้พ่อของท๊อฟฟี่ไม่รักแม่

ท๊อฟฟี่จำได้ ว่าตอนที่มีประชุมผู้ปกครองแล้วเพื่อนๆพาพ่อและแม่มาด้วย ท๊อฟฟี่กลับมีแต่แม่ พอท๊อฟฟี่ถามแม่ว่าทำไมพ่อกับแม่ถึงไม่อยู่ด้วยกันเหมือนคนอื่น แม่ก็จะหน้าบึ้ง ตาของแม่จะแดงๆ แล้วแม่ก็จะบอกว่า
‘พ่อเขาไม่อยากอยู่กับเรานี่ลูก’
พอแม่พูดเรื่องพ่อแล้วแม่ก็จะร้องไห้ ท๊อฟฟี่ไม่อยากให้แม่ร้องไห้ เขาจึงไม่ถามถึงพ่ออีก นานๆทีพ่อจะมาหาแล้วซื้อของเล่น ซื้อขนมมาฝาก ท๊อฟฟี่จะดีใจเป็นที่สุดที่ได้กอดพ่อ ได้เล่นกับพ่อ แต่ถ้าได้เล่นกับพ่อและแม่ไปพร้อมกันก็คงดี เพราว่าเวลาพ่อมาก็มักจะมาตอนที่แม่ไม่อยู่ แต่บางครั้งที่พ่อมาแล้วเจอว่าแม่อยู่บ้าน ท๊อฟฟี่ก็จะได้ยินเสียงแม่เถียงกับพ่อ แม่จะชอบถามพ่อว่า
‘ของพวกนี้ผู้หญิงพวกนั้นเลือกมาใช่มั้ย เอามันกลับไปเลยนะ!’ เสียงแม่จะเกรี้ยวกราด แต่สุดท้ายแล้วของฝากจากพ่อก็จะเป็นของท๊อฟฟี่อยู่ดี เพราะว่าของพวกนั้นมันถูกใจท๊อฟฟี่จริงๆนี่นา

ช่วงที่ท๊อฟฟี่เข้าป.หนึ่ง แม่ก็ประสบอุบัติเหตุรถชน คุณลุงที่ทำงานของแม่พาท๊อฟฟี่ไปหาแม่ที่โรงพยาบาล ท๊อฟฟี่นั่งรออยู่บนเก้าอี้แล้วก็มองคนอื่นทำสีหน้ากังวล สักพักพ่อก็มาโผล่ตรงหน้าท๊อฟฟี่ สีหน้าพ่อดูตื่นตกใจ พ่อกอดท๊อฟฟี่แน่น หลังของพ่อสั่นเบาๆ ท๊อฟฟี่ไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อร้องไห้ จนกระทั่งพ่อบอกกับท๊อฟฟี่..
‘ไปอยู่กับพ่อนะลูก แม่เขาเลี้ยงฟี่ไม่ได้แล้ว ฟี่ต้องไปอยู่กับพ่อนะ...’ ท๊อฟฟี่มองหน้าพ่ออย่างไม่เข้าใจ พอมองเลยบ่าพ่อไปก็เห็นคุณน้าคนสวยยืนหน้าเศร้าอยู่ข้างพ่อ
‘แม่ไปไหนครับ?’ ท๊อฟฟี่ถามด้วยความสงสัย ทำไมต้องไปอยู่กับพ่อ แล้วแม่ไปไหนล่ะ
‘แม่เขาไปสวรรค์แล้วนะ’ พ่อบอกกับท๊อฟฟี่แค่นั้นก็มีคุณหมอมาเรียกให้พ่อไปจัดการเรื่องอะไรก็ไม่รู้ คุณน้าคนสวยคนนั้นเดินมานั่งข้างท๊อฟฟี่แล้วกอดท๊อฟฟี่ไว้ กลิ่นหอมจากร่างกายนุ่มนิ่มของคุณน้าคงทำให้ท๊อฟฟี่รู้สึกดีได้ แต่มันไม่ใช่ตอนนี้...
ตอนที่ท๊อฟฟี่ได้เข้าใจว่าแม่จะไม่กลับมาแล้ว...
และรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าคุณน้าคนนี้คือคนที่ทำให้พ่อไม่เลือกท๊อฟฟี่กับแม่...

ท๊อฟฟี่แหกปากร้องไห้ ดิ้น เตะ แล้วก็ข่วนคุณน้าคนนั้นไม่หยุด แต่เธอก็ไม่ดุ ไม่ว่า หรือตีท๊อฟฟี่เลย เธอเอาแต่กอดท๊อฟฟี่ไว้แล้วร้องไห้  จนพ่อมาเห็นก็เลยรีบดึงท๊อฟฟี่ออกไป
‘ฟี่ อาผึ้งเขาเจ็บนะลูก ทำไมทำแบบนั้น!’ พ่อตวาดท๊อฟฟี่เสียงดัง
‘ฟี่ไม่ชอบ ไม่ชอบคนนี้ คนนี้เอาพ่อไปจากฟี่กับแม่ ฟี่เกลียดเขา!!’ ท๊อฟฟี่เองก็ตะโกนสู้ เพราะท๊อฟฟี่กำลังเสียใจที่รู้ว่าแม่ไม่อยู่แล้ว


หลังจากวันนั้นฟี่ก็ไม่เจอคุณน้าคนนั้นอีก ฟี่ไปอยู่บ้านตากับยาย พ่อมาหาบ้าง แต่ทุกครั้งที่มาก็จะเถียงอะไรกับตายายไม่รู้ จนกระทั่งวันหนึ่งที่ตากับยายเก็บข้าวของของท๊อฟฟี่ แล้วพ่อก็มารับ
‘ไปกับพ่อเถอะลูก’ ท๊อฟฟี่จำได้ว่าตากับยายเดินมากอดท๊อฟฟี่ แล้วพ่อก็พาท๊อฟฟี่ขึ้นรถคันโตของพ่อไป รถของพ่อไปจอดที่บ้านหลังหนึ่ง บ้านหลังสีขาว มีต้นไม้ดอกไม้เยอะแยะไปหมด เถาไม้เลื้อยๆเกาะตามเสาและโครงหลังคา มันสวยเหมือนบ้านในนิทานไม่มีผิด ท๊อฟฟี่หลงรักที่นี่ตั้งแต่แรกเห็น ทว่าความรู้สึกนั้นมันก็เลือนหายไปเมื่อท๊อฟฟี่เห็นผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง

‘ท๊อฟฟี่ สวัสดีอาผึ้งสิลูก’

ท๊อฟฟี่ไม่ได้แสดงท่าทีต่อต้านอาผึ้งอย่างโจ่งแจ้ง คงเพราะว่าท๊อฟฟี่เป็นเด็กที่เงียบๆและว่าง่าย แต่อาผึ้งก็คงรู้ดีว่าท๊อฟฟี่เกลียดเธอ ท๊อฟฟี่ไม่เคยมองว่าความดีของอาผึ้งนั้นมาจากใจจริง เธอแค่อยากทำให้พ่อเห็นว่าเธอรักท๊อฟฟี่แค่นั้น ใจจริงเธอคงเกลียดท๊อฟฟี่เหมือนกันแหละ ทั้งที่คิดอย่างนั้น แต่อาผึ้งก็ไม่เคยแสดงท่าทีไม่ดีกับท๊อฟฟี่เลยสักครั้ง เธอเอาใจใส่ดูแลทุกอย่างให้พ่อและท๊อฟฟี่โดยไม่มีข้อบกพร่อง พ่อเคยชมอาผึ้งว่าเธอเป็นวันเดอร์วูแมน ทั้งทำงานนอกบ้านและงานในบ้านได้ไม่มีที่ติ แต่ท๊อฟฟี่ก็ไม่เคยเปิดใจให้อาผึ้งเลย

นั่นคือตอนเด็กที่ผมจำได้ และมันก็มีเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้ผมเข้าใจเรื่องทุกอย่าง และเปิดใจรักอาผึ้งจากหัวใจที่แท้จริง...

วันหนึ่งที่ผมสอบปลายภาคชั้นม.5 เสร็จ ผมไปฉลองสอบเสร็จกับเพื่อนแล้วค้างคืนที่บ้านเพื่อนโดยไม่โทรบอกพ่อหรืออาผึ้ง พอตอนเช้าที่ผมเดินเข้าบ้านก็เห็นพ่อและอาผึ้งรออยู่ อาผึ้งนั่งหน้าซีดบนโซฟา พออาผึ้งเห็นผมปุ๊บ เธอก็ปรี่เข้ามาใกล้และเต็มแรงจนผมจนหน้าหัน
‘ทำไมถึงไปค้างที่อื่นแล้วไม่โทรมาบอกห๊ะ!!’ ครั้งแรกที่ได้เห็นอาผึ้งเกรี้ยวกราดช่างเป็นอะไรที่น่าตื่นตะลึง ผมยืนอึ้งพักหนึ่งความโมโหที่เธอตบผมก็เข้ามาแทรกแทน
‘คุณมีสิทธิ์อะไรมาตบผม! คิดว่าตัวเองเป็นแม่ผมหรือไงถึงทำแบบนี้กับผมได้ คุณไม่ใช่แม่ผมนะ!’ ผมตวาดเธอกลับไป อารมณ์โมโหบดบังจนผมมองไม่เห็นน้ำตาที่คลอเบ้าของอาผึ้ง
‘ฟี่!!’ พ่อตวาดผมเสียงดังและเดินเข้ามาใกล้ แต่ผมไม่สนใจ ผมยังคงตะโกนใส่หน้าเธอเหมือนเก็บกดมานาน
‘คุณจำไว้บ้างสิ ว่าคุณเป็นคนที่เอาครอบครัวไปจากผม ทำให้แม่ผมต้องเศร้าจนวันตาย คุณมันก็แค่คนที่แย่งสามีชาวบ้าน แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรมาตบผม!’ อาผึ้งมองผมด้วยสายตาที่เจ็บปวดที่สุดที่ผมไม่เคยเห็นจากใคร ขนาดแม่ที่มักจะดูเศร้าสร้อยเสมอก็ยังทำสายตาได้เศร้าไม่เท่าอาผึ้งในตอนนี้ พ่อกระชากแขนผมเตรียมจะชก แต่อาผึ้งก็รั้งพ่อไว้ เธอรั้งพ่อไว้ทั้งน้ำตาที่ไหลอาบใบหน้า ปากก็ห้ามพ่อไม่ให้ทำอะไรผม
‘พอเถอะค่ะ อย่าตีฟี่เลย ผึ้งผิดเอง ผึ้งก้าวก่าย อาขอโทษที่ตบฟี่นะลูก’ อาผึ้งพูดเสียงเครือ น้ำตาใสๆนั้นมีที่มาจากสิ่งไหนกัน เธอละอาย? เธอเสียใจ? เธอโกรธ? แต่แล้วผมยังไม่หายข้องใจดี อาผึ้งก็เป็นลมล้มพับไป พ่อรีบประคองอาผึ้งไว้และลูบไล้ที่ใบหน้าสวยนั้นอย่างห่วงใย ผมยืนมองพ่ออุ้มอาผึ้งขึ้นไปชั้นสองอย่างสับสน ความเกลียดชังในตัวผมที่มีต่ออาผึ้งกำลังสั่นคลอน ผ่านไปพักใหญ่เมื่อ พ่อเดินลงมาจากชั้นสอง พ่อเห็นผมนั่งเหม่อมองไปที่สวนจึงเดินมานั่งข้างๆ และเริ่มสนทนา

‘ฟี่เกลียดอาผึ้งมากเลยหรือ ?’
‘เปล่าครับ’ ผมตอบพ่อแล้วก็นั่งก้มหน้า ผมเพิ่งรู้ตัวว่าไม่ได้เกลียดอาผึ้งมากมายแบบที่ผมเคยคิดเสมอมา
‘แล้วทำไมถึงพูดแบบนั้น ลูกรู้ไหมว่าอาผึ้งเสียใจมาก’
‘ฟี่รู้ว่าอาผึ้งเสียใจ แต่ที่ฟี่พูดแบบนั้นไปก็เพราะฟี่คิดแบบนั้น เธอแย่งพ่อมาจากฟี่กับแม่นะครับ เธอทำให้แม่หัวใจสลาย’
‘ฟี่... อาผึ้งไม่ได้แย่งพ่อมานะลูก’ พ่อหมายความว่ายังไงถึงพูดแบบนั้น ผมหันไปมองอย่างไม่เข้าใจ
‘ลูกก็โตแล้วนี่นะ พ่อควรจะเล่าให้ลูกฟัง...จากปากพ่อดีกว่าไหม?’ ผมพยักหน้า ทำไมพ่อพูดเหมือนว่าเรื่องมันไม่ได้เป็นแบบที่แม่บอกผมมาตั้งแต่เด็ก
...........
........
......
...
..
.

‘ฟี่เป็นลูกที่เกิดมาโดยที่พ่อไม่ได้ตั้งใจ’ พ่อพูดแล้วสบตาผม ผมเจ็บแปลบในหัวใจ แต่ผมเจ็บยิ่งกว่าเมื่อเห็นสายตาปวดร้าวของพ่อที่ต้องพูดมันออกมา
‘ตอนนั้นพ่อยังอายุน้อย เลือดร้อน มุทะลุ พ่ออยากรู้อยากลอง แต่แล้วผลที่ตามมามันก็คือความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ เมื่อพ่อรู้ว่าลูกกำลังจะเกิดมา พ่อก็ต้องเลี้ยงดู แต่ตอนนั้นพ่อคิดอะไรไม่ออกเลย ทุกสิ่งมันมืดแปดด้าน พ่อเอาแต่คร่ำครวญว่าชีวิตวัยรุ่นของพ่อต้องจบลงกับผู้หญิงที่พ่อไม่ได้รัก แต่พอนานวันเข้าพ่อก็เริ่มทำใจได้ พ่อรู้ว่าพ่อต้องเอาใจใส่แม่ของลูกให้ดีที่สุดเท่าที่พ่อจะทำได้ จนวันที่ลูกเกิด พ่อก็รักลูกตั้งแต่วินาทีนั้น พ่อคิดว่าเราคงจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นได้ ทุกอย่างมันคงจะไปได้ด้วยดี ลูกที่น่ารัก ครอบครัวของพ่อเอง...มันดูมีความสุขนะ’
‘แล้วทำไม...สุดท้ายพ่อถึงจากเราไปครับ...’ ผมถามพ่อกลับ แล้วพ่อก็ถอนหายใจ
‘ฟี่ อย่าลืมนะลูกว่าพื้นฐานของพ่อกับแม่ไม่ได้เกิดจากความรัก มันเป็นความรับผิดชอบที่มีต่อตัวลูก ถึงพ่อจะรักลูกแค่ไหน แต่พ่อก็ไม่เคยรักแม่ของลูกได้อย่างสุดหัวใจเสียที และแม่ของลูกคงรับรู้ได้ว่าพ่อไม่เคยรักเธอเลย จนมันถึงจุดแตกหัก เราทะเลาะกันทุกวัน พูดคุยดีๆได้แค่สองสามคำก็เถียงกัน พ่อพยายามแล้ว พยายามอดทน แต่มันก็ทนไม่ไหว จนพ่อต้องเป็นฝ่ายแยกตัวออกมา พ่อคิดว่าถ้าเราห่างกันบ้างทุกอย่างคงดีขึ้น แต่เอาเข้าจริงพอกลับมาใกล้กัน มันก็เป็นเหมือนเดิมอีก’

ตอนที่พ่อเล่านั้น ผมก็พลันคิดขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง... ที่เขาบอกว่า คนไม่ใช่ ยังไงมันก็ไม่ใช่สินะ..

‘ลำพังแค่มีลูก มันก็ทำให้พ่อเลือกแม่ของลูกได้นะฟี่ แต่ปัญหามันอยู่ที่พ่อกับแม่ของลูกทะเลาะกันตลอดเวลา แม้จะพยายามแค่ไหนเราก็เข้ากันไม่ได้ ความเห็นของเราขัดแย้งกันไปทุกเรื่อง พ่อคิดว่ามันคงเป็นเพราะพ่อกับแม่ยังไม่ได้รู้จักกันดีพอก็มีลูกเกิดมาแล้ว มันอาจฟังดูเหมือนพ่อไร้ความรับผิดชอบ แต่พ่อไม่เคยทอดทิ้งลูกเลยนะฟี่’
 
ผมนิ่งเงียบ ลำพังสมองของเด็กวัยรุ่นเลือดร้อนในตอนนั้นคงยังไม่เข้าใจอะไรแจ่มแจ้งนัก แต่ผมก็ลองพยายามคิดอย่างเป็นกลาง ว่าถ้าผมเป็นพ่อ ผมก็คงไม่ทนเหมือนกัน แต่ว่าผมเป็นลูกแม่ และผมต้องเห็นความโศกเศร้าของแม่มาตั้งแต่เกิด ผมจึงยังไม่อาจสนิทใจได้เท่าไรนัก

‘แล้วพ่อ...เจอกับอาผึ้งได้ยังไงครับ’  ผมรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที พ่อดูรักเธอเสียมากมายในขณะที่ไม่รู้สึกรักแม่สักนิดอย่างนั้นเหรอ? พอผมถามออกไป พ่อก็มองผมยิ้มๆก่อนจะเล่าให้ฟัง
‘พ่อรู้จักกับอาผึ้งมาตั้งแต่ตอนที่ลูกยังอยู่ในท้องแม่ของลูกเลย เราทำงานพิเศษตอนเรียนมหา’ลัยที่เดียวกันน่ะ ผึ้งเขาเป็นผู้หญิงที่เฮฮา น่ารัก นิสัยดี เราสองคนสนิทกันมาก แต่ก็ไม่เคยก้าวข้ามคำว่าเพื่อนไป เพราะผึ้งเองก็รู้ว่าพ่อมีลูกแล้ว แต่พอช่วงที่พ่อเริ่มระหองระแหงกับแม่ของลูกและพ่อแยกห่างออกมา ผึ้งก็เข้ามาในชีวิตพ่อ ดูแล ให้คำปรึกษาพ่อเสมอ เธอไม่เคยคาดหวังมากไปกว่าการเป็นเพื่อนเลย’ พ่อหยุดพูดแล้วหลับตา ดุเหมือนพ่อกำลังดึงเอาความทรงจำในตอนนั้นกลับมา พ่อดูผ่อนคลายและมีความสุขที่สุดเวลาที่มีเรื่องของอาผึ้งมาเกี่ยวข้อง.. ทำไมที่ผ่านมาผมไม่เคยสังเกตเห็นเลยนะ
‘แต่ในที่สุดพ่อก็ตกหลุมรักเธอจนได้...พ่อรักเธออย่างที่ไม่เคยรักใครมาก่อน พ่อดึงรั้งและผูกมัดผึ้งไว้กับพ่อ ทั้งๆที่ผึ้งมีโอกาสจะได้เจอผู้ชายที่ดีและไม่มีพันธะ แต่พ่อก็ตัดโอกาสของผึ้งไปหมด’ พ่อพูดแล้วก็นั่งซบหน้ากับฝ่ามือ ผมเองก็เงียบ พูดอะไรไม่ออก ไม่รู้ว่าจะให้ใครผิดหรือใครถูกดี
‘ฟี่ พ่อไม่หวังให้ลูกให้อภัยพ่อนะ แต่พ่ออยากให้ลูกรู้ไว้ ว่าการที่พ่อเลิกกับแม่ ไม่ได้แปลว่าพ่อเลิกเป็นพ่อของลูก ยังไงฟี่ก็เป็นลูกพ่อ และพ่อต้องดูแลฟี่ให้ดีที่สุด’

เพียงเท่านั้นก็พอแล้ว... ผมยิ้มให้พ่อได้ ผมรู้แล้วว่าไม่ว่าพ่อกับแม่จะเป็นยังไงก็ตาม สิ่งสำคัญคือท่านรักผม ผมไม่มีสิทธิ์ที่จะไปตัดสินได้ว่าพ่อผิด แม่ถูกทิ้ง เพราะบางทีเรื่องราวมันอาจไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น พ่อไม่ได้ทิ้งแม่ เพราะพ่อยังไม่เคยรักแม่เลยด้วยซ้ำ ระหว่างพ่อกับแม่เหมือนจะมีเพียงผมที่เชื่อมท่านทั้งคู่เอาไว้ ตอนนี้ผมสงสารแม่ที่แม่ไม่เคยรับความจริงที่เกิดได้ สงสารที่แม่เอาแต่โทษพ่อ สงสารพ่อที่ไม่อาจประคองครอบครัวของเราไว้ และสงสารที่สุดคืออาผึ้ง ผมไม่เคยรู้เลยว่าอาผึ้งต้องทนแบกรับความรู้สึกผิดมาเป็นสิบปี...   

พ่อเสียชีวิตหลังจากนั้นไม่นาน พ่อป่วยเป็นนิวมอเนีย วาระสุดท้ายของพ่อมีอาผึ้งคอยกุมมือพ่อไว้แน่น ผมมองเห็นอณูความรักแผ่ออกมาจากคนทั้งสอง แม้ตอนนั้นพ่อจะไม่ได้สติ แต่ผมก็รู้สึกว่าพ่อจับมืออาผึ้งไว้แน่น อาผึ้งเองก็นั่งเงียบๆแต่มีน้ำตาไหลตลอดเวลา จนตอนที่ชีพจรของพ่อหยุดลงเธอก็ไม่ฟูมฟาย มีเพียงน้ำตาที่ไหลมากขึ้นกว่าเดิม อาผึ้งเดินมากอดผมตอนที่นำร่างของพ่อไปที่โบสถ์ ผมกอดเธอตอบแล้วผมก็ร้องไห้

ในงานศพของพ่อ อาผึ้งดูสวยเหลือเกิน ผิวขาวซีดของอาผึ้งและร่างเล็กบอบบางเหมือนตุ๊กตากระเบื้องชั้นดีที่พร้อมจะแตกหักลงทุกเมื่อ อาผึ้งจ้างช่างสลักคำไว้อาลัยบนป้ายหลุมศพของพ่อ คำไว้อาลัยของอาผึ้งทำให้ผมรู้สึกปวดร้าวจนถึงที่สุดที่เคยดูถูกว่าอาผึ้งเป็นเพียงผู้หญิงที่แย่งสามีคนอื่น... เพราะความรักของอาผึ้งนั้นล้นเหลือ

‘ผึ้งขอกล่าวลากับคุณเป็นครั้งสุดท้าย คุณอุ่นผู้เป็นที่รักของผึ้ง คุณอุ่นที่ทำให้โลกของผึ้งสดใสเสมอ คุณอุ่นที่ทำให้ผึ้งรู้ว่าการรักใครจนสุดหัวใจมันเป็นยังไง ผึ้งรู้ดีว่าความรักของเรานั้นมีคนมากมายที่ไม่เห็นด้วย และมีคนมากมายที่คิดว่าผึ้งเป็นคนไม่ดี แต่ผึ้งไม่เคยสนใจคำพูดพวกนั้นเลยค่ะ คุณอุ่นรู้ไหมว่าวินาทีที่คุณอุ่นจับมือผึ้งแล้วบอกว่าจะอยู่กับผึ้งไปจนชั่วชีวิตของคุณ หัวใจของผึ้งก็เป็นของคุณอุ่นไปโดยดุษฎี ผึ้งฝากหัวใจ ฝากร่างกายและความรักไว้ที่คุณอุ่นจนหมดแล้ว ผึ้งขอให้คุณอุ่นหลับให้สบาย ผึ้งจะดูแลฟี่เองค่ะ’

เสร็จจากพิธีฝัง เพื่อนสนิทหลายคนของอาผึ้งก็เดินเข้าไปโอบประคองอาไว้ แต่อาผึ้งเลือกเดินมาหาผม และกล่าวคำสัญญากับผม

‘อาจะดูแลฟี่เองนะลูก’

ผมพยักหน้ารับและจับมืออาผึ้งไว้ ผมยอมรับเธอเป็นครอบครัวของผมเต็มตัว ผมเดินไปโยนกุหลาบลงในหลุมของพ่อและเฝ้ามองตอนที่เขาเอาดินกลบไปในหลุม มีขณะหนึ่งที่ผมได้ยินเสียงอาผึ้งพูดเบาๆไปกับสายลม

‘ผึ้งจะตามคุณไปสักวันหนึ่งนะคะ...’

ผมกระชับมืออาผึ้งแน่น นั่นเพราะผมไม่อยากให้อาจากไปไหน...



กลับมาที่ปัจจุบัน ผมนั่งกอดเอวอาผึ้งไว้แน่น น้ำตาผมไหลจนมันแทบไม่เหลือ แต่ผมก็ยังอยากร้องไห้ไปเรื่อยๆ มือนุ่มของอาผึ้งลูบหลังผมอ่อนโยน
“ฟี่...ฟี่กำลังเจอเรื่องเหมือนกับที่อาเคยเจอใช่ไหมลูก..” ผมไม่ตอบอา แต่ผมพยักหน้ากับไหล่ของอาเบาๆ อาผึ้งขยับจากแผ่นหลังมาลูบหัวผม
“ฟี่ไม่รู้จะทำยังไงครับ ทุกอย่างมันมืดมัวไปหมด ผู้ชายคนนั้นเขาก็ได้พูดอะไรให้กระจ่าง ทุกอย่างมันคลุมเครือไปหมด” ผมพูดไปสะอื้นไป มันเหมือนว่าพอผมได้กอดอา ทุกอย่างในใจผมก็พรั่งพรูออกมาหมด
“เขาทำเหมือนว่าฟี่เป็นคนสำคัญ เขาให้เกียรติและเทคแคร์ แต่ฟี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจริงๆแล้วเขารู้สึกยังไงกับฟี่ แม้กระทั่งมุมมองในด้านความรักของเพศเดียวกันเขาก็ไม่เคยพูดถึง ผู้ชายที่เคยมีภรรยาและมีลูกจะมาสนใจผู้ชายด้วยกันงั้นเหรอครับ ฟี่กลัวไปหมดเลย จะเดินหน้าต่อก็เจ็บ จะอยู่กับที่ก็เจ็บเหลือเกินครับอาผึ้ง...”

“ใจเย็นๆนะลูก... เราอย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ ถ้าเกิดว่าฟี่ยังไม่รู้ความรู้สึกของเขา ทำไมฟี่ไม่ลองถามดูละ ถ้าไม่ว่าเลือกทางไหนก็เจ็บ ทำไมฟี่ไม่เลือกเจ็บแต่ได้รับรู้ อย่างน้อยฟี่ก็จะได้รับรู้ความรู้สึกเขา ไม่ใช่ทนเจ็บไปโดยไม่รู้อะไรนะ” ผมมองหน้าอาผึ้งทั้งน้ำตา ที่อาผึ้งพูดมาก็ถูก แต่ผมไม่กล้า ผมมันขี้ขลาด ผมกลัวว่าจะสูญเสียความสัมพันธ์ที่มีอยู่ตอนนี้ไป
“อารู้ว่าฟี่กลัว คนๆนั้นเขาคงเป็นคนที่ฟี่รู้สึกดีด้วยมากเลยสินะลูก ฟี่ถึงได้ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม”
“ครับ... เขา...ทำให้ฟี่รู้สึกอะไรได้อย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับคนอื่น ไม่ว่าเมื่อไรการมีตัวตนของเขาก็ทำให้ฟี่หยุดหายใจได้เสมอ ทำให้โลกของฟี่หยุดหมุน ทำให้ฟี่ลอยละล่องเพราะความสุข...”
“แล้วฟี่จะยอมปล่อยคนที่ทำให้ฟี่รู้สึกดีขนาดนี้ไปอีกเหรอ บางทีมันอาจเป็นโอกาสของฟี่นะ อย่าปล่อยให้เรื่องอื่นมันเข้ามาขัดขวาง อย่างน้อยลองทำตามหัวใจดูสิลูก”
“แล้วภรรยากับลูกของเขาละครับ..”
“เรื่องนั้นถ้าฟี่อยากรู้ ฟี่ต้องถามเขานะ ฟี่ถามเขาเรื่องภรรยากับลูกของเขาก่อนสิ แล้วถ้าเกิดเขาบอกว่าเลิกกันแล้วจริงๆ ฟี่ค่อยบอกความรู้สึกออกไปก็ยังไม่สายนะลูก” อาผึ้งพูดกับผมอย่างอ่อนโยนและอ่อนหวาน เสียงใสๆนั้นปลอบประโลมหัวใจของผมให้แข็งแรงได้
“ครับ ฟี่จะลองดู แต่ถ้าเกิดว่าฟี่ต้องผิดหวัง ฟี่ขอรบกวนยืมบ่าของอาผึ้งไว้รักษาแผลใจได้ไหมครับ”
“ได้สิ อาให้ทั้งบ่าและที่พัก แถมอาหารสามมื้อเลยจ้ะ” อาผึ้งยิ้มกว้าง และผมก็ตัดสินใจจัดการกับเรื่องทุกอย่างได้ในวันนั้นนั่นเอง

เรื่องของอาผึ้งและพ่อ ถ้าผมไม่ได้โตมาจนป่านนี้ และไม่ได้เจอเรื่องเหล่านี้ ผมคงไม่มีทางเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เมื่อปัญหาเกิดขึ้นและเราไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ สิ่งสำคัญคือเราจะทำยังไงไม่ให้เรื่องมันแย่ลงไปต่างหาก จะทำยังให้เรื่องไม่เลวร้ายไปกว่าเดิม จะทำยังไงให้ประวัติศาสตร์ไม่ซ้ำรอยเดิม พ่อผมเลือกที่จะห่างกับแม่ เพื่อที่ผมจะได้ไม่ต้องโตมาโดยเห็นแต่ภาพพ่อแม่ทะเลาะกัน

ถ้าเพียงแต่ผมถามณัฐ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ผมคงได้รู้แน่ชัด...
 

----------------------------- To Be Continue -----------------------------

ปล.ไม่มีอะไรจะพูด รอฟังฟีดแบ็กค่ะ  :sad4:

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 12 (27/5/2011)
«ตอบ #133 เมื่อ27-05-2011 17:45:27 »

เฮ้อชีวิตหน๋อชีวิตมันเลือกไม่ได้จริงๆ
แงๆ ถ้าหัวใจมันสั่งได้ง่ายๆ ก็ดีเด้  :เฮ้อ:
 :กอด1:

ออฟไลน์ rellachulla

  • iiRita♥World Behind My Wall♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-8
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 12 (27/5/2011)
«ตอบ #134 เมื่อ27-05-2011 18:13:27 »

รวบรวมพลังลมปราณก่อนอ่าน ย๊ากกกกกกกกส์
เดี๋ยวมาเม้นนะคะ บีบี

ซิกๆ เค้าอ่อนไหวกับเรื่องครอบครัวจริงๆ :monkeysad:
ชีวิตรักของพี่กับอาผึ้งช่างคล้ายกัน
"อยากรักก้อต้องเสี่ยง ไม่อยากให้เธอเป็นเพียงภาพในความฝัน"
โฮๆๆๆ
ลองดูสักตั้งก้อดีฟี่ :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-05-2011 18:25:03 โดย rellachulla »

ออฟไลน์ -~iK@iZ_KunG~-

  • Tomorrow Never Die!!!
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-2
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 12 (27/5/2011)
«ตอบ #135 เมื่อ27-05-2011 21:30:23 »

มารอฟังคำตอบจากณัฐครับ

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 12 (27/5/2011)
«ตอบ #136 เมื่อ27-05-2011 21:33:27 »

โอ้วววว น้ำตาท่วมกระทู้ >"<
เป็นเหมือนกรรมเก่าจากรุ่นพ่อ ฮืออออ

natty _lovelove

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 12 (27/5/2011)
«ตอบ #137 เมื่อ27-05-2011 22:20:53 »

เฮ้อ  เศร้า ซึ้ง

น้ำตาท่วมจอ

stupidchild

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 12 (27/5/2011)
«ตอบ #138 เมื่อ27-05-2011 23:16:15 »

น่าสงสารออ่ะ เหมือนมันซ้ำรอยเดิม ให้ฟี่ได้เข้าใจความรู้สึกของผึ้ง

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 12 (27/5/2011)
«ตอบ #139 เมื่อ27-05-2011 23:52:06 »

 :o12:
นี่ละนะที่เรียกว่าความรัก
หวังว่าเรื่องของพี่จะเหมือนของอาผึ้งที่ได้เจอรักเดียวตลอดไปจริงๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 12 (27/5/2011)
« ตอบ #139 เมื่อ: 27-05-2011 23:52:06 »





A_ay

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 12 (27/5/2011)
«ตอบ #140 เมื่อ28-05-2011 23:39:29 »

เฮ้ออออ

อย่าเศร้านานเลยน้า
ความสุขมีไม่นาน  ความทุกข์ก็มีไม่นานเหมือนกันนะ :m15:

ออฟไลน์ yoyo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 12 (27/5/2011)
«ตอบ #141 เมื่อ29-05-2011 08:29:47 »

พึ่งเข้ามาอ่าน สนุกมากเลยจ้า
ภาษาดี อ่านได้อารมย์
รู้สึกอินตาม 

ท๊อฟฟี้น่ารักมากเลย :กอด1:

บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
ช่องว่างหมายเลข 13 Part I
«ตอบ #142 เมื่อ30-05-2011 12:11:34 »



Part I

ผมกลับมาจากบ้านอาผึ้งและแวะไปที่สุสานของพ่อ ผมเอาดอกไม้ไปวางบนหลุมศพพ่อ ลมพัดเอื่อยๆเหมือนเป็นคำอวยพรจากพ่อ... ว่าขอให้ผมกล้าพอที่จะทำตามหัวใจตัวเอง..

ตอนที่ผมนั่งรถตู้กลับมามันก็มืดแล้ว ไฟถนนข้างทางพอมองตอนกลางคืนก็สวยดี เวลานี้ผมใจสงบที่สุด เหมือนว่าอะไรๆก็ต้องไปได้สวย ผมหลับตาและภาวนากับพระเจ้าว่าขอให้ท่านอยู่เคียงข้างผม

พอถึงป้าย ผมก็ลงจากรถแล้วเดินเข้าซอย อากาศคืนนี้เย็นนิดๆ แล้วตอนที่ผมกำลังคิดว่าจะอาบน้ำดีหรือเปล่านั้น โทรศัพท์ผมก็สั่น ผมผุดยิ้มเมื่อลองเดาดูว่าใครจะโทรมา และเมื่อเห็นคนที่โทรมาผมก็ยิ้มกว้างกว่าเก่า เวลานี้ผมคิดถึงเขาเหลือเกิน...

/ฟี่ ว่างหรือเปล่า?/ ผมแปลกใจกับประโยคแรกของเขา แต่ผมก็ยังตั้งรับทัน
“อืม ว่างสิ ทำไมเหรอ”
/ไปนั่งรถเล่นกัน เดี๋ยวณัฐไปรับนะ/
“อะ..อือ” แล้วณัฐก็วางสายไปทั้งที่ผมยังงงๆ ณัฐยังไม่เคยมาที่บ้านผม ณัฐไม่ถามผมเลยเหรอว่าบ้านผมอยู่ซอยไหน? แล้วพอผมคิดสักพักโทรศัพท์ผมก็ดังอีกครั้ง ณัฐโทรเข้ามาถามทางผม ผมอดไม่ได้ก็เลยบอกเส้นทางไปหัวเราะไป

ผมย้อนกลับไปหน้าปากซอยเพื่อนั่งรอณัฐที่ป้ายรถเมล์ ผมนั่งคิดโน่นนี่ไปเรื่อยเปื่อย คิดถึงอาผึ้ง คิดถึงพ่อ คิดถึงณัฐ แล้วก็คิดว่านี่สวรรค์อาจจะให้โอกาสผม...
“สวัสดีครับ นั่งรอใครอยู่เหรอ” ผมเงยหน้าแล้วยิ้มให้คนที่มีวิธีทักทายแบบทะเล้นๆเสมอ ผมของณัฐเสยปัดไปด้านหลัง สงสัยคงขับมาอย่างเร็วเลยละสิ ทำไมกันนะ...ผมถึงรู้สึกเตลิดเปิดเปิงทุกครั้งที่เห็นใบหน้านี้...
“ทะลึ่ง” ผมตอบกลับไปยิ้มๆ ณัฐหัวเราะแล้วก็ส่งหมวกกันน็อกให้ผม พอสวมเสร็จแล้วผมก็ก้าวขึ้นไปซ้อนมอเตอร์ไซค์เขา
“เกาะแน่นๆนะฟี่ ณัฐจะบินไปละ” ณัฐเอื้อมมาดึงมือผมไปเกาะไว้ที่เอวเขา ผมยังจำความรู้สึกตอนนั้นได้แม่น มือของผมที่เกาะอยู่ที่เอวณัฐนั้นเกาะแน่นจนแทบจะฝังมือเข้าไปในท้องของณัฐ

นั่นเป็นสัมผัสแรกที่ผมได้ใกล้ชิดณัฐขนาดนั้น...

ทั้งมือของผมที่เกาะอยู่ที่เอวของณัฐ หน้าท้องของผมที่เกือบจะแนบไปกับแผ่นหลังของณัฐ ต้นขาของผมที่เบียดอยู่กับสะโพกของณัฐ คางของผมอยู่ใกล้ต้นคอของเขา กลิ่นแชมพูจากผมของณัฐโชยมาตามลม

พระเจ้า...ท่านกำลังทดสอบจิตใจของคนบาปอย่างผมเหรอครับ...

“โอ๊ะ!” เสียงณัฐอุทานเบาๆทำให้ผมรู้สึกตัว ผมฟุ้งซ่านจนเผลอจิกเล็บลงไปที่เอวณัฐ ผมลดแรงที่ปลายนิ้วลงแล้วตะโกนถามสู้กับลมที่พัดย้อนมา
“ขอโทษนะ เจ็บหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไรหรอก ไม่เจ็บครับ” ณัฐปล่อยมือจากแฮนด์มอเตอร์ไซค์แล้วมาดึงมือผมไปเกาะเอวเขาอีกรอบ
“ฟี่เกาะไว้สิ เดี๋ยวหล่นนะ” ผมไม่พูดอะไร แต่ในใจนึกประหม่า ซ้อนรถมาร้อยวันพันปีไม่เคยจะต้องเกาะแน่นแบบนี้ แล้วทำไมวันนี้ถึงบังคับให้ผมเกาะให้แน่นจังนะ...

“ฟี่ ขอมือหน่อย” ณัฐจอดรถที่ใต้สะพานแห่งหนึ่ง มือใหญ่นั้นยื่นมาตรงหน้าผม ผมมองมือณัฐ แล้วก็มองหน้าณัฐสลับไปมา
“ทำหน้างง ส่งมือมาสิ” พอณัฐพูดซ้ำผมเลยยื่นมือไปที่ณัฐ ณัฐคว้ามือผมไว้แล้วจูงผมเดินไป วันนี้เขาจะทำให้ผมเป็นแบบนี้สักกี่ครั้งกันนะถึงจะพอใจ ทั้งให้เกาะเอว ทั้งจับมือ...

เพื่อนที่ไหนเขาต้องจับมือกันเวลาเดินละ ยิ่งเป็นผู้ชายด้วยกันแล้ว...

เราทั้งคู่เดินขึ้นบันไดคอนกรีตมาจนถึงบนสะพาน ไฟถนนสีส้มเรียงรายอยู่บนทางเท้าบนสะพานข้ามแม่น้ำแห่งนี้ ดึกแบบนี้ไม่ค่อยมีรถ ภาพของผู้ชายสองคนที่คนตัวโตกว่าเดินนำหน้าแล้วจูงมือให้คนตัวเล็กตามหลัง ผมอดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้เลย...

“สวยมั้ยฟี่...” ผมพยักหน้าเมื่อมองไปบนผิวน้ำสีดำที่มีเงาสะท้อนจากแสงไฟบนสะพาน และมันยิ่งสวยมากขึ้น.. เมื่อมีคนเคียงข้างแบบนี้ ผมแอบมองเสี้ยวหน้าของณัฐ ผมหลงใหลทุกอย่างที่เป็นณัฐ ณ วินาทีนั้นผมเพิ่งจะรู้ตัวว่าผมมอบความรู้สึกให้ณัฐไปมากแค่ไหน  ผมไม่สามารถกลับหลังได้อีกแล้ว ถ้าผมไม่ก้าวต่อไป และปล่อยให้ทุกอย่างอยู่ที่เดิมผมคงเสียใจจนตาย อย่างน้อยถ้าผมต้องเจ็บ ก็ขอให้ผมได้กระจ่างใจดีไหม...

“ไปเที่ยวทะเลไหมฟี่?” ผมชะงักกึก อ้าปากยังไม่ทันจะได้ถามณัฐก็ชิงตัดหน้าเสียก่อน ณัฐหันมามองหน้าผมแล้วยิ้มให้
“ณัฐอยากไปที่ไหนละ” ผมตัดสินใจพักเรื่องที่จะถามไว้ก่อน ผมมันใจง่าย แค่เขาชวนใจผมก็ไถลตามไปแล้ว
“อืม...ที่ไหนดีละ เอาทะเลใกล้ๆสวยๆ”
“ไปเกาะล้านมั้ยละ” ผมเสนอ และนั่นละครับ...จุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดของเรา...




ปล.1 น้ำจิ้มค่ะ... รอจานหลักตอนเย็น...
ปล.2 ไอ้ฟี่ใจง่ายเนอะ... เหมือนคนแต่งเลย T T

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 13 Part I (30/5/2011)
«ตอบ #143 เมื่อ30-05-2011 13:02:21 »

ไม่ได้เข้าเล้าตั้งหลายวัน มาวันนี้ได้อ่านตั้งหลายตอน ดีจังเลย
ซ้าธุ..ไปเที่ยวคราวนี้ ขอให้เป็นการไปเจอความสุขสมหวังรออยู่ที่เกาะล้านนะฟี่


ปล.1 น้ำจิ้มค่ะ... รอจานหลักตอนเย็น...
ปล.2 ไอ้ฟี่ใจง่ายเนอะ... เหมือนคนแต่งเลย T T
ปล. ปล. ขอสนันสนุนให้ฟี่ใจง่ายจ้ะ ถ้าการใจง่ายนั้นทำให้เรามีความสุข รีบคว้าไว้ก่อนเลยจ้ะฟี่

ออฟไลน์ หมวยลำเค็ญ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 863
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-1
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 13 Part I (30/5/2011)
«ตอบ #144 เมื่อ30-05-2011 13:03:11 »

 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

อีโมข้างบนเหมือนจะน้ิอยไป ขอบ่นเพิ่มอีกนิด
ถามว่าน้องฟี่ใจง่ายไปมั้ย ตอบได้เลยว่าใช่ง่ะ
แต่ถ้าเป็นเรื่องจริง มนุษย์ส่วนใหญ่ก็เลือกทำตามความต้องการของตัวเองทั้งนั้น
ไม่ผิดหรอกที่น้องฟี่ ตัดใจจากณัฐไม่ได้ ตอนหน้าจะเคลียมั้ยคะ
ณัฐจะบอกควาทรู้สึกตัวเองหรือยัง ว่าที่ทำแบบนี้กับฟี่เพื่ออะไร แค่เหงาหรือเปล่า
ตอนที่แล้วทำน้ำตาอาบหน้า ตอนนี้สีเทาๆ ยังไม่จาก ตอนหน้าจะเป็นเทาปนชมพูได้หรือยังคะ  :L2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-05-2011 13:07:04 โดย หมวยลำเค็ญ »

natty _lovelove

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 13 Part I (30/5/2011)
«ตอบ #145 เมื่อ30-05-2011 13:12:47 »

บรรยากาศในตอนต่อไป จะไม่อึมครึมแล้วใช่ไหมคะ บีบีจัง

ออฟไลน์ rellachulla

  • iiRita♥World Behind My Wall♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-8
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 13 Part I (30/5/2011)
«ตอบ #146 เมื่อ30-05-2011 13:48:56 »

เอ้ออออ
สงสัยจะมีเหตุนะ
เราว่าณัฐแปลกๆ อ่ะ
ไม่รู้สิ ใจมันคิดแบบนั้น
รอจานหลัก แบบอิ่มอกอิ่มใจตอนเย็นจ้า อิอิ

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 13 Part I (30/5/2011)
«ตอบ #147 เมื่อ30-05-2011 16:12:24 »

ตกลงณัฐมันคิดอะไรมั๊ยเนี่ย

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 13 Part I (30/5/2011)
«ตอบ #148 เมื่อ30-05-2011 16:26:24 »

ทำไมเรามองในแง่ลบล่ะ ฮือออออออออออออออ
ไม่อยากให้เกิดเรื่องร้ายๆกับฟี่ T___T

บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
ช่องว่างหมายเลข 13 Part II
«ตอบ #149 เมื่อ30-05-2011 17:19:44 »

Part II
(**หมายเหตุ ตัวละครในสถานที่นี้เป็นตัวละครสมมตินะคะ)

“ล็อกบ้านเรียบร้อยแล้วนะฟี่” ณัฐหันมาถามผม ผมพยักหน้าแล้วตรวจตราความเรียบร้อยในบ้านเป็นรอบที่สาม ประตูหน้าต่างล็อกเรียบร้อยแล้ว รถมอเตอร์ไซค์ของณัฐจอดคู่กับคันของผมอยู่ตรงที่จอดรถโดยมีโซ่คล้องไว้อีกชั้น ผมคล้องกุญแจประตูบ้านแล้วล็อกอย่างแน่นหนา

เราตกลงกันว่าจะออกเดินทางตอนหกโมงครึ่ง ณัฐขับมอเตอร์ไซค์มาจอดที่บ้านผมตอนตีห้าแล้วโทรปลุกผมอยู่สิบห้านาทีกว่าผมจะได้ยินเสียงโทรศัพท์ พอผมตื่นก็จัดหามื้อเช้าให้ณัฐกินระหว่างรอผมอาบน้ำ พอหกโมงครึ่งเราก็ออกจากบ้านเพื่อไปขึ้น
รถตู้ไปแหลมบาลีฮายเพื่อข้ามไปเกาะล้านอีกที

หลังจากวันนั้นที่เรามีความคิดว่าจะไปเที่ยวกันผมก็มาหาข้อมูลที่พักแล้วจองเสร็จสรรพ ทริปแบบด่วนจี๋ช่างน่าตื่นเต้น เพราะเราสองคนจะได้ลุ้นกันว่าที่พักจะเป็นยังไง ทะเลจะสวยไหม เราสองคนไม่เคยไปเกาะล้านกันทั้งคู่ จึงยิ่งน่าลุ้นเข้าไปใหญ่

พอได้ขึ้นรถตู้เราสองคนก็หลับไปตามระเบียบ หัวผมพิงอยู่ที่ไหล่ของณัฐ ผมหลับยาวไปจนถึงตัวเมืองพัทยาแล้วสะดุ้งตื่น มองไปข้างทางเริ่มเห็นทะเล แสงแดดเจิดจ้าเหมาะแก่การมาเที่ยวทะเล ณัฐหันมามองผมแล้วยิ้ม ทำไมเขาชอบยิ้มนักนะ... ใจผมมันสั่นรู้ไหม...
“ฟี่พิงไหล่ณัฐซะนานเลย เมื่อยหรือเปล่า”
“ไม่เมื่อยหรอก ถ้าเมื่อยจริงๆก็ให้ฟี่นวดให้ ได้มั้ย?” ผมก้มหน้า สถานการณ์ตอนนี้มันเหมือนเกินไปแล้วนะ...มันเหมือนแฟนกันเกินไปแล้ว..

นั่งรถตู้กันอีกพักหนึ่งก็ถึงท่าเรือแหลมบาลีฮาย เราทันขึ้นเรือตอนสิบโมงพอดี เรือที่นำผู้โดยสารไปส่งที่เกาะล้านเป็นเรือลำใหญ่ที่โคลงเคลงไปตามแรงคลื่น ตอนเดินขึ้นไปผมแอบหวาดเสียวนิดๆ แต่มือของณัฐที่กุมมือผมไว้แน่นนั้นมันก็ทำให้ผมรู้สึกมั่นใจมากขึ้น เรือใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงเกาะ น้ำทะเลสีฟ้าใสเห็นถึงข้างใต้ ผมเริ่มรู้สึกตื่นเต้นเพราะอยากจะเล่นน้ำ ณัฐเองก็ดูอารมณ์ดีไม่แพ้กัน

พอไปถึงท่าเรือหน้าบ้านก็มีรถของรีสอร์ทมารับ เจ้าของรีสอร์ทเป็นคนขับรถมารับเอง เขาดูยังอายุน้อยแถมยังอัธยาศัยดีจนผมพูดคุยได้อย่างออกรส ระหว่างที่ไปเช็คอินเขาก็แนะนำร้านอาหารและหารถมอเตอร์ไซค์ให้หนึ่งคัน เพราะว่าที่เกาะล้านนักท่องเที่ยวมักจะใช้มอเตอร์ไซค์ในการเดินทางไปหาดต่างๆครับ ผมกับณัฐซื้อของสดมาจากบนชายผั่งเพื่อจะทำอาหารทะเลกินกันเอง แล้วที่รีสอร์ทมีเตาปิ้งย่างไว้ให้บริการด้วย โชคดีชะมัด

“ฟี่ เอาของไปเก็บก่อนเถอะ แล้วค่อยไปเล่นน้ำ” ณัฐบอกผมที่กำลังคุยกับเจ้าของรีสอร์ทอย่างเพลิดเพลิน อ้อ! ผมลืมบอกไป เจ้าของรีสอร์ทชื่อคุณแซนด์ครับ คุณแซนด์มองหน้าผมกับณัฐสลับกันแล้วก็เลยถามขึ้นมา
“คุณสองคนเป็นแฟนกันเหรอครับ?” ผมจุกเลยครับ เขินชิบเป๋ง แต่ก็รีบบอกปัดไปว่าไม่ใช่
“อ้าว ยังงั้นเหรอครับ ถึงว่าถ้าเป็นแฟนกันทำไมจองห้องเตียงคู่ ฮ่าๆ” คุณแซนด์ยิ้มกว้าง ผมเองก็ยิ้มตอบไป ใจหนึ่งผมก็อยากจะบอกครับว่าเป็นแฟนกัน แต่มันไม่ใช่นี่นะ.. เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ผมต้องทำใจรับเรื่องนี้ให้ได้ เพราะณัฐเองก็มักจะแนะนำกับคนอื่นว่าผมเป็นเพื่อน แต่วันนี้ผมไม่อยากได้ยินจากปากณัฐครับ ว่าเราเป็นเพื่อนกัน ผมจึงชิงตอบเสียเอง ผมขอเจ็บเพราะปากผมเองดีกว่าครับ...
“งั้นเดี๋ยวผมช่วยคุณฟี่หิ้วกระเป๋าไปนะครับ” คุณแซนด์เอื้อมมือมาจะช่วยผมยกกระเป๋า พอจะบอกว่าไม่เป็นไร ก็มีคนที่ไวกว่าผมครับ
“ไม่ต้อง ผมหิ้วให้ ‘เพื่อน’ เองได้ครับ” ณัฐคว้ากระเป๋าไปจากมือผมแล้วใช้อีกมือที่ว่างคว้ามือผมไว้
“ขอตัวก่อนนะครับคุณแซนด์” ณัฐพยักหน้าให้คุณแซนด์แล้วลากผมไปที่ห้อง ผมเองก็เหวอไปกับท่าทีของณัฐจนไม่ทันได้สังเกตสายตาของคุณแซนด์ที่มองตามมา

“โห ห้องน่ารักเป็นบ้า” ผมอุทานด้วยความตื่นเต้น ก็ห้องนี้น่ะเป็นห้องแบบยกพื้นที่ยื่นไปตรงทะเล ห้องที่ใช้ไม้ในการสร้างให้อารมณ์เหมือนอยู่บ้านต่างจังหวัดเลย
“เตียงเดี่ยวสองเตียง?” ผมหันไปตามเสียงที่พูดขึ้นมา ณัฐยืนมองเตียงทั้งสองนิ่ง ผมเดินเข้าไปใกล้แล้วสายตาสงสัยว่าณัฐไม่พอใจอะไรหรือเปล่า
“ไม่มีอะไรหรอก” พอผมถามณัฐก็แค่ส่ายหัวแล้วยิ้มกลับมา ณัฐเดินเอากระเป๋าไปวางไว้ตรงมุมห้อง ผมเองก็รื้อกระเป๋าตัวเองออกมาและหยิบเสื้อผ้าใส่ไม้แขวนเข้าตู้ พอจัดของๆตัวเองเสร็จผมก็หันไปหาณัฐ
“ให้ฟี่จัดของให้มั้ย”
“ไม่เป็นไร”
“เอาเถอะ ยังไงฟี่ก็ทำของตัวเองเสร็จแล้ว” ผมลากกระเป๋าณัฐมาแล้วลงมือเอาเสื้อผ้ามาแขวน เสื้อผ้ามีกลิ่นของณัฐทุกตัว ผมเหลือบไปเห็นณัฐกำลังตั้งใจมองวิวนอกหน้าต่าง ผมเลย...

แอบดมกลิ่นเสื้อของณัฐครับ...มันหอมเป็นบ้า...ฮ้า...กลิ่นของณัฐ

“ทำอะไรน่ะฟี่..” เสียงทุ้มนุ้มข้างหุทำผมสะดุ้งเฮือก ผมทำหน้าไม่ถูกเลยครับตอนนี้ มันเหมือนเด็กแอบกินขนมแล้วโดนคุณครูจับได้ ผมไม่รู้ว่าผมจะอายดี จะตกใจดี หรือจะกังวลดี
“ณัฐถามว่าฟี่ทำอะไรครับ” โฮ....... คราวนี้ไอ้ฟี่ตายแน่ครับ ณัฐจะทำหน้ายังไง ณัฐต้องโกรธ ณัฐต้องรังเกียจผมแน่เลย
“อ๋อ.. เอ่อ...คือกลิ่นมันหอมดี ฟี่เลยสงสัยว่าณัฐใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มอะไรน่ะ” ผมตอบโดยไม่หันไปมองณัฐ
“เหรอ... ถ้าอยากรู้ก็ถามณัฐก็ได้นี่ จะไปดมทำไม”
“....” ผมอึ้งเลย พูดไม่ออก จะให้เหตุผลว่าอะไรดีวะเนี่ย จะบอกว่าผมจมูกเทพ แค่ดมก็แยกแยะยี่ห้อได้งั้นเหรอ คนนะ ไม่ใช่หมา หรือจะบอกไปตามตรงว่าผมอยากดมกลิ่นณัฐ?  สงสัยแบบนั้นคงได้กลับบ้านแน่
“ฟี่จะไปดมเสื้อทำไม ณัฐอยู่นี่ทั้งคน... มาดมที่ตัวณัฐไม่ดีกว่าเหรอ”  !?! หา??? อะไรนะ ผมฟังผิดเหรอ?
“!?!” พอผมจะหันไปถามณัฐก็สะดุ้งเฮือกเพราะณัฐอยู่ใกล้ผมมากทีเดียว ใกล้ขนาดที่ว่าพอผมหันไปปากเราสองคนก็เกือบแตะกันน่ะครับ
“มานี่มา” ณัฐพูดแค่นั้นแล้วตัวผมก็ลอยเลยครับ ลอยหวือขึ้นมาเพราะถูกอุ้ม ใช่เลย ผมถูกอุ้มเหมือนเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ผมเหลือบมองแขนของณัฐที่มีกล้ามขึ้นเพราะใช้แรง คางของณัฐที่มีไรหนวดจางๆ ณัฐดูสมเป็นผู้ชายขนาดนี้เลย มันจะดีแค่ไหนกันถ้าเขากอดผมไว้ด้วยมือที่แข็งแรงทั้งสองข้างนั้น...
“ณัฐ ทำอะไรน่ะ!” แต่ผมก็ต้องหยุดความคิดอกุศลไว้แค่นั้นเมื่อณัฐโยนผมลงบนฟูก ต้องใช้คำว่าฟูกครับ เพราะว่าผมเลือกจองห้องที่ไม่มีเตียง ผมไม่ชอบนอนเตียงเท่าไรเพราะผมนอนดิ้น กลัวว่าจะตกเตียงเอาน่ะครับ
“อยากกอด”

“กอดได้ไหม”
สงสัยว่าณัฐยังกลัวผมอึ้งไม่พอ พ่อเจ้าประคุณเลยถามซ้ำอีกรอบ รูปการณ์ตอนนี้มันล่อแหลมมากครับ เราสองคนอยู่บนฟูกนุ่มนิ่ม ผมอยู่ด้านล่าง มีณัฐคล่อมอยู่ด้านบน เพื่อนกันเขาไม่ใกล้ชิดกันขนาดนี้ ใช่ไหมครับ!!!

“เอ่อ.. ถ้าอยากกอดก็บอกดีๆ ไม่เป็นต้องลากมาบนที่นอนแบบนี้เลย” พระเจ้า ผมพูดอะไรออกไปวะครับ!
“ณัฐอยากนอนกอดนี่ ไม่ได้เหรอ” แล้วณัฐก็ทำหน้าเศร้า ผมเองกำลังสงสัยว่าตัวเองจะโดนเด็กใช้ใบหน้าหล่อๆมาล่อลวงให้ติดกับหรือเปล่า ไอ้ใจของผมมันก็ง่ายครับ หวั่นไหวอ่อนยวบไปหมดแล้ว
“ได้สิ...” พอผมบอก ณัฐก็ล้มตัวลงมานอนข้างๆแล้วกอดผมไว้แน่น ผมรับรู้ว่าจมูกของณัฐสูดดมกลิ่นจากตัวผม แขนแข็งแรงของณัฐกอดรัดผมแน่นขึ้นๆ จนสุดท้ายผมก็ยกแขนโอบณัฐไปพร้อมกัน...ผมใจง่ายว่ะ... แต่ ณ เวลานี้ ไม่ว่าใครก็คงอยากทำตามที่ใจเรียกร้อง...

“ฟี่...” ณัฐถามผมเสียงเบา เรายังคงกอดกันอยู่อย่างนั้น หน้าผมซุกอยู่กับอกของเขา ผมจึงต้องผงกหัวขานรับแนบอกณัฐ
“หืม?”
“อย่าไปคุยกับไอ้เจ้าของรีสอร์ทมากนักนะ”
“หา? ทำไมล่ะ เขาก็ออกจะดูเฟรนด์ลี่” คุณแซนด์ใจดีนะครับ อุตส่าห์อาสาว่าจะให้เด็กที่รีสอร์ทปิ้งพวกอาหารทะเลที่ผมซื้อมาให้ระหว่างที่ผมไปเล่นน้ำ พอผมกลับมาจะได้กินพอดี
“ณัฐไม่ชอบที่มันมองฟี่” ผมขมวดคิ้ว ณัฐต้องการจะสื่ออะไรของณัฐ?
“อ้าว ก็คุยกันมันก็ต้องมองหน้าสิ ไม่มองหน้าจะให้มองก้นเหรอ” ผมพูดกลั้วหัวเราะ บางทีณัฐก็ทำอะไรพิลึกๆดีนะครับ
“ก็ลองให้มันมองก้นฟี่ดูสิ!” ง่า...ผมพลาดครับ ณัฐไม่ขำตาม แถมยังขยับตัวมาคล่อมผมเหมือนตอนแรกแล้วแถมออพชั่นเสริมโดยการล็อกแขนสองข้างของผมไว้แน่น หน้าหล่อๆขมวดคิ้วทำหน้าบึ้ง
“ณัฐเป็นอะไรน่ะ ไม่พอใจอะไรก็บอกสิ?” ผมเริ่มสับสนว่าณัฐเป็นอะไรกันแน่ ร้อยวันพันปีณัฐไม่เคย...เอ่อ...งี่เง่าแบบนี้
“ณัฐไม่อยากให้คนอื่นมองฟี่นี่ ไม่อยากให้คนอื่นมาเจ๊าะแจ๊ะกับฟี่”
“ณัฐต้องการจะสื่ออะไร ฟี่ไม่เข้าใจ” ผมถามณัฐเสียงสั่น ผมเริ่มจับต้นชนปลายไม่ถูก ณัฐเองก็ขมวดคิ้วแล้วทำหน้าเศร้า
“ณัฐหวงของณัฐนี่นา...ไม่อยากให้คนอื่นมาเจ๊าะแจ๊ะด้วย..”

“หวง?” ผมทวนคำถามอีกรอบ หวงที่มีความหมายในภาษาอังกฤษว่า  ‘Jealous’ งั้นเหรอครับ...
“ใช่”
“ณัฐหวงฟี่ทำไม...” เสียงผมมันสั่นแล้วครับ ผมกำลังจะร้องไห้... ณัฐทำให้หัวใจของผมเตลิดไปแบบกู่ไม่กลับแล้ว ณัฐแกล้งผมงั้นเหรอ? ต้องใช่แน่ๆ เพราะณัฐยิ่งชอบแกล้งผมอยู่  คงเห็นผมทำตัวไม่ถูกแล้วสนุกสินะ...
“...” นั่นไง ณัฐไม่ตอบครับ ณัฐเงียบ น้ำตาผมก็ไหล ณัฐแกล้งผม...
“ฟี่ ไม่เอานะ...ไม่ร้อง อย่าร้องไห้...” ณัฐใช้นิ้วป้ายน้ำตาให้ผม แต่ความเศร้าของผมมันก็มากจนผมกลั้นไม่ไหว มันเหมือนว่าผมกำลังขึ้นสวรรค์ กำลังจะบินโผล่พ้นจากเมฆขึ้นไปอยู่แล้วก็ถูกถีบกลับลงมา ณัฐเกลียดผมมากหรือไงนะถึงต้องแกล้งให้ผมดีใจแบบนี้...
 “อ๊ะ...อย่า...” ผมดันหน้าณัฐออก จากที่ใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาบนแก้มผม ณัฐก็เปลี่ยนมาจูบเบาๆ จูบที่ใช้ริมฝีปากแตะอย่างอ่อนโยน ถ้าเป็นปรกติผมคงจะหวั่นไหวไปกับสัมผัสนี้ที่ณัฐกำลังทำ แต่ตอนนี้ผมเสียใจ ผมถูกปั่นหัว ณัฐคงเห็นผมเป็นของเล่น ผมเบี่ยงตัวให้ออกมาจากอ้อมแขนของณัฐแต่ก็สู้แรงเขาไม่ได้ ยิ่งผมขืนตัวออกมาเท่าไร เขาก็ยิ่งรัดผมไว้แน่น 
“ฟี่.. หยุดร้องเถอะนะ ณัฐขอโทษ” ผมส่ายหัว...ณัฐแกล้งผมเองแล้วจะมาขอโทษทำไมกัน...
“ณัฐขอโทษนะที่หวงฟี่... ขอโทษที่ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ...”

อะ
ไร
นะ
.
.
.
ผมฟังไม่ผิด? ณัฐไม่ได้ขอโทษที่แกล้งผม ณัฐขอโทษที่หวงผม เราเข้าใจกันคนละเรื่องงั้นเหรอ?
ณัฐไม่ได้แกล้งผม ผมแค่คิดไปเอง ที่จริงณัฐหวงผม ไม่อยากให้ผมคุยกับคุณแซนด์?

จะเป็นไรไหมถ้าผมจะขอบินขึ้นสวรรค์อีกรอบ...


----------------------------- To Be Continue -----------------------------

ปล. ยิ่งเขียนยิ่งมันส์ 555+


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด