เด็กชายเมษาชูตุ๊กตานินจาเต่าเหนือหัว เสียงเล็กร้องวี้ๆ จีบปากจีบคอเล่านิทาน “ไมกี้ ไมกี้บินไปหาลีโอ แล้วลีโอก็ชวนไมกี้กินเบอร์เกอร์”
โจชัวร์ถือตุ๊กตาเต่าอีกตัว “ลีโออยากกินพิซซ่า”
“ต้องสู้ชนะก่อนแล้วกินพิซซ่า”
“ตอ เต่าต้องกินผักบุ้งไม่ใช่เหรอ” จอชชี่ข้องใจ
“เมษเป็นเต่า เมษยังชอบเบอร์เกอร์เลย” เมษายืดพุงผึ่งผาย
“เมษเป็นเต่าที่กินเยอะม๊ากมาก” โจชัวร์นับนิ้ว พอสิบนิ้วมือมีน้อยกว่าของโปรดเพื่อนซี้เลยต้องงอตัว ยกเท้าขึ้นมานับด้วย “ม๊าก
มาก”
“กร๊าซ กร๊าซ” น้องเมษพ่นไฟ กระโดดขึ้นบนโซฟาแล้วร่อนไมกี้ ไมกี้ใหญ่ “จอชชี่เป็นกะปอมซิลล่า เหยียบตึกมาเลย”
เด็กชายโจชัวร์วิ่งตุบตับไปทางหน้าห้องแล้วชูสองมือข้างหู “กีส กีส”
“กร๊าซ กร๊าซ”
จอชชี่แยกเขี้ยวกะจุ๋มกะจิ๋ม แสดงเป็นสัตว์ประหลาดบุกโลก กะปอมซิลล่าต้องสู้กับเต่าไมกี้ เด็กชายเลยโถมตัวเข้าหาเพื่อน คว้า
น้องเมษกดลงบนเบาะ พออีกฝ่ายล้มตุบ เจ้าหนูเลยเอาก้นนั่งทับอกไว้ “ไมกี้แพ้เรา!”
“อี๊!” เมษาไม่ยอมรับเด็ดขาด ไอ้แสบดิ้นขลุกขลัก สบโอกาสเหมาะเอานิ้วจิ้มจึกที่พุงจอชชี่ อีกฝ่ายหัวเราะก๊าก เสียหลักกลิ้งโค
โล่ลงมาจากโซฟา
“ไมกี้ ไมกี้เคโอ!”
พฤษภาชะโงกหน้ามาจากในครัว “เล่นกันดีๆนะเด็กๆ” เขาเท้าเอว ถือไม้นวดแป้งไว้มือหนึ่ง ตามตัวมีผงแป้งสาลีติดเต็ม
น้องเมษตาลุกวาว “พ่อจ๋าจะทำพิซซ่า!”
กุ๊กหัวเราะ “ทำขนมปังต่างหาก”
โจชัวร์วิ่งเข้าไปหาพ่อพฤษภ์ กระโดดตุบๆชะเง้อคอมองที่เคาน์เตอร์ครัว ส่วนน้องเมษเดินไปลากเก้าอี้มาต่อขา ปีนขึ้นไปนั่งโต๊ะ
เพื่อจะได้เห็นถนัด
“เอ้าฮึบ” พฤษภาอุ้มจอชชี่ขึ้นมานั่งข้างเมษา “นั่งเฉยๆนะครับ”
พฤษภาร่อนแป้งสาลีในถุงใส่ชาม ผสมยีสต์ น้ำตาลทรายและน้ำเย็น ใช้สองมือคลุกเคล้าจนเข้ากันดีแล้วเริ่มนวด “วันนี้วันอะไรรู้
มั้ย” เขาชวนเด็กคุย
“วันเกิดหนู” น้องเมษชูสองมือ
“เกิดอยากจะกินน่ะสิ” กุ๊กหัวเราะ ใส่เนยขาวลงในส่วนผสมแล้วนวดต่อ เขาเติมสีผสมอาหารลงในแป้งที่แบ่งไว้เป็นส่วนๆด้วย
“อันนี้สีเขียว” โจชัวร์ชี้มือไปที่ถ้วย “สีชมพู สีแดง”
“ใช่แล้วลูก” เขานวดจนเนื้อเนียนทุกสี “พ่อจะทำกระทงขนมปัง”
“กินได้!” น้องเมษไม่เคยห่วงเรื่องอื่นเลยจริงๆ
“คนกินได้ ปลาก็กินได้จ้า” พฤษภารีดแป้งเป็นแผ่นกลมก่อนกรุใส่ชามที่ทาเนยไว้ทั่ว แป้งสีชมพูและแดงแบ่งเป็นก้อนละหนึ่ง
ร้อยกรัม ใช้ไม้นวดให้แผ่เป็นรูปรี กดแม่พิมพ์ทรงกลีบบัวจากนั้นใช้ส้อมถากเบาๆให้เป็นลวดลาย
“เห็นมั้ย เสร็จแล้วก็แปะ” เขาอวดลูก วางกลีบบัวสลับสีกันที่ฐานกลม “วางไปแค่นี้เอง” เขาบอกเมื่อเด็กสองคนสงสัยว่ามันจะติด
ได้ยังไงถ้าไม่ใช้กาว
แป้งที่เหลือรีดให้เป็นเส้นยาวแล้วขดลงบนฐานกระทงให้เป็นลวดลายดอกกุหลาบ ทาไข่ไก่เคลือบผิว เสร็จสรรพเอาเข้าเตาอบ
“ยังไม่มีสีเขียวเลย” น้องเมษท้วง
“พ่อจะพาไมกี้ ไมกี้กับลีโอไปลอยน้ำ” พฤษภาอมยิ้ม ปั้นแป้งสีเขียวเป็นหนึ่งก้อนกลมใหญ่และอีกห้าก้อนกลมเล็ก “มีหางด้วย นี่
ไง” เขาติดทุกส่วนเข้าด้วยกัน เป็นหัว ขาทั้งสี่ และหางอีกหนึ่ง ใช้ไม้แหลมจิ้มเป็นรูปตากับปาก ทาช็อคโกแลตลงไปในเบ้าตา
พร้อมกรีดลายกระดองที่หลัง
“จอชชี่เอาสีอะไรครับ” เขาถามลูก
“สีฟ้าฮะ” โจชัวร์แตะมือไปที่ถ้วย “เต่าลีโอสีฟ้า”
“โอเค” พฤษภาจัดให้ตามคำขอ ทำเหมือนไมกี้ของน้องเมษทุกอย่าง เว้นแต่เปลี่ยนสีเท่านั้น แป้งที่เหลือเขาใช้ปั้นเป็นหนูตะเภา
ตัวเล็กกับตัวใหญ่
..เอาไว้ใส่ลงในกระทงคู่กัน..
เด็กๆนั่งจ้องหน้าเตาอบอยู่พักใหญ่ พอมีเสียงปิ๊ง ต่างฝ่ายต่างกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ กุ๊กเดินเข้ามาในครัวพร้อมกับ
วางดอกดาวเรืองและธูปเทียนลงบนโต๊ะ สวมถุงมือกันร้อนแล้วเปิดเตาออก
ควันร้อนลอยฉุยออกมาจากขนมปังอบใหม่ กลิ่นหอมกรุ่นทำเอาน้องเมษท้องร้องโคร่ก แต่ดูเหมือนความอยากกินจะถูกกลบด้วย
ความตื่นเต้น
“ว้าว!” เจ้าหนูน้อยทั้งสองตาลุกวาว
ขนมปังรูปแบนแต๊ดแต๋เมื่อตอนก่อนหน้ากลายเป็นขนมปังเนื้อฟูฟ่อง ฐานทรงกลมพองขึ้นมาเป็นรูปดอกไม้ กลีบบัวบานสีแดงและ
สีชมพูกลายเป็นทรงโค้ง เกสรตรงกลางเหมือนลายกุหลาบ เนื้อขนมแวววาวอย่างน่ากิน
ที่สำคัญ ขนมปังทรงประหลาดของพ่อจ๋าถูกเนรมิตให้กลายเป็นเต่าไมกี้และลีโอกำลังยิ้มเผล่มาให้ ลูกตากลมป๊องเป็นสีช็อคโก
แลต
“เย้!” น้องเมษดีใจใหญ่ ปรบมือแปะๆลั่นบ้าน
“จอชชอบจังเลย” โจชัวร์เอาเต่าลีโอมาวางบนหัว “ลอยได้มั้ยฮะ”
“ลอยได้จ้า แต่ต้องรอเย็นนี้ก่อนเนอะ” เขาอมยิ้ม วางขนมปังหนูตะเภาสองตัวลงในกระทงดอกไม้ ตกแต่งด้วยดาวเรืองและ
กุหลาบ
“แด๊ดดี้จะไปด้วยใช่มั้ยฮะ” จอชชี่ตื่นเต้นมาก
“เดี๋ยวพ่อโทรไปหาแด๊ดก่อนนะ”
......
เลขาวัยดึกเคาะประตูห้องทำงานแล้วเปิดเข้าไปด้านใน เธอหอบอุปกรณ์ที่ไปซื้อจากปากคลองตลาดมาให้เจ้านายฝรั่งด้วย
“ได้แล้วค่า” ร้องบอกคนที่กำลังหน้านิ่วอยู่ตรงโน๊ตบุ๊ค
ตอนแรกนึกว่าคุณเฟรดเครียดเรื่องงาน ที่ไหนได้ พอชะโงกหน้าเข้าไปดูถึงรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเปิดยูทูบดูวิธีประดิษฐ์กระทงต่างหาก
“ขอบคุณมาก” เฟรดรวบเอกสารบนโต๊ะไปวางมุมหนึ่ง เขาหยิบหยวกกล้วยตัดแล้วมาเขย่าดูน้ำหนัก “มันจะลอยได้จริงเหรอ”
“ได้สิคะ ใช้วัสดุธรรมชาติดีกว่าโฟมเยอะเลย” เธอรื้อของออกมา มีใบตองตานีสองพับ ไม้กลัด กล้วยไม้สารพัดสีกับธูปเทียน
“รู้มั้ยว่าอเมริกาไม่มีวัฒนธรรมแบบนี้นะ” เฟรดยิ้ม เร่งเสียงโน๊ตบุ๊คดังขึ้นแล้วเริ่มตัดใบตองตามแบบ พับให้ได้รูปกลีบบัว “พวก
คุณโชคดีมาก”
คุณเลขาที่หัวเริ่มหงอกแล้วหัวเราะคิกคักก่อนจะขอตัวออกมา
เฟรดรับโทรศัพท์ตอนที่เขาคาบไม้กลัดไว้ในปาก พยายามคะเนว่าควรวางใบตองลงตรงส่วนไหนของฐานกระทงถึงจะดูดีที่
สุด “ว่าไงที่รัก”
‘เย็นนี้ทำงานมั้ยครับ’
“แน่นอนว่าไม่” เขาปักไม้จึ้ก ใช้แรงเยอะไปหน่อยใบตองเลยแตกเป็นเส้น ต้องเสียเวลาดึงออกมาใหม่ “เย็นนี้เราจะไปดินเนอร์
กัน”
‘ขอเดาว่าต้องริมน้ำใช่มั้ย’
“ทำไมเก่งแบบนี้ล่ะ” เขานั่งขำ ลองแกะกลีบกุหลาบมาพับแล้วใช้แทนใบตองบ้างแต่ดูเหมือนว่าจะทำยากกว่าเดิมเยอะ สุดท้าย
คงต้องทำตามแบบที่ง่ายที่สุดแล้วเอาดอกไม้ประดับไว้ตรงกลาง “เย็นนี้เจอกันนะ บาย”
เฟรดใช้เวลาตลอดทั้งวันนั่งทำกระทงแฮนด์เมดแทบไม่ลุกไปไหน กว่าจะเสร็จออกมาเป็นกระทงธรรมด๊าธรรมดา(ที่ดูอย่างไรก็
บูดเบี้ยวอยู่ดี)ได้ เขาก็แทบหมดแรงไปกับกองวัสดุอุปกรณ์พวกนั้น มันไม่ใช่ของง่ายๆเลย
“เอาล่ะ..ทุกคนจะต้องภูมิใจกับมาสเตอร์พีซของเฟรด” เขากระหยิ่มยิ้มย่องตอนขับรถกลับบ้าน ข้างเบาะมีกระทงใบน้อยคอยรัก
วางไว้ไม่ห่าง
ทันทีที่เมษากับโจชัวร์ได้ยินเสียงรถของแด๊ดแล่นเข้ามาจอดในบ้าน เด็กๆทั้งสองก็แข่งกันวิ่งเอาน้ำเย็นเฉียบไปรับหน้า เฟรดเดิน
ยิ้มหน้าบานเป็นจานดาวเทียมเข้ามาหาลูก เขาซ่อนผลงานชิ้นโบว์แดงของตนไว้ข้างหลัง
“แด๊ดดี้” โจชัวร์ยื่นน้ำที่กระฉอกไปเสียครึ่งแล้วให้
“กินของหนู กินของหนู” เมษาออดอ้อน ส่งของตัวเองให้บ้าง
เฟรดรับมาดื่มคนละอึกจะได้ไม่มีใครน้อยใจ แต่พอลิ้นแตะแก้วน้องเมษแล้วเขาก็แทบบ้วนพรวด “อึก..” จำใจต้องกลืนเพราะรอย
ยิ้มบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของเด็กทอแววคาดหวังว่าเขาจะดื่มให้หมด “ทำไมเค็มจังครับ”
“เพิ่มเกลือแร่!” เมษาเลียนแบบโฆษณา
“แต่แด๊ดไม่ได้ไปออกกำลังกายมา ไม่มีเหงื่อสักหยด” เขาหัวเราะ
“เดี๋ยวคืนนี้ก็มี”
เฟรดเลิกคิ้วอย่างงุนงง โจชัวร์ก็งง
“หนูได้ยินพ่อจ๋าบอกว่าคืนนี้พระจันทร์เต็มดวง”
“แล้ว?”
“แด๊ดดี้จะหอน” น้องเมษบิดตัวไปมา “หนูเห็นเวลาพ่อจ๋าพูดว่าพระจันทร์เต็มดวงแด๊ดดี้ต้องหอนทีไร แด๊ดดี้เหงื่อแตกเต็มหลัง
ทุกทีเลย”
เฟรดแก้มแดงแปร๊ด ตั้งแต่กุ๊กเมย์กับน้องเมษย้ายมาอยู่ด้วย เวลาพวกเขาจะกุ๊กกิ๊กกันมักมีรหัสลับเสมอ อย่างไอ้ประโยคที่
ว่า ‘พระจันทร์เต็มดวง เฟรดดี้ต้องหอน’ จะใช้บอกตอนเช้าเพื่อให้มีเวลาเตรียมตัวเตรียมใจสำหรับคืนนั้น ส่วนโค้ด ‘ไฟเขียวผ่าน
ฉลุย หลับปุ๋ยกันหมด’ จะใช้ในกรณีที่อยากตอแยอย่างกะทันหัน กับ ‘คืนนี้จะมีดาวตก อย่าลืมพกเสื้อกันฝน’ นั่นคือรหัสเตือนให้
ซื้อคอนด้อมที่ร้านเจ็ดสิบเอ็ดติดมือมาด้วย
“เอ่อ..” เขาเกาหัวแก้เก้อ ยื่นหน้าไปกระซิบข้างหูกุ๊กเมย์ที่เพิ่งเดินเข้ามาหาอย่างไม่รู้อะไรเลย “ถึงเวลาให้ลูกๆย้ายไปนอนห้อง
ของตัวเองแล้วล่ะ”
พฤษภาแก้มร้อนผ่าว นับวันน้องเมษชักจะฉลาดเกินไปแล้ว เขาเองก็ประมาทไป นึกว่าเด็กอนุบาลคงไม่รู้เรื่องเลยอนุญาตให้
นอนในห้องด้วยกันสี่คนได้ มาวันนี้คงต้องเปลี่ยนใจเพราะไอ้แสบช่างสังเกตกว่าที่คิด
เฟรดให้น้องเมษกับน้องจอชไปแต่งตัวสำหรับดินเนอร์กันเย็นนี้ เขาชูถุงกระดาษที่มีกระทงของตัวเองขึ้นมา หวังว่าจะเซอร์ไพรส์
“ผมทำกระทงเอาไว้ด้วย” แต่แล้วเมย์ก็อวดผลงานตัวเองก่อน
ชายหนุ่มหน้าเจื่อนไปนิด ซ่อนถุงไว้ด้านหลังแล้วเป็นฝ่ายเดินมาหาคนที่กำลังลำเลียงกระทงหลากสีออกมาวาง “ไหน..ขอดู
หน่อยสิ” เขาร้องว้าว เพิ่งเห็นว่าขนมปังที่กินๆกันเอามาทำแบบนี้ได้ด้วย “สุดยอดเลยที่รัก”
กุ๊กพฤษภ์ยิ้มแก้มปริ “ดูนี่ๆ” ชี้ไปที่หนูตะเภาสองตัวตรงกลาง มีตัวเล็กตัว ตัวใหญ่ตัว “อันนี้คุณ..อันนี้ผม ตามไซส์”
เฟรดหน้าระรื่น มองซ้ายมองขวาไม่เห็นลูกเลยคว้าเอวอีกฝ่ายเข้ามากอด มือเล็กยันอกเขาไว้พร้อมกับเอียงหลบแต่หันไปทาง
ไหนไม่หัน ดันหันแก้มให้แบบนี้ก็เสร็จโก๋สิ “หอมจังเลย” ว่าแล้วก็จูบไปฟอดหนึ่งแก้คิดถึง
“ว้าว” เมษาที่ใส่เอี๊ยมได้ครึ่งตัวอ้าปากค้าง ฝ่ายโจชัวร์หัวเราะคิก
“ปล่อยก่อน อายลูก” กุ๊กบู้หน้าใส่
เฟรดหัวเราะ จูงมือคนข้างกายกับเด็กๆไปขึ้นรถ เมษาและโจชัวร์อวดกระทงเต่าไมกี้ ลีโอให้ดูด้วย มันน่ารักมากจนไม่อยากปล่อย
ไปลอยน้ำเลย
“เราจะไปไหนกันเหรอ” พฤษภาคาดเข็มขัดให้ลูก บอกให้แต่ละคนถือกระทงเต่ากันดีๆแล้วกลับเข้ามานั่งข้างคนขับ
“แถวสะพานพระรามแปดดีมั้ย ไฟสวย”
ถึงจะบอกอย่างนั้นก็เถอะ พวกเขารถติดอยู่แถวราชดำเนินมาหลายชั่วโมงแล้ว คงเพราะแต่ละพื้นที่ต่างพากันจัดงานฉลอง คน
เลยมากันมาก
“หิวแล้วอ่า” น้องเมษงอแง กลิ้งเกลือกกับเบาะรถ
จอชชี่เริ่มร้องไห้กระซิกๆ พฤษภาพยายามปลอบใจว่าอีกไม่นานคงถึง แต่ดูเหมือนคำว่าไม่นานของเขานั้น ผ่านไปร่วมชั่วโมงรถก็
ยังไม่ยอมขยับ
“เราเปลี่ยนแผนกันมั้ย” กุ๊กชวน ดูนาฬิกาตอนนี้สองทุ่มแล้ว ร้านอาหารริมน้ำคนคงเยอะมาก เขาไม่ยอมให้ลูกๆถูกเบียดจนแบน
แน่
“ไปไหนกันดี” เฟรดอยากจะบอกว่ากลับบ้านกันเถอะ แต่เกรงใจน้องเมษกับกู๊ดบอย เด็กๆหวังกันไว้มากว่าจะได้ลอยกระทงเต่า
“กลับบ้านกัน” เขาบุ้ยใบ้ให้ดูเลนทางซ้าย พอไฟเขียวปุ๊บก็เลี้ยวกลับปั๊บได้เลย “ผมทำให้กินดีกว่า อร่อยกว่าเยอะ”
“ลอยกระทงล่ะ”
“แจ้บ แจ้บ” มีเสียงเคี้ยวอะไรบางอย่างดังแว่วอยู่ด้านหลัง
เฟรดกับกุ๊กพฤษภ์พร้อมใจกันหันไปมอง น้องเมษกับน้องจอชกำลังช่วยกันแบ่งไมกี้ ไมกี้และลีโอออกคนละครึ่ง คนหนึ่งกินหาง
คนหนึ่งกินกระดอง พออีกส่วนเริ่มหมด ขาทั้งสี่จึงถูกฉีกแบ่ง สุดท้าย..ไมกี้เลยได้แต่ลืมตาโพลงอย่างขอความช่วยเหลืออยู่ใน
ปากของเด็กชายเมษา
..แล้วถูกกลืนลงพุงย้วยๆหายวับไป..
“ลอยเด็กชายเมษาดีกว่ามั้ยคุณ” พฤษภาหันไปกระซิบกระซาบ
เฟรดได้แต่หัวเราะ “กลับบ้านเรากันดีกว่า”
คืนนี้พระจันทร์เต็มดวง ลมตอนดึกหอบเอาไอหนาวเข้ามา กุ๊กเมย์ตั้งโต๊ะอยู่ใต้ซุ้มหนวดฤาษี พวกเด็กๆนั่งรอเรียบร้อยอยู่ที่โต๊ะ มี
ผ้ากันเปื้อนผูกคอคนละผืน แด๊ดดี้เฟรดหายแว้บเข้าไปในครัวก่อนจะออกมาพร้อมกับมื้อดึก
สเต็กเนื้อที่ถูกหมักไว้ในตู้เย็นตั้งแต่ตอนเช้าหวังจะทำมื้อเที่ยงของอีกวันถูกใช้แก้ขัด พฤษภ์ทอดมันฝรั่งและอบมันบด ทำซีซ่าร์
สลัดชามโตวางไว้ตรงกลาง มีเยลลี่สอดไส้สับปะรดเป็นของหวานตบท้าย
“แล้วทีนี้เราเลยเหลือกระทงใบเดียว” กุ๊กแอบเหน็บลูกชายตัวแสบที่กินสเต็กจนปากเลอะไปหมด เขาโน้มตัวเข้าไปช่วยเช็ด
คราบซอสให้
“ต้องลอยในพุงของน้องเมษกับกู๊ดบอยแล้ว” เฟรดจุดเทียนกลางโต๊ะเพิ่มความโรแมนติคของค่ำคืน เขาแอบเด็ดกุหลาบหลังบ้าน
มาใส่แจกันด้วย
“ไมกี้ ไมกี้พลีชีพเพื่อเรา” น้องเมษว่าเจื้อยแจ้ว
“เรสท์ อิน พีซ” แล้วโจชัวร์ก็ก้มหน้าสงบปากสงบคำให้สามวินาที
เฟรดกลั้นขำ เขาเดินไปเอาของหวานมาให้ลูกชายทั้งสอง “จริงๆเราสี่คนลอยกระทงใบเดียวกันก็ได้นะ เพียงแต่ว่าแด๊ดมีนี่..” เขา
อวดกระทงใบตองที่สุดท้ายก็ได้ใช้งาน “แต่น แตน แต๊น”
พวกเด็กๆปรบมือกันเกรียวกราว กระทงรูปร่างบิดเบี้ยวของแด๊ดโย้ไปเย้มา จะล้มไม่ล้มแหล่ ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็รับรู้ถึงความตั้ง
ใจของแด๊ดดี
หลังมื้ออาหาร แม้ว่าจะไม่มีแม่น้ำหรือลำคลองให้ลอยกระทง แต่สระน้ำสีฟ้าใสที่อยู่ในบริเวณบ้านของพวกเขาก็เป็นสถานที่ที่ดีเยี่ยม
“อธิษฐานกันเถอะ” กุ๊กพฤษภ์นั่งห้อยขาในสระ ยกกระทงใบเดียวกับคนรักขึ้นพึมพำ “ขอให้ครอบครัวเรามีแต่ความสุข”
เฟรดโอบไหล่เล็กเข้ามาชิดกัน “ให้เมย์รักเฟรดนานๆ”
เจ้าตัวบู้หน้าใส่ก่อนจะอุบอิบ “เคยมีวันไหนไม่รักด้วยเหรอ”
น้องเมษลงสระเด็กไปครึ่งตัวแล้ว เด็กชายจับกระทงขนมปังไว้คนละข้างกับจอชชี่ พ่อจ๋าบอกให้ขอพรได้ “ขอให้หนูอิ่ม อิ่ม อิ่ม
ตลอด”
“ขอให้จอชเรียนเก่งๆ เป็นเด็กดี” โจชัวร์กระซิบกับพระจันทร์ “ขอให้จอชได้ลอยกับเมษ..ลอยทุกครั้งเลยนะ”
เมษาพยักหน้าหงึก ปล่อยกระทงลอยน้ำพร้อมกับวักมือให้มันไปถึงกลางสระ ระหว่างนั้นเด็กชายสะกิดเพื่อนที่กลายมาเป็นพี่ชาย
ร่วมบ้านยิกๆ
“จอชชี่ จอชชี่”
โจชัวร์ที่กำลังแหงนหน้านับดาวหันไปตามมือป้อมที่ชี้ให้ดู
แด๊ดดี้เฟรดกำลังนั่งกอดคุณพ่อพฤษภ์แนบอก มือใหญ่จับปลายคางมนขึ้นแล้วโน้มใบหน้าเข้าหา แขนเล็กๆของคุณพ่อโอบรอบ
แผ่นหลังกว้างไว้
“ว้าว..” น้องเมษกะพริบตาปริบ
..เมื่อแด๊ดดี้จูบพ่อจ๋า..
“ว้าว..” โจชัวร์มองภาพนั้นตากลมป๊อง
..เมื่อพ่อจ๋าก็จูบแด๊ดดี้เช่นกัน..
“เด็กๆห้ามดู” น้องเมษเอามือปิดตาจอชชี่
“ฮื่อ..” โจชัวร์ถ่างนิ้วเพื่อนเพื่อแอบดูว่าแด๊ดดี้กับพ่อทำอะไร สุดท้ายก็เห็นว่าคิส คิสแล้วกอดกันตัวกลม “เมื่อไหร่จอชจะทำแบบ
นั้นได้บ้าง”
“ต้องโตๆก่อน” น้องเมษยกมือสูง
“ถ้าโตๆแล้วเราจะคิส คิสกันมั้ย”
“ทำไมเมษต้องคิส คิสจอชด้วย” เมษาเอียงคอมองอย่างสงสัย
“แด๊ดดี้บอกว่าเราคิสกันเพราะเรารักกัน”
“คิสแล้วต้องไฟเขียวผ่านฉลุย หลับปุ๋ยกันหมดด้วยมั้ยอ่ะ”
“จอชไม่รู้”
“เมษก็ไม่รู้”
..รอโตก่อนดีกว่าเนอะ..
FIN

ไอ้พวกนี้มันลอยกระทงกัน แต่ไอ้เรากลับนั่งหงอยอยู่หน้าคอม

สุขสันต์วันลอยกระทงเน้อ
