'แถมเรือพ่วง'
เด็กชายเมษาปีนขึ้นจากอ่างอาบน้ำแล้ววิ่งตุบตับเข้าไปเกลือกกลิ้งกับผ้าเช็ดตัวบนเตียง ดวงตากลมโตมองพ่อจ๋าที่นั่งเหม่ออยู่กับที่
เจ้าตัวอ้วนเดินเป็นชีเปลือยเข้ามาหาคนที่นั่งค้าง ยกสองมือขึ้นเหนือหัวเป็นเชิงอ้อนให้อีกฝ่ายใส่เสื้อให้ แต่ดูเหมือนว่า
กุ๊กจะยังล่องลอยอยู่
“ชูมือขึ้นแล้วหมุนๆ” น้องเมษร้องเพลง แอ่นเอวไปมา “ชูมือขึ้นโบกไปมา” เริ่มส่ายก้นยุกยิก “กางแขนขึ้นและลง” เอา
พุงไปไถขาพ่อก็แล้ว “ยกแขนมือแตะไหล่” ลองดึงหนอนอวดก็แล้ว “อูย..เจ็บๆๆ” พ่อจ๋ายังไม่หันมามองเลย
“มีตารอบตัว รอบตั๊ว รอบตัว” คราวนี้น้องเมษเปลี่ยนมาเต้นสะบัด หมุนเป็นลูกข่างน้อยแทน “มีจั๊วะขึ้นรา ขึ้นร๊า ขึ้นรา”
หมุนมากเข้าเลยมึน ล้มก้นจ้ำเบ้า กลิ้งโคโล่กลุกๆๆไปกับพรมบนพื้น หัวโขกผนังดังป๊อก “แง้!”
พฤษภาเพิ่งได้สติตอนลูกชายแผดเสียงร้องไห้ เขาเบิกตากว้าง ถลันเข้าไปอุ้มน้องเมษขึ้นมานอนบนเตียง เจ้าตัวซน
เอาสองมือกุมหัว น้ำตานองหน้า “น้องเมษเจ็บมั้ยครับ พ่อเป่าให้ เพี้ยงลูกเพี้ยง เดี๋ยวก็หายเนอะ”
ตากลมๆเหมือนลูกกวางมีหยดน้ำรื้น “ฮึก..พ่อจ๋าโกรธหนู”
คนฟังเลิ่กลั่ก “พ่อไปโกรธน้องเมษตอนไหน”
เมษาเลิกร้องไห้แล้ว ตอนนี้กอดอกหน้าบึ้งแทน “พ่อจ๋าไม่มอง”
พฤษภาหน้าเสีย ก้มลงเป่าลมพรูดบนหัวเหม่งที่โนเท่าลูกมะนาว เอายาหม่องมาทาถู ทาถูพลางปลอบใจ “พ่อคิดอะไร
นิดหน่อยจ้า ไม่ได้โกรธ”
น้องเมษนอนหงาย ยกสองมือให้พ่อใส่เสื้อลายเต่าเขียวให้ กุ๊กพฤษภ์หัวเราะเบาๆ เข้ามาทาแป้งเด็กบนพุงกลมป่อง
แล้วเป่าปู๊ดตรงสะดือเรียกเสียงหัวเราะคิกคัก พ่อจ๋าใส่กางเกงในลายก็อตซิลล่าให้ด้วย
“ไหน..หวีผมหน่อยซิสุดหล่อ” เขาจูงลูกมานั่งหน้ากระจก ใช้หวีไม้บรรจงสางเรือนผมสีดำขลับด้วยความอ่อน
โยน “เรียบร้อยแล้วไมกี้ ไมกี้”
“เรียบร้อยแล้วจอชชี่ จอชชี่” ไอ้แสบทวนคำ
พฤษภาเลิกคิ้ว “ไม่ใช่ไมกี้แล้วเหรอ”
“จอชชี่ จอชชี่” ร่างเล็กโยกหัว “ลุงโชคบอกว่าจะพาหนูกับจอชชี่ไปเที่ยว” เมษาเปลี่ยนเรื่องกะทันหันจนผู้ใหญ่ตามแทบไม่ทัน
“ที่ไหนเอ่ย” กุ๊กรื้อถุงเท้ากุกกัก ตั้งท่าจะใส่ให้แต่น้องเมษท้วง
“หนูอยากใส่เอง” เด็กชายขอ “จอชชี่บอกว่าจอชชี่ใส่เอง”
พฤษภาอมยิ้ม “เอาสิครับคนเก่ง”
พักนี้ดูเหมือนว่าน้องเมษจะเลิกติดตุ๊กตาเต่าไมกี้ ลีโอ กับราฟาเอลไป เพื่อนในจินตนาการที่เห็นคุยกันบ่อยๆก็คล้ายจะหายไป
ด้วย
..คนที่มาแทนที่ไม่ใช่ใครที่ไหน..จอชชี่นั่นเอง..
“จะไปนั่งซู้งสูง” น้องเมษชูมือเลยหัว “ร่วงปื๊ดๆ วิ่งวิ้วๆ”
“หมายถึงรถไฟเหาะใช่มั้ย” กุ๊กนั่งขำ บิดแก้มกลมอย่างมันเขี้ยว
เขาจูงมือเล็กให้กระโดดตุบลงจากเตียง มื้อสายวันนี้ของน้องเมษเป็นนมกล่องกับโจ๊กหมูสับและปาท่องโก๋ นายตัวอ้วนกินคน
เดียวสองถ้วย
“จอชชี่มาแล้ว!” เมษาทำจมูกฟุดฟิด
กุ๊กหันไปมองหน้าบ้านยังไม่เห็นรถมา แต่ใจที่กระตุกวาบแล้วยังเต้นตึกตักรุนแรงนี่เหมือนเป็นสัญญาณอะไรชอบกล “ไหนล่ะ”
พูดยังไม่ทันขาดคำ เบนซ์คันสวยของหนุ่มฝรั่งก็แล่นเข้ามาจอดเทียบข้างรั้วพอดิบพอดี
พฤษภาแก้มแดงแปร๊ดเมื่อคนขับรถฉีกยิ้มมาให้
“หนูอิ่มแล้ว” น้องเมษคว้ากระเป๋านินจาเต่าขึ้นสะพายหลังแล้ววิ่งปร๋อไปหาเพื่อน เล่นเอาพ่อจ๋าปิดประตูบ้านตามมาแทบไม่ทัน
เฟรดลงจากรถ ใบหน้าคลี่ยิ้มทำเอาคนมองแก้มร้อนผ่าว “สวัสดีครับ” เขาอ้อมมาอีกฝั่งก่อนจะเปิดประตูข้างคนขับให้
พฤษภาพยักหน้าส่งๆทั้งไอร้อนวูบวาบ “หวัดดี”
น้องเมษเอาตัวขึ้นไปนั่งคู่จอชชี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ลุงเฟรดโทรมาคุยกับพ่อจ๋าตั้งแต่เมื่อวานว่าจะชวนไปเดิน
ห้างกัน
“เมื่อคืน..หลับสบายมั้ย” เฟรดออกปากถาม
คนฟังรู้สึกอยากมุดดินหนี “คิดว่านะ” ถ้าเพียงแต่จะไม่ฝันเรื่องเราจูบกันวนไปเวียนมาอย่างนั้นตั้งแต่หัวค่ำยันเช้ามืดล่ะก็..คงหลับ
สบายกว่านี้!
“แต่ผมฝันดี” เขายิ้มแก้มปริ “ฝันดี มีความสุขมาก”
กุ๊กเสมองออกไปนอกหน้าต่าง “ขับรถไป!”
โจชัวร์ปีนมาเกาะข้างเบาะคนขับ “แด๊ดดี้ฝันว่าอะไรฮะ”
“เมษฝันว่าได้กินเบอร์เกอร์อันเท่านี้!” เมษากวาดมือมโหฬาร
“จอชฝันว่าได้ไปเที่ยว”
“แด๊ดฝันว่าได้จู..” คนพูดเงียบกะทันหันเพราะถูกอีกฝ่ายตะปบมือเข้าเต็มปาก เขาหัวเราะแผ่วเบาด้วยความชอบใจกับแก้มแดงๆ
ของพ่อจ๋า
“แด๊ดดี้บอกจอชว่าฝันถึงพ่อด้วย!” โจชัวร์เอาเข้าแล้วไง
“แล้วพ่อจ๋าฝันถึงลุงเฟรดมั้ย” น้องเมษวางระเบิดโครม!
“เด็กๆ!” พฤษภาตกใจแทบลงไปกลิ้ง ตอนแรกยังงงอยู่ว่าทำไมสองหน่อพูดเหมือนรู้เห็นอะไร แต่พอสบเข้ากับช็อคโกแล
ตฮอกไกโดในกระเป๋าหน้าของเอี๊ยมหมีที่น้องเมษใส่แล้วก็ถึงบางอ้อ “ติดสินบนลูกเหรอ!”
เฟรดหัวเราะแหะ “ผมเปล่า”
“จับได้นี่โทษประหารนะคุณโทษฐานไม่ยอมรับสารภาพ” กุ๊กขู่
“พ่อจ๋าโกรธลุงเฟรด” เมษาตั้งท่าจะร้องไห้ “ทำไมต้องเสียงดังด้วย”
“เห็นมั้ยคุณ ดุผมจนลูกเสียใจเลย” ไอ้ตัวพ่อได้ทีขี่แพะไล่
พฤษภาใจแป้ว พอโจชัวร์สะอื้นฮักอีกคนก็ยิ่งหน้าเสีย “พ่อเปล่าดุลุงเฟรดครับเด็กๆ พ่อแค่แหย่เขาเล่น ไม่ได้โกรธซะหน่อย”
“แล้วรักมั้ยฮะ” น้องเมษปาดน้ำตาป้อยๆ
หนุ่มไทยเบิกตากว้าง โจชัวร์สนับสนุนคำถามนี้ด้วยอีกคน เฟรดเองก็มองมาด้วยดวงตาระยิบระยับมีความหวังเต็มเปี่ยม “เอ่อ..”
เมษายื่นหน้ามาเร่งคำตอบ มือป้อมที่เกาะเบาะทุบเป็นจังหวะตุบๆ บังเอิญเหลือเกินที่กุ๊กตาไว เหลือบไปเห็นกระดาษรูปสี่เหลี่ยม
ที่เจ้าแสบกำอยู่
“สัญญาเลี้ยงเบอร์เกอร์” ตัวหนังสือภาษาไทยไซส์ยักษ์เขียนกำกับไว้อย่างนั้น คนอ่านหันขวับมามอง “สัญญาอะไรกันคุณ”
“ผมเปล่า” เฟรดส่ายหัวดิก เลี้ยวรถออกจากซอยบ้าน
“ใครบอกพ่อจ๋าได้นะ จะเลี้ยงเบอร์เกอร์คิงเลย”
เมษาแฉหมดเปลือกตอนนั้นเอง “ลุงเฟรดให้ถามพ่อจ๋าว่ารักมั้ย”
“ช่าย ช่าย” จอชชี่ก็ทรยศพ่อตัวเองได้ลงคอ
เฟรดหัวเราะร่าเมื่อโดนต่อยแขนไปหน แรงอย่างกุ๊กน่ะ ถ้าเอาจริงเขาคงล้มกลิ้ง แต่ที่แสบๆคันๆ พอให้สะกิดหัวใจเล่นนี่เขาเรียก
ว่าต่อยแก้เขินสินะ
“ฟังเพลงมั้ยครับ”
“ไม่เอา” กุ๊กกอดอก แก้มร้อนผ่าว
“งั้นผมร้องให้ฟัง” เฟรดหันไปถามลูกคู่ “อยากฟังมั้ยลูกๆ”
เด็กสองคน(ที่กินสินบนไปแล้ว)ปรบมือดังลั่น
พฤษภาบ่นอุบอิบ เขาไม่มีขนมตุนไว้เยอะแยะเหมือนไอ้ฝรั่งขี้นกนี่ก็แล้วไป ขนาดลูกชายสุดที่รักยังแปรพักตร์ไปเข้าข้างคนอื่น
เลย
“Look into my eyes, you will see..” เสียงทุ้มต่ำฮัมทำนอง “what you mean to me.” เขาคลี่ยิ้ม ลอบมองใบหูที่แดงจัด “Search your heart, search your soul and when you find me there, you’ll search no more”
กุ๊กท่องในใจ ไม่อยากฟัง ไม่อยากได้ยิน แต่เมื่อหันไปสบตากับคนข้างกาย ประกายความนัยที่แอบแฝงอยู่ตรงหน้ากลับทำเอา
เขาร้อนวูบ
“You know it’s true..everything I do..I do it for you.”
พฤษภาหยิกแขนตัวเองไปที “ฟังไม่รู้เรื่องวุ้ย โง่อิ๊ง” โกหกชัดๆ ถึงจะพูดไม่ค่อยเป็น แต่สองหูยังปกติดี ความเข้าใจก็ถ่องแท้เกิน
ร้อย
“คิดว่าผมร้องเพลงไทยไม่เป็นเหรอ” เฟรดยืดอกอย่างภูมิใจ “ฉันขี่ไอ้ทุยวิ่งลุยท้องนา ฮุ่ยๆๆๆ เราชาวนาอยู่กับควาย พอหมดงาน
ไถ..”
คนฟังหัวเราะก๊าก “พอ..พอแล้วคู๊ณ!”
“เอ้า!” เฟรดหน้าหงิก “นี่หัดตั้งนานนะ”
“เพลงจีบคน ใครจะบ้าร้องเพลงควาย”
“นั่น..” ร่างสูงยิ้มเผล่ “ยอมรับแล้วล่ะสิว่าผมจีบ”
พฤษภาทึ้งหัวตัวเอง รู้สึกเหมือนถูกสุมไฟ
“จีบแปลว่าอะไรเหรอ” น้องเมษไม่รู้จริงๆ อันนี้ไม่มีสินบน
“รับขนมจีบซาลาเปาเพิ่มมั้ยเคอะ” จอชชี่เลียนเสียงสาวในเซเว่น
“จอ อี บอ อ่านว่า..จีบ” เมษาสะกดคำ “จอ อู บอ..”
พฤษภาอ้าปากค้าง “น้องเมษ! นั่นเต่าไมกี้” เปลี่ยนเรื่องซะเลย
“ผมร้องได้อีกเพลงนะ” เฟรดแทรก “วันนั้นได้ยินวิทยุเลยร้องตาม”
“เพลงไหนฮะ เพลงไหน” โจชัวร์ถาม
“รู้ตัวเองว่าเห่ยฉันก็เลยไม่เคยมั่นใจ แล้วเมื่อไหร่จะได้รู้จัก คิดทบทวนทุกอย่าง จะมีทางไหนให้เธอมาสนใจ” เขาเคาะพวงมาลัย
รถ ทำท่าเหมือนนึกขึ้นได้เลยหันมาถามหนุ่มไทยตัวเล็ก “เห่ยแปลว่าอะไรเหรอ”
“ไม่รู้วุ้ย” กุ๊กแก้มแดง
“หากเพียงแค่ลองหันมองหน่อย ฉันยังคอย..แอบรอคอยเธออยู่ตรงนี้” ไอ้ที่ร้องนี่ไม่ได้เข้าใจทั้งหมดหรอก รู้แต่ว่าใช้จีบได้แน่
นอน “และมีรักเต็มปรี่ พร้อมยอมพลี..” ชายหนุ่มส่งสายตาหวานเชื่อมให้
“แค่อยากมีรักสักที รออยู่ตรงนี้นะคนดี..ฉันเอง”
น้องเมษชูสองมือร้องเย้ “ลุงเฟรดร้องเพลงเพราะจังเลย”
“แด๊ดดี้หล่อที่ซู้ด” โจชัวร์เชียร์แด๊ดเต็มกำลัง
พฤษภาเอาหัวโขกกระจกรถ เจ้าพวกนี้ครื้นเครงกันเต็มอัตราศึก
..เลิกเขินซะทีเถอะเว้ยกุ๊ก!..
กว่าจะถึงห้างเซ็นทรัลที่เฟรดชวนมาได้ พฤษภาก็รู้สึกว่าตัวเองอยู่ในเตาอบที่เปิดอุณหภูมิเต็มที่ แก้มแดงแล้วแดงอีกอย่างไม่
อาจควบคุม
“เอาล่ะลูกชายทั้งหลาย” ไอ้หมอนี่อีกคน เดี๋ยวนี้เอะอะเรียกลูกชายบ้างล่ะ ลูกของเราบ้างล่ะ ถือโอกาสรวบหัวรวบหางกินกลาง
ตลอดตัวไปแล้ว “น้องเมษกับกู๊ดบอยไปรอพวกแด๊ดที่แผนกของเล่นดีมั้ยครับ”
เมษายกมือถามว่าพ่อๆจะไปไหน
“ลุงจะชวนพ่อจ๋าไปดูเครื่องครัว” วันนี้เขามีภารกิจซื้ออุปกรณ์ทำอาหารคืนให้ป้าสาวหลังจากไประเบิดของแกเละตุ้มเป๊ะ “ไม่สนุก
หรอก”
“จอชอยากเล่นบ่อบอล” โจชัวร์อ้อน
พวกเขาพาเด็กๆเดินผ่านแผนกตุ๊กตามาที่เครื่องเล่น มีท่อสไลเดอร์พลาสติกต่อเป็นวงอยู่ในลาน ข้างใต้เป็นบ่อลูกบอลกลมๆ รอง
พื้นไว้ด้วยแผ่นยางกันเด็กหกล้ม มีหนูน้อยอีกหลายคนเล่นอยู่ตรงนั้น
“เล่นอยู่ตรงนี้ห้ามไปไหนจนกว่าพวกเราจะมารับ สัญญากับพ่อจ๋าได้มั้ย” พฤษภากำชับลูกชายพลางดึงเอี๊ยมหมีให้กระชับ “อยู่
กับน้องจอชนะ”
เมษาพยักหน้าหงึก เจ้าตัวน้อยโบกมือบ๊ายบายสองพ่อ
“จะซื้ออะไรบ้าง” พฤษภาตรงดิ่งไปที่แผนกเครื่องครัว
“ใจเย็นสิคุณ ค่อยๆเดินค่อยๆช็อป” เขาพาดมือบนไหล่ลาด กุ๊กเบ้หน้าใส่ บ่นงึมว่าหนัก “งั้นแบบนี้ไม่หนักใช่มั้ย”
คนตัวเล็กกว่านิ่งอึ้งเมื่อฝ่ามือใหญ่กอบกุมลงปลายนิ้ว สัมผัสอุ่นร้อนวาบเข้าในอก เขาเงยหน้ามองฝ่ายที่สูงกว่าด้วยความ
ตกใจ “ท..ทำอะไร”
เฟรดทำไม่รู้ไม่ชี้ ชวนกุ๊กดูของ “เปล่านี่”
“ก็..ก็ไอ้ที่ทำอยู่เนี่ย” พฤษภาบุ้ยใบ้
“ทำอะไร” เขาชูมือขึ้นมาทั้งที่ยังจับอีกฝ่ายไม่ยอมปล่อย “จูงมือไง”
แก้มขาวขึ้นสีแดงเรื่อ “อายคนอื่น” เขาพยายามดึงหนีแต่เฟรดไม่ยอม
“คุณอยู่กับผมแล้วอายเหรอ น้อยใจนะ” หนุ่มฝรั่งทำแก้มพอง
“ไม่ใช่อย่างนั้น” กุ๊กพฤษภ์คิดว่าตัวเองเริ่มหลุดแบบกู่ไม่กลับ นอกจากจะเลือดลมสูบฉีดไม่เป็นเวลาแล้วยังมีอาการร้อนๆหนาวๆ
ทุกคราวที่อยู่ใกล้ของต่างชาติด้วย “อยากจับก็รอกลับบ้านก่อนสิวะ” พูดอะไรออกป๊าย!
เฟรดหัวเราะ เห็นแก้มนุ่มนิ่มเหมือนซาลาเปาเนื้อเด้งแล้วอยากก้มลงหอมแก้มตอนนั้น เสียแต่คนเยอะไปหน่อย ต้องปรามใจไว้รอ
ถึงบ้านก่อน
พวกเขาเลือกซื้อกระทะเทฟลอนใบใหม่เนื่องจากใบเก่าคนใช้เกิดบันดาลโทสะ ฟาดลงกับเคาน์เตอร์ครัวจนโย้ไปด้านหนึ่ง มีชาม
สลัด จานแก้ว ถ้วยกาแฟแทนของเดิมที่หล่นแตก ระเบิด และร้าวเป็นแนว นี่ยังไม่รวมถึงไมโครเวฟเครื่องใหม่(อีกแล้ว)เพราะ
แด๊ดดี้เล่นงานมันจนเจ๊งถาวรชนิดแก้ไม่ได้
“ขอที่ทนทายาทชนิดฟาดเท่าไหร่ก็ไม่พังได้มั้ยครับ” กุ๊กรีเควส
พนักงานขายหัวเราะร่วน “อึดแค่ไหนก็เสียได้ครับถ้าไม่ระวัง”
เฟรดเกาจมูกแก้เก้อ ฟังคำโฆษณาแล้วเลือกยี่ห้อกับรุ่นที่คิดว่าน่าจะใช้ได้นานที่สุดก่อนจะยื่นเครดิตการ์ดให้เด็ก “จริงๆวิธีแก้มัน
มีอยู่นิดเดียวนะ”
พฤษภากอดอก “นั่นคือคุณต้องหัดทำอาหารให้เก่ง”
ชายหนุ่มส่ายหัว “นั่นอาจจะใช่ แต่ประเด็นคือ..” เขายิ้มกริ่ม “ถ้าคุณย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านเรา ทำอาหารเช้า เที่ยง เย็นให้ผมกับ
ลูก รับรองว่า..”
“ฝันไปเถอะ” กุ๊กแทรกกลางคัน ทำลายความฝันอีกคนย่อยยับ
“โธ่..เมย์” เฟรดทำหน้าอ้อน “ไม่สงสารผมบ้างเหรอ มือก็เจ็บ นิ้วก็แตก ของก็เสีย ต้องมานั่งรักษา ต้องมาคอยซื้อใหม่ แค่คุณ
สละตัวเองมาแค่นี้”
พฤษภ์ชิ่งหนีไปอีกทาง เฟรดยิ้มพร้อมกับเดินตามต้อยๆ พวกเขามาหยุดยืนแถวแผนกเฟอร์นิเจอร์ เครื่องเรือนที่ทำจากไม้ให้
บรรยากาศอบอุ่น ส่วนพวกสีขาวและสีดำน่าจะเหมาะกับคนที่ชอบความเรียบง่ายแต่ทันสมัยมากกว่า
“ผมว่าจะซื้อตู้เสื้อผ้าใหม่” พฤษภาชั่งใจ เดินไปเปิดตู้นั้นทีตู้นี้ที เขาชอบสีเบจ ส่วนน้องเมษชอบสีสดใส เอาขนาดกลางๆ ไม่
ต้องใหญ่เกิน
“คุณไม่ต้องซื้อหรอก” เฟรดท้วง “บ้านผมทำตู้ไม้ฝังไปกับผนังเลย ยาวตั้งสองเมตร คุณแค่เอากระเป๋ากับเสื้อผ้าเข้ามาในห้อง
แล้วก็แขวน..”
“เรื่อง!” กุ๊กย่นจมูกใส่เหมือนเด็กๆ เป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติเวลาอายจัด
ร่างสูงหัวเราะร่วน เขาแหย่ทีเล่นทีจริง ได้ก็ดี ไม่ได้ก็..เสียใจอยู่หรอก แต่ไม่ยอมแพ้แน่ “งั้นผมซื้อบ้าง” เขาเดินมานั่งบนเตียง
ฟูกติดสปริงเด้งดึ๋งๆ
“ซื้ออะไร ซื้อครัวใหม่หลังจากอาละวาดไว้ซะเละน่ะเหรอ”
“ใจร้ายที่สุด” เฟรดเบะปาก เอามือตบที่นอนตุบๆ “จะซื้อเตียง”
“คุณเอาไข่ดาวขึ้นไปทอดบนห้องนอนรึไง” กุ๊กขำก๊าก
“ผมทำน้ำหกน่ะ เบื่อของเก่าแล้วด้วย”
พฤษภาหน้าบึ้ง “ใช้เงินไม่ระวังเลยนะคุณ” ว่าแล้วก็ร่ายยาวเรื่องการใช้บัตรเครดิต การซื้อของเกินตัว การใช้จ่ายเกินความจำ
เป็น ความพอดีในการใช้ชีวิต การเก็บหอมรอมริบสำหรับอนาคตลูกชาย
เฟรดเท้าคางมอง ทุกอย่างหูซ้ายทะลุหูขวา สรุปความได้แค่ว่า
..นี่แหละ..สรรพคุณเมียสามัญประจำบ้าน!..
“แต่ของเก่ามันเปื่อยแล้ว ใยมะพร้าวทิ่มหลังด้วย”
“งั้นก็ตามใจ” กุ๊กพยักหน้า “เอาแบบไหนล่ะจะช่วยเลือก”
เฟรดดึงข้อมือขาวขึ้นมานั่งด้วยกัน บอกให้อีกฝ่ายลองนอนตะแคงซ้าย พลิกตัวมานอนตะแคงขวา เหยียดตรงแล้วหงายขึ้น คว่ำ
ลงเอาตัวแนบ ถูไถไปมา ขยับยุกยิก คุกเข่า ก้มหน้า กลับหัวกลับหางเป็นอย่างสุดท้าย
“เว่อร์..แค่ใช้มือกดก็ได้แล้ว” เขาเอานิ้วจิ้มๆ
“ผมใช้อวัยวะทุกส่วนบนเตียงนะ”
พฤษภ์สำลักน้ำลายตัวเอง “พูดอะไรเนี่ย!”
“อ้าว! ผิดตรงไหน ใช้หน้าหนุนหมอน ใช้ตัวนอน ใช้แขนวาง ขาป่าย กลิ้งไปกลิ้งมา” เขาบิดตัวแสดงภาพ “ตาปิด จมูกหายใจ
ปากกรน”
“พอๆๆ” พฤษภาส่ายหัว กลั้นขำจนท้องแข็ง “สรุปเอาเตียงไหน”
“เตียงที่คุณชอบ”
“เกี่ยวอะไรกับผม”
เฟรดอมยิ้ม “เพราะแด๊ดดี้ไม่อยากนอนคนเดียว”
กุ๊กหน้าแดงจัด ชกบ่ากว้างไปตุบหนึ่ง “ไม่ต้องมาเล่นลิ้น เลือกเร็วๆ”
“งั้นก็..” เขาเกาคางครุ่นคิด “เอาที่สองคนขึ้นไปขย่มแล้วไม่พังก็พอ”
..หมด..หมดกัน!..
พฤษภาเดินลิ่วๆออกไปไม่รอ ปล่อยตัวพ่ออีกหนึ่งมันนั่งเคลิ้มไป
......
ใกล้จบภาคนี้แล้ว อิอิ

ปล. เพลงแมงอี่ฮุมนั่นจำไม่ได้เหมือนกันครับว่าเพลงอะไร 5555 แต่จำได้ว่าเคยร้องสมัยอนุบาล

จำท่อน แมงตับเต่าออกลูกทางหลังได้แม่นเลย กร๊ากกก ต้องเอามือไปวางที่ก้นและสะบัดๆ หมุน 360 องศาอีกต่างหาก
