ตอนที่4 ความรู้สึก
เช้านี้ช่างเป็นอะไรที่ผมชอบมากที่สุดเลย อะไรหน่ะหรอ ก็ฝนที่ตกมาไม่ขาดสายนี่แหละกลิ่นหอมๆของฝนและกาศที่เย็นๆชอบมากที่สุดเป็นไหนๆ แต่....เอ๊ะ ภาพเมื่อคืนเข้ามาในสมอง เลยหันไปมองตัวปัญหาที่นอนอยู่ด้วย แต่พอหันไปกลับไม่มีใครอยู่บนที่นอนนี้เลย
"หายไปไหนวะ" ผมจับดูที่นอนที่ว่างเปล่า มันบ่งบอกว่าไอ้เอกคงลุกไปนานมากเเล้ว ผมเลยซุกที่ผ้าห่มต่อ ภาพเมื่อคืนค่อยๆเข้าสู่หัวสมอง นึกถึงหน้าไอ้เอกทำไมกูต้องเขิลด้วยวะ - -" แล้วตกลงเมื่อคืนมันเป็นอะไร แล้วมันจูบกูทำไม หรือว่า
ไม่อยากคิด บุคลิคท่าทางที่คบๆกันมามันไม่เคยส่อแววแบบนี้นี่หว่า แล้วผมล่ะ.......หรือกูทำให้มันคิดว่ากูเป็นเกย์วะ เพราะเหตุผลที่มันชอบถามผมบ่อยๆนั่น
พอเเล้วล่ะไม่อยากคิด แต่สมองก็กลับนึกเรื่องนั้นไปมาอยู่ได้ แล้วถ้าเกิดมันมาชอบผมล่ะผมจะทำไง............แล้วผมล่ะผมจะทำยังไง ประสบการณ์โดนผู้ชายจีบเเทบเป็นศูนย์ ไม่ว่ากับแต่ผู้ชายเลยเหอะผู้หญิงก็แทบจะไม่มีเข้ามาในชีวิตไม่งั้นจะครองโสดมาจนถึงอายุ24เลยงั้นหรอ นึกเเเล้วก็อายคนอ่านจริงๆ
คิดอะไรเพลินๆอยู่นานไอ้คุณชายมันก็ยังเงียบความรู้สึกเหมือนบ้านมันเงียบๆนะมีแต่เสียงฝน ลงไปดูซักหน่อยดีกว่า
"อ้าวไม่อยู่นิ่" พอลงมาก็ไม่เจอมันอีก แต่ผมเห็นกระเป๋าเงิน และรถของมันที่จอดอยู่หน้าบ้านแสดงว่ามันไม่ได้ไปไหนหรอก แต่พอดูทุกส่วนของบ้านกลับไร้วี่แววของมัน ผมเลยเดินไปดูหน้าบ้านอีกรอบ รถมอไซต์ที่ของผมมันหายไป
"หรือมันกลับบ้าน" ผมบ่นกับตัวเองรู้สึกเป็นห่วงมันเหมือนกันนะ ฝนที่ตกกระหน่ำแบบนี้มันใส่เสื้อกันฝนไปไหมน่ะ
ผมนั่งรอมันอยู่นานแล้วฝนที่ตกตั้งแต่เช้ามืดตอนนี้มันปาไปแปดโมงเเล้วก็ยังไม่หยุดตกเสียที แล้วไอ้คนที่มันเอารถไปไม่ยืมนั่นก็ยังไม่โผล่หน้าออกมา
บรื๊น~ แกร๊ก เสียงรถที่เข้ามาจอดหน้าผมวิ่งออกไปดู ทันที
สภาพเหมือนหมาตกน้ำ มาแบบดูไม่ได้ แต่มันมีอะไรบางอย่างที่สะดุดตากว่านั้นอีก
"ไอ้เอกหน้ามึงไปทำไรมา" ผมวิ่งไปดูหน้ามันเกลี่ยผมที่แก้มออกเห็นรอยช้ำจนเขียวที่มุมปาก หน้าที่ขมวดมุ่นของมันอีกเหมือนมันไปมีเรื่องอะไรซักอย่างมาแน่ๆ
"อืม" แค่เนี้ยแค่อืมแล้วมันก็เดินเข้าบ้านแล้วนั่งบนโซฟา ดีนะที่โซฟาบ้านกูเป็นหนังไม่งั้นราขึ้นเเน่
"มึงเป็นอะไร" ผมถามมันด้วยความเป็นห่วง แต่ไอ้เอกมันกลับเงียบจนน่าโมโห มึงกำลังใช้ความคิดหรืองวะนั่งก้มหน้ามองพื้นอยู่นั่นเเหละ
"เออคิดซะว่ากูพูดกับอากาศเเล้วกัน" ผมจะเดินออกห่างจากมันทำท่างอลหน่อยๆ แบบไม่สบอารมณ์แต่ที่จริงผมจะไปเอาผ้าขนหนูมาเช็ดให้มันต่างหาก แต่พอดีกับที่มันมาคว้ามือไว้พอดี
มันค่อยๆเงยหน้ามา สีหน้าที่ดูเศร้าๆ นี่มันทำให้ผมงงเสียเหลือเกิน ผมเงียบที่จะไม่พูด มันดึงผมมานั่งข้างๆมันแค่นั้น......แค่นั้นจริงๆนะเเล้วแม่งก็ไม่พูดอีกคราวนี้เริ่มอีกละ ผมเลยเปลี่ยนใจมึงอยากเป็นหวัดก็ตามใจมึง หยิบหนังสือบนโต๊ะมาอ่านรอเวลาที่มันจะปริปากพูดออกมา
"นุ๊" มันเรียกผมเบาๆ
"อืม" น้ำเสียงแบบไม่พอใจนะ
"กูอยากถามอะไรมึงว่ะ"
"อะไรล่ะ" สายตาของผมจดจ้องอยู่ที่นิตยสาร แต่หูกำลังรอคอยที่จะรับฟัง
"มึงชอบผู้ชายด้วยกันไหมวะ" มันเริ่มถามเป็นคำถามที่เคยชิน แต่ความรู้สึกมันต่างจากคำถามที่แล้วๆมามากหรือเพราะน้ำเสียงของมันทำให้ดูแตกต่างไปกันแน่
"กูชอบ.....แต่กูแค่มองแต่ไม่ได้คิดอย่างอื่นแบบ..."พูดไม่ออกอ่ะไม่รู้จะอธิบายไงดี
"งั้นมึงรังเกียจไหมถ้ามึงมีเพื่อนที่ชอบผู้ชายด้วยกัน" ผมหันไปมองหน้ามัน มันพูดสายตาเหมือนเลื่อนลอยไปไกล ไม่แม้จะมองหน้าผมเหมือนอยากได้คำตอบแบบทุกๆครั้ง
"ทำไมต้องรังเกลียดล่ะจะชอบผู้หญิงผู้ชายก็คนเหมือนกัน" ผมเห็นลอยยิ้มที่มุมปากที่เขียวจ้ำของมัน มันหันมายิ้มให้ผม ด้วยตาที่ดูน่าสงสารแล้วก็หันกลับไปมองข้างหน้าอีก เงียบไม่มีแม้แต่เสียงหรือพูดอะไรออกมาจากปากมันอีก
ได้โอกาศที่ผมพอจะคิดถึงคำพูดของมันเมือ่กี้ มันชอบผู้ชายหรอ แล้วคนๆนั้นเป็นใครล่ะ ใจหนึ่งผมคิดถ้าเป็นผมล่ะ ความรู้สึกดีใจน้อยๆ ก็เข้ามา ในใจ มันเหมือนกับเรา จะได้รับความรักที่ไม่เคยมีมาตลอดปี ที่ต้องอยู่มาคนเดียวแต่เพราะมันทำให้ความรู้สึกที่ว้าเหว่ นั้นค่อยๆดีขึ้น แต่ถ้าเกิดมันชอบคนอื่น ความรู้สึกอีกอย่างคือ ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับมันจะเปลี่ยนไปไหมถ้าเกิด มันต้องไปไส่ใจกับคนที่มันรักนั้น อยากหัวเราะมาดังๆ ทั้งที่ตัวเองไม่เคยคิดว่าจะมีความรู้สึกแบบนี้กับผู้ชายด้วยกันเลยแท้ๆ แถมผมก็ไม่ได้เป็นเกย์ด้วย แล้วตัวผมมันเปลี่ยนไปเมื่อไร........................................ตั้งแต่ที่มีมันเข้ามาน่ะเเหละ
"นุ๊กูรักมึงว่ะ"
สายตาของผมและมันสบตากันตาสายของมันบ่งบอกว่าสิ่งที่พูดมาไม่ได้โกหก ส่วนในใจของผม มันเหมือนลุกขึ้นมากระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ แต่พูดไม่ออก ได้เเค่มอง
ปากที่เย็นชืดของมันประกบลงปากผมอย่างช้าๆอย่างชั่งใจ เพื่อรอปฏิกิริยาของผม แต่เมื่อเห็นผมไม่ปฏิเสธ มันก็ค่อยสอดลิ้นที่ร้อนผ่าวเข้ามา ความรู้สึกที่ไปตามอารมณ์ทำให้เหมือนใจมันหวิวๆจูบที่นุ่มนวล หอมหวานของมันที่มอบให้เหมือนไม่อยากละออกจากมัน ผมจับต้นคอที่ร้อนผ่าวของมันจนสะดุ้ง เลยผละออกทันที
"ไอ้เอกมึงตัวร้อน!!!"มันยิ้มแห้งๆแล้วเอาหน้ามาซุกที่คอผม บ่งบอกว่าไม่ไหวแล้ว เฮ้อไอ้คนตัวโตขี้อ้อนนี่มันฝืนตัวจนได้เรื่องอีกละ ผมเลยค่อยๆพยุงมันขึ้นห้องนอน มันคงเริ่มอาการของไข้เเล้วล่ะ เพราะขาที่แทบจะไม่มีแรงของมันเกือบพาผมร่วงบรรไดหลายรอบเเล้ว
"เป็นไงมั่ง" ผมค่อยลากสภาพที่เปียกปอนของมันเข้าห้องน้ำหน้าที่ซบอยู่ลมหายใจร้อนๆที่หายใจรดต้นคอทำให้รู้สึกจั๊กจี้
"มึงช่วยกูถอดหน่อยดิ่" ผมว่ามันที่ทำมือไม่มีแรง กางเกงที่เปียกน้ำมันถอดลำบากมากมาย แต่ก็ถอดอย่างทุลักลุเท พามันไปส่งโรงพยาบาล ดีไหมวะ
"เอกมึงถอดกางเกงในเองนะ" ผมพูดข้างๆหูมัน มันก็พยักหน้าหงึกๆแล้วก็ถอดแต่โดยดี ผมเอื้มมือไปหยิบเสื้อคลุมมาคลุมให้มัน เสื้อผ้ามันกองไว้นี่ก่อนแหละค่อยมาเก็บซัก แล้วค่อยๆพยุงมันไปนอนที่เตียง สีหน้าที่ดูซีดๆของมัน ทำให้ผมเป็นห่วง
"เอกมึงไปโรงพยาบาลไหม" ผมถามมัน มันก็ส่ายหัวเเบบไม่เอา
"ไม่เอากูกลัวไม่ถึงโรงพยาบาล" มันว่า ไอ้นี่นิ่ขนาดจะตายดูมันยังจะพูดเล่นแต่ก็จริงของมันผมขับรถไม่เเข็งแต่ผมจะขับทำไมเรียกแท๊กซี่ก็ได้นี่หว่า แล้วฝนตกหนักแบบนี้จะมีรถหรอ
"ไอ้ห่าขนาดนี้แล้วยังจะมากวนกูอีก" มันยิ้มแห้งแล้วหลับตาลง ผมเลย เอาผ้ามาเช็ดตัว ให้มัน
"มึงกินข้าวยัง" มันส่ายหัวน้อยๆ
"งั้นเดี๋ยวกูไปต้มข้าวมาให้มึงกินนะจะได้กินยา" มันพยักหน้าอย่างว่าง่าย ผมเลยลุกจะออกจากห้อง
"นุ๊" มันเรียกผมเบาๆแต่ผมได้ยิน เลยหันกลับไปมอง
"กลับมาเร็วๆนะ"
"เออ" ทำยังกะกูจะหายไปนานนักหล่ะ
พอผมลงมาจากบรรไดก็ต้องผงะอย่างแรง ชายแปลกหน้าที่ใส่สูทท่าทางเหมือนนักธุรกิจ กำลังนั่งอยู่บนโซฟาในบ้านของผม
"เฮ้ยเข้ามาในบ้านกูได้ไง" ผมตะโกนลั่น ชายคนนั้นหันมาแล้วลุกขึ้นยืน
"ก็ไม่ได้ล๊อกนิ่" คำพูดและใบหน้าที่เรียบเฉยตอบ
"ไม่ใช่แล้วมีธุระอะไร ไม่มีมารยาทเอาซะเลย" ผมว่าคนตรงหน้าที่ดูเหมือนไม่สนใจกับคำพูดของผม แถมยังดูเหมือนกำลังมองพิจรณาผมอยู่นั้นแหละ
"ผมเป็นพ่อของเอก"
วันนี้มันเป็นวันอะไรของผมนะถึงได้เจอแต่เรื่องประหลาดใจอย่างนี้ พ่อเอก เอิ้ม เค้าบอกว่าเขาชื่อไรนะอิฐ ออ ผมเรียกพ่ออิฐดีกว่ามั้งง่ายดี เขานั่งอยู่บนโซฟายาวๆตัวเดียวกลางบ้านของผมนั่นแหละแล้วเขาก็เรียกผมมานั่งๆข้างๆแต่เว้นระยะห่างนะ ผมก็เข้าไปนั่งแล้วนั่งเงียบ
"เธอสินะที่ไอ้เอกมันชอบ" ผมหันขวับ ที่พ่ออิฐกำลังคุยกับโต๊ะ แม่งพ่อลูกเหมือนกันคุย ด้วยแล้วไม่ชอบมองหน้า
.............................. ผมเงียบไม่ตอบไม่สบอารมณ์พ่อมันอย่างแรง
"หรือไม่ใช่" เขาถามย้ำอีกครั้ง
"คุณคุยกับโต๊ะหรอ" ใช่ว่าผมจะหยาบคายกับคนมีอายุนะแต่เพราะที่บ้านผมเป็นแบบนี้ผมเลยติดมาเป็นนิสัย
พ่ออิฐมาทำหน้าเหมือนตกใจ แล้วยิ้มแบบแปลกๆ
"เธอเป็นแฟนไอ้เอกหรอ" เขาถามตาก็จดจ้องมาผมเลยตอบกลับไป
"ตอนนี้ยัง แต่ต่อไปผมไม่รู้" ผมพูดไปตามความจริง แล้วพ่ออิฐต้องการจะถามอะไรผมหล่ะ คบกับไอ้เอกมันมาจะเป็นปี แต่เพิ่งได้คุยกับครอบครัวมัน ในเวลาอย่างนี้อีก แล้วไอ้คนบนบ้านไข้แดก ซี้แหง๋ไปแล้วมั้งเนี่ย
"แต่ไอ้เอกมันบอกว่ามันรักเธอ ถึงกับขนาดฉันบอกจะตัดขาดกับมันมันยังจะเลือกเธอ" ....ไอ้เอกมันทำให้ผมอึ้งกับคำพูดของมันอีกแล้ว
"แล้วทำไมล่ะครับ คุณต้องการจะบอกอะไรกับผม" ผมไม่รู้จะพูดว่ายังไงดีตอนนี้คิดอะไรแทบไม่ออกเลย
"ฉันจะให้ไอ้เอกแต่งงาน " ประโยคนี้มันมีเข็มแหลมๆมาทิ่มหัวใจยังไงไม่รู้ สิ่งที่ผู้ชายคนนี้ต้องการบอกอะไรผมรู้ขึ้นอยู่แก่ใจในทันที
"ฉันอยากให้เธอเลิกกับเอก เธอคงไม่อยากให้เอกมันต้องจมอยู่กับสังคมให้เค้าตราหน้าว่ามันเป็นเกย์หรอกนะ" ผมอยากรู้เสียจริง ว่าผู้ชายคนนี้เอาสมองอะไรคิดถึงได้พูดประโยคนี้ออกมา จากปาก
"สังคมจะพูดยังไงมันก็แค่ส่วนหนึ่ง แต่ก็ยังมีคนที่เขายอมรับอยู่" ผมพูดออกมาอย่างหงุดหงิดใจ
"เธอคิดอย่างนั้นหรอ แต่ไอ้เอกมันต้องทำงานธุรกิจนะ มันต้องมีสังคม มีหน้ามีตา มีชื่อเสียง เธออยากทำลาย สิ่งเหล่านั้นด้วยมือของเธอหรอไง"
"ผมไม่ได้อยากทำลายสิ่งเหล่านั้นหรอกครับ ยุคสมัยนี้มันเปลี่ยนไปมาก สิ่งที่คุณคิดมันอาจจะไม่ใช่อย่างที่คุณคิดก็ได้ ถ้าคุณคิดเเบบนั้น ก็เชิญเถอะ ถึงผมจะยอมเลิกคบกับเอก แล้วเอกล่ะ เค้าเเต่งงานไปจะมีความสุขหรอ แล้วคุณจะทำลายอนาคตของผู้หญิงที่ไอ้เอกไม่ได้รักหรือไง" นี่คือสิ่งที่พรั่งพรูออกมาจากปากของผม พ่ออิฐ ทำหน้าตกใจกับสิ่งที่ผมพูด หรือเขายังไม่ได้คิดเรื่องนี้กันแน่ ถ้ามันเหลืออดจริงๆ วันนี้แหละผมจะได้ถอนหงอก คนแก่ครั้งแรกจริงๆ
"อยู่กันไปเดี๋ยวมันก็รักกันเอง"
มันยิ่งทำใหผมอยากต่อยหน้าผู้ชายคนนี้เสียจริง มันอดไม่ได้ที่ผมจะลุกฮึดขึ้นว่า
" คุณคิดแบบนั้นหรอ หรือคุณถูกคลุมถุงชน เหมือนที่คุณทำกับลูกคุณ แต่งงานกันไปก็รักกันเอง ภรรยาของคุณบอกอย่างนั้นกับคุณงั้นหรอถ้ารักที่พูดได้ไม่เต็มปาก มันช่างน่าสงสารเสียจริง" พ่ออิฐ ลุกขึ้นด้วยสีหน้าที่โกรธจัด
"เธอต้องการเท่าไรล่ะ" ตอนแรกผมก็ผงะกับที่เขาลุกพรวดนะ แต่นี่ตกใจคือ อะไรที่เท่าไร
"อะไร" ผมถามอย่างเหลืออด
"เธอต้องการเงินเท่าไรถึงจะยอมเลิกกับลูกฉัน"
"เอาเงินที่คุณจะมาซื้อผม เอาไปบริจาคให้เด็กตาดำๆที่ไม่มีพ่อแม่ไม่ดีกว่าหรอไง ผมไม่ต้องการ" ผมตะคอกใส่อย่างเหลืออดวันนี้เเหละกูจะได้มีมวยกับคนแก่
.................................
เกิดอาการเงียบอย่างเฉียบพลัน ผมที่กำลังตั้งท่าที่จะฉะปากอยู่ ก็ต้องรอเก้อ
" หึหึหึ" จะหัวเราะหึหึไมวะ
"เธอนี่มันสุดยอดจริงๆ" แล้วพ่อคุณก็หันหลังเดินออกจากบ้านไปเฉยปล่อยให้ผมยืนงงอยู่อย่างนั้น - -"
ผมทรุดตัวนั่งอยู่ที่เดิม ด้วยอาการใจเต้น มึนตื้อไปหมดกูงงกับชีวิตของกูเหลือเกิน
เมื่อเหตุการณ์สงบผมรู้ว่ามันเสียเวลาไปมากกับการสนทนากับผู้ชายคนนั้น เลยต้องต้มโจ๊กซองไปให้เอกกินลองท้องไปก่อน พอเปิดประตูไป ไอ้เอกที่กำลังนอนหลับเหงือที่ท่วมตัวและอาการขนที่ลุกตั้งของอาการไข้ มันทำให้ผมอดสงสารมันไม่ได้
"เอก เอก" ผมเรียกมันเบาๆแต่ไม่มีท่าทีว่ามันจะหืออือ เลยเขย่ามันเพื่อเรียกให้ตื่น
"อืม"
"กินโจ๊กจะได้กินยา" มันลืมตาขึ้นน้อยๆ
"ลุกไม่ขึ้น" มันว่าผมเลยขยับหมอนให้มันขยับมาพิงในท่านั่ง
"อะเดี๋ยวป้อน" ผมป้อนโจ๊กให้มันมันกินไปแค่3 4คำก็บอกไม่ไหว ผมเลยให้มันกินยา
"นุ๊ เมื่อกี้มีอะไรหรือเปล่าอ่ะเอกได้ยินเสียงเหมือนคนทะเลาะกัน"
"อ๋อคนข้างบ้านเค้าทะเลาะกันน่ะอย่าคิดมากเลย" มันพยักหน้าแล้วก็หลับต่อ
ผมมองหน้าที่ดูเพลียๆของมัน ความรู้สึกหลากหลายที่เวลาอยู่ข้างๆมัน กับผม รู้สึกเปลี่ยนไป ตอนนี้ผมเริ่มรู้ใจตัวเองเเล้วหล่ะ ผมอยากจะขอโทษมันเสียจริง ที่เคยมองข้ามความรู้สึกที่มันมอบให้แต่ผมไม่เคย ส่งตอบกลับให้มันเลยซักครั้ง ทำให้ผมรู้สึกผิด ใจใน
"ถ้ากูรู้สึกตัวเร็วกว่านี้ก็คงดี"
...