ส่งท้าย
เกม – ส้มเกม ส้ม ทุกวันนี้เป็นคู่รักกันไปซะแล้ว จนที่ห้องเรียนต่างพากันอิจฉากันเป็นการใหญ่ ส่วนเรื่องเทควันโด หลังจากที่ผมออกมาช่วงแรก เกม กับ ส้มก็หยุดเรียนไปด้วย เหตุผลเพราะส้มไม่ชอบโค้ช แต่ก่อนหน้าที่ยังมาเรียนอยู่เพราะเกรงใจผม แล้วผมก็ยังปกป้องน้องจากโค้ชอยู่เรื่อยๆ พอผมไม่อยู่น้องเลยตัดสินใจออก ส่วนเกม ส้มไม่มา เกม ก็ไม่มา
ริวตั้งใจจะเข้าเตรียมอุดมเลยต้องไปตั้งใจเรียนสุดๆ ทั้งๆที่ตอนแรกริวบอกกับผมว่าถึงจะเรียนหนักก็ยังจะมาซ้อมเทควันโดอยู่ แม้จะแค่เสาร์อาทิตย์ก็ตาม แต่เมื่อผมออกมาได้สองถึงสามวัน น้องก็โทรมาหา ทัก FB แล้วก็ MSN ถามอยู่เรื่อยๆเรื่องที่ผมหายไป สุดท้ายผมก็บอกน้องไปว่า มีเรื่องไม่สบายใจ อาจไม่ได้เข้าไปแล้ว หลังจากนั้นสองอาทิตย์ ริว ก็ออก
ฟิว คนนี้พอเพื่อนๆพากันออกเลยออกด้วย ปัจจุบัน ติดเกมเรียบร้อยแล้ว
พลอย พลอยเลิกเรียนตามผมทันทีที่ผมหยุดเข้าไป ถึงแม้ว่าว่านจะมาชวนให้กลับไปเรียน พลอยก็ไม่กลับ ด้วยเหตุผลว่าไม่มีผม แล้วก็ไม่ชอบโค้ช แถมพลอยยังชอบถามหาบีอยู่เนืองๆอีก
ต้นกล้า หลังจากถูกบังคับให้ซ้อมอย่างหนักสุดท้ายต้นกล้าก็หยุดซ้อม แต่ตอนนี้ต้นกล้ากลับมาแล้ว แล้วก็...ด้วยความที่ต้นกล้าเป็นเด็กที่หน้าตาดีมาก ( แต่ไม่เท่าบี ) เลยกำลังทาบทามไปเป็นนายแบบถ่ายภาพแนวกีฬาด้วยค่าขนมชั่วโมงละ 200 บาท ถ้างานออกมาดี อาจให้ค่าขนมเพิ่ม
ไนท์ หลังจากที่ผมไม่เข้าไป 2 อาทิตย์ ไนท์ก็ออกครับ ด้วยเหตุผลที่เกิดอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อ ทำให้คุณแม่น้องไนท์แสดงความเห็นออกมา ส่วนตัวของไนท์เอง ก็รู้สึกตะหงิดๆถึงความไม่นิ่งของโค้ชอยู่แล้วด้วย ไนท์เลยตัดสินใจเลิกซ้อม โดยไนท์ยกตัวอย่างเหตุการณ์ว่า
“ครั้งหนึ่งโค้ชพยายามให้ไนท์ฝึกไม่วางเท้าขาหน้าแรงอย่าเอาเป็นเอาตาย ทำเอาไนท์เครียดมาก....แต่มาอีกวัน โค้ชกลับบอกให้วางเท้าขาหน้าแรงๆทั้งๆที่มันก็ท่าเดียวกัน” ตอนที่เกิดเหตุการณ์นี้ผมยังอยู่ครับ แต่ไม่ได้แสดงความคิดเห็น เพราะไนท์เองตอนที่เกิดเรื่องนี้ขึ้นไนท์ก็ไม่เห็นคัดค้านอะไร แต่ผมไม่คิดว่าไนท์จะเอามาใส่ใจ อาจเพราะตอนแรกโค้ชกดดันในการฝึกจนไนท์เครียดมั้ง เลยจำ
บี ยังคงโทรมาบ้าง ล่าสุดโทรมาอ้อนๆ แล้วก็ตบท้ายด้วยการบอกว่า
“ผมอยากได้กระต่าย” วันคล้ายวันเกิดบีปีนี้ผมซื้อกระต่ายให้น้องแล้วกัน อ้อ อีกอย่างน้องบอกว่าอาจมาเรียนเสาร์อาทิตย์แทน ถ้าจัดการตารางเวลาเสร็จ
ว่าน ก่อนผมหายไปว่านขึ้นเสียงแล้วสบถคำไม่สุภาพใส่ผมประโยคหนึ่ง แถมยังเอาประโยคนั้นโพสใน Facebook อีก นั่นก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ผมเลือกที่จะหยุด หลังจากนั้นว่านก็โทรมาหาผมสองครั้ง เรื่องโทรศัพท์ที่เค้าสนใจ แล้วก็สอบถามเรื่องที่ไนท์ไม่มาซ้อม จากนั้นว่านก็ไม่เคยโทรมาอีกเลย แล้วล่าสุดที่เจอกันก็อย่างที่เล่าไปครับ น้องหลบตลอด หลบจนผมเข้าใกล้น้องไม่ได้หลบตลอด หลบจนพูดคุยด้วยไม่ได้ โทรหาก็ไม่รับ Facebook ก็ไม่ตอบ กระนั้นผมก็นยังเอาลิ้งรายการที่ว่านชอบไปโพสไว้ให้ที่ FaceBook ของว่านตลอด แรกๆว่านก็ยังเข้า Facebook อยู่ แต่พักหลังถึงกับไม่ Up Facebook เลยทีเดียว ไม่รู้ว่าเพราะไม่ว่างหรืออะไร ตอนนี้พลอยกำลังตามเรื่องให้อยู่ ซึ่งพี่ป้อมเองก็เคยสอบถาม แต่ว่านก็ไม่ยอมตอบ
พี่ป้อม ในช่วงอาทิตย์สุดท้ายก่อนยิมจะล่ม พี่ป้อมก็ยื่นมือเข้ามาแก้ไขสถานการณ์ ซึ่งตอนนี้พี่ป้อมตัดสินสใจจะทำเทควันโดเต็มเวลาแล้ว
โค้ช ถูกพี่ป้อมตำหนิอย่างแรง เพราะไม่จ่ายค่าเช่ายิมเข้าเดือนที่สี่พอพี่ป้อมมากลับจะให้พี่ป้อมจ่าย ทำให้พี่ป้อมฟิวขาดแล้วก็ต่อว่าโค้ชไปหลายเรื่อง รวมถึงเรื่องความเห็นแก่ตัว แล้วก็เรื่องที่ชอบคิดว่าตัวเองถูก สุดท้ายพี่ป้อมสั่งห้ามโค้ชเข้ามายุ่งกับการเรียนการสอนเป็นระยะเวลาสี่เดือน ส่วนเรื่องที่มหาวิทยาลัย ผมกำลังจะเริ่มดำเนินการผ่านทาง อาจารย์อดีตที่ปรึกษาและผู้จัดการทีม
เก่ง หลังจากแข่งจามจุรีเกมส์จบก็หายเข้ากลีบหมอกไปเลย พร้อมทิ้งปัญหาไว้ เนื่องจากเก่งเก็บเงินค่าเสื้อ แล้วก็ค่าออกค่ายจากน้องสมาชิกชมรม แต่ถึงเวลากลับไม่ได้ออกค่าย แถมเสื้อชมรมก็ยังไม่ได้ ซึ่งเดากันไม่ยากครับว่า มันเกิดอะไรขึ้น เบื้องต้นผมให้คณะกรรมการชุดเก่าตามรายชื่อที่ผมแต่งตั้งไม่ต้องออกความคิดเห็นในเรื่องนี้ ผมต้องการให้โค้ชเห็นกับตาว่าที่เค้าคิดมันเป็นยังไง ในทางปฏิบัติ คนที่เค้าชมไม่หยุด คนที่เค้าเชื่อใจ ทั้งเพื่อนเค้า ทั้งเก่ง สรุปแล้วเป็นยังไง
น้องๆนักกีฬา คาดว่าคงต้องรอให้ทราบถึงการตัดสินใจของทางมหาวิทยาลัยก่อน ผมถึงจะเริ่มดำเนินการใดๆต่อ
ชมรมเทควันโดที่มหาวิทยาลัย ปีนี้คงไม่มี เพราะเก่งสร้างปัญหาไว้กับค่าเสียหายที่ต้องจ่ายคืนเป็นเงินเกือบหนึ่งแสนบาท ผมเลยจะรอให้โค้ช เพื่อนโค้ช แล้วก็เก่ง จัดการแก้ปัญหาให้เสร็จก่อนแล้วกัน
ยิม ปัจจุบันอยู่ในช่วงลูกผีลูกคน ผมเองไม่อยากออกตัวช่วยเต็มที่เพราะโค้ชยังมีผลประโยชน์กับยิมนี้อยู่ แต่จะปล่อยให้ล่มไปก็คงไม่ได้ เพราะว่านจะไม่มีที่ไป
ผม ผมตัดสินใจเป็นคนใจร้าย ปล่อยวางทั้งยิม แล้วก็ชมรมของมหาวิทยาลัย เพราะโค้ช ผมอยากให้โค้ชเห็นกับตาว่าเค้าไม่มีศักยภาพตามที่เค้าคิด ถ้าไม่มีผม เค้าไม่มีทางเดินมาได้ขนาดนี้ เรื่องนี้พี่ป้อมรู้ดี เพราะพี่ป้อมถึงกับพูดว่า
“มันบ้าไปแล้ว เอาเอออกแบบนี้ ตัดแขนขาตัวเองทิ้งชัดๆ” ตอนที่ผมบอกในเรื่องที่โค้ชพูด แล้วก็เพราะประโยคที่โค้ชกล่าวมานั้นแหละที่ทำให้ผมตัดสินใจวางมือจากทุกอย่างเกี่ยวกับเทควันโด สุดท้ายยิมเกือบล่ม เพราะเด็กออกตามผมหมด เหลือแค่ว่านที่ยังมาซ้อม ชมรมที่มหาวิทยาลัยก็คงต้องล่ม เพราะผมไม่อยากยุ่ง มันไม่ใช่ปัญหาของผม แต่มันเกี่ยวกับชมรม ถ้าผมเข้าไปกู้ชมรมผมก็ต้องแก้ปัญหาพวกนี้ด้วย เรื่องของกีฬามหาวิทยาลัย คงต้องให้มหาวิทยาลัยเลือกระหว่างผมกับโค้ชแล้วล่ะ แล้วก็การที่ไม่มีชมรม ทำให้หานักกีฬามาแทนรุ่นที่จบไปลำบาก จำนวนนักกีฬาก็จะน้อยลงไปด้วย แต่ท้ายที่สุด คือผมวาง....จะเดินไปเท่าที่เดินได้ จะไม่ตื้อ ไม่ร้องขออะไร ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่ได้ ถ้ามันไม่พังกับตา...โค้ชคงไม่เชื่อว่าเค้าไร้ศักยภาพแค่ไหน ถ้ามันไม่ล่มให้เห็นเค้าคงจะพูดโทษคนอื่นไปทั่วตามสูตร ดังนั้นทุกอย่างที่พัง ควรพังระหว่างที่อยู่ในมือเค้า เค้าจะได้เอาไปพูดใส่ร้ายคนอื่นเพื่อแก้ตัวไม่ได้ แล้ว.....ผมก็ต้องขอโทษน้องๆทุกคน ขอโทษอาจารย์ที่เคยฝากชมรมเทควันโดไว้กับผม ขอโทษอาจารย์ที่คอยช่วยเหลือผมมาตลอด....ตอนนี้ผมว่า....สร้างขึ้นมาใหม่ดีกว่า....ถ้าผมยังทำได้
แล้วก็ขอโทษว่านด้วย...ทั้งๆที่ผมก็รู้ว่าเทควันโดคือชีวิตของว่าน....แต่ว่านเลือกโค้ชนี่นา ดังนั้นก็เห็นแบบเดียวกับที่โค้ชเห็นแล้วกัน เห็นชัดๆว่าแนวคิดของโค้ชมันไม่มีทางเป็นไปได้ เห็นชัดๆว่าคนที่ว่านเชื่อถือมาตลอดมันก็ดีแค่ลมปาก เห็นชัดๆว่าเค้าไม่มีศักยภาพมากมายตามที่โม้ไว้ เห็นชัดๆว่าเค้ามันไร้ค่าแค่ไหน ที่สำคัญ ให้เห็นให้ชัดๆว่าคนแบบโค้ชไม่ใช่เค้าไม่เอาใคร แต่ไม่มีใครเอาเค้าต่างหาก
วันหนึ่งหลังเลิกซ้อมโค้ชนั่งคุยกับผมเรื่องที่เค้าเคยทำงาน เค้าโม้ไปเรื่อยว่าเค้าเคยเป็นหัวหน้างานที่โน้นที่นี่ แล้วก็มาถึงช่วงที่ว่า
“เอ จบไปคิดจะทำงานอะไร” โค้ชถามผม
“ไม่รู้ครับ ไปหาเป็นลูกน้องเค้าก่อนมั้ง”“เหรอ พี่คงเป็นลูกน้องใครไม่ได้”“ทำไมละครับ”“คนแบบพี่มันต้องเป็นระดับหัวหน้าเท่านั้น” วันนั้นผมได้แค่ยิ้ม เพราะรู้อยู่แก่ใจว่ามันก็แค่คำคุย....แต่ว่านที่นั่งฟังด้วยหน่ะซิครับ....เค้าจะมองว่ามันก็คำโวหรือเปล่า
----------------------------------------------------------------
แถม....เรื่องประทับใจโค้ช
ช่วงแรกที่ผมปลดจากทหารแล้วเข้าไปที่ยิมเทควันโดคืนมันมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นครับ
วันหนึ่งผมถามโค้ชว่า
“พี่ ชุดที่พี่ใส่อยู่นี่เท่าไหร่เหรอครับ”พอผมพูดจบโค้ชก็หันมามองผมก่อนจะส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า
“มีปัญญาซื้อเหรอ”โค้ชพูดจบผมอึ้งแดกไป 3 วินาที ก่อนที่ผมจะไม่ถามเรื่องชุดนี้อีก.....จากนั้นสองอาทิตย์ผมก็ซื้อชุดที่แพงกว่าชุดที่โค้ชใส่อยู่มาใส่
วันหนึ่งระหว่างที่ตั้งวงคุยกันอยู่ จู่ๆอาจารย์กบก็ถามหากล้องว่าใครมีบ้าง คนแรกที่อาจารย์หันมาถามเลยคือผม
“เอ มีกล้องไหม” อาจารย์กบถามแล้วยิ้มๆ
“มะ...” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดคำแรกจบ
“หน้าอย่างมันจะมีปัญญาซื้อเหรอครับ” โค้ชพูดแทรกขึ้นมา
“.....” ผมนั่งเงียบไม่พูดอะไร
หลังจากที่คุยเสร็จวันนั้นผมก็เอากล้องผมออกมาเดินถ่ายภาพเล่นไปเรื่อย จนอาจารย์กบมาเห็น
“เอ กล้องใคร” อาจารย์กบถามผม
“ของผมครับ” ผมหันไปตอบ
“อ่าว แล้วเมื่อกี้ โค้ชเค้าบอกว่าเอไม่มี”“ครับ แต่ผมไม่ได้พูดนี่นา”วันหนึ่งผมไปต่างจังหวัดครับ พอดีว่ารีบเพราะโค้ชบอกล่วงหน้าแค่ 12 ชั่วโมงก่อนจะไป ผมเลยเอากระเป๋าเดินทางใบประจำมาใช้ ซึ่งมันมีพวกสติ๊กเกอร์ความปลอดภัยของสนามบินติดอยู่ ผมไม่อยากแกะเพราะกาวมันจะทำให้กระเป๋าเปื้อน แล้วระหว่างที่รอรถไฟอยู่นั้น จู่ๆโค้ชก็พูดออกมาว่า
“กลัวคนอื่นไม่รู้หรือไงว่าเคยเข้าสนามบิน” โค้ชพูดจบผมก็หันไปมอง
“ทำไมเหรอครับ” ผมถามแบบ งงๆ
“ก็ดูกระเป๋าซิติดเต็มไปหมด กลัวชาวบ้านเค้าไม่รู้หรือไง แล้วชาตินี้จะได้ขึ้นเครื่องหรือเปล่าก็ไม่รู้” โค้ชพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก
“....” ผมไมได้ตอบอะไรกลับไป
ยังมีเรื่องอื่นอีก แต่สามอย่างนี้ผู้อ่านคงพอจะเดานิสัยโค้ชได้ เพราะสามเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วง 2 – 3 เดือนแรกโค้ชเจอผมอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้เจอกันนาน ขอบอกว่าประทับใจ
-----------------------------------------------
6 มิ.ย.
ตัดสินใจแล้วว่าจะเอา TV 29 นิ้วที่บ้านไปไว้ที่ยิม เพราะตอนนี้ที่ยิมไม่มี TV เนื่องจากโค้ชเอากลับไปคืน อีกอย่างผมอบู่บ้านคนเดียว จะมี TV ทำไมตั้ง 4 เครื่อง ห้องนั่งเล่นเครื่อง ห้องนอนเครื่อง ไปกองให้ฟุ่นเกาะในห้องเก็บของอีกสอง เดี๋ยววันนี้สัก 5 โมงเย็นพี่ป้อมคงเอารถมาขน ส่วนเรื่องว่าน...ผมจะคุยกับน้องยังไงดี เมื่อวันเสาร์ผมรวมหนังสือที่ผมอ่าน ซึ่งว่านชอบยืมไปอ่านเมื่อก่อน เอาไปไว้ที่ยิม.....วันนี้ว่านน่าจะไปยิมแล้ว...เค้าจะหยิบมาอ่านไหมน๊า
16.33. ฝนตก ฟ้าครึ้ม
16.58. โทรหาพี่ป้อมเมื่อกี้ สรุปว่าวันนี้ไม่มีซ้อม พี่ป้อมโทรให้แม่ว่านมารับว่านแล้ว....ว่าแต่วันนี้แม่ว่านอยู่บ้านเหรอ ? อาจให้พี่ข้างบ้านมารับมั้ง...อืมมม...
18.45. พลอยโทรมาบอกว่าว่านงอลพลอยมั้ง เพราะพลอยไปล้อว่าว่านชอบสาวคนหนึ่ง
------
7 มิ.ย.
12.15. กลับจาก ม. ไม่มีเรียนแล้ว กลับมาเปลี่ยนชุด รวมๆหนังสือ มีหนังสือยากให้ว่านเอาไปอ่าน...ยื่นให้เองน้องเค้าจะรับไหมนะ...หรือ ฝากพลอยไปให้ดี....
14.30. ผมโทรไปแจ้งอาจารย์ที่รับผิดชอบเรื่องกีใาของทางมหาวิทยาลัยเรื่องโค้ชแล้ว ซึ่งอาจารย์จะเลือกผม หรือ ว่าโค้ชก็แล้วแต่แล้วกัน เพราะผมพูดไปแล้วว่าถ้าโค้ชยังทำอยู่ ผมก็จะไม่มายุ่ง
16.59. เอา ทีวีไปที่ยิมแล้ว ว่านไม่ยอมคุยกับผมเหมือนเคย ยกมือไหว้พี่ป้อมคนเดียว แล้วก็เดินอยู่ห่างๆผม ไม่มอง ไม่สนใจ แต่ก็ยังเดินไปแอบหลังตู้บ้าง หลังเสาบ้างเหมือนเคย อีกอย่างว่านไม่ยอมฝึกมา 3 - 4 วันแล้ว ตั้งแต่ที่โค้ชไม่มาด้วยเหตุผลว่าเจ็บขา.... ที่ยังไปอยู่ก็ไปทำการบ้านบ้าง นั่งเล่นบ้าง.....ผมว่า...พี่ป้อมเอาว่านไม่อยู่หรอก จริงๆถ้าที่ว่านเป็นแบบนี้เพราะผมยังวนเวียนไปยิมอยู่.....ผมเลิกไปดีไหม ?
17.30. ผมกลับบ้าน หนังสือที่เอาไปให้ว่านยังวางอยู่บนโต๊ะ....ผมไม่กล้าเรียกเค้า กลัวเค้าจะไม่พอใจ....อาจสบถคำพูดแย่ๆออกมาอีก....
17.55. รุ่งน้องที่ มหาวิทยาลัยโทรมาถามเรื่องชมรม....น้องเค้าจะเอารุ่นน้องในเอกเค้าเข้าทั้งหมด 200 คน.....ผมบอกขอบคุณน้องเค้าไป เพราะเรื่องของชมรม....ปีนี้คงไม่มี....
18.05. ผมส่ง SMS ไปบอกว่านว่า
"หนังสือในถุงบนโต๊ะข้างทีวีเอาไปอ่านได้นะ"