จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็เดือนกว่าเข้าไปแล้ว การสอบสวนหลักฐานทุกอย่างกลับพุ่งเป้ามาที่ธนา แต่ทั้งต้นเงินและธนารู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้เพราะถ้าต้นเงินเป็นอะไรไป สิ่งที่ธนาจะได้มีแค่หุ้นจำนวนไม่มากจากบริษัทที่ต้นเงินดูแลอยู่เพียงเท่านั้นและถ้าต้นเงินเป็นอะไรไปก็จะมีผลกระทบกับเสถียรภาพของบริษัทอีกต่างหากกลายเป็นว่าถ้าธนาอยากอยู่สบายก็ต้องดูแลต้นเงินให้ดีเหมือนกัน ทั้งนี้ธนาเป็นคนเสนอให้ทำแบบนี้เอง เพื่อต้นเงินจะได้ไม่ต้องหวาดระแวงคนข้างตัวอีกและเรื่องนี้มีรู้กันอยู่แค่สามคนเท่านั้นคือต้นเงิน ธนา และทนายความเก่าแก่
เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ธนาเสนอให้ตามน้ำไปก่อน เพื่อซ้อนแผนของคนร้ายอีกที ธนาไปขอปรึกษากับผู้บังคับบัญชา
“เรื่องนี้เกิดในท้องที่ของเรา เรามีหน้าที่รับผิดชอบเต็มที่ ผมจะสั่งพักงานคุณ แล้วให้วินัยเป็นคนรับผิดชอบคดีนี้” คนเป็นนายติดต่อออกไปนอกห้อง วินัยเป็นเพื่อนสนิทที่เรียนร่วมรุ่นตำรวจมาด้วยกัน เป็นคนตรง คนไว้ใจได้
“ให้วินัยเข้ามาพบผมด้วย” ไม่นานร้อยเอกวินัยมา ธนาเล่าแผนที่วางไว้ให้อีกฝ่ายฟัง
“ผมให้คุณเป็นคนรับผิดชอบคดีนี้ และคอยประสานงานกับธนา มีความคืบหน้าอะไรรายงานผมโดยตรง”
“ครับ” ทั้งสองคนรับคำและทำความเคารพก่อนออกจากห้องไป
เรื่องร้ายก็เกิดตามมาอีกหลายหน ไม่ได้ทำให้ภูผาหนักใจอะไรเลยเพราะหลายๆครั้งแสดงให้เห็นว่าเป็นฝีมือพวกสมัครเล่นไม่ได้เปลืองแรงคนของเราเท่าไหร่เลยดีซะอีกว่าเป็นการสร้างความตื่นตัวให้คนของเขได้เป็นอย่างดี จะว่าไปคนที่มาหาเรื่องเขายังร้ายซะกว่าหลายเท่านัก
แต่เรื่องของเรื่องที่ทำให้ภูผากลุ้มอยู่ตอนนี้ กลับเป็นเรื่องที่อยู่ๆ น้องสาวของเขาก็เกิดอาการนอนละเมอเข้าห้องผู้ชายซะอย่างงั้น ครั้งแรกเขาเห็นตั้งแต่ปลายเดินออกจากห้องมากลางดึกก็นึกว่าไม่มีอะไรเพราะพอทักน้องก็เหมือนสะดุ้งและรู้สึกตัว แต่หลังๆ ชักหนักขึ้น เพราะเขาไม่ได้มีเวลามานั่งเฝ้านอนเฝ้าน้องได้ทุกคืน ยิ่งตอนนี้มีธนาเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับต้นเงินยิ่งแล้วใหญ่ เพราะตัวต้นเงินเองดูเหมือนไม่ได้มีใจให้ปลายน้ำเหมือนกับธนาที่แสดงออกอย่างโจ่งแจ้งว่าชอบปลายน้ำ แต่ที่ไว้ใจไม่ได้คือ ตัวปลายน้ำเอง ตอนตื่นๆก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะสนใจต้นเงินติดจะเอียงไปทางธนาซะด้วยซ้ำ แต่ทำไมตอนละเมอกลับเดินเข้าห้องต้นเงินมันซะอย่างนั้นนี่สิ
จากเหตุการณ์หลายครั้งที่ต้นเงินต้องกระเจิงออกจากห้อง เพราะปลายน้ำเดินละเมอเข้าไปนอนที่เตียง ทำให้ภูผาไม่สบายใจ ไม่ได้กลัวต้นเงินจะทำอะไรปลายน้ำ แต่กลัวจะเป็นปลายน้ำเองนั้นแหละที่จะทำอะไรต้นเงิน และเกิดอะไรที่ดูไม่งามขึ้นใต้จมูกของเขา
“คุณปลายเป็นแบบนี้บ่อยหรือครับ” ต้นเงินที่วันนี้กระเจิงออกจากห้องมาอีกครั้งถามขึ้นทันทีที่ภูผามาถึงบ้านที่เขาพักอยู่
“น้องผมไม่เคยละเมอ” ภูผาตอบเสียงเขียว แล้วเข้าไปปลุกน้องสาวให้ออกมาจากห้องนอนของคนอื่น
“ก็เห็นอยู่” ต้นเงินเดินตามไป ปากก็ยังเหน็บต่อ
“ยังไม่เลิก ..ได้.. คุณ” ภูผาขี้หน้าต้นเงิน
“เก็บของ” ภูผาสั่ง ต้นเงินขี้ที่ตัวเอง ใจก็คิด ..เก็บไปไหน
“ปลาย น้องไปเก็บของๆตัวเองแล้วย้ายมาอยู่ที่นี่ ส่วนคุณเก็บของใช้แล้วย้ายไปนอนที่บ้านกับผม” คำสั่งสายฟ้าแลบทำเอาสองคนที่ต้องย้ายหน้าเหวอ โดยที่ภูผาลืมไปเสียสนิทว่าที่บ้านหลังนี้ยังมีธนาอยู่อีกคน
คนนอนหลับกระสับกระส่ายจนคนร่วมเตียงต้องลุกเปิดไฟหัวเตียง เมื่อภูผาสั่งให้ต้นเงินมานอนที่บ้านกับเขา ครั้งแรกกะว่าจะให้นอนในห้องของปลายน้ำ แต่เพื่อกันความเสี่ยงภูผาเปลี่ยนใจ ให้ต้นเงินเข้ามานอนร่วมห้องกับเขา มีอยู่หลายคืนที่ภูผาต้องสะดุ้งตื่นกลางดึกเพื่อมาปลุกและปลอบคนนอนข้างๆ
ต้นเงิน นอนกระสับกระส่าย บางครั้งฝันร้ายจนสะดุ้งตื่นกลางดึก บางครั้งก็ละเมอร้องไห้อย่างน่าสงสาร
หลายๆ ครั้งที่ต้นเงินละเมอ ภูผาแค่เอามือไปแตะที่ตัวหรือแขนต้นเงินก็จะหยุด แต่ครั้งนี้กลับไม่ใช่
“ต้น คุณต้น” ภูผาเอามือแตะ และเรียกเบา คนฝันร้ายตอนนี้เหงื่อท่วม มือป่ายเปะปะ น้ำตาไหลเป็นสาย หายใจหอบ ร้องครางอย่างเจ็บปวด จนภูผาต้องเขย่าปลุก คนนอนละเมอลืมตาแต่เหมือนยังไม่หลุดจากฝันที่ร้ายกาจนั้น
“.คุณภู..” คนเพิ่งตื่น กระซิบเสียงแผ่ว สีหน้าแววตาตื่นตระหนกแสดงถึงความหวาดกลัว ราวกับเด็กหลงทาง
“นายฝันร้าย แค่ฝันร้าย ไม่เป็นไร” ภูผาทาบมือที่ข้างแก้มอย่างอ่อนโยน น้ำตามากมายไหลทะลักจากคนโดนปลอบ มือสั่นระริกเย็นเฉียบตวานคว้าจับมือที่ข้างแก้มอย่างเสียขวัญ การร้องไห้แบบไม่มีเสียงดูจะบาดลึกในใจของภูผาเป็นอันมาก ภูผาดึงมือออกจากการเกาะกุมเปลี่ยนเป็น โอบรั้งให้คนร้องไห้ซุกแนบเข้ากับแผ่นอก มือหนาลูบปลอบที่หัว แล้วย้ายไปตบเบาๆ ที่แผ่นหลังเปลือยอย่างช้าๆ จากครั้งแรกที่เห็นอาการนอนฝันร้ายกระสับกระส่ายของต้นเงิน ภูผาก็ไปเค้นความจริงจากธนา จนได้รับรู้เรื่องราวในอดีตของต้นเงินอย่างระเอียด ภูผาที่เคยแต่หวงห่วงน้องสาวคนเดียว แต่ตอนนี้กลับห่วงอาทรร่างบางในอ้อมกอดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่อาจรู้ สายใยบางๆ ได้ถักทอร้อยรัดหัวใจสองดวงที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ให้ขยับแนบชิดกันอย่างหลงลืมตนของคนสองคน มือบางกอดรัดร่างหนาเข้ามาแนบชิดอย่างต้องการที่พึ่งพิง มือหนาก็โอบรักร่างบางอย่างปกป้อง
ร่างสั่นเทาในอ้อมกอดเริ่มสงบลงบ้างแล้ว พยายามดันตัวออกจากอ้อมกอดอบอุ่นที่ได้รับเพื่อป้องกันตัวจากความเคยชินที่อยากจะซุกเข้าหากเกราะกำบังที่อบอุ่น เจ้าของอ้อมกอดที่โอบรัดอยู่กลับไม่ยินยอมให้ร่างเล็กหลบหนีออกไปได้ วงแขนที่รัดแน่นเข้าจนคนในอ้อมกอดต้องเงยขึ้นมอง เมื่อตาสบตา ช่วงเวลานั้นราวกับโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะ
“คุณภู ..” เสียงแผ่วเบายังไม่ทันได้เอ่ยไปมากว่าการเรียกชื่อ ริมฝีปากอุ่นก็แนบลงปิดอย่างแม่นยำ ก่อนจะเริ่มรุกรานเรียกร้องมากขึ้นจนร่างเล็กถึงกับสั่นสะท้าน มือหนาป่ายเปะปะไปตามแผ่นหลังเปลือย ลูปไล้ไปตรงไหนก็ทิ้งล่องรอยอบอุ่นไว้ให้
ร่างหนารุกรานหนักขึ้น จนตอนนี้ร่างของทั้งสองเปลือยเปล่าแนบชิดเป็นเนื้อเดียว คนร่างเล็กเสียอีกที่ยังหลงเหลือสติยั้งคิด
“คุณภู...อ๊ะ” เสียงเรียกหอบกระเส่า เรียกรั้งร่างหนาไว้ก่อนที่จะเลยเถิดจาไม่อาจหวนกลับ
“อือ” ร่างหนาครางรับเสียงเรียกแต่ไม่ได้หยุดการกระทำที่กำลังติดพันอยู่
“อ๊ะ.. คุณอือม ภู..อาเดียว..คะ..ครับ อ๊า ..จะซี๊ด .อือม.ทำอย่างนี้..อ๊า..จริงๆ หรอครับ” เมื่อร่างบางพูดจบประโยคอย่างที่ตั้งใจ ร่างหนาก็ยกตัวขึ้นเลือนตัวกลับมาคร่อมทับด้านบนอย่างยั่วยวน หน้าของทั้งสองอยู่ชิดกัน ตามองตา ปากแนบปากแต่ภูผาไม่ได้รุกรานอะไรไปมากกว่านั้น แต่กลับกระตุ้นอารมณ์ได้อย่างแปลกประหลาด ร่างบางกลับเป็นฝ่ายหลบตาอย่างเขินอาย
“นายอยากให้หยุดหรือเปล่า” ร่างหนาด้านบนกระซิบถามอยู่ชิดริมฝีปากบางอย่างยั่วยวน พอปากบางขยับห่าง คนด้านบนก็ไล้ลิ้นลงหยอกล้อ เสียงหายใจเข้าลึกๆ อย่างจำนน ก่อนร่างบางจะปล่อยให้ลิ้นร้อนลุกรานจนหนำใจ มือบางเกาะกอดแผ่นหลังหนาเอาไว้แน่น
“ไม่ ผม ไม่อยาก ให้คุณภู หยุด” เมื่อร่างหนาหยุดรุกราน ต้นเงินก็ตอบแผ่วๆ กระท่อนกระแท่นตามแรงอารมณ์ที่พุ่งสูง
“แต่..” ภูผาไม่รอให้ต้นเงินพูดต่อ คราวนี้เขาบดจูบลงมาอย่างรุนแรงราวกับจะทำโทษ
“ไม่ต้องมีแต่” ภูผากระซิบเบาชิดริมหู ทำเอาต้นเงินถึงกับสั่นสะท้าน
“ไม่ได้ อ๊ะครับ” ร่างบางพยายามรวบรวมสติให้มาที่สุดก่อนที่จะสายเกินไป แต่ภูผาก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้แม้แต่น้อย เมื่อต้นเงินยังดื้อ ภูผากัดเบาที่ลำคอขาว แต่ต้นเงินก็ยังไม่ยอมจำนน
“ผมรักคุณภู แต่ อ๊ะ..” ภูผาได้ยินคำว่ารัก ก็เลยสมนาคุณด้วยจูบแสนหวานที่แทบกระชากวิญญาณและสติต้นเงินให้หลุดจากร่าง
“ผม..” หลังจูบที่ทำเอาสติกระเจิง ต้นเงินก็เริ่มพูดสิ่งที่คิดไว้อีกครั้ง
“แทนตัวว่าต้นสิ” ภูผาสั่งสียงดุ
“ต้น..” ต้นเงินแทนตัวเองว่าต้นอย่างอายๆ
“ต้นรักคุณภู..”
“เรียกพี่ภูครับ” ร่างหนาสั่งอีกครั้ง
“ต้น ต้นรัก พะ ..พี่ภู” ต้นเงินหน้าแดงกล่ำ อายเสียยิ่งกว่าสิ่งที่ทำมาจนถึงตอนนี้เสียอีก
“เด็กดี” ภูผายิ้มรับคำเรียก ก่อนจะซุกไซร้ ที่ข้างหูต้นเงินอย่างเมามัน
“แต่..”ภูผาเอานิ้วชี้มาปิดที่ปากต้นเงินก่อนที่ต้นเงินจะได้พูดจนจบ
“เรารักกัน ต้นรักพี่ พี่ก็รักต้น ระหว่างเราจะไม่มีคำว่าแต่อะไรอีก อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด และต้นจะมีพี่ภูเป็นเกราะคุ้มภัย เป็นที่พักพิงตลอดไป พี่สัญญา” ต้นเงินซุกหน้าเข้าที่ซอกคอภูผา สองมือกอดรัดร่างของภูผาเอาไว้แน่นเหมือนกลัวว่าที่ผ่านมาจะเป็นแค่ฝัน
“พี่ภู” ต้นเงินร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้นจากคนที่ขาด ขาดความรัก ขาดไปเสียทุกอย่าง เหมือนเด็กหลงทางที่เดินมาเจอบ้านที่โหยหา ภูผาพลิกตัวลงนอนตะแคง โอบกอดร่างบางที่ยังร้องไห้สะอึกสะอื้นเอาไว้แน่น ก่อนจะหลับไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ มารู้สึกตัวอีกครั้ง ด้านนอกแสงสีทองเริ่มมองเห็นรำไร ร่างบางในอ้อมแขนดิ้นขยุกขยิก ให้หลุดออกจากวงแขน ภูผาลูบไล้แผ่วไปตามแผ่นหลังเปลือย ร่างบางถึงกับสะท้านเฮือก ภูผาพลิกตัวอย่างเร็ว กดร่างบางลงแนบกับที่นอนนุ่ม
“อ๊ะ พี่ภู..” ภูผาบดจูบที่ริมฝีปากบางอย่างอดไม่อยู่ ร่างเล็กไม่ได้ต่อต้าน ภูผาจูบไซร้ไปตามข้างแกม ไล้เรื่อยลงไปที่ซอกคอขาว
“อื้อ …อ๊ะ ..อ๊า อ๊า” เสียงครางจากร่างบางช่วยเร่งให้ร่างหนาหนักมือยิ่งขึ้น
“อ้ะพี่ภู …อึ้...อ๊ะ” ปากไล้ไปซอกคอ แล้วขบเม้มตรงติ่งหู ลากไล้ลงมาที่หัวนมแข็งชูชัน ร่างขาวผวาแอ่นอกเข้าหา
“อ้า .. อื้อออ” ภูผาปรนเปรอ ยอดอกทั้งสองข้างอย่างเมามัน ต้นเงินได้แต่กกกอดจิกทึ้งหัวไหล่หนาอย่างลืมตัว ร่างบางบิดเร่า ภูผาเลื่อนตัวต่ำลงไปอีกคราวนี้ เรียกเสียงครางดังลั่นห้องได้อย่างง่ายดาย ร่างขาวแอ่นเกร็ง ตามการเรียกร้องปรนเปรอทั้งมือและปากของภูผา ก่อนจะนอนระทวยเป็นดินเหลวอยู่กลางเตียง ภูผามารอช้า จับยกขาที่อ่อนเปียกทั้งสองของต้นเงินชันขึ้น แทรกตัวเข้ากลางหว่างขา ต้นเงินนอนหลับตาแน่น ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวจนภูผายังรู้สึกได้
“ต้น ต้นครับ อย่ากลัวนะ” ภูผากระซิบปลอบอย่างนุ่มนวล ต้นเงินได้แต่พยักหน้าตอบแบบส่งๆ เมื่อภูผาเดินหน้าต่อไป เสียงร้องครางที่ถูกข่มกลั้นอยู่ในลำคอของต้นเงิน เป็นเสียงของความหวาดกลัวและเจ็บปวด จนภูผาต้องโน้มตัวลงไปกอดร่างบางที่ตัวสั่นเทาเอาไว้
“พี่ภู อืออ พี่ภู ช่วยต้นด้วย”นี่เป็นเสียงกระซิบที่ภูผาจับในความได้จากต้นเงินที่ตอนนี้เหมือนลืมตัว
“ต้น ต้นครับ พี่ภูอยู่นี่นะ นี่พี่ภูเองครับ ไม่ต้องกลัวนะคนดี” ภูผาลูบหลังไหล่คลายการเกร็งลง กัดฟันค่อยขยับสะโพกสอดใส่เข้าไปอย่างช้าๆ ต้นเงินลืมตาขึ้นมอง ก่อนกางมือออกโอบรัดคนด้านบนว่าคนที่ขยับโยกอยู่ด้านบนคนภูผา การตอบสนองเริ่มดีขึ้นจนกลายเป็นความหฤหรร เสียงร้องอย่างสุขสมดังระงมลั่นห้อง จวบจน ตะวันไต่ขึ้นไปเกือบตรงหัว การเคลื่อนไหวในห้องจึงสงบลง
เวลาผ่าน อีกเดือนกว่า คนที่ทำร้ายต้นเงินโดนจับเรื่องต่างๆ คลี่คลายไป ต้นเงินไม่ฝันร้ายอีก แต่เรื่องที่คาใจภูผาก็ยังไม่คลี่คลาย เพราะทุกครั้งที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม ต้นเงินจะแสดงอาการหวาดกลัวให้เห็นอยู่ทุกครั้ง แต่ไม่ว่าจะเค้นถาม ธนาแค่ไหน ธนาก็ตอบได้แค่ว่าไม่รู้ครับ ไม่รู้จริงๆ จนภูผาตัดใจที่จะถามต่อ....
..
.
วันนี้ภูผาไม่อยู่ บ้านเงียบจนผิดสังเกต ต้นเงินนอนอยู่คนเดียวบนเตียงใหญ่ ร่างบางนอนกระสับกระส่าย เหงื่อออกท่วมตัว ลมหายใจหอบกระชั้น
“ช่วยด้วย” เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังลั่น ร่างบางกระเด้งตัวขึ้นนั่งอย่างตื่นตระหนก อากาศในห้องเย็นเฉียบเกินอุณหภูมิความเย็นของเครื่องปรับอากาศ ต้นเงินหันหน้ามองที่ประตูห้อง คุณจันทร์ที่มีร่างเลือนรางยืนมีสีหน้ากังวล อยู่ข้างประตู ต้นเงินรู้สึกถึงเสียงผิดปกติได้ในทันทีแต่มันก็สายไป ประตูถูกคนร้ายกระแทกเปิดเข้ามาได้ก่อน คนร้ายสามคนตรงเข้ามาถึงตัวอย่างรวดเร็ว แล้วสติก็ดับวูบไป
ภูผากลับมาถึงก็เห็นบ้านเปิดไฟสว่างโร่ ธนากำลังสั่งงานให้คนออกค้นหาอะไรสักอย่างอย่างเร่งด่วน รางสังหรณ์ประหลาด ทำให้ ภูผาแทบจะกระโดดลงจากรถที่ขับอยู่ทันที
“พี่ภู คุณต้นหายไป” ธนารีบบอกข่าวร้ายทันทีที่เห็นหน้า ภูผากวาดตาหาปลายน้ำทันที จึงเห็นปลายน้ำนั่งตัวสั่นเทาอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขก ภูผาได้แต่ถอนใจด้วยความโล่งอก
“ผมให้คน ออกค้นหาแล้ว คุณต้นหายไปไม่นานเราน่าจะตามทัน” ธนายังรายงานต่อ
“ทำไมนายรู้ว่าต้นเพิ่งหายไปไม่นาน”
“คุณน้ำผมบอกว่าเป็นห่วงบ้านห่วงคุณต้นยังไงไม่รู้ ให้ผมรีบมาดูที่บ้านเพราะวันนี้พี่ภูกลับดึก ผมเลยมาด้วยกันกับคุณน้ำ พอมาถึง ประตูบ้านที่ควรจะปิดกลับเปิดอยู่ผมเลยเข้าไปดูมีร่องรอยงัดแงะ ผมหาคุณต้นไม่พบ คลำดูที่เตียงยังอุ่นๆอยู่ ผมเลยสันนิษฐานว่าพวกมันน่าจะเพิ่งพาคุณต้นไป” ธนาพูดไปเรื่อยแม้จะเห็นแล้วว่าภูผาไม่ได้ฟังเขาเลย ตอนนี้ภูผาก้าวยาวมาหยุดอยู่หน้าปลายน้ำ
“พาผมไปหาต้นเงินเดี๋ยวนี้” เสียงห้าวสั่งอย่างกระชากกระชั้น ปลายน้ำที่นั่งหน้าซีดอยู่ยิ่งซีดลงกว่าเดิมอีกหลายเท่า
ธนาที่เดินตามภูผามาทางด้านหลังกลับนึกว่าทั้งหมดเป็นฝีมือของปลายน้ำที่หึงหวงพี่ชายตัวเอง แต่ก่อนที่จะได้อ้าปากต่อว่าปลายน้ำ
“คุณรู้ใช่มั้ยว่าพวกมันพาต้นน้ำไปที่ไหน” ภูผายังกระชากเสียงถามกับความว่างเปล่าด้านหลังปลายน้ำต่อไป ธนาเริ่มนึกอะไรได้ลางๆ ถึงกลับครางแผ่วออกมา
“คุณจันทร์” ปลายน้ำและภูผาหันมามองธนาเป็นตาเดียว
“เค้าชื่อคุณจันทร์หรือ” ภูผาหันมาถามธนา และได้รับการพยักหน้าตอบ
“ธนา เรียกทุกคนกลับมา แล้วให้รีบตามชั้นมา ปลายอยู่ที่เฝ้าบ้าน ล็อกบ้านให้ดี เอาปืนในลิ้นชักมาถือไว้ ไม่ไว้ใจยิงก่อนค่อยถาม” พูดจบก็เดินริวออกไป ธนาที่ไปตามคนงานกลับมาเดินตามหลังภูผาที่นำหน้าไปไกลอย่าไม่ให้คลาดสายตาทางที่ภูผานำไปเป็นทางไปหน้าผาที่อยู่ด้านหลังรีสอร์ท ยิ่งเดินใกล้หน้าผามากเท่าไหร่ เสียงร้องขอความช่วยเหลือของต้นเงินก็ยิ่งชัดขึ้น ภูผากระโจนไปตามเสียง ภาพที่เห็นทำเอาเขาเลือดขึ้นหน้า คนร้ายสองคนยืนมองอีกคนคร่อมร่างของต้นเงินที่ตอนนี้แน่นิ่งไปแล้ว ภูผากระโดดถีบเข้าใสร่างคนที่คร่อมอยู่เหนือร่างต้นเงินในทันที ด้วยความไม่ทันระวังคนร้ายรายนั้นกระเดนกลิ้งไปหยุดอยู่ริมผา หมิ่นเหม่จะตกมิตกแหล่ อีกสองคนแตกฮือ ก่อนจะตั้งตัวได้ คนที่ตามภูผามาก็มาถึงซะก่อนทั้งสามคนเลยโดนจับได้อย่างมายากเย็น
“ต้น ต้น” ภูผารีบเข้าไปหาต้นเงินทันที แต่ตอนนี้ต้นเงินได้แต่นอนตัวสั่น ปากพึมพำอะไรไม่ได้ศัพท์ ภูผากอดร่างสั่นเทาของต้นเงินแน่น ปากก็กระซิบเรียกสติต้นเงินอยู่ข้างหู ไม่นานต้นเงินก็สงบลง ไม่ร้องไห้ ไม่สั่น เลยร้องพึมพำ ภูผาจึงอุ้มต้นเงินกลับมาที่บ้าน ธนาออกไปจัดการเรื่องตำรวจ พร้อมกับปลายน้ำ ในฐานะเจ้าของบ้าน
.....ในฝันที่ไม่ชัดของต้นเงิน เด็กชายกำลังปีนต้นไม้ข้างบ้านเพื่อเก็บดอกไว้อะไรซักอย่างจะเอาไปให้คนเป็นแม่ ความฝันจากเรื่องอดีตและปัจจุบันตีกันยุ่งเหยิง ตัดสลับกันไปมาทั้งทุกข์ทั้งสุข ที่เลวร้ายที่สุดก็เป็นตอนที่มีคนร้ายมาจับตัวเขาไป ต้นเงินร้องตะโกนให้คนช่วย ทั้งดิ้น ทั้งร้องจนแสบไปทั้งลำคอเล็กๆ แต่กลับไม่มีใครสักคนสนใจ เขาถูกพามาที่ห้องเล็กๆ ซอมซ่อ นายสนจับเขาโยนเข้ามาในห้องอย่างไม่ใยดี แล้วก็มีผู้ชายอีกคนตามเข้ามา ความเลวร้ายยังตามหลอนจนแม้แต่เสียร้องก็ไม่ได้ช่วยบรรเทาลงได้ เด็กเล็กคนนึงต้องมารองรับความวิปริตของอมนุษย์ แต่แล้อยู่ๆ ก็มีร่างเลือนรางร่างหนึ่งมาขี้ทางหนีให้กับเขา ร่างเล็กวิ่งหนีไม่คิดชีวิตตามกำลังที่ร่างกายบอบช้ำจะพาไปไหว แต่เขาก็หนีรอด ตอนที่เขาคิดซุกตัวอยู่ในโพลงไม้ กลไกของร่างกายก็สั่งให้สมองลบลืมวันที่หน้าหวาดกลัวนั้นออกไป ชีวิตใหม่เริ่มขึ้นหลังจากนั้อีกหนึ่งเดือน พี่ธนา กับแม่ขวัญต่างดูแลถนุถนอมเด็กชายราวกับไข่ในหิน แม้ทุกอย่างจะดูเทาๆ แต่ความรักความเอาใจใส่อย่างจริงใจก็เป็นยารักษาให้โลกหม่นๆเริ่มมีสีสันขึ้นมาบ้าง แต่แล้ววันนึง พี่ภูก็เข้ามาทำให้โลกที่น่าหวาดกลัวเป็นที่ที่มีแต่ความอบอุ่นอีกครั้งและครั้งนี้ต้นเงินตัดสินใจจะไม่ยอมเสียมันไปไม่ว่ามันจะเลวร้ายปานได้ก็ตาม เข้าจะไม่ยอมลืมมันเป็นอันขาด....
“พี่ภู” เสียงเรียกยังไม่ขาดปาก ต้นเงินก็กระเด้งตัวขึ้นนั่ง ภูผาลุกตามขึ้นมาอย่างทันที พอต้นเงินหันมาเห็นภูผา ก็ผวาเข้ามาในอ้อมกอดพร้อมกับร้องไห้ราวกับจะขาดใจ
“ไม่ต้องกลัวนะ พี่ภูอยู่กับต้นแล้ว ไม่มีใครทำอะไรต้นได้นะ พี่ช่วยต้นทัน ไม่มีใครทำอะไรต้นนะ” ภูผากอดคนในอ้อมแขนแน่นมาก
พี่ภู พี่จะรังเกียจต้นมั้ย ถ้าต้นจะเล่าอะไรให้ฟัง”
“ไม่ ไม่ว่าเรื่องอะไรพี่ภูจะอยู่ข้างต้นเสมอ” ต้นเริ่มเล่าเรื่องราวตอนเด็กที่โดนจับตัวไป เรื่องที่โดนทำร้ายและเรื่องที่ต้นทำให้ตัวเองลืม
“ร้องเพราะเสียใจก็ร้องให้พอนะต้นร้องให้พอกับที่เมื่อตอนเด็กต้นไม่ได้ร้อง แต่ถ้าจะร้องเพราะกลัวไม่ต้องร้องอีกแล้วนะ พี่ภูจะดูแล ปกป้องต้นอยู่ตรงนี้เอง”
“ต้นเกลียดมัน ต้นกลัว ขยะแขยงมันต้นไม่อยากจะนึกถึงมัน แต่กับพ่อแม่ ต้นเสียใจ ที่ต้นลืมพวกเค้า ต้นคิดแต่ว่าไม่มีใครใส่ใจ ไม่มีใครรัก ไม่มีใครมาช่วยต้น ต้นไม่รูว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเค้า ต้นเลยเลือกที่จะลืม...”เสียงเจ็บปวดที่รำพันขาดเป็นห้วงๆ คนฟังได้แต่กอดคนร้องไห้ให้แน่นขึ้นปล่อยให้เวลาเป็นผู้เยียวยาความเจ็บปวดนี้ของต้นเงิน ภูผาจัดท่าเปลี่ยนจากนั่งเป็นนอนเพื่อความสะดวกและไม่ต้องมานั่งเมื่อยกันอยู่ เวลาผ่านไปสักพัก อาการสั้นสะท้านจากการร้องไห้เริ่มซาลง
“นอนไปเถอะน่า” คนในอ้อมกอดเริ่มขยับยุกยิก
“แต่..”
“เฮ้อ” เสียงถอนใจหนักๆ ดังมา คนกอดที่ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นคนโดนกอด หยุดเสียงประท้วงในทันใด ภูผาก้มมองคนโดนกอด ผิวที่ขาวจัดทำให้เห็นอาการบวมแดงที่ตาได้ชัดเจน ตาก็บวม จมูกก็แดง ภูผาขำสภาพน่าสงสารของต้นเงินแต่ไม่ได้พูดอะไร แล้วกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นอีกนิด
“พี่ภูไม่เมื่อยหรือไง กอดมาตั้งนานแล้วนะ..” คนโดนกอดท้วงเบาๆ ก่อนจะวาดแขนโอบแผ่นหลังหนาแล้วซุกหน้ากับแผ่นอกอย่างออดอ้อน ร่างหนาที่ต้นเงินโอบกอดสร้างความรู้สึกมั่นคง อ้อมกอดอบอุ่นทำให้ต้นเงินรู้สึกเหมือนโดนปกป้อง ในวงแขนนี้คือที่ๆ ปลอดภัยกว่าที่ใดๆ ในโลก
ภูผารู้สึกถึงความอุ่นนุ่มที่ประทับลงที่อกข้างซ้ายได้เป็นอย่างดี อ้อมแขนแกร่งคลายออก ภูผาก้มลงมอง คนที่เพิ่มเปลี่ยนเป็นแมวขี้อ้อน หลับตาพริ้มบดปากเข้ากับอกข้างซ้ายตรงกับบริเวณที่ควรจะเป็นหัวใจ ครั้งที่หนึ่งแผ่วเบารวดเร็ว ครั้งที่สองก็นานยิ่งขึ้น ครั้งที่สามทั้งเนินนานและหนักแน่น ก่อนจะเงยหน้ามาส่งยิ้มหวานให้อีกต่างหาก
...,.ต้นน้ำกำลังยั่วเขาใช่มั้ยนี่...
“นอนเถอะเจอมาขนาดนี้ยังมีกระใจมายั่วกันอีกนะ”
....
..
.
วันนี้ภูผาพาต้นเงินกลับมาค้างที่บ้านเก่า เพราะต้นเงินบ่นถึงคุณจันทร์ที่อยู่ก็หายไป กลางดึกคืนนั้น ต้นเงินขยับตัวออกจากอ้อมแขนอุ่น ลุกจากที่นอน คว้าเสื้อคลุมมาสวมทับร่างเปลือย แล้วเดินลงจากบ้านทรงไทยประยุกต์ ร่างสูงเดินช้าๆ ไปตามทางปูอิฐตัวหนอน ผ่านต้นไม่ใหญ่น้อยไปหยุดที่ริมบ่อน้ำใต้ต้นไทรใหญ่
“คุณจันทร์” ร่างเลือนราง ใต้แสงจันทร์ หันกลับมาตามเสียงเรียก ร่างซีดจางนั้นส่งยิ้มน้อยๆ กลับมาให้ ต้นเงินคุกเข่าลงหน้าร่างเลือนรางนั้น
“แม่” ร่างจาง สั่นสะท้าน ทำท่าเหมือนคนร้องไห้
“แม่ ต้นขอโทษ ขอโทษที่จำแม่ไม่ได้ ขอโทษที่แม่อยู่กับต้นมาตลอดแต่ต้นกลับนึกว่าไม่มีใครรักต้น” ร่างเลือนรางยิ้มให้อย่างอบอุ่น มือซีดจางลูบลงตรงหัวของต้นเงินอย่างช้าๆ
...ไม่เป็นไรลูก แม่เข้าใจ แม่ก็ขอโทษที่ช่วยต้นไม่ได้... เสียงเรียบเย็นตอบกลับมาอย่างช้าๆ
“ไม่เป็นไรครับ ต้นคิดว่ามันคงเป็นกรรมของต้นเอง แม่ไม่ต้องห่วงต้นนะ ต่อไปนี้แม่อย่าอยู่ทรมานที่นี่อีกเลย ต้นอยู่ได้”
...พอมีคนรักก็ไล่แม่เชียวนะ เจ้าตัวดี....
“ต้นไม่ได้ไล่สักหน่อย แม่อยากอยู่กับต้นก็ได้ แต่ต้นไม่อยากเห็นแก่ตัวทำให้แม่ทุกข์ทรมานต่างหาก แต่แม่ แม่โกรธต้นมั้ย ที่ต้นรักกับพี่ภู ต้นจะไม่มีทายาทให้แม่ไว้สืบสกุลอย่างนี้”
...แม่ยังอยู่กับต้นได้อีกไม่นานแล้วลูก และไม่ลูกรัก แม่ไม่โกรธลูกของแม่แม้แต่นิดเดียว อะไรที่เป็นความสุขของลูกก็เป็นความสุขของแม่ด้วย จะมีก็แต่พ่อของลูกเท่านั้นแหละที่คงต้องรับทัณฑ์ทรมานจากการบ่นของบันดาบรรพบุรุษไปอีกสักพัก แต่ก็ใช่ว่าตานั้นจะยอมพวกวิญญาณแก่พวกนั้นซะเมื่อไหร่ เห็นอ้างตลอดว่าตัวเองอายุสั้นยังไม้ได้สอนให้ต้นเป็นชายชาตรีก็มาด่วนจากไป มันเป็นความผิดของเค้าคนเดียวซะเมื่อไหร่ แต่ตอนนี้แม่ก็เห็นว่าซาบ่นกันไปเยอะแล้ว ตั้งแต่รู้ว่าทายาทได้มาเกิดแล้ว....
“ทายาท ทายาทหรือครับ” ต้นเงินเหมือนนึกอะไรออก
“ที่คุณพูดนี่หมายความว่ายังไงกันครับคุณจันทร์” เสียงดุๆ จากคนที่ควรจะนอนอยู่ที่ห้องดังมาก่อนตัว
“หลานที่ว่านี่คงเป็นลูกของนายธนา แต่ไอ้อีกสักพักนี่มันหมายความว่าอย่างไรครับ ตอนนี้ผู้หญิงที่นายธนาใกล้ชิดที่สุดก็เห็นจะเป็นน้องสาวผม แต่ผมบอกไว้ก่อนเลยนะครับ ถ้าเรื่องจะแต่งงานแต่งการ คงต้องรอไปอีกหลาย หลายปีนั้นและครับ แล้วไอ้ที่ว่ามาเกิดแล้วนี่มันหมายความว่ายังไงหรือนายธนาแอบไปไข่ทิ้งไว้ที่ไหนผมจะได้บอกให้น้องสาวผมตัดใจซะแต่เนินๆ”
“แม่อย่าบอกนะว่าปลายน้ำท้อง” ต้นเงินรู้ว่าตัวเองหลุดปากอะไรออกไปแต่ก็สายไปเสียแล้ว ภูผาลากต้นน้ำจากไปอย่างรวดเร็ว ดูท่าคืนนี้คงไม่ต้องหลับต้องนอน ถางตาขับรถกลับไปซักฟอกสองคนนั้นถึงรีสอร์ทเป็นแน่..........
..
.
The end