ูู^^
“วันนี้เป็นวันที่ผมมีความสุขที่สุดเลยในชีวิต” เพราะอะไรหนะหรอผมไม่รู้หรอกแต่ทุกวันที่ตื่นขึ้นมาผมจะบอกตัวเองอย่างงั้นเสมอวันนี้ก็เหมือนกัน เมื่อให้กำลังใจตัวเอเงเสร็จถึงจะอาบน้ำแต่งตัวออกไปทำงาน เย็นนี้นัดเพื่อนกินข้าวเย็นไว้
วันเกิดครบยี่สิบห้าที่แสนเปล่าเปลี่ยว พ่อแม่ก็ไม่มี แฟนก็ไม่มี ยังดีมีเพื่อน เพื่อนที่มันเพิ่งโทรมายกเลิกนัดเอาเมื่อกี้ ไอ้เมื่อกี้ที่ว่ามันเลยเวลานัดมาได้ห้านาที
“ไอ้เพื่อนเวรเอ้ย แล้วกูจะทำอะไรดีวะเนี่ย” ว่าแล้วก็เลยตัดสินใจเดินเข้าเซเว้นแทน ซื้อทั้งเหล้า และมิกซ์เซ่อกลับไปกินที่ห้องพอถึงห้อง ก็กินเอากินเอาจนหมดไปค่อนขวด เพิ่งนึกได้
“กูลืม ซื้อกับแกล้มนี่หว่า” แล้วก็เดินเป๋ไปเซเว้นใหม่อีกรอบ
“น้อง เอากับแกล้ม” พูดจบก็ตบแบ็งค์พันสองลงวาง น้องพนักงานก็ดีเหลือเชื่อรีบจัดการหยิบขนมกุบกรอบ ไส้กรอก ข้าวกล่องมากมายมากองไว้ที่จ่ายเงิน
“เอ่อพี่คะรับซาลาเปาทานเพิ่มด้วยมั้ยคะ”
“เอา จัดมา” คิดเงิน จ่ายเงินเสร็จ กำลังจะเดินออก
“พี่คะ พี่ได้สิทธิแลกซื้อสิบห้าสิทธิจะใช้เลยมั้ยคะ”
“เอ้า เอามาเล้ย” จ่ายเงินไปอีกรอบกว่าจะได้ออกมา
“เอิ๊ก อุ๊ก อ๊อก อยากอ้วกว่ะ” เลยเดินเป๋ไปเป๋มาพร้อมถุงของอ้วนพีห้าหกถุงที่ถูกเพิ่มน้ำหนักด้วยชาขวดผสมเก๊กฮวย ไปหาที่เหมาะๆ แถวพงหญ้าข้างทาง
“หนักว่ะ กูถืออะไรมานักวะเนี่ย” ว่าแล้วก็โยนของทิ้งไปไว้ เดินเข้าใกล้พงหญ้ามากขึ้น เมื่อทำธุระกับพงหญ้าแถวนั้นเสร็จ อาการมึนๆ ดูจะดีขึ้นบ้าง ก็เดินตัวปลิวจะกลับห้องแต่มีใครไม่รู้มันช่างกล้ามาขุดหลุมเอาไว้จากที่จะเดินตัวปลิวเลยกลายเป็นลอยเคว้ง ยังกะตกเหวก็ไม่ปาน
“อ๊ากกก อุ๊ก” ตุ้บ...เพล้ง
“โอ้ย” จุก แต่นอกเหนือความจุก จำได้ว่าตกมาโดนคนอีกคน เพราะไอ้เสียงโอ้ยสุดท้ายนั้น เลยรีบลุกขึ้นดู โห น่ารักมั่กมั่ก ขาวนวลเนียน หน้าแดงกล่ำ กลิ่นเหล้าคลุ้ง นั่งโงนเงน อยู่บนเตียง ส่วนตัวผมนั่งอยู่บนพื้นข้างเตียงที่มีขวดเหล้าวางเกลื่อนอยู่ แล้วอยู่ดีดี
“อึ๊ก ฮึ๊ก อือ อือออ สวรรค์แกล้งข้า แค่เสียคุณพ่อคุณแม่ไปยังไม่พอ ยังจะส่งคนมาทำร้ายข้าได้ลงคอ อือออ ข้าเจ็บ อือออ” คนตัวนวลเบะหน้าร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร ทำเอาคนมองทำอะไรแทบไม่ถูก ต้องกระโดดขึ้นไปบนเตียงกว้าง
“โอ๋ อย่าร้องนะ อย่าร้อง โอ๋ โอ๋เจ็บตรงไหนบอกเราเลยเราจะทำให้หายเจ็บเลย” เมื่อเห็นคนตรงหน้าร้องไห้อย่างน่าสงสาร มันกี่ขวบแล้ววะเนี่ย เลยเข้าไปกอดรัดเอาไว้
“ข้าเจ็บแขน ฮึก” ผมเลยคว้าแขนขาวๆ นั้นมาดู แล้วจูบลงไปเบา แล้วหันไปมองหน้า มันยิ้ม โอ้ยย น่าร้ากก
“หายแล้วหละ ท่านไม่ได้มาแกล้งข้าใช่มั้ย ไม่งั้นท่านคงไม่รักษาให้ข้าเป็นแน่” พูดพรางยื่นแขนอีกข้างมาให้
“ยังเจ็บตรงไหนอีกมั้ย” เค้าพยักหน้า
“ทั้งตัวเลย ข้าเจ็บไปทั้งตัวเลย” โอ้วว สวรรค์บันดาล ผมค่อยๆ จัดการถอดเสื้อเค้าออก ตัวเค้าเล็กแต่ไม่ใช่นุ่มนิ่ม เค้าน่าจะสูงแค่บ่าผมเองมั้ง เสื้อที่เค้าใส่เป็นเสื้อผ้าป่านบางๆ กับกางเกงแพรเหมือนที่คนแก่ชอบใส่กันนั้นแหละ ขาว ขาวมาก ผมจับเค้านอนหงายลงที่เตียง เค้าก็นอน ว่าง่ายดีชะมัด ขาวไปทั้งตัวเลย ขาวจั๊วะน่าเจี๊ยะซะเหลือเกิน
“อิทาดะกิมัส” ผมลงมือเล็มที่ลำคอขาวๆ ก่อนอื่นแล้วรื่อยลงมาที่หน้าอก
“อืออ จั๊กจี้นะ” เค้าพยายามดันผมออก แต่เรื่องอะไรจะยอม ผมเลียที่ยอดอก เน้นจนมันแข็ง ดูดแรงๆจนมันเป็นสีแดงสวย
“ฮืม อ๊ะ” จากที่ผลักเค้ากลับแอ่นออกสู้ปากอย่างลืมตัว ปากดูดดึง มือก็ช่วยบดบี้อีกข้างแบบไม่ให้น้อยหน้ากันจนพอใจ ก็เลื่อนตัวต่ำลงเพื่อเข้าหาเจ้าน้องน้อยตัวเรียวที่กำลังขยับหงึกๆ เรียกอยู่ที่ด้านล่าง พอมาถึงก็เอามือกำรอบแล้วรูดขึ้นลงอย่างช้าๆ
“อ๊ะ อืออ อย่า อ๊า ซี๊ดด ฮืม หยุด อ๊า” ร่างเล็กปากก็พร่ำบอกให้หยุดแต่สะโพกกลับยกร่อนตามแรงมือ
“อ๊ะ อืออ อย่า อ๊า หยุดนะ อย่า อ๊ะ ทำอย่างงั้น อ๊ะ อืออ” เมื่อเห็นได้ที่ก็ขยับปากเข้าแทนทีมือทั้งดูดทั้งเลีย
“อ๊า ซี๊ดด เสียว อ๊า อ๊าวว” จนร่างเล็กตัวเกร็งสะโพกลอยกระตุก ก่อนที่จะปลดปล่อย แล้วนอนสิ้นเรี่ยวแรงจะขัดขืน ผมเลยจับขาของเค้าแยกออกกว้างแล้วเอาแขนคล้องใต้เข่าเค้าแล้วขยับเข้าใกล้กันมายิ่งขึ้นยกให้สะโพกเค้าขึ้นมาทับอยู่ที่หน้าขาแล้วดันต้นขาเค้าให้แยกกว้างค่อยๆ กด
ความแข็งขึงของตัวเองเข้าไปในร่างคนตัวเล็กอย่างช้าๆ
“โอ้ยย อือออเจ็บ เจ็บ พอ อ๊ะ อ้า ซี๊ดด หยุด หยุดเถอะเจ็บ ข้าเจ็บ อือออออ” ร่างเล็กพยายามดิ้น แต่ผมกดเค้าไว้กับที่นอนและคงเจ็บมากจริงๆ เลยไม่มีแรงจะดิ้นได้มากนัก มือทั้งสองข้างเลยต้องจิกเข้าที่ที่นอนแทนตัวผม มันคับแน่นมากๆ จนต้องค่อยขยับเข้าออกช้าๆ ที่ละนิด อย่างอดทน เพื่อให้เค้าได้ปรับตัว
“อย่าเกร็ง อือม” ผมต้องก้มไปดูดเลียที่ยอดอกอยู่บ่อยๆ ให้เค้าได้ลืมๆ จะได้ไม้เกร็งมากนัก จนส่วนหัวเข้าไปได้ ร่างเล็กอ้าปากค้างไม่มีเสียงร้องดังออกมาคงเจ็บแทบขาดใจ น้ำตาไหลเป็นสาย ผมเลยดันเข้าไปสุดแรงจนมันเข้าได้หมดแล้วนิ่งค้างไว้ ก่อนจะก้มตัวลงไปดูดปากแลกลิ้นอย่างเมามัน ด้านล่างก็กำลังตอดรัดของผมจนแทบทนไม่ไหว แล้วก็เริ่มขยับเข้าออกช้าๆ ไปด้วย
“อืออ” เลยต้องยกตัวขึ้นนั่งเมื่อขยับเร็วขึ้นแรงขึ้น
“อ๊า หยุด ข้า อ๊ะเจ้า อ๊า” ผมแกล้งขยับเร็วและแรงมากขึ้น
“เรียกพี่ซิ”
“ไม่ อ๊า ไอ้คนเล..อ๊าวว” เมื่อผมเห็นว่าเค้าใกล้ถึงฝั่งเต็มทน ผมกลับหยุดตัวเองไว้
“อย่า อึก หยุดสิ” เสียงเรียกร้องอย่างหงุดหงิดดังออกมาเบาๆ
“นายชื่ออะไร” เค้าสะบัดหน้าไม่ตอบผมเลยแกล้งด้วยการกระแทกเข้าใส่อย่างแรง
“อ๊า” เมื่อยังไม่ตอบก็ทำอีกครั้ง
“อืออ บอกแล้ว อืออ ข้าชื่อศร อืออ อ๊า”
“ศร หรือ งั้นเรียกเราว่าพี่พัฒ” แต่ดูเหมือนคนด้านล่างจะดื้ออีกแล้วก็เลยต้องใช้วิธิเดิม
“อ๊า อืออ พอ อืออ โอ้ยย อืออ เรียกแล้วอืออ พี่พัด อืออข้าเจ็บ”
“เรียกตัวเองว่าศรด้วย” แล้วก็ส่งแรงกระแทกเข้าใส่อย่างแรงอีกครั้ง
“อือออ พี่พัด โอ้ยย ศรเจ็บ อืออ” ศรร้องไห้ออกมาจริงๆ ผมเลยต้องหยุดกระแทกแล้วเปลี่ยนเป็นขยับช้าๆ ค่อยควานๆ วนๆ จากเสียงร้องไห้ก็กลายเป็นเสียงครวญครางไปเท่านั้นเอง เมื่อจบศึกเราทั้งคู่ก็หมดแรงจะสานต่อเลยได้แต่กอดกันหลับไป
.
.
เช้าวันใหม่แสงแดดแยงตาเลยทำให้ต้องตื่นแต่มันเมื่อยขบจนไม่อยากลุก
“แหมเมื่อคืนฝันดีชะมัดเลย” แต่ก็ต้องตื่นไปไปซักผ้า
“ท่าน” หือท่านไหนวะ เลยต้องหยีตาสู้แดดขึ้นมอง
“ดาบ!!” ไม่ใช่ท่านดาบปราบศัตรูพืชแน่ แค่ตื่นมายังไม่ทันลืมตาดีเลย ดาบในมือเมียก็ทิ่มพรวดเข้ามาเกือบถึงคอหอย ทำเอาตื่นตระหนก ถอยกรูดติดหัวเตียง โอ้เซ็กซี่จริง ร่างเล็กเอาผ้าห่มแพรพันเอวไว้มือนึงถือดาบอีกมือจับรวบผ้ากันหลุด เมื่อผมถอยเค้าก็ตามเข้ามาแต่ เมื่อคืนคงหนักไปหน่อยเมียรักทรุดลงไปกองกับพื้น งี้ก็หมายความว่าก่อนผมตื่นเค้าคงค่อยๆ กระดืบไปหยิบไอ้ดาบนั้นแล้วคงกะเอามาฟันหัวผมแต่บังเอิญผมดันตื่นซะก่อนซิเนี่ย
“ศร เป็นไรมั้ย” ผมรีบเข้าไปอุ้มเค้าขึ้นโดยไม่ลืมเอาไอ้ดาบเล่มนั้นโยนไปทางอื่นด้วย” สิ้นฤทธิ์ คนถูกอุ้มมีน้ำตากลบตาจะหยดแล่มิหยดแล่ เลยต้องวางที่เตียงอย่างระวัง
“เจ้าทำอะไรกับข้า เจ้าคนชั่ว ข้าเป็นชายเจ้ายังไม่เว้น ไอ้โจรสวาท ข้าจะจัดการเจ้า” ฮื่อ สอนไม่จำ
“เมื่อคืนพี่พัฒให้ศรแทนตัวเองว่าศร ทำไมไม่จำ หรือต้องให้สอนกันใหม่” เมื่อผมทำท่าจะเข้าไปหาเค้าก็ถอดหนี
“โอ้ยยย อือออ”คราวนี้น้ำตาริน จนผมต้องเข้าไปกอดเค้าเอาไว้ มีแรงดิ้นนิดหน่อยแล้วก็หยุดให้กอดแต่โดยดี เค้าร้องไห้จนหลับไปผมเลยแต่งตัวด้วยกางเกงสแล็กสีดำกับเสื้อเชิ้ตยับๆ แล้วออกจากเปิดประตูออกจากห้องเพื่อไปหายาและอาหารประทังหิว แต่แค่เปิดประตูออกเท่านั้นก็ต้องรีบงับกลับอย่างแทบจะทันที
“จิบอ๋าย นี่มันที่ไหนวะเนี่ย กูบ้าหรือฝันยังไม่ตื่นวะ” เลยเอามือตบตัวเองแรงๆ
“อู้ย ก็เจ็บนี่หว่า” งั้นกูก็ไม่ได้ฝัน เลยหลบไปแอบดูอยู่ตรงหน้าต่าง ทุกคนแต่งตัวเหมือกันหมดโจงกระเบน ผ้าแถบ เอาหละซิ ไม่น่าจะละครด้วยเพราะไม่เห็นมีคนกองเพ่นพ่านให้เห็นบ้าง แอบค้นของในห้องนี้ดูก็เหมือนกันมีแต่แบบโบร้าณโบราณ เอาไงดีวะ งั้นต้องรอให้ศรตื่นนี่แหละ
ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็เกาะเมียไว้ให้มั่น ใครมันจะทำอะไรได้ ตัวแค่นี้หือนักก็จับกด เอาเป็นว่าถ้าเค้าตื่นผมจะไม่ถามาอะไรเค้าไม่ว่าจะเรื่องจริงหรือล้อเล่น ผมจะตามน้ำไปกับเค้าไปก่อน และจะให้เค้าบอกทุกคนว่าเป็นพี่มาจากเมืองอื่น อันนี้จำจากละครแค่พูดทุกคนก็เชื่อ ดูจากการแต่งตัว สมัยนี้น่าจะหลอกกันได้ง่ายๆ เรื่องอื่นค่อยว่ากัน เวรจริงๆเรื่องอื่นเค้ามีแต่ผู้หญิงย้อนมาหาสามี แล้วจะให้ตรูย้อนมาทำแป๊ะอะไรวะเนี่ย เกือบบ่ายศรจึงตื่นขึ้นมา
“ศร” สีหน้าเค้ายังหวาดที่อยู่ๆ ผมกระโจนพรวดเข้าถึงตัว
“ไอ้โจรชั่วเจ้ายังไม่ไปอีกหรือ”
“ก็เมียอยู่นี่ทั้งคนจะให้ไปไหนล่ะ” เค้าทำท่าฮึดฮัดแต่คงขยับลำบากเลยทำอะไรไม่ได้มาก
“เอาหละต่อไปนี้พี่จะดูแลศรอย่างใกล้ชิด แล้วถ้าไม่อยากให้ใครรู้ว่าเราเป็นอะไรกันก็บอกคนอื่นไปว่าเราเป็นพี่น้องกันเข้าใจมั้ย” งานนี้ให้กลัวแทบฉี่ราดก็ต้องเข้ม ข่มได้ต้องข่มไว้ก่อนเพื่อความอยู่รอด
“ไม่ เราจะ...”
“จุ๊ จุ๊ ถ้าไม่อยากขายขี้หน้าว่าเป็นเมียโจรก็เชื่อฟังกันดีๆ ดีกว่านะศร พี่ไม่มีอะไรจะเสีย แต่เมียนี่สิบ้านใหญ่โต หน้าที่การงานก็ดูจะไม่ธรรมดา” ผมแกล้งกรอกตามองไปทั่วๆ คนร่างเล็กถึงกับสั่นเทิ้ม
“ไอ้ ไอ้...” แต่ก่อนที่จะได้ด่าอะไรมากก็มีคนมาเคาะห้องขัดจังหวะซะก่อน ผมเลยเดินไปเปิดประตูให้คนด้านนอกเข้ามาพร้อมกับทำท่าปาดคอให้ศรเห็นอย่างขู่ๆ คนที่เข้ามาใหม่มีทีท่างงๆ ว่าไอ้คนเปิดประตูนี่มันใคร
“นี่พี่พัด พี่ข้าเพิ่งมาถึงเมื่อคืน แล้วที่ห้างมีอะไรรึ ถึงต้องมาหาข้าถึงนี่” ศรลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงคุยกับคนมาใหม่
“กระผมเอาบัญชีที่ห้างกับที่ร้านอื่นๆมาให้ตรวจขอรับ แล้วก็จะมีการสั่งของครั้งใหม่จะต้องทำ.....” ศรโบกมือเหมือนไม่สนใจจะฟัง
“ข้าไม่ใคร่รู้เรื่องพวกนี้ จัดการกันไปตามเดิมเถอะ” แต่ก่อนที่คนเข้ามาใหม่จะได้ออกไปพร้องกองเอกสารที่แบกเข้ามา
“เอามาให้ข้าดูซิ” ผมเห็นลู่ทางที่จะอยู่ที่นี่ให้ได้อย่างตลอดรอดฝั่งแล้ว ก็ในเมื่อมีงานตรงตามความสามารถผ่านเข้ามาให้คว้าเรื่องอะไรจะปล่อยผ่าน ในเมื่อคนอื่นพูดข้าพูดเอ็งก็จะพูดด้วย เมื่อรับมามองผ่านตาถึงกับคิ้วขมวดยุ่ง
“นี่มันกองด้ายหรืออะไรกันนี่” แล้วมองไปที่คนหิ้วงานมา แล้วเลยมองไปที่คนบนเตียง
“ศรนอนพักไปก่อน แล้วเรื่องอื่นค่อยว่ากันเย็นนี้ ตอนนี้พี่คงต้องไปจัดการเรื่องในมือนี่ให้เรียบร้อยก่อน อ้อให้คนเอาอาหารมาให้กินเสียหน่อยจะดีมั้ย” แล้วหันไปทางด้านนอกประตู คนมาใหม่รู้ตัวจึงขยับไปเรียกคนบนเรือนเข้ามา บ่าวที่เข้ามาก็สงสัยว่าผมเป็นใคร
“ชบา นี่พี่ชายข้าเพิ่งมาถึงเมื่อคืนวาน ไปบอกคนอื่นในบ้านให้รู้กันไว้ด้วยแล้วไปจัดห้องไว้ให้พี่ข้าด้วย” ชบาเตรียมคลานออกไป
“เดี๋ยว ชบา หาอาหา.. เอ่อ หาสำรับมาให้น้องข้าด้วย ดูจะไม่ค่อยสบายนัก” ชบารับคำแล้วรีบคลานออกไปทันที คงอยากไปรีบเม้าส์กะบ่าวคนอื่นเป็นแน่ เมื่อหมดเรื่องแล้วผมเลยเรียกเอาคนถือบัญชีไปนั่งที่โต๊ะที่ตั้งอยู่ที่ยกพื้นกลางบ้าน แล้วเลยต้องออกไปที่ห้างและร้านรวงต่างในความดูแลทั้งหมด แค่ไปห้างวันนั้นก็หมดไปวัน กว่าจะได้กลับก็ค่ำมากแล้วเมียยังล็อกห้องไม่ให้เข้าอีกต่างหากเช้าต่อมาก็โดนลากไปที่ร้านรวงอื่นๆ จัดการงานการพวกนี้อยู่เกือบอาทิตย์ กว่าจะสางทุกอย่างให้เข้ารูปเข้ารอยได้ แต่ก็ได้รู้ว่ามีเมียเป็นถึงท่านหมื่นแม้จะอายุเพียงสิบหกสิบเจ็ด ถึงจะไม่มีงานให้หยิบจับเพราะเป็นเด็กเส้นเด็กฝากแต่ด้วยแรงเงินก็มีคนเกรงใจอยู่ เอ้อ นี่คงต้องหาเงินวิ่งให้เมียได้อยู่อย่างสบายๆ ไปเรื่อยสิเนีย วันนี้คงต้องไปคุยกันให้รู้เรื่องกันซักที
“ว่าไงที่รัก ไม่ได้เจอกันเป็นอาทิตย์ คิดถึงพี่มั้ยจ๊ะ” ศรหน้าเหวอยังกะเห็นผี ทันทีที่เข้าห้องมาก็เจอผมนอนรออยู่
“อย่าหนีนะไม่งั้นจับได้ตรงไหนจะปล้ำซะตรงนั้นเลย ไม่อายคนก็ไปซิ” ศรเลยลั่นดานประตูแล้วเข้ามาในห้อง
“ต้องการอะไร” แหมถามตร้งตรง
“ก็ไม่ได้เจอเมียมาตั้งนานก็คิดถึงบ้างซิมานี่มา
“ไม่นะ ข้ายังเจ็บอยู่เลยนะ” หน้าคนพูดแหยจนน่าสงสาร
“น่าวันนี้จะทำเบาๆ ไม่เจ็บหรอกรับรอง” แล้วก็คว้าตัวศรเข้ามากอด ผมทำอย่าอ่อนโยน ค่อยๆ เบิกทางด้วยนิ้วก่อน ที่จะสอดตัวเข้าไป ครั้งนี้เสียงครางของศรมีแต่เสียงเร่งเร้า โอดโอยด้วยความสุขสม และจบลงด้วยการกอดผมแน่นมากๆ เราอยู่ด้วยกันอย่างนี้ทุกคืนพอสว่างผมก็กลับมาแต่งตัวที่ห้องไม่มีใครรู้เรื่องของเราเพราะบนเรือนมีแค่เราสองคนเท่านั้น กิจการก็เจริญรุ่งเรืองดี เงินทองงอกเงย ความรักของผมก็งอกเงยตามกาลเวลาแต่ผมก็ยังไม่รู้เลยว่า เค้าจะรักผมบ้างหรือเปล่า เพราะที่ผ่านมาก็มีแต่ผมที่บังคับเอาแต่ใจ อาจมีซักวันที่ผมต้องปล่อยเค้าไป.......
‘ท่านพรหมเจ้าคะ เกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ’
‘หือ เรื่ออะไร รึเสมียนนางฟ้า’ ท่านพรหมผู้กำลังสอดส่องลงมาที่โลกมนุษย์เพื่อดูความเป็นไปถามนางฟ้าที่กระหือกระหอบเข้ามา
‘ก็เราส่งคนย้อนเวลาไปผิดคนนะสิเจ้าคะ’
‘ไหน คนไหน อือ อ๋อ’ หลังจากดูเอกสารที่นางฟ้าส่งให้
‘ไม่ผิดหรอ นี่ข้าตั้งใจส่งไปเลยนะเนี่ย’
‘หา ท่านเจ้าคะนั้นผู้ชายนะเจ้าคะ’
‘ฮือ ก็ใช้นะซิหรือว่าไม่ใช่’
‘ไม่ใช่เจ้าค่ะ เอ่อใช่ผู้ชายเจ้าค่ะ แต่คนที่ท่านส่งไปให้ก็เป็นชายนะเจ้าคะ’
‘อ๋อ ก็ถูกแล้วนี่ ก็มันชอบว่าสวรรค์กลั่นแกล้งมันอย่างงั้นงี้ นี่ข้าอุตส่าห์ส่งคนไปดูแลมัน ก็ถูกแล้วนี่ ข้าไม่ได้แกล้งมันนะ ไปไป้ ข้าจะได้ทำงาน’
.....
..
.
“พี่พัด ศรจะต้องแต่งงาน ...” ศรบอกกับผมในวันที่ผมอยู่ที่นี่มาได้ปีกว่า มันเหมือนถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ผมไม่รู้จะพูดอะไร มันตื้อไปหมดสิ่งที่ทำได้คือการหนีเข้าไปสงบสติอารมณ์ในห้องซะก่อนที่จะลงไม้ลงมือกับศร มันคงถึงเวลาหาทางกลับอย่างจริงๆ จังซะทีละมั้ง หรือไม่ก็แยกตัวออกไปทำมาหากินด้วยตัวเองดีกว่าที่จะมาเกาะคนอื่นกินอยู่อย่างงี้ เพราะถึงยังไงผมก็มีเงินทองที่ก็บออมจากการทำงาน ไว้ส่วนหนึ่ง เย็นนั้นเมื่อผมไปที่ห้องศร
“ศร เมื่อศรจะแต่งงาน พี่ก็จะไปจากที่นี่ งานทุกอย่างพี่วางระเบียบไว้หมดแล้วศรก็เข้าไปจัดการกดูแลเองได้...” ผมไม่รู้จะพูดอะไรต่อเลยกลับออกมาจากห้องนั้นเพื่อคิดวางแผนให้กับอนาคตของตัวเองบ้าง แค่ก้าวขาจากห้องศรได้ก้าวเดียว ศรก็วิ่งเข้ามากอดผมไว้จากด้านหลัง
“พี่พัด อือออ พี่พัดอย่าทิ้งศรไปเลยนะ อยู่ด้วยกันที่นี่นะ”
“พี่อยู่ไม่ได้หรอกศร พี่รักศร พี่ทนเห็นศรเป็นของคนอื่นไม่ได้ เมื่อศรจะแต่งงานพี่ก็ต้องไป” ผมพยายามแกะมือที่กอดผมออก
“ไม่ศร ฮึกไม่แต่งก็ได้ ศรจะให้พี่พัดอยู่กับศรที่นี่อย่าไปเลยนะ ฮึก” เจ้าตัวดีร้องไหลน้ำตาท่วมอีกแล้ว
“จะเอายังไงกันแน่ศร เมื่อเย็นยังบอกว่าจะแต่งานอยู่เลยตอนนี้มาไม่แต่งอีกแล้ว” ผมเลยอดรนทนไม่ได้ต้องพาศรเข้ามานั่งคุยกันในห้องให้รู้เรื่อง
“ข้าไม่ได้บอกว่าจะแต่ง แต่ข้าบอกว่าต้องแต่ง ก็ท่านเจ้าคุณคลัง เอ่ยปากยกลูกสาวให้ข้า ข้าก็ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธได้อย่างไร” คนพูดพยายามกลั้นสะอื้นอย่างเต็มที่
“ก็พี่พัดบอกว่าข้าเป็นมีย” ถึงตรงนี้เสียงเบาหวิว หน้าแดงกล่ำ ก้มหน้างุด
“ ข้าก็เลยมาบอกพี่พัดเผื่อจะมีทางทำอะไรได้บ้าง แต่พี่พัดกลับพื้นเสียใส่ข้าอีก ข้า..ข้า..อืออออ” เอาร้องไห้หนักเข้าไปอีก เลยต้องดึงตัวเข้ามากอดไว้ คนตัวเล็กก็กอดตอบอย่างขวัญเสีย พอร้องจนพอใจถึงได้หยุด
“คือศรไม่ได้อยากแต่งแต่ท่านเจ้าคุณออกปากยกคนให้เอง” ศรได้แต่พยักหน้ารับ
“ได้ ได้ ถ้าอยากให้แต่งเมียนักก็ได้ ไปเรียนท่านเจ้าคุณว่าลำพังเงินเบี้ยวัตของหลวงนั้นเจ้ายังใช้ไม่พอเลย แล้วถ้าแต่งงานเมื่อไหร่ต้องออกจากเรือนนี้ไปร่วมเรือนท่านเจ้าคุณโดยไม่มีทรัพย์สมบัติใดติดตัวไปด้วยเลยนอกจากเบี้ยประจำตำแหน่งเท่านั้น เพราะรายได้จากห้างและร้านรวงต่างๆรวมทั้งเรือนหลังนี้ตกเป็นของข้าตั้งแต่ที่พ่อแม่ของศรเสียไป ดูซิท่านเจ้าคุณจะว่าอย่างไร”
“แล้วถ้าท่านยอมล่ะ”
“ก็บอกท่านไปว่าให้หาอัฐมาคืนข้าด้วยเพราะเจ้ายังมีหนี้สินจากการหยิบยืมไปใช้วิ่งเต้นเรื่อตำแหน่งอีกอักโข แค่นี้ขี้คร้านหญิงทั้งเมืองคงพากันหนีเจ้า กันหมดเป็นแน่” ศรค่อยยิ้มออกมาได้แล้วอยู่ๆ ก็หุบยิ้มลง
“ไม่ใช่หนีจากข้ามาหาท่านแทนนะ”
“เอาน่าข้ามีวิธีของข้าแล้วกัน”
“พี่พัด ท่านรักข้าจริงๆ นะ อย่าหลอกข้านะ” ท่านหมื่นศร ทำหน้าอ้อนได้น่ารักนัก
“จริงซิ แล้วศรรักพี่พัฒด้วยหรือไม่ พูดให้พี่ชื่นใจซักนิดเถิด” คอขาวๆของคนหน้าแดงน่าจูบเหลือกำลัง จนผมอดใจไม่ไหว
“รัก ศรรักพี่พัดจ้ะ อ๊า อืออ พี่พัด อย่า อื้อ”
“คืนนี้พี่พัฒอยากฟังหมื่นศรบอกรักพี่พัฒทั้งคืนได้หรือไม่” ...........................
....................
.....
..
The end