Chapter 29
“ ผมอยากให้เคลวินเชิญมาดามเหมินมาร่วมงานประมูลสินค้าด้วยน่ะครับ ”
บันจัดแจงวางแผนตามที่ตัวเองคิดเอาไว้
“ มาดามเหมิน หมายถึงภรรยาของเหมิน หลี่ผิง น่ะเหรอ ? ”
เคลวินทำเสียงประหลาดใจ
“ ไม่ใช่ครับ มาดามเหมินคือคุณแม่ของประธานเหมิน ”
เช้ามืดของอีกวัน บันลงมาจากห้องพักพร้อมกับเสื้อผ้าชุดทะมัดทะแมง ในมือซ้ายมีแผนที่เขียนด้วยปากกา มือขวามีโทรศัพท์ บันกดโทร
ออกไปยังหมายเลขปลายทาง ก่อนจะโบกรถโดยสารประจำทางหน้าศูนย์การค้าเพื่อไปยังที่หมาย
เคลวินกดอ่านข้อความที่บันส่งมาให้ เขาอ่านมันซ้ำแล้วซ้ำอีกก่อนจะเดินออกไปยังห้องที่ใช้จัดแสดงสินค้า เจ้าหน้าที่สองคนซึ่งทำหน้าที่
ติดต่อประสานงานเดินเข้ามาหาเคลวินพร้อมกับส่ายหัวเบา ๆ
“ ประธานเหมินท่านตอบปฏิเสธครับมิสเตอร์เคลวิน ท่านบอกว่าคุณแม่ท่านสุขภาพไม่ค่อยดี ไม่ควรมานั่งนาน ๆ ในที่ที่มีคนอยู่เยอะ ๆ
แล้วก็บอกอีกว่า คุณแม่ท่านไม่ชอบดนตรีตะวันตก ”
เจ้าหน้าที่ชายบอกรายละเอียดตามที่พูดโทรศัพท์มาให้เคลวินฟัง
“ โทรกลับไปอีกครั้ง บอกว่า เพื่อนเก่าจากหลินอันจะมาเยี่ยม ”
แม้เคลวินจะมีท่าทีสงสัยกับข้อความของบันอยู่บ้าง แต่ก็ยอมทำตามโดยดี เขาปฏิเสธไม่ได้ว่าบันนั้นมีท่าทางเป็นเด็กอยู่บ้าง แต่บางครั้งก็
สามารถในการทำให้คนรอบข้างประหลาดใจได้เหมือนกัน เขาคิดว่าบันมีความสามารถพิเศษในเรื่องการโน้มน้าวใจคน ตัวอย่างที่ดีที่สุดคือ
บันสามารถชนะใจประธานเฟิงจนโยนอคติเรื่องชนชาติไปได้ ในคราวไปประมูลงานที่ไต้หวัน และครั้งนี้เขาก็คิดว่าบันคงจะทำสำเร็จ
เช่นเดียวกัน
“ กระต่ายที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วสินะ ”
มาดามเหมินเป็นหญิงชราผมสีขาวทั้งหัว เธอดูแก่ชรามากแล้วแต่ก็ยังสามารถเดินได้อย่างสง่าผ่าเผย ท่ามกลางผู้คนรอบตัวที่สวมใส่
เสื้อผ้าแบบตะวันตก ทั้งสูทชายและชุดราตรียาวของหญิงที่มีขนสัตว์ฟูฟ่องนั้น มาดามเหมินกลับใส่ชุดคลุมแบบจีน มีลายดอกไม้เล็ก ๆ
และผีเสื้อประดับสวยงาม สลับกับเลื่อมปักที่ส่งแสงประกายระยิบระยับ รับกับไฟสีเหลืองนวลของห้องประชุมใหญ่ เธอเดินเกาะแขน
บุตรชายวัยหกสิบปีเศษเข้ามาในงานพร้อมกับแสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปวูบวาบ นานมากแล้วที่มาดามเหมินไม่ได้ออกงานใหญ่ขนาดนี้
อีกฝั่งของหอประชุม เคลวินจ้องนาฬิกาข้อมือ แม้จะนัดกันไว้ในช่วงเย็น แต่นี่ก็ทุ่มกว่าแล้ว บันยังไม่เข้ามาหอประชุม งานเลี้ยงส่วนตัวที่
บริษัทร่วมทุนของคุณย่าเป็นเจ้าภาพจะจัดขึ้นก่อนงานประมูลสินค้าโบราณ ระหว่างที่มีเลี้ยงอาหารค่ำครอบครัวประธานเหมิน รอบงานจะ
มีนิทรรศการเครื่องถ้วยชามโบราณที่กู้ขึ้นมาได้จากทะเลเหลือง รวมถึงชุดหยกแกะสลักเป็นปลาสิบสองตัวแหวกว่ายในลำธารซึ่งว่ากันว่า
หยกชุดนี้เป็นสมบัติในท้องพระคลังสมัยราชวงศ์ชิง และจมลงสู่ทะเลสมัยยุคเจียงไคเช็กอพยพผู้คนไปยังไต้หวัน ชุดหยกนี้จมลงพร้อมกับ
เรือลำหนึ่งในขบวนเรือใหญ่ของนายพลเจียงไคเช็ก เคลวินยืนนิ่งอยู่นานจนรู้สึกว่ามีมือมาจับตรงบ่า เขาหันไปมองและพบกับใบหน้าของ
หญิงสาว
“ คุณมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ ? ”
เคลวินถามผู้หญิงที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า เธอสวมชุดราตรีสั้นสีเหลืองอ่อนฟูฟ่อง ปล่อยผมสีดำยาวสลวยลงมาบนไหล่ทั้งสองข้าง
“ ฉันต้องถามคุณมากกว่านะคะเคลวิน อีกห้านาทีจะได้เวลาอาหารแล้ว คุณมาทำอะไรที่นี่ คืนนี้เรามีแขกพิเศษ คุณคงยังไม่รู้ ”
เธอยิ้มกว้างก่อนจะคว้าแขนเคลวินแล้วดึงไปทางห้องอาหาร
เคลวินแน่ใจว่าแขกพิเศษที่เธอพูดถึงคงเป็นมาดามเหมิน แขกคนที่เขาเชิญมาร่วมงานตามแผนของบัน
“ มาดามเหมินค่ะเคลวิน แม่ของมิสเตอร์เหมินหลี่ผิง เลขาคุณพ่อบอกว่าแปลกใจที่มาดามมาด้วยคืนนี้ ปกติท่านไม่ชอบออกงาน ”
“ วันนี้กระต่ายบนพระจันทร์คงกระโดดออกมาทำงาน หลายอย่างเลยดูแปลกไปจากเดิม ”
เคลวินพูดแฝงปริศนาก่อนจะใช้มือผลักประตูไม้บานใหญ่ที่มีชายชุดดำสองคนคุมอยู่ เมื่อเปิดเข้าไปด้านในก็พบกับโต๊ะกลมสลักไม้เป็นลาย
หงส์เล่นน้ำดูอ่อนช้อย ภายในห้องตกแต่งด้วยสีแดงเลือดหมูและสีเหลืองทอง เคลวินเลื่อนเก้าอี้ให้ผู้หญิงชุดเหลืองก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ และ
ตั้งใจจะพิมพ์ข้อความในโทรศัพท์เพื่อติดต่อบัน
“ มาแล้ว เคลวินคะ ดูนั่นสิ ฉันดีใจมากที่ทำงานนี้ให้คุณพ่อได้สำเร็จ ”
ประธานเหมินเดินเข้ามาพร้อมกับมารดา มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสภาการค้ามณฑลอานฮุยเดินตามด้วยอีกห้าคน
“ นอกจากประธานเหมินคนนี้จะชี้เป็นชี้ตายในสัมปทานการค้าในอานฮุยได้แล้ว เขายังมีบริษัทใหญ่ ๆ มากมาย ฉัน ไม่สิ เราซื้อใจเขาไว้
ได้แล้วล่ะค่ะเคลวิน ”
“ สวัสดียามค่ำค่ะมาดามเหมิน เมอร์สิเออร์เหมิน ”
ผู้หญิงข้าง ๆ เคลวินลุกขึ้นโค้งให้กับประธานเหมินและมารดา เธอพูดจีนกลางด้วยการท่องจำประโยค
“ โปรดเรียกฉันว่าคุณเหมินหรือคุณนายเหมินเถอะค่ะ ฉันไม่ใช่คนต่างชาติ ”
คุณนายเหมินมีท่าทีมึนตึงลงทันทีตอนที่ได้ยินผู้หญิงสาวเรียกเธอด้วยคำนำหน้าชื่อแบบฝรั่งเศส
“ ขออภัยด้วยครับคุณนายเหมิน เธอพูดภาษาจีนไม่ได้เลยไม่เข้าใจธรรมเนียมการเรียกชื่อของที่นี่ สวัสดีครับ ผมเคลวิน ”
เคลวินพูดจีนกลางช้า ๆ ด้วยความสุภาพกับมารดาของประธาน
“ คุณแม่ผมท่านไม่ค่อยเข้าใจวัฒนธรรมตะวันตกมากนัก คุณเคลวินและสุภาพสตรีที่น่ารัก ”
ประธานเหมินพูดชี้แจงเป็นภาษาอังกฤษเพื่อไม่ให้มารดาเข้าใจ
“ ขอบคุณที่ช่วยพาเพื่อนเก่าจากบ้านเกิดของคุณแม่ผมมาในคืนนี้ คุณสุภาพสตรี คุณแม่ผมท่านประหลาดใจกับคำเชิญนี้มาก ”
“ เรียกฉันว่าอลิซเถอะค่ะ ฉันเป็นแฟนกับเคลวิน เราสองคนทำบริษัทด้วยกันค่ะเมอร์ซิเออร์เหมิน แต่ฉันไม่เข้าใจที่คุณพูดเรื่องเพื่อนเก่าของ
มาดมัว อ้อ ขอโทษค่ะฉันไม่เข้าใจเรื่องเพื่อนเก่าของคุณนายเหมิน ”
อลิซทำหน้าสงสัยและตั้งใจจะถามต่อ
“ อาหารกับดนตรีพร้อมแล้ว เชิญครับ ”
เคลวินดึงทุกคนให้ออกจากบทสนทนาและกลับเข้ามาสนใจกับเรื่องบนโต๊ะอาหารด้วยการยกแก้วไวน์ทรงสูงให้กับประธานเหมินและมารดา
ก่อนจะยกไปทางแขกอีกห้าคนที่นั่งโต๊ะด้านตรงข้าม เสียงไวโอลินดังขึ้นเบา ๆ พร้อมกับชุดอาหารฝรั่งเศสที่ประกอบไปด้วย เห็ดทรัฟเฟิล
สีดำ ตับห่าน คาร์เวียร์ กุ้งมังกร กับซุปข้น เคลวินสังเกตเห็นแววตาขยะแขยงของคุณนายเหมินต่อไข่ปลากองเล็ก ๆ สีดำ เธอมีมารยาท
พอที่จะไม่พูดออกมาตรง ๆ แต่ก็จัดการใช้ช้อนกวาดคาร์เวียร์สีดำสนิทนั้นออกไปทางด้านข้างของจาน ประธานเหมินดูจะเข้าใจท่าทีของ
มารดา จึงเริ่มมองหาอาหารอื่น ๆ บนโต๊ะ
“ ดูท่าคุณนายเหมินจะไม่ชอบทานไข่ปลา ”
เคลวินพูดภาษาจีนเบา ๆ พอที่จะให้ประธานเหมินกับมารดาได้ยิน
“ ไข่ปลาดองสีดำ ตับห่านที่พากันกรอกอาหารให้มันกินจนมันอ้วนตาย หรือว่า เห็ดดำกลิ่นเหม็นสาบแบบนี้ ฉันกินไม่ได้หรอก แต่ไม่
ต้องห่วง ฉันตั้งใจมาดูอย่างอื่น ฉันไม่สนใจของพวกนี้หรอก เชิญพวกเธอตามสบาย อีกอย่างนะ จะบอกอะไรให้ สีเหลืองทองแบบที่ใช้
ประดับห้องนี้ เขาใช้กับฮ่องเต้โอรสสวรรค์ ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างเรา ”
ประธานเหมินขยับตัวด้วยความอึดอัดใจ เขาตั้งใจจะกวักเรียกพนักงานให้เตรียมซุปผักหรืออาหารจีนที่ใช้เวลาปรุงไม่นานมาให้กับมารดา
เจ้าหน้าที่ชุดแดงเดินเข้ามาด้วยความรวดเร็ว เขาไม่ได้มารับคำสั่งของประธานเหมิน แต่เดินถือบัตรกระดาษสีแดงเพลิงเข้ามาส่งให้กับ
คุณนายเหมิน เธอรับกระดาษใบนั้นมาเปิดอ่านด้วยความประหลาดใจ
“ โปรดให้เพื่อนเก่าเลี้ยงมื้อค่ำ และเอื้อเฟื้อต่อชายชราและหญิงตาบอด ”
คุณนายเหมินหันไปมองพนักงานอีกชุดที่เรียงแถวกันยืนนิ่งอยู่นอกประตูใหญ่ เธอพยักหน้าเรียกพนักงานอีกชุดเข้ามา พนักงานเหล่านั้น
ถือถาดอาหารมาด้วยคนละชุด พวกเขาจัดการยกชุดอาหารฝรั่งเศสตรงหน้าคุณนายเหมินออกไปและวางชุดกระเบื้องเคลือบสีขาวที่ดู
ธรรมดาเข้ามาแทนที่ พนักงานทยอยเปิดอาหารชุดสามสี่อย่างนั้นออกมา ประกอบไปด้วย กระเพาะปลาตุ๋นหน่อไม้สด เก๋าลัดคั่ว ไก่แช่
เหล้า มันเทศสีเหลืองที่นึ่งมาแล้ว คุณนายเหมินมองอาหารที่อยู่ตรงหน้าไม่กะพริบตา เธอใช้ช้อนซุปตักน้ำกระเพาะปลาเข้าปาก รสชาติที่
จากหายไปเหมือนเพื่อนสนิทที่ไม่ได้พบหน้ากันหลายสิบปีกลับเข้ามาในความทรงจำอีกครั้ง คราวนี้บัตรกระดาษแบบเดิมถูกส่งเข้ามาอีกใบ
ด้านในมีข้อความว่า
“เชิญล่องทะเลสาบซีหูและชมเมืองหลินอัน ”
เจ้าหน้าที่ชายนำชายชรากับหญิงตาบอดเดินเข้ามา และขออนุญาตขึ้นไปบนเวที ตอนนี้ทุกคนในห้องอาหารตะลึงงันไปหมด เสียง
ไวโอลินที่ดังอยู่บนเวทีหน้าโต๊ะอาหารก็หยุดลงไป และมีเสียงซอเอ้อหูกับเสียงร้องบรรยายวิถีชีวิตของคนหังโจวขึ้นมาแทนที่ มันเป็น
เสียงเพลงบรรยายความทุกข์ยากลำเค็ญของชีวิต ความเอื้ออาทรระหว่างพี่น้องและญาติมิตร บรรยากาศรอบทะเลสาบซีหู และสภาพ
เมืองหลินอันซึ่งเป็นเมืองหลวงเก่าของอาณาจักรซ่ง หญิงชราผู้ซึ่งเป็นมารดาของประธานเหมินเมื่อได้ฟังเสียงเอ้อหูกับเสียงร้องบรรยาย
สภาพบ้านเกิดก็ระลึกถึงอดีตที่เคยลำบากของตนเอง อาหารที่อยู่ตรงหน้านั้น ก็คืออาหารสุดวิเศษที่คนยากไร้คนหนึ่งได้กินตอนวัยรุ่นเมื่อ
หลายสิบปีมาแล้ว หน่อไม้สดรสหวานตุ๋นกับกระเพาะปลาอย่างดีที่ตากค้างไว้นานหลายปีจนแห้งสนิท คือรสชาติที่เหมือนญาติมิตรที่จาก
กันไปนาน เก๋าลัดคั่ว มันเทศเผา ก็คือเพื่อนยามทุกข์ที่ช่วยเติมเต็มท้องให้อิ่มและมีเรี่ยวแรงทำงานหนัก ไก่แช่เหล้าคือรางวัลอันแสน
พิเศษที่เคยได้รับเมื่อทำงานได้เป็นที่น่าพอใจ
ประธานเหมินดูจะตกใจกับสภาพมารดาที่น้ำตาอาบเต็มสองแก้ม เขามองดูอาหารสุดแสนจะธรรมดาและดูภาชนะราคาถูกที่คนจนใช้ ไม่มี
อะไรที่ของพวกนี้จะเทียบกับอาหารชุดแรกได้เลย แต่เขาก็ประหลาดใจเมื่อพบว่ามารดาที่เป็นโรคเบื่ออาหาร สามารถทานของสี่อย่างบน
โต๊ะนั้นได้หมด
“ แม่ แม่เป็นอะไรอะไรหรือเปล่า ? ”
เหมิน หลี่ ผิง ถามเสียงตะกุกตะกัก
“ อาหลี่ ตามคนที่ส่งกระดาษใบนี้มาให้แม่ ”
แขกที่คุณนายเหมินพาร่างชราเดินเข้ามาพบด้วยความสงสัยนั้น ยืนรออยู่ในห้องรับรองพิเศษ เขาสวมเสื้อสีแดงเลือดนกประดับ
ลายดอกโบตั๋นขนาดใหญ่ เป็นเสื้อแบบลายจีนโบราณคอตั้งแต่เป็นทรงทันสมัย เด็กหนุ่มที่ยืนรอเธอนั้นยิ้มละไมและกล่าวทักทายเธอเป็น
ภาษาจีนกลาง
“ สวัสดีตอนค่ำครับ ”
บันเลื่อนเก้าอี้ไม้กลมฉลุลายให้หญิงชรานั่ง
“ เป็นเธอเองหรือพ่อหนุ่มที่พาเพื่อนเก่าของฉันมาในคืนนี้ ? ”
“ ผมเองครับ ”
“ เธอเป็นใครและต้องการอะไรจากฉัน ? ”
“ ผมเป็นคนธรรมดาที่มีเรื่องอยากให้คุณย่าช่วยครับ ”
บันยิ้มแล้วจ้องใบหน้าหญิงชราด้วยสายตาแบบเด็ก
“ คุณย่าอย่างงั้นหรือ ฉันไม่ได้มีหลานชายรุ่นราวคราวเดียวกับเธอหรอก พวกเขาโตเป็นผู้ใหญ่และมีครอบครัวไปกันหมดแล้ว ”
คุณนายเหมินหายใจช้าลงและมีดวงตาเหม่อลอยเมื่อพูดถึงหลานชาย
“ อาหารอร่อยไหมครับคุณย่า ? ”
“ อร่อยเหมือนเดิม เหมือนที่ฉันเคยกินเมื่อนานมาแล้ว เธอไปหาของพวกนี้มาได้ไงกัน ? ”
หญิงชราหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าปักลายดอกไม้ขึ้นมาซับขอบตาที่เปียกชื้นแล้วส่งคำถามมาที่บัน
“ ผมไปบ้านตระกูลหูมาครับ ”
“ คิดว่าเธอคงมีเรื่องที่จะมาเล่าให้ฉันฟังมากมายเลยสินะซุนจื่อ * ”
งานแสดงสินค้าและประมูลของโบราณจัดขึ้นภายในห้องขนาดใหญ่ ในบรรดาพ่อค้าเศรษฐีที่รักในของเหล่านี้ต่างมารวมตัวกันอย่าง
คับคั่ง รวมถึงเคนตะที่นึกสนุก ลุกขึ้นมาแต่งตัวออกมาจากโรงแรมที่พัก หลังจากบันพูดโฆษณาดิบดีว่างานนี้มีผู้บริหารบริษัทระดับสูง
มาร่วมงานเป็นจำนวนมาก เคนตะยืนเพ่งตู้กระจกใสที่ด้านในแสดงหินแกรนิตขนาดผลส้มขนาดใหญ่ ผิวด้านนอกของมันมีโลหะสีทอง
สุกสว่างติดอยู่เป็นจำนวนมาก คล้ายกับมีคนต้มแยมผลไม้สีทองร้อน ๆ เทราดลงไป ด้านหน้าที่เป็นป้ายพลาสติกสีขาวนั้น มีคำอธิบาย
เป็นภาษาอังกฤษและภาษาจีนไว้ว่า
“ แร่ทองคำบนเนื้อหินแกรนิต ”
เสียงผู้คนดังหึ่ง ๆ ราวกับผึ้งแตกรังนั้น ไม่มีได้ดึงความสนใจของเคนตะไปได้เลย นอกจากเสียงหญิงชายคู่หนึ่งที่ดังมาจากด้านหลังของเขา
เสียงพูดคุยกันเป็นภาษาอังกฤษดังขึ้นต่อเนื่อง เคนตะพอจะจับใจความได้ว่า ผู้หญิงมีท่าทีผิดหวังรุนแรงจากสาเหตุอะไรบางอย่าง
“ ฉันไม่รู้ว่าเกิดเรื่องนี้ได้ยังไง คุณเหมินจะทำแบบนี้กับเราไม่ได้นะคะเคลวิน เราเดินมาไกลและเสียอะไรหลายอย่าง ๆ ”
“ เรื่องนี้เราคงต้องพูดกันอีกยาวนะอลิซ ”
เคนตะหันหลังกลับมาจากตู้กระจกใสช้า ๆ พบว่าคนที่เขาได้ยินเสียงนั้นเป็นชายหญิงคู่หนึ่ง และผู้หญิงคนนั้นเขารู้จักเธอเป็นอย่าง
เคนตะยกฝ่ามือขวาทักทายเธอ พร้อม ๆ กับท่าทีแปลกใจ
“ เคนตะ ? ”
“ สวัสดียามค่ำ มาดมัวแซล อลิซ เรอเน โตแชร์ ไม่ได้พบกันนานเลยนะ ”
เคนตะส่งเสียงราบเรียบที่สุดทักทายผู้หญิงในชุดเหลือง เขาสังเกตเห็นรอยบิดเบี้ยวตรงมุมปากของเธอแวบเดียวก่อนจะกลับเข้ามาสู่ใบหน้าปกติ
“ ไม่ได้เจอคุณหลายปี สบายดีเหรอคะเคนตะ ? ”
“ สบายดีอย่างที่สุด จะไม่แนะนำเพื่อนของคุณให้ผมรู้จักเลยเหรอ ? ”
“ นี่เคลวิน เคลวินคะนี่เคนตะ เขาเป็นเพื่อนเก่าของฉัน ”
อลิซกลับมามีสีหน้าปกติเมื่อแนะนำเคลวินให้รู้จักเคนตะ ส่วนเคลวินนั้น กำลังปะติดปะต่อเรื่องอยู่
“ กลับมาจากฝรั่งเศสคราวนี้ ดูเหมือนจะมีหลายอย่างเปลี่ยนไปนะ ”
เคนตะยิ้ม
“ เมื่อคนเราโตขึ้น ก็สามารถคิดอะไรได้กว้างขึ้น ”
“ ดีใจที่คุณคิดแบบนั้นนะอลิซ ต่อจากนี้ไป เราคงได้มีเกมสนุกเอาไว้คลายเครียด ผมดีใจถ้าคุณจะเป็นหนึ่งในผู้เล่นนั้นด้วย ขอตัวก่อน ”
เคนตะพยักหน้าให้เคลวินเป็นแทนคำทักทายและคำลา ก่อนจะเดินเข้าไปในหอประชุมใหญ่
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
孫子 ซุนจื่อ หลานชาย
เจอกันใหม่ตอนหน้าครับ วันที่ 11 พค