เหตุการณ์นี้เกิดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมเพิ่งจะทำใจได้เลยเอามาเล่าเป็นอุธาหรณ์นิดหน่อย
/////////////////////////////////
เลิกงงานเวลา 5 โมง พี่ลมก็ขับมอไซค์โดยมีผมซ้อนท้ายมุ่งตรงไปยังร้านค้าที่ข้างโรงงาน เหตุผลเหรอครับ หามะเร็งให้ตับไง ผมก็บ่น ๆ ให้พี่ลมใหญ่าเรื่องกินเหล้ากินเบียร์นี่ อยากตายไวรึไง ไม่เอานะกลัวผีถ้าจะให้อยู่คนเดียว แต่ก็คงได้แค่บ่นแหละครับ ผมพยายมยกเหตุผลร้อยแปดพันประการหวังว่าพี่ลมจะซึมซับมันบ้างแต่เปล่าเลย สงสัยน้องแอลฯจะเริ่มทำงาน
"ถามจริง ที่บอกที่กล่าวเนี้ยะได้ยินบ้างไหม" ผมบ่น
"ได้ยินแต่มันออกหูนี่ไปแล้ว" ไอพี่ลมเอามือแคะหูตัวเองข้างหนึ่งแล้วทำหน้าตาเฉย เห้อเซ็งกะมัน ผมเลยเปลี่ยนวิธีการ หนามยอกตั้งเอาหนามบ่ง คือ เราไม่ได้บ่งหนามให้กันหรอกนะครับ มันเป็นแบบนี้
"เอ้าเพ่ชนแก้ว" ผมยกแก้วปะทะกับของใครอีกคนที่นั่งร่วมวง
"เอ้า ชน " เสียงขานรับกลับมาอย่างพร้อมเพรียง
“จะกลับยัง วันนี้ต้องซักผ้านะ” พี่ลมกระซิบถามผม เรื่องของเมิงกรูไม่ได้ซักด้วยนิ เห้อ ๆ
“ยาง อีกนิดนา เด่ยวค่อยซักก็ด้าย” มองค้อน ๆ พี่ลมแล้วผมก็ยกแก้วต่อ
“งั้นขวดนี้หมดแล้วกลับเนาะ”
“อืม” ที่จริงผมก็กินไม่ไหวแล้วครับ แค่เบียร์ขวดเดียวผมก็ไปโหลด ไม่มันพี่ลมมันเล่นทีครึ่งโหลแต่พี่ลมก็คงเมาเหมือนกัน
เราขอตัวออกจากวงบึ่งรถกลับบ้านผมก็ซบหลังพี่ลมไป แต่ผมฟื้นแล้วครับไม่ได้เมามากแค่แสดงพฤติกรรมเฉย ๆ (บ้านผมเรียกแสดงกล้าม)
พอถึงห้องผมก็แกล้งไปล้มตัวลงนอนเลย จะบอกว่าขี้เกียจซักผ้าครับ อิอิ แผนสูง เป็นไปตามคาดพี่ลมเอาผ้าไปปั่นและกำชับผมให้ไปอาบน้ำ เสร็จแล้วจะได้มากินมาม่ากัน แต่ผมก็ยังไม่ยอมจะลุกไปไหน
“ กริ้งงงงงง ๆ ๆ ๆ ๆ” เสียงโทรศัพท์ผม (เอาเสียงนี้แหละเข้าใจง่ายดี )
“ฮัลโหล……..ตื้ด ๆ ๆ ..” เซ็ง ใครว่ะยิงเบอร์มา ผมเลยกดดูเบอร์ล่าสุด แต่จำไม่ได้ว่าเบอร์ใครแล้วผมก็โทรกลับ
“ครับ โทรมามีไรป่าวครับ” ผมกรอกเสียงผ่านโทรศัพท์
“สบายดีไหมครับ” เสียงตอบกลับมา นี่มันเสียงไอยุทธนี่
“ครับ สบายดี แล้ว......ใครพูดครับ” ผมแกล้งถามกลับไป
“ผมยุทธครับ ตอนนี้ผมกลับมาอยู่บ้านแล้ว” ผมว่าไอนี่มันยังไม่แน่ใจว่าเป็นผมแน่ ๆ
“เหรอครับ แล้ว จะลงมาหางานทำไม”
“ครับผมว่าจะไปหางานทำอยู่อ่ะครับ” ไม่รู้ครับว่ามันจะไปหางานทำที่ไหน ไม่ได้ถาม รู้แต่ว่าตอนนี้กลิ่นหอม ๆ ของต้มยำกุ้ง (มาม่า) ลอยมาเตะจมูกผมแล้ว สงสัยจะเป็นพี่ลมต้มเอาไว้
“แล้ว............เอ่อ .......ยุทธ มีแฟนยังครับ” ตรงประเด็นขี้เกียจอ้อมค้อมเพื่อชาวเล้าเป็ด
“มีแล้วครับ” เอ่อะ ยอมรับครับว่าฟังครั้งแรกมันหวั่น ๆ แต่ก็ดีใจกับมันแหละครับ
“แต่เลิกแล้วครับ เขาไปมีผู้บ่าวใหม่แล้วครับ” เห้อ ๆ ไอยุทธ แฟนทิ้ง ๆ ๆ 55 ล่อเล่นครับ
“เหรอครับ อืมตอนนี้ผมเมา ง่วงแล้วครับ” ผมบอกมันไม่รู้จะพูดไรต่อ และเกรง ๆ พี่ลมด้วย
“ครับงั้นก็นอนนะครับ แล้วอย่าลืมโทรมาหาผมอีกนะ” หือ สรุปแล้วมันรู้ไหมเนี่ยะว่าเป็นผม
ผมวางสายและลบเบอร์โทรออกทันที กำ รู้สึกไม่ค่อยดีเลย แล้วสิ่งที่กลัวก็เกิดขึ้นจนได้
“คุยกับใคร” รางร้ายมาเยือนแล้วครับ
“เพื่อน” แล้วผมก็หลับตาต่อโดยมือยังกำโทรศัพท์
“ดีเนาะหลอกให้กรูไปต้มมาม่าแล้วเมิงไปแอบคุยกับคนอื่น” ชิหายความคิดมันดูไม่เข้าท่าเลย
“.........................” ไม่อยากคุย พี่ลมก็คงกรึ่มๆ อยู่เหมือนกัน
“เออ ไปเลย เมิงอยากคุยกับใครก็ไป อยากเอากับใครก็ไปเลย” พี่ลมพูดอย่างเสียงดัง ผมก็เริ่มฉุนแล้ว มันดูถูกผมเกินไป แล้วยังมีความคิดงี่เง่าแบบนี้อีก สงสัยอะไรแล้วไม่ยอมถาม ผมเลยนอนคว่ำหน้าผ้าคุมโปงไปเลย
“ไอ้เอ๋ใช่ไหม ไปเลย ไปเอากะมันเลย” ผมโกรธไอพี่ลม ที่ตอนนี้ผมไม่อยากแม้จะมองหน้าคิดไปได้ยังไง ว่าผมจะโทรหาไอเอ๋ ออ ไอเอ๋คือพนักงานที่บริษัทเดียวกับเรา ผมเคยชมมันให้พี่ลมฟังว่ามันหน่ะหล่อ หุ่นเซ็กซี่ดี แถมขาวน่ากินแค่เนี่ยะผมผิดด้วยเหรอ (ยังไม่รู้ตัวอีก) ไอพี่ลมเอามาคิดเป็นตุเป็นตะไปได้
“อย่ากวนได้ไหม บอกว่าโทรหาเพื่อนไง” รู้สึกได้ว่าโทรศัพท์ผมถูกหยิบไป จากคนที่หย่อนตัวลงนั่งข้าง ๆ
“บอยพี่ผิดมากเลยใช่ไหม” พี่ลมพูด แล้วก็พูดอย่างนั้นอยู่ซ้ำ ๆ แต่มันทำให้ผมต้องปรือตาขึ้นมามอง
“ข้อความนี่ส่งให้ใคร” ไอพี่ลมถามผม นี่มันยังไม่เลิกบ้าอีกเหรอ
“เพื่อน”
“ดูแลตัวเองนะ คิดถึง นี่เมิงส่งข้อความแบบนี้ให้เพื่อนเหรอ เพื่อนเอาอ่ะดิ” แมร่งเลือดขึ้นหน้าข้อความแบบนี้ส่งให้เพื่อนไม่ได้รึไง ผมก็ได้แต่อดกลั้นในใจไม่ได้โต้ตอบอะไรไป นอน ๆไปซะมันคงจะดีเอง ผมรู้ว่าถึงพูดอะไรตอนนี้เค้าก็คงไม่รับฟัง จากแค่ผมคุยโทรศัพท์มันโยงใยไปถึงคนอื่นได้อีกถึงสองคน และคิดเกินเลยไปได้มากขนาดนั้น
“ไม่รู้แล้วอย่าพูดได้ไหม” แล้วทำไมผมไม่เล่าเรื่องต่างให้พี่ลมฟังหละ เพราะผมมีไรปิดบังอยู่นะสิ
พี่ลมล้มตัวลงนอนข้างๆ ผมหลังจากที่เขาปั่นผ้าตากและอาบน้ำเสร็จแล้ว ส่วนผมยังคงนอนไม่หลับและคิดว่าพี่ลมคงจะใจเย็นขึ้น ถ้าตอนนี้เขาถามอะไรผมก็คงจะเล่าให้ฟัง ผมจึงเอื้อมมือไปควานหามือพี่ลมแต่......ผมโดนสะบัดมือออก ความน้อยเนื้อต่ำใจเริ่มเกาะกุม ผมจึงคิดแผนต่อไป
“พี่ลม เค้าปวดหัว ปวดมากด้วย” น้าน มารยาผม รู้ดีว่ายังไงผมก็ต้องเป็นคนง้อเค้าอยู่แล้ว คงไม่พลาดแน่นอน พี่ลมรู้ว่าผมมีอาการเหมือนไมเกรน อยู่ประจำ
“ปวดหัวเมิงก็ลุกไปหายากินดิ อย่าทำสำออย” ฮืม แมร่งรู้ทันกรูอีก ถึงกรูสำออยก็จะไม่ดูกรูบ้างรึงาย
“ปวดจริง ๆ นะ ปวดมากด้วย” แถไปจนได้ แต่ผมว่าผมเริ่มปวดจริง ๆ (กรรมตามทัน) มันมึน ๆ ที่ส่วนขมับด้านขวาก่อนจะรอบบริเวณดวงตา สักพักผมรู้สึกว่าน้ำตาผมเริ่มไหล ทั้งปวดหัวทั้งน้อยใจ (นายเอกสุดฤทธิ์) ผมพยายามขยับตัวเข้าหาพี่ลมแต่พี่ลมกับเดินหนีผมออกนอกห้องไป.....ฮือ ๆ ๆ ผมร้องหนักกว่าเดิม พี่ลมกลับเข้ามาในห้องพร้อมยาพารา 2 เม็ดและแก้วน้ำ
“แดรกซะ กรูรำคาญ” พี่ลมเอายามายัดใส่ในมือผมแล้วก็ขึ้นเตียงนอนต่อ
-เออก็ได้กรูแดรกก็ได้ กรูรู้อยู่หรอกว่าเมิงอ่ะปากมอมพูดไม่เข้าหู แต่กรูก็รู้ว่าเมิงก็ห่วงกรูเหมือนกันแหละ และอีกอย่างนะกรูก็รำคาญตัวเองเหมือนกัน เป็นเอี้ยไรไม่รู้............. เซ็ง..”
//////////////////////////////////////////////////////////////
หมายเหตุ :
ตอนนี้ เรื่องยังไม่จบนะครับ พรุ่งนี้ผมจะต้องตามง้อไอพี่ลมอีก ก็มีหลายเรื่องแหละที่ผมยังไม่ได้เล่าความจริงให้ฟัง โดยเฉพาะเรื่องไอยุทธ และเรื่องข้อความที่ผมเขียนส่งให้น้องบอย น้องบอยเป็นใครนะเหรอครับก็คือคนที่เคยเอายาแกไข้มาให้ผมในช่วงต้นเรื่องที่ผมเล่าอ้างว่าเป็นแฟนเพื่อที่จะให้แฟนเก่าผม(ผู้หญิง) ตัดใจจากผมซะเมื่อตอนที่เราเลิกกัน ผมยอมรับว่าผมตามหาบอยมา 3 ปีตั้งแต่เราจากกันก่อนที่ผมจะเจอพี่ลม ถึงตอนนี้เราก็คงเป็นแค่ได้พี่น้อง
“บอยพี่ผิดมากใช่ไหม” นี่เป็นข้อมความที่ผมส่งให้บอยหลังจากที่ผมส่งเรื่องราวของผมกับพี่ลมให้บอยได้อ่านในเวปนี้ ผมก็แค่อยากถามว่าผิดไหมที่ผมรักคนมีเจ้าของ
ปล. การดื่มสุราทำให้จิตปั่นป่วน