อยากให้พระอาิทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง ((มีหนังสือพร้อมส่ง)))//ข่าวภาคสอง พระอาทิตย์หลังฝน
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: อยากให้พระอาิทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง ((มีหนังสือพร้อมส่ง)))//ข่าวภาคสอง พระอาทิตย์หลังฝน  (อ่าน 132390 ครั้ง)

ออฟไลน์ Horizon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-22
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-05-2011 00:18:35 โดย Horizon »

skydear

  • บุคคลทั่วไป
“กลับไปปางจันทร์คราวนี้ เห็นทีผมต้องกลับไปที่ ..ที่เราได้พบกัน..ไปคืนรักไว้ที่นั่น”
ประโยคนี้แม้ผมจะเป้นผู้ชาย
แต่บอกตามตรงน้ำตาแทบไหลออกมา ส่งสารรุ่งโรจน์จับใจ

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2

สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังนะคะ
ขอให้มีความสุขมากๆ คิดสิ่งใดก็ขอให้สมปรารถนา

รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ  :L2:

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
ดันค่ะ อยากอ่านต่อมากๆ เลย กลัวเศร้าก็กลัว >.<

V_we

  • บุคคลทั่วไป
อยากจะกรี๊ดให้บ้านแตก ใช่จริงๆ หรือเนี่ย
ตอนแรกไม่รู้เลยนะคะว่าใครเป็นคนเขียน
เห็นประกาศรวมเล่มเลยว่าจะลองเข้ามาอ่าน
แล้วก็เจอ "ชิงชัง" เข้าให้
อ๊ากกกกกกกกกกกกก
ใช่จริงๆ หรือเนี่ย "ชิงชัง" ที่เป็นละครช่อง 5 ใช่ไหมคะ
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ อ๊ากกกกกก คุณเฟื่องงงงงงงงง
คุณเฟื่องจริงๆ ด้วย

skydear

  • บุคคลทั่วไป
ผมแทบจะไม่มีแรงอ่านให้ถึงตอนจบแล้ว
ใจจะขาดเสียให้ได้
ความรักหนอ ความรัก

skydear

  • บุคคลทั่วไป
ในนามของผู้อ่านคนหนึ่ง
เมื่อผมอ่านมาจนถึงตอนสุดท้ายแล้ว ผมยอมรับว่าผมสะเทือนใจกับเรื่องนี้มาก
แต่ผมดีใจที่มีโอกาสเป็นคนหนึ่งที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้
ขอบคุณผู้ประพันธ์ที่แต่งหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา
ขอบคุณพระเจ้าที่สร้างให้โลกใบนี้มีความรัก
แม้ว่าหลายครั้งและหลายคน (รวมทั้งตัวผมเอง) ความรักจะไม่มีวันสมหวัง
ไม่มีทางที่ความรักจะเป็นจริงขึ้นมาได้ แต่ความรักคือพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สรรสร้างสิ่งๆต่างให้เกิดขึ้น
ขอบคุณผู้ประพันธ์อีกครั้งที่ผมให้ผมได้คิดในหลายๆอย่าง
หนังสือเล่มนี้ผมขออนุโมทนาบุญให้กับผู้ประพันธ์ที่ตั้งใจประพันธ์นิยายเรื่องนี้ขึ้นมา
ขออนุโมทนาบุญให้กับท่านผู้ที่ซื้อและสั่งจองหนังสือเล่มนี้
ที่สำคัญที่สุดท่านผู้ใดที่สั่งซื้อหนังสื่อเล่มนี้จากผู้ประพันธ์
ในนามของคนอ่าน ผมอยากให้ท่านอ่านด้วยใจ
อ่านแล้วคิดตามใตร่ครองสิ่งที่เกิดขึ้นในเนื้อเรื่อง
เงิน 350 บาท จากการซื้อหนังสือเล่มนี้ สำหรับผมที่อ่านมาถึงจุดนี้ผมคิดว่ามันคุ้มค่ามากๆ
มากจนเกินคุ้มเลยทีเดียว
ขออนุโมทนาบุญครับ

anop2521

  • บุคคลทั่วไป

21.
   

   ค่ำคืนนั้นหลังจากรับประทานอาหารค่ำในห้องอาหารของโรงแรม รุ่งโรจน์ก็ขอตัวขึ้นห้องพักโดยอ้างว่า รู้สึกเหนื่อยล้าอยากพักผ่อน..แสงทองกับสุริยาจึงนั่งคุยกัน ดูข้อมูลที่ผ่านมาแล้ว และที่จะต้องไปสำรวจในวันต่อ ๆ
   สุริยากับแสงทองนั่งคุยกันไปได้สักพัก...โทรศัพท์มือถือของสุริยาก็ดังขึ้น..เป็นเบอร์ที่เขาไม่คุ้นเคย..พอรับสาย..เสียงหวานของผู้หญิงตอบรับกลับมา

   “ดาราวดีค่ะ”

   “ครับ ดาราวดี” สุริยาครุ่นคิด..

   “ที่ไปกับคุณแม่คุณรุ่งไงคะ จำได้หรือยัง..” สุริยามองหน้าผู้หญิงที่นั่งตรงหน้า เห็นแสงทองจ้องมองด้วยความใคร่รู้ สุริยาจึงเอามือปิดตรงรูรับเสียง ก่อนจะบอกกับแสงทองว่า

   “คืนนี้แค่นี้นะ พรุ่งนี้ เราจะออกจากตากไป วัดพระบรมธาตุ ..ฝันดีนะ” ว่าแล้วชายหนุ่มก็ลุกขึ้นเดินออกไปคุยข้างนอกตัวอาคารโรงแรม..

   “ครับคุณดาราวดีมีอะไรหรือครับ..”

   “เหงา ๆ ค่ะ ..หาเพื่อนคุย สะดวกคุยหรือเปล่าคะ..”

   “สะดวกครับ” สุริยามองไปทางล็อบบี้เห็นแสงทองหอบหนังสือไปที่หน้าลิฟท์กดเปิดแล้วก็เดินเข้าไปด้วยใบหน้าไม่สดใสนัก..ข้างหูก็ฟังข้อความอีกยืดยาวของคุณดาราวดีคนสวย..ผู้ที่เขาเองก็ไม่รู้ว่า ผู้หญิงคนนี้จะมาไม้ไหน แต่ขณะนั้นก็ตั้งสติ คิดแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า..เคสลูกทัวร์โทรมาปรึกษาปัญหาอื่น ๆ หลังจากลงจากทัวร์เกิดขึ้นเป็นประจำ บางคนก็ตั้งใจมาจีบ เมื่อเขาคุยลักษณะกลาง ๆ เป็นแค่เพื่อน เดี๋ยวก็เงียบหายไป..แต่รายนี้..สุริยานึกถึงใบหน้านวลเนียนน่าทะนุถนอม...และน้ำเสียงสุภาพอ่อนโยนที่กำลังกรอกอยู่ในหู

   “คือ ดี้ ไม่ค่อยมีเพื่อนที่เมืองไทยค่ะ ..อยู่ต่างประเทศนานไปหน่อย ..ตอนนี้พี่อยู่ที่ไหนคะ”

   “ตากครับ มาสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวเอาไว้จัดทัวร์ครับ”

   “น่าอิจฉาพี่สุริยานะคะได้ไปเที่ยวทั่วไทย...”

   “แต่คุณดาราวดีได้ไปหลายประเทศมาแล้ว เมืองไทยเล็กนิดเดียว มีเวลาสักนิดก็ไปทั่วได้นะครับ”

   “แต่ดี้..” ว่าแล้วหญิงสาวก็เล่าเหตุและผล เปลี่ยนประเด็นต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปถึงสองชั่วโมง สุริยาเดินแล้วก็นั่ง แล้วก็เดินอยู่บริเวณสวนหน้าโรงแรม จนกระทั่งแบตเตอรี่ร้องเตือน..

   “คืนนี้คงแค่นี้นะครับคุณดี้ แบตหมดแล้ว..” พูดยังไม่ทันจบโทรศัพท์ก็ตัดสายไป สุริยาถอนหายใจออกมา..เคสแบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว จะสลัดหลุดได้เมื่อไหร่เล่า สาวเจ้าเสนอตัวมาว่าพร้อมจะออกไปสำรวจด้วย เพราะตอนนี้ยังไม่ทำงานทำการเป็นเรื่องเป็นราว อันที่จริง สุริยาโกหกคนไม่เป็น ชอบเล่าเรื่อง..พอเล่าว่าจะต้องไปเชียงใหม่ ดาราวดีก็ว่าจะนั่งเครื่องตามไปรอ..ให้ไปรับแล้วไปต่อด้วยกัน..สุริยาจึงต้องบ่ายเบี่ยงบอกว่าจะไปงานแต่งญาติของแสงทองต่อ..สาวเจ้าก็ยังออดอ้อนต่าง ๆ นา ๆ แต่เขาก็ปฏิเสธด้วยความละมุนละม่อม..และสุริยาก็รู้ว่าจุดมุ่งหมายในการตามตื๊อครั้งนี้ของดาราวดีคือใคร?

   พอเปิดประตูห้องพักเข้าไป พบรุ่งโรจน์คนดีที่หนึ่ง นอนหลับหายใจหนัก ๆ คล้ายจะเหนื่อยล้า..สุริยาไปยืนอยู่ข้างเตียง รู้สึกถึงความผิดปกติ จึงค่อย ๆ เอาหลังมือไปอังที่หน้าผาก พบรุ่งโรจน์ตัวอุ่น ๆ สุริยานึกถึงที่ห้องอาบน้ำอุ่นของบ่อน้ำพุร้อนพระร่วง ในเวลาบ่ายกับอากาศที่ร้อนอบอ้าว ร่างกายคงจะปรับตัวไม่ทันพิษไข้จึงเกิดขึ้น..

   สุริยาเดินไปเปิดกระเป๋าหยิบยาพาราฉีกมาให้สองเม็ดถือแก้วน้ำมาวางไว้ข้างเตียง ค่อย ๆ ปลุกคนหลับ

   “คุณรุ่ง ๆ ตัวอุ่น ๆ กินยาหรือยังครับ”

   รุ่งโรจน์ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น

   “คุณกินยาหรือยังครับ..”

   “ยาอะไร..”

   “คุณตัวร้อนนี่ ไปอาบน้ำอุ่น ร่างกายคงปรับไม่ทัน ไข้เลยขึ้น..ยาครับ..” สุริยาส่งเม็ดยาใส่มือ รุ่งโรจน์โยนเข้าปาก แล้วคว้าแก้วน้ำดื่มตาม..

   “ขอบคุณครับ..” ว่าแล้วล้มตัวลงนอน พอดีกับโทรศัพท์ของรุ่งโรจน์แผดเสียง..สุริยาหยิบมาดู..เห็นว่าเป็นสายเรียกเข้าของคุณแม่..ชายหนุ่มจึงวางไว้ข้าง ๆ หู คนหลับ เพื่อปลุกให้รุ่งโรจน์ตื่นมารับเอง

   “ว่าไง...คุณแม่หรือครับ..คร้าบ...หลับแล้วคร้าบ..คุณแม่มีอะไรหรือคร้าบ...อยู่ที่ตากคร้าบ..วันจันทร์อังคารหน้าครับคุณแม่ถึงจะกลับ...ไม่ได้เมาแต่ง่วงนอน หลับแล้วด้วย ...นี่คุณแม่รบกวนเวลานอนผมนะ....ห่มผ้าซิครับ..คิดถึงคุณแม่ทุกวันนะครับ...โอ๊ะ ไม่ได้ดูครับคุณแม่ ไม่รู้นี่ครับว่าออกอากาศเมื่อไหร่ คือคุณแม่ไม่โทรมาบอกก่อน..โทรแล้วไม่มีสัญญาณ คงอยู่ในป่านะครับ..ครับ...ครับ..ครับ...รักคุณแม่ที่สุดในโลกครับ..ครับ...ฝันดีครับคุณแม่ บุญรักษานะครับ..” พูดจบรุ่งโรจน์ก็วางโทรศัพท์ไว้ข้างหมอน..โดยไม่ลืมตามองสุริยาที่นั่งมองอยู่

   เมื่อเห็นรุ่งโรจน์หลับไปแล้วสุริยาก็เปิดหนังสืออ่าน เตรียมตัวสำหรับวันพรุ่งนี้..วัดพระบรมธาตุจังหวัดตาก พระธาตุราศีปีมะเมีย ..ตามคติความเชื่อของชาวล้านนาคือที่ชเวดากองของพม่า..แต่หลวงพ่อเจ้าอาวาสองค์ก่อนไปสักการะพระเจดีย์ชเวดากอง แล้วจำแบบมาก่อสร้าง ..อ้อมีพระเจ้าทันใจที่ศักดิ์สิทธิ์ด้วย..ใครอธิษฐานขออะไรจะได้ดั่งใจ..แต่จริง ๆ แล้วพระเจ้าทันใจที่มีเกือบทุกวัดในภาคเหนือมีคติการสร้างคือต้องสร้างให้เสร็จภายในวันเดียว ตั้งแต่เช้าถึงเย็น จึงเรียกว่าพระเจ้าทันอกทันใจ..คนหนอคน ความจริงเป็นอีกอย่าง ตีความเป็นอีกอย่าง แล้วถ้าไปอธิษฐานแล้วไม่เป็นไปดั่งประสงค์ล่ะ..ก็เสื่อมศรัทธาอีก จะทำอย่างไรหนอ เล่นกับความเชื่อและจิตวิญญาณไม่ใช่เรื่องง่ายเลย..และก็ข้อมูลของลำปางหลวงที่มีประวัติของพระนางจามเทวีเข้ามาเกี่ยวข้อง..จะไปหาอ่านโดยละเอียดได้ที่ไหนนี่..อ่านหนังสือไปได้สักชั่วโมงเหลือบดูนาฬิกาเห็นว่าเกือบเที่ยงคืนสุริยาจึงปิดไฟไปล้มตัวลงนอนเคียงกัน..ด้วยหัวใจที่เต้นโครมคราม..เหมือนทุก ๆ คืน..
   รู้ตัวว่าอาการโหยหาหนักขึ้นทุกวี่วัน..และก็ต้องพลิกใจให้หนีอกุศลอยู่ทุกคืนค่ำ..นึกถึงสมัยอยู่ที่วัดจะฟุ้งซ่านรำคาญใจก็ยังไม่เท่านี้ ด้วยไม่มีคู่กรณี ช่วยสาน จึงสงบลงได้ แต่นี่..สุริยาพลิกตัวตะแคงนอนมองคนที่จมูกโด่งเป็นสัน ผิวขาวละเอียด คิ้วเข้ม ปากแดงรับกับใบหน้ารูปไข่..หายใจเข้าออกเป็นจังหวะ..แผงหน้าอกนูนขาวจัดน่าโอบรัดให้อบอุ่นใจ..

   ปรารถนาแห่งใจในวันวาน ทำให้ดาวตกจากฟ้าสู่มือตนเป็นอัศจรรย์..

 รู้...ว่าเป็นการอธิษฐานแบบทุเรศที่สุดในชีวิต แต่เมื่อคิดและทำไปแล้ว ได้มา..จึงรู้และมั่นใจว่า บุญหากมีการสะสมจะสามารถดึงสิ่งที่ปรารถนามาได้..

   “สุริยา..”

   “ฮื้อ..” สุริยาขานรับก่อนชะโงกไปมอง เมื่อเห็นว่าอีกคนละเมอ จึงนอนมองด้วยรอยยิ้ม..และยิ้มก็กว้างขึ้น..เมื่อคนละเมอต่อด้วยประโยคว่า..

   “สุริยา ผมรักคุณนะ..” ในฝันวันนี้เขามีเรา..แล้วไอ้วิชช์นั่นคือใคร..ต้องรู้ให้ได้ว่าความสัมพันธ์ทั้งคู่ลึกซึ้งแค่ไหน..ว่าแล้วก็คว้าโทรศัพท์ของรุ่งโรจน์มา พลิกตัวตะแคงหันหลังให้ ค่อย ๆ กดดูรายชื่อและเบอร์โทรไปเรื่อย ๆ ...ด้วยใจ ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ..ไม่พบ ..เมื่อไม่พบจึงพลิกตัวกลับหวังเอาโทรศัพท์วางไว้ที่เก่า..แต่ยังไม่ทันจะวาง คนที่คิดว่าหลับสนิทจนละเมอ ก็ลืมตาใสราวกระจกจ้องมองด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ก่อนจะขยับตัวโดยเร็วถาโถมกอดรัดจนแน่น..

   “แอ๊ะ รู้นะคิดอะไรอยู่..เดี๋ยวเหอะ..”

   “ปล่อย..โอ๊ย..ไม่มีอะไร..”

   รุ่งโรจน์ไม่ปล่อยยังกอดรัดคนที่ดิ้นขลุกขลักจนแน่น ปากก็พร่ำว่า..

   “เมื่อกี้คุยโทรศัพท์กับใครนานเกือบสองชั่วโมง...ผมหึงนะ คิดนอกใจผมเหรอ..ผมไม่ยอมนะ..” ปากพูดไป จมูกก็ซุกไซ้ตามกกหู ต้นคอและใบหน้าอย่างรุนแรง ยากจะขัดขืนเพราะมือทั้งสองข้างถูกมือหนาบีบไว้จนแน่น..

   “ปล่อย! คุณรุ่ง เล่นอะไรเนี่ย..เจ็บนะ!” น้ำเสียงจริงจัง อาการขัดขืนมิสมยอมดั่งใจนึก

   “ไม่ได้เล่น เอาจริง ๆ ...”..

   “อย่านะ!..อย่า.!!.” สุริยายังดิ้นรน รุ่งโรจน์ยังนัวเนียหัวเราะสนุกสนานเหมือนทุก ๆ ครั้ง..ก่อนที่บางอย่างจะเลยเถิดไปกว่าที่ควรจะเป็น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นถี่ ๆ

   “พี่ยา!!..พี่รุ่ง..พี่ยา..เปิดประตู..ด้วยเร็ว..พี่ยา!!.”เป็นเสียงของแสงทองที่แฝงความตกใจไว้สุดขีด ทั้งสองรีบผละออกจากกัน..สุริยาตั้งสติได้ กระโดดผางไปที่ประตู..รีบเปิดออก พบแสงทองยืนกอดหมอนกับผ้าห่มตัวสั่นงันงก พอเห็นหน้าเขาแสงทองก็ทิ้งหมอนกับผ้าห่มโผเข้ากอดจนแน่นด้วยน้ำตานองหน้า

   “เป็นอะไรแสงทอง” สุริยากอดตอบหลวม ๆ

   รุ่งโรจน์ก็รีบใส่เสื้อเดินมาสมทบ สีหน้าตกใจไม่น้อยเช่นกัน..

   “เป็นอะไรใครทำอะไรหนู..”

   “ผี..ผีหลอก..” แสงทองเสียงสั่นเครือ

   “ผีที่ไหน..”

   “ในห้องนะซิ..”

   สุริยาจูงแสงทองมานั่งที่โซฟากุมมือไว้แน่น..รุ่งโรจน์ไปรินน้ำมาส่งให้แล้วนั่งเคียงกัน..

   “หนูขอนอนด้วยนะ ไม่ไปนอนแล้วที่ห้องนั้น”

   “มันหลอกอย่างไร”

   “มันเป็นเงาตะคุ่ม ๆ เดินมาหยุดที่ปลายเตียง แล้วเขาก็จับขาหนูดึงอย่างแรง..หนูสะดุ้งสุดตัวใจหายวาบขนลุกซู่ ๆ คุมสติแทบไม่อยู่”

   “หลับหรือตื่น”

   “เพิ่งจะล้มตัวลงนอนกำลังเคลิ้ม ๆ”

“คิดไปเองหรือเปล่า” รุ่งโรจน์ยังไม่ยอมเชื่อ

   “ไม่รู้ ..อย่างไรคืนนี้หนูก็ไม่นอนในห้องนั้นคนเดียวแล้ว กลัว....นอนตรงนี้แหละ”

   “ก็ได้ แต่อย่างไร คืนนี้หนูกินยานี่ก่อน ..จะได้หลับฝันดี..” ว่าแล้วรุ่งโรจน์ก็เดินไปเปิดกระเป๋าของตัวหยิบยาสีเดียวกับที่เคยให้สุริยากินแล้วหลับเป็นตายมาส่งให้สองเม็ด..แสงทองทำท่าปฏิเสธ แต่เห็นสายตาของรุ่งโรจน์แล้วจึงยอม..

   “กินยาแล้วก็สวดมนต์สักหน่อย อุทิศบุญกุศลที่ทำไว้ให้เขา เผื่อมาขอส่วนบุญจริง ๆ”

   “เป็นคนมีบุญก็ไม่ดีนะพี่ยา ผีมาขอส่วนบุญหรือคะ..หนูกลัวจังเลยครั้งแรกนะเนี่ย..ไม่เอาแล้วต่อไปหนูไม่กล้านอนคนเดียวแล้ว..” เมื่อแสงทองพูดอย่างนั้น รุ่งโรจน์เกาหัวแกรก ๆ ..สุริยาแอบสบตาแล้วก็แยกเขี้ยวเข้าใส่

   “เอ้า สวดมนต์สั้น ๆ ตามพี่ แล้วก็อุทิศบุญให้เขา วันนี้วันพระด้วย ไม่มีใครทำบุญให้ คงน้อยหน้าเพื่อนผีด้วยกันจึงมาขอส่วนบุญ เอ้าว่าตามนะ...” ว่าแล้วคนเคยอยู่วัดก็พาสวดมนต์..ได้สักสิบนาที ยังไม่ทันจะแผ่ส่วนกุศลให้ภูตผีตัวที่ว่า เจ้าทุกข์ก็ตาปรือก่อนจะล้มตัวลงนอนบนหมอนหลับสบาย สุริยาจัดท่านอนให้นอนสบายก่อนจะดึงผ้าห่มที่กองอยู่กับพื้นมาห่มให้แล้วก็ปิดไฟ เดินไปยืนที่ระเบียง..

   “เร็ว ๆ คุณยะ กลับมาเดี๋ยวนี้ เรื่องของเรายังไม่จบนะครับ..”

   สุริยายังยืนนิ่ง ๆ ไม่ขยับเขยื้อนไม่กลัวคำขู่ ด้วยรู้ว่าอย่างไรรุ่งโรจน์ก็ไม่กล้าทำอะไรรุ่มร่ามต่อหน้าอิสตรีคนนี้แน่
   

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
อยากจะกรี๊ดให้บ้านแตก ใช่จริงๆ หรือเนี่ย
ตอนแรกไม่รู้เลยนะคะว่าใครเป็นคนเขียน
เห็นประกาศรวมเล่มเลยว่าจะลองเข้ามาอ่าน
แล้วก็เจอ "ชิงชัง" เข้าให้
อ๊ากกกกกกกกกกกกก
ใช่จริงๆ หรือเนี่ย "ชิงชัง" ที่เป็นละครช่อง 5 ใช่ไหมคะ
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ อ๊ากกกกกก คุณเฟื่องงงงงงงงง
คุณเฟื่องจริงๆ ด้วย


ดีใจที่นักเขียนดังของเว็บนี้รู้จัก "เฟื่อง" ด้วย ขอบคุณครับ.. ตกลงซื้อกี่เล่มครับ.. 5555

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
21 (ต่อ)

แสงสีทองยังไม่ทันจะทาบขอบฟ้า บริเวณหน้าโรงแรมก็มีพระภิกษุสามเณรออกบิณฑบาต..ประมาณตีห้าแสงทองลุกขึ้นปลุกสุริยาให้ลงไปเป็นเพื่อนซื้อหาอาหารใส่บาตรพระ ด้วยถามจากเจ้าหน้าที่ของโรงแรมตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นได้ความว่า พระจะออกบิณฑบาตประมาณตีห้าครึ่ง....

   เมื่อรู้สึกตัวว่ามีคนมาเขย่าตัว..สุริยาลืมตาขึ้น ค่อย ๆ ดึงมือที่รุ่งโรจน์กุมไว้อยู่ใต้ผ้าห่มอุ่นออกมา ขยี้ตา แล้วขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าหวีผม ออกมาคว้ากระเป๋าสตางค์ เดินนำแสงทองออกจากห้องพัก...

   “ให้พระอาทิตย์ขึ้นก่อนค่อยไปเอาของในห้อง ตอนนี้กลัว..”

   “รู้ได้ไงว่าผีกลัวพระอาทิตย์”.

   “ดูหนัง ละครไง ส่วนใหญ่ผีจะมากลางคืน กับความมืด..โอเคไม่พูดถึงล่ะ ยังกลัวอยู่เลยไปเถอะค่ะ ไม่ลงลิฟท์นะคะ” ว่าแล้วแสงทองก็เกาะแขนสุริยาจนแน่นขณะเดินลงบันไดไปด้วยกัน..

   และก็เป็นครั้งแรกที่สุริยารู้สึกภาคภูมิใจกับบุรุษเพศของตน

   โลกจะสมดุลหากชายคู่หญิง..เขาน่าจะทำได้..และถ้าทำไม่ได้?

   เมื่อวางถุงข้าว อาหารและขนมลงในบาตรแล้ว สุริยาก็ขอพระท่านยะถา..เพื่อกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ผีตนนั้น..
   ทำแล้วสบายใจ..อุ่นใจ..มั่นใจว่าบุญนี้จะช่วยให้ผู้ตกทุกข์ได้ยากพ้นกรรม..
   

   “วันนี้ไปวัดค่อยไปถวายสังฆทานสักวัดละถังแล้วกัน..อ่านของหลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านว่าบุญสังฆทานอาจจะช่วยเขาได้..”

   เมื่อกลับขึ้นไปในห้องเก่าของตน แสงทองรีบเก็บของลงกระเป๋า รีบออกมา..ยืนหายใจหอบ ๆ ..

   “มันกลัวไม่หาย คุมสติไม่ได้เลย..” แสงทองบอกความในใจ..

   “มันน่ากลัวจริง ๆ นะพี่..ใจจะขาดเสียให้ได้..ขนหัวตั้งเลยมั้งเมื่อคืน..”

   “เอาเหอะ..ต่อไปหนูต้องหัดสวดมนต์ให้คล่องสักบทนะ เอาไว้สู้..”

   “สู้ได้หรือ”

   เมื่อเปิดประตูห้องพักสองหนุ่มเข้าไป พบว่ารุ่งโรจน์ยังนอนอยู่ในผ้าห่มอุ่น เมื่อจะตอบคำถามหญิงสาว สุริยาจึงปรับเสียงให้เบาลง

   “ใจ ..นึกถึงตอนที่เรายังไม่เจอะผีซิ ใจเราเป็นอย่างไร ปกติดี..ตอนนี้เราปรับใจไปยังจุดนั้นไม่ได้ เพราะเราคิดถึงแต่ผี..หลวงพ่อท่านว่า ถ้าเรานึกถึงผี ผีก็อยู่ในใจเรา ถ้าเรานึกถึงพระ พระก็อยู่ในใจเรา ผีกลัวพระ นึกถึงพระผีก็หายไป..เพราะฉะนั้นนึกถึงพระอยู่เนือง ๆ ..องค์พระสักองค์ หรือภาวนาสักบท พุทโธ หรือสัมมา อะระหัง หรือนะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ..สักบท เราจะอุ่นใจ ใจเราก็เป็นปกติ มีพลังไม่กลัวอะไร ลองดูนะ”

   แสงทองขอตัวไปอาบน้ำ เมื่อได้ยินเสียงน้ำไหลซ่า ๆ สุริยาก็กระโจนไปบนเตียง ใช้มือเปิดเปลือกตาคนหลับ...รึคนชอบแกล้งหลับ ให้ตื่น..แต่เจ้าตัวยังเฉย ๆ เมื่อเฉยจึงดึงแก้มทั้งสองข้าง เจ้าตัวยังเฉย เมื่อเฉยอีกจึงดึงหูทั้งสองข้าง..ทีนี้คนถูกกระทำร้องฮื้อ ทำนองว่ารำคาญ เสียงดัง..จนสุริยาต้องละมือ..กำลังจะลุกหนี..คนที่นอนอยู่จึงพูดให้คลายขุ่นว่า..

   “นวดหัวให้ผมหน่อย ปวดหัวจังเลย..นะคร้าบ..” รุ่งโรจน์นอนพังพาบคว่ำหน้าอยู่ที่หมอน สุริยาเห็นดังนั้นก็อดที่จะทำให้อย่างที่เคยทำให้ไม่ได้..

   รู้ว่ารักแล้วทุกข์ แต่ก็รู้ว่าสุขจากได้รักได้ดูแลใครสักคน มันไม่ได้มีกันง่าย ๆ เหมือนกัน....
   


   รับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยทั้งสามคนก็พากันไปที่ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช องค์กษัตริย์ที่มีพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นต่อผืนแผ่นดินไทย..หลังจากจุดธูปเทียนวางดอกไม้สักการะ ระลึกนึกถึงคุณขอพึ่งบุญญาบารมีแล้ว รถก็เคลื่อนตัวขึ้นเหนือเขาสู่อำเภอบ้านตาก แวะวัดพระบรมธาตุ สิ่งสำคัญคือพระชเวดากองเจดีย์จำลองพระธาตุประจำราศีปีมะเมีย กับพระเจ้าทันใจพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่มีเครื่องบูชาขายเป็นชุด..

   หลังจากที่สักการะแล้ว แสงทองก็ออกมาถ่ายรูปเลือกมุมกล้องผ่านประตูทางทิศเหนือโดยจะเห็นพระเจดีย์อยู่ในกรอบประตูสวยงาม..จนอดใจไปที่จะเรียกให้นายแบบทั้งสองมานั่งที่ขั้นบันไดพนมมือยิ้มสดชื่นไม่ได้.. เมื่อเสร็จกิจจากที่วัดก็พารถข้ามถนนไปเจดีย์ยุทธหัตถี..ประวัติศาสตร์จารึกไว้ว่าพ่อขุนรามคำแหงมหาราชแห่งสุโขทัยมีชัยชนะเหนือขุนสามชนเจ้าเมืองฉอดในวัยหนุ่ม ณ ที่ตรงนี้..

   เมื่อรถแล่นไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1107 มุ่งตรงสู่อำเภอสามเงา ที่ตั้งเขื่อนภูมิพล กั้นลำน้ำปิง..ต้องผ่านผาสามเงาที่สร้างตั้งแต่สมัยพระนางจามเทวีผู้มาจากเมืองลพบุรี มุ่งไปครองแว่นแคว้นหริภุญไชย..และสตรีนางนี้ก็ได้ทำคุณประโยชน์ให้แผ่นดินในด้านพุทธศาสนาอยู่มิใช่น้อย..เมื่อต้องเดินทางไปในถิ่นที่บุญญาบารมีของพระนางเคยคุ้มครองไว้ ก็อดที่จะระลึกนึกถึงในสมัยที่พระนางสร้างบ้านแปลงเมืองให้เจริญรุ่งเรืองไม่ได้..จริงหรือ..ยากไหม..มีอำนาจเหนือชายได้อย่างไร..มีคำถามผุดขึ้นมาเป็นช่วง ๆ ขณะที่นั่งมองสองข้างทางไป..

   “พี่ยา ฝั่งแม่สอด แม่ระมาด พบพระ อุ้มผาง ท่าสองยาง ต้องสำรวจหรือเปล่า” สุริยาสะดุ้งเฮือกเมื่อแสงทองร้องถาม..

   “ต้อง แต่เป็นวันหลัง..หรือบางที เราไปเจอะคนจังหวัดนั้น พวกลูกทัวร์เรานั่นแหละ เราก็สืบจากปากเอา แต่เราต้องอ่านข้อมูลไว้ก่อนนะ พอเจอะจะได้ถามหาข้อมูลได้ง่าย ๆ ให้เคลียร์ว่าสวยจริงหรือเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างไหม เพื่อลดต้นทุน แต่บางทีก็เจอประเภท อยู่จริง เกิดจริง ไม่เคยเปิดหูเปิดตาดูบ้านตัวเองก็เยอะแยะ..”

   “คนไทยไม่ชอบอ่านหนังสือ.”

   “มันก็ต้องศึกษาไว้บ้าง เผื่อเพื่อนฝูงมาเที่ยวใครถามถึงถิ่นตัวจะได้บอกเล่าถูก..บางทีโมโหเหมือนกันนะ เราคิดว่าเขาน่าจะรู้ แต่พอถาม บอกงั้น ๆ ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรคนจะแห่ไปได้อย่างไร..คงจะชินละมั้ง..”

   “จริง ๆ ผมคนไทยผมยังไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรในเมืองไทยเหมือนกัน” รุ่งโรจน์แทรกขึ้นมา

   “เมืองไทยมันก็ยังกว้างคุณรุ่ง บางคนบ้านอยู่ติดกับเขาใหญ่ พอถามว่า มีอะไรบ้างที่คนนิยมไปเที่ยว..มันบอกไม่รู้..คนเขาใหญ่นะครับ ถ้าบ้านอยู่กลางหุบเขาในแม่ฮ่องสอนการศึกษาสื่อโทรทัศน์ยังเข้าไม่ถึง มันก็น่าให้อภัย..แต่พวกนี้..”

   “และนี่ก็คือเหตุผลที่คนบางกลุ่มซื้อทัวร์ใช่ไหม” แสงทองตั้งคำถาม

   สุริยาพยักหน้า

   “ออกจากเขื่อนแล้วไปไหน...” รุ่งโรจน์ถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

   “จากข้อมูลคร่าว ๆ หาได้ก่อนถูกผีหลอก ก็จะไปพระธาตุจอมปิง ดูเงาพระธาตุในโบสถ์ที่อำเภอเกาะคา วัดเสลาปัพพตาราม วัดพี่น้องกับวัดพระธาตุลำปางหลวง
พระธาตุประจำราศีปีฉลู ปีวัว..แล้วก็จะมุ่งไปเข้าเมืองลำปาง ไปวัดพระเจ้าทันใจ วัดหลวงพ่อเกษม วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม ประวัติว่าพระแก้วมรกตองค์ที่กรุงเทพฯ เคยไปประดิษฐานอยู่ตั้งสามสิบกว่าปี วัดเจดีย์ซาว วัดประตูป่อง แล้วก็ไปไหนอีกล่ะ วัดศรีชุม วัดพระธาตุเสด็จและก็ที่หนูอยากไปก็คือ..น้ำพุร้อนแจ้ซ้อน..แต่มันก็โด่งขึ้นไปไกล เอาอย่างงี้ไหมพี่ยา..หนูดูจากแผนที่เราน่าจะไปพะเยาแล้วก็เชียงราย วกไปเชียงใหม่ ลำพูน ปางจันทร์ ส่วนแพร่ น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก สุโขทัยไว้ค่อยวันหลังดีกว่า..”

   “เหตุผล”

   “สงสารคนขับรถ เรามากันสามคืนแล้วนะ ดูแล้วเวลาที่เหลืออยู่จะไม่พอ อีกอย่างจริง ๆ หนูก็อยากไปสำรวจเชียงรายกับเชียงใหม่ให้ทั่ว ๆ นะเพราะมีจุดขายที่มากกว่า พื้นที่กว้างขวางกว่า..”

   “แต่ไอ้ที่มีจุดขายดี ๆ เชื่อใหม่ส่วนใหญ่คนมักจะไปกันมาแล้ว ขายตั๋วยาก สู้อะไรที่คิดว่าไม่มีแล้วเราทำให้มีได้นี่จะขายได้..ดูอย่างอ่างทองซิ จริง ๆ คนคิดว่าไม่มีอะไรแต่พอลงรายละเอียดให้ กลับมีวัด   สวย ๆ ตั้งมากมาย แต่โปรแกรมที่แสงทองว่าไว้ก็โอเคนะ เอาไว้วันหลังค่อยมาอีกรอบ ไปเส้นลพบุรี เพชรบูรณ์ พิษณุโลก อุตรดิตถ์ แพร่ น่าน..คุณว่าดีไหมคุณรุ่ง” ขอความคิดเห็นเพื่อหยั่งดูน้ำเสียง..

   “อะไรก็ได้ตามแต่คุณเห็นสมควร” รุ่งโรจน์พูดจบ ก็แอบยักคิ้วผ่านกระจกมองหลังให้หนึ่งที..สุริยาแอบเอามือลอดเบาะไปจิ้มพุงเล่น ๆ ..

   “แล้วเมื่อคืนคุณดาราวดีโทรมา มีเรื่องอะไรหรือคะ”

   เป็นเรื่องไหมล่ะ..สุริยาคิดหาถ้อยคำแก้ตัว..เมื่อเห็นสายตาคนขับรถมีคำถามเช่นกัน..

   “นอนไม่หลับ อยากหาเพื่อนคุย...จะโทรหาคุณรุ่งก็กลัวว่าคุณชายจะไม่รับ ..ลองหยั่งเสียงทางกองเชียร์ดู..ว่าคุณรุ่งมีปฏิกิริยาอะไรกับเธอบ้างหรือเปล่า” สุริยาโกหกไปหน้าตาเฉย..

   ได้ฟังคำตอบแสงทองหัวเราะ..แต่รุ่งโรจน์หน้ามุ่ย...

   “น่าจะให้โทรหาหนูจะได้ใส่สีตีไข่จนเคลิบเคลิ้มหลับไม่ลงทีเดียว”

   “ถ้าดาราวดีโทรมาอีก บอกเธอด้วยนะผมคิดถึงเธอจนจะขาดใจตายอยู่แล้ว” น้ำเสียงของรุ่งโรจน์คล้ายจะประชดประชัน

   “เอ๊ะรึจะโทรตอนนี้ดี..” ว่าแล้วรุ่งโรจน์ก็ชะลอรถเข้าข้างทาง ก่อนจะเรียกให้แสงทองมาเปลี่ยนขับ เรียกให้สุริยามานั่งเบาะหน้าแล้วตัวเองไปนั่งเบาะด้านหลังใช้ศีรษะพิงเบาะหน้าแล้วมือข้างซ้ายก็แอบลอดเบาะมาจับมือสุริยาที่นั่งกอดอกอยู่เบาะหน้า ปากก็พร่ำกับคนปลายสายว่า..

   “ทำอะไรอยู่ครับ..ซื้อของอยู่รึ เลือกเสื้อผ้าจะไปงานกับคุณแม่..ครับ..ครับ..ครับ ..งั้นไม่รบกวนนะครับ ..ครับ..คิดถึงซิครับ”

   พูดถึงตรงนี้ สุริยาก็พลิกข้อมือขวาที่กอดอกไพล่ไปทางรักแร้ที่รุ่งโรจน์แอบเอื้อมมือมาจับไว้ หยิกเบา ๆ พอให้ได้รู้ว่า.. ‘หึงนะ’

....นี่แหละหรือความรัก..คอยกังวลมิเป็นสุขจริง ๆ ..

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






yayee2

  • บุคคลทั่วไป
รักแล้วทุกข์ เพราะสุริยาคิดมากระแวงนั่นๆนี่ๆรึเปล่า
ไม่อยากเดาเลยว่าสองคนนี้จะลงเอยกันแบบใด เพราะเดาอย่างไรก็เดาไม่ถูกหรอกมั้ง

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
มีหึงกันด้วย :-[
แล้วตกลงคุณยาบอกรักคุณรุ่งแล้วรึ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-05-2011 15:52:57 โดย sukie_moo »

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
พี่ยาเริ่มไปซะแล้ว ใจหนอใจ
บวกให้ค่า อยากอ่านอีกๆๆๆ >//<

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
ความรักมักมาคู่กับความทุกข์เสมอ พี่ยาคงรู้ถึงพยายามถอนตัวถอนใจให้ห่าง อ่านแล้วอยากเป็นกำลงัใจให้พี่ยาสุดๆ!

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
เหมือนจะจบเศร้านะ  มีรักแล้วก็มีทุกข์ตามมาจริง ๆ

WhatLoveIs

  • บุคคลทั่วไป

koraorni

  • บุคคลทั่วไป
ความรักกับความทุกข์มักเป็นของคู่กัน

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586

Panny

  • บุคคลทั่วไป
มีรักมีทุกข์ แต่ยังไงก็ขอลองได้ทุกข์สักครั้งในชีวิตเถอะ

Namtarn

  • บุคคลทั่วไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ threetanz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 766
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
สวัสดีค่ะ ไรท์เตอร์ เพิ่งตามอ่านเรื่องนี้ครั้งแรก กว่าจะอ่านจะ เล่นเอาเหนื่อยเลย ฮ่าๆ

วางเรื่องแล้วก็ดำเนินเรื่องได้ ดี มากเลยค่ะ ไม่น่าเชื่อว่าจะแต่งทิ้งไว้นานแล้ว แต่งเก่งมาก ๆเลยค่ะ

อ่านมาถึงตอนนี้แล้วดีใจมากเลย ที่ยา เริ่มมีปฏิกิริยา ให้ชื่นใจกับความรักครั้งนี้ซักที 

อ่านแล้ว ซึ้งในรสพระธรรม ที่ ผู้เ้ขียนคอยสอดแทรกให้อยู่เสมอเลย รวมทั้ง ในเรื่องความรักด้วย

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
22.
   
   คืนวันที่พระจันทร์อับแสง ดวงดาวจึงแจ่มจรัสเต็มผืนฟ้าอันกว้างขวางสุดสายตา ในค่ำคืนนี้คนที่กลัวผีขอไม่แยกห้องนอน เมื่อไม่แยกจึงต้องพักห้องเตียงคู่..โดยสองหนุ่มนอนเบียดกันในเตียงเล็ก ๆ แรกทีเดียวสุริยาจะหาทางออกไม่ให้แสงทองผิดสังเกต โดยจะให้เอาเตียงเข้ามาเสริม แต่รุ่งโรจน์ห้ามไว้ พูดเสียงดังว่าไม่เป็นไร อ้างอีกนิดหนึ่งว่าจะได้ประหยัด สุริยาส่ายหัวด้วยไม่แนบเนียนเลยกับคำพูดอย่างนั้น..

ส่วนแสงทองเองก็ไม่ได้สนใจใส่ใจว่า สองหนุ่มจะมีทีท่าต่อกันอย่างไร หญิงสาวยังระริกระรื่น ตาเป็นประกายทุกครั้งที่อยู่ใกล้ ๆ กัน..แสงทองคงคิดว่า รุ่งโรจน์อาจจะยอมทำตามใจคนเป็นแม่ ด้วยการคบหากับคุณดาราวดีคนสวยลูกมหาเศรษฐีใหญ่ แล้วสุริยาก็คือผู้ชายที่คู่ควรกับตน..

   ในคืนวันที่ดาวเกลื่อนฟ้า ป่าต้องลม รุ่งโรจน์เดินถือโทรศัพท์ออกจากห้องพักของที่ทำการอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ไปยืนคุย และเดินไปเดินกลับประหนึ่งกำลังเดินจงกลมด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม..แสงทองที่นั่งมองเอกสารในมือ หันไปมอง หันกลับมาก็ยิ้มให้สุริยาที่พยายามฝืนสีหน้าให้เป็นปกติ

   “งานนี้เจ๊สิริฤดี คงได้หน้าบานปานดอกทานตะวันรับแสงล่ะ..”

   สุริยาไม่ตอบว่าอะไรเพียงก้มหน้าอ่านประวัติพระนางจามเทวี หนังสือที่รุ่งโรจน์ซื้อให้จากร้านในเมืองลำปางเมื่อตอนเย็น ภาพในจินตนาการน่าจะเป็นเรื่องของพระนางคนหนึ่งที่นั่งเสลี่ยงมาลงเรือให้บรรดาทหารฝีพายดีพาขึ้นมาตามลำน้ำปิงเข้าสู่เมืองหริภุญไชย แต่ที่ไหนได้ มีเพียงภาพความดีที่ผ่าน ๆ มาของคนซื้อหนังสือกับภาพปัจจุบันที่เขากำลังคุยอี๋อ๋ออยู่กับใครบางคน

   “เป็นอย่างไรบ้างพี่ยาเล่าให้ฟังหน่อยซิ ขี้เกียจอ่าน” แสงทองเงยหน้าจากหนังสือของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ...สุริยายังไม่เล่า เพียงเงยหน้าขึ้นมาสบตา จ้องดูใบหน้าเฉิดฉายผิดวันวาน แล้วก็ขื่น ๆ กับกรรมเก่าของตน..

   “มีประวัติพ่อขุนงำเมือง พ่อขุนรามคำแหง และพญาเม็งรายไหม เห็นรูปนี้แล้วอยากรู้จังเลย..” แสงทองยังหาประเด็นมาชวนคุย..

   “เมื่อกี้ดูที่ร้านในเมืองไม่มีนะ มีแต่ประวัติพระนางจามเทวี..ถ้าอยากอ่าน กลับไปค่อยไปหากัน..”

   “ต้นทุนในการเป็นไกด์ก็คือ ข้อมูลต่าง ๆ นี่นะ ..จริงอย่างที่พี่ว่า ลำพังนั่งรถมาแล้วแค่มาดูมันก็ไม่มีอะไร แต่ถ้ามีข้อมูลสักนิด ก็จะรู้สึกว่าอิฐทุกก้อนมันกระซี้กระซิบบอกเล่าให้เรารู้สึกร่วมสะเทือนใจกับกาลเวลาที่ผ่านพ้นได้จริง..เที่ยวภาคเหนือ เอาแค่กำแพงเพชร กับสุโขทัยนี่ก็นับว่าต้องเก่งจริง ๆ นะ”

   “เอาแค่ประวัติความเป็นมาของหลวงพ่อชินราชขณะสร้างเกี่ยวโยงกับพระมหากษัตริย์อยุธยา กับหลวงพ่อเพชร กับการโยงมาที่วรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผนมีพาดพิงนิดหน่อย แค่นี้เราก็มีเรื่องเล่าจากจุดหนึ่งไปจุดหนึ่งไม่จบไม่สิ้นแล้ว..”

   “หนูประทับใจวัดพระธาตุลำปางหลวงจังเลย ทำให้นึกสภาพเมืองโบราณออก ข้างบนเป็นเครื่องไม้ ข้างล่างเป็นอิฐ ถึงว่าเวลาเดินไปทางดูเมืองเก่าจึงเห็นแต่ฐานอิฐ เพราะเครื่องบนถูกรื้อถูกไฟเผาไป..”

   คุยในเรื่องงานมันสะดวกใจ กว่าที่จะคุยในเรื่องลึก ๆ ลงไปในหัวใจ..เขารู้บางครั้งแสงทองพยายามค้นจนลึกลงไป

   “พี่ยาเคยรักใครไหม..”

   ..วันนั้นเขาไม่ตอบ เพราะ..มันไม่เคย..

   วันนี้เคยแล้ว แสงทองกลับไม่ถาม..แต่เขากลับรู้สึกอยากเล่าอยากระบาย อยากให้สักคนได้ร่วมเป็นสักขีพยานแห่งหัวใจตน อยากตะโกนให้โลกมันรู้ว่า เขามีจิตฝักใฝ่ต่อหนุ่มคนนั้น..ผิดไหม หากใจเป็นอย่างนี้.. สุริยาถามตัวเอง..

   จนกระทั่งได้เวลาหรือแบตหมดเช่นเขาเมื่อคืน รุ่งโรจน์เปิดประตูกลับเข้ามาด้วยใบหน้าเป็นสุข..แสงทองแซวตามประสาคนปากไว ส่วนสุริยาอ่านหนังสือทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ รุ่งโรจน์เดินมาหยุดที่ด้านหลังชะโงกหน้ามองดูหนังสือในมือคนชอบอ่าน..

   “ดีไหม ได้ยินคุณพูดถึง จึงซื้อมาให้” ประโยคเดิมที่คล้ายกับจะแก้ตัว กับความผิดของตน..สุริยาไม่ตอบ ..แสงทองเห็นว่าดึก จึงขอตัวไปกระโจนลงที่นอน พอจะหลับตาก็กระเด้งขึ้นมา พนมมือสวดมนต์งุบงิบ

   รุ่งโรจน์เห็นกิริยาดังนั้นจึงหัวเราะเบา ๆ พลางเอามือนวดที่บริเวณไหล่ของสุริยาเป็นเชิงง้องอน..สุริยาเงยหน้าแกล้งทำหน้าบึ้งตึงใส่..รู้ว่าไม่มีสิทธิ์คิดหึงหวง.. รู้ว่า..ตัวเป็นใคร เขาเป็นใคร และรู้ว่าระหว่างเราเป็นได้แค่ไหน เกียรติยศศักดิ์ศรีของตนมี แล้วเรื่องอะไรจะแสดงอาการอันบ่งบอกถึงจิตใจที่ย่ำแย่ให้อีกคนได้รู้สึกสมเพชเล่า..

   “ไปนอนเถอะคุณรุ่ง ดึกแล้ว”

   “คุณไม่นอนหรือ ดึกแล้วนะ” รุ่งโรจน์นั่งแทนที่แสงทอง มือก็หยิบหนังสือ พระธาตุเจดีย์ 12 ราศีขึ้นมาพลิก..

   “ตกลงไปไม่ครบ 12 ราศีซิเนี่ย”

   “เรื่องวัดวา ทำบุญกุศล ถ้าจิตใจไม่แน่วแน่จริง ๆ ไปไม่ถึงหรอก..เดี๋ยวก็ปลิ้นไปนั่นไปนี่ ประหนึ่งเหมือนคนที่ตั้งใจจะไปพระนิพพาน แต่ก็ไปไม่ถึงเพราะข้างทางมันมีอะไรที่ชวนให้หยุดยืนดูมากกว่าถนนข้างหน้าที่มองไม่เห็นจุดหมายปลายทาง”

   “ตกลงควรที่จะไปตามที่ตั้งใจหรือว่าจะเอาอย่างที่แสงทองบอก..” รุ่งโรจน์ชวนคุย ซึ่งสุริยาก็ปรับสีหน้าและน้ำเสียงจนเป็นปกติแล้วก็ตอบว่า..

   “อย่างที่แสงทองว่าไว้นั่นแหละ จริง ๆ เราก็ต้องรีบกลับกรุงเทพฯ นะ เมื่อเย็นโทรไปถามไอ้อ้อยมันบอกว่า ทริปทุ่งกระเจียวยังไม่เต็มคัน ทริปสุพรรณบุรีก็ยังเงียบ ๆ คงต้องกลับไปโทรชวนเอง ..หรือไม่ก็ขยับใบปลิวให้กว้างขวางขึ้น”

   “จัดทัวร์นี่เหนื่อยไม่ได้หยุดเลยนะ เสี่ยงด้วย”

   “ขอบคุณนะครับที่กล้าเสี่ยงด้วยกัน”

   น้ำเสียงของสุริยาจริงจัง...รุ่งโรจน์เหลือบตาไปทางเตียงนอนเห็นว่าแสงทองคลุมโปงไปแล้ว เขาจึงเอื้อมมือไปแตะที่หลังมือของสุริยา มองหน้าสบตา บอกให้รู้ความในใจ

   “เมื่อกี้ผมโทรคุยกับเพื่อนผม ไม่ใช่ดาราวดี” น้ำเสียงของรุ่งโรจน์เบาลง คงกลัวแสงทองจะได้ยิน

   สุริยาจ้องหน้าแววตาวับไหว

   “บอกผมทำไม”

   “กลัวคุณนอนไม่หลับ แล้วลุกขึ้นมาสวดมนต์ให้รำคาญรูหูนะซิ”

   รุ่งโรจน์จ้องหน้าตาเชื่อมแล้วก็พูดต่อว่า

   “ไปเดินเล่นกันไหม ข้างนอกอากาศดีนะเย็นสบาย..ดาวก็เกลื่อนฟ้าทีเดียว.และดึก ๆ อย่างนี้คงมีพระจันทร์เสี้ยวให้ได้เกี่ยวก้อยชม..นะ..ไปนะ..”

   ว่าจะไม่ไป ไม่ให้ความร่วมมือ ตัดอกตัดใจลา..แต่เมื่อเห็นแววตาอ่อนโยนอบอุ่น ก็อดใจอ่อนไม่ได้..เรื่องของคนคู่ ..เป็นเช่นนี้เอง โบราณจึงว่า ผัวเมียเขานอนคุยกันเป็นคนอื่นอย่าเข้าไปยุ่ง..

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
   

   เช้าวันนั้นสุริยาคิดว่าอากาศน่าจะสดใส ด้วยเมื่อคืนฟ้ากระจ่างดาว แต่ที่ไหนได้ เมื่อเวลาประมาณตีสาม หลังจากข่มตาให้หลับลงได้ ฝนก็ตกกระหน่ำอย่างไม่ลืมหูลืมตา..พออรุณยังไม่ทันจะเบิกฟ้า แสงทองก็ค่อย ๆ ย่องจากเตียงไปยืนเกาะขอบหน้าต่างเปิดผ้าม่าน ยืนกอดอกมองไปที่สวนสวยของอุทยาน พอเห็นว่ามีแสงสว่าง หญิงสาวก็เดินมาชะโงกดูที่เตียงเห็นว่าสุริยากับรุ่งโรจน์หลับสนิทเคียงกัน เจ้าตัวจึงถือวิสาสะคว้ากุญแจรถเปิดประตูห้องออกไปค้นหาร่ม กางออกเดินไปที่น้ำพุร้อน..สุริยาเผยอตามามองถอนหายใจออกมา นึกถึงเหตุการณ์เมื่อยามค่ำคืน..
   
พอออกจากห้อง รุ่งโรจน์เกาะบ่าเดินไปทางน้ำพุร้อน ขณะนั่งลงบนโขดหินตรงลานน้ำพุ รุ่งโรจน์ก็เผยความในใจออกมา..ด้วยการจับมือของเขาแล้วยกขึ้นมาหอมเบา ๆ ..เขาดึงออก ไม่ได้แสดงอาการตกใจแต่ก็ไม่ได้ปัดป้องปฏิเสธจนรุ่งโรจน์เสียหน้า

   “ผมรักคุณนะ..คุณล่ะรักผมบ้างไหม”

   สุริยาเบือนหน้าหนี เสมองหมู่ดาวตรงหน้า..ไม่ตอบความในใจ..ก็ด้วยตั้งใจว่าจะไม่พูด..เพราะ รู้ว่าเพียงเอ่ยคำว่า “ผมก็รักคุณ” คำเดียว แล้วทุกอย่างก็จะเดินไปอย่างที่นายต้องเคยบอกเล่าไว้...

   แต่เขาไม่ต้องการ ความรักที่เขาควรจะได้จากรุ่งโรจน์ หรือรุ่งโรจน์จะได้จากเขา มันควรจะหยุดอยู่แค่นี้..ดีต่อกันฉันท์เพื่อนสนิท อย่างคนที่รู้ลึกถึงหัวใจ

   เมื่อเขาไม่ตอบรุ่งโรจน์จะเตร็ดเตร่เดินเข้าไปในที่มืด..จนกระทั่งเขาต้องวิ่งตามไป..แล้วรุ่งโรจน์ก็กระโดดมารวบเขาไว้ปลุกปล้ำกอดรัดหอมซ้ายขวาอย่างไม่อายผีสางเทวดา...เมื่อเขาเป็นอิสระได้จึงเดินรี่หนีกลับมาที่ห้องพัก ล้มตัวลงนอนหันหลังให้..เมื่อรุ่งโรจน์ตามกลับมา ด้วยมีแสงทองนอนอยู่เตียงใกล้ ๆ กัน เขาจึงทำการงอนง้อได้เพียงจูบเบา ๆ ที่ต้นแขนและนอนเกาะกุมมือข้างซ้ายไว้.. ขณะนั้นใจของสุริยาก็ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ..เรียกหาที่พึ่งคือการภาวนาจนกระทั่งตกภวังค์ฝนก็ตกกระหน่ำลงมา...

   และฝนในเช้าวันนี้สุริยาก็คิดถึงชีวิตของคนที่ต้องเดินไปข้างหน้า ใคร ๆ ก็ปรารถนาคิดแต่ว่าชีวิตนี้ต้อง..ควรราบเรียบปกติมีความสุข แต่เอาเข้าจริง.. ๆ บางสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดหรือได้คาดคิดไว้ก็มาถึงอย่างไม่ ทันได้ตั้งตัว..และการที่เราจะข้ามพ้นเหตุที่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดได้นั้น เห็นจะมีเพียง “สติ” ตัวเดียวจริง ๆ

   เมื่อเห็นว่าแสงทองถือร่มไปสนุกเริงร่าอยู่ข้างนอกแล้ว สุริยาก็ใช้โอกาสที่ฟ้าฉ่ำฝน นั่งคุกเข่าหันหน้าเข้าหาหัวเตียงสวดมนต์ทำวัตรเช้าเบา ๆ ...

   วัคซีนป้องกันการเกิดโรคร้ายได้ฉันท์ใด ธรรมะของพระพุทธเจ้าก็มีไว้ป้องกันทุกข์ได้ฉันท์นั้น..

   หากเช้าวันนี้รุ่งโรจน์โกรธหรือเปลี่ยนไป เขาก็ต้องพร้อมที่จะเดินไปบนโลกนี้แต่เพียงลำพัง..
   เมื่อสวดมนต์เสร็จถึงบทแผ่เมตตาก็อดที่จะแผ่ให้คนที่นอนอยู่เคียงกันไม่ได้..กรรมแต่ชาติปางไหนหนอถึงทำให้ตามมาร้อยรัดกันต่อไป ไม่ขอผูกเวร ขออโหสิ ตัดภพ ตัดชาติ ถ้าจะเจอะเจอกันอีกขอเป็นเพียงกัลยาณมิตรที่ดีต่อกันเท่านั้น

   เมื่อเสร็จธุระในห้องน้ำ สุริยาก็เดินออกมานั่งอ่านหนังสือ สักพักรุ่งโรจน์ก็ลืมตาตื่นลุกขึ้นมาด้วยหน้าตาที่บึ้งตึง..สุริยาเพียงชายตามองแล้วก้มหน้าอยู่ที่ตัวอักษร..แสดงให้เขารู้สักนิดว่าโกรธ ตกใจและไม่พอใจกับการกระทำอันจาบจ้วงในตอนกลางดึก..

   รุ่งโรจน์เองคงจะรู้สึกเคอะเขิน เขาลงจากเตียงไปเข้าห้องน้ำ ออกมา ก็เดินค้นหาสมบัติในกระเป๋า..สุริยาปรายตามอง รู้ว่าเขากำลังหาอะไร..บุหรี่ซองที่ติดอยู่ในกระเป๋า เขาแอบโยนทิ้งถังขยะตั้งแต่อยู่กำแพงเพชร..เห็นแล้วมันก็แสลงใจ..รู้ว่าเป็นโทษก็ยังไม่ยอมละ แล้วจะพัฒนาใจให้สูงขึ้นกว่าเดิมไปได้อย่างไร

   “แสงทองหายไปไหน” น้ำเสียงที่ถามดูห่างเหิน..สุริยาถอนหายใจออกมา รู้สึกโมโหเช่นกัน ตัวเองผิด ควรที่จะขอโทษ แต่นี่..ยังมาทำถืออำนาจบาตรใหญ่เข้าใส่..

   “กุญแจรถผมหายไปไหน” ถามจบ สุริยายังไม่ตอบ รุ่งโรจน์จึงสะบัดกระเป๋าตกจากชั้นวาง สุริยานั่งมองอาการนั้นอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว..จนกระทั่งรุ่งโรจน์เดินมาหยุดที่ตรงด้านหน้า แล้วถือดี รวบหนังสือในมือของสุริยาวางไว้..

   “ทำไมไม่คุยกับผม ผมถามคุณไม่ได้ยินหรืออย่างไร” น้ำเสียงรุ่งโรจน์ดูต้องการเอาชนะมากกว่าโกรธแค้น สุริยาได้ยินดังนั้นจึงตอบว่า..

   “ได้ยินครับ กำลังจะตอบด้วย คุณก็มาพับหนังสือผมเสียก่อน..” แก้ตัวไปน้ำขุ่น ๆ

   “งั้นผมก็ผิดซิ..”

   “ใช่ ผิด..คุณกล้าดีอย่างไรถึงได้ทำอย่างนั้น..” สุริยาหมายถึงเรื่องเมื่อคืน..

   “ก็..ผม..” รุ่งโรจน์เกาหัวแกรก ๆ ก่อนจะนั่งลงเคียงกัน แล้วก็จู่โจมกอดรัดสุริยาจนแน่น..สุริยาก็ไม่ขัดขืน

   “ผมรักคุณไงคุณยะ ผมถึงกล้าดีที่จะทำอย่างนั้น..”

   “แต่ผมไม่ได้รักคุณในแบบนั้น..”

   “ไม่จริง ผมไม่เชื่อ คุณก็มีใจให้ผมในแบบนั้น..” รุ่งโรจน์ยังเถียงข้าง ๆ คู ๆ ..สุริยาถอนหายใจออกมา การกระทำของตนที่ผ่านมาไม่ผิดที่เขาจะคิดอย่างนั้น..แต่เขาก็ไม่เคยได้ให้ท่าให้ทางหรือแสดงตนให้เห็นไปมากกว่าที่เขารุกล้ำเข้ามา..

   เมื่อเห็นสุริยาเงียบ รุ่งโรจน์จึงระดมหอมไปทั่วใบหน้า..สุริยาก็ไม่ปัดป้อง จนกระทั่งรุ่งโรจน์ต้องหยุดการกระทำนั้น..แล้วก็เอ่ยว่า..

   “ผมคงเข้าใจผิดไปเอง ต่อไปผมจะไม่ยุ่งกับคุณอีก ผมขอโทษ”..ยังไม่ทันที่รุ่งโรจน์จะปล่อยมือ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น..รุ่งโรจน์คลายอ้อมแขน เดินไปเข้าห้องน้ำ สุริยาจึงเป็นฝ่ายไปเปิดประตูให้คนที่มาเคาะ..

   เป็นแสงทองที่กางร่มตากฝนกลับมา..เมื่อเห็นหน้าสุริยาฝืนยิ้มให้ทั้งที่ใจ สุดจะเศร้าหมอง..

   “หนูอยากรู้ว่าถ้าฝนตกไปใส่แล้วน้ำมันจะอุ่นหรือว่ายังร้อนอยู่ ทายซิคะว่าปรากฏว่าเป็นอย่างไร”

   “อุ่น..”

   “เก่งมาก..ตกลงจะเอาอย่างไรหนูได้ยินที่ร้านค้าบอกว่า ดีเปรสชั่นเข้า ฝนจะตกกระหน่ำซ้ำซัดภาคเหนือตอนบนเป็นเวลาสองถึงสามวัน ถ้าเป็นอย่างนี้ โปรแกรมสำรวจของเราคงต้อง”

   พอดีที่รุ่งโรจน์เปิดประตูออกมา ใบหน้าบอกบุญไม่รับ ดวงตาหม่นเศร้าไร้ความสุข..จนแสงทองต้องร้องถาม..

   “พี่รุ่งเป็นอะไรไม่สบายหรือเปล่า..”

   รุ่งโรจน์ไม่ตอบ แต่กลับล้มตัวลงนอนดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง..แสงทองมองหน้าสุริยาในเชิงถามความกระจ่างจากเหตุที่เห็น..สุริยาจึงได้แต่แบมือแล้วก็สั่นศีรษะแบบหนังฝรั่ง..

   แสงทองเกาหัวยิก ๆ ..

   ตั้งแต่เช้าถึงเที่ยง ฝนก็ยังตกไม่ขาดเม็ด หนักเบาโปรยปรายสลับ..จนกระทั่งต้องโทรไปสั่งอาหารมาในห้อง..แสงทองปลุกให้รุ่งโรจน์มากิน แต่รุ่งโรจน์ปฏิเสธ โดยบอกว่าไม่หิว สุริยารู้สาเหตุแต่ก็อยากจะเห็นว่าที่สุดของการประชดประชันกันมันจะเป็นอย่างไร..

   พอกินข้าวอิ่ม แสงทองก็ถามว่า “ตกลงจะเอาอย่างไร เที่ยงแล้วนะต้องคืนห้องเขาแล้ว ..”

   “ถามรุ่งโรจน์ซิ” สุริยารู้ว่าตัวเองก็ทำไม่ถูก ..ทางที่ดีควรที่จะง้อโดยเป็นฝ่ายเอ่ยปากถามเองเสียก็ได้ เมื่อแสงทองเป็นคนถาม เจ้าตัวจึงลุกขึ้นบอกว่า “ไปเถอะจะได้ไม่เสียเวลา” แล้วก็เข้าห้องน้ำไปอาบน้ำซ่า ๆ ออกมาด้วยผ้าขนหนูพันกายโดยไม่เกรงใจผู้หญิงคนเดียว แสงทองเหมือนจะรู้จักกาละ หญิงสาวรีบคว้ากระเป๋าผ้าเดินรี่เข้าห้องน้ำเช่นกัน..

   สุริยาปรายตามองเป็นเชิงตำหนิ แต่คนที่ผิดไม่สนใจ กลับปลดผ้าเช็ดตัวผืนนั้นมาซับน้ำตามร่างกายโดยไม่อายว่าเนื้อตัวล่อนจ้อน สุริยาเห็นดังนั้นจึงเบือนหน้าหนี เมื่อรุ่งโรจน์แต่งตัวเสร็จโดยไม่สนใจจะเก็บเสื้อผ้าชุดเก่าใส่ถุงไว้ซักหรือเก็บสัมภาระตัวลงกระเป๋า ก็คว้ากุญแจรถกระเป๋าเงินเปิดประตูห้องคว้าร่มเดินออกไปทางร้านอาหาร สักพักก็กลับมาที่รถ เข้าประจำที่สตาร์ทเครื่องแล้วก็เปิดเพลงพี่เบิร์ด+เสก จนเสียงดังสนั่น สุริยาเห็นท่าว่าคนขี้โกงจะไม่กลับมาเก็บสมบัติตัวเองแน่ เขาจึงรีบเก็บใส่กระเป๋าก่อนที่แสงทองจะผิดสังเกตไปมากกว่านี้..

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
   

   แล้วสุริยาก็ได้เห็นฤทธิ์เห็นเดช เมื่อรถคันโก้แล่นฝ่าสายฝนออกจากอุทยานไปด้วยความเร็วร้อยยี่สิบร้อยสามสิบ..จนแสงทองที่นั่งข้างหน้าต้องร้องเตือน..

   “ไม่เร็วไปหรือพี่ชาย..”

   “ตกลงเราจะไปไหนกัน..” รุ่งโรจน์ตั้งใจคุยแต่เฉพาะกับแสงทอง.. แสงทองหันมาทางข้างหลัง เห็นว่าสุริยาเบือนหน้าไปอีกทาง เจ้าตัวจึงตอบว่า..

   “เลี้ยวซ้าย 1035 อำเภอวังเหนือ เลี้ยวขวา 120 พะเยาเจ้า..” แสงทองทำอารมณ์ดีปรับบรรยากาศ

   “จะแวะ จะจอด จะหยุดจะไปตรงไหนบอกล่วงหน้านะครับ..”

   พอดีกับที่ข้างหน้ามีป้ายบอกว่าเป็นถ้ำ..รุ่งโรจน์ถามแสงทองว่า

   “จะไปสำรวจไหม...” แสงทองลังเล รุ่งโรจน์เลี้ยวซ้ายทันที...

   “มาสำรวจก็ต้องสำรวจให้ทั่วจะเลือกที่รักมักที่ชังไม่ได้ การท่องเที่ยวรู้ว่าเราทำอย่างนี้น้อยใจตายเลย” พูดยืดยาวคล้ายจะว่ากระทบคนที่นั่งอยู่เบาะข้างหลัง

   สุริยาถือการนิ่งเป็นการสยบความว้าวุ่น.. เมื่อมีปัญหาเช่นนี้เกิดขึ้นสุริยาพยายามที่จะไม่คิดฟุ้งซ่านไม่ต่อไม่สานไปในทางเลวร้าย

   จนกระทั่งป้ายบอกทางเข้าถ้ำเลี้ยวขวาสู่ถนนลูกรัง เจ้าของรถคันโก้ คงไม่รู้พิษของถนนแบบนี้ จึงขับรี่ตรงไป โดยไม่ถามใคร ๆ และด้วยฝนยังตกปรอย ๆ ทำให้ถนนลื่น แพร่ด ๆ แล้วรถคันโก้ก็ไถลไปเอียงกะเท่เร่อยู่ข้างถนน เดินหน้าก็ไม่ได้ ถอยก็ไม่ได้ด้วยทางชันและลื่นมาก ๆ ..

   “ฉิบ..” รุ่งโรจน์สบถเบา ๆ แสงทองเองก็หน้าเสีย..ด้วยคงรู้แล้วว่า คนขับกับคนที่นั่งข้างหลังมีเรื่องผิดใจกัน แล้วถ้าแสงทองถามจะอธิบายเรื่องนี้ว่าอย่างไร?

   เมื่อเห็นรถเป็นดั่งนั้นเจ้าของรถจึงหัวเสียเปิดประตูลงไป ด้วยเป็นเด็กในเมืองจึงไม่รู้ว่า รองเท้าจะติดกับดินโคลน พอเท้าทั้งสองข้างก้าวออกจากรถไปปุ๊บ เจ้าตัวก็ลื่น ก้นจ้ำเบ้า ล้มไม่เป็นท่า

   เมื่อเป็นดั่งนี้ รุ่งโรจน์ก็ยิ่งมีอารมณ์โมโหหนักเข้าอีก แสงทองรีบเปิดประตูถอดรองเท้าและก้าวออกตามไปช่วยพยุงมือดึงขึ้น สุริยาเองถอดรองเท้าไปเดินวน ๆ อยู่รอบ ๆ รถ..พยายามใช้
ปัญญาแก้ไขปัญหา..

   “ทำอย่างไรดีพี่ยา” แสงทองขอความคิดขณะที่รุ่งโรจน์เองเดินตีนเปล่าทิ้งรองเท้าราคาแพงให้จมอยู่ในโคลน..สุริยาเห็นดังนั้นรู้สึกสงสารอยู่เหมือนกัน..แต่อีกทีก็ว่า จะได้เห็นผู้ดีตะแคงตีนเดินก็คราวนี้..

   “คงต้องเดินไปหาบ้านที่มีรถไถมาช่วยดึงให้ หนูอยู่เป็นเพื่อนคุณรุ่งที่รถนะ เดี๋ยวพี่ไปตามเอง”

   “จะดีหรือพี่ยาไปคนเดียวมันอันตรายนะฝนก็ตกด้วย..”

   “อยู่ที่รถดีกว่าเพราะรถแพงกว่าชีวิตพี่” ว่าแล้วสุริยาก็จ้ำพรวดฝ่าฝนปรอย ๆ ลุยขี้เลนมุ่งไปข้างหน้า ทิ้งให้สองคนยืนพะวงเป็นห่วงว่า เดินไกลออกไปจะมีอันตรายไหมนั่น..
   

   สุริยาเดินหายไปราวชั่วโมงเศษก็นั่งรถไถใหญ่กลับมาพร้อมกับผู้ใหญ่ผู้ชายอีกห้าคนและเด็กผู้ชายวัยกำลังซนอีกสามคน..

   “โอ้โฮ รถคันเบ่อเริ่มเลย..คงจะรวยน่าดู” เด็กปากเปราะพากันมาลูบคลำรถกันใหญ่..แล้วพวกผู้ใหญ่ก็ใช้พวนขนาดใหญ่มัดกับกันชนรถด้านหลัง แล้วก็ใช้พลังรถไถคันใหญ่ลากรถขึ้นมาได้..

   เมื่อรถขึ้นมาได้แล้ว สุริยาควักแบงก์ห้าร้อยให้เป็นสินน้ำใจ...ก่อนจะขอบคุณครั้งแล้วครั้งเล่าแล้วก็ขอตัวกลับออกไปด้วยความนอบน้อม..

   เมื่อรถคันโก้กลับมาแล่นบนถนนลาดยาง คนขับก็ลดความเร็วเหลือเพียงแปดสิบเก้าสิบ..จนกระทั่งรถแล่นผ่านบริเวณหน้าผาหินซึ่งมีน้ำไหลเป็นทางมาขังบนลานหินข้างถนน แสงทองจึงขอร้องให้รุ่งโรจน์จอดรถเพื่อล้างรองเท้าที่ตัวเองไปดึงขึ้นมาจากโคลนให้..รุ่งโรจน์ปฏิบัติตามอย่างไม่มีข้อแม้ เพราะตัวเองต้องลงไปล้างแข้งล้างขา ล้างโคลนที่ติดตามกางเกงและชายเสื้อเนื้อดีราคาแพงของตนด้วย..ทีนี้เมื่อคนสองคนงอนกันยืนเคียงกันใช้มือรองน้ำที่ไหลมาตามผาหินที่เดียวกัน มองหน้า..สบตากัน สุริยาจึงเผลอยิ้มออกมาเต็มวงหน้า..ทีนี้ส่งผลให้รุ่งโรจน์ยิ้มกว้างออกมาบ้าง

   “โกรธกันเรื่องอะไร” แสงทองเห็นเหตุการณ์ว่าน่าจะเป็นปกติแล้วจึงถามขึ้นด้วยท่าทีขำ ๆ ..รุ่งโรจน์ไม่ตอบ สุริยาก็ไม่ตอบ ขืนตอบไปตามจริง แสงทองคงได้น้ำลายฟูมปากอย่างแน่นอน
   

   เมื่อรถวิ่งไปได้สักพักก็ถึงอำเภอวังเหนือแสงทองสั่งให้เลี้ยวซ้าย บอกว่าอยากไปอาบน้ำพุร้อนแม่ขะจานอยากจะรู้ว่าจะอุ่นกว่าร้อนกว่าที่แจ้ซ้อนหรือไม่..รุ่งโรจน์ปฏิบัติตามอย่างที่ลั่นวาจาไว้..ไปไหนเลี้ยวซ้ายขวาให้บอก..เมื่อถึงน้ำพุร้อน แสงทองก็ไปเปิดท้ายรถถือกระเป๋าเสื้อผ้าของตน

   “อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะเดี๋ยวหวัดจะกินซะก่อน..” แสงทองพูดจบ ก็รีบเดินไปห้องน้ำ ทิ้งให้คนที่เพิ่งดีกันได้คุยปรับความเข้าใจกัน..สุริยามองตามผู้หญิงที่ถือกระเป๋าไปแบบเอียงกระเทเร่แล้วรู้สึกนับถือในปัญญาของเจ้าหล่อน..

   หากมีเธออยู่ด้วยก็จะมีกันชนยากจะคืนดีกันได้ง่าย ๆ รุ่งโรจน์เมื่อเห็นแสงทองเดินไปแล้ว เขาก็ใช้มือเคาะพวงมาลัยเป็นจังหวะ พร้อมกับฮัมเพลงอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว..จนสุริยาต้องเอ่ยปากขึ้นก่อนว่า

   “ไม่ไปอาบน้ำรึ จะได้เปลี่ยนเสื้อผ้า..”

   “ถ้าไป คุณจะอาบกับผมหรือเปล่า” รุ่งโรจน์ยังไม่วายวกกลับในเรื่องที่ถูกขัดใจ..สุริยาถอนหายใจออกมาแล้วก็เอื้อมมือไปดึงแก้มใส ๆ แล้วก็บิดเบา ๆ เป็นเชิงหยอกเย้า หมั่นไส้ในอาการยียวน..

   “ฤทธิ์มากจริง ๆ ..โอเค เดี๋ยวผมจะถูหลังให้ ..ถ้าคุณไม่อายสายตาประชาชีที่มองดูผู้ชายสองคนเข้าห้องอาบน้ำไปด้วยกันอ่ะนะ”
   

   หลังอาบน้ำชำระล้างคราบโคลนออกจากร่างกาย รุ่งโรจน์ก็กลับมาเป็นผู้ชายอารมณ์ดีดู สบาย ๆ เหมือนเดิม..จนแสงทองต้องเอ่ยมาว่า..

   “จริง ๆ อย่างที่ป้ายติดในไว้ในวัดนะ พี่ยา..โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า..คนเราเวลาโกรธนี่ไม่น่ารักเลย..โชคดีนะ ที่หนูไม่ค่อยมีอารมณ์โกรธเกลียดใครรุนแรง..”

   แสงทองพูดยังไม่ทันจบ รถของรุ่งโรจน์ก็แซงรถมอเตอร์ไซค์ชายหญิงวัยรุ่นซ้อนกอดกันมา
เป็นคู่ ๆ ร่วมสิบคัน

   “โอเฮ้ะ” รุ่งโรจน์อุทานออกมาแค่นั้น แต่แสงทองต่อว่า

   “วัยกำลังคัน..เฮ้อเห็นเด็กสมัยนี้แล้วเครียด..กลัวอ่ะพี่รุ่ง กลัวการมีลูก”

   “ยังหาพ่อไม่ได้” รุ่งโรจน์ย้อน

   “พ่อของลูกหาไม่ยากเท่าหาสามีที่ดีหรอก..”

   “ตำรวจก็น่าจะดี มีระเบียบวินัย” รุ่งโรจน์แกล้งแซว แสงทองรีบเปลี่ยนเรื่อง

   “กว๊านพะเยาแหล่งชีวิต ศักดิ์สิทธิ์พระเจ้าตนหลวง บวงสรวงพ่อขุนงำเมือง งามลือเลื่องดอยบุษราคัม...ทำเวลานะ พรุ่งนี้อยากดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ภูชี้ฟ้า..”

   แต่รุ่งโรจน์ขัดขึ้นว่า

   “ผมอยากไปนอนดูแม่น้ำโขงที่เชียงของ”

   “แต่ผมอยากไปดูไร่ชาและซากุระที่ดอยแม่สลอง”

   ทั้งสามยังเถียงกันเรื่องที่จะไป แล้วก็ให้คะแนนกับสถานที่สวยงามที่ผ่านมา..

Badmiffy

  • บุคคลทั่วไป
เราก็อยากไปทัวร์บ้างจัง อ่านเรื่องนี้แล้วอยากหนีเรียนไปเที่ยวสุดๆ 555+

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
พี่ยาหนอพี่ยา ตัดสินหัวใจเถอะ ปล่อยไปครึ่งๆ กลางๆ แบบนี มีแต่จะก่อปัญหา  o16
 
บวกๆๆๆ ให้ค่า

Panny

  • บุคคลทั่วไป
เวลาโกรธกันก็จะขาดใจทั้งคู่ อย่ามัวฝืนอยู่เลย

kut

  • บุคคลทั่วไป

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
ตอนที่

23.

   พะเยาเป็นเมืองเก่าแก่เมืองหนึ่งแห่งล้านนาไทย เดิมมีชื่อว่า “ภูกามยาว” ซึ่งแปลว่า “หมู่บ้านดอยยาว” ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1638 โดยพ่อขุนศรีจอมธรรม กษัตริย์แห่งราชวงศ์ลัวะจังคราชหิรัญนครเงินยางเชียงแสน และเจริญรุ่งเรืองสูงสุดปกครองโดยพ่อขุนงำเมือง ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงการปกครองตามอิทธิพลของอาณาจักรต่าง ๆ ที่ผลัดกันมีอำนาจในดินแดนแถบนี้ จนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ได้เปลี่ยนชื่อเป็นพะเยา และวันที่ 28 ส.ค.20 จึงได้จัดตั้งขึ้นเป็นจังหวัดที่ 72 ของประเทศไทย

   ในเวลาราวบ่ายสองโมง รถคันที่คนบนรถเพิ่งปรับความเข้าใจกัน เริ่มแล่นเข้าสู่ตัวเมือง ขณะนั้นมีขบวนแห่ศพไปที่ป่าช้า ขวางอยู่ข้างหน้า รถทั้งขาขึ้นขาล่องต้องหยุด เพื่ออำนวยความสะดวก..

   สุริยามองภาพตรงหน้าแล้วก็อดที่จะเล่าตามประสาที่ชอบใคร่รู้เห็นไม่ได้..

   “ไม่เหมือนภาคกลางหรอก เขาจะมีป่าช้ากลาง..หลาย ๆ หมู่บ้านจะมาเผาที่เดียวกันไม่เผาในวัด”

   “พี่ยานี่รู้ทุกอย่างเลยเนอะ” แสงทองชม..แต่รุ่งโรจน์เย้าว่า

   “เขาเรียกว่าแสนรู้ใช่ป่ะ”

   “นั่นมันใช้กับหมา..” สุริยาเริ่มมีอารมณ์นิด ๆ เมื่อถูกรวนด้วยคนที่เพิ่งออกฤทธิ์ออกเดชจนต้องเดินผ่าสายฝนไปตามรถ ด้วยเหตุนั้นทำให้ขณะนี้สุริยาจึงเริ่มมีน้ำมูกฟุด ๆ ฟิด ๆ

   “แดดก็บ่ฮ้น ฝนก็บ่ฮัม จักให้แดดก็แดด จักให้บดก็บด จึงได้พระนามว่า งำเมือง” แสงทองรีบเปลี่ยนเรื่องด้วยคงรำคาญที่จะต้องเห็นผู้ชายสองคนงอนเง้ากัน..

   “ที่ตากมีพระเจ้าตาก ลำพูนมีพระนางจามเทวี เชียงใหม่ มีอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ เชียงรายมีพ่อขุนมังราย..ที่ไหนอีก..”

   “เพชรบูรณ์มีพ่อขุนผาเมือง สุโขทัยมีพ่อขุนรามคำแหง พิษณุโลกมีสมเด็จพระเนรศวรมหาราช ลพบุรีมีพระนารายณ์มหาราช โคราชแม่ย่าโม อยุธยาของแท้มีเพียบเลย..สิงห์บุรีมีคนบางระจัน..ใช่แล้วพี่รุ่งเราเอาบุคคลสำคัญแต่ละจังหวัดมาเล่นทายปัญหาก็ได้นี่ แบบฝั่งหนึ่งต้องนึกให้ออกชื่อหนึ่งห้ามซ้ำกันโอเคไหม”

   “คุณสองคนเก่งกันจังเนอะ รู้ไปหมด..”

   “อาชีพนี่คะ..ต้องขวนขวายให้รู้ให้รอบจะได้มีเรื่องไปเล่าได้เยอะ..แต่ก็อดนึกไม่ได้นะมันสะเทือนใจหน่อย ๆ นะ เวลาเห็นประวัติราชวงศ์เก่า ๆ ที่ลบหายไป..เหลือเพียงร่องรอยให้คนสงสัย”

   “ยึดไว้มันก็เป็นทุกข์ ก็มีเยอะแยะที่คนไปติดอยู่กับเรื่องเก่า ๆ ติด ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข พอเสื่อมแล้วทำใจไม่ได้เป็นบ้าเป็นหลัง..สมบัติผลัดกันชม บางสิ่งบางอย่างเป็นบริวาร เป็นสหชาติ เป็นเกียรติรัศมีบุญบารมีของพระมหากษัตริย์องค์นั้น เมื่อถึงคราวท่านสิ้น..สิริก็อันตรธานหายไป..เพราะคนที่มาต่อบางทีบุญก็ไม่ถึงที่จะได้ใช้..” สุริยาต่อให้อีกนิด

   “พี่รุ่งนี่ก็คงบุญเยอะเนอะ”

   “อ้าวทำไมมาลงที่ผมได้ล่ะ” โดยส่วนตัวนั้นรุ่งโรจน์ไม่ใช่คนชอบอวด ในความมั่งมีของตน สุริยาแทบไม่ได้ยินรุ่งโรจน์เอ่ยถึงเรื่องเมืองนอก หรือวงศ์ตระกูลหรือธุรกิจของทางบ้านให้ได้รับรู้..

   นี่จึงเป็นอีกเหตุที่ทำให้สุริยารู้สึกว่าได้เจอะกับคนดีมีคุณค่าแก่การฝากหัวใจไว้

   “ข้อดีของพี่รุ่ง คือรู้ทุกอย่างแต่ไม่ชอบอวดว่ารู้” แสงทองชมเหมือนรู้ใจสุริยา

   “ว่าคุณสุริยาหรือเปล่า” รุ่งโรจน์ยังชวนคุยพาดพิงถึงคนที่เพิ่งคืนดีกัน..สุริยารู้ว่ารุ่งโรจน์ต้องการได้ทั้งตัวและหัวใจ...

   “พี่ยาเขาแสดงความรู้ในแบบวิทยาทาน ไม่ได้พูดในลักษณะยกตนข่มท่าน มันชวนฟัง” แสงทองเองก็ปัญญาดีใช่ย่อย..

   คุยกันได้สักพักรถก็แล่นไปถึงวัดอนาลโย ดอยบุษราคัม พอจอดรถ ทั้งสามคนก็ตรงรี่ไปที่หอพระแก้วซึ่งประดิษฐานพระแก้วมรกต พระบุษราคัม พระเงิน พระทอง และพระนาค..สำรวมใจให้สงบระลึกนึกถึงคุณของพระรัตนตรัยกราบสักการะพระองค์สำคัญในสถานที่ระลึกนึกถึงบุญคุณของผู้ที่ทำการก่อสร้างไว้..แล้วก็เดินไปจุดชมวิว ดูเมืองพะเยาในมุมสูง..เห็นกว๊านพะเยาและสถานที่ท่องเที่ยวอื่นไกล ๆ ลงจากดอย คนขับก็พาเข้าเมืองไปสักการะพ่อขุนงำเมือง แล้วเลยไปหาร้านหนังสือ แล้วรุ่งโรจน์คนน่ารักคนเดิมก็กลับมา ชายหนุ่มให้สุริยาและแสงทองเลือกหนังสือที่ถูกใจแล้วเขาก็เป็นคนจ่ายให้..

   “มากไปมั้ง”

   “เหอะ..มันมีประโยชน์ต่อพวกคุณกับผมด้วย คุณอ่านแล้วก็มาเล่า ผมก็ได้ความรู้โดยไม่ต้องอ่านไม่ดีรึ..” สุริยาคว้าหนังสือนวนิยายเวียงกุมกาม เขียนโดยคุณทมยันตีมาหนึ่งเล่ม..อยากรู้ว่าข้างในจะบอกเล่าอย่างไร..ออกจากร้านหนังสือรถคันโก้ก็มุ่งตรงไปที่วัดศรีโคมคำ ตั้งใจไปสักการะพระเจ้าตนหลวงพระศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองตามธรรมเนียมของตน คือถ้าถึงจังหวัดนั้น ต้องถึงศูนย์รวมใจคนในจังหวัดด้วย..

   “ตกลงคืนนี้เราจะนอนกันที่ไหน” รุ่งโรจน์ถามขึ้นเมื่อรถแล่นออกจากวัดจอมทอง มุ่งไปวัดศรีอุโมงค์คำสักการะพระเจ้าล้านตื้อ พระเจ้าแสนแซ่ หรือหลวงพ่องามเมืองเรืองฤทธิ์..

   “พี่อยากไปนอนที่เชียงของใช่ไหม” แสงทองอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ

   “แต่หนูอยากไปภูชี้ฟ้า..แต่มันก็เสียเวลา”

   “ขึ้นตอนเย็นก็ได้นี่ พวกเราแค่ไปเห็นลู่ทางก็พอแล้วตอนจัดทัวร์มาค่อยว่ากันอีกที” เป็นความเห็นของสุริยา..รุ่งโรจน์หันมามองหน้า..ประมาณว่านี่กะเอาให้คุ้มทั้งวันเลยรึ..

   “อย่างงั้นก็ได้ ออกจากวัดจอมทอง แล้วก็ขับรถไปทางดูน้ำในกว๊านหาอะไรอร่อย ๆ ปลา ๆ กิน แล้วมุ่งไปอำเภอเชียงคำ พระนั่งดิน วัดนันตาราม..น้ำพุร้อนภูซาง แล้วก็ภูชี้ฟ้า ดอยผาตั้ง เชียงของ..กว่าจะถึงก็ค่ำพอดีซะละมั้ง..”

   “ดึกเลยละมั้ง”

   และเป็นก็จริงอย่างที่คนขับรถว่าไว้ พอรถวน ๆ เวียนขึ้นเขาทางกิ่งอำเภอภูซางถึงท่าจอดรถที่ภูชี้ฟ้า พระอาทิตย์ก็จวนเจียนจะลับขอบฟ้าพอดี และโอกาสเช่นนี้ก็ถูกอกถูกใจแสงทองยิ่งนัก..ระยะทาง700 กว่าเมตรเดินขึ้นบนภูชี้ฟ้า หญิงสาวเดินนำหน้าเร็วรี่ แล้วก็รีบหันกลับมาถ่ายรูปพระอาทิตย์ดวงสีแดงฉ่ำด้วยต้องการทำเวลาแข่งกับพระอาทิตย์ลับฟ้า..จนกระทั่งมาสะดุดหกล้มไม่เป็นท่า..สุริยารีบส่งมือมาคว้าพยุงให้ลุกขึ้น..

   “ดีนะ กล้องไม่เป็นไร” รุ่งโรจน์แกล้งเย้า..

   “มันต้องดีนะ ที่หนูไม่เป็นไร..โกรธนะ..” โกรธแล้วก็รีบเดินหนีขึ้นยอดภู โดยไม่เหลียวหลังดั่งเก่า..

   “ถ้ามาตอนเช้าคงจะดีกว่าตอนเย็น..คงหนาวเย็นและก็มีทะเลหมอก..” สุริยาชวนคุย

   “รึอยากนอนที่นี่” รุ่งโรจน์ดูจะตามใจ..พูดถึงเรื่องนอน สุริยาจึงเร่งฝีท้าวหนีนิดหนึ่งด้วยยังรู้สึกตะขิดตะขวงใจกับการกระทำของรุ่งโรจน์เมื่อคืนวาน

   เมื่อเดินไปทันกันรุ่งโรจน์ก็คว้าหมับที่หัวไหล่โอบบ่าแล้วเดินไป ถ้าคนอื่นมองไกล ๆ คงเป็นลักษณะเพื่อนชายสนิทสนมกัน..

   “ยังไม่หายโกรธผมอีกรึ”..น้ำเสียงรุ่งโรจน์ออดอ้อน..

   “โกรธอะไร?” สุริยาเดินตัวแข็งทื่อทำไม่รู้ไม่ชี้..

   “เรื่องเมื่อคืน”

   “ไม่โกรธ ...แต่ไม่ชอบ” น้ำเสียงของสุริยาจริงจังเพื่อปิดกั้น ขัดขวางใจรุ่งโรจน์ไม่ให้เริงรื่น แต่รุ่งโรจน์เองก็ดูเหมือนจะยอมแพ้กับหมากแห่งรักที่เดินไปแล้วไม่ได้เช่นกัน

   “ผมจะทำให้คุณชอบสักวัน และวันนั้นคุณนั่นแหละจะเป็นคนเริ่มต้นเสียเอง..” พูดจบเขาก็ปล่อยมือ ปล่อยให้สุริยาเดินนำออกหน้าแล้วก็ร้องเพลง คนไม่มีแฟน ของพี่เบิร์ดให้ฟังเพลิน ๆ ไปด้วย..

   เมื่อได้ยินเสียงเพลง ที่ตนก็ชอบทำให้สลดใจวูบทันที..แต่สุริยาก็ไม่ได้เดินรอให้รุ่งโรจน์เดินมาทันบอกเล่าความในใจใด ๆ อีก..สุริยาคิดแต่ว่าต่อไปต้องระวังดูระยะห่างให้เหมาะสม..

   บนยอดภู มองออกไปทางทิศตะวันออกเห็นทิวเขาสลับซับซ้อนสุดลูกหูลูกตา เบื้องลึกลงไปเห็นความเขียวขจีของผืนป่าที่ยังดูอุดมสมบูรณ์ผิดกับอีกฝั่งในประเทศไทย

   พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า สายลมเย็น ๆ จึงรำเพยกลิ่นฝนจากที่ไกล ๆ ให้ได้ชื่นฉ่ำใจจนกระทั่งต้องจามจนกระทั่งน้ำตาน้ำมูกไหล..แสงทองเห็นดังนั้นจึงหยิบกระดาษทิชชู่จากกระเป๋ามาให้

   “ไม่สบายแน่ ๆ ลงไปกินยาแก้แพ้อากาศป้องกันไว้สักเม็ดนะคะ..” หญิงสาวดึงกระดาษทิชชู่ส่งให้

   “ลงเถอะพี่ยา เดี๋ยวจะหนักกว่านี้..” ว่าแล้วแสงทองก็เดินตามสุริยา..พอถึงจุดที่รุ่งโรจน์ไต่หน้าผาหินลงไป ..แสงทองก็รีบตะโกนบอก

   “มันอันตรายนะนั่น กลับมาเร็ว ๆ นะคะ” รุ่งโรจน์ยังเดินต่อไปเรื่อย ๆ ..สุริยารู้สึกเสียวปลายมือปลายเท้าเมื่อเห็นภาพนั้น..แต่ครั้นจะห้ามปรามก็คงไม่ได้..

   “ดูซิดื้อจริง ๆ” ว่าแล้วแสงทองก็ยกกล้องกดชัตเตอร์ไปที่ลิงค่างที่ป่ายปีนอยู่บนชะง่อนหินที่ยื่นออกทางหุบเหว..

   “แสงทอง คนเราไม่ชอบให้ใครขัดใจหรอก เราเองก็เหมือนกัน อะไรที่เราอยากทำแล้วเราถูกขัดใจ เราก็จะยิ่งอยากทำ หรือว่าใครมาบังคับเราให้ทำอะไร เราก็จะต่อต้าน เป็นธรรมดา แต่สุดท้ายคนเราก็เลือกในสิ่งที่หยุดใคร่ครวญแล้วว่าดีว่าเหมาะสมอยู่นั่นเอง..แม้บางครั้งอาจจะเป็นสิ่งที่เราเคยต่อต้านก็เหอะ”

   “อารมณ์ไหน” แสงทองยังงง

   “พี่ก็เป็นอย่างงี้แหละ รำคาญตัวเองเหมือนกัน บางทีก็ชอบคิดในสิ่งที่เห็นเป็นเสียอีกทาง..ใกล้ถึงปางจันทร์แล้วนะ เตรียมตัวเตรียมใจไว้บ้างหรือยัง..”

   “ยัง” แสงทองยังเกาะแขนสุริยาขณะเดินลงมาจากยอดภู พอรุ่งโรจน์หลุดจากชะง่อนหินได้ ก็รีบวิ่งตามมาด้วยพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปหลายนาทีแล้ว แถมเมฆฝนทางทิศตะวันตกก็ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับลมที่พัดโชยมาแรงกว่าปกติ..

   “คิดไว้บ้างก็ดี เผื่อบางทีมันไม่เป็นดั่งใจเรา เราจะได้ไม่ทุกข์มาก..แต่ก็อีกนั่นแหละ กังวลใจไปเสียเปล่า ๆ สู้อยู่กับปัจจุบันทำปัจจุบันให้ดีที่สุดเป็นใช้ได้..”

   พูดไปก็เช็ดน้ำมูกที่ไหลย้อยไปด้วย จนกระทั่งมาถึงท่ารถ แสงทองรีบหายาแก้แพ้อากาศพร้อมกับน้ำดื่มส่งให้..

   “กินแล้วก็พักผ่อน ตกลงดอยผาตั้งอะไรตัดออกไปเลยนะคะ มุ่งไปเชียงของเลยแล้วกัน”

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
--------------
   ที่บ้านพักริมโขง...รุ่งโรจน์ยังง่วนอยู่กับการเซ็นชื่อและร่วมถ่ายรูปกับสาวน้อยสาวใหญ่ที่ดีใจได้ปลื้มบอกต่อ ๆ กันมา โดยมีแสงทองเป็นผู้ช่วยคอยจัดระเบียบและป้องกันรุ่งโรจน์มิให้ถูกลุกล้ำอธิปไตยในร่างกาย

   “เข้าแถวซิคะ ไม่ต้องแย่งกัน ได้ถ่ายรูป ได้ลายเซ็นจากคุณรุ่งโรจน์ทุกคนค่ะ..ไม่ต้องแย่งกัน”

   สุริยายืนแอบมองภาพผู้จัดการส่วนตัวผู้จำเป็นต้องเจ้ากี้เจ้าการจากหน้าต่างห้องพักด้วยความรู้สึก พลอยยินดี ..ดีใจที่เห็นดาวจรัสแสงให้คนอื่นได้สดใส เมื่อไม่คิดไปก้าวก่ายให้วุ่นวายจึงหันหลังคว้าผ้าห่มไปนั่งบนเก้าอี้ตัวเตี้ยที่ระเบียงด้านหลังซึ่งหันเข้าหาแม่น้ำโขง ..แม่น้ำแห่งชีวิตและวัฒนธรรมของคนหลายเชื้อชาติ..กลิ่นดอกเล็บมือนางที่เป็นพวงระย้ารอบระเบียงและกลิ่นดินคลุกฝนซึ่งเพิ่งทิ้งเม็ด ชวนให้รู้สึกเวิ้งว้างเดียวดาย..นึกถึงวันเวลาที่ล่วงเลยไป..กับกาลข้างหน้าจะทำอย่างไร หากต้องอยู่เพียงลำพัง..

   ..คิดมุมนี้กันกระมังถึงไขว่คว้าหาคนมาแนบกาย..

   “คิดอะไรอยู่รึ” รุ่งโรจน์เปิดประตูก้าวเข้ามาหาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

   “ไปกันหมดแล้วรึ” สุริยามองหน้าแล้วก็เบนสายตาไปทางแม่น้ำโขงสีขุ่นตัวใหญ่ไหลเอื่อยทอดยาวไปสุดลูกตา

   รุ่งโรจน์ไม่ตอบ กลับถือวิสาสะเดินมานั่งที่พื้นตรงหว่างขาของสุริยาโดยหลังพิงพื้นเก้าอี้พร้อมกับดึงชายผ้าห่มสองข้างมาคลุมกายตัวเองด้วย..

   “เดี๋ยวติดหวัดจากผมนะ”

   “ถ้าเป็นโรคที่มาจากคุณ ผมพร้อมที่จะติด”

   สุริยาค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกมา..นี่ถ้าแสงทองไม่แยกตัวไปนอนตามลำพังเหมือนเคย นายรุ่งโรจน์คงไม่มีโอกาสได้ทำอย่างนี้

   “นวดหัวให้ผมบ้าง” ว่าแล้วก็ใช้ศีรษะดันไปทางหน้าท้อง สุริยาจำต้องกางนิ้วมือทั้งสิบขยุ้มไปอย่างเคย แต่ด้วยความรู้สึกที่สับสนยิ่งขึ้น

   “ตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไรกับผมบ้าง” รุ่งโรจน์เสียงผะแผ่ว

   “แสงทองคือแขนซ้ายแขนขวา”

   “แล้วผม”

   “คุณคือหัวใจ” น้ำเสียงสุริยาเนือย ๆ สงบ เยือกเย็น เข้ากับบรรยากาศเสียงกบเสียงเขียด จิ้งหรีดกรีดก้อง

   “คุณรักผมไหม”

   “ทำไมคุณต้องให้ผมพูดด้วย..อย่าผูกมัดกันด้วยคำว่ารักเลยคุณรุ่ง คุณก็รู้ว่า วันหนึ่งข้างหน้า สุดท้ายคุณก็ต้องเลือกในสิ่งที่ดีที่สุดในสายตาคุณพ่อคุณแม่คุณ บอกตามตรงนะครับ ทุกวันนี้ผมไม่ได้คิดถึงวันที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน แต่ผมกำลังคิดถึงวันที่ไม่มีคุณ ผมจะเป็นอยู่อย่างไร”

   “ทำไมคุณคิดอย่างนั้น ทั้งที่วันนี้ผมอยู่กับคุณทั้งตัวและหัวใจ”

   “คุณเอาแต่ใจตัวเอง โดยไม่คำนึงถึงเหตุผลและความเป็นจริง แต่สุดท้าย คุณก็ทำตามใจตัวเองไม่ได้อยู่ดี..เราคบกันฉันท์เพื่อนก็ดีอยู่แล้วคุณรุ่ง อย่าให้มากกว่านี้เลย..คุณสงสารผมเถอะ”

   “ผมสัญญาว่า..” น้ำเสียงของรุ่งโรจน์จริงจัง..

   “อย่า” สุริยารีบห้าม “คุณอย่าคิดแค่วันนี้ แต่ให้มองไปให้ไกลถึงวันหน้าปีหน้าและชาติหน้า ชาติ ต่อ ๆ ไป อย่าสัญญาหรือว่าสาบานให้เปลืองตัวดีกว่า หากวันหนึ่งคุณรักษาสัจจะไว้ไม่ได้คุณจะทุกข์ตรมเพราะปากของคุณเอง” สุริยาว่าพลางบีบไปที่หัวไหล่ทั้งสองข้าง กดขมับ หัวคิ้วและหางตาด้วยความนุ่มนวล พยายามถ่ายทอดทุกความรู้สึกจากหัวใจสู่ปลายนิ้วให้อีกคนรับรู้

   รู้ว่า..รักที่มีให้มันมากแค่ไหน..มากเท่าไหร่ก็เจ็บเท่านั้น

   “แล้วคนเก่า ๆ ของคุณ คุณเลิกกับเขามาอย่างไร” สุริยาถามในเรื่องที่อยากรู้เป็นที่สุด..รุ่งโรจน์อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ในทันที..

   “ใด ๆ ทุกสิ่งในโลก ล้วนเกิดขึ้นตั้งอยู่และก็ดับไป..สภาวะอารมณ์ของคนก็เช่นกัน ช่วงที่มันตั้งอยู่ความสุขอาจจะอยู่กับคุณประเดี๋ยวประด๋าว แต่ถ้าเป็นความทุกข์อาจจะอยู่กับคุณนานหน่อย..แต่สุดท้ายทั้งสุขทุกข์ทั้งในเรื่องเก่า ๆ ก็จะจางหายไป แล้วสุข ๆ ทุกข์ ๆ ใหม่ ๆ ก็เข้ามา ชีวิตคนมันก็เป็นอย่างนี้ไม่จบไม่สิ้น”

   รุ่งโรจน์นิ่งฟัง

   “คุณก็ได้เรียนรู้แล้วซิ มันยากที่คนจะมีรักเดียวใจเดียวตลอดไป…ใช่ไหม”

   น้ำเสียงสุริยาสงบนิ่งชวนให้ใจหาย

   “ถ้าถามผมว่าผมรักคุณไหม ผมไม่ขอตอบ แต่ผมขอบคุณที่คุณทำให้ผมมีโอกาสเห็นโลกใบนี้เป็นสีชมพูขึ้นมาบ้าง ขอบคุณที่คุณทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก รู้จักรักแบบบริสุทธิ์ รักที่จะรัก ขอแค่รัก ให้ได้รัก ขอบคุณที่คุณทำให้ผมก้าวมามีวันนี้โดยง่าย วันหนึ่งถึงคุณจะเป็นอย่างไรต่อไป ให้รู้ไว้ ว่าผมจะไม่มีวันโกรธและเกลียดคุณ..”

   “ผมใจหาย”

   สุริยาคลายมือจากการบีบนวดกอดรัดอยู่ที่ต้นคอและซบหน้าลงกับศีรษะ..พร้อมกับจูบไปที่เรือนผมดำขลับราวกับการสั่งลา

   “คุณต้องหัดนึกถึงความจริงที่มันต้องเกิดขึ้นจริง ๆ ในภายหน้า คุณต้องไม่หลอกตัวเอง ว่าไม่ใช่เรา ไม่มีทางเป็นไปได้..ผมอยากเห็นคุณอยู่ในโลกของความจริง ผมอยากเห็นคุณใช้สมบัติที่คุณมีทั้งหมดเพื่อเพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตายมากกว่าที่จะเห็นแต่ตัวเอง”

   “ผมจะทำอย่างไร”

   “คุณมองดาวบนท้องฟ้านั่นซิ คุณเคยคิดจะเอื้อมดาวมาไว้ในกำมือไหม ผมเคยคิดเช่นนั้น แต่สุดท้ายเมื่อดาวมาอยู่ในกำมือเราได้จริง ๆ ผมจึงได้รู้ว่า ดาวควรอยู่บนฟ้ามากกว่า..หรือบางครั้งผมอาจจะได้จับเพียงดาวในเงาน้ำ ดาวบางดวงก็เป็นเพียงดาวประดับฟ้า มีเพื่อให้คนรู้เพียงว่าคืนนี้ฟ้าไม่ไร้ดาว ดาวบางดวงเป็นดาวที่ผู้คนเงยหน้าแล้วต้องมองหา อยากจะเห็นเป็นประโยชน์ ผมอยากเห็นคุณเป็นดาวเช่นนั้น”

   คนทั้งคู่นิ่งซบกันท่ามกลางกลิ่นดอกราตรีเคล้ากลิ่นดินชุ่มฝนอยู่พักใหญ่..ลูกโป่งที่พองใหญ่แล้วแตกกระจายเป็นเช่นไร ใจของคนทั้งคู่ก็เป็นเช่นนั้น

   สุขและทุกข์ตรมในคราวเดียวกัน

   “ผมเข้าใจในสิ่งที่คุณพูด แต่ขอให้ผมได้หลอกตัวเองอีกสักพักได้ไหม คุณยะคนดี”

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด